ติดตามสถานะการณ์

ไทยน่าจะพัฒนาบ้าง

China Xinhua News


อินโดนีเซียเตรียมทำวัคซีนฮาลาลสำหรับชาวมุสลิม
.
รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังรับมือกับปัญหาที่ส่งผลต่อประเทศในหลายรูปแบบ โดยประธานาธิบดีโจโก วีโดโด วางแผนที่จะฉีดวัคซีนให้เด็กชาวอินโดนีเซียอย่างน้อย 70 ล้านคนก่อนปลายปี 2019 นี้ แต่ทว่าครอบครัวมุสลิมจำนวนไม่น้อยปฏิเสธที่จะให้บุตรหลานรับวัคซีนนี้ เนื่องจากการขาดการรับรองมาตรฐานฮาลาล โดยเฉพาะการรับรองของสภาอุลามะห์ (MUI) องค์กรอิสลามที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอินโดนีเซีย
.
ในอดีตสภาอุลามะห์เคยมองว่าวัคซีนไม่ใช่ฮาลาล (เป็นสิ่งต้องห้าม) จนถึงขั้นมีการหยุดยั้งแคมเปญรณรงค์ฉีดวัคซีนที่จัดโดยรัฐบาลท้องถิ่นและชุมชน เนื่องมาจากส่วนประกอบหนึ่งในวัคซีนทำมาจากเจลาตินที่สกัดจากหมูซึ่งเป็นส่วนผสมที่มุสลิมถือว่าเป็นฮะรอม หรือของต้องห้ามในกฎหมายอิสลามแบบดั้งเดิม
.
เมื่อไม่นานมานี้จังหวัดอาเจะฮ์ของอินโดนีเซียต้องรับมือกับการระบาดของโรคหัดเยอรมันอันเนื่องมาจากพ่อแม่เลือกที่จะไม่ให้บุตรได้รับการฉีดวัคซีน
.
ขณะนี้บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างมองว่าสถานการณ์นี้เป็นเรื่องที่เร่งด่วนอย่างมาก กระทรวงสาธารณสุขของอินโดฯ ทุ่มงบกว่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการรณรงค์ให้พ่อแม่เชื่อว่าการฉีดวัคซีนนั้นเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง
.
อาเจะฮ์มีอัตราการฉีดวัคซีนเพียง 7% ในขณะที่บาหลีมีอัตรานี้ที่ 60% โดยรัฐบาลอินโดนีเซียมีเป้าหมายที่จะเพิ่มอัตราการรับวัคซีนให้แตะถึง 95%
.
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าในปี 2017 ประเทศอินโดนีเซียมีอัตราการรับวัคซีนเพียง 30% ซึ่งเกี่ยวข้องกับจำนวนผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์
.
การควบคุมคุณภาพวัคซีนยังคงเป็นขั้นตอนสำคัญของอินโดนีเซีย โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) เป็นผู้ดูแลกระบวนการและมาตรฐานของวัคซีนเหล่านี้ก่อนที่จะนำออกสู่ตลาด
.
ดร. Joey Gouws จากโครงการ WHO PQ ขององค์การอนามัยโลกได้เข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการกำกับดูแลยาแห่งชาติที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจากประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) มาเข้าร่วมและมีจุดประสงค์เพื่อให้ประชาชนและรัฐบาลมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาว่าด้วยเรื่องการรับรองฮาลาลในวัคซีน
.
แม้ว่าสภาอุลามะห์จะยังไม่ได้ออกใบรับรองฮาลาลให้กับวัคซีน แต่ก็มีแถลงการณ์ออกมาว่าวัคซีนมีความสำคัญ ทว่าคำพูดดังกล่าวยังไม่สามารถโน้มน้าวให้บิดามารดาพาบุตรหลานของตนไปฉีดวัคซีน ซึ่งทำให้อินโดนีเซียยังคงมีจุดอ่อนในด้านนี้อยู่
.
ปัจจุบันเป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุขคือการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับบุคคลสำคัญทางศาสนา ในการทำวิจัยเกี่ยวกับส่วนประกอบของวัคซีน และทำให้บรรดาผู้ปกครองรู้สึกสบายใจที่จะให้บุตรของตนมารับวัคซีน เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคอีกขึ้นในอนาคต

 

China Xinhua News





ใจต้องถึง! ตาม “หมอลิฟต์” ตรวจ ‘ร้อยมังกร’ ตัวสูงสุดในโลก
.
ชมภาพการทำงานบำรุงรักษาลิฟต์โดยสารป๋ายหลง (Bailong Elevator) ซึ่งเป็นลิฟต์แก้วริมผา ความสูง 326 เมตร ตั้งอยู่ที่อู่หลิงหยวน แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเชิงประวัติศาสตร์ในเมืองจางเจียเจี้ย มณฑลหูหนาน
.
ลิฟต์ป๋ายหลงที่แปลว่า “ร้อยมังกร” สามารถพาผู้โดยสารขึ้นสู่ยอดเขาภายในเวลา 2 นาที โดยกินเนสส์ เวิล์ด เรคคอร์ด ยกให้เป็นลิฟต์แก้วโดยสารกลางแจ้ง ที่มีความสูง ความเร็ว และพิกัดบรรทุกมากที่สุดในโลก
.
(บันทึกภาพเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2018)

 

China Xinhua News

ไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง! คุณภาพชีวิตที่ดีของชนกลุ่มน้อยในยูนนาน หลังปฏิรูปเปิดประเทศมา 40 ปี
.
ชนกลุ่มน้อยเผ่าจีนั่ว (基诺族) เป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่บนภูเขาจีนั่วซาน มณฑลยูนนาน มีจำนวนประชากรเพียงประมาณ 20,000 กว่าคน
.
หลังจากประเทศจีนดำเนินนโยบายปฏิรูปเปิดประเทศมาเป็นเวลา 40 ปี ความเป็นอยู่ของชนเผ่าจีนั่วก็พัฒนาไปด้วย มีการตัดถนนเข้าสู่ชุมชน ระบบน้ำประปา ไฟฟ้า วิทยุโทรทัศน์ และระบบอินเทอร์เน็ต ทั้งหมดล้วนหลั่งไหลเข้ามาสู่ชมชุนแห่งนี้ไม่ขาดตกบกพร่อง

 

China Xinhua News

ยินดีต้อนรับสู่'อาณาจักรเซียน'
.
ละเลียดทิวทัศน์เขาหวงซานในม่านหมอกขณะขบวนรถรางค่อยๆ วิ่งผ่านหุบเขาน้อยใหญ่ งดงามจับใจจนไม่รู้จะใช้คำไหนมาบรรยาย

 

China Xinhua News

บรรลุเป้าหมายล่วงหน้า 3 ปี! จีนหั่นปริมาณปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ครึ่งหนึ่งแล้วในรอบ 12 ปี ผืนป่าครอบคลุม 22% ของประเทศ
.
คณะรัฐมนตรีจีนประกาศว่า ปี 2017 ที่ผ่านมา จีนได้ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศลงถึง 46 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับระดับของปี 2005 หรือในรอบ 12 ปีนั่นเอง
.
“เราบรรลุเป้าหมายเร็วกว่าที่คาดไว้ 3 ปี แผนเดิมของเราคือต้องลดปริมาณความหนาแน่นของก๊าซคาร์บอนให้ได้ 40-45 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2020” นายเซี่ย ตัวแทนพิเศษของจีนในด้านความเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ กล่าวระหว่างงานแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (26 พ.ย.)
.
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระบุว่าแผนการคือเดินหน้าขยายระบบการซื้อขายใบอนุญาตปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Trading Scheme: ETS) เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซ และระบบดังกล่าวจะสร้างความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
.
เมื่อปี 2013 คณะกรรมาธิการพัฒนาและปฏิรูปแห่งประเทศจีน (National Development and Reform Commission : NDRC) ได้เริ่มระบบ ETS นำร่องในกรุงปักกิ่ง เทียนจิน เซี่ยงไฮ้ ฉงชิ่ง เซินเจิ้น กว่างตง และหูเป่ย ครอบคลุมภาคส่วนที่สร้างมลภาวะสูง เช่น ไฟฟ้า ซีเมนต์ เหล็กกล้า และปิโตรเคมี
.
โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบ ETS ของจีนจะมุ่งเน้นไปที่ภาคส่วนของการผลิตไฟฟ้า เนื่องจากโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้ากว่า 1,700 แห่งทั่วประเทศปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รวมกว่า 3,000 ล้านตัน
.
นอกจากนี้ ประเทศจีนยังมีเป้าหมายจะใช้เชื้อเพลิงที่ไม่ใช่ฟอสซิลให้สูงขึ้นภายในปี 2020 ปัจจุบันสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดเพิ่มขึ้นเป็น 13.8 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 15 เปอร์เซ็นต์ในอีก 2 ปีข้างหน้า
.
ปัจจุบันจีนได้เพิ่มปริมาณผืนป่าให้ครอบคลุมพื้นที่ 22 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ประเทศจีนทั้งหมด ปริมาณผืนป่าเหล่านี้กำลังขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ และรวดเร็วกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ว่าต้องมีปริมาณผืนป่า 1,300 ล้านลูกบาศก์เมตรภายในปี 2020 เพราะเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมาปริมาณผืนป่าของจีนก็แตะ 2,100 ล้านลูกบาศก์เมตรแล้ว

 

China Xinhua News

เหตุใดเหล่าวาฬจึงมาเกยตื้นตายที่ชายหาด? ปริศนาพันปีที่นักวิทย์ฯ ยังไขไม่กระจ่าง
.
เป็นอีกปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าสะเทือนใจอย่างยิ่งสำหรับการเกยตื้นบนชายฝั่งอันห่างไกลบนเกาะแห่งหนึ่งในประเทศนิวซีแลนด์ของฝูงวาฬนำร่อง (pilot whales) จำนวนมากถึง 145 ตัวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
.
การเกยตื้นของวาฬไม่ใช่เรื่องใหม่ในนิวซีแลนด์ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนของซีกโลกใต้ มีหลากหลายทฤษฎีที่พยายามอธิบายสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังของปรากฏการณ์เช่นนี้ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานที่ยังไม่มีข้อสรุปอันสามารถนำมาซึ่งการแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง
.
ความจริงแล้ว การเกยตื้นของวาฬมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน ย้อนกลับไปอย่างน้อยตั้งแต่ราว 300 ปีก่อนคริสตกาล แต่ทว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แนวโน้มการเกยตื้นของวาฬนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ บรรดานักวิทยาศาสตร์จึงยังคงสงสัยว่าสาเหตุที่ทำให้พวกมันมีพฤติกรรมเช่นนี้นั้นคืออะไร？
.
นักวิทยาศาสตร์หลายรายได้ตั้งข้อสังเกตและรวบรวมสาเหตุที่อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมแนวโน้มการเกยตื้นของวาฬจึงเพิ่มขึ้น ดังนี้
.
1.ความเจ็บป่วยหรือการบาดเจ็บ
วาฬก็เหมือนกับมนุษย์ที่สามารถมีโรคภัยไข้เจ็บหรือบาดเจ็บได้ เมื่อเจ็บป่วยพวกมันจะอ่อนแอเกินกว่าที่จะว่ายน้ำไหว นอกจากนี้ วาฬอาจได้รับบาดเจ็บหรือหลงทิศหลังจากชนเข้ากับเรือในทะเลทำให้มันต้องมาเกยตื้นในที่สุด
.
2.มลพิษหรือการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ
ปริมาณสารเคมีที่มนุษย์สร้างขึ้นรวมถึงของเสียต่างๆ ในทะเลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้วาฬป่วยหรือถึงขั้นได้รับพิษได้ อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำ ก็อาจก่อให้เกิดปัจจัยอื่นที่ทำให้พฤติกรรมวาฬเปลี่ยนไปได้เช่นกัน
.
3.เครื่องโซนาร์ที่มนุษย์สร้างขึ้น
วาฬใช้ความเงียบและระบบเสียงสะท้อน (echolocation) เพื่อบอกพื้นที่ว่างรอบตัวของพวกมัน คลื่นเสียงที่เครื่องโซนาร์ปล่อยออกมาอาจไปรบกวนคลื่นสมองของพวกมันและทำให้เหล่าวาฬสูญเสียความรู้สึกด้านทิศทางนั่นเอง
.
4.การว่ายน้ำเป็นฝูง
วาฬเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ชอบเข้าสังคม ปกติพวกมันจะว่ายน้ำด้วยกันหลายๆ ตัว หรือเป็นฝูง และถ้าหากวาฬตัวใดตัวหนึ่งในกลุ่มเกิดหลงทิศ วาฬตัวอื่นๆ ก็อาจถูกพาออกทะเลได้เช่นกัน
.
5. การแสดงออกที่แสดงถึงการเห็นแก่ผู้อื่น
เมื่อพบว่าวาฬหลายตัวที่มาเกยตื้นเป็นวาฬที่มีสุขภาพดีและไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด นักวิทยาศาสตร์บางคนจึงมองว่าการเกยตื้นเป็นการแสดงออกถึงความห่วงใยที่วาฬมีต่อสมาชิกตัวอื่นๆ ในกลุ่มที่กำลังอยู่ในความทุกข์ อย่างไรก็ตามกลไกที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมเช่นนี้ยังคงเป็นปริศนาที่ไม่มีใครตอบได้
.
6. สัญชาตญาณตามธรรมชาติ
วาฬเป็นสัตว์ทะเลที่มีวิวัฒนาการมาจากบรรพบุรุษที่เคยอาศัยอยู่บนบก ดังนั้นนักชีววิทยาบางคนจึงเชื่อว่าเมื่อวาฬรู้สึกไม่มีความสุข สัญชาตญาณของพวกมันจะพามันไปหาบกเพื่อแสวงหาความปลอดภัย
.
พวกมันอาจพบว่าการอยู่ในน้ำตื้นในช่วงเวลาที่ป่วยช่วยให้พักผ่อนได้ดีกว่า แต่พวกมันอาจต้องเจ็บตัวเพิ่มจนถึงแก้ชีวิตได้ เช่น บาดแผลถลอกและรอยขูดขีดรวมถึงแรงดันจากอวัยวะภายในที่โครงสร้างร่างกายของพวกมันบนบกยากที่จะรับไหว
.
เมื่อใดก็ตามที่วาฬขึ้นมาเกยตื้น มันจำเป็นต้องถูกพาลงน้ำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ มิฉะนั้นน้ำหนักตัวของพวกมันจะเริ่มบดขยี้อวัยวะภายในของตัวเอง สิ่งนี้เองที่ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อช่วยพวกมันกลับลงทะเลให้ทัน
.
อุปกรณ์กู้ชีพต่างๆ เช่น เครื่องยก สลิง หรือรถเครน ถูกนำมาใช้ในปฏิบัติการช่วยชีวิต และในระหว่างนี้หน่วยกู้ชีพจะต้องยื้อชีวิตของพวกมันด้วยการช่วยรักษาความเย็นและความเปียกชื้นให้พวกมันได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
.
และถ้าหากสถานการณ์เลวร้ายถึงขั้นที่พวกมันไม่สามารถว่ายน้ำได้อีกต่อไป เจ้าหน้าที่ก็จะตัดสินใจใช้วิธีการุณยฆาตเพื่อยุติความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานของพวกมันให้เร็วที่สุด

 

China Xinhua News

สหรัฐฯ ประกาศยกเลิกนำ 'เครื่องบินทิ้งระเบิด' บินผ่านคาบสมุทรเกาหลี
.
วันจันทร์ที่ผ่านมา (26 พ.ย.) นายพลชาร์ลส์ บราวน์ (Charles Brown) ผู้บัญชาการกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในภูมิภาคแปซิฟิก (U.S. Pacific Air Forces) ระบุกับผู้สื่อข่าวเพนตากอนว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ จะไม่บินผ่านเกาหลีใต้และคาบสมุทรเกาหลีอีกต่อไป หลังจากเกาหลีใต้ได้ขอให้ระงับปฏิบัติการดังกล่าว
.
บราวน์ระบุว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นไปเพื่อช่วยเว้นช่องให้กับการแก้ไขปัญหาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือที่ทางการทูตกำลังพยายามดำเนินการอยู่
.
“เนื่องจากเรากำลังอยู่ในวาระทางการทูต เราจึงไม่ต้องการจะทำอะไรที่ไปขัดขวางการเจรจาทางการทูตนั้น” บราวน์กล่าว “นั่นจึงเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งว่าทำไมเราจึงยกเลิกการบินข้ามเกาหลี”
.
สืบเนื่องจากภารกิจ Continuous Bomber Presence Mission กองทัพอากาศของสหรัฐฯ มีเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1Bs, B-52s และ B-2s ประจำการอยู่ที่เกาะกวมมาตั้งแต่ปี 2004
.
เครื่องบินเหล่านี้จะต้องขึ้นบินผ่านภูมิภาคดังกล่าวอยู่เสมอ และบ่อยครั้งจะฝึกร่วมกับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกทหารและแสดงแสนยานุภาพของกองทัพต่อเกาหลีเหนือ รวมถึงประเทศคู่ขัดแย้งอื่นๆ
.
แต่อย่างไรก็ถาม แม้ว่ายกเลิกการบินผ่านคาบสมุทรเกาหลี แต่จำนวนเที่ยวบินฝึกซ้อมของเครื่องบินทิ้งระเบิดจะยังคงเดิม

 

China Xinhua News

จีนวอนหลีกเลี่ยงการเพิ่มความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (26 พ.ย.) นายอู๋ไห่เถา รองผู้แทนถาวรของจีนประจำสหประชาชาติได้กล่าวกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า จีนได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างกองทัพเรือของรัสเซียกับยูเครน ในน่านน้ำใกล้กับช่องแคบเคิร์ช พร้อมกล่าวเสริมว่าจีนกำลัง "กังวลกับระดับความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น"

"จีนหวังและขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ หลีกเลี่ยงการเพิ่มระดับความตึงเครียดและแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม ผ่านการหารือและการปรึกษา" นายอู๋กล่าว

โดยในเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา นายอู๋ได้ประกาศเรียกประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติฉุกเฉิน เมื่อเล็งเห็นว่าสถานการณ์ได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กองทัพเรือยูเครนได้ออกมาประกาศว่า กองกำลังของรัสเซียเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงและยึดเรือของยูเครนที่อยู่ใกล้กับช่องแคบเคิร์ช เป็นจำนวน 3 ลำ

ทั้งนี้ กองทัพเรือยูเครนยังให้ข้อมูลอีกว่า ทหารเรือของยูเครนจำนวน 6 คนได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีดังกล่าว และมีทหารเรืออีก 2 คนที่มีอาการบาดเจ็บรุนแรง

 

China Xinhua News



ชวนตะลึง! สตูลเจอ #พายุงวงช้าง สุดหายากพร้อมกัน 4 ลูก
.
ย้อนชมภาพเหตุการณ์หาดูยาก “พายุงวงช้าง” ปรากฏขึ้นมาพร้อมกันถึง 4 ลูก บริเวณนอกชายฝั่งเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล เมื่อวันอาทิตย์ (25 พ.ย.) ที่ผ่านมา
.
รายงานระบุว่าพายุหมุนก่อตัวลงมาจากกลางท้องฟ้าและพุ่งแทงผืนน้ำทะเลด้านล่าง กลายเป็นพายุงวงช้างขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้ชัดเจนแม้อยู่ห่างไกล
.
เจ้าหน้าที่กรมอุตุนิยมวิทยาเผยว่าการเกิดพายุงวงช้าง 4 ลูกในเวลาเดียวกันเป็นกรณีหายากมาก ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ชาวบ้านท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติ

 

China Xinhua News

ทำได้ลงคอ...ลุงขายขนมหน้าม.ขาดทุนเพราะ มีคนกดสแกนจ่ายไม่ตรงตามราคา
.
เมื่อไม่นานมานี้ ลุงขายทาโกะยากิหน้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ถูกโกงเงินค่าอาหารจนทำให้เดือนที่ผ่านมาขาดทุนไปประมาณ 2,000 หยวน (10,000 บาท) สาเหตุเนื่องมาจากตอนคนซื้อมาซื้อและกดจ่ายเงินผ่านทางอาลีเพย์หรือวีแชทบางคนก็ไม่ได้ให้ลุงดูว่าจ่ายมาเท่าไร และบางทีลุงก็ไม่ได้เช็คตัวเลขด้วย
.
จากรายการเงินเข้าจะเห็นว่ามีลูกค้าหลายรายที่กดจ่ายมาแค่ 1 หยวน หรือ 0.1 หยวน ทั้งๆ ที่ลุงขายในราคา 7 หยวน ส่งผลให้ลุงไม่เพียงแต่ไม่ได้ทุนคืนแถมยังเข้าเนื้ออีกด้วย
.
ลุงกล่าวว่า ลูกค้าส่วนมากเป็นวัยรุ่น เดือนที่แล้วแกทุกข์ใจมาก จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ตอนนี้จึงคิดหาทางแก้ปัญหาด้วยการนำเครื่องส่งเสียงเตือนมาติดตั้ง เมื่อเครื่องเตือนว่ามีเงินเข้ามาแล้วตามจำนวน แกถึงจะมอบอาหารให้
.
เรื่องนี้ทำให้ชาวเน็ตจีนรู้สึกเศร้าใจว่าแม้แต่เงินเล็กน้อยแค่นี้ยังเอาเปรียบกันได้ แถมยังเป็นร้านที่ขายหน้ามหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถานที่เล่าเรียนและบ่มเพาะเยาวชนอีกด้วย

 

China Xinhua News



สุดน่ารัก! โสมขาวเปิดตัวทายาท “ของขวัญแห่งสันติภาพ” จากโสมแดง







ยลความน่ารักน่าเอ็นดูของลูกสุนัขสายพันธุ์พุงซาน (Pungsan) จำนวน 6 ตัว ซึ่งเป็นทายาทของพ่อแม่สุนัขพุงซาน 2 ตัว ที่นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ (DPRK) มอบเป็นของขวัญแด่นายมุน แจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ (ROK) หลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดเกาหลีเหนือ-ใต้ ครั้งที่ 3 เมื่อเดือนก.ย. ที่ผ่านมา

 

รัสเซีย-ยูเครน ปะทะทางทะเล เปิดฉากศึกชิงน่านน้ำทะเลอาซอฟ ?
Image copyrightREUTERS
คำบรรยายภาพช่องแคบบริเวณสะพานเชื่อมระหว่างรัสเซีย-ไครเมีย ซึ่งเป็นทางเข้าออกทะเลอาซอฟเพียงแห่งเดียวถูกปิดกั้น
รัฐสภายูเครนลงมติเห็นชอบกับข้อเสนอของประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชงโก ให้บังคับใช้กฎอัยการศึกเป็นเวลา 30 วันในบางพื้นที่ของประเทศ หลังจากที่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (25 พ.ย.) รัสเซียเข้าปะทะและยึดกองเรือของยูเครนบริเวณช่องแคบเคียร์ช ติดกับคาบสมุทรไครเมีย ซึ่งเป็นช่องทางเดินเรือเพียงทางเดียวที่ยูเครนจะเข้าถึงเมืองท่าในทะเลอาซอฟได้

การประกาศใช้กฎอัยการศึกนี้มีขึ้น หลังจากที่ผู้นำยูเครนเห็นว่ารัสเซียมีท่าทีคุกคามข่มขู่และเป็นภัยต่อความมั่นคงของยูเครนมากขึ้นทุกขณะ ซึ่งสำหรับประธานาธิบดีโปโรเชงโกแล้ว กรณีที่รัสเซียจะบุกโจมตีและรุกรานดินแดนยูเครนในอนาคตอันใกล้ ไม่ห่างไกลจากความเป็นจริงเท่าใดนัก

กฎอัยการศึกนี้จะประกาศใช้ใน 10 ภูมิภาคของประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ชายแดนติดต่อกับรัสเซีย หรือพื้นที่ยึดครองของกลุ่มกบฎที่มีกองกำลังรัสเซียประจำการอยู่ รวมทั้งบริเวณแนวชายฝั่งทะเลดำและทะเลอาซอฟ โดยจะเริ่มบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้ไปจนถึงวันที่ 27 ธ.ค.
Image copyrightAFP/UKRAINIAN PRESIDENTIAL PRESS SERVICE/MYKHAILO
คำบรรยายภาพประธานาธิบดียูเครนย้ำว่าจะใช้กฎอัยการศึกเพียง 30 วัน และจะไม่กระทบต่อการเลือกตั้งที่กำลังใกล้เข้ามา
ภายใต้กฎอัยการศึก พลเมืองยูเครนจะต้องอยู่ในความสงบ ไม่สามารถชุมนุมหรือก่อการประท้วงต่าง ๆ รัฐบาลยังสามารถเกณฑ์พลเมืองเข้าเป็นทหารหรือช่วยทำการสู้รบได้ตลอดเวลา ซึ่งผู้นำยูเครนมองว่ามีความจำเป็นต่อสถานการณ์ตึงเครียดในขณะนี้ โดยกองทัพยูเครนก็กำลังพยายามยกระดับการเฝ้าระวังเหตุและเตรียมพร้อมด้านการสู้รบให้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม นักการเมืองในรัฐสภายูเครนบางส่วนวิตกว่า ประธานาธิบดีโปโรเชงโกอาจฉวยโอกาสขยายเวลาการใช้กฎอัยการศึกให้ยาวนานออกไปในภายหลัง ซึ่งอาจส่งผลให้ต้องเลื่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำหนดจะมีขึ้นในปลายเดือนมีนาคมปีหน้า แต่นายโปโรเชงโกย้ำว่า เขาจะไม่ใช้กฎอัยการศึกเพื่อยืดเวลาของตัวเองให้อยู่ในอำนาจได้ยาวนานต่อไป เขาเพียงแค่ต้องการจะกุมอำนาจที่แข็งแกร่งไว้ในมือชั่วคราวเพื่อต่อกรกับรัสเซียเท่านั้น

การเผชิญหน้าทางทะเลครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 4 ปี

เหตุปะทะทางทะเลระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เพิ่งเกิดขึ้น ถือว่าเป็นเหตุขัดแย้งที่รุนแรงและเปิดเผยที่สุดระหว่างสองประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งยิ่งยกระดับความตึงเครียดในภูมิภาคที่สืบเนื่องมาจากเหตุรัสเซียผนวกดินแดนไครเมียในปี 2014 และการที่กองกำลังรัสเซียสนับสนุนกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในยูเครนตะวันออก ให้ยิ่งน่าวิตกกังวลขึ้นไปอีก


เมื่อช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ยูเครนอ้างว่าได้ส่งเรือปืนหุ้มเกราะของกองทัพเรือ 2 ลำ พร้อมกับเรือลากจูงอีก 1 ลำ ออกเดินทางจากเมืองโอเดสซา เพื่อไปยังเมืองท่ามาริวปอลในทะเลอาซอฟ แต่เรือของกองทัพรัสเซียได้เข้ามาขัดขวางและใช้เรือลำหนึ่งพุ่งเข้าชนเรือลากจูงของยูเครน

ด้านรัสเซียกล่าวหาว่ายูเครนล่วงล้ำน่านน้ำที่เป็นเขตแดนของตน มีการนำเรือบรรทุกน้ำมันของรัสเซียมาจอดขวางช่องแคบเคียร์ชซึ่งเป็นทางเข้าทะเลอาซอฟ บริเวณใต้สะพานเชื่อมแดนรัสเซีย-ไครเมีย ในขณะที่กองเรือยูเครนกำลังเข้าใกล้บริเวณดังกล่าว ทั้งยังมีการระดมกำลังเครื่องบินรบและเฮลิคอปเตอร์ให้มาบินอยู่เหนือจุดดังกล่าวด้วย

การที่รัสเซียปิดกั้นทางเข้าทะเลอาซอฟ ทำให้บรรยากาศของการเผชิญหน้าตึงเครียดขึ้นทุกขณะ จนในที่สุดรัสเซียเปิดฉากยิงใส่กองเรือของยูเครนในช่วงเย็นของวันนั้น และเข้ายึดเรือของกองทัพยูเครนทั้งสามลำ ลูกเรือชาวยูเครน 6 คนได้รับบาดเจ็บ

Image copyrightEPA
คำบรรยายภาพเหตุปะทะทางทะเลครั้งนี้ทำให้กลุ่มชาตินิยมยูเครนออกมาเรียกร้องให้ตอบโต้รัสเซีย
ทางการรัสเซียอ้างว่ากองเรือยูเครนกระทำผิดกฎหมายโดยล่วงล้ำน่านน้ำ เนื่องจากขณะนั้นรัฐบาลรัสเซียมีคำสั่งระงับการเดินเรือในบริเวณโดยรอบช่องแคบเคียร์ชชั่วคราว แต่ทางการยูเครนแย้งว่าคำสั่งดังกล่าวละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งกำหนดให้ทะเลดำเป็นพื้นที่เสรีในการเดินเรือ ทั้งยังย้ำถึงสนธิสัญญาที่สองประเทศได้ทำไว้เมื่อปี 2003 ที่รับประกันให้เรือของยูเครนเข้าถึงช่องแคบเคียร์ชและทะเลอาซอฟโดยปราศจากการขัดขวาง

ยูเครนยืนยันว่าได้แจ้งรัสเซียเรื่องการเดินทางของกองเรือดังกล่าวล่วงหน้าแล้ว แต่รัสเซียปฏิเสธว่าไม่ได้รับแจ้งตามที่ยูเครนกล่าวอ้างมา ทั้งยังกล่าวหาว่าปฏิบัติการเดินเรือของยูเครนครั้งนี้มีหน่วยตำรวจความมั่นคงที่คล้ายกับหน่วยเคจีบีในอดีตอยู่เบื้องหลัง อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าเรือของยูเครนสองลำได้ล่องผ่านช่องแคบเคียร์ชไปเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน โดยไม่มีปัญหากับทางการรัสเซียแต่อย่างใด

Image copyrightREUTERS
คำบรรยายภาพประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย เพิ่งไปเยือนไครเมียเพียง 2 วันก่อนเกิดเหตุปะทะนอกชายฝั่ง
ผลของการปะทะกันครั้งนี้ ทำให้ต่างฝ่ายต่างยกระดับความเข้มงวดกวดขันในเรื่องความมั่นคงปลอดภัยทางทะเลขึ้นเป็นทวีคูณ โดยรัสเซียนั้นเริ่มตรวจค้นเรือทุกลำในทะเลอาซอฟที่เดินทางมาจากเมืองท่าของยูเครน

ด้านยูเครนนั้นกล่าวหาว่ารัสเซียพยายามจะเข้ายึดครองทะเลอาซอฟ และพยายามบ่อนทำลายเศรษฐกิจของยูเครน โดยขัดขวางไม่ให้เรือของตนเข้าถึงเมืองท่าสำคัญในทะเลอาซอฟ อย่างเช่นเมืองมาริวปอลได้

ไม่ยอมให้ซ้ำรอยไครเมีย

โจนาห์ ฟิชเชอร์ ผู้สื่อข่าวบีบีซีซึ่งอยู่ที่กรุงเคียฟของยูเครนรายงานว่า ผู้บัญชาการกองทัพเรือยูเครนประกาศกร้าวว่าจะต่อสู้จนลมหายใจสุดท้าย และจะไม่ยอมให้ทะเลอาซอฟตกไปเป็นของรัสเซีย เหมือนกับกรณีของดินแดนไครเมียเมื่อ 4 ปีที่แล้วอย่างเด็ดขาด

แต่ในความเป็นจริงนั้น ยูเครนด้อยกว่ารัสเซียในเรื่องของแสนยานุภาพทางทะเลอย่างมาก ทั้งยังตกอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบเกือบทุกทางในเรื่องการรักษาบูรณภาพทางดินแดนของตนเอง หากรัสเซียต้องการครอบครองทะเลอาซอฟจริง ยูเครนจะไม่สามารถต้านทานได้เลย ผลการรบจะเป็นดังที่เห็นกันในเหตุปะทะครั้งล่าสุด

ก่อนหน้านี้การเดินเรือในแถบช่องแคบเคียร์ชเป็นไปอย่างสันติและเสรี โดยทั้งเรือของรัสเซียและยูเครนสามารถผ่านเข้าออกได้โดยมีอิสระเต็มที่ และไม่มีการคำนึงถึงแนวเขตแดนอย่างชัดเจน แต่สภาพการณ์ที่มีความเป็นมิตรนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นับแต่รัสเซียผนวกดินแดนไครเมียเป็นต้นมา

ไม่มีการแบ่งเขตช่องแคบเคียร์ชทางตะวันออกให้เป็นของรัสเซีย และแบ่งให้ฝั่งทางตะวันตกเป็นของยูเครนอีกต่อไป รัสเซียได้เข้าควบคุมดูแลบริเวณดังกล่าวทั้งหมด โดยรีบก่อสร้างสะพานเชื่อมแดนรัสเซีย-ไครเมีย ขึ้นอย่างรวดเร็ว อันนับเป็นข่าวร้ายอย่างยิ่งสำหรับยูเครน

รัสเซียยังเพิ่มจำนวนเรือรบและเรือตรวจการณ์ติดอาวุธขึ้นเป็นทวีคูณในแถบช่องแคบเคียร์ชและทะเลอาซอฟ โดยอ้างเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่เดี๋ยวนี้เรือสินค้าของยูเครนที่ต้องการผ่านเข้าไปในบริเวณดังกล่าว อาจต้องถูกรัสเซียสกัดเพื่อตรวจค้นนานหลายวัน ซึ่งทำให้บริษัทเดินเรือสินค้าที่ขนส่งเหล็กกล้าหรือธัญพืชจากเมืองท่ามาริวปอล ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นกว่าวันละ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือวันละเกือบ 5 แสนบาท ส่งผลให้หลายรายพากันหลีกเลี่ยงเส้นทางเดินเรือที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนนี้

เศรษฐกิจของเมืองท่าสำคัญในยูเครนซบเซาลงอย่างทันตาเห็น ทีมข่าวบีบีซีรายงานว่าแทบจะไม่มีเรือสินค้าเข้าจอดเทียบเลยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จนต้องมีการลดวันทำงานของคนงานในท่าเรือลง

แม้ว่าประชาคมนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาติสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาติซึ่งนำโดยสหรัฐฯ จะตำหนิการกระทำของรัสเซีย แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะยื่นมือช่วยเหลือยูเครนอย่างเป็นรูปธรรมเท่าใดนัก ทำให้ยูเครนต้องดิ้นรนพึ่งพาตนเอง ด้วยการเร่งเสริมเขี้ยวเล็บของกองทัพเรือในทะเลดำ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเทียบชั้นกับรัสเซียได้ยากเต็มที

https://www.bbc.com/thai/internatio...hRMWjR8QETsKbMP2ly2XuBScHg1SdNWWRsVc0QrKlslwI

 

บีบีซีไทย - BBC Thai

แต่ละวัน ผู้หญิงทั่วโลก 137 คน ต้องตายด้วยน้ำมือ "คนในครอบครัว"
อ่านเรื่องราวของพวกเธอได้ที่นี่ >> https://bbc.in/2E0XINM

 

บีบีซีไทย - BBC Thai

นาซาประสบความสำเร็จในการส่งยานสำรวจอินไซต์ (InSight lander) ไปลงจอดบนพื้นผิวดาวอังคารได้สำเร็จ นับเป็นภารกิจสำรวจอวกาศครั้งแรกที่มุ่งจะศึกษาโครงสร้างภายในของดาวเคราะห์สีแดงโดยเฉพาะ อ่านเนื้อหาทั้งหมด >> https://bbc.in/2RhpI2B

 

จีนสั่งสอบกรณีตัดต่อยีนทารกต้านเอชไอวีรายแรกของโลก
27 พฤศจิกายน 2018
Image copyrightGETTY IMAGES
ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงวิทยาศาสตร์ของจีนและจากทั่วโลก ต่างพากันแสดงความเคลือบแคลงสงสัยต่อการที่ศาสตราจารย์เฮ่อ เจี้ยนขุย นักวิจัยด้านพันธุศาสตร์จากเมืองเซินเจิ้นออกมาประกาศว่า สามารถตัดต่อยีนของตัวอ่อนมนุษย์ด้วยเทคนิคล้ำสมัย "คริสเปอร์-แคสไนน์" (CRISPR-Cas9) เพื่อให้ทารกที่เกิดมามีภูมิต้านทานการติดเชื้อเอชไอวีได้สำเร็จเป็นรายแรกของโลก

ข้อกังขาที่คนจำนวนมากมีต่อการทดลองทางวิทยาศาสตร์ครั้งนี้ นอกจากจะสงสัยว่าศ. เฮ่อ ทำการตัดต่อยีนได้สำเร็จจริงตามที่กล่าวอ้างหรือไม่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญจำนวนไม่น้อยยังวิพากษ์วิจารณ์ว่า การกระทำดังกล่าวละเมิดหลักเกณฑ์ทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จนล่าสุดสำนักข่าวซินหัวรายงานว่าคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (CNHC) มีคำสั่งให้สอบสวนกรณีนี้เป็นการด่วนแล้ว

ก่อนหน้านี้ศ. เฮ่อ ได้ออกมากล่าวอ้างผ่านวิดีโอที่บันทึกโดยสำนักข่าวเอพีและเผยแพร่ทางเว็บไซต์ยูทิวบ์ว่า ทารกแฝดหญิงที่เกิดจากการตัดต่อยีนดังกล่าวได้ลืมตาดูโลกเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทารกทั้งสองมีนามสมมติว่า "ลู่ลู่" (Lulu) และ "น่าน่า" (Nana)

ศ. เฮ่อซึ่งสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในสหรัฐฯ ยังอ้างว่า ได้ใช้เทคนิคคริสเปอร์-แคสไนน์ ซึ่งเป็นวิธีการตัดต่อยีนเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องทางพันธุกรรมที่มีความแม่นยำสูง กำจัดยีน CCR5 ในตัวอ่อนของทารกทั้งสองออก ซึ่งจะทำให้เด็กหญิงแฝดไม่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีหากมีการสัมผัสหรือรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายในอนาคต

"เด็กแฝดคู่นี้เกิดมาด้วยวิธีทำเด็กหลอดแก้วตามปกติ แต่หลังจากที่อสุจิของพ่อเข้าผสมกับไข่ของแม่แล้ว เราได้ใส่โปรตีนที่เป็นชุดคำสั่งตัดต่อและกรรไกรตัดต่อยีนเข้าไปในตัวอ่อนทันที เพื่อให้เกิดการแก้ไขพันธุกรรมของทารกตามที่ต้องการ" ศ. เฮ่อกล่าว

• เตือนตัดต่อยีนแบบคริสเปอร์-แคสไนน์อาจทำให้เกิดมะเร็งได้
• ทีมวิจัยสหรัฐฯ-เกาหลีใต้ ทดลองตัดต่อพันธุกรรมตัวอ่อนเพื่อยับยั้งโรคได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ทั่วโลกถือว่าการตัดต่อยีนในตัวอ่อนมนุษย์เป็นเรื่องผิดต่อจริยธรรมการวิจัยด้านชีวการแพทย์ (Biomedical Science)อย่างร้ายแรง ในหลายประเทศรวมทั้งสหราชอาณาจักรมีกฎหมายห้ามไว้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ปล่อยให้ตัวอ่อนจากการตัดต่อยีนเจริญต่อไปเป็นทารกและถือกำเนิดมาในที่สุด

โดยทั่วไปแล้ว ห้องปฏิบัติการที่ทดลองตัดต่อยีนด้วยตัวอ่อนเด็กหลอดแก้ว ซึ่งได้รับบริจาคมา จะต้องทำลายตัวอ่อนที่ผ่านการทดลองแล้วทิ้งทั้งหมด เนื่องจากในขณะนี้ยังไม่อาจจะมั่นใจได้ว่า การตัดต่อยีนตามใจชอบจะส่งผลต่อพันธุกรรมโดยรวมของมนุษย์ในระยะยาวอย่างไร หรือจะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของบุคคลที่ถูกตัดต่อยีนในอนาคตหรือไม่ ทั้งยังอาจเป็นการส่งเสริมให้วงการแพทย์ผลิต "เด็กตามใบสั่ง" ซึ่งมีลักษณะต่าง ๆ ทางร่างกายและสติปัญญาตามที่พ่อแม่ต้องการด้วย

อย่างไรก็ตาม ศ. เฮ่อ อ้างว่าเขาเพียงมุ่งคิดค้นวิธีการทำให้เด็กในอนาคตมีสุขภาพดีเท่านั้น ไม่ได้ต้องการจะผลิต "เด็กตามใบสั่ง" แต่อย่างใด "ผมเข้าใจดีว่าผลงานของตัวเองจะต้องตกเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างแน่นอน แต่ผมเชื่อว่าบรรดาพ่อแม่และหลายครอบครัวต่างต้องการเทคโนโลยีนี้ ผมยินดีจะรับการตำหนิวิพากษ์วิจารณ์เอาไว้แทนพวกเขาเอง"

Image copyrightSPL
แต่ดูเหมือนว่าหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งโรงพยาบาลที่ทำคลอดเด็กแฝด และมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภาคใต้ของจีนซึ่งเป็นต้นสังกัดของศ. เฮ่อ ต่างพากันไม่เห็นด้วยกับการประกาศความสำเร็จของเขาในครั้งนี้ โดยทางมหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นกับงานวิจัยดังกล่าว ซึ่งศ.เฮ่อได้ไปทำการทดลองในห้องปฏิบัติการนอกมหาวิทยาลัยระหว่างที่ลางานโดยไม่รับเงินเดือนมาตั้งแต่ช่วงต้นปี ทั้งยังระบุว่าศ.เฮ่อ "ละเมิดบรรทัดฐานและจริยธรรมทางวิชาการอย่างร้ายแรง"

แต่อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่างานวิจัยตัดต่อยีนในตัวอ่อนมนุษย์ของศ. เฮ่อ อาจจะได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการด้านจริยธรรมของจีนแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา โดยมีหลักฐานปรากฏในฐานข้อมูลการลงทะเบียนเพื่อทดลองระดับคลินิกของจีน (Chinese clinical trial registry - ChiCTR)

ดร. ดัสโก อีลิก ผู้เชี่ยวชาญด้านเซลล์ต้นกำเนิดจากคิงส์ คอลเลจ ลอนดอน บอกว่าการตัดต่อยีนของตัวอ่อนมนุษย์ในกรณีนี้ นับว่าละเมิดหลักจริยธรรมอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนั้นไม่มีความจำเป็นจะต้องตัดต่อยีนเพื่อต้านการติดเชื้อเอชไอวีแต่อย่างใด "ยาต้านที่มีอยู่แล้วนั้น มีประสิทธิภาพสูงเกินพอที่จะป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูก รวมทั้งควบคุมการแพร่เชื้อในวงกว้างอย่างได้ผล" ดร. อีลิกกล่าว

ศ. จูเลียน ซาวูเลสคู ผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรมในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด บอกว่าโดยปกติการทดลองตัดต่อยีนในตัวอ่อนมนุษย์นั้น จะมุ่งศึกษาเพื่อแก้ไขการกลายพันธุ์ของยีนที่ทำให้เกิดโรคร้ายต่าง ๆ เช่นมะเร็งขึ้นในอนาคต แต่ตัวอ่อนที่ศ. เฮ่อใช้ในการทดลองนี้มีพันธุกรรมที่ปกติและสมบูรณ์แข็งแรงดีอยู่แล้ว จึงเท่ากับว่าการตัดต่อยีนทำให้เด็กที่เกิดมาต้องเสี่ยงต่อความผิดปกติที่อาจเป็นผลจากการทดลองโดยใช่เหตุ

ด้านนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนกว่า 100 คน ได้ออกแถลงการณ์ร่วมประณามการกระทำของศ. เฮ่อ ซึ่งกล่าวอ้างความสำเร็จอย่างเลื่อนลอยโดยไม่ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญและไม่ผ่านการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการที่เชื่อถือได้ ทั้งยังเรียกร้องให้ทางการออกกฎหมายควบคุมหลักเกณฑ์จริยธรรมในเรื่องนี้ให้ชัดเจน

"เหตุการณ์นี้ทำลายชื่อเสียงของวงการวิทยาศาสตร์จีนในสายตาชาวโลก ทั้งขัดขวางการพัฒนางานวิจัยด้านชีวการแพทย์ในประเทศ ซึ่งเท่ากับว่าไม่เป็นธรรมต่อนักวิชาการชาวจีนส่วนใหญ่ ซึ่งมุ่งวิจัยและคิดค้นนวัตกรรมกันอย่างแข็งขัน"


https://bbc.in/2Rhx1XM?fbclid=IwAR3uf-Rw9VY6vJUmQZf9THh2GyxW8TPo3cxbi5ICUqNQZue8uaFeN0-iQjo

 

Wudhichai Maitreesophone

เรือรบรัสเซีย 3 ลำ ได้รับอนุญาตให้เข้าจอดที่ท่าเรือ Ceuta ดินแดนอาณานิคมของสเปนในแอฟริกาเหนือ เพื่อเติมน้ำมัน และเพิ่มเติมเสบียง หลังจากเดินทางไกลไปในย่านแอฟริกาตะวันออกเฉียงเหนือ

เรือ Guided Missile Cruiser Marshal Uztinov เรือ Tanker Dubna เรือสนับสนุน SB-406 ของรัสเซีย ได้รับอนุญาต ให้แวะเข้าเติมน้ำมัน และเสบียงได้ที่ท่าเรือ Ceuta ทางเหนือของ Morocco โดยหน่วยงานของสเปนเป็นผู้จัดหา น้ำมันและอาหารให้แก่กองเรือของรัสเซีย

Ceuta ดินแดนอาณานิคมของสเปน บนแผ่นดินใหญ่ของแอฟริกา อยู่ทางเหนือของ Morocco ตลอดเวลา นับตั้งแต่ปี 2010-2016 เรือรบรัสเซียได้เข้าจอด เพื่อเติมน้ำมัน และเสบียง 60 ครั้ง ลูกเรือกว่า 10,000 คน ได้ขึ้นมาพักผ่อนที่ Ceuta สร้างรายได้ให้แก่เมือง Ceuta มากกว่า 4.5 ล้านยูโร

นักวิจารณ์ของประเทศอังกฤษ กล่าวหาว่า สเปน คบหากับนาโต้ ด้วยการซ่อนมีดไว้ข้างหัง พร้อมที่งัดออกมาทิ่มแทงชาตินาโต้ ก่อนจะจากไป

https://russia-insider.com/en/node/...7TYWVOO1jPZ3-M1cLypS0mE#.W_4VkI-_Zr4.facebook

 

Wudhichai Maitreesophone

แก้ตัวกันไปน้ำขุ่นๆ นี่เอง สำหรับทีมงานของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อกรณีการสังหารนาย Jamal Khashoggi

นาย John Bolton ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ ได้แถลงข่าวประจำสัปดาห์ ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี แต่เจอผู้สื่อข่าวเอาเทปบันทึกเสียง การสังหารนาย Khashoggi ที่ได้ถ่ายทอดเสียงขณะเข้าไปขอรับเอกสารในสถานกงสุลซาอุดิอาระเบีย ในเมือง อิสตันบุล ส่งไปบันทึกลง Server ที่ภริยาใหม่นั่งควบคุมการบันทึกเสียงอยู่ไม่ไกลจากสถานกงสุลซาอุดิอาระเบียมากนัก นอกเหนือจากที่ครอบครัวของนาย Khashoggi ได้มอบแผ่นบันทึกเสียงขั้นตอนการสังหารนาย Khashoggi แก่รัฐบาลตุรกี และรัฐบาลสหรัฐแล้ว หลังการแถลงแบบขาดความรับผิดชอบของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ครอบครัวของนาย Khashoggi ได้ส่งแผ่นบันทึกเสียงดังกล่าวให้แก่สำนักข่าวใหญ่ๆ ทุกสำนักข่าว และเมื่อ John Bolton ได้แถลงข่าวถึงเรื่องนี้ ก็เจอผู้สื่อข่าวย้อนเกล็ดด้วยการนำเทปดังกล่าวมาเปิดให้ John Bolton ฟัง ซึ่งนาย John Bolton กล่าวว่า นั่นเป็นภาษาอาระบิก เขาพูด และฟังภาษาอาระบิกไม่ออกจึงไม่รู้เรื่อง เมื่อผู้สื่อข่าวกล่าวแนะนำว่า เทคโนโลยีการแปลภาษาในปัจจุบันสามารถแปลภาษาได้อย่างง่ายดาย แต่นาย John Bolton กลับเฉฉัยไปว่า ต่อไปหากมีเทปเสียงภาษาเกาหลีมาอีก เขาควรจะต้องไปเรียนภาษาเกาหลีอีีกด้วยใช่หรือไม่

http://dlvr.it/QsGcdl?fbclid=IwAR2A-dYvweIn_J3ktqFrTPYmio9HKAgDSky7rOuRZfTGTBx7N7L6bLYvUU8

 

Wudhichai Maitreesophone

เมื่อตอนเกือบๆ ตี 3 เช้ามืดวันนี้ มีการปะทะกันด้วยปืนใหญ่ ระหว่างผู้ก่อการร้าย HTS กับกองทัพรัฐบาลซีเรีย ใกล้ๆ กับเมืองยุทธศาสตร์ Khan Tou Man เป็นแนวยาวตลอดเส้นทางหลวงแผ่นดิน M-5 ที่เชื่อมระหว่าง Aleppo-Idlib ความตึงเครียดมาจาก ทางฝ่ายรัฐบาลซีเรียเชื่อว่า ผู้ที่ยิงปืนใหญ่บรรจุก๊าซคลอรีน เข้าใส่บ้านเรือนประชากร ในเขตอำเภอเมือง Aleppo คือกลุ่มก่อการร้าย HTS

https://www.almasdarnews.com/articl...sions/?utm_source=dlvr.it&utm_medium=facebook

 

อรุณรัตน์ รุ่งทวี
เหตุการณ์ไฟไหม้ในแคลิฟลอร์เนีย ดูยังไงก็ไม่เป็นธรรมชาติ และ FOX NEWS เองก็ออกมายอมรับ ก่อนหน้านั้นหนึ่งอาทิตย์ที่จะเกิดไฟไหม้ ครั้งที่รุนแรงที่สุดของในประวัติศาสตร์ สหรัฐอเมริกา ว่ารัฐบาลตนใช้ "DEW ".
โดยเฉพาะ กับเมือง Paradise เป็นเมืองสวรรค์ ที่กลายเป็นนรกเพียงชั่วข้ามคืน เพราะเป็นไฟที่สร้างผลกระทบมากที่สุด (deep impact )ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา บ้านเรือนถูกเผาวอดวายกว่า หมื่นหลังคาเรือน มีคนตายเกือบร้อย และสูญหายนับพัน ดูยังไงก็ไม่ใช่ธรรมชาติ เมืองนี้เป็นที่อยู่ของนางงามจักราลไทย ปุ๋ยภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก จำได้ว่าได้เคยแชร์ภาพที่นางหอบลูกหนีไฟที่ลุกท่วมแดงฉานเต็มท้องฟ้า .
แชร์โพสต์นี้มาเจ้าของโพสต์บอกว่า ดูได้จากลิงค์จะมีภาพ มากมาย ซึ่งแต่ละภาพแสดงให้เห็นว่า ถูกทำลายจากอาวุธทำลายล้างเเผดเผา มากกว่าจากธรรมชาติ..
เรามาดูบทวิเคราะห์ของคุณ วู่ฉุง แหลมฉาย ที่วิเคราะห์ไว้ได้อย่างน่าสนใจมาก .
ผมไม่ได้อยู่ในเมือง Paradise แต่ทราบคร่าวๆ แบบไม่ค่อยแน่ใจ.... ว่าเป็นเมืองบ้านพักอาศัยของเหล่าดารา มหาเศรษฐี ผู้มีอำนาจปกครองในรัฐแคลิฟลอร์เนีย ...แล้วบุคคลเหล่านี้มีการวางแผน ที่จะแยกแคลิฟลอร์เนียเป็นรัฐอิสระปกครองตนเองในอนาคต ...รัฐบาลกลางก็เผาเพื่อสั่งสอน ก็แค่นั้นเอง....ไฟนั้นมาจากดาวเทียมยิงเลเซอร์จากอวกาศ เผาป่าเป็นจุดๆตามแนววงล้อม เป็นบริเวณกว้าง....
จีนก็เคยโดนมาแล้ว ในคลังเคมีที่เคยระเบิดครั้งใหญ่ เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว....มันเป็นการทดลองระบบ HAARP ของอเมริกาครับ.
....ถ้ารัฐแคลิฟลอร์เนียสามารถแยกตัวออกมาได้...รัฐเท็กซัสก็จะแยกตามมาติดๆ ทีนี้อเมริกาจะสูญเสียน่านน้ำแปซิกฟิกไปทั้งหมด เหลือแต่ฝั่งแอดแลนติกฝั่งตะวันออก ทีนี้จะก็จะแล่นเรือรบไปกวนทีนจีนที่หมู่เกาะสเเปรตลีย์ไม่ง่ายเหมือนเดิม เพราะประเทศแคลิฟลอร์เนียกับประเทศเท็กซัสไม่ยินยอม เพราะสองประเทศนี้จะค้าขายกับจีนและเอซียเป็นหลัก...เรื่องรบเบื่อแล้ว.
โน่นจะต้องเล่นเรือ ไปข้ามฟากที่คลองปานามาโน่น ..เพื่อจะเข้าถึงฐานทัพเรือในเกาะกวมในแปซิฟิก ค่าน้ำมันมันเปลืองนะครับ.
จบการวิเคราะห์ของคุณ วูฉุง แหลมฉาย ลองมาดูข้อมูลสมทบ เพิ่มรายละเอียดกัน.
CALIFORNIA FIRES AGENDA 2030 TOTAL CAMERA SURVEILLGRID.
what if l told you the recent California fires play another role in achieving Agenda 2030's totall surveillance grid ?.
PG&E one of the largest coporation on earth has partnered with the US government and California departments to install hundred of cameras in the woods monitered and recorded 24/7 ! Below is a direct qoute from the Fire Safe Marin, the company in charge of installing these " fire watch " cameras only those awake will see the real agenda behind their mission statement.
The ForestWatch ,software use on site of compression to help operate with lower bandwidths . Using low light and near infrared capable cameras enables excellent night detection and allow 24/7 protection.
Eventually all of earth will be covered in cameras , even the woods in the middle of nowhere as you can see here. Every step you take , every move you make .
What was happening in Clifornia ? .
Lasersfromshy # dew.
Directedenergyweapons.
Geoengineering # haarp # chemtrails.
Weatherwars# allgovernmentslie.
Nasalies# projectbluebeam.
Fakealieninvasion # deception.
Escapethematrix # nwo # wakeup .
Researchthetruth # researchFlatEarth.
Its never simple when you're dealing by pure evils..
มีเพียงบุคคลเพียงบางกลุ่มเท่านั่น ที่เผอิญล่วงรู้ความลับว่า กับระเบียบแบบแผนที่ ยูเอ็นกำหนดไว้ หนึ่งในแผนการจัดระเบียบโลก คือการลดประชากรทั่วโลก ไม่เว้นกระทั่งประเทศสหรัฐอเมริกาเอง นั่นคือ UN agenda 2030 .
และแคลิฟลอร์เนียก็ถูกเป็นแหล่งทำลายและเป็นการทดสอบอาวุธทำลายล้างไปในตัว ทุกอย่างคงนำออกมาใช้แทบทุกอย่าง เช่น dew (ดิว) , haarp (ฮาร์พ , chemtrail ( เคมเทล) หรือแม้แต่ลำแสง beam (บีม) , และเรื่องหลวกลวง เอเลี่ยนทำลายโลก, เดอะ เมทริกซ์ สงคราม เพาะพันธุ์มนุษย์โลก.
มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว เพราะคุณกำลังถูกกลุ่มปีศาจ( คนชั่ว ) จัดการกับคุณด้วยความเหี้ยมโหด ประดุจพวกเค้าไม่ใช่มนุษย์.
ที่เคยบอกมาก่อนหน้านี้ว่า ไฟป่าของแคลิฟลอร์เนียนั้นอยู่ในชาร์ตของ " Agenda 2030 " ซึ่งมีกริดไฟฟ้า อุปกรณ์ที่เป็นเครือข่ายเชื่อมต่อสำหรับการจ่ายไฟฟ้า เป็นตัวช่วย
บริษัท พีจีแอนด์อี หนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกเจ้าของคือ จาค็อบ รอธส์ไชลด์ ที่เบื้องหลังทำงานเชื่อมกับรัฐบาลสหรัฐ และแผนกดับเพลิงของแคลิฟลอร์เนีย ได้ติดตั้งกล้องไว้ตามจุดต่างๆ ของผืนป่าในแคลิฟลอร์เนีย กว่า 100 ตัว เพื่อตรวจตราและบันทึกข้อมูล.ตลอด 24 ชม.ในทุกๆเจ็ดวัน ซึ่งพบว่าบริษัท ควบคุมอัคคีเพลิง เป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องการติดกล้องเหล่านี้ คือบริษัท " Fire Safe Marid .
การควบคุมผืนป่า ใช้โปรแกรมซอฟแวร์ เครื่อง compression ความกดของอากาศเป็นตัวช่วยในการส่งผ่านข้อมูล ที่ตั้งกล้องไว้ตามเสารับสัญญาน หรือตามอาคารสูงๆ ใช้แสงสลัวทำงานร่วมกับกล้องอินฟาเรด ทำให้สามารถจับภาพต่างๆบันทึกเก็บไว้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงตลอดทั้งอาทิตย์ จะสามารถเห็นภาพทุกภาพ ทุกมุมในผืนป่าได้อย่างละเอียดช้ดเจน จากจอภาพของกล้อง ทุกอริยาบถ ทุกการเคลื่อนไหวของบุคคล จะถูกเก็บรายละเอียดมาไว้ที่จอภาพนั้นหมด