ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    IMG_5341.JPG
    (Nov 25) รัฐหืดจับ 2 เดือนสุดท้าย ลุ้นส่งออกโต 8% : กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขการ ส่งออกล่าสุดเดือน ต.ค. มีมูลค่า 2.17 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 8.7% เมื่อเทียบจากระยะเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้การส่งออก 10 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่า 2.11 แสนล้านดอลลาร์ ขยายตัว 8.19% ทำให้รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์เกิดอาการใจชื้น มีหวังลุ้นตัวเลขการส่งออกทั้งปีจะโตได้ 8% คิดเป็นมูลค่ากว่า 2.55 แสนล้านดอลลาร์ ถือเป็นเครื่องยนต์สำคัญที่มีผลต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ หรือจีดีพีกว่า 70% หากส่งออกขยายตัวดีก็มีผลให้จีดีพีโตได้ถึง 4% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

    ถือว่าสถานการณ์พลิกฟื้นจากตัวเลขส่งออกเดือน ต.ค. 2561 มีมูลค่า 2.07 หมื่นล้านดอลลาร์ ติดลบ 5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 19 เดือน เนื่องจากฐานส่งออกปีที่แล้วสูง ประกอบกับการเร่งส่งออกในเดือน ส.ค. เพราะความกังวลเรื่องสงครามการค้า ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกเดือน ก.ย.ลดลง โดยเฉพาะการส่งออกไปจีนที่ติดลบ 14% โดยประเมินว่าผลจากสงครามการค้าที่อาจจะเกิดขึ้นทำให้ คู่ค้าจากจีนยังไม่กล้าที่จะสั่งซื้อสินค้าล็อตใหญ่ พบว่ามีความระมัดระวังในการขยายกำลังการผลิตและมีการสั่งซื้อสินค้าเป็นล็อตย่อยๆ มากขึ้น

    สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พอใจกับตัวเลขการส่งออก ในเดือน ต.ค. ที่ขยายตัวได้ 8.7% ทำให้มีสิทธิลุ้นในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปี 2561 หากประคองการส่งออกไตรมาส 4 ได้ไม่ต่ำกว่า 7% ก็จะ ทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ขยายตัวได้มากกว่า 3.5% ส่งผล ต่อเนื่องไปถึงภาพรวมเศรษฐกิจทั้งปี

    จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 4% ซึ่งเรื่องเศรษฐกิจจะขยายตัวได้เท่าไร ที่บอกว่าสำคัญ เพราะเป็นตัวสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศ

    ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จะต้องบุกตลาดส่งออกแม้จะเป็นช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี เพราะตลาดอาเซียนยังโต ตลาดจีนก็ยังโต 3-4% ส่วนตลาด

    ญี่ปุ่นโตกว่า 18% เพราะมีส่วนสำคัญต่อการขยายตัวของจีดีพีกว่า 70% ต้องเร่งหาตลาดสินค้าอื่นๆ ส่วนสินค้าที่ส่งออกหดตัวมาก เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีการส่ง ไปจีนและส่งต่อไปสหรัฐ พวกที่ได้รับผลกระทบก็ต้องหาทางช่วยกันไป

    ทั้งนี้ หากจะดันการส่งออกให้โตได้ตามเป้าหมาย เท่ากับว่าในช่วงที่เหลืออีก 2 เดือนก่อนสิ้นปี จะต้องผลักดันการส่งออกให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ถือว่า ไม่ยากแต่ไม่ง่าย เพราะถ้าเทียบจากยอดส่งออกรายเดือนของปี 2561 พบว่ามีเพียง 3 เดือน ที่สามารถส่งออกได้ที่ระดับ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ได้แก่ เดือน มี.ค. พ.ค. และ ส.ค. แต่ถ้าย้อนไปดูตัวเลขการส่งออก 2 เดือนสุดท้ายในปี 2560 พบว่ามีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ระดับ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้ง 2 เดือน แต่ก็ยังถือว่าช่วงไตรมาสสุดท้ายเป็นช่วงการส่งออกขยายตัวดี แต่มีประเด็นเรื่องสงครามการค้าที่ยังต้องจับตาผลกระทบ

    แต่จากข้อมูลการส่งออกในเดือน ต.ค. ล่าสุดพบว่าการส่งออกกลับมาขยายตัวดีขึ้นทุกตลาด ทั้งตลาดสหรัฐ จีน และญี่ปุ่น ยกเว้นตลาดสหภาพยุโรปที่ยังติดลบ และสินค้าที่ส่งออก ได้ดีคือ สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมัน ทองคำ สินค้าเกษตรทุกชนิด ยกเว้นยางพารา น่าจะพอมีความหวังสำหรับการส่งออกที่จะขยายตัวได้ ต่อเนื่องต่อไปในช่วงอีก 2 เดือนที่เหลือก่อนสิ้นปี สะท้อนจากตัวเลขการ นำเข้าเดือน ต.ค. มีมูลค่า 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ขยายตัว 11.23% ส่งผลให้การนำเข้า 10 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัว 14.78% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าสินค้าทุน ที่จะส่งผลดีต่อการ ส่งออกในระยะต่อไป

    ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่ามูลค่าการส่งออกของไทยในปี 2561 จะเติบโตได้ใกล้เคียงกับ 8% เพราะโดยปกติแล้วมูลค่าการส่งออกไทยในเดือน ต.ค. และเดือน พ.ย. จะอยู่ในระดับสูง เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาล ส่งออกสินค้าสำหรับเทศกาลปลายปี ทั้งเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า รวมไปถึงคริสต์มาส และปีใหม่

    ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาในระยะข้างหน้า ได้แก่ เรื่องสงครามการค้าคงไม่จบเร็ว อาจจะมีผลในระยะต่อไป เรื่องการดำเนินนโยบายการเงิน นโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) การลดการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และปัญหาการเมืองเชิงภูมิรัฐศาสตร์

    ด้านศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ได้ปรับลดคาดการณ์ส่งออกไทยปีนี้เหลือโต 7.5% จาก 8.5% มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก รวมไปถึงผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐ และผลทางอ้อมจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่มีต่อเนื่อง

    นอกจากนี้ ในระยะข้างหน้าอานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบต่อสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลง โดยราคาน้ำมันดิบเบรนต์ของ 21 วันแรกในเดือน พ.ย. เฉลี่ยอยู่ที่ 67.8 ดอลลาร์/บาร์เรล คิดเป็นการขยายตัวที่ 8.9% ชะลอลงจากขยายตัวในเดือน ต.ค.ที่ 39.7% ซึ่งราคาเฉลี่ยในเดือน ต.ค. อยู่ที่ 80.5 ดอลลาร์/บาร์เรล รวม

    ทั้งได้ปรับลดประมาณการนำเข้าในปี 2561 ขยายตัวที่ 13% จากเดิมที่ 15% เพราะคาดว่าช่วงที่เหลือของปีการ นำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงมีแนวโน้มชะลอลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ

    สำหรับสถานการณ์ค่าเงินบาท ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ถือว่าอ่อนค่าลง แต่ถ้าเทียบกับดอลลาร์มีผลบวกต่อภาคส่งออกของไทยบ้าง แต่หากดูค่าเงินตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน พบว่าค่าเงินบาทไม่ได้อ่อนค่าหากเทียบกับดอลลาร์ แต่เชื่อว่าความผันผวนของตลาดเงินในปัจจุบันก็ยังคงอยู่ และ จะมีต่อเนื่องไปถึงปีหน้าด้วย

    ทั้งหมดนี้ถือเป็นปัจจัยทั้งบวกและลบที่มีต่อภาพรวมการส่งออกไทยในช่วงที่เหลือก่อนสิ้นปีนี้ ที่จะมีผลต่อ เป้าหมายการส่งออกทั้งปีที่ 8% ซึ่ง ยังไม่สามารถวางใจได้ว่าจะทำได้ตามเป้าหมายจริงหรือไม่ ส่วนปี 2562 กระทรวงพาณิชย์ยังตั้งเป้าหมายการส่งออกไว้ที่ 8% มีมูลค่ากว่า 2.76 แสนล้านดอลลาร์ ก็ถือว่าเป็น เป้าหมายที่ท้าทายท่ามกลางสงครามทางการค้าที่ยังไม่สงบ

    โดย กนกวรรณ บุญประเสริฐ
    Source: Posttoday
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เตือนภัย พิบัติโลก


    ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา

    "พายุ “อุซางิ” (Usagi) "

    ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2561

    เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันนี้ (25 พ.ย. 61) พายุโซนร้อน “อุซางิ” (Usagi) บริเวณด้านตะวันออกของชายฝั่งประเทศเวียดนาม มีศูนย์กลางอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนามประมาณ 110 กิโลเมตร หรือที่ละติจูด 10.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 107.3 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนืออย่างช้าๆ คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนามในคืนวันนี้(25 พ.ย. 61) แล้วจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำตามลำดับ ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปประเทศเวียดนามตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง

    จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และติดตามข้อมูลบนเว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือ สายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


    ประกาศ ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 11.00 น.


    กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศครั้งต่อไปใน วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 17.00 น.


     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    MOREMOVE


    #ซาวเสียงกันหน่อย จริงหรือไม่!!?? ต่อคำกล่าวที่ว่า #ระบบการศึกษาไทยยังไม่ตื่น 'หัวโต – แขนขาลีบ' #เข้าสู่กับดักความยากจนข้ามรุ่น โดยปัญหาของการศึกษาไทยจากหลักฐานข้อมูลในปัจจุบันที่คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) รวบรวมมาอาจจะสรุปได้ 4 ประเด็นคือ


    ▪️คุณภาพต่ำและไม่ได้มาตรฐานของไทยและสากล

    ▪️ความเหลื่อมล้ำสูงกับดักความยากจนของประเทศ

    ▪️ความสามารถในการแข่งขันไม่ดีพอ ถ่วงความเจริญของประเทศ

    ▪️การบริหารจัดการด้อยประสิทธิภาพ


    Source : thaipublica - https://bit.ly/2R37eCL


    โดยเรื่องนี้ ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา ประธาน กอปศ.และอดีตอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยทัศนะส่วนตัวส่วนหนึ่งว่า ปัญหาการศึกษาของไทยค่อนข้างจะหนักนัก #มันวิกฤตอย่างยิ่งยวด อย่าง #ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเป็นกับดักความยากจน เพราะว่าพ่อแม่ที่อยู่ในชนบทเป็นคนยากจน ก็พยายามส่งลูกเข้าไปเรียนหนังสือ #หวังว่าจะไม่ต้องเป็นแบบพ่อแม่ แต่พอคุณภาพการศึกษาของเราไม่ได้ดีพอ ลูกก็ก้าวไปต่อไม่ได้ มันก็ยังเป็นความยากจนอยู่ดี นี่คือกับดักความยากจน #มันไม่ใช่ปัญหาของคนรุ่นใดรุ่นหนึ่งแต่มันข้ามรุ่นเลย ที่ร้ายสุดคือยังไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาทั้งในส่วนของสังคมและชุมชนโดยรวม


    "ถ้าดูผลการสอบระดับชาติตามมาตรฐานหลักสูตรไทย หรือโอเน็ตของมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีที่ผ่านมา คนเข้าสอบ 300,000 คน #ตกหมดทุกวิชา ... หลักสูตรแบบไทยๆ ที่เน้นเนื้อหาสาระ เน้นท่องจำ เด็กยังได้ผลอย่างนี้เลย ฉะนั้น #คนไทยมีคุณภาพการศึกษาโดยรวมต่ำมากและต่ำมากในมาตรฐานไทยด้วยซ้ำ" ศ.นพ.จรัส ระบุ


    ทั้งนี้ ศ.นพ.จรัสยังกล่าวต่อไปว่า สำหรับความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา หากดูคะแนนสอบ PISA (วัดสมรรถนะ 3 ด้านคือ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และการอ่าน - 15 ปีที่ผ่านมา ผลสอบของไทยต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานโลก) ปรากฏว่า โรงเรียนวิทยาศาสตร์อย่างโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา #มีคะแนนอยู่เหนือคะแนนมาตรฐานหมดเลย แต่โรงเรียนที่เหลือของไทยต่ำกว่ามาตรฐานทั้งหมด แยกสถานที่ตั้งของโรงเรียน #โรงเรียนที่อยู่ในเมืองเก่งกว่าโรงเรียนในชนบท


    " ... #พูดถึงการกระจายตัวของงบการศึกษา ไทยใช้งบประมาณสำหรับการศึกษาทั้งระบบสูงถึง 900,000 ล้านบาท #แต่ส่วนใหญ่เงินกลับอยู่ในส่วนกลางของระบบการศึกษา แต่งบประมาณสำหรับโรงเรียนหากดูโดยรวมจะพบว่ามากกว่า แต่เมื่อเทียบต่อโรงเรียนด้วยจำนวนโรงเรียนที่มาก #ทำให้งบประมาณที่โรงเรียนได้รับน้อยกว่าส่วนกลางมาก ...


    "ขณะที่งบบุคลากรในการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไทยใช้เงินประมาณ 350,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเมื่อแบ่งเป็นครูระดับปฏิบัติการ 20% ของจำนวนทั้งหมด และเป็นครูที่เป็นชำนาญการ ชำนาญการพิเศษ 80% ของครูทั้งหมด แต่หากดูเงินเดือนพบว่าครูทั่วไปได้ประมาณ 20,000 บาทต่อเดือน พอชำนาญการหรือชำนาญการพิเศษจะได้เพิ่มขึ้นเป็น 40,000 บาทต่อเดือน และหากขึ้นไปเป็นครูเชี่ยวชาญขึ้นไปถึง 70,000 บาทต่อเดือน แปลว่าครูส่วนบนๆ 80% ของระบบได้เงินเดือนสูง แต่ว่าผลิตภาพต่ำ #ขณะที่ครูปฏิบัติการที่ต้องสอนในห้องเรียนได้เงินเดือนน้อย


    “#ที่ร้ายกว่าคือจำนวนครูไม่พอ ต้องไปจ้างครูอัตราจ้างกับครูจ้างเหมา คือจ้างเป็นคาบแล้วจ่ายตามคาบ สอน 3 คาบก็ได้ 3 คาบ รายได้อาจจะแค่ 8,000 บาท ทั้งๆ ที่มีวุฒิการศึกษานะ #คนเหล่านี้เรียกว่าเป็นกำลังหลักของการสอนเลย ความมั่นคงในอาชีพก็ไม่มี เงินเดือนก็น้อย แล้วจะหวังผลให้เกิดอะไรได้อย่างไร ในเมื่อสภาพของบุคลากรเป็นแบบนี้” ศ.นพ.จรัส ระบุ


    #การจัดสรรเวลาที่มีและการใช้เงินสำหรับครูบิดเบี้ยว มันไม่นำไปสู่การเพิ่มคุณภาพ จากยอดครูมีอยู่ 400,000 คนทั้งประเทศ มันไม่ได้ประโยชน์เพียงพอ #เงินที่ลงไปมันถึงไม่เกิดประโยชน์.


     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    MOREMOVE


    #มอร์มูฟเป็นข่าว แอบสวนทางกับค่านิยมในไทยและอีกหลายๆ ประเทศไม่เบาเหมือนกันนะ เมื่อล่าสุด ผลวิจัยจากบริษัทวิจัยในจีน ม็อบดาต้า (MobData) พบว่า #คนใช้ไอโฟนมีฐานะทางเศรษฐกิจที่เรียกว่าจนแอบแฝง ส่วนใหญ่เป็นสาวโสด รายได้ต่อเดือนน้อยกว่า 15,000 เทียบกันแล้ว คนที่ใช้โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ 'หัวเว่ย-เสี่ยวหมี่' มีการศึกษาดีกว่า มีครอบครัว มีบ้านมีรถ และรายได้ดีกว่า เผยสาเหตุหนึ่ง #อาจเป็นเพราะแอปเปิลขึ้นราคาทุกปีทำให้ผู้บริโภคตลาดเกิดใหม่หันหาแบรนด์อื่นทดแทน


    Source : mgronline - https://bit.ly/2R6gc27 // https://www.blognone.com/node/106567


    ทั้งนี้ บริษัทม็อบดาต้าซึ่งมีฐานอยู่ในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ยังพบด้วยว่า ผู้ใช้ไอโฟนส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน อายุช่วง 18-34 ปี โดยจบการศึกษาเพียงระดับมัธยมศึกษาและมีรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 3,000 หยวน (ราว 14,300 บาท) โดยคนกลุ่มนี้คือกลุ่มประชากรที่เรียกว่าจนแอบแฝง (Invisible poor) ซึ่งหมายถึง #กลุ่มคนที่ดูแล้วไม่จนแต่ในความเป็นจริงมีปัญหาทางการเงิน


    ในทางตรงกันข้าม ผู้ใช้สมาร์ทโฟนแบรนด์จีนอย่างหัวเว่ยนั้นส่วนใหญ่จะเป็นชายที่แต่งงานแล้วซึ่งมีอายุอยู่ในช่วง 25-34 ปี ได้รับการศึกษาระดับประกาศนียบัตรหรือ ปริญญาบัตร มีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ราว 5,000-20,000 หยวน (24,000-95,000 บาท) โดยผลวิจัยพบด้วยว่า ผู้ใหญ่หัวเว่ยส่วนใหญ่เป็นเจ้าของอพาร์ทเมนต์และรถยนต์ ขณะที่ผู้ใช้แอปเปิลไม่สามารถเป็นเจ้าของทรัพย์สินเหล่านี้ได้


    อย่างไรก็ตาม ม็อบดาต้ากลับไม่เปิดเผยถึงรายละเอียดของงานวิจัยแต่อย่างใด ฉะนั้น #โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    ปัจจุบันส่วนยอดขายสมาร์ทโฟนในจีนนั้นถูกยึดครองโดยบรรดาผู้ผลิตในประเทศ โดยมี Huawei, Oppo, Vivo และ Xiaomi ครองส่วนแบ่งรวมกันมากกว่า 80% ขณะที่ไอโฟนมีส่วนแบ่งราว 9% เท่านั้น.


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อาวุธยุทโธปกรณ์ และ เทคโนโลยี


    ตั้งแต่เปิดศึกกับอิสราเอลมาตั้งแต่ปี2006 ทาง Hezbollah ในเลบานอน ได้มีการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์หลายๆอย่างเข้ามาต่อกรกับอิสราเอลซึ่งส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและเกาหลีเหนือ ซึ่งหนึ่งในอาวุธต่างๆมีการระบุว่า มีการจัดหาอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำความเร็วสูง P-800 Oniks มาด้วย


    P-800 Oniks ถูกผลิตขึ้นในช่วงในปี1987 โดยมีทั้งรูปแบบที่ติดตั้งบนเรือและฐานยิงบนบก โดยอาวุธปล่อยใช้เครื่องยนต์Ramjet สามารถยิงได้ไกลสุดประมาณ300กม. ความเร็วสูงสุดที่มัค2.5 นำวิถีด้วยmidcourse inertial guidance, active radar homing-passive radar seeker สามารถบินเรียบน้ำด้วยความสูง10เมตรเข้าหาเป้าหมาย สามารถทำลายเรือด้วยหัวรบขนาด200กก.หรือหากไม่มีหัวรบก็สามารถพังตัวเรือด้วยพลังงานจล ของจรวด ซึ่้งปัจจุบันมีการใช้งานในสงครามกลางเมืองของซีเรีย


    ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อ P-800ของHezbollah เป็นเรื่องร้ายแรงอย่างยิ่ง เนื่องจากมีข้อพิพาทระหว่างเลบานอนกับอิสราเอลเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของแหล่งสำรองก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งของทั้งสองประเทศ การอ้างสิทธิ์ของตนต่อทรัพยากรเหล่านี้หรือการสร้างสิ่งปลูกสร้าง ในเขตนั้นอาจจะทำให้อิสราเอลถูกโจมตีได้ โดย P-800 Oniks ซึ่งใช้หัวรบขนาด 200-300กก.บวกกับพลังงานจล ก็มากพอที่จะฉีกเป้าหมายเรืออิสราเอล อย่าง เรือชั้น Sa’ar 4.5 หรือ Sa’ar 5 ที่เป็นเรือขนาดเล็ก


    ซึ่งการที่Hezbollah มี P-800 Oniks ถือว่าเป็นความเสี่ยงของกองทัพเรืออิสราเอลในการปฏิบัติการผิวน้ำ แต่โชคดีที่ P-800 ไม่ได้สามารถโจมตีเป้าหมายที่อยู่ใต้น้ำ ทำให้อิสราเอลยังมีโอกาสตอบโต้ได้ อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีการปะทะกันอยู่เรื่อยๆแต่ดูเหมือนทั้งสองฝ่ายก็พยายามหลีกเลี่ยงการปะทะใหญ่ที่อาจจะดึงหลายประเทศเข้ามาร่วมกลายเป็นสงครามขนาดใหญ่ไดั แต่จะทำได้นานแค่ไหนนั้น...?


    https://militarywatchmagazine.com/a...JKl95ksXAE2GelIy58QoCdh-xzDnHdpsdN8aCecpkC2xY


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คนไทยในญี่ปุ่น


    " รัฐบาลญี่ปุ่นอาจพิจารณาการมอบเงิน จำนวน 3 ล้านเยน จูงใจให้ปชช.ย้ายออกจากเมืองหลวงเพื่อลดความแออัด "


    - สำนักข่าวเอ็นเอชเครายงานเมื่อวันที่ 22 พ.ย. ระบุว่า รัฐบาลญี่ปุุ่นกำลังพิจารณาทางเลือกในการจ่ายเงินจำนวนราว 3 ล้ายเยน หรือราว 890,000 บาท เพื่อจูงใจให้ประชาชนย้ายออกจากกรุงโตเกียว ไปทำงาน ใช้ชีวิต หรือสร้างครอบครัวในเมืองอื่นๆของญี่ปุ่น เพื่อลดความแออัดของเมืองหลวง


    - รายงานระบุว่ารัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณามาตราการมอบเงินจำนวน 3 ล้านเยน ให้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทั้ง 23 เขตของกรุงโตเกียว หากแสดงความจำนงในการย้ายออกจากเมืองหลวงไปหางานทำในเมืองอื่นของประเทศ โดยเงินช่วยเหลือดังกล่าวจะมาจากงบประมาณในปีถัดไป


    - ซึ่งนอกจากการมอบเงินจำนวนดังกล่าวนั้นแล้ว ทางรัฐบาลอาจออกมาตรการทางภาษีเพื่อจูงใจให้ประชาชนย้ายออกจากเมืองใหญ่ ไปยังเมืองแห่งอื่นอย่างเมือง เซนได และซัปโปโร ด้วย..


    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : Post today


    https://www.posttoday.com/world/571701


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    IMG_5342.JPG
    (Nov 25) ข้อมูล "Change in Consumer Price Index by Province (2008 – 2018)" โดยแผนภาพแสดงการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภคในแต่ละจังหวัดในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา คำนวนด้วยการเปลี่ยนแปลงของดัชนีระหว่างเดือนมกราคม พ.ศ. 2551 และเดือนมกราคม พ.ศ. 2561 จากภาพจะเห็นได้ว่าจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือมีการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภคในระดับที่สูง

    ที่มา: Ministry of Commerce (https://bit.ly/2K7EIgw)

    ข้อมูล PIER Statistics : ติดตามข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่
    https://www.pier.or.th/pier_stats/
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Nov 25) ระบบตรวจจับใบหน้าคนไม่ข้ามถนนตรงทางม้าลายของจีนผิดพลาด ไปจับภาพหน้าคนบนโฆษณารถเมล์ : เทคโนโลยีการรู้จำใบหน้า (Facial Recognition) ถูกนำมาใช้แพร่หลายในจีนจนมีกรณีศึกษาหลายต่อหลายครั้ง อาทิ จับคนร้ายได้ในคอนเสิร์ตผู้ชมกว่า 5 หมื่นคน หรือการยืนยันตัวตนด้วยในหน้าที่ตู้ ATM และทางการจีนก็ทำระบบจดจำใบหน้าที่ระบุตัวตนได้ใน 3 วินาที อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีที่นำหน้าก็อาจมีข้อผิดพลาดได้บ้างเป็นเรื่องปกติ และกรณีนี้ก็อาจจะเป็นตลกร้ายไปเลย


    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมืองหนิงปัว ในมณฑลเจ้อเจียงของจีน ซึ่งตำรวจมีการใช้ระบบตรวจจับคนที่ไม่ยอมเดินข้ามถนนตรงทางม้าลาย พร้อมแสดงใบหน้า, ชื่อ และหมายเลขบัตรประชาชน แล้วแสดงบนจอในบริเวณนั้น ปัญหาก็คือระบบดันไปตรวจจับใบหน้านักธุรกิจหญิงชื่อดังของจีน Dong Mingzhu ที่ติดอยู่เป็นโฆษณาบนรถเมล์ซึ่งขับผ่านพอดี จอก็เลยแสดงใบหน้าของเธอพร้อมกับชื่อ (ซึ่งชื่อก็ไม่ถูกด้วย) และหมายเลขบัตรประชาชนพร้อม มีผู้จับภาพนี้ได้ทันและนำมาแชร์ผ่าน Weibo จนเป็นประเด็นขึ้น


    ทั้งนี้ตำรวจของเมืองหนิงปัวได้ลบข้อมูลนี้ทิ้ง และกล่าวว่าได้มีการอัพเกรดระบบใหม่ที่ลดปัญหาการจับใบหน้าที่ไม่ถูกต้องอย่างในกรณีนี้ลงแล้ว


    Source: https://www.blognone.com/node/106611


    - https://www.engadget.com/2018/11/22/chinese-facial-recognition-confuses-bus-ad-with-jaywalker/
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Nov 25) รายงาน: ผู้ว่าการธปท.เตือนรับมือ 3 ปัจจัยเสี่ยง ชี้ทิศเศรษฐกิจไทยปีหน้า : ตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนตุลาคมที่กลับมาขยายตัวอีกครั้ง โดยขยายตัว 8.7% สูงกว่าที่ตลาดมองไว้ว่าจะขยายตัวเพียง 3.5-4% ทำให้แรงกดดันต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยลดลงได้ระดับหนึ่ง หลังตัวเลขส่งเดือนกันยายนร่วงเป็นครั้งแรกในรอบ 19 เดือน โดยลดลงถึง 5.2% และสะท้อนเข้าไปในตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ( จีดีพี) ไตรมาส 3 ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)ประกาศออกมาว่า ขยายตัวเพียง 3.3% เท่านั้น ทั้งที่ตลาดมองว่า น่าจะยืนได้เหนือ 4%

    แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจได้ "วิรไท สันติประภพ" ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยปีหน้าในงานสัมมนาเศรษฐกิจประจำปี 2561 สมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ เมื่อวันก่อนว่า แม้เศรษฐกิจไทยจะสะท้อนการฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ยังต้องติดตาม 3 ปัจจัยเสี่ยงคือ มาตรการกีดกันทางการค้า ความผันผวนตลาดเงินตลาดทุนโลกและวัฎจักรดอกเบี้ยที่จะปรับขึ้น

    ทั้งนี้ปีหน้าจะเห็นผลกระทบจากสงครามการค้าทั้งภาคส่งออกและภาคการผลิต ประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ เกิดการผันแปรทางการค้าในหลายรูปแบบ ขณะที่ส่งออกไทยจะติดร่างแหในสินค้าพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มซัพพลายเชน แต่จะได้อานิสงส์ในสินค้าที่สหรัฐฯเคยนำเข้าจากจีน ขณะที่จีนซึ่งเป็นเป้ากีดกันการค้า จะต้องกระจายลงทุนในอาเซียนและพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี)ของไทย

    ส่วนความผันผวนของระบบการเงินโลกนั้น ในอีก 2 ปีข้างหน้า จะเห็นผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้และยืดอายุหนี้ (Roll Over) และต้นทุนจากดอกเบี้ยที่จะสูงขึ้น ทำให้ระหว่างทางทั้งตลาดเงินตลาดทุนจะผันผวนสูง จากภาวะความไม่มั่นใจในปัญหาหนี้ของประเทศเกิดใหม่ ซึ่งหลายประเทศก่อหนี้ระดับสูงจำนวนมาก

    ขณะที่วัฏจักรดอกเบี้ยที่จะปรับเพิ่มนั้น จะเป็นความเสี่ยงที่ไม่ใช่เฉพาะในปีหน้า แต่จากการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานาน ทำให้เกิดแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่า (Search for yield) ทั้งการก่อหนี้สูงผ่านธนาคารเงา หรือการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เช่น หุ้นกู้ไม่มีการจัดอันดับเครดิต การกู้บัตรเครดิตผ่านสินเชื่อส่วนบุคคล การนำเงินไปฝากสหกรณ์ออมทรัพย์ ซึ่งล่าสุดธปท.ต้องออกมาตรการกำกับดูแลภาคอสังหา ริมทรัพย์ เพราะ Search for yield คนกู้แล้วรับเงินทอนไปลงทุน ไปใช้หนี้ เช่น อัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าบ้าน (LTV) ที่ 120% ของราคาบ้าน 5 ล้านบาท แต่ได้เงินกู้ไป 6 ล้านบาท

    สำหรับการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยของธปท.จะใช้หลักการประเมินสถานการณ์ ประเมินบริบท และประเมินข้อมูลแต่ละครั้งของการตัดสินนโยบาย หรือ Data Independence ซึ่งจะยึดหลักการสำคัญใน 3-4 ประเด็นคือ 1.พัฒนาการหรือคาดการณ์ของอัตราเงินเฟ้อ 2.ความเข้มแข็งของการขยายตัวของเศรษฐกิจ 3.เสถียรภาพของระบบการเงิน 4.ความสามารถในการดำเนินนโยบายในอนาคต ซึ่งต้องมองไกลถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิด เพื่อไม่ให้เกิดจุดเปราะบางต่อระบบเศรษฐกิจ

    อย่างไรก็ตามในการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งล่าสุด แม้จะมีกรรมการ 3 เสียง ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่อีก 4 เสียงให้คงดอกเบี้ย แต่กรรมการต่างเห็นตรงกันว่า นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายยังจำเป็นกับประเทศไทย แต่อาจลดระดับความผ่อนคลายที่เคยอยู่ในระดับสูงให้ปรับลดลง โดยยังประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องเพราะเศรษฐกิจข้างหน้า แม้ว่าจะมีแรงขับเคลื่อนที่ดีแต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจนอกประเทศที่ปรับสูงขึ้น แต่การที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานานเป็นพิเศษ ก็เป็นจุดเปราะบางผลข้างเคียงต่อระบบการเงินไทยเช่นกัน

    "แม้ว่าระบบเศรษฐกิจไทยจะสามารถรองรับอัตราดอกเบี้ยได้ แต่ในภาวะข้างหน้าเราต้องเผชิญความไม่แน่นอนสูงจากเศรษฐกิจโลก จากการค้าโลก จากสงครามการค้าโลกหรือตลาดเงินตลาดทุนผันผวน จึงต้องให้ความสำคัญเรื่องการรักษาความสามารถในการดำเนินนโยบายการใช้ Policy Space ไม่ว่านโยบาย การเงินหรือนโยบายการคลัง เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้ Policy Space มีประสิทธิผล"

    Source: ฐานเศรษฐกิจ
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    IMG_5343.JPG
    (Nov 25) แนวโน้มสินเชื่อธุรกิจไตรมาส4 เพิ่มขึ้น: ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้จัดทำแบบ สำรวจภาวะและแนวโน้มสินเชื่อ (Senior Loan Officer Survey) ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูงที่ดูแลงานด้านสินเชื่อของ สถาบันการเงิน ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิต และธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มิใช่สถาบันการเงิน (นันแบงก์) โดยสำรวจเป็นประจำทุกไตรมาส เพื่อสร้างความเข้าใจในการวิเคราะห์สินเชื่อที่ครบถ้วนและลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น คำถามในแบบสำรวจครอบคลุมทั้งด้านอุปทานและอุปสงค์ของสินเชื่อ และแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อในไตรมาสข้างหน้า

    ทั้งนี้ การสำรวจประจำไตรมาส 3 ปี 2561 ได้รับการตอบแบบสอบถามจากธนาคารพาณิชย์ไทย สาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 27 แห่ง และนันแบงก์ 25 แห่ง ซึ่งครอบคลุม 98.6% ของสินเชื่อทั้งระบบ

    สำหรับภาวะสินเชื่อของสถาบันการเงินในไตรมาส 3/2561 และแนวโน้มในไตรมาส 4/2561

    สินเชื่อภาคธุรกิจ : ความต้องการสินเชื่อภาคธุรกิจในไตรมาส 3 ปี 2561 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนตามความต้องการของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่เป็นสำคัญ เพื่อใช้ลงทุนสินทรัพย์ถาวร ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และควบรวมกิจการ โดยความต้องการสินเชื่อของธุรกิจขนาดใหญ่ที่เพิ่มขึ้น ส่วนมากอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) และในธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตได้ดี เช่น ธุรกิจด้านสุขภาพ ขณะที่ความต้องการของกลุ่มธุรกิจ SMEs โดยรวมยังเติบโตได้ต่อเนื่อง แต่ลดลงบ้างในสถาบันการเงินขนาดใหญ่บางแห่ง ส่งผลให้ดัชนีรวมปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด

    ทั้งนี้ ความต้องการสินเชื่อของกลุ่มธุรกิจ SMEs ยังกระจุกตัวในบางพื้นที่โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ขณะที่ในต่างจังหวัดความต้องการ สินเชื่อของ SMEs ค่อนข้างทรงตัวตามราคาสินค้าเกษตรที่ยังไม่ปรับดีขึ้นชัดเจน

    สำหรับไตรมาส 4 ปี 2561 สถาบันการเงินคาดว่าความต้องการสินเชื่อของธุรกิจมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจตามภาพรวมเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง

    มาตรฐานการให้สินเชื่อภาคธุรกิจในไตรมาส 3 ปี 2561 ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า โดยมุมมองต่อความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและภาวะของแต่ละอุตสาหกรรม อาทิ ธุรกิจเหล็ก และธุรกิจการเกษตร ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อมาตรฐานการให้สินเชื่อภาคธุรกิจ ทั้งนี้ สถาบันการเงินยังกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่สูงสำหรับ สินเชื่อภาคธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง

    สำหรับไตรมาส 4 ปี 2561 สถาบันการเงินบางแห่งคาดว่าจะเพิ่มความเข้มงวดกับธุรกิจ SMEs เพื่อรองรับมาตรฐานบัญชีเล่มเดียว ขณะที่ยังคงมาตรฐานการให้สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ไว้ใกล้เคียงเดิม

    สินเชื่อภาคครัวเรือน : ความต้องการสินเชื่อ ภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนในทุกวัตถุ ประสงค์ โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และ สินเชื่อบัตรเครดิต โดยได้รับปัจจัยบวกจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และการปรับกลยุทธ์การดำเนินงานของสถาบันการเงินบางแห่งเพื่อขยายฐานลูกค้า นอกจากนี้ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ยังได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มเติมจากภาวะตลาดซื้อขายรถยนต์ที่แข่งขันกันค่อนข้างสูง ขณะที่ สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคอื่นๆ และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

    สำหรับไตรมาส 4 ปี 2561 สถาบันการเงินคาดว่าความต้องการสินเชื่อภาคครัวเรือนมีแนวโน้ม

    เพิ่มขึ้นในทุกวัตถุประสงค์

    ด้านมาตรฐานการให้สินเชื่อภาคครัวเรือนในไตรมาส 3 ปี 2561 ในภาพรวมสถาบันการเงิน ยังรักษาความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อภาคครัวเรือนไว้ใกล้เคียงเดิมในเกือบทุกวัตถุประสงค์ ยกเว้นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่โดยรวมเข้มงวดขึ้นเล็กน้อยในสถาบันการเงิน ขนาดใหญ่บางแห่ง ทั้งนี้มุมมองทั่วไปด้านความเสี่ยงโดยเฉพาะความน่าเชื่อถือด้านเครดิตของผู้กู้ และภาวะเศรษฐกิจยังเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อมาตรฐานการให้สินเชื่อภาคครัวเรือน สำหรับไตรมาส 4 ปี 2561 สถาบันการเงินคาดว่าจะคงมาตรฐานการให้สินเชื่อทุกวัตถุประสงค์ในระดับที่ใกล้เคียงเดิม ยกเว้นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่ผ่อนคลายลงเล็กน้อยเนื่องจากสถาบันการเงินบางแห่งแข่งขันกันปล่อยสินเชื่อประเภทนี้ค่อนข้างสูง

    นอกจากนี้ ธปท.เปิดเผยรายการย่อแสดงสินทรัพย์และหนี้สินของธนาคารพาณิชย์ ณ วันที่ 31 ต.ค. 2561 สินเชื่อ-เงินฝากรวมของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยเดือน ต.ค. 2561 ยังขยายตัว โดยสินเชื่อรวมในระบบอยู่ที่ 10.923 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.68% ขณะที่เงินฝากมีจำนวนรวม 11.926 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.02% ทั้งนี้สินเชื่อที่เพิ่มขึ้นยังคงเป็นสินเชื่อธุรกิจ และสินเชื่อรายย่อยโดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อขยายตัวตามยอดขายรถในประเทศ แต่สินเชื่อเอสเอ็มอี ชะลอตัวลงเนื่องจากธนาคารยังกลัวปัญหาคุณภาพสินทรัพย์

    สำหรับไตรมาส 4 ปี 2561 สถาบันการเงินคาดว่าความต้องการสินเชื่อของธุรกิจมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจตามภาพรวมเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง

    โดย ทีมข่าวการเงิน

    Source: Posttoday
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Billionaire Mindset - แนวคิดพันล้าน


    เกิดอะไรขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศส!?


    เมื่อกลุ่มผู้ประท้วงที่ใช้เสื้อกั๊กสะท้อนแสงเป็นสัญลักษณ์ ออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาล


    โดยบอกว่านโยบายขึ้นภาษีน้ำมันดีเซลของรัฐบาล เป็นการบริหารงานที่ผิดพลาด ส่งผลต่อค่าครองชีพของประชาชนในประเทศ


    พร้อมกับเรียกร้องให้ประธานาธิบดี Emmanuel Macron ลาออกจากตำแหน่ง



    ทำไมต้องขึ้นภาษีน้ำมันดีเซล??


    ประเทศฝรั่งเศส มีนโยบายสนับสนุนพลังงานทดแทน โดยเฉพาะการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า


    ในปี 2017 ที่ผ่านมา รัฐบาลฝรั่งเศสประกาศแผนนำประเทศไปสู่พลังงานทดแทน


    ไม่ว่าจะเป็น...


    การหยุดให้ใบอนุญาตสำรวจและขุดเจาะน้ำมัน


    การตั้งเป้าจะปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินให้ได้ภายในปี 2022


    การตั้งเป้าจะห้ามขายรถยนต์ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงภายในปี 2040


    ซึ่งการขึ้นภาษีน้ำมันดีเซลนี้ก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่พวกเขาหวังว่าจะทำให้คนในประเทศหันไปใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้น



    เสียงจากผู้ประท้วง...


    ปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลที่ฝรั่งเศสอยู่ที่ประมาณลิตรละ 56 บาท


    เมื่อมองไปที่ตัวเลขราคาน้ำมันดีเซล ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดีเซลในฝรั่งเศสสูงขึ้นไปแล้วเกือบ 25%


    และนโยบายล่าสุดที่ประกาศขึ้นภาษีน้ำมันอีกลิตรละ 2.50 บาท หลังจากวันปีใหม่ปี 2019


    ซึ่งพอมีข่าวออกมาก ก็เหมือนฟางเส้นสุดท้ายของหลายๆ คน จนเกิดกระแสความไม่พอใจไปทั่วประเทศฝรั่งเศส


    ผู้ประท้วงมองว่านั่นคือนโยบายที่ทำให้ "ค่าครองชีพ" ของชนชั้นรากหญ้าแพงขึ้นอย่างชัดเจน


    ส่งผลโดยตรงไปถึงเหล่าเกษตรกร คนใช้แรงงาน หรือผู้อยู่อาศัยในแถบชนบท


    แน่นอนว่าพวกเขาอาจจะรักสิ่งแวดล้อม แต่ก็รับไม่ได้ถ้านโยบายด้านสิ่งแวดล้อม จะทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นมาก


    โดยมองว่าแนวคิดของรัฐบาลเป็นเรื่องที่มองไปยังอนาคตอย่างเดียว โดยไม่สนใจความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น


    นำมาสู่การประท้วงในหลายๆ เมืองของประเทศ


    มีการรวมตัวตามสถานที่สำคัญ ปิดถนนเส้นหลักของเมืองเล็กๆ เพื่อกดดันรัฐบาล


    รวมถึงการเข้าไปประท้วงบริเวณ "ประตูชัยฝรั่งเศส" และถนนสายช็อปปิ้ง "ฌ็องเซลิเซ่" ในเมืองปารีสด้วยเช่นกัน



    ความรุนแรงที่เกิดขึ้น...


    การประท้วงในหลายๆ ครั้ง ย่อมหลีกหนีเหตุปะทะ และความรุนแรงไม่พ้น


    ไม่ว่าจะเป็นการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมประท้วง กับคนทั่วไปในเมืองเล็กๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดถนน


    หรือจะเป็นเหตุการปะทะในเมืองปารีส ที่ทางการระดมกำลังตำรวจ 3,000 นายมารักษาความปลอดภัย


    หลังจากผู้ชุมนุมพยายามพังสิ่งกีดขวางที่ตำรวจกั้นเอาไว้ เพื่อจะเดินทางไปยังสถานที่ราชการสำคัญ


    นั่นนำไปสู่การใช้แก๊สน้ำตาและปืนฉีดน้ำเพื่อสลายการชุมนุม



    เสียงสะท้อนจากรัฐบาลฝรั่งเศส...


    Emmanuel Macron ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับแกนนำของผู้ประท้วง


    และกล่าวโทษฝ่ายค้านด้วยว่าเป็นผู้มีส่วนอยู่เบื้องหลังการประท้วง เพื่อทำลายความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลฝรั่งเศส


    แต่หากมองไปยังผลสำรวจบางส่วนก็พบว่า


    หลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2017 แล้วนำเสนอนโยบายปฏิรูปสวัสดิการรัฐ ที่รวมถึงนโยบายด้านภาษีน้ำมัน


    ส่งผลให้คะแนนนิยมของเขายังคงลดลงต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน



    เป้าหมายในอนาคต vs ชีวิตจริงในปัจจุบัน

    หากเรามองไปตอนที่นโยบายเหล่านี้ออกมา ฝรั่งเศสได้รับเสียงชื่นชมจากทั่วโลก (โดยเฉพาะบนโลกออนไลน์)


    ในด้านความพยายามนำพาประเทศไปสู่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน


    แต่.. ต้องอย่าลืมว่านั่นคือเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง


    ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ ว่า


    แม้ภาษีน้ำมัน จะทำให้น้ำมันแพงขึ้น จนคนมองว่าการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าน่าจะดีกว่าในระยะยาว


    แต่ความจริงก็คือ ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะพร้อมเปลี่ยนได้ในทันที


    และเชื้อเพลิงอย่างน้ำมันดีเซลนั้น ก็เป็นต้นทุนสำคัญอย่างหนึ่งของภาคการผลิต


    ถ้าดีเซลแพงขึ้น สินค้าต่างๆ ก็พร้อมจะขึ้นราคาตามไปด้วย จนส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคด้วยเช่นกัน


    แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้คือ "ปัญหา" ที่จะเกิดขึ้นระหว่างทางในการเดินไปยัง "เป้าหมาย" ที่รัฐบาลมองไว้



    บทเรียนจากการประท้วงฝรั่งเศส โยงเข้ามาในเรื่องธุรกิจ


    มองกลับมายัง "ธุรกิจ" บางครั้งแผนงานของธูรกิจที่มองว่าดี ฟังดูแล้วเข้าท่า เจ้าของธุรกิจก็ชอบ พนักงานต่างก็ชอบ


    แต่ต้องอย่าลืมว่า การจะทำตามแผนดังกล่าวนั้นมีความเป็นไปได้มากเพียงใด และจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นระหว่างทางบ้าง


    สุดท้ายกว่าจะไปถึง "เป้าหมาย" บางรายก็เจอ "ปัญหา" ทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ที่ไม่ได้คาดคิดเอาไว้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง


    นั่นเป็นเพราะการขาดความรอบคอบ คิดว่าจะทำธุรกิจได้โดยไม่มีอุปสรรค ประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควรจะเป็น


    นี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจเล็กๆ หลายราย เจ๊งไปเสียก่อนจะไปถึงเป้าหมาย



    เราก็ต้องมารอติดตามกันว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นของฝรั่งเศสคราวนี้ จะเป็นเพียงอุปสรรคระหว่างทางไปถึงฝั่งฝัน


    หรือจะเป็นบทเรียนแห่งความผิดพลาด จนส่งผลให้ประธานาธิบดี Macron ต้องยอมออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระก็เป็นได้...



    ----------------------------------------------------------



    ใครที่ชอบก็สามารถติดตามอ่านความรู้ในด้านการลงทุน การตลาด ธุรกิจ และข่าวสารต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์ www.BillionaireTH.com นะครับ


     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศูนย์สารสนเทศอิสลาม Islamic Information Center


    มุจญ์ตะฮิด นักเปิดโปงผู้มีชื่อเสียงชาวซาอุดีอาระเบียได้รายงานในทวิตเตอร์ล่าสุดของเขาว่า มีการเคลื่อนไหวที่น่าสงสัยในกรุงริยาดเมื่อคืนที่ผ่านมา และเขียนเพิ่มเติมว่า กองกำลังความมั่นคงของซาอุดิอาระเบียทั้งหมดถูกเรียกตัว ......


     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศูนย์สารสนเทศอิสลาม Islamic Information Center


    แหล่งข่าวจากเจ้าชายซาอุฯ ผู้หนึ่งเปิดเผยว่า มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบียมีแผนที่จะสังหาร อะห์มัด บินอับดุลอะซีซ ซึ่งเป็นอาของตนก่อนที่จะฆ่านายญะมาล คาช็อกกี......


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สารเคมีก็ฉีดขึ้นท่องฟ้าเป็นประจำ ไม่รู้จะมาเสนอให้ฉีดอะไรอีก

    ท้องฟ้าในมิสซูรี่วันนี้
    IMG_5344.JPG IMG_5345.JPG

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภาษีร้านค้าพ่อค้าแม่ค้าต้องรู้


    สรรพากรเตรียมออกกฎหมายเพื่อเก็บภาษีจากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ และบุคคลธรรมดาที่มีรายได้จากการขายหรือการให้บริการแต่ไม่เคยเสียภาษีเลย

    -----------------------

    ต่อไปนี้ข้อมูลทางการเงินขอพวกท่านจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป สรรพากรกำหนดให้ธนาคารส่งข้อมูลเงินฝากให้สรรพากรโดยอัตโนมัติเมื่อเข้าเงื่อนไขต่างๆ

    .

    พิจารณาจากรายการเงินเข้าบัญชีตั้งแต่ 1ม.ค. - 31ธ.ค.ของปี

    1.มีรายการเงินเข้าทุกบัญชีทุกธนาคาร 3,000รายการ

    2.มีรายการเงินเข้าบัญชี 200รายการ และยอดเงินรวม 2ล้านบาท


    ถ้าเป็นแบบข้อ1หรือข้อ2 ธนาคารจะส่งข้อมูลให้สรรพากรเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตรวจสอบและให้เสียภาษีต่อไป


    ปล.กฎหมายฉบับนี้ยังเป็นร่างอยู่ ซึ่งยังไม่ได้มีผลบังคับใช้

    ข้อพึงระวัง-การขายสินค้าหรือให้บริการเมื่อมีรายได้เกิน1.8ล้านจะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มทันที และต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% ให้กับกรมสรรพากรด้วย


     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Wudhichai Maitreesophone

    EC14E0FF-F4C8-4798-A1D1-7E5096ACBD65.jpeg
    ว่ายังไง คุณสหรัฐอเมริกา-คุณอังกฤษ-คุณฝรั่งเศส และไอ้พวกหมวกกันน๊อคสีขาว ไปหดหัวอยู่ซะที่ไหน


    ชาติมหาอำนาจเหล่านี้ เคยหาเรื่องกล่าวหาซีเรียว่า ใช้อาวุธเคมีโจมตีผู้ก่อการร้าย และสังหารประชาชน โดยอ้างเอาการกุข่าวของพวกหมวกกันน๊อคสีขาว แล้วยิงขีปนาวุธโทมาฮอคโจมตีซีเรียเขาคราวละ 40-50 ลูก เขาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบให้ละเอียดก็ไม่ยอมทำ


    คราวนี้เมื่อเช้ามืดวันนี้ ตี 4 กว่าๆ ผู้ก่อการร้ายลูกน้อง ที่สหรัฐทุ่มเทปกป้องอย่างดี ได้ใช้ปืนใหญ่บรรจุก๊าซคลอรีนยิงถล่มใส่ย่านที่อยู่อาศัยของประชาชน ชานเมือง Aleppo ที่ถนน Nile Street กับแขวง Al-Khalidiyeh ทำให้ประชาชน ตาย และบาดเจ็บกว่า 100 คน


    หรือว่า แม้หลักฐานจะแน่นหนาว่าเป็นฝีมือผู้ก่อการร้าย แต่สหรัฐก็จะยังเชื่อว่า เป็นลูกปืนใหญ่ของรัฐบาลซีเรีย ยิงสร้างสถานกาณ์ สหรัฐ-อังกฤษ-ฝรั่งเศส ก็ยังจะโจมตีที่ตั้งรัฐบาลซีเรียอีก ก็ไม่ว่ากัน เพราะตอนนี้ SAM S-300 ของรัฐบาลซีเรียเขาตั้งท่ารอรับการโจมตีอยู่แล้วอย่าช้าล่ะ โดนัลด์ ทรั้มป์


    https://mobile.almasdarnews.com/art...leppo/?utm_source=dlvr.it&utm_medium=facebook


    ttps://www.facebook.com/100002923208053/posts/1914155582025197/
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ช่างศุภวิชญ์ จูเปรมปรี


    นักท่องเที่ยวแตกตื่นพายุงวงช้างหลายลูกเกิดกลางทะเลเกาะหลีเป๊ะ สตูล


     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดิน น้ำ ลม ฟ้า พยากรณ์





    ตืนตา พายุ “งวงช้าง” 4 สาย ห่างฝั่งหลีเป๊ะ

    นักท่องเที่ยว ตื่น ตะลึง เกิดพายุ พายุ ”งวงช้าง” 4 สายพร้อมกัน หมุนเป็นเกลียวพวยน้ำ กลางทะเลอันดามัน ห่างชายฝั่ง เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล สร้างความสวยงาม และ ความตื่นตาตื่นใจผู้พบเห็น


    เมื่อช่วงก่อนเที่ยงที่ผ่านมา (25พ.ย.) ได้เกิดพายุ “งวงช้าง” ถึง 4ลูก เกิดขึ้นพร้อมกัน ซึ่งมีลักษณะเป็นเกลี่ยวคลื่น หมุนวนอยู่กลางทะเล ห่างจากชายฝั่งของหาดเกาะหลีเป๊ะ เกาะกลางทะเลอยู่ในเขตจังหวัดสตูล ทางตอนใต้ของเกาะอาดัง ห่างจากแผ่นดินของจังหวัดสตูล 85 กิโลเมตร สร้างความตืนตาให้กับผู้ที่พบเห็น

    ขณะที่ผู้ใช้เฟชบุค “ Donwahah Khiaddech” บันทึกภาพในช่วงที่เกิดเหตุเอาไว้ได้ ท่ามกลางความสวยงามของน้ำทะเลสีเขียวริมชายฝั่ง ในบรรยากาศเมฆครึ้มมองเห็นพายุงวงช้าง 4 สาย อยู่กลางทะเลอย่างเห็นได้ชัด อยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 8-9 ไมล์ทะเล (1ไมล์ เท่ากับ 1.66 กม.)

    ส่วนผู้ใช้เฟชบุค “อึ้งเพ้า” ซึ่งเดินทางไปเที่ยวที่หลีเป๊ะ ก็ได้โพสต์ภาพขณะเกิดพายุงวงช้างด้วยเช่นกัน พร้อมบอกว่า ในช่วงที่เกิดนั้นมีฝน และ ลม พัดแรง ตื่นเต้นที่ได้เห็นกับภาพยายุงวงนี้ จึงบันทึกภาพเก็บไว้


    นายสุรพงษ์ สาระปะ โฆษกกรมอุตุนิยมวิทยา บอกว่า ภาพที่เห็นนับเป็นความสวยงามทางธรรมชาติแต่ก็อาจมีอันตรายบริเวณที่ ลมงวง เคลื่อนผ่าน และ ปรากฎการณืนี้ มีชื่อเรียกว่า “ ลมงวง ” หรือ พายุ ”งวงช้าง” โดยทะเลฝั่งอันดามัน จะพบเห็นได้บ่อย โดยพายุ “งวงช้าง” 2-3 สาย เห็นได้บ่อย แต่พายุงวงช้าง 4 สาย ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก ส่วนการเกิดบนอ่างเก็บน้ำ หรือ เขื่อน เรียกว่า นาคเล่นน้ำ

    ปรากฏการณ์พายุ ”งวงช้าง“ มักเกิดขึ้นบ่อยในช่วงหน้าฝน และ ช่วงเปลี่ยนฤดู การเกิดครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในทะเลไม่ได้ขึ้นฝั่งจึงไม่ได้สร้าง อันตราย ความเสียหาย แต่ทำให้เกิดความตื่นตาตื่นใจกับผู้ที่ได้พบเห็น


    สำหรับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ปรากฏการณ์ "พายุ งวงช้าง" มีชื่อที่ถูกต้องคือ "พายุนาคเล่นน้ำ" หรือ "พวยน้ำ" (water spout) หมายถึง ปรากฏการณ์ที่มีลักษณะคล้ายท่อน้ำขนาดใหญ่ เชื่อมต่อระหว่างผืนฟ้า และ พื้นน้ำ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นจากลมพัดวน บิดเป็นเกลียว เห็นได้จากเมฆ ที่มีลักษณะเป็นลำ หรือเป็นกรวยหัวกลับ ยื่นลงมาจากฐานของเมฆคิวมูโลนิมบัส (เมฆฝนฟ้าคะนอง) และ เห็นได้จากพวยน้ำที่พุ่งขึ้นมาเป็นพุ่ม ประกอบด้วยหยดน้ำพุ่งเป็นฝอยขึ้นจากผิวพื้นทะเล มีลมแรงพัดเข้าหาบริเวณศูนย์กลางของพวยน้ำ ยอดของพวยน้ำอาจเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่แตกต่างไปจากฐาน ทำให้แกนเอียง หรือ บิดเบี้ยวแล้วหลุดออกจากกัน และ สลายตัวไป
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,299
    ค่าพลัง:
    +97,150
    The Public Post


    รัสเซียจะตรวจสอบว่าสหรัฐฯ เคยไปเหยียบดวงจันทร์จริงหรือไม่??

    https://www.publicpostonline.net/19737


     

แชร์หน้านี้

Loading...