ติดตามสถานะการณ์

ขนาดชาวเม๊กซิโก ยังอยากไปอยู่อเมริกา

La nueva era de la tierra - respaldo


"เรา จะ อยู่ อย่าง ยากจน เสมอ": ผู้อพยพปฏิเสธงานในเม็กซิโก อ้างเงินเดือนต่ำ

 

La nueva era de la tierra - respaldo


เกิดอะไรขึ้น???

คลื่นแผ่นดินไหวหยักรอบโลกเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนเปิดเซนเซอร์เตือนภัยในสถานที่ไกลๆเป็นฮาวาย, แคนาดา, แซมเบียและเอธิโอเปีย


นักวิทยาศาสตร์ตรวจพบเสียงก้องแม้ว่าจะดูเหมือนไม่มีมนุษย์รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวแต่พวกเขางงงวยโดยสิ่งที่ทำให้เกิดมันขึ้น รายงาน national geographic

-----

"ฉันไม่คิดว่า ฉันเคยเห็นอะไรเช่นนี้" Göran Ekströmนักภูมิศาสตร์วิทยาแห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบียกล่าว


ในเช้าวันที่ 11 พฤศจิกายน คลื่นเคลื่อนไหวสะเทือนได้เริ่มแผ่กระจายไปทั่วโลก โดยเริ่มจากบริเวณชายฝั่งของมายอต ซึ่งอยู่ห่างออกไป 15 ไมล์ ซึ่งเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ใกล้กับทางตอนเหนือของมาดากัสการ์ จากที่นั่นคลื่นเคลื่อนที่ข้ามทวีปแอฟริกา ยุโรปอเมริกาเหนือและใต้ และแม้แต่ฮาวาย ซึ่งห่างไกลออกไป 11,000 ไมล์ คลื่นนี้เปิดใช้งานเซ็นเซอร์เตือนภัย ในแซมเบีย เคนยา เอธิโอเปีย ชิลี นิวซีแลนด์ แคนาดาสเปน และฮาวาย ซึ่งใช้เวลานานกว่า 20 นาที คลื่นมีความถี่ต่ำ เมื่อแพร่กระจายไปทั่วโลก


หากคุณไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติ คุณไม่ได้อยู่คนเดียว ดูเหมือนว่าไม่ใช่คนเดียวในโลกทั้งใบรู้สึกก้องและมีเพียงคนเดียวที่ตรวจพบสัญญาณใน seismograms ในแบบเรียลไทม์ของ US Geological Survey


ผู้ใช้ Twitter @matarikipax เห็น "สัญญาณคลื่นไหวสะเทือนผิดปกติและผิดปกติ" และโพสต์ภาพจากรายงานเซนเซอร์ในเคนยา แซมเบียเอธิโอเปีย สเปนและนิวซีแลนด์


ผู้ที่ชื่นชอบการสู้รบแผ่นดินไหวอื่น ๆ เพิ่มขึ้นเหนือข้อมูลชี้ให้เห็นถึงต้นกำเนิดและคาดเดาเกี่ยวกับสิ่งที่ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหว



Ekström เตือนว่าเพียงเพราะการเคลื่อนไหวผิดปกติไม่ได้หมายความว่าสาเหตุคือ


"มันไม่ได้หมายความว่าในท้ายที่สุดสาเหตุของพวกเขาเป็นที่แปลกใหม่" เขากล่าว


ยังคลื่นความถี่ต่ำผิดปกติ แผ่นดินไหวทั่วไปเกิดจากการปลดปล่อยความตึงเครียดที่เกิดขึ้นภายในดาวเคราะห์ เมื่อความตึงเครียดนั้น ได้รับการปล่อยตัวออกไปในที่สุดจะมีการส่งคลื่นที่เคลื่อนที่เป็นกลุ่มโดยมีการปลดปล่อยครั้งแรกตามด้วยคลื่นทุติยภูมิ ซึ่งเคลื่อนที่เหมือนงูมากกว่าคลื่นจากด้านหนึ่งไปอีก หลังจากคลื่นเหล่านี้ผ่านไปคุณจะเห็นคลื่นความถี่ต่ำที่สร้างเหตุการณ์นี้


การสืบสวนยังคงดำเนินต่อไป แต่ดูเหมือนว่าเกาะมายอตเล็ก ๆ แห่งนี้เคยประสบกับคลื่นไหวสะเทือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ประเทศได้รับการเกิดแผ่นดินไหวหลายร้อยครั้งในเวลานั้น ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการย่อย บางแห่งมีขนาดใหญ่ขึ้นเช่นแผ่นดินไหวขนาด 5.8 ที่กระทบ Mayotte ในวันที่ 15 พฤษภาคม


นักวิทยาศาสตร์รู้ว่าเกาะมีการเคลื่อนที่ ในอีกไม่กี่เดือนก็มีการย้ายไปทางทิศใต้หลายนิ้ว แม็กม่าอยู่ใกล้พื้นผิวในพื้นที่ ในเวลานี้ข้อสันนิษฐานที่ดีที่สุดคือมีส่วนเกี่ยวข้องกับร่างกายที่หลอมละลายซึ่งเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงภายในโลก


https://www.climaseveromundial.com/2018/11/extranas-ondas-sismicas-onduladas-en-el.html?m=1

 

La nueva era de la tierra - respaldo



พายุลูกเห็บบ่ายนี้ใน ซาน หลุยส์ ประเทศอาร์เจนติน่า

29.11.2018

 

La nueva era de la tierra - respaldo


Metero ที่น่าประทับใจกำลังสังเกตในฮังการี

ว้าววว

29.11.2018

 

La nueva era de la tierra - respaldo


นักพยากรณ์อากาศขององค์การสหประชาชาติคาดการณ์ว่า "ความเป็นไปได้ที่ยิ่งใหญ่" ว่าจะมีการสร้าง El Niñoขึ้นใหม่เมื่อต้นปีพ. ศ. 2562 ซึ่งจะมีผลกระทบอย่างมากต่อลูกเห็บและอุณหภูมิทั่วโลก

---

El Niño ล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2558/2559 และก่อให้เกิดความเสียหายต่อพืชผลที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ ไฟไหม้และน้ำท่วมฉับพลัน


ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอาจส่งผลต่อทรัพยากรน้ำและสุขภาพของประชาชน


กราฟแสดงอุณหภูมิอากาศพื้นผิว (ซ้าย) และการตกตะกอน (ด้านขวา) สำหรับฤดู 2562


https://www.climaseveromundial.com/2018/11/advertencia-el-fenomeno-del-nino-va.html?m=1

 

La nueva era de la tierra - respaldo


นักวิทยาศาสตร์: YELLOWSTONE ได้เตือนว่าการเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงใกล้เคียงอาจทำให้เกิดน้ำพุร้อนพ่นน้ำในอากาศได้


---


ตั้งอยู่บนสมรภูมิภูเขาไฟอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สที่มีชื่อเสียงของน้ำพุร้อนและเป็นกรด และได้รับการเชื่อมโยงกับการระเบิดของภูเขาไฟ ภัยพิบัติ ในอนาคต และตอนนี้นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าการเกิดแผ่นดินไหวที่ใกล้เคียงอาจก่อให้เกิด "รูปแบบการพ่นของน้ำพุร้อน" และแม้แต่ "การระเบิดของไอน้ำขนาดเล็ก"


คำเตือนมาหลังจากที่ Geyser ในฤดูใบไม้ผลิของฤดูใบไม้ผลิปล่อยระเบิดน้ำพุร้อน เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วซึ่งเป็นจุดระเบิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบกว่าหกสิบปี


เมื่อวันที่ 15 กันยายนปีที่แล้ว น้ำพุร้อนเทน้ำเดือดลงไปในอากาศสูงกว่า 30 ฟุต


นักวิทยาศาสตร์ที่เยลโลว์สโตน Volcano Observatory สหรัฐหน่วยงานสำรวจทางธรณีวิทยา (USGS) กล่าวว่า "การเกิดแผ่นดินไหวที่ห่างไกลได้ก่อให้เกิดกลุ่มของการเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กในเยลโลว์สโตน (เช่นที่เกิดจากแผ่นดินไหวใน Denali, อลาสก้า, 2002), และรูปแบบพุระเบิด ซึ่วเป็นผลที่พบบ่อยของการเกิดแผ่นดินไหวที่ห่างไกล. "ช็อกแผ่นดินไหวสามารถทำให้เกิดระบบ hydrothermal ซึ่งเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในลักษณะความร้อนของเยลโลว์สโตนและยังก่อให้เกิดการระเบิดของไอน้ำขนาดเล็ก"


ด้านล่างของอุทยานแห่งชาติเป็นที่น่ากลัว Caldera Amarilla ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ระเบิดขึ้นประมาณ 630,000 ปีก่อน


ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนก่อนหน้านี้ว่าดังสนั่นเกี่ยวกับทุกล้านปีและนักธรณีวิทยาบางคนบอกว่ามีอยู่แล้วแสดงสัญญาณว่าว่า ซุปเปอร์ภูเขาไฟอาจจะพร้อมที่จะระเบิดอีกครั้ง


แต่ผู้เชี่ยวชาญ USGS ที่ถกเถียงกันอยู่ "เรียกการระเบิดของหินหนืดในเยลโลว์สโตนไม่ได้ง่ายไม่มีการระเบิดเกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมาแม้จะมีแผ่นดินไหว 70,000 ครั้ง เกิดขึ้น จะมีการระเบิดของหินหนืด เฉพาะเมื่อมีปริมาณของแมกม่าเหลวในผิวดินและแรงกดดันมากพอสำหรับแมกมาที่จะเพิ่มขึ้นสู่ผิว "สภาพนี้ไม่พบว่ามีอยู่ในปัจจุบัน - ในความเป็นจริงมีเพียง 5-15 เปอร์เซ็นต์ของเหลวในพื้นที่จัดเก็บแม็กม่าส่วนใหญ่เป็นผลึก"


ภูเขาไฟ supervolcano ของ Yellowstone Caldera ปะทุขึ้นเมื่อ 700,000 ปีก่อน แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าควรระเบิดทุกๆล้านปี



https://www.climaseveromundial.com/2018/11/cientificos-yellowstone-han-advertido.html?m=1

 

La nueva era de la tierra - respaldo


Un เตือนของภาวะโลกร้อน


การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบสี่ปี: ผู้นำโลกต้องพยายามเพื่อระงับภาวะโลกร้อนหรือใบหน้าที่อันตรายเปลี่ยนสภาพอากาศเตือนการ


รายงาน un

 

La nueva era de la tierra - respaldo



น้ำท่วมที่รุนแรงในตุรกี

29.11.2018

 

La nueva era de la tierra - respaldo



น้ำท่วมรุนแรงใน bodrum, ตุรกี kike90

29.11.2018

 

Vorapon Patcharasilatong


#สองแดด


⏰ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2018


ภาพแรกและภาพที่สองจากไอร์แลนด์ - ยุโรปรูปที่สามเรือบางลำจากอริโซน่า - สหรัฐรวมรูปอียิปต์จะมีสี่ห้าหกและเจ็ดภาพจากอียิปต์


การแบ่งปันภาพความร่วมมือของคุณจากทุกที่ในโลกที่แดดที่สองสามารถสังเกตได้

ถึงเครื่องบินจะไม่หยุด chemtrais ‼️


ภาพเหมือนจะเป็นจริงกับเราที่เราอยากแบ่งปันกับคุณโดยไม่ต้องตั้งคำถามความจริง

 

Schumann กำลังขึ้นที่ 75 hz ตอนนี้


http://sosrff.tsu.ru/?page_id=7

http://sosrff.tsu.ru/?page_id=12

 

เกรียน BRN


สังคมพหุวัฒนธรรมสิ่งที่ BRN กลัวยิ่งกว่าอาวุธ...


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าสิ่งที่กลุ่มขบวนการ BRN กลัวยิ่งกว่าอาวุธไหนๆ คือความรักความสามัคคี การที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่ร่วมกันภายใต้“สังคมพหุวัฒนธรรม” (MULTICULTURAL-SOCIETY) หรือ สังคมที่มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย หลายท่านอาจจะไม่เห็นด้วย และคัดค้านตั้งคำถามอยู่ในใจว่าจริงหรือ? ฉะนั้นเรามาดูเหตุและผลกันว่าทำไม? BRN ถึงได้กลัวกันค่ะ


ย้อนกลับไปก่อนที่จะมีการ “จุดคบไฟใต้” โดยกลุ่มขบวนการ BRB เมื่อต้นปี 2547 หากยังจำกันได้พี่น้องในพื้นที่ 3 จชต.และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ภายใต้ความแตกต่างด้านอัตลักษณ์ เชื้อชาติ และศาสนา รวมไปถึงขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมที่มีความหลากหลาย ช่วยเหลือซึ่งกันแบ่งปันถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน


แต่หลังจากเหตุการณ์ “วันเสียงปืนแตก” กลุ่มขบวนการ BRN ทำการปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายปิเหล็ง การใช้ชีวิตอย่างสงบสุขของพี่น้องใน จชต.ได้แปรเปลี่ยนไป


สิ่งที่กลุ่มขบวนการ BRN กลัวที่สุดคือ การอยู่ร่วมกันแบบ“สังคมพหุวัฒนธรรม”เพราะฉะนั้น หากสังเกตพฤติกรรมที่ผ่านมา“สังคมพหุวัฒนธรรม”เป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ ที่กลุ่มขบวนการมุ่งทำลายควบคู่กับการก่อเหตุสร้างความหวาดกลัวหวาดระแวงในหมู่ประชาชนด้วยกันเอง


การสร้างความหวาดกลัว ความหวาดระแวงจึงเริ่มต้นขึ้น ผู้คนในชุมชนที่เคยมีความรักความสามัคคีกลมเกลียวกันค่อยๆ ถูกทำลายทีละน้อยทีละนิดจนกระทั่งเริ่มเลือนหายไปจากสังคม การแบ่งเค้าแบ่งเรา แบ่งฝักแบ่งฝ่ายมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง รูปแบบการก่อเหตุของกลุ่มขบวนการจงใจมุ่งเป้าไปที่คนต่างศาสนา ศพแล้วศพเล่า เริ่มถี่ขึ้นๆ เพื่อสร้างแรงกดดัน ความเกลียดชัง ของผู้ที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม มีการก่อเหตุย่ำยีจิตใจของผู้นับถือศาสนาพุทธ ด้วยการเข่นฆ่าพระภิกษุสงฆ์ขณะกำลังบิณฑบาต มีการทำลายพระพุทธรูป และโกฐเก็บกระดูกของบรรพบุรุษเพื่อสร้างความโกรธแค้นบีบคั้น


กลุ่มขบวนการ BRN ต้องการให้เกิด “สังคมวัฒนธรรมเดียว” (Monoculural society) ไม่ใช่ “สังคมพหุวัฒนธรรม”( Multicultural society หรือ “สังคมที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย” ไม่มีการเปรียบเทียบสังคมชาวไทยพุทธ ชาวไทยมุสลิม ชาวไทยเชื้อสายจีน ทั้งที่ความเป็นจริงคาบมหาสมุทรมลายูแห่งนี้เป็นสังคมที่มีความหลากหลาย เพราะประกอบไปด้วย คนจีน มลายู และไทย ที่อยู่ร่วมอาศัยมาตั้งแต่ในอดีตกาล


ในเมื่อกลุ่มขบวนการกลัว“สังคมพหุวัฒนธรรม”การเสี้ยมก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมจึงอุบัติขึ้น มีการยุแหย่สร้างเรื่องสร้างประเด็นกล่าวหารัฐบาลไทยคือ “ตัวการทำลายอัตลักษณ์” ตัวตนความเป็นมลายู ถูกกลืนกินด้วยการยัดเยียดให้มีการเรียนการสอนภาษาไทยจนเยาวชนมลายูมุสลิมอ่านคัมภีร์อัลกุรอานไม่ออก


น่าแปลกใจที่สังคมสมัยใหม่โลกได้ก้าวไกลไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว หลายประเทศซึ่งไม่มีการเรียนการสอนวิชาภาษามลายู หรือแม้แต่ภาษาอาหรับแต่กลับชนะเลิศเมื่อมีการแข่งขันการอ่านคัมภีร์อัลกุรอาน นักกอรีที่เป็นมุสลิมภาคกลางในประเทศไทยเรา ซึ่งไม่ใช่มลายูมุสลิม 3 จชต.ก็เคยชนะมาแล้ว


ที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงข้ออ้างของกลุ่มขบวนการเพื่อต้องการทำลายในสิ่งที่ขบวนการกลัวคือ “สังคมพหุวัฒนธรรม”ไม่ต้องการให้พื้นที่แห่งนี้สงบสุขและอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เพราะเมื่อไหร่ที่สังคมเข้มแข็ง ผู้คนมีความรักความสามัคคี ชุมชนสามารถดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับคนในชุมชนและครอบครัวตนเองได้ เมื่อนั้นสังคมจะโดดเดี่ยวกลุ่มขบวนการ และไม่สามารถทำการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ได้


“คัมภีร์อัลกุรอาน” แปลเป็นไทยแล้วมีความหมายว่า “สังคมต้องการมิตรภาพและสันติภาพ” ซึ่งเชื่อว่ามวลมนุษย์ทุกคนในโลกใบนี้เป็นพี่น้องกัน สามารถที่จะร่วมกันสร้างมิตรภาพ และสันติภาพให้เกิดขึ้นในพื้นที่ทุกแห่งหนได้


ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีการเกิดไฟใต้ กลุ่มขบวนการ BRN ได้ทำลายกำแพงกั้น“สังคมพหุวัฒนธรรม”ให้แตกสลาย สร้างความหวาดกลัวหวาดระแวงไปทั่วทุกหย่อมหญ้า รัฐบาล เร่งทำพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แห่งนี้ให้มี “ความปลอดภัย สงบสันติ”พัฒนาการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในพื้นที่ ให้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาของทุกฝ่าย


เราจะต้องมุ่งให้สังคมไทย และสังคมในพื้นที่ จชต.ยอมรับและเห็นคุณค่าของการอยู่ร่วมกันภายใต้ “สังคมพหุวัฒนธรรม” และร่วมกันแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ อีกทั้งจะต้องพัฒนาศักยภาพของคน สังคม และเศรษฐกิจเพื่อดึงนักลงทุนมาประกอบการในพื้นที่ สร้างความเชื่อมั่นและหลักประกันความต่อเนื่องของกระบวนการพูดคุยสันติสุข และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นต่อสังคม ทั้งในและต่างประเทศ

เมื่อรัฐบาลให้ความสำคัญของการอยู่ร่วมกันภายใต้ “สังคมพหุวัฒนธรรม” สร้างเกราะคุ้มกันสร้างกำแพงป้องกันมิให้กลุ่มขบวนการทำลาย สนับสนุนให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในทุกระดับอย่างเป็นรูปธรรม ให้ประชาชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มทั้งในและนอกพื้นที่บนหลักพื้นฐานของความไว้วางใจซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะ “การสร้างพื้นที่ปลอดภัย”อีกไม่นานดอกสันติภาพจะเบ่งบานนำพาสันติสุขผลิดอดออกผล ณ ดินแดนปลายด้ามขวานแห่งนี้.


http://pulony.blogspot.com/2016/12/ibrahim-brn-multicultural-society-brn.html

 

สถานการณ์โลก ด้านความมั่นคง


กองกำลังกระเหรี่ยงพุทธ(DKBA)เข้าคารวะ"พลเอกขิ่นญุ้น"อดีตนายกรัฐมนตรีพม่าและหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของพม่า ซึ่งโดนบีบออกจากนายกเมื่อปี2004/กระเหรี่ยงพุทธได้แยกตัวออกมาจาก"สหภาพแห่งชาติกระเหรี่ยง"(KNU)เมื่อปี1995หรือเมื่อ23ปีที่แล้ว..และไปเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลทหารพม่า..และเปลี่ยนสถานะเป็น"กองกำลังพิทักษ์ชายแดน"(BGF)/.ส่วนผู้บัญชาการกองกำลังกระเหรี่ยงพุทธ(DKBA)จะได้รับอนุญาตให้คุมกำลังได้ไม่เกิน"1ฐานบัญชาการ..5กองพลน้อย22กองพัน/จึงนับได้ว่าเป็นกองกำลังที่ไม่ใช่"ทหาร"ของรัฐบาลพม่า..ที่มีกำลังพลมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง...

 

ช่างศุภวิชญ์ จูเปรมปรี


07:10 กทม 26°C


#เชียงราย 17°C


เชียงใหม่ 19°C น่าน 21°C แพร่ 19°C ลำปาง 19°C เลย 21°C แม่ฮ่องสอน 19°C กำแพงเพชร 23°C หัวหิน 26°C โคราช 24°C นครสวรรค์ 24°C กาญจน์ 25°C ระยอง 26°C ภูเก็ต 26°C สงขลา 28°C สุรินทร์ 21°C หนองคาย 23°C อุดร 23°C ปัตตานี 28°C

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 30) ระทึก! เครื่องบิน ‘แมร์เคิล’ ลงจอดฉุกเฉิน-ไปไม่ทันพิธีเปิดประชุม G20 : เครื่องบินของนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนีเกิด ‘เหตุขัดข้องร้ายแรง’ จนต้องวกกลับไปลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินเมืองโคโลญ ซึ่งจะทำให้ผู้นำหญิงเมืองเบียร์เดินทางไปไม่ทันร่วมพิธีเปิดการประชุมซัมมิตกลุ่ม G20 ที่อาร์เจนตินาในวันนี้ (30 พ.ย.)


แมร์เคิล และรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง โอลาฟ โชลซ์ จะเริ่มออกเดินทางไปยังกรุงบัวโนสไอเรสอีกครั้งในเช้าวันนี้ (30) แต่เนื่องจากต้องใช้เวลาบินถึง 15 ชั่วโมงจึงคาดว่าจะไปถึงหลังจากที่บรรดาผู้นำทั่วโลกเริ่มต้นเจรจากันไปแล้ว


เครื่องบินแอร์บัส A340 ของรัฐบาลเยอรมนีซึ่งจะนำคณะของ แมร์เคิล ไปร่วมการประชุม G20 ประสบปัญหาทางเทคนิคหลังออกเดินทางไปได้เพียง 1 ชั่วโมง แต่กัปตันสามารถนำเครื่องลงจอดที่สนามบินโคโลญ-บอนน์ได้อย่างปลอดภัย


“มันเป็นเหตุขัดข้องที่ร้ายแรง” แมร์เคิล ให้สัมภาษณ์หลังจากที่คณะของเธอเดินทางเข้าพักที่โรงแรมในเมืองบอนน์ “โชคดีที่เรามีลูกเรือที่ยอดเยี่ยม และนักบินผู้มีประสบการณ์สูงสุดจากหน่วยภารกิจบินพิเศษ”


กัปตันได้แจ้งผู้โดยสารว่า ตนตัดสินใจจะนำเครื่องกลับไปลงจอดที่เยอรมนีหลังพบว่า “ระบบไฟฟ้ามีปัญหาหลายจุด” แต่ยืนยันว่าไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเที่ยวบิน


ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ซึ่งเดินทางไปพร้อมกับเที่ยวบินนี้ ระบุว่า แมร์เคิล และผู้โดยสารคนอื่นๆ ยังคงนั่งรออยู่บนเครื่องบิน ‘คอนราด อาเดอเนาเออร์’ (Konrad Adenauer) ระหว่างที่ช่างเทคนิคตรวจสอบระบบเบรค และมีรถดับเพลิงหลายคันเข้ามาจอดรอใกล้ๆ


นิตยสารข่าว แดร์ สปีเกล ของเยอรมนีระบุว่า ระบบสื่อสารทั้งหมดของเครื่องบินลำนี้เกิดอาการรวน ซึ่งถือเป็นปัญหาที่ร้ายแรง และลูกเรือจำเป็นต้องนำเครื่องลงจอดโดยใช้โทรศัพท์ผ่านดาวเทียมแทน


อูร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเยอรมนี ได้รับแจ้งเหตุฉุกเฉินดังกล่าวทันที และพยายามอยู่หลายชั่วโมงเพื่อจัดหาเครื่องบินลำใหม่ให้แก่ แมร์เคิล และคณะ


บล็อกด้านการทหาร Augengeradeaus รายงานว่า ทรานสปอนเดอร์ของเครื่องบินได้ส่งรหัส 7600 ซึ่งหมายถึงระบบวิทยุสื่อสารมีมีปัญหา


แมร์เคิล และเจ้าหน้าที่ผู้ติดตามเดินทางโดยรถบัสไปยังโรงแรมในเมืองบอนน์ ขณะที่แหล่งข่าวระบุว่ารัฐบาลเตรียมส่งเครื่องบินอีกลำพา แมร์เคิล และ โชลซ์ ไปยังกรุงมาดริดของสเปนเพื่อต่อเครื่องบินพาณิชย์ไปยังกรุงบัวโนสไอเรส ซึ่งคาดว่าจะไปถึงได้ในช่วงเย็นวันนี้ (30)


ความล่าช้าดังกล่าวคาดว่าจะกระทบต่อตารางการประชุมของ แมร์เคิล กับผู้นำกลุ่ม G20 โดยเธอมีกำหนดหารือทวิภาคีกับทั้งผู้นำสหรัฐฯ, จีน, รัสเซีย และอินเดีย


Source: ผู้จัดการออนไลน์

https://mgronline.com/around/detail/9610000119383

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 30) ยานยนต์ปรับทัพ ฝ่าความเสี่ยง-พลิกโฉมธุรกิจ : ในช่วงไม่นานนี้ "ภาคอุตสาหกรรม ยานยนต์" ทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันฉุดการเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากการที่สหรัฐเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมนำเข้า จนส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ตลาดจีน ซึ่งถือเป็นความหวังอันยิ่งใหญ่ของบรรดาค่ายรถ เพราะเป็นตลาดรถยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แสดงสัญญาณอ่อนแรงลงเมื่อไม่นานนี้ โดยยอดขายรถในจีนลดลงถึง 11.7% เมื่อเดือน ต.ค. ปรับลงเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี



ความเสี่ยงของบรรดาค่ายรถยังไม่หมดลงเพียงเท่านั้น เพราะล่าสุด เวิร์ทชาฟท์โวคเคอ นิตยสารธุรกิจในเยอรมนี รายงานอ้างแหล่งข่าวในสหภาพยุโรป (อียู) ว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ จะพิจารณาการตั้งภาษี 25% กับรถยนต์นำเข้าอีกครั้งในสัปดาห์หน้า หลังเสร็จสิ้นการประชุมจี20 แล้ว ซึ่งหมายความว่า ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์อาจต้องเตรียมตัวรับฝันร้ายเขย่าธุรกิจอีกระลอกหนึ่ง



ความเสี่ยงนานัปการทั้งจากต้นทุนพุ่งทะยาน ยอดขายชะลอตัว และทิศทางเศรษฐกิจอ่อนแรงลง กำลังดาหน้ากันเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ค่ายรถจำนวนมากเริ่มเร่งเกียร์ปรับทัพรับมือความไม่แน่นอนในอนาคต โดยประกอบด้วยการปรับตัวหลักๆ 3 อย่าง คือ การหั่นรายจ่าย หาพันธมิตรมุ่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และรถยนต์พลังงานใหม่ (เอ็นอีวี) รวมถึงพลิกโฉมธุรกิจรุกขยายบริการให้ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น แทนการขายรถอย่างเดียวแบบเดิมๆ



สำหรับการลดค่าใช้จ่ายและการจับมือเป็นพันธมิตรกันยิ่งขึ้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด เพราะนับเป็นกลยุทธ์ดั้งเดิมของทุกธุรกิจ แต่ที่น่าสนใจคือ ในช่วงปีนี้ค่ายรถหลายค่ายต่างหันมาดำเนินการดังกล่าวมากขึ้นเรื่อยๆ



"เจนเนอรัล มอเตอร์ส" หรือ จีเอ็ม บิ๊กค่ายรถสัญชาติอเมริกันเป็นรายล่าสุดที่ประกาศเตรียมปิดโรงงาน 7 แห่งทั่วอเมริกาเหนือ และลดพนักงานกว่า 1.4 หมื่นคนในปีหน้า รวมถึงจะเลิกผลิตรถยนต์อีก 6 รุ่นเพื่อลดรายจ่าย ขณะที่บริษัทจะหันไปเน้นพัฒนารถอีวีและรถยนต์ไร้คนขับแทน โดยก่อนหน้านี้ บริษัทเปิดเผยว่าจะเปิดตัวรถอีวี 20 รุ่นใหม่ในอเมริกาเหนือภายในปี 2023 และอย่างน้อย 10 รุ่นในจีนภายในปี 2020



แม้จีเอ็มจะระบุว่าสงครามการค้าไม่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงล่าสุด แต่ก่อนหน้านี้จีเอ็มเปิดเผยว่า ค่าใช้จ่ายของบริษัทในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.32 หมื่นล้านบาท) เนื่องจากผลกระทบภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม



นอกจากจีเอ็มแล้ว ก่อนหน้านี้ "บีเอ็มดับเบิลยู" จากเยอรมนี เปิดเผยว่า จะหาทางประหยัดรายจ่ายมากยิ่งขึ้น เพื่อชดเชยการทุ่มงบมหาศาลไปกับการพัฒนารถอีวีในปีนี้ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดดังกล่าวเพิ่มเติม โดยการจะใช้แผนรัดเข็มขัดดังกล่าว เกิดขึ้นหลังบริษัทเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 3 ที่ร่วงลงถึง 27% ไปอยู่ที่ 1,750 ล้านยูโร (ราว 6.52 หมื่นล้านบาท) ซึ่งกำไรที่ลดลงเป็นผลมาจากราคาวัตถุดิบทะยานขึ้น จากการตั้งภาษีตอบโต้กันระหว่างจีนและสหรัฐ



แม้บรรดาค่ายรถต้องพยายามตัดรายจ่ายเพื่อรักษาการขยายตัว ท่ามกลางยอดขายรถที่กำลังปรับตัวลงและราคาวัตถุดิบแพงขึ้น แต่การต้องไล่ตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วให้ทันหากไม่อยากตกขบวนก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยก่อนหน้านี้ "โฟล์คสวาเกน" ประกาศเพิ่มการลงทุนในรถอีวีและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มขึ้น 30% อยู่ที่ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 1.65 ล้านล้านบาท) ในอีก 5 ปีข้างหน้า ด้าน "ฟอร์ด" เปิดเผยว่า จะลงทุนอีก 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 3.63 แสนล้านบาท) จนถึงปี 2022 เพื่อขยายการพัฒนารถอีวี



ค่าใช้จ่ายจากการต้องลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ค่ายรถต้องหันมาจับมือกันเพื่อลดรายจ่าย โดยรอยเตอร์สรายงานว่า ค่ายรถประกาศความเป็นพันธมิตรกัน 5 ครั้งนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ซึ่งรวมถึงค่ายรถแดนปลาดิบอย่าง "มาสด้า" และ "โตโยต้า" ประกาศจะเปิดโรงงานผลิตรถร่วมกันมูลค่า 1,600 ล้านดอลลาร์ (ราว 5.28 หมื่นล้านบาท) ภายในปี 2021 ด้านฟอร์ดและโฟล์คสวาเกนจะร่วมเป็นพันธมิตรกันผลิตรถเชิงพาณิชย์ ล่าสุดเมื่อเดือน ต.ค. "ฮอนด้า" ระบุว่าจะลงทุน 2,750 ล้านยูโร (ราว 1.02 แสนล้านบาท) เข้าไปถือหุ้นใน ครูซ หน่วยพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของจีเอ็ม เพื่อพัฒนารถยนต์ไร้คนขับร่วมกันและต่อยอดไปสู่การขยายบริการใหม่ๆ



คงจะกล่าวได้ว่า รถอีวีและรถไร้คนขับคือตัวขับเคลื่อนการขยายตัวของบรรดาค่ายรถในอนาคต และภาคอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเดินหน้าในด้านดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง



แต่อีกสิ่งที่กำลังจะกลายมาเป็นอนาคตใหม่สำหรับธุรกิจยานยนต์เช่นกันคือ "ออโต้โมบิลิตี้" ซึ่งหมายถึงบริการเดินทางสัญจรด้วยรถยนต์ โดยไม่จำเป็นต้องมีรถเป็นของตัวเอง อาจจะเป็นการเช่ารถมาขับ หรือใช้บริการเรียกรถรับส่ง โดยธุรกิจดังกล่าวกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางการปรากฏตัวขึ้นของแอพพลิเคชั่นเรียกรถรับส่งต่างๆ



การเติบโตของออโต้โมบิลิตี้กำลังเกิดขึ้นอย่างชัดเจนในจีน ตลาดยานยนต์ยักษ์ใหญ่สุดของโลก โดยนิกเกอิ เอเชียน รีวิว รายงานว่า รายได้ของธุรกิจดังกล่าวในจีนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.9 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 19 ล้านล้านบาท) ในปีนี้ จาก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 3.3 แสนล้านบาท) เมื่อปีที่แล้ว และจะขยายตัวต่อเนื่องไปอยู่ที่ 1 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 33 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2025



"โตโยต้า" ถือเป็นค่ายรถที่มีจุดยืนชัดเจนในการมุ่งตอบโจทย์การเดินทางของผู้บริโภคยุคใหม่แทนการขายรถอย่างเดียว โดยเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา โตโยต้าได้ลงทุนในแกร็บ ไรด์เฮลลิ่งที่ครองตลาดอาเซียนมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 3.3 หมื่นล้านบาท) เพื่อหวังเข้าถึงข้อมูลการเดินทางของผู้บริโภค



ล่าสุดเมื่อเดือน ต.ค. โตโยต้าประกาศเปิดบริการให้เช่ารถ (Car Subscription Service) ชื่อ คินโตะ (KINTO) โดยประเดิมในญี่ปุ่นก่อนที่แรกเดือน ม.ค. 2019 ซึ่งบริการดังกล่าวนั้นเป็นการจ่ายเงินค่าสมาชิกรายเดือน แล้วผู้ใช้สามารถเลือกรถรุ่นต่างๆ หลายรุ่นมาใช้ได้ตามต้องการ นับเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามแตกไลน์ธุรกิจของโตโยต้า เพื่อสร้างรายได้จากส่วนอื่นๆ นอกจากการขายรถเพียงอย่างเดียว



"ขณะที่สังคมได้เปลี่ยนจากการเป็นเจ้าของรถสู่การใช้รถ บริการคินโตะของโตโยต้าคือแนวทางใหม่ที่ช่วยให้ผู้บริโภคใช้รถยนต์ได้อย่างอิสระยิ่งขึ้น และยังเป็นจุดเริ่มต้นสู่การเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่ายขึ้น" อากิโอะ โทโยดะ ประธานโตโยต้า กล่าว พร้อมเสริมว่า หากลูกค้าต้องการลองขับรถรุ่นอื่นๆ ก็ไม่จำเป็นต้องซื้ออีกต่อไป เพียงแค่เอารถรุ่นเดิมมาเปลี่ยน และหากไม่ต้องการรถแล้วก็แค่นำรถมา ส่งคืน



การเปลี่ยนแปลงในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์นั้นคงเกิดขึ้นอีกหลายระลอก ท่ามกลางความท้าทายมากมายที่ค่ายรถต้องเผชิญ และน่าจะนำไปสู่การพลิกโฉมทั้งภาคอุตสาหกรรมในอนาคต


โดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์


Source: Posttoday


- Toyota to experiment with car subscription program in Japan

https://www.cnet.com/roadshow/news/toyota-kinto-car-subscription-program-japan/

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 30) ทรัมป์เปิดกว้างสำหรับการทำข้อตกลงกับจีน : ประธานาธิบดี Trump เผยในวันนี้ว่าสหรัฐฯ ใกล้จะบรรลุข้อตกลงบางประการกับประเทศจีนก่อนหน้าการร่วมรับประทานอาหารเย็นกับประธานาธิบดี Xi Jinping ในระหว่างช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ณ กรุง Buenos Aires ประเทศอาร์เจนตินา


รายงานข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ของทั้งสองรัฐบาลได้ร่วมกันหารือแนวทางในการบรรลุข้อตกลงดังกล่าวมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ซึ่งมีประเด็นหลักเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะเลื่อนกำหนดการปรับเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าจากจีนออกไป เพื่อแลกกับการประนีประนอมบางประการจากจีน


ทั้งนี้ ในปัจจุบันสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่ากว่า 200 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ถูกเก็บภาษีที่ร้อยละ 10 และจะปรับเพิ่มเป็นร้อยละ 25 ในวันที่ 1 ม.ค. ปีหน้า


อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดี Trump กล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนออกเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมข้างต้นว่า แม้ตนจะเปิดกว้างสำหรับการทำข้อตกลง แต่ตนยังไม่แน่ใจว่าจะตอบรับข้อเสนอจากทางการจีนหรือไม่ เนื่องจากในขณะนี้สหรัฐฯ มีรายได้ส่วนหนึ่งของรัฐบาลจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ สรอ. มาจากภาษี “I like the deal we have right now”


Source: BOTSS


- Trump says he's close to China trade deal but 'I don't know that I want to do it: https://www.cnbc.com/2018/11/29/trump-says-he-is-close-to-doing-something-with-china-on-trade.html

 

ข่าวต่างประเทศ


ญี่ปุ่นเตรียมซื้อเครื่องบินรบ F35 อีก 100 ลำเพื่อเพิ่มศักยภาพในการรับมือภัยคุกคามจากจีนที่มีความตึงเครียดขึ้นตลอดเวลา


F35 มูลค่าลำละ 3000 ล้านบาท จำนวน 100 ลำจะรวมกับฝูงบิน F35 เดิมที่มีอยู่เป็น 140 ลำ รวมต้องใช้เงินถึง 3 แสนล้านบาทสำหรับเขี้ยวเล็บทางอากาศเลยทีเดียว


Straight Times รายงาน