ติดตามสถานะการณ์

Clima Extremo 24

สเปน

ส่วนหนึ่งของบ้านสองชั้นพังทลายลง หลังจากฝนตกหนักที่เกิดขึ้น Tacoronte

 

In Clip: อัยการอาร์เจตินาเล็งตั้งข้อหา “มกุฎราชกุมารซาอุฯ” ระหว่างเสด็จร่วมประชุม G20 ในบัวโนสไอเรส เผยแพร่: 27 พ.ย. 2561 12:04 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเจนซีส์ – ในเวลานี้สำนักงานอัยการอาร์เจนตินาอยู่ระหว่างการพิจารณาการร้องขอของกลุ่มฮิวแมนไรท์วอช ที่ต้องการให้ตั้งข้อหาอาชญากรสงครามและการทรมานแก่มกุฎราชกุมารซาอุฯ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน (Mohammed bin Salman) จากการเสียชีวิตจำนวนมากในเยเมนและคดีอดีตคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์หากพระองค์เสด็จเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่จะมีขึ้นในกรุงบัวโนสไอเรสในสัปดาห์นี้

หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(26 พ.ย)ว่า ทั้งนี้ก่อนหน้าพบว่า กลุ่มสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรท์วอช ได้ส่งจดหมายไปยังสำนักงานอัยการกลางอาร์เจนตินา และชี้ว่าศาลอาร์เจนตินาสมควรที่จะใช้ "สถานภาพเขตอำนาจศาลสากล" (universal jurisdiction statute) ในกฎหมายอาร์เจนตินา สำหรับการดำเนินคดีทางกฎหมายต่อมกุฎราชกุมารซาอุฯ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน (Mohammed bin Salman) จากการเสียชีวิจจำนวนมากของพลเรือนในเยเมนในปฎิบัติการพัธมิตรอาหรับภายใต้การนำของริยาด และการทรมานพลเมืองซาอุฯ รวมไปถึง อดีตคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ จามาล คาช็อกกี ซึ่งถูกสังหารภายในสถานกงสุลซาอุฯประจำเมืองอิสตันบูลเมื่อวันที่ 2 ต.คที่ผ่านมา

ทั้งนี้พบว่าคำร้องที่เสนอโดยกลุ่มฮิวแมนร์วอชและยื่นต่อผู้พิพากษาศาลกลางอาร์เจนตินา เอเรียล ลีโฮ (Ariel Lijo) ที่ทางผู้พิพากษาได้ส่งต่อหนังสือคำร้องนี้ไปยังอัยการอาร์เจนตินา รามิโร กอนซาเลซ (Ramiro González)

และทำให้ในเวลานี้ทางอัยการอาร์เจนตินาต้องพิจารณาว่า หลักการสถานภาพเขตอำนาจศาลสากลนั้นได้รับการถูกรับรองให้สามารถกระทำได้ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญอาร์เจนตินาหรือไม่ ที่จะสามารถใช้ได้ในกรณีของมกุฎราชกุมารซาอุฯ สื่ออังกฤษชี้

แต่ทว่าแหล่งข่าวทางการยุติธรรมอาร์เจนตินาให้ข้อมูลว่า “ดูเหมือนว่าในกรณีนี้จะสามารถเกิดได้ยากมาก” อ้างอิงการรายงานจากหนังสือพิมพ์คลาริน( Clarín) ของอาร์เจนตินา

และเสริมต่อว่า และในกรณีคดีฆาตกรรม จามาล คาช็อกกี นั้นไม่ดูเหมือนจะสามารถเข้าข่ายอาชญากรรมด้านสิทธิมนุษยชนได้ แต่ทว่าการยื่นเรื่องรองของทางฮิวแมนไรท์วอชนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานรูปแบบการทรมานในวงกว้าง รวมไปถึงปฎิบัติการทางทหารในเยเมน

ทั้งนี้ในวันจันทร์(26) แหล่งข่าวจากสำนักงานทำเนียบประธานาธิบดีอาร์เจนตินา เมาริซิโอ มาครี (Mauricio Macri) ได้ออกมาปฎิเสธที่จะให้ความเห็นถึงคำร้องของการจับกุมตัวเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน หลังจากที่พระองค์เดินทางมาถึงอาร์เจนตินาแล้ว

“ทางเราไม่สามารถให้ความเห็นในเรื่องนี้ได้ แต่สิ่งที่เราจะกล่าวได้คือ การเสด็จเข้าร่วมการประชุมของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบียนั้นได้รับการยืนยัน ทางเราไม่ได้รับข้อมูลอื่นนอกเหนือจากนี้” แหล่งข่าวให้สัมภาษณ์กับเดอะการ์เดียน

ทั้งนี้พบว่ามกุฎราชกุมารซาอุฯทรงปรากฎอยู่ในรายชื่อแขกรับเชิญในการประชุมสุดยอดผู้นนำ G20 ที่จะมีขึ้นเป็นเวลา 2 วันโดยเริ่มตั้งแต่วันศุกร์(30) ซึ่งทางประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เคยกล่าวว่า เขาเตรียมตัวที่จะเข้าเฝ้าพระองค์

ด้านเคนเนธ โรธ (Kenneth Roth)ผู้อำนวยการกลุ่มฮิวแมนไรท์วอชกล่าวผ่านแถลงการณ์ที่เป็นลายลักษณ์อักษรว่า

“เจ้าหน้าที่อัยการอาร์เจนตินาสมควรที่ต้องตรวจสอบบทบาทของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซาลมาน ฐานอาชญากรสงครามที่กระทำโดยกองทัพซาอุฯซึ่งเป็นผู้นำปฎิบัติการกองกำลังพันธมิตรอาหรับในสงครามเยเมนนับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา”

และในแถลงการณ์ยังชี้ว่า “การเสด็จมาเยือนกรุงบัวโนสไอเรสเพื่อเข้าร่วมการประชุมซัมมิต G20 ของมกุฎราชกุมารซาอุฯ ทางศาลอาร์เจนตินาสามารถทำให้เป็นช่องทางในการเยียวยาต่อเหยื่อของการละเมิด ผู้ที่ไม่สามารถแสวงหาความยุติธรรมได้ในเยเมนและซาอุดีอาระเบีย

https://mgronline.com/around/detail/9610000118194

 

ทูต ‘เฮลีย์’ ชี้พฤติกรรมเย้ยกฎหมายของ ‘รัสเซีย’ ปิดโอกาสฟื้นสัมพันธ์กับสหรัฐฯ เผยแพร่: 27 พ.ย. 2561 09:40 ปรับปรุง: 27 พ.ย. 2561 10:52 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติ

เอเอฟพี - เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกมาตำหนิรัสเซียกรณีการยึดเรือของกองทัพยูเครน 3 ลำในทะเลอาซอฟ ชี้เป็นพฤติกรรมเย้ยกฎหมายที่ทำให้การฟื้นฟูความสัมพันธ์สู่ระดับปกติกับวอชิงตันเป็นไปได้ยาก

นิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น ได้กล่าวต่อคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นซึ่งมีการเรียกประชุมฉุกเฉินเมื่อวานนี้ (26 พ.ย.) ระบุว่า “สหรัฐฯ ยินดีที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัสเซียสู่ระดับปกติ ทว่าการกระทำที่ผิดกฎหมายเช่นครั้งนี้ก็ทำให้มันยังเป็นไปไม่ได้”

สถานการณ์ตึงเครียดเริ่มปะทุขึ้นเมื่อกองทัพเรือรัสเซียบุกยึดเรือของกองทัพเรือยูเครน 3 ลำที่นอกชายฝั่งแหลมไครเมียในวันอาทิตย์ (25) พร้อมกล่าวหาฝ่ายยูเครนว่ารุกล้ำน่านน้ำของตนในทะเลอาซอฟ

หลายฝ่ายเริ่มกังวลว่า เหตุกระทบกระทั่งในทะเลครั้งนี้อาจลุกลามจนกลายเป็นการเผชิญหน้าทางทหารครั้งใหญ่ระหว่างรัสเซียและยูเครน

เฮลีย์ ยืนยันว่างานนี้รัสเซียเป็นฝ่ายผิดเต็มประตู และการยึดทั้ง 3 ลำก็ถือว่า “ละเมิดอธิปไตยของยูเครนอย่างร้ายแรง”

อย่างไรก็ตาม ทูตหญิงฝีปากกล้ารายนี้ไม่ได้ยกมาตรการคว่ำบาตรมาขู่รัสเซียแต่อย่างใด แถมยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายปลดล็อคความตึงเครียดในไครเมีย ซึ่งมอสโกได้ผนวกเข้าเป็นดินแดนของตนเมื่อปี 2014 ผ่านการทำประชามติซึ่งนานาชาติไม่ให้การยอมรับ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่วอชิงตันว่า “ไม่เห็นด้วย” กับการกระทำของรัสเซีย แต่ก็เชื่อว่ารัฐบาลยุโรปคงจะช่วยคลี่คลายวิกฤตการณ์ครั้งนี้ได้

“เราไม่ชอบสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเลย... หวังว่าเรื่องนี้คงจะมีทางออก ผมรู้ว่ายุโรปไม่ได้ตื่นเต้นอะไร พวกเขาก็กำลังพยายามแก้สถานการณ์อยู่ เราทุกฝ่ายกำลังร่วมมือกัน” ทรัมป์กล่าว

ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงประณามการกระทำก้าวร้าวของรัสเซีย และเรียกร้องให้มีการส่งคืนเรือรวมถึงปล่อยตัวลูกเรือยูเครนโดยเร็ว

พอมเพโอ อ้างรายงานที่ระบุว่า เรือตรวจการณ์ของกองกำลังป้องกันชายแดนรัสเซียได้พุ่งเข้าชนและยิงเข้าใส่เรือของกองทัพยูเครน จนทำให้ลูกเรือยูเครนได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะยึดเรือทั้ง 3 ลำเอาไว้ “ซึ่งถือเป็นการยั่วยุอย่างอันตรายและฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศ”

เฮลีย์ ย้ำว่า เธอได้หารือกับประธานาธิบดี ทรัมป์ และ พอมเพโอ ก่อนจะมาแถลงต่อที่ประชุมยูเอ็นเมื่อวานนี้ (26) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า “รัฐบาลอเมริกันมีความกังวลสูงสุด” ต่อข้อพิพาทที่เกิดขึ้น

ทูตรัสเซียกล่าวโทษยูเครนว่าเป็นฝ่ายยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้าเพื่อสร้างความชอบธรรมในการประกาศกฎอัยการศึกและเลื่อนการเลือกตั้งออกไป หลังโพลล่าสุดบ่งชี้ว่าประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก อาจจะแพ้เลือกตั้ง

รัฐสภายูเครนลงมติเห็นชอบวานนี้ (26) ตามข้อเรียกร้องของ โปโรเชนโก ซึ่งขอให้ประกาศกฎอัยการศึกบริเวณพรมแดนเป็นเวลา 30 วัน

รองเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำยูเอ็นยืนยันว่า กองทัพหมีขาว “ไม่เคยรุกรานใครก่อน แต่รู้จักที่จะป้องกันตนเอง” ขณะที่ฝ่ายยูเครนเรียกร้องให้นานาชาติเพิ่มมาตรการแซงก์ชั่นรัสเซีย

โวโลดีมีร์ เยลเชนโก เอกอัครราชทูตยูเครนประจำยูเอ็น อ้างถึงเทปบันทึกเสียงสื่อสารระหว่างผู้บัญชาการเรือรบรัสเซียซึ่งยืนยันได้ว่า พวกเขาได้รับคำสั่งให้โจมตีขณะที่เรือทั้ง 3 ลำเปลี่ยนทิศทางเพื่อมุ่งไปสู่ท่าเรือของยูเครน

ฝรั่งเศสและเยอรมนีซึ่งเป็นผู้นำชาติยุโรปในความพยายามยุติความขัดแย้งในยูเครนเรียกร้องให้รัสเซียปลดปล่อยเรือและลูกเรือของยูเครนโดยเร็วที่สุด

https://mgronline.com/around/detail/9610000118144

 

ระอุ!รัฐสภายูเครนอนุมัติ'อัยการศึก' ผวารัสเซียยกพลบุกหลังยึดเรือ3ลำใกล้ไครเมีย เผยแพร่: 27 พ.ย. 2561 04:31 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รัฐสภายูเครนเห็นชอบประกาศกฎอัยการศึกเป็นเวลา 30 วัน หลังประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก เตือนถึงภัยคุกคามร้ายแรงของการรุกรานทางภาคพื้นจากรัสเซีย หลังมีเหตุพิพาทรัสเซียยึดเรือของกองทัพเรือยูเครน 3 ลำและควบคุมตัวลูกเรือทั้งหมดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
รอยเตอร์ - ยูเครนในวันจันทร์(26พ.ย.) ประกาศกฎอัยการศึกเป็นเวลา 30 วัน ในหลายพื้นที่ของประเทศที่อ่อนแอหากถูกโจมตีจากรัสเซีย หลังประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก เตือนถึงภัยคุกคามร้ายแรงของการรุกรานทางภาคพื้น

โปโรเชนโกบอกว่ากฎอัยการศึกมีความจำเป็นเพื่อเสริมการป้องกันตนเองของยูเครน หลังรัสเซียยึดเรือของกองทัพเรือยูเครน 3 ลำและควบคุมตัวลูกเรือทั้งหมดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

รัฐสภายูเครนเห็นชอบประกาศกฎอัยการศึก หลังจากโปโรเชนโก ให้คำรับประกันกับเหล่าสมาชิกสภาที่เคลือบแคลงบางส่วน ว่าจะไม่ใช้มันจำกัดสิทธิเสรีภาพพลเรือนและเตะถ่วงศึกเลือกตั้งที่กำหนดไว้ในปีหน้า

ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติยังคงคุกรุ่น หลังรัสเซียผนวกไครเมียของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนในปี 2014 และสนับสนุนพวกกบฏแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่มอสโกทางภาคตะวันออกของยูเครน วิกฤตครั้งนี้เสี่ยงผลักทั้งสองประเทศเข้าสู่ความขัดแย้งอย่างเปิดเผย

"รัสเซียทำสงครามพันทางกับประเทศของเรามานานกว่า 5 ปีแล้ว แต่ด้วยการโจมตีเรือของกองทัพเรือยูเครน มันคือการเคลื่อนเข้าสู่การรุกรานขั้นใหม่" โปโรเชนโกระบุ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ บอกว่าเขาไม่ชอบสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างรัสเซียกับยูเครน และกำลังทำงานร่วมกับเหล่าผู้นำยุโรปในสถานการณ์นี้

เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์กรสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) กล่าวระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับ โปโรเชนโก ว่าพันธมิตรให้การสนับสนุนอย่างเต็มเปี่ยมต่ออำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน

สหภาพยุโรป, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, โปแลนด์, เดนมาร์ก และแคนาดา ต่างประณามสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็นการรุกรานของรัสเซีย ส่วนนางแองเจลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องเจรจา



รัฐสภายูเครนเห็นชอบประกาศกฎอัยการศึกเป็นเวลา 30 วัน หลังประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก(คนในรูป) เตือนถึงภัยคุกคามร้ายแรงของการรุกรานทางภาคพื้นจากรัสเซีย หลังมีเหตุพิพาทรัสเซียยึดเรือของกองทัพเรือยูเครน 3 ลำและควบคุมตัวลูกเรือทั้งหมดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามในส่วนของรัสเซีย ทางกระทรวงการต่างประเทศเครมลินกล่าวโทษเคียฟต่อวิกฤตคราวนี้ "แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่ขบคิดมาแล้วอย่างระมัดระวังและเป็นแผนยั่วยุที่มีเป้าหมายโหมกระพืออีกหนึ่งแหล่งกำเนิดความตึงเครียดในภูมิภาต เพื่อสร้างข้ออ้างสำหรับยกระดับมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย" พร้อมเผยว่าได้เรียกทูตระดับสูงประจำสถานทูตเคียฟในกรุงมอสโกเข้าพบ เพื่อประท้วงในเหตุการณ์นี้แล้ว

ในกรุงเคียฟ โปโรเชนโก อ้างว่าข้อมูลข่าวกรองชี้ว่ามีภัยคุกคามร้ายแรงมากจากปฏิบัติการทางภาคพื้นหนึ่งของรัสเซีย "ผมมีเอกสารข่าวกรองในมือ นี่คือเอกสารหลายแผ่นที่บรรยายรายละเอียดของทุกกองกำลังของข้าศึกที่อยู่ห่างจากชายแดนของเราหลายสิบกิโลเมตร พวกเขาพร้อมทุกเวลาสำหรับรุกรานยูเครนอย่างทันทีทันใด"

"กฎอัยการศึกจะเป็นการเปิดทางให้ยูเครนสามารถตอบโต้การรุกรานใดๆอย่างทันควันและเคลื่อนย้ายทรัพยากรต่างๆอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" โปโรเชนโกกล่าว

อย่างไรก็ตามเขาปฏิเสธเสียงครหาของพวกนักวิจารณ์ที่มองวาเขาเสนอมาตรการนี้เพื่อหวังเตะถ่วงศึกเลือกตั้งในปีหน้า ที่เขาเจองานหนักหากต้องการนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกสมัย ท่ามกลางผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักโพลต่างๆที่พบว่าเขามีคะแนนตามหลังคู่แข่ง ทั้งนี้สมาชิกสภายูเครนได้ทำการลงมติครั้งที่ 2 เพื่อยืนยันว่าศึกเลือกตั้งจะเกิดขึ้นตามที่กำหนดไว้เดิมในวันที่ 31 มีนาคม

วิกฤตคราวนี้ปะทุขึ้นเมื่อเรือตรวจการณ์ของกองกำลังป้องกันชายแดนรัสเซีย ได้เข้ายิงเข้าใส่และยึดเรือ 3 ลำของกองทัพเรือยูเครน ซึ่งประกอบด้วยเรือหุ้มเกราะติดปืนใหญ่ลำเล็กๆ 2 ลำ และเรือลากจูง 1 ลำ ในทะเลดำเมื่อวันอาทิตย์ (25พ.ย.) และแจงว่า ในการปฏิบัติการครั้งนี้จำเป็นต้องใช้อาวุธ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สืบเนื่องจากเรือยูเครนเหล่านั้นรุกล้ำน่านน้ำและเพิกเฉยต่อคำเตือนให้หยุดแถมยังเคลื่อนที่อย่างอันตราย

ความตึงเครียดในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่องแคบเคอร์ช บริเวณที่รัสเซียสร้างสะพานแห่งใหม่เพื่อเปิดทางเชื่อมต่อทางบกกับโครเมีย ขณะที่ เคียฟ กล่าวหามอสโกปิดกั้นกองเรือของพวกเขาไม่ให้แล่นผ่านช่องแคบแห่งนี้ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือเส้นทางเดียวที่ใช้เข้าและออกระหว่างทะเลอาซอฟกับทะเลดำ

สำนักงานความมั่นคงกลางของรัสเซีย (FSB) ระบุว่าเรือของยูเครนเพิกเฉยต่อการยิงเตือน บังคับให้เรือของรัสเซียต้องเปิดฉากยิงด้วยกระสุนจริง หลังเข้ามาในน่านน้ำของรัสเซียอย่างผิดกฎหมาย

https://mgronline.com/around/detail/9610000118120

 

ป่านนี้รัสเซียไม่สำรวจข้อมูลของเรือรบยูเครน แทบทุกซอกทุกมุมแล้วหรือ

นาโต้เตือนเสียงแข็ง เรียกร้องรัสเซียปล่อยเรือรบยูเครนทันที
เผยแพร่: 27 พ.ย. 2561 02:29 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเอฟพี - เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์กรสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) ในวันจันทร์(26พ.ย.) เรียกร้องรัสเซียปล่อยเรือยูเครน 3 ลำพร้อมลูกเรือที่ควบคุมไว้ หลังเกิดการปะทะนอกชายฝั่งไครเมีย พร้อมเตือนมอสโกจะเจอผลย้อนกลับจากการกระทำของพวกเขา

หน่วยงานความมั่นคงของรัสเซียหรือเอฟเอสบี แถลงเมื่อเช้าวันจันทร์ว่า เรือตรวจการณ์ของกองกำลังป้องกันชายแดนรัสเซีย ได้เข้ายิงเข้าใส่และยึดเรือ 3 ลำของกองทัพเรือยูเครน ซึ่งประกอบด้วยเรือหุ้มเกราะติดปืนใหญ่ลำเล็กๆ 2 ลำ และเรือลากจูง 1 ลำ ในทะเลดำเมื่อวันอาทิตย์ (25พ.ย.) และแจงว่า ในการปฏิบัติการครั้งนี้จำเป็นต้องใช้อาวุธ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สืบเนื่องจากเรือยูเครนเหล่านั้นรุกล้ำน่านน้ำและเพิกเฉยต่อคำเตือนให้หยุดแถมยังเคลื่อนที่อย่างอันตราย

เหตุการณ์ดังกล่าวโหมกระพือความตึงเครียดลุกโชนขึ้นอย่างฉับพลันและก่อความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลาย

สโตลเทนเบิร์ก ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ ปีเตอร์ โปโรเชนโก ประธานาธิบดียูเครน ก่อนเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายจากประชุมฉุกเฉินกันที่สำนักงานใหญ่ของนาโต้ในกรุงบรัสเซลส์

"ไม่มีความชอบธรรมใดที่สามารถใช้กำลังทหารกับกองเรือและบุคลากรของกองทัพเรือยูเครน ดังนั้นเราจึงขอเรียกร้องให้รัสเซียปล่อยลูกเรือยูเครนและเรือของที่พวกยึดไว้เมื่อวานนี้ในทันที" สโตลเทนเบิร์กบอกกับผู้สื่อข่าว หลังประชุมของคณะกรรมาธิการนาโต้-ยูเครน "และเราเรียกร้องความสงบและอดทนอดกลั้น"

เคียฟกล่าวหารัสเซีย กำลังดำเนินการขั้นใหม่ของแห่งรุกราน หลังจากเคยผนวกไครเมียของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนมาแล้วในปี 2017

กองทัพยูเครนถูกสั่งให้อยู่ในการเฝ้าระวังขึ้นสูง และรัฐสภาของประเทศเตรียมลงมติตามคำร้องของประธานาธิบดีโปโรเชนโกที่ขอให้ประกาศกฎอัยการศึกเป็นเวลา 60 วัน

ขณะเดียวกันยูเครนยังเรียกร้องให้พันธมิตรตะวันตกยกระดับมาตรการคว่ำบาตรที่มีอยู่ในปัจจุบันที่กำหนดเล่นงานรัสเซียต่อกรณีผนวกไครเมีย และบทบาทของมอสโกในสถานการณ์ความขัดแย้งในภาคตะวันออกของยูเครน ระหว่างกองกำลังรัฐบาลกับพวกกบฏแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซีย

สโตลเทนเบร์ก บอกว่าพันธมิตร 29 ชาติของนาโต้ ย้ำถึงจุดยืนสนับสนุนอำนาจอธิปไตยของยูเครน และบอกว่าพวกเขาไม่เคยรับรองคำกล่าวอ้างของรัสเซียในเรื่องไครเมีย

"รัสเซียจำเป็นต้องตระหนักว่าพฤติกรรมของพวกเขาต้องเจอกับผลสนอง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมนาโต้ถึงมีปฏิกิริยาหนักแน่นยิ่งกับความเคลื่อนไหวของรัสเซียต่อยูเครนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา" สโตลเมนเบิร์กกล่าว โดยปราศจากให้รายละเอียดใดๆเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการตอบโต้ แต่บ่งชี้ถึงมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่ตะวันตกเคยกำหนดเล่นงานรัสเซีย

ความตึงเครียดในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่องแคบเคอร์ช บริเวณที่รัสเซียสร้างสะพานแห่งใหม่เพื่อเปิดทางเชื่อมต่อทางบกกับโครเมีย ขณะที่ เคียฟ กล่าวหามอสโกปิดกั้นกองเรือของพวกเขาไม่ให้แล่นผ่านช่องแคบแห่งนี้ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือเส้นทางเดียวที่ใช้เข้าและออกระหว่างทะเลอาซอฟกับทะเลดำ

https://mgronline.com/around/detail/9610000118116

 

ภาพน่ากลัว! รถบัสเกือบหลุดโค้งตกเขื่อนในโคลอมเบีย (ชมวิดีโอ)
เผยแพร่: 27 พ.ย. 2561 03:30 ปรับปรุง: 27 พ.ย. 2561 10:56 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เดลิเมล์ - สื่อต่างประเทศเผยแพร่คลิปนาทีระทึก เหตุการณ์รถบัสคันหนึ่งหักเลี้ยวเกือบหลุดโค้ง หวิดดิ่งลงสู่กระแสน้ำเชี่ยวกรากที่อยู่เบื้องล่าง

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบริเวณเขื่อนอิทวนโก้ อยู่ระหว่างก่อสร้างในเมืองอิทวนโก้ มณฑลแอนติโอกัว ประเทศโคลอมเบีย



ภาพจากยูทูบ
ในวิดีโอที่ถ่ายไว้โดยผู้เห็นเหตุการณ์ เป็นภาพของรถบัสคันหนึ่งกำลังพยายามหักเลี้ยวเข้าโค้งแคบๆอย่างช้าๆ แต่ดูเหมือนจะตีวงไม่พอ และท้ายที่สุดก็ทำให้รถบัสติดแหง็กห้อยต่องแต่งอยู่ริมขอบเหว ท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยวกรากที่อยู่เบื้องล่าง

อย่างไรก็ตาม เคราะห์ดีที่รถบัสนำเที่ยวคันนี้ไม่มีผู้โดยสารมาด้วยในตอนเกิดเหตุ และต่อมาเจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินก็เข้ามาช่วยคนขับเอาไว้ได้



ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งคงต้องขอบคุณรั้วกั้นด้านความปลอดภัยที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายแรงไม่มากกว่านี้ และเจ้าหน้าที่เผยว่าพวกเขากำลังเร่งเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่

สำหรับเขื่อนอิทวนโก้ เคยตกเป็นข่าวพาดหัวเมื่อหลายเดือนก่อน หลังจากเหตุน้ำท่วมทำให้ต้องอพยพชาวบ้านมากกว่า 25,000 ครอบครัว และการก่อสร้างมีอันต้องล่าช้าอย่างน้อยๆ 3 ปี

https://mgronline.com/around/detail/9610000118117

 

งัด ม.44 ให้ คสช.มีอำนาจรักษาตำแหน่งข้าราชการประเภทบริหาร ภายใต้เงื่อนไขใดก็ได้ Submitted on Tue, 2018-11-27 01:33

พล.อ.ประยุทธ์ งัด ม.44 ออกคำสั่งให้ คสช.มีอำนาจกำหนดตำแหน่งประเภทบริหารของข้าราชการพลเรือนที่มีความจำเป็นให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนั้น โดยจะมีกำหนดระยะเวลาเพียงใด หรือภายใต้เงื่อนไขอย่างใดก็ได้ เพื่อรองรับการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ



ภาพกิจกรรม พล.อ.ประยุทธ์ มอบประกาศนียบัตรและเข็มที่ระลึกพร้อมทั้งมอบโอวาทให้แก่ข้าราชการที่สำเร็จจากโครงการพัฒนานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ (นปร.) รุ่นที่ 9 เมื่อวันที่ 17 พ.ค.60 (แฟ้มภาพจาก เว็บไซต์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ)

26 พ.ย.2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรื่อง มาตรการสนับสนุนการบริหารราชการแผ่นดินให้มีความต่อเนื่อง โดยข้อ 1 ระบุว่า ให้การดำเนินการคัดเลือกหรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจตามหลักอาวุโส ลงวันที่ 25 ก.ค. 2561 กฎระเบียบ คำสั่ง ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่วาระการแต่งตั้งประจำปี พ.ศ.2559 จนถึงวันที่กฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติ ในส่วนที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจตามแนวทางการปฏิรูปตามมาตรา 258 ง. ด้านกระบวนการยุติธรรม (4) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มีผลใช้บังคับ เป็นการดำเนินการที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการรักษาความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ และให้ถือว่าการดำเนินการนั้น เป็นการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญและเป็นที่สุด

ข้อ 2 เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการเพื่อรองรับการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีอำนาจกำหนดตำแหน่งประเภทบริหารของข้าราชการพลเรือนที่มีความจำเป็นให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนั้น โดยจะมีกำหนดระยะเวลาเพียงใด หรือภายใต้เงื่อนไขอย่างใดก็ได้ และมิให้นำการกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 58 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาใช้บังคับกับตำแหน่งดังกล่าว





https://prachatai.com/journal/2018/11/79794

 

ยังไม่จบ! แผนระเบิดแก่งแม่น้ำโขง บ.ที่ปรึกษาจีนเดินหน้าเปิดเวทีรับฟังความเห็น Submitted on Tue, 2018-11-27 12:15

แผนระเบิดแก่งแม่น้ำโขงยังไม่ดับ บ.ที่ปรึกษาจีนเดินหน้าเปิดเวทีรับฟังความเห็นสวนคำประกาศ รมว.ต่างประเทศ นักอนุรักษ์งง-ทำเพื่ออะไร



27 พ.ย.2561 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า จีระศักดิ์ อินทะยศ ผู้ประสานงานกลุ่มรักษ์เชียงของ จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ทางกลุ่มได้รับหนังสือเชิญจากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเชียงราย ลงวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อแจ้งถึงการจัดเวทีรับฟังความเห็นของประชาชน ต่อโครงการเดินเรือบนแม่น้ำล้านช้างแม่น้ำโขง หรือที่รู้จักกันในชื่อโครงการระเบิดแก่งแม่น้ำโขง

โดยเนื้อหาในจดหมายระบุว่า บริษัททีมคอนซัลติ้ง กรุ๊ป ซึ่งได้รับการมอบหมายจากบริษัท CCCC Second Harbor Consultant จำกัด ที่ปรึกษาของรัฐบาลจีน ที่ได้รับอนุญาตในการสำรวจการดำเนินงานออกแบบและสำรวจเบื้องต้นโครงการปรับปรุงร่องน้ำเพื่อการเดินเรือในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแผนการพัฒนาดังกล่าว เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2559 ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ การศึกษาสำรวจออกแบบโครงการดังกล่าวดำเนินการแล้วเสร็จ ทางบริษัททีมฯ จึงกำหนดให้มีการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อผลการศึกษา ร่างมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และร่างมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ ระหว่างวันที่ 12-18 ธ.ค.2561 จำนวน 8 เวที ในพื้นที่อำเภอเชียงของ เวียงแก่นและเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยเริ่มต้นเวทีแรกที่อำเภอเชียงของ ในวันที่ 12 ธ.ค.2561 ณ ห้องประชุมอาคารศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลตำบลเวียง อำเภอเชียงของ




ผู้ประสานงานกลุ่มรักษ์เชียงของกล่าวอีกว่า เมื่อช่วงปี 2560 มีการการสำรวจทางธรณีวิทยาและอุทกวิทยา ในบริเวณแม่น้ำโขงพรมแดนไทย-ลาว โดยคณะสำรวจของบริษัทจีน CCCC ในระหว่างวันที่ 21 เม.ย.2560 – 26 พ.ค.2560 โดยได้มีการสำรวจพื้นที่จำนวน 15 จุด 168 หลุมเจาะ ตลอดชายแดนไทย 97 กิโลเมตร จากอำเภอเชียงแสน เชียงของและเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ตรงข้ามแขวงบ่อแก้ว ต่อมาบริษัททีมฯ ได้เข้ามาจัดกิจกรรมการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อขอบเขตและแนวทางการศึกษาของโครงการ และข้อกังวล/ห่วงใย และข้อเสนอแนะต่อโครงการฯ ระหว่างวันที่ 21 – 27 ก.ย.2560 จำนวน 7 เวที มีผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน 811 ราย โดยประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว เนื่องจากกังวลด้านผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิตและการทำมาหากิน



ข่าวแจกจากกรมเจ้าท่าเมื่อวันที่ 23 เม.ย.2560

ทั้งนี้แผนพัฒนาการเดินเรือระหว่างประเทศในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง พ.ศ.2558-2568 ครอบคลุมพื้นที่แม่น้ำโขงระหว่างเมืองซือเหมาในจีน ถึงเมืองหลวงพระบางในลาว แบ่งการพัฒนาเป็น 2 ระยะ คือระยะที่ 1 (พ.ศ.2558-2563) ศึกษา สำรวจ ออกแบบ และทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสังคมของแต่ละโครงการ และได้รับการรับรองจาก 4 ประเทศ โดยจะปรับปรุงร่องน้ำระยะทาง 631 กิโลเมตร จากชายแดนจีน-เมียนมาที่หลัก 243 ถึงหลวงพระบางเพื่อรองรับเรือ 500 ตัน พัฒนาท่าเรือสินค้า 3 แห่ง และท่าเรือโดยสาร 3 แห่ง และระยะที่ 2 (พ.ศ.2563-2568) ศึกษา สำรวจ ออกแบบ และทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสังคมของแต่ละโครงการ และได้รับการรับรองจาก 4 ประเทศ มีการปรับปรุงร่องน้ำระยะทาง 259 กิโลเมตร จากซือเหมาถึงชายแดนจีน-เมียนมา ที่หลัก 243 ให้รองรับเรือ 500 ตัน และสร้างสะพาน Yunjinghong ขึ้นใหม่ และมีการพัฒนาท่าเรือสินค้าสำหรับเรือ 500 ตัน จำนวน 4 แห่ง ท่าเรือสินค้าสำหรับเรือ 300 ตัน และท่าเรือโดยสาร 9 แห่ง

สมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต กล่าวว่าตนมีความสงสัยว่าการจัดเวทีนี้จะเป็นเรื่องของกระบวนการศึกษาของบริษัทเพื่อทำให้จบกระบวนการที่ทางจีนว่าจ้าง หรือไม่ เพราะความเห็นของประชาชนจากการรับฟังความคิดเห็นก่อนหน้านี้ ชาวบ้านได้บอกไปทั้งหมดแล้วว่าไม่เห็นด้วยกับโครงการระเบิดแก่งแม่น้ำโขง เนื่องจากผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและการที่เรือจีนจะสามารถล่องลงมาได้ถึงชายแดนไทย และเมื่อก่อนปีใหม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศก็ยังบอกผ่านสื่อมวลชนแล้วว่าจีนยอมระงับแล้ว แต่นี่ยังมาจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อวัตถุประสงค์อะไร

“การจัดเวทีนี้ไม่มีความจำเป็นอีกแล้ว สำหรับประชาชนริมโขงนั้น เรื่องระเบิดแก่งมันจบแล้ว ทำไมยังมาจัดเวทีอีก หากมาเพื่อเคลื่อนไหวเดินหน้าโครงการต่อ ต้องถูกต่อต้านจากประชาชนแน่นอน แล้วสิ่งที่ที่รัฐมนตรีต่างประเทศไทยเคยประกาศไว้มันคืออะไร อยากรู้ว่าหน่วยงานความความมั่นคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมาก การเอาเรือมาระเบิดแก่งในดินแดนเรา แถมกระบวนการศึกษาครั้งนี้ว่าจ้างโดยบริษัทจีน โดยไม่ได้ผ่านพระราชบัญญัติสิ่งแวดล้อมของไทย ทั้งที่เป็นโครงการขนาดใหญ่และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงและกว้างขวาง” สมเกียรติ กล่าว

รายงานยังระบุว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2560 ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง ล้านช้าง ครั้งที่ 3 ที่เมืองต้าหลี่ มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าประเด็นที่จีนมีโครงการปรับปรุงร่องน้ำด้วยการระเบิดแก่งในแม่น้ำโขง ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคเหนือของไทยนั้น จากการพูดคุย จีนมีท่าทีสร้างสรรค์ หลังรับทราบว่าเป็นปัญหาต่อวิถีชีวิตของคนไทย จึงพร้อมจะเลิกโครงการหรือปรับเปลี่ยน ซึ่งช่วยคลายความกังวลแก่คนไทยได้มาก ถือเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับคนไทยด้วย

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2559 คณะรัฐมนตรีได้ผ่านความเห็นชอบอนุญาตให้จีนสำรวจการดำเนินงานออกแบบและสำรวจเบื้องต้นโครงการปรับปรุงร่องน้ำเพื่อการเดินเรือในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ซึ่งการระเบิดแก่งในน้ำโขงที่ไหลผ่านไทยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการดังกล่าว ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง และถูกต่อต้านอย่างหนักจากประชาชนริมแม่น้ำโขง นักวิชาการ รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงบางส่วน แต่ประเด็นดังกล่าวได้เงียบหายไปหลังจากนายดอนประกาศว่าโครงการนี้ได้ชะลอออกไป


https://prachatai.com/journal/2018/11/79798

 

ครม.ไฟเขียว ร่าง กม.ข้อมูลข่าวสารราชการ ต่างด้าวมีสิทธิเข้าถึง-ไม่เห็นด้วยฟ้องศาลปกครองได้ Submitted on Tue, 2018-11-27 01:55
ครม. อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพิ่มบทนิยามคำว่า “ข้อมูลข่าวสารสาธารณะ” เพื่อให้มีความชัดเจน เปิดกว้างให้คนต่างด้าวมีสิทธิเท่าเทียมกับคนสัญชาติไทยในการเข้าถึงข้อมูล ประชาชนเข้าตรวจดูได้โดยไม่ต้องร้องขอ ผู้อุทธรณ์ที่ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของ กก.วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลฯมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุดได้



(แฟ้มภาพ ประชาไท)

26 พ.ย.2561 พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ในฐานะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยมีสาระสำคัญที่น่าสนใจ คือ ให้คนต่างด้าวมีสิทธิเท่าเทียมกับคนไทยในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และกำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการ ที่เป็นข้อมูลข่าวสารสาธารณะไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้โดยไม่ต้องร้องขอ รวมถึงกำหนดให้มีคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารประจำหน่วยงาน เพื่อจัดวางระบบการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการและทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการตามที่หน่วยงานของรัฐได้รับคำขอ

พุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ โดยเพิ่มปลัดกระทรวงทุกกระทรวง และแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ เช่น ให้คำแนะนำปรึกษาในการดำเนินการใดๆ ในการคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของราชการ เพื่อคุ้มครองสิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ยังกำหนดให้ผู้อุทธรณ์ที่ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุดได้ เป็นต้น

สำหรับสาระสำคัญที่เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาลสรุปไว้มีดังนี้

1. กำหนดให้การดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารของราชการโดยหน่วยงานของรัฐเป็นไปตามที่กำหนดใน พ.ร.บ.นี้ เว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายใดกำหนดหลักเกณฑ์ในการดำเนินการไว้โดยเฉพาะและมีมาตรฐานในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการแก่ประชาชน หรือมีหลักประกันในการคุ้มครองข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลไม่ต่ำกว่าที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.นี้

2. เพิ่มบทนิยามคำว่า “ข้อมูลข่าวสารสาธารณะ” เพื่อให้มีความชัดเจน และสอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “หน่วยงานของรัฐ” เพื่อให้มีความชัดเจนครอบคลุมหน่วยงานของรัฐทุกประเภท

3. แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของบุคคลต่างด้าว โดยให้ยกเลิกนิยามคำว่า “คนต่างด้าว” และเปิดกว้างให้คนต่างด้าวมีสิทธิเท่าเทียมกับคนสัญชาติไทยในการเข้าถึงข้อมูล มิใช่มีสิทธิเฉพาะตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวงเท่านั้น

4. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการ ที่เป็นข้อมูลข่าวสารสาธารณะไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้โดยไม่ต้องร้องขอ และแก้ไขเพิ่มเติมข้อมูลข่าวสารที่หน่วยงานของรัฐต้องจัดไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้

5. กำหนดวิธีการเผยแพร่หรือเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการที่ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาหรือที่หน่วยงานของรัฐต้องจัดไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้

6. กำหนดระยะเวลาในการพิจารณาเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามที่ได้รับคำขอให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมถึงกำหนดให้มีคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารประจำหน่วยงานเพื่อจัดวางระบบการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการและทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการตามที่หน่วยงานของรัฐได้รับคำขอ และกำหนดมาตรการบังคับสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ

7. กำหนดหลักเกณฑ์ในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลกรณีที่มีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานของรัฐ เช่น การเข้าถึงและการใช้งานสารสนเทศ อุปกรณ์ ระบบ และสถานที่ การตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงด้านสารสนเทศอย่างสม่ำเสมอ เป็นต้น

8. แก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ โดยเพิ่มปลัดกระทรวงทุกกระทรวง และแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ เช่น ให้คำแนะนำปรึกษาในการดำเนินการใด ๆ ในการคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของราชการ เพื่อคุ้มครองสิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งกำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการในระหว่างที่ตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิว่างลง

9. กำหนดให้ผู้อุทธรณ์ที่ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุดได้


https://prachatai.com/journal/2018/11/79795

 

วิเคราะห์: เมื่อ 'อินเดีย' จับมือ 'เวียดนาม' คานอำนาจจีนในทะเลจีนใต้
พฤศจิกายน 26, 2018

Indian President Ram Nath Kovind, left, shakes hands with Vietnamese President Nguyen Phu Trong before heading for talks behind closed doors in Hanoi, Vietnam, Tuesday, Nov. 20, 2018.

ประธานาธิบดีอินเดียเดินทางเยือนเวียดนามเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยมีเป้าหมายเพิ่มความร่วมมือในด้านต่างๆ เพื่อคานอำนาจของจีนในภูมิภาคนี้

ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียกับเวียดนาม เริ่มต้นขึ้นเมื่อทศวรรษ 1970 เมื่อบรรดาผู้นำเวียดนามในขณะนั้นพยายามสานสัมพันธ์ไปยังอินเดีย และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

เมื่อสองปีก่อน อินเดียและเวียดนามได้ตกลงเพิ่มความสัมพันธ์เป็นพันธมิตรด้านยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามต้านทานอิทธิพลของจีนในเอเชีย

และเมื่อเดือนตุลาคม อินเดียและเวียดนามได้จัดซ้อมรบร่วมกันเป็นครั้งแรกในอ่าวเบงกอล นอกจากนี้ อินเดียยังได้เสนอเงินกู้ 500 ล้านดอลลาร์แก่เวียดนามสำหรับการซื้ออาวุธ รวมทั้งเสนอติดตั้งระบบเตือนภัยสึนามิในแถบทะเลจีนใต้ให้กับเวียดนาม


SEE ALSO:
มองบทบาท 'อินเดีย' กับยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ เพื่อต้านอิทธิพลจีนในย่านอินโด-แปซิฟิก

คุณซาเมียร์ ลัลวานี (Sameer Lalwani) แห่งโครงการเอเชียใต้ศึกษา ของศูนย์วิจัย Stimson กล่าวว่า อินเดียต้องการเสริมศักยภาพของเวียดนามในการแข่งขันกับจีน โดยเฉพาะในประเด็นทะเลจีนใต้ โดยมีเป้าหมายหลักคือการขยายอิทธิพลของอินเดียในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เหมือนที่จีนกำลังขยายอิทธิพลของจีนเข้ามาไปในแถบเอเชียใต้

หลายปีที่ผ่านมา ความขัดแย้งระหว่างเวียดนามและจีนในประเด็นเรื่องการกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์ในพื้นที่ทับซ้อนของทะเลจีนใต้นั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

และเมื่อไม่นานนี้ อินเดียได้ส่งเรือลาดตระเวนไปสมทบกับเรือของสหรัฐฯ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ในการเดินเรือผ่านเส้นทางในทะเลจีนใต้เพื่อแสดงเสรีภาพของการเดินทางผ่านน่านน้ำบริเวณนั้น

คุณตรึง เหงียน แห่งศูนย์ศึกษาด้านการต่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัยโฮจิมินท์ ชี้ว่า เวียดนามต้องการให้อินเดียมีบทบาทมากขึ้นในเอเชีย หลังจากเข้าร่วมในกลุ่มพันธมิตร 4 ฝ่าย ได้แก่ สหรัฐฯ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และอินเดีย

ในขณะเดียวกัน บริษัทพลังงานของรัฐบาลอินเดีย ONGC ได้ร่วมมือกับบริษัท PetroVietnam Exploration Production Corp เพื่อสำรวจแหล่งน้ำมันและแก๊สธรรมชาติในทะเลจีนใต้ ซึ่งกำลังถูกจับตาอย่างใกล้ชิดจากรัฐบาลกรุงปักกิ่ง

คุณแม็คฟีลด์ บราวน์ (Maxfield Brown) นักวิเคราะห์ของบริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจ Dezan Shira & Associates ในนครโฮจิมินท์ กล่าวว่า ประเด็นเรื่องการสำรวจหาแหล่งน้ำมันนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญทางการเมืองระหว่างประเทศที่อาจปลุกให้เกิดความขัดแย้งในแถบนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าเวียดนามกำลังมองหาประเทศที่พร้อมจะลงทุนในการสำรวจ โดยที่ไม่เกรงกลัวการคุกคามจากจีน และอินเดียคือหนึ่งในประเทศดังกล่าว

ขณะที่คุณโมฮาน มาลิค (Mohan Malik) แห่งสถาบัน Daniel K. Inouye Asia Pacific Center for Security Studies ในสหรัฐฯ ชี้ว่า หลายปีที่ผ่านมา จีนต่อต้านการร่วมมือสำรวจหาแหล่งน้ำมันในทะเลจีนใต้ระหว่างอินเดียกับเวียดนามอย่างเปิดเผย แต่อินเดียก็ยังยืนกรานปฏิเสธที่จะยุติความร่วมมือนี้ และพร้อมที่จะส่งสัญญาณให้จีนเห็นว่า เมื่อจีนไม่เกรงที่จะขยายอิทธิพลทางทะเลในเอเชีย อินเดียก็พร้อมจะต้านทานอิทธิพลของจีนในทะเลจีนใต้เช่นกัน



(ผู้สื่อข่าว Ralph Jennings รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)


https://www.voathai.com/a/india-vie...MgvjBNGmvmb5bdpnqBpJuEJ3Q-ZxxYGCa4ABh3A25XHCE

 

Manatat Waiwong Hennessey ได้แชร์โพสต์

#planetx การมองเห็นเพิ่มขึ้น พระอาทิตย์ครั้งที่สองจะกลายเป็นที่ทั่วไปมากขึ้นเมื่อพระอาทิตย์ตกเห็นจากชายหาด curral, ilhabela บราซิลพ. ย. 24

 

เจนจิรา จันทรเสนา



"ขอเข้าไปหน่อยก็ไม่ได้.."
ผู้อพยพหลายสัญชาติหลายร้อยคนพยายามหาช่องทางเข้าไปยังดินแดนสหรัฐฯในฝัน!

 

แผ่นดินไหว ชั้นแมนเทิลส่วนบน ขนาด 5.6
ภูมิภาค FIJI
วันที่ 2018-11-27
เวลา 09: 45: 34.0 น. ไทย
ตำแหน่ง 17.79 S; 178.69 W
ความลึก 582 กม

Magnitude Mw 5.6
Region FIJI REGION
Date time 2018-11-27 02:45:34.0 UTC
Location 17.79 S ; 178.69 W
Depth 582 km

Distances
306 km E of Suva, Fiji / pop: 77,400 / local time: 15:45:34.0 2018-11-27
255 km SE of Lambasa, Fiji / pop: 24,200 / local time: 15:45:34.0 2018-11-27

https://www.emsc-csem.org/Earthquake/earthquake.php?id=728214

 

แผ่นดินไหวที่ เกิด ขนาด 5.6 + 2 = 7.6 แถมยังลึก 568.4 กม.

Michael DiFato

+ 2 แม็กนิจูด, 7.6 เมตร
https://www.fijitimes.com/5-6-magnitude-earthquake-recorded-in-lau-region/
~

แผ่นดินไหวขนาด 5.6 ที่บันทึกไว้ในภูมิภาค
27 พฤศจิกายน, 2018, 18:12 น

แผนที่แสดงศูนย์กลางของแผ่นดินไหวขนาด 5.6 ที่ได้รับการบันทึกในภูมิภาค วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

เกิดแผ่นดินไหวที่ระดับความลึก 568.4 กม. เวลา 15.45 น.

กิจกรรมแผ่นดินไหวได้รับการลงทะเบียนที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
44 กม. จาก Tubou, Lakeba,
271 กม. ตะวันออกเฉียงใต้จาก Labasa
และ 320 กม. ตะวันออก - ตะวันออกเฉียงใต้จาก Suva

หน่วยแผ่นดินไหวของกรมทรัพยากรธรณีได้ยืนยันว่าแผ่นดินไหวไม่ได้ก่อให้เกิดภัยคุกคามใด ๆ ต่อประเทศฟิจิ

 

แผ่นดินไหว ชั้นแมนเทิลส่วนบน ขนาด 5.0
ภูมิภาค ทางใต้ของหมู่เกาะ FIJI
วันที่ 2018-11-27
เวลา 10: 13: 55.9 น.ไทย
สถานที่ 22.14 S; 178.91 W
ความลึก 549 กม

Magnitude mb 5.0
Region SOUTH OF FIJI ISLANDS
Date time 2018-11-27 03:13:55.9 UTC
Location 22.14 S ; 178.91 W
Depth 549 km

Distances
400 km W of Nuku‘alofa, Tonga / pop: 22,400 / local time: 16:13:55.9 2018-11-27
522 km SE of Suva, Fiji / pop: 77,400 / local time: 16:13:55.9 2018-11-27
1190 km SW of Apia, Samoa / pop: 40,500 / local time: 17:13:55.9 2018-11-27

https://www.emsc-csem.org/Earthquake/earthquake.php?id=728226

 

A la Verdad Mundial
23 พฤศจิกายน เวลา 18:48 น. ·



สิ่งที่น่ากลัวเกิดขึ้นในเมฆ

 

Michael DiFato

BATSRUS Y-Cut cygnet แสดง Strong Eddy Flow เกือบจะปราศจากการขัดจังหวะการก่อตัวเบื้องหลังโลกเมื่อคืน 11 / 25- 17:00 (11/25) UTC - 00:12 (11/26) UTC /
12:00 - 7:12pm 11/25 N.Y. EST
เอิร์ธสู้เพื่อป้องกันท่าที่พิการทั้งหมด

 

เหมืองขุด Bitcoin เริ่มทยอยปิดตัวลง เนื่องจากไม่คุ้มผลตอบแทน อุปกรณ์เก่ายิ่งแล้วใหญ่ By Wattanapong Jaiwat -26/11/2018

เหมือง Bitcoin กำลังทยอยปิดตัวลงเนื่องจากผลตอบแทนที่ได้เริ่มไม่คุ้มกับสิ่งที่ได้รับ โดย Coidesk รายงานว่ามีเหมืองปิดตัวไปแล้วกว่า 6-8 แสนเหมืองเลยทีเดียว



หลังจากราคา Bitcoin ได้ร่วงลงมาจาก 5,000 เหรียญสหรัฐ ลงมาต่ำกว่า 4,000 เหรียญสหรัฐ ไม่กี่วันที่ผ่านมา ล่าสุดเหมืองขุด Bitcoin เริ่มที่จะทยอยปิดตัวลงบ้างแล้ว ข้อมูลจาก Blockchain.com รายงานว่าพลังการขุด Bitcoin ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 40 ล้าน Terahash / วินาที ต่ำกว่าในช่วงสูงสุดที่ 60 ล้าน Terahash / วินาที

รายงานจาก Coindesk ได้รายงานว่าเหมืองของ Bitcoin ได้ปิดตัวลงไปกว่า 6-8 แสนเหมือง หลังจากที่ราคาของ Bitcoin ได้ลงมาในช่วงเดือนนี้

Mao Shixing หนึ่งในผู้ก่อตั้งของ F2pool ซึ่งเป็นเหมือง Bitcoin ได้กล่าวว่าตอนนี้เหมืองเริ่มได้ปิดในส่วนอุปกรณ์เก่าที่ไม่คุ้มกับผลตอบแทนที่ได้

รายงานจาก Fundstrat Global Advisors ได้วิเคราะห์ถึงจุดคุ้มทุนของอุปกรณ์ขุดเฉพาะทางอย่าง Antminer รุ่น S9 ว่าจุดคุ้มทุนอยู่ที่ประมาณ 7,000 เหรียญสหรัฐ ถ้าหากนำราคาล่าสุดของ Bitcoin ซึ่งต่ำกว่า 4,000 เหรียญแล้ว มาคิดแล้วกลายเป็นว่าไม่คุ้มทันที


https://brandinside.asia/bitcoin-mi...SOSP6VdHUM3HUoC33fhrOVLEZiWMb1x6WB160k_hSVKhk

 

เจ้าหน้าที่ ก็ยังคงเชื่อว่ามาจากการหลงผิด เห็นไหมเขาใช้คำว่าฝ่ายสยาม ส่วนพวกเขาคงเป็นฝ่าย ปาตานี

กลุ่มต่อต้านมุสลิมหัวรุนแรง 3 จังหวัดชายแดนใต้



หลังจากเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ในช่วง 2-3 วันที่ผ่าน ก็เริ่มมีการปลุกระดมมุสลิมในพื้นที่อีกครั้ง สงครามแย่งชิงมวลชน(IO)ในพื้นที่สร้างความเกลียดชังเจ้าหน้าที่รัฐ

 

กลุ่มต่อต้านมุสลิมหัวรุนแรง 3 จังหวัดชายแดนใต้



ครอบครัวของอาสาสมัครรักษาดินเเดนจรัญ จันทมุนี ภูมิใจที่ อส.จรัญ ได้ทำหน้าที่เพื่อประเทศอย่างเต็มที่ตลอดชีวิตรับราชการเป็น อส. ก่อนจะถูกยิงเสียชีวิตพร้อม เพื่อน อส.อีก 2 นาย เมื่อ 2 วันก่อนในอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ขณะที่นายสนอง จันทร์รักษ์ นายอำเภอเทพา ระบุว่า ขณะนี้ได้ปรับเเผนในการดูเเล 4 ตำบลรอยต่อกับจังหวัดปัตตานีไม่ให้เป็นเเหล่งกบดานของกลุ่มเเนวร่วม #ThaiPBSศูนย์ข่าวภาคใต้