ติดตามสถานะการณ์

กลุ่มต่อต้านมุสลิมหัวรุนแรง 3 จังหวัดชายแดนใต้

ควบคุมตัว นายดลรอแม สนิ ที่อยู่ ต.บ้านโหนด อ.สะบ้าย้อย จว.ส.ข. ได้ที่บ้านเลขที่ 2/4 ม.5 ต.ธารคีรี อ.สะบ้าย้อย จว.ส.ข. นำส่ง หน่วยซักถามฉก.ทพ.43 เหตุคนร้ายยิง จนท. อส. เสียชีวิต 2 ราย และ ผรส. เสียชีวิต 1 ราย ในพื้นที่ อ.เทพา จว.ส.ข. เมื่อ 25 พ.ย.61

 

Wassana Nanuam

กองกำลังBRN” ยังไม่ยอมมา ร่วม เจรจา

“บิ๊กป้อม”เผย “กองกำลังBRN” ยังไม่ยอมมา ร่วม Marapatani มาพูดคุยกับคณะพูดคุยสันติสุขไทย คาดว่าเขายังติดใจเรื่องอะไรอยู่ เขาจึงไม่ยอมมา แม้เราจะได้ประสานไปแล้ว ถึง3 ครั้ง ทางมาเลเซียก็ได้คุยไปแล้ว แต่เขาไม่ยอมมา

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหมกล่าวถึงสถานการณ์ในชายแดนภาคใต้พี่กลับมาเกิดเหตุระเบิดและสังหาร อีกนั้นว่า
เพราะ “กองกำลังBRN” ยังไม่ยอมมาพูดคุยกับคณะพูดคุยสันติสุขไทย คาดว่าเขายังติดใจเรื่องอะไรอยู่ เขาจึงไม่ยอมมา แม้เราจะได้ประสานไปแล้ว ติดต่อไป3 ครั้ง ทางมาเลเซียก็ได้คุยไปแล้ว แต่เขาไม่ยอมมา

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ที่มีพลเอกอักษราเกิดผลเป็นหัวหน้าได้มีการพูดคุยกับกลุ่มผู้เห็นต่าง หรือที่เรียกว่า partyB หรือ Marapatani

โดยมีPulo 2 กลุ่ม และ GMIP รวมทั้งBRN มาร่วมพูดคุยอยู่แล้ว แต่ในส่วนของกองกำลังทหาร ของBRN ที่เราเชื่อว่าเป็นผู้ก่อเหตุในชายแดนใต้ ในปัจจุบัน ยังไม่มาร่วมกันพูดคุย โดยเฉพาะกลุ่มของนาย ดุลเลาะห์ แวมานอร์

 

The MATTER


BRIEF: “กล่องแพนโดรา ถูกเปิดออกมาแล้ว” นักวิจัยจีนนับ 100 คน ลงชื่อประณามการตัดต่อพันธุกรรมทารก ชี้ล้ำเส้นจริยธรรม
.
ข่าวการตัดต่อพันธุกรรมทารกคนแรกของโลกได้เป็นผลสำเร็จ ได้กลายเป็นประเด็นใหญ่โตมากๆ ในวงการแพทย์ ล่าสุดนี้นักวิจัยจีนนับ 100 คนได้ร่วมกันลงนาม ‘ประณาม’ สิ่งที่เกิดขึ้น โดยมองว่ามันคือสิ่งที่ผิดต่อเรื่องจริยธรรม
.
“กล่องแพนโดรา ถูกเปิดออกมาแล้ว พวกเราต้องปิดมันให้ได้ก่อนที่เราจะสูญเสียโอกาสครั้งสุดท้ายไป” คือแถลงการณ์จากกลุ่มนักวิจัยชาวจีนที่ต่อต้านการทดลองในครั้งนี้
.
ถึงแม้งานวิจัยจะยังไม่มีการเผยแพร่รายละเอียดออกมาสู่สาธารณะอย่างเป็นทางการ แต่การที่นักวิจัยชาวจีนออกมาเคลมว่าประสบความสำเร็จในการทดลองนั้น มันก็สร้างเสียงคัดค้านจากผู้คนในวงการแพทย์มากมาย โดยกลุ่มนักวิจัยที่ร่วมกันลงนาม เชื่อว่า มันอาจจะส่งกระทบต่อยีนมนุษย์ในอนาคต โดยที่ไม่มีทางกลับมาแก้ไขได้อีก
.
ในแถลงการณ์วิจารณ์ถึงการวิจัยว่า แม้การทดลองเช่นนี้จะมีความเป็นไปได้ แต่ที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก ก็ได้พยายามหลีกเลี่ยงที่จะทดลองมาเสมอ เพราะมันยังเป็นประเด็นที่ต้องถกเถียงกันอีกเยอะ และที่สำคัญคือ เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า ‘ทารก’ ที่คลอดออกมาโดยผ่านการตัดต่อพันธุกรรมนั้น จะมีสุขภาพร่างกายอย่างไรต่อไป
.
นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ยังได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ต้องเข้าไปตรวจสอบการทดลองครั้งนี้อย่างจริงจัง ส่วนในอนาคตก็ควรกำหนดแนวทางกำกับที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดการทดลองที่ล้ำเส้นจริยธรรมเช่นนี้ขึ้นอีก
.
ด้านผู้บริหารมหาวิทยาลัย Southern University of Science and Technology (SUST) ที่เป็นต้นสังกัดของ He Jiankui ซึ่งเป็นนักวิจัยในการทดลองครั้งดังกล่าว ได้สั่งการให้รวมรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยชิ้นนี้อย่างเร่งด่วน พร้อมกับยืนยันว่า การทดลองของ He นั้น ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับทางมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด
.
.
อ้างอิงจาก

https://qz.com/1474530/chinese-scientists-condemn-crispr-baby-experiment-as-crazy/

https://www.technologyreview.com/s/612466/the-chinese-scientist-who-claims-he-made-crispr-babies-has-been-suspended-without-pay/

https://www.nytimes.com/2018/11/26/health/gene-editing-babies-china.html

#Brief #TheMATTER

 

Reed Timmer Extreme Meteorologist



ใกล้เงื่อนไข พายุหิมะหนัก # ตอนนี้มากกว่า 2 "ต่อชั่วโมงรวมทั้ง I-70 ที่อุโมงค์ Eisenhower! นี่คือฉากที่ด้านบนของ Chet ที่ @LovelandSkiArea #cowx

 

ศพฐ.10 เผย ปลอกกระสุนปืนคนร้ายยิงนายประพันธ์ พบเชื่อมโยงเหตุยิงอุสตาซในพื้นที่หนองจิก 27 พฤศจิกายน 2018

ผลพิสูจน์อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายประพันธ์ แก้วสีมา อายุ 61 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ บ้านพรุชิง หมู่ที่ 7 ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา เสียชีวิต เมื่อ 15 พ.ย.61 พบเชื่อมโยงเหตุยิงนายอาแว เตาะสาตู เป็นอุสตาซ ร.ร.ชุมชนอิสลามศึกษา เสียชีวิต หน้าอาคารละหมาด ในพื้นที่ ต.ปุโละปุโย


สำหรับความคืบหน้าคดีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนลอบยิงนายประพันธ์ แก้วสีมา อายุ 61 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ บ้านพรุชิง หมู่ที่ 7 ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา เหตุเกิดขณะที่นายประพันธ์ ขี่รถจักรยานยนต์เพื่อไปเข้าเวรที่ป้อม ชรบ.ภายในหมู่บ้าน ผ่านทางถนนสายชนบท พรุชิง-นาตาหนอ ต.ท่าม่วง อ.เทพา กระสุนถูกบริเวณศีรษะและท้อง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ล่าสุดเจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 (ศพฐ.10) ได้ทำการตรวจสอบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุประกอบด้วย ปลอกกระสุนปืนออโตเมติก ขนาด.45 (11 มม.) จำนวน 3 ปลอก และลูกกระสุนปืนออโตเมติก (ทองแดงหุ้มตะกั่ว) ขนาด.45(11 มม.) จำนวน 1 ลูก

โดยปลอกกระสุนปืนออโตเมติก ขนาด.45 (11 มม.) และลูกกระสุนปืนออโตเมติก (ทองแดงหุ้มตะกั่ว) ตรวจพบเป็นกระสุนปืนที่คนร้ายใช้ยิงมาจากปืนกระบอกเดียวกันและตรวจพบประวัติในสารบบฯ ของ ศพฐ.10 จำนวนรวม 3 คดี ประกอบด้วย

– เมื่อ 20 มิ.ย.60 ยิงนายอาแว เตาะสาตู เป็นอุสตาซ ร.ร.ชุมชนอิสลามศึกษา เสียชีวิต หน้าอาคารละหมาด ในพื้นที่ ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี

– เมื่อ 10 พ.ย.61 ยิงนายดือราเซ๊ะ ปาสอ ขณะออกไปเลี้ยงวัว (เสียชีวิต) บริเวณทุ่งหญ้าริมแม่น้ำเทพา ม.6 ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา

– เมื่อ15พ.ย.61 ยิงนายประพันธ์ แก้วสีมา เสียชีวิต ขณะที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน เพื่อจะไปเข้าเวรรักษาความปลอดภัยโรงเรียนบ้านพรุชิง หมู่ที่ 7 ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา

ซึ่งจากผลการพิสูจน์หลักฐานของ ศพฐ.10 บ่งชี้ได้ว่าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ จะเห็นได้ว่าเป็นฝีมือกลุ่มขบวนการที่เคยก่อเหตุในพื้นที่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา และ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ส่วนพฤติกรรมของกลุ่มนี้มุ่งทำการก่อเหตุชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ เจ้าหน้าที่รัฐ ผู้นำท้องถิ่น อุสตะส ผู้นำศาสนา โดยทำการเลือกเป้าหมายที่อ่อนแอกลุ่มคนไทยพุทธ-มุสลิมในพื้นที่ เพื่อสร้างความหวาดกลัว ความหวาดระแวงให้เกิดขึ้นระหว่างคนสองศาสนา ตลอดจนสร้างความสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจในพื้นที่ ถือเป็นกลยุทธ์ที่กลุ่มขบวนการนำใช้มาโดยตลอดเพื่อสร้างความขัดแย้งทำลายสังคมพหุวัฒนธรรมการอยู่ร่วมอย่างสันติสุข หากประชาชนท่านใดพบเห็นบุคคลต้องสงสัยกรุณาแจ้งเบาะแสต่อเจ้าต่อหน้าที่ใกล้บ้านตลอด 24 ชั่วโมง








https://www.southernreports.org/2018/11/27/rghfjnk2541/

 

Planet X News
24 พฤศจิกายน เวลา 03:27 น. ·


ฝุ่นแดง, ดวงจันทร์สีแดง, ท้องฟ้าสีแดงที่พระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกในเยรูซาเล็ม

 

เจนจิรา จันทรเสนา



"กรณีผู้อพยพ"
สหรัฐอเมริกาอธิบายว่า จำเป็นต้องใช้แก็สน้ำตาและกระสุนยาง เพราะผู้อพยพหลายคนทั้งขว้างทั้งยิง และปาวัตถุสิ่งของต่างๆ เข้าใส่เจ้าหน้าที่ประจำด่านชายแดน

ส่วนกำลังทหารที่เห็นนั้น แกมายืนกันให้เต็มๆดูน่ากลัวเฉยๆ ก็คิดว่าไม่ทำอะไรหรอกนะ

 

ที่นี่บ้านเรา



"เกาะเต่า"...เป็นเกาะเล็ก ๆ ในส่วนของ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีผู้คนเดินทางมาท่องเที่ยวมากกว่า 3 ล้านคนต่อปี และสร้างรายได้มากกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี
...
แน่นอนว่าผู้คนที่เข้ามามากมาย ย่อมมีปัญหาตามเข้ามาด้วย "ขยะ" เป็น 1 ปัญหาที่คนในพื้นที่พยายามแก้ไขมาโดยตลอด บนเกาะเต่ามีขยะเกิดขึ้น 40 ตันต่อวัน การจัดการร่วมกันของคนทั้งเกาะและนักท่องเที่ยวจึงเกิดขึ้น
...
ติดตามเรื่องราวทั้งหมดนี้ในที่นี่บ้านเรา ตอน เกาะเต่า Zero Waste วันพุธที่ 31 ตุลาคม 2561 เวลา 13.30 น. ทาง #ThaiPBS

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 26) โกลด์แมน แซคส์ฟันธงน้ำมัน,ทองพุ่งปีหน้า จากอานิสงส์ G20 ปลดล็อกการเมือง' : โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะพุ่งขึ้นราว 17% ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยได้แรงหนุนจากการประชุม G20 ในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.

โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ในการประชุม G20 ดังกล่าว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะมีโอกาสเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินจะสามารถหารือนโยบายการผลิตน้ำมันกับมกุฏราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดิอาระเบีย

นายเจฟฟรี คูร์รี นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า "ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ได้กดดันตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ในช่วงที่ผ่านมา จะมีโอกาสได้รับการแก้ไขในการประชุม G20"

โกลด์แมน แซคส์ยังคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะดีดตัวขึ้นในปีหน้า จากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ประกาศปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมเดือนหน้า

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิ่งลงมากกว่า 20% ในเดือนนี้ และหากราคาไม่ได้กระเตื้องขึ้นในสัปดาห์สุดท้าย ราคาน้ำมันก็จะทำสถิติร่วงลงมากที่สุดเมื่อเทียบรายเดือนในรอบกว่า 10 ปี

สำหรับราคาทอง โกลด์แมน แซคส์คาดว่าจะดีดตัวขึ้นจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หากเศรษฐกิจสหรัฐมีการชะลอตัวในปีหน้า

Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

- Goldman expects commodities to rebound next year, says oil and gold prices are 'extremely attractive':
https://www.cnbc.com/2018/11/26/gol...WbfqDeEv-bzRCd2om2RU3B8ggvwRu4WgYYofw_Wcj5ahk

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 27) สวนยางไทย'เหยื่อศึกการค้า : สำนักข่าวเอเอฟพี รายงาน วานนี้ (25 พ.ย.) ว่าขณะนี้การค้ายางพาราตกอยู่ในความเสี่ยงจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีน ส่งผลกระทบทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในไทยสถานการณ์ราคายางพาราดิ่งลง 20% ตั้งแต่เดือน มิ.ย.เนื่องจากภาษีสหรัฐทำให้โรงงานในจีนสั่งซื้อยางจากไทยน้อยลง

น้ำยางไทยใช้ผลิตทุกอย่างตั้งแต่ยางรถยนต์ ถุงยางอนามัย ไปจนถึงจุกนมสำหรับทารกและถุงมือผ่าตัด จึงมีการปลูกยางพารากันทั่วประเทศ น้ำยางพาราไทยกว่าครึ่งส่งออกไปยังจีน

เมื่อราคาตกต่ำชาวสวนยางจำนวนหนึ่งต้องเลิกอาชีพเกษตรไปทำงานในโรงงานแทน ผู้ใช้นามว่า "แอนนิตา" เผยกับเอเอฟพีว่า เคยกรีดยาง ใน จ.เชียงรายถึงวันละ 10 ชั่วโมงด้วยค่าจ้าง เพียง 200 บาทต่อวัน น้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำ และแค่ครึ่งเดียวกับค่าจ้างเมื่อหลายปีก่อน จึงต้องไปทำงานโรงงานบรรจุหีบห่อได้ค่าแรงวันละเกือบ 300 บาท

ปัจจุบัน ยางพาราราว 1 ใน 3 ของทั้งโลกได้จาก สวนยางไทย ที่ผลิตยางพาราได้ราว 4.6 ล้านตันต่อปี เมื่อความต้องการจากจีนลดลงกะทันหัน ประกอบกับซัพพลายล้นตลาดโลกกดให้ราคาดิ่งเหว

นายกรกฎ กิตติพล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดไทยฮั้วรับเบอร์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมยางรู้สึกถึงความไม่แน่นอนหลังจากสหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนเกือบครึ่งหนึ่ง "บริษัทจีนจึงไม่อยากสต็อกยางไว้มากเกินไป"

นอกจากนี้เงินหยวนที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ ทำให้โรงงานอุตสาหกรรมจีนต้องซื้อยางในราคาแพง

ด้านรัฐบาลไทยพยายามแก้ปัญหาด้านอุปทาน ตั้งเป้าลดพื้นที่ปลูกยางลงปีละกว่า 3.75 หมื่นไร่ ตลอดช่วง 5 ปีข้างหน้า อนุมัติงบประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท ช่วยชาวสวนยางไร่ละ 1,800 บาท ไม่เกินรายละ 15 ไร่ แต่เกษตรกรและคนกรีดยางบางส่วนยังมองว่าแก้ปัญหาไม่ตรงจุด

ขณะที่นายลิโอเนล แดนเตียก ประธานภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียของมิชลินบริษัทยางรถยนต์ใหญ่ที่ซื้อยางธรรมชาติ 40% จากไทย ผลิตยางรถยนต์ส่งขายทั่วโลก กล่าวว่า หากราคา ยังลดลงอย่างต่อเนื่อง ชาวสวนยางและโรงงานยางจำนวนมากจะไม่สนใจกรีดยาง ส่งผลให้คุณภาพน้ำยางตกต่ำ แต่ถ้าราคาสูงเกินไปอุตสาหกรรมยางรถยนต์ก็เดือดร้อนส่งผลสะท้อนกลับไปถึงผู้บริโภค

Source: กรุงเทพธุรกิจ

- Trade war sapping demand for Thai rubber
https://www.straitstimes.com/asia/s...pxhhsa-xsO1HQNwHmb27Kto6-TOMGWevTmBcTS0cZAg0k

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 27) Amazon ยุติบริการส่งอาหาร Amazon Restaurants ในอังกฤษ เหตุแข่งขันกับรายอื่นไม่ได้ : Amazon ได้ส่งอีเมลแจ้งลูกค้าในอังกฤษว่าบริการส่งอาหารเดลิเวอรี Amazon Restaurants จะหยุดให้บริการในอังกฤษ มีผลตั้งแต่ 3 ธันวาคม เป็นต้นไป

บริการส่งอาหาร Amazon Restaurants เป็นหนึ่งในบริการสำหรับลูกค้า Prime Now ปัจจุบันมีให้บริการในอเมริกาและอังกฤษ โดยที่อังกฤษเริ่มให้บริการตั้งแต่ปี 2016 มีร้านอาหารในระบบกว่า 200 ร้าน อย่างไรก็ตามการแข่งขันในธุรกิจส่งอาหารนั้นไม่ง่ายสำหรับ Amazon เพราะมีคู่แข่งสำคัญทั้ง Deliveroo และ Uber Eats

บุคคลในอุตสาหกรรมให้ความเห็นที่น่าสนใจว่าตลาดเดลิเวอรีอาหารนั้นมีการแข่งขันสูง และไม่ใช่แค่มีบริการขนส่งสินค้าอยู่แล้วจะมาทำส่งอาหารได้เลย ธุรกิจนี้มีรายละเอียดที่ซับซ้อนกว่านั้น

Source: Bloggone

https://www.standard.co.uk/business...c8ycJJ9lCdDasvNXUWCyC5CXzmILrv8eSZGm2mVK1kyH4

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 27) GM ประกาศลดพนักงานรวมกว่า 14,000 คน และปิด 7 โรงงานภายในสิ้นปี 2019: บริษัท General Motors (GM) ประกาศลดพนักงานประจำและพนักงานสัญญาจ้างรวมกว่า 14,000 คน และปิด 7 โรงงานภายในสิ้นปี 2019 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการเตรียมความพร้อมสู่ยุคของรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยทางบริษัทให้ความเห็นว่า ความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสนใจกับรถบรรทุกและรถ SUVs มากขึ้น ส่งผลให้โรงงานผลิตหลายแห่งไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

คาดการณ์เบื้องต้นว่าการปิดโรงงานและลดพนักงานจะส่งผลให้ free cash flow ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในสิ้นปี 2020

ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวจะส่งผลต่อพนักงานกว่า 10,000 คนในสหรัฐฯ และกว่า 3,000 คนในแคนาดา หรือคิดเป็นอย่างน้อยร้อยละ 4 ของงานด้านการผลิตรถยนต์ (non–parts) ในแคนาดา

นาย Flavio Volpe, Head of the Automotive Parts Manufacturers Association กล่าวว่าการปิดโรงงานใน Oshawa, Ontario จะส่งผลกระทบต่อพนักงานกว่า 10,000 คน หากพิจารณาผลต่อทั้งห่วงโซ่อุปทาน

อย่างไรก็ดี นาย Jerry Dias, ประธานสหภาพแรงงานซึ่งเป็นผู้แทนของพนักงานสัญญาจ้างในบริษัท GM ประเทศแคนาดา มีมุมมองเชิงบวกต่อการเจรจาในระยะต่อไป เนื่องจากเคยมีเหตุการณ์ลักษณะใกล้เคียงกันเกิดขึ้นในอดีต และสามารถเจรจาต่อรองได้จนเป็นที่น่าพอใจต่อทั้งสองฝ่าย

อนึ่ง นาย Doug Ford, Premier of Ontario มีมุมมองเชิงลบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ภายหลังการพูดคุยทางโทรศัพท์ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัท GM ระบุชัดว่ารัฐบาลไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจในครั้งนี้ได้

Source: BOTSS

- Trump's economic moves fail to prevent GM closures: https://edition.cnn.com/2018/11/26/...pZpdkU62FzH5EzeViVeOmLLA8iQXK1HNTV_o2pcfPfzFo

 

แดง วงศ์ทวิชาติ


27 Nov 2018

#ภัยพิบัติแผ่นดินไหวearqaukesDisaster

* แผ่นดินไหวปานกลางค่อนข้างแรง 5.5 นอกชายฝั่งแม็กซิโก และก่อนหน้าเล็กน้อย 25 นาทีไหวที่ย่าน มก มายอรต์ ตะวันตกมาร์ดากัสการ์ ใกล้ช่องแคบโมซัมบิก เป็นบริเวณที่ต้องเฝ้าระวัง

มีความอ่อนไหว ต่อการเปลี่ยนแปลงมาก ซึ่งมีการพบเกาะใหม่เกิดขึ้นมา หลังจากไหวรุนแรง 5.8 (ถ้าจำตัวเลขไม่ผิด) และทำให้การปะทุรุนแรงของภูเขาไฟที่ฮาวายช็อค และดับมอดไปเลย ผสานกับแนวของจุดดำบนดวงอาทิตย์หันหน้ามาสู่โลก

อีกครั้ง ยังคาดกันว่าจะมีลมสุริยะพ่นหลุดออกมาด้วยในปลายเดือนนี้..!! ย่อมส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของแผ่นดินไหวอีกเช่นกัน

เฝ้าระวังกันครับ ..!!!


Earthquake of magnitude 5.0 hits south Japan, no tsunami warning https://m.khaleejtimes.com/internat...nitude-50-hits-south-japan-no-tsunami-warning

https://www.volcanodiscovery.com/ap...19/M4-Tue-27-Nov-Northwest-of-Madagascar.html


Cr.คุณมาร์.

 

แดง วงศ์ทวิชาติ


27 Nov 2018

#ภัยพิบัติแผ่นดินไหวearqaukesDisaster

* ยอดบาดเจ็บจากแผ่นดินไหวรุนแรงอิหร่านพุ่งกว่า 500 แล้ว*

Earthquake in western Iran leaves more than 500 injured

A magnitude-6.3 earthquake has hit western Iran near its border with Iraq, injuring more than 500 people and sending fearful residents into the streets. USGS on Sunday said the quake was at a depth of 65km and struck 114km northwest of the city of Ilam in Iran's Kermanshah province, which was the epicenter of a magnitude-7.3 earthquake last year that killed more than 600 people. Six rescue teams have been dispatched to the area.

 

Sayan Rujiramora


(1)..GlobalResearch

US Trade War with China: Desperate Move to Save Western Empire

Andre Vichek. Nov 26, 2018


บทความนี้โปรจีนไปหน่อยครับ..ผมแค่แปลมานะครับ ไม่ได้เป็นติ่ง


ผู้ที่ได้มีโอกาสเห็นถึงโครงการขนาดยักษ์ mega-projects นอกประเทศของจีน คงจะเข้าใจได้ว่าโลกตะวันตกกำลังใกล้ถึงจุดจบแล้ว ไม่มีทางแล้วที่จะเข้ามาแข่งขันกับประเทศยักษ์โซเชียลลิสต์ที่กำลังรุกไปอยู่ทั่วโลกขณะนี้..ด้วยบุคคลิกแบบตะวันออก


ผู้เขียน (Andre Vichek) เขียนบทความนี้จากย่านชนบทในประเทศลาว ซึ่งมีวิศวกรและคนงานชาวจีนจำนวนมากกำลังสร้างสพาน..อุโมงค์ที่เชื่อมต่อบริเวณที่ยากจนที่สุดของประเทศในเอเซียกับประเทศจีน ..ทำให้มีโรงพยาบาลโรงเรียน โรงงานขนาดเล็กเพื่อชาวชนบทเหล่านี้ ...สนามบินและโรงงานผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ ..โครงสร้างพื้นฐานให้กับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ


จีนกำลังทำสิ่งที่คล้ายๆกันนี้ไปเกือบทั่วโลก จากประเทศเกาะเล็กๆใน South Pacific ไปถึงประเทศในอัฟริกา ..ประเทศที่ซึ่งถูกทำลายจากการรุมทึ้งแย่งชิงทรัพยากรจากพวกจักรวรรดิ์นิยมตะวันตกมานาน ....จีนเข้าช่วยกลุ่มประเทศละตินที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ กับอีกหลายประเทศให้พ้นจากความยากจนให้ได้ก่อนปี 2020


The West is horrified! ตะวันตกกำลังพรั่นพรึง


นี่เป็นจุดจบของ world order แบบตะวันตก และมันอาจเกิดเร็วกว่าที่คาดกัน


ฝ่ายตรงข้ามก็พยายามออกข่าวก่อกวน เท่าที่จะคิดขึ้นได้ ..เพื่อการเตรียมการก่อสร้างฐานกำลังทหารของสหรัฐใน Asia Pacific โดยปลุกระดมกลุ่มประเทศใน Southeast Asia (ที่คงเหลืออยู่หนึ่งเดียว..ผู้แปล) รวมถึงญี่ปุ่นให้ก่อกวนจีนทั้งทางการเมืองและการทหาร


ฝ่ายตะวันตกดูหมิ่นเหยียดหยามแนวปฏิบัติทางเศรษฐกิจของจีนมาตลอด ที่จีนใช้แผนทุนนิยมเพื่อมุ่งพัฒนามาตรฐานการครองชีพของประชาชนทั้งประเทศ แทนที่จะเพื่อเพิ่มความมั่งคั่งให้กับกลุ่มบริษัทยักษ์ต่างชาติ..โดยใช้แรงงานของประชาชนจีน ...โลกทุนนิยมเชื่อมาตลอดว่า "capitalist เท่านั้นที่จะยุติระบอบ socialist ได้"


สงครามการค้าที่กำลังเกิดขึ้น มันไม่ใช่หรอก.. มันคือสงคราม ..ตะวันตก vs รัสเซีย.. และ ..ตะวันตก vs จีน.. นี่เป็น ideological war


จีนและรัสเซียกำลังประสบผลสำเร็จในการถอดถอนหลายภาคของอาณานิคมที่มีมากมายในโลก..หรือแม้แต่รัฐกึ่งเมืองขึ้น ซึ่งที่ผ่านๆมาต้องขึ้นอยู่กับความปราณีของตะวันตก เช่นญี่ปุ่นและเกาหลีใต้


แล้วไม่ว่าตะวันตกจะเรียกว่าอะไร การถอนรัฐอาณานิคมในโลกก็ดำเนินต่อไป ซึ่งหลายๆประเทศที่ช่วยตัวเองไม่ได้กำลังเข้าขอรับการปกป้องคุ้มครองจากปักกิ่งและมอสโคว์ ...ควบคู่ไปกับการถอนตัวจากเงินสกุลดอลล่าร์ที่ ยิ่งผูกเข้าไว้ ก็ยิ่งเป็นภัยต่อตัวจากการถูกแซงค์ชั่นที่ไม่เป็นธรรม ...เวเนซูล่าเป็นตัวอย่างชัดเจนล่าสุด


สกุลเงินตัวเลือกที่มีเสถียรภาพมากที่สุดที่จะมาแทนที่ ที่มีนับสิบๆประเทศแล้วที่ให้ความเชื่อถือในการชำระหนี้ระหว่างประเทศ คือ RMB ของจีน


ความเจริญของโลก ไม่ใช่สิ่งที่โลกตะวันตกต้องการ ..ทั้งวอชิงตันและลอนดอนต้องการความรุ่งเรืองเฉพาะตนมากกว่า ..ต้องการซัพพลายวัตถุดิบ เช่นจากอินโดนีเซีย ..ต้องการแรงงาน เช่นจากเม็กซิโก ..และต้องการความเชื่อฟังจากประชากรทั้งโลกโดยไม่มีข้อแม้ ...นี่คือระบอบที่ถูกต้องของโลกในความคิดตน


(ต่อ)....


********

 

Sayan Rujiramora


(2)..GlobalResearch

US Trade War with China: Desperate Move to Save Western Empire

Andre Vichek. Nov 26, 2018


ต่อครับ


Peter Koenig อดีตเจ้าหน้าที่ World Bank เขียนว่า


"ในฐานะตัวแทนจากของสามวายร้ายทางการเงินและการค้าของโลก IMF..World Bank..World Trade Organization ที่มีการประชุมที่บาหลี อินโดนีเซีย พวกเขาได้เตือนถึงผลร้ายของการลดการลงทุน และการลดลงของอัตราเติบโต ที่เป็นผลจาก Trade War ของรัฐบาลทรัมพ์ ...IMF ตัดลดอัตราการเติบโตของโลกทั้งปีปัจจุบันและปี 2019


การเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกในปีที่ผ่านๆมา ที่ว่าดีนักหนาจากการค้าและการลงทุนน่ะ มันดีต่อประเทศร่ำรวยเท่านั้น มันตอกลิ่มให้ประเทศยากจนยิ่งเลวร้ายลง ..พูดถึงแต่ GDP รวมแต่ไม่แยกเป็นรายประเทศดูบ้างล่ะ"


"มีการพิสูจน์แล้วหลายครั้งว่าประเทศที่ต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ จำต้องให้มีการแทรกแซงจากต่างชาติน้อยมากๆ หรือต้องปิดประเทศไปเลย ตัวอย่างที่เด่นชัดคือจีน ..หลังจากก่อตั้งประเทศ จากศตวรรษแห่งการยึดครองของพวกตะวันตก เมื่อ 1 ตุลาคม 1949 ประธานเหมาและพรรคคอมมิวนิสต์มีภาระต้องฟื้นฟูประเทศ ที่เสียหายหนักจากทั้งโรคระบาด..การขาดการศึกษา ..ความอดหยาก..ที่เป็นผลจากการถูกเอาเปรียบจากพวกตะวันตก จีนใช้วิธีปิดประเทศจากโลกภายนอกแก้ปัญหาของตน..จนถึงช่วงกลาง 1980s ...


หลังจากที่ประสบความสำเร็จเอาชนะโรคระบาดและความอดหยากในประเทศ..จนกลายเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารและสินค้าเกษตร ..และยังสามารถกระจายระบบการศึกษาไปทั่วประเทศ ..จีนเริ่มมีความพอเพียงในประเทศ ค่อยๆเปิดประเทศรับเอาการลงทุนและการค้ากับนานาชาติ--แล้วดูปัจจุบันของจีนสิ แค่ 30 ปี จากวันนั้น ...กลายมาเป็นประเทศที่นอกจากจะมีขนาดเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลกแล้ว ยังเป็นมหาอำนาจที่จักรวรรดิ์นิยมตะวันตกไม่อาจเข้าใกล้ได้"


การทำให้เกิดความพอเพียงต่อประชาชนในชาติของตนย่อมเป็นสิ่งดีที่ถูกต้องสำหรับทุกๆประเทศ ...แต่ในสายตาของพวกโลกตะวันตก นี่คือ "อาชญากรรม"


มาตอนนี้นอกจากจีนจะเป็นอิสระแล้ว ยังกล้าที่จะนำเสนอระบบใหม่ต่อชาวโลก ..ระบบซึ่งธุรกิจเอกชนทั้งหลายต้องอยู่เพื่อผลประโยชน์ของชาติและประชาชน นี่คือสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เป็นอยู่ในตะวันตกและประเทศบริวารทั้งหลาย ซึ่งรัฐเป็นลูกหนี้ของธุรกิจเอกชนจนต้องยอมอยู่ในอาณัต ..ประชาชนอยู่ภายใต้รัฐ..และยอมทำงานเพื่อประโยชน์ของธุรกิจอีกทอดหนึ่ง


เหนือสิ่งอื่นใด ประชาชนจีนมีการศึกษา กระตือรือล้น ชาตินิยม และ productive ....จีนสามารถแข่งขันกับตะวันตกได้ โดยไม่ต้องใช้วิธีเอาเปรียบชาวโลก ไม่เข้าไปเปลี่ยนรัฐบาลในประเทศอื่น หรือทำให้ผู้คนต้องอดหยาก


แต่สหรัฐเห็นว่านี่คือ การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม จึงต้องมีการแซงค์ชั่น คุกคาม ก่อกวน แล้วเรียกรวมว่า trade war


การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม คือการที่จีนปฏิเสธที่จะเล่นในกติกาเจ้าอาณานิคมของตะวันตก และพร้อมจะรับเอาประเทศอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เข้าในกลุ่มอย่างเสมอภาคกัน จีนไม่ต้องการเข้าครอบครองชาติอื่นๆ ...นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวของตะวันตก


ทั้ง 2 ปธน. คือทรัมพ์ และสีจิ้นผิง ต่างก็จะทำให้ประเทศของตน great again แต่ต่างก็มองความ great ไปคนละแบบ


great ในแบบสหรัฐคือการเข้าควบคุมโลกให้ได้ทั้งใบ แบบที่ทำมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองยุติลง


แต่ great แบบจีนๆ คือการให้คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อประชาชนของตน และของชาวโลก


ในหนังสือของ John Cobb Jr. นักปรัชญาอเมริกัน ชี้ให้เห็นว่า


"..ตั้งแต่หลังสงครามโลก WW2 สิ่งที่สหรัฐทำลงไป ได้ถูกก้อปปี้ออกไปในวงกว้าง สหรัฐมีโอกาสที่จะเป็นผู้นำโลกนี้ แต่ก็นำไปผิดทาง ..มาถึงวันนี้ สหรัฐและทั้งโลกรวมไปถึงจีนด้วยก็กำลังจะต้องชดใช้..ด้วยราคาที่สูงมาก เวลาการเป็นผู้นำของอเมริกันมันจบแล้ว ผมเองก็ยังอยากให้สหรัฐมีการปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่มันก็สายไปที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว แต่เราก็ยังดีใจที่ 'ศตวรรษแห่งอเมริกัน' สามารถจะปูทางไปสู่ 'ศตวรรษแห่งจีน' ได้.."


'ศตวรรษแห่งอเมริกัน' ฟังดูน่ากลัวต่อชาวยุโรปในหลายประเทศ วันเวลาของการอยู่ใต้อาณัตกำลังจะผ่านไป ไม่ช้าชาวยุโรปจะต้องทำงานจริงจังกันแล้ว แทนที่จะมีชีวิตหรูหราจากการปล้นเอาทรัพยากรและแรงงานถูกๆจากประเทศอื่นๆมาง่ายๆ


ในสถานการณ์เดียวกัน ตะวันตกกำลังเป็นกังวล..ในขณะที่ความหวังของประเทศอื่นๆจำนวนมากกำลังเจิดจ้าขึ้น


จีนไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว มีตั้งแต่รัสเซียยันอิหร่าน ..เวเนซูล่ายันอัฟริกาใต้ มีประเทศที่เพิ่มมาเรื่อยๆยืนเคียงข้างที่กำลังประกาศอิสรภาพ


Andre Vltchek is a philosopher, novelist, filmmaker and investigative journalist. He has covered wars and conflicts in dozens of countries. Three of his latest books are Revolutionary Optimism, Western Nihilism, a revolutionary novel “Aurora” and a bestselling work of political non-fiction: “Exposing Lies Of The Empire”. View his other books here. Watch Rwanda Gambit, his groundbreaking documentary about Rwanda and DRCongo and his film/dialogue with Noam Chomsky “On Western Terrorism”. Vltchek presently resides in East Asia and the Middle East, and continues to work around the world. He can be reached through his website and his Twitter.

 

รมว.พน. ลงพื้นที่โรงไฟฟ้าบางปะกง มั่นใจ กฟผ. นำน้ำมันปาล์มดิบมาผลิตไฟฟ้าได้ตามแผน โดย admin - 27 พฤศจิกายน 2018


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังความร้อนบางปะกง หน่วยที่ 3 ให้เดินเครื่องด้วยน้ำมันปาล์มดิบ โดยจะเริ่มทดสอบระบบภายในเดือนธันวาคม เพื่อให้สามารถผลิตได้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. 62 ตามแผนที่วางไว้

ดร.ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (รมว.พน.) เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังความร้อนบางปะกง หน่วยที่ 3 ให้เดินเครื่องด้วยน้ำมันปาล์มดิบ ที่โรงไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา โดยดูพื้นที่บริเวณถังน้ำมันที่ใช้เก็บสำรองน้ำมันปาล์มดิบ ห้องควบคุมการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังความร้อนบางปะกง หน่วยที่ 3 และบริเวณท่าเรือรับน้ำมันปาล์มดิบ พร้อมทั้งรับฟังแผนการดำเนินงานจากผู้บริหารการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทำให้มั่นใจได้ว่า กฟผ. มีการวางแผนงานที่ดี และมีทั้งบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและมีอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพจะสามารถช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ในการนำน้ำมันปาล์มดิบมาผลิตไฟฟ้าได้ตามที่วางไว้



ด้านนายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ ในฐานะโฆษก กฟผ. เปิดเผยถึงความคืบหน้าและแผนการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังความร้อนบางปะกง หน่วยที่ 3 ให้เดินเครื่องด้วยน้ำมันปาล์มดิบ ว่า กฟผ. ได้ปรับปรุงระบบเผาไหม้เชื้อเพลิงรับจ่ายน้ำมัน เช่น หัวจ่ายเชื้อเพลิง ( Burner ) ของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนหน่วยที่ 3 ให้พร้อมใช้น้ำมันปาล์มดิบร่วมกับก๊าซธรรมชาติในอัตราส่วน 50 : 50 โดยมีปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าเดือนละ 30,000 ตัน ซึ่ง กฟผ. จะรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบในราคากิโลกรัมละ 18 บาท ณ ท่าเทียบเรือโรงไฟฟ้าบางปะกง ที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จัดหาจากเกษตรกรผู้ผลิตที่ลานเทและโรงสกัดขึ้นทะเบียนกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในพื้นที่แหล่งผลิตที่สำคัญ เช่น จ.กระบี่ สุราษฎร์ธานี และชุมพร เป็นต้น



สำหรับการขนส่งน้ำมันปาล์มดิบไปยังโรงไฟฟ้านั้น กฟผ. จะร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ใช้การลำเลียงทางเรือวันเว้นวัน ขนาดความจุลำละ 2 พันตัน นำขึ้นที่ท่ารับน้ำมันฝั่งศูนย์ฝึกอบรมบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา จากนั้นจะใช้รถบรรทุกขนาด 20 ตัน ขนส่งจากท่ารับน้ำมันฯ ไปที่โรงไฟฟ้าบางปะกง ระยะทาง 11 กิโลเมตร โดยขนส่ง 3 ช่วงเวลา คือ 05.00 – 07.00 น. 09.00 – 16.00 น. และ 19.00 – 22.00 น.

ทั้งนี้ กฟผ. จะเริ่มทยอยรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 เป็นต้นไป และคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมันปาล์มดิบอย่างเป็นทางการได้ในวันที่ 15 มกราคม 2562 และจะสิ้นสุดโครงการในเดือนกรกฎาคม 2562 รวมระยะเวลาดำเนินโครงการทั้งสิ้น 6 เดือน
http://www.balanceenergythai.com/egat-bpk-oil/

 

ช่างศุภวิชญ์ จูเปรมปรี


24ชม.ข้างหน้าไทยตอนบนอุณหภูมิ

ลด2-4องศาฯลมแรงกลาตอ.กทม.ลด1-2องศา

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 27) ไปให้สุด…หยุดที่ 7-11 แปลงร่าง “ร้านสะดวกซื้อ” ตอบทุกโจทย์ที่ลูกค้าต้องการ : อาจพูดได้ว่าคนไทยไม่มีใครไม่รู้จักร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น” ภายใต้การบริหารของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) แต่จะมีกี่คนรู้ว่าบริษัทแห่งนี้มีรายได้สูงถึง 4.89 แสนล้านบาท


ในปีที่ผ่านมา แต่ละวันมีจำนวนลูกค้าที่เดินเข้าร้าน “เซเว่นอีเลฟเว่น” 12,157,312 คน (ตัวเลขเดือนสิงหาคม 2561) เฉลี่ยลูกค้า 1,184 คนต่อสาขาต่อวัน ที่เข้าไปใช้บริการและจับจ่ายซื้อสินค้าและทำธุรกรรมต่าง ๆ จึงไม่ต้องแปลกใจที่การเติบโตของยักษ์คอนวีเนี่ยนรายนี้จะร้อนแรงและเดินหน้าบุกไม่หยุด ด้วยเป้าหมาย 13,000 สาขา ในปี 2564 จากปัจจุบัน 10,268 สาขาทั่วประเทศ


การเติบโตของ “เซเว่นอีเลฟเว่น” เดินควบคู่กันไปทั้งในแนวลึกและแนวกว้าง แทรกซึมอยู่ในทุกไลฟ์สไตล์ชีวิตของคนไทย

ยุทธศาสตร์ “แนวลึก” ตามแผนการเติบโตด้วยการสปีดสาขาปีละ 700 สาขา เพื่อไปสู่เป้าหมาย 13,000 สาขา ไม่เพียงโมเดลสแตนดาร์ดชั้นเดียวตามชุมชนต่าง ๆ แต่ยักษ์คอนวีเนี่ยนรายนี้ยังแตกสารพัดโมเดลออกมาตอบโจทย์ลูกค้าเพื่อให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่, ความต้องการของลูกค้าและตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำตลาดแบบครบวงจร


ด้วยโมเดลใหม่ ๆ ที่ไม่ผูกติดอยู่กับร้านห้องแถว อาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม หรือปั๊มน้ำมันเท่านั้น แต่ได้ทยอยเปิดสาขารูปแบบ “ดูเพล็กซ์” หรือร้าน 2 ชั้น และ 3 ชั้น รวมถึงสาขาไซซ์ใหญ่ที่เป็นสแตนด์อะโลน ที่มาพร้อมลานจอดรถตามชุมชนต่าง ๆ เน้นเรื่องของเทคโนโลยีเข้ามาเสริมเพื่อรับกับเทรนด์ใหม่ ๆ เช่น ที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งหุ่นยนต์ต้อนรับ


รวมถึงการเพิ่มจุดบริการตนเอง ทั้งจุดชำระค่าสินค้าและอุ่นอาหารด้วยตนเอง และคีออสก์สำหรับสั่งหรือรับสินค้าของ 24 Shopping เป็นต้น เข้ามาสร้างสีสันและบรรยากาศกระตุ้นให้เกิดการเข้ามาใช้บริการภายในร้านที่ครบครัน


ทั้งสร้างการเติบโตใน “แนวกว้าง” ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของยักษ์ร้านสะดวกซื้อ ไม่เพียงฉีกหนีคู่แข่งด้วยจำนวนสาขาและบริการ แต่ยังเป็นการต่อยอดสร้างโมเดลธุรกิจเพื่อให้สอดรับกับค้าปลีกยุคใหม่และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป


หนึ่งในความเคลื่อนไหวสำคัญของเซเว่นอีเลฟเว่น ในยุคที่ธนาคารปรับลดสาขาเพื่อลดต้นทุน เซเว่นฯอาศัยจุดแข็งที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ เข้ามาเติมเต็มในฐานะ “ตัวแทนธนาคาร” (แบงกิ้งเอเย่นต์)


โดยนำร่องโปรเจ็กต์แรกกับธนาคารออมสิน โดยเปิดรับฝากถอนเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้านเซเว่นฯที่ีครอบคลุมกว่า 10,000 สาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่ 31 ต.ค. 2561 ที่ผ่านมา และยังมีธนาคารพาณิชย์อีกหลายแห่งที่เข้าคิวรอเป็นพันธมิตร


ถือเป็นช่องทางอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าโดยเฉพาะพื้นที่ต่างจังหวัดที่ร้านเซเว่นฯมีสาขาครอบคลุมกว่า 6,000 สาขา เรียกว่ามากกว่าสาขาแบงก์เองเสียอีก


ขณะที่ก่อนหน้านี้ “เซเว่นอีเลฟเว่น” ได้เคยร่วมมือกับธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMB THAI) เรียกเสียงฮือฮาในช่วงนั้น ด้วยการเข้าไปเปิดสาขาธนาคารภายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ที่ให้บริการแบบครบครันทั้งเปิดบัญชี บริการฝากเงิน บริการโอนเงินด่วนระหว่างประเทศ บริการแลกเงินตราต่างประเทศ บริการสินเชื่อรายย่อย บริการบัตรเดบิตและบัตรเครดิต


และตอนนี้ร้านเซเว่นฯบางสาขาก็กำลังทดลองนำเคาน์เตอร์ “ทรูช้อป” เข้าไปอยู่ในร้าน 7-11 ที่เป็นรูปแบบร้านขายมือถือครบวงจร ที่มีตั้งแต่จำหน่ายมือถือและอุปกรณ์เสริม รับส่งเครื่องซ่อม สมัครใช้บริการ จนถึงย้ายค่ายเบอร์เดิม


นอกจากนี้ “ซีพี ออลล์” ยังซุ่มวางแผนเข้าสู่ธุรกิจดูแลสุขภาพ โดยช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บริษัทได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ได้จัดตั้ง บริษัท ออลล์ เวลเนส จํากัด (ALL Wellness Co., Ltd.) ระบุว่า มีเป้าหมายเพื่อดําเนินธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพให้กับชุมชนด้วยนวัตกรรมระบบดิจิทัล และสร้างความสะดวกในการดูแลสุขภาพ รวมถึงแนะนําให้คําปรึกษาการดูแลสุขภาพโดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์


ต้องติดตามกันต่อไปว่า โมเดลธุรกิจของยักษ์ใหญ่ร้านสะดวกซื้อรายนี้จะเจาะลึกถึงการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคด้วยรูปแบบไหน


และที่กลายเป็นประเด็นร้อนเมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาก็คือ การคว้าสิทธิ์เป็นตัวแทนคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรในเมือง (Downtown VAT Refund for Tourists) ให้กับกรมสรรพากร ในช่วงทดลอง 6 เดือนตั้งแต่ 1ต.ค. 2561 เพียงรายเดียว ที่ทำให้ห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ทั้งหลายสั่นสะเทือนไปตามกัน


สำหรับภาพของร้านเซเว่นอีเลฟเว่นกับการขยายบทบาทสู่การเชื่อมต่อธุรกิจ “อีคอมเมิร์ซ” มากขึ้น นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า ทิศทางภาพรวมค้าปลีกออฟไลน์แบบมีหน้าร้าน ปัจจุบันตลาดมีการขยายตัวเพียงปีละ 3% ขณะที่ตลาดอีคอมเมิร์ซร้อนแรงด้วยอัตราการเติบโตกว่า 8.8% ด้วยมูลค่า 3.06 ล้านล้านบาท กลายเป็นช่องทางการตลาดที่ทรงพลัง ตั้งแต่แพลตฟอร์มของร้านค้าออนไลน์ บริการดีลิเวอรี่ และระบบชำระเงิน “อีเพย์เมนต์”


ดังนั้นการทำธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่ต้องผสานจุดแข็ง ทั้งการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์-ออฟไลน์ เสริมด้วยระบบโลจิสติกส์ ระบบอีเพย์เมนต์ ที่สะดวกและรวดเร็ว รวมไปถึงการใช้ “บิ๊กดาต้า” (Big Data) เข้ามาช่วยศึกษาข้อมูลเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ตรงจุด


เช่นเดียวกันโมเดลธุรกิจร้านเซเว่นอีเลฟเว่นก็ไม่แตกต่าง ต้องให้ความสำคัญกับอีคอมเมิร์ซมากขึ้น และผสานจุดแข็งของออฟไลน์ที่มีอยู่ทั่วประเทศ เช่น เมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากเว็บไซต์ ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง หรือทรู ช้อปปิ้ง ก็สามารถแจ้งความต้องการได้ว่า จะมารับสินค้าที่ร้านเซเว่นฯสาขาใกล้บ้าน หรือใช้บริการดีลิเวอรี่ส่งถึงบ้านก็ได้


“แม้ว่าการซื้อสินค้าในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทั่วโลกลดน้อยลง แต่สำหรับในประเทศไทยยังมีอัตราการซื้อสินค้าและบริการลดลงไม่มาก แต่ละปียอดขายของเซเว่นอีเลฟเว่นเติบโตเกือบ 10%” นายปิยะวัฒน์กล่าวทิ้งท้าย


คงไม่ผิดถ้าจะบอกว่า โมเดลธุรกิจของเซเว่นอีเลฟเว่นในยุคต่อไปจะเป็นมากกว่า “ร้านสะดวกซื้อ” คือเป็นศูนย์รวมทุกความต้องการในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค


เพราะด้วยศักยภาพของสาขา 13,000 แห่งที่กระจายอยู่ในทุกชุมชนทั่วประเทศ กลายเป็นจุดแข็งในการเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกค้าปลีกออนไลน์และค้าปลีกออฟไลน์


ขณะเดียวกันเทคโนโลยีดิจิทัลก็ทำให้ยักษ์สะดวกซื้อแห่งนี้สามารถแปลงร่างเป็นผู้ให้บริการฝาก-ถอนเงิน เสมือนธนาคารรวมทั้งตัวแทนคืนภาษีของกรมสรรพากรได้อย่างไม่ยาก และอนาคตอาจจะได้เห็นโมเดลร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่เป็นคลินิกสุขภาพของชุมชนก็คงไม่ไกลเกินความจริง


Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

https://www.prachachat.net/asian-100/news-252434