ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ช่างศุภวิชญ์ จูเปรมปรี

    B8EA6A90-3A4D-4146-B7EC-A5ACE05BAED3.jpeg


     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    IMG_5329.JPG

    นก...

    เป็นพันๆของนก starlings ที่ครอบคลุมท้องฟ้าของโรม... สิ่งที่คุณเห็นในหนังค็อกซ์ค็อกเท่านั้น...


    The Birds...

    Thousands of starlings covering the sky of Rome... something u only see in a Hitchcock movie...


     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    The MATTER


    BRIEF: ปักกิ่งหยุดโตแล้ว! จำนวนประชากรลดลงครั้งแรกใน 20 ปี หลังใช้สารพัดวิธีบรรเทาความแออัด

    .

    แม้จะลดลงแค่ 0.001% เท่านั้น แต่ก็ถือเป็นสัญญาณที่น่ายินดีสำหรับรัฐบาลจีน ที่ใช้สารพัดวิธีลดความแออัดของกรุงปักกิ่งมาโดยตลอด

    .

    สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จำนวนประชากร (ในนิยามของเขา นับเฉพาะผู้ที่อยู่อาศัยถาวร) ในกรุงปักกิ่งของปี 2017 มีทั้งสิ้น 21.707 ล้านคน ลดลงจากปีก่อนหน้าราว 22,000 คน ซึ่งอย่างที่บอกแม้จะลดลงในสัดส่วนที่น้อยมาก แต่ก็เป็นทิศทางที่ดี หลังพยายามจำกัดการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรมาหลายปี - เพราะเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 2 ทศวรรษ!

    .

    จำนวนคนที่มากเกินไป ทำให้กรุงปักกิ่งเผชิญปัญหาทั้งรถติดแสนสาหัส การขาดแคลนทรัพยากร และราคาที่อยู่อาศัยที่พุ่งสูงขึ้น เป็นที่มาของนโยบายของรัฐบาลจีนที่จะจำกัดจำนวนประชากรไม่ให้เกิน 23 ล้านคน ภายในปี 2025

    .

    สิ่งที่จีนทำมีทั้ง สร้างเขตเมืองใหม่ในมณฑลเหอเป่ยที่อยู่ข้างกรุงปักกิ่ง (คล้ายนนทบุรีกับกรุงเทพ) ย้ายกิจกรรมที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในเมืองหลวงออกไป และสร้างระบบขนส่งที่ครอบคลุมและง่ายต่อการเดินทางในระยะไกล และพยายามเหล่านี้ก็เพิ่งมาผลิดอก-ออกผล

    .

    แต่ในทางกลับกัน ขณะที่จีนพยายามควบคุมจำนวนประชากรในเมืองใหญ่ เช่น กรุงปักกิ่งและนครเซี่ยงไฮ้ ในภาพรวมรัฐบาลของสี จิ้นผิง กลับพยายามที่จะเพิ่มจำนวนประชากรของทั้งประเทศ หลังจากอัตราการเกิดลดต่ำลงเรื่อยๆ เพื่อที่จะรองรับสังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบที่น่าจะมาถึงในระยะเวลาอันใกล้ โดยคาดกันว่าในปี 2035 จีนจะมีผู้สูงอายุสูงถึง 400 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันถึง 2/3

    .

    .

    อ้างอิงจาก


    https://www.reuters.com/article/us-...u01hiG8mvf5OJBBvz-kbAohs6iQ_V1RYniU5olN0vOq6w


    http://www.xinhuanet.com/english/2018-11/22/c_137624998.htm


    #Brief #TheMATTER


     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Wealth Station


    IQ> บอนด์ยีลด์สหรัฐร่วง นักลงทุนหันถือพันธบัตร หลังราคาหุ้น,น้ำมันดิ่ง


    สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 พ.ย. 61)--อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงในวันนี้ โดยนักลงทุนพากันเข้าซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่ตลาดน้ำมัน และตลาดหุ้นปรับตัวลง

    ณ เวลา 22.42 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 3.037% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.284%

    ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน

    ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทร่วงลงในวันนี้ โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และพลังงาน

    ณ เวลา 21.53 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,357.25 จุด ลดลง 107.44 จุด หรือ 0.44%

    สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ทรุดตัวอย่างต่อเนื่องในวันนี้ โดยดิ่งลง 7% หลุดระดับ 51 ดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดของปีนี้ โดยมีแนวโน้มทำสถิติร่วงลงมากที่สุดในรอบ 1 เดือนนับตั้งแต่ปลายปี 2557 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด

    ณ เวลา 21.17 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ดิ่งลง 3.43 ดอลลาร์ หรือ 6.28% สู่ระดับ 51.20 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากทรุดตัวลง 7% แตะระดับต่ำกว่า 51 ดอลลาร์ก่อนหน้านี้

    ราคาน้ำมันดิ่งลงราว 20% ในเดือนนี้ โดยเป็นการปรับตัวลง 7 สัปดาห์ติดต่อกัน

    นักลงทุนจับตาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งมีกำหนดพบปะกันนอกรอบการประชุม G20 ในปลายเดือนนี้ โดยมีการคาดการณ์กันว่าผู้นำทั้งสองจะสามารถเจรจา และแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า

    ปธน.ทรัมป์กล่าววานนี้ว่า เขาหวังว่าจะสามารถทำข้อตกลงกับจีน ขณะที่มีการพบปะกับปธน.สี จิ้นผิงในปลายเดือนนี้


    --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    IMG_5330.JPG

    ดูไบหลังพายุฝุ่น


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไม่สนว่าใครสั่งฆ่า การคว่ำบาตรจะใช้เพื่อแสวงหาประโยชน์เท่านั้น

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เก็บตกตะวันออกกลาง


    หกเดือนหลังจากย้าย : อเมริกาจะขยายต่อเติมสถานทูตในเยรูซาเล็ม


    นายกเทศมนตรียิวไซโอนิสในเยรูซาเล็มได้ออกใบอนุญาตให้มีการขยายต่อเติมอาคารสถานทูตสหรัฐฯในกรุงเยรูซาเล็มบนพื้นที่ 700 ตารางเมตร


    หกเดือนหลังจากการย้ายสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาจากกรุงเทลอาวีฟมายังเยรูซาเล็ม และการยอมรับเมืองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของระบอบยิวไซออนิสต์ ล่าสุดก็ได้มีการขยายต่อเติมอาคารสถานทูตในเยรูซาเล็ม


    สหรัฐอเมริกาประกาศในเดือนตุลาคมว่าจะปิดสถานกงสุลในเยรูซาเล็ม และจะตั้งสำนักงานที่เป็นเอกเทศในสถานทูตแห่งใหม่


    โฆษกสถานทูตสหรัฐฯกล่าวในต้นเดือนพฤศจิกายนว่าเฟสแรกของอาคารจะมีสำนักงานให้กับเอกอัครราชทูตและมีสำนักงานขนาดเล็กจำนวนมากสำหรับพนักงาน ส่วนเฟสที่สองจะแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2019 และเมื่อเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วจะมีการย้ายพนักงานจำนวนมากที่อยู่ในเทลอาวีฟไปยังอาคารดังกล่าว

    #เก็บตกตะวันออกกลาง!

    #อิสราเอล #ไซออนิสต์

    #ปาเลสไตน์ #เยรูซาเล็ม


     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Nov 24) สื่อเผยสหรัฐฯ ขอความร่วมมือจากรัฐบาลของกลุ่มประเทศพันธมิตรหลีกเลี่ยงใช้อุปกรณ์สื่อสารของ Huawei :สำนักพิมพ์ The Wall Street Journal รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ขอความร่วมมือจากรัฐบาลของกลุ่มประเทศพันธมิตร เพื่อเรียกร้องให้บริษัทในธุรกิจการให้บริการอินเตอร์เน็ต หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมจากบริษัท Huawei Technologies Co. ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำด้านอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมสัญชาติจีน


    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้พูดคุยกับรัฐบาลและผู้บริหารบริษัทในกลุ่มโทรคมนาคมจากประเทศที่มีการใช้อุปกรณ์ที่ผลิตโดย Huawei Technologies Co. อย่างกว้างขวาง เช่น ประเทศเยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น โดยอ้างถึงประเด็นความเสี่ยงด้าน cybersecurity เกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์จากจีนในประเทศที่มีฐานทัพสหรัฐฯ ตั้งอยู่


    นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังพิจารณาเสนอความช่วยเหลือทางการเงินในการพัฒนาระบบการสื่อสารโทรคมนาคมให้กับประเทศที่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องข้างต้น อนึ่ง การกระทำดังกล่าวถือเป็นขยายขอบเขตการทำสงความเย็นด้านเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และพันธมิตรกับประเทศจีน ท่ามกลางการพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมต่อโลกได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของเทคโนโลยี 5G ที่มีความซับซ้อนและอาจส่งผลให้เกิดความเปราะบางต่อการสอดแนมมากขึ้น


    Source:BOTSS


    - US government reportedly asked allies to avoid using equipment manufactured by China's Huawei: https://www.cnbc.com/2018/11/22/us-...d-allies-to-avoid-using-huawei-equipment.html
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข้อมูลที่น่าสนใจจากงานวิจัยที่มีชื่อว่า 'การทดลองเกี่ยวกับคุณภาพการนอนหลับของผู้หญิง และความเชื่อมโยงของพฤติกรรมการนอนของเจ้าของสัตว์เลี้ยงกับการนอนร่วมกันบนเตียง'



    งานวิจัยดังกล่าวนี้ได้ทำการศึกษาจากผู้หญิงชาวอเมริกันกว่า 962 คน เพื่อศึกษาเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์ว่ามีผลต่อการนอนหลับหรือไม่อย่างไร



    ผลที่ได้ก็คือกว่า 55 เปอร์เซ็นต์จากทั้งหมดนี้จะยอมให้หมานอนด้วยบนเตียงอย่างน้อย 1 ตัว และ 31 เปอร์เซ็นต์นอนกับแมวอย่างน้อย 1 ตัว



    งานวิจัยระบุเอาไว้ว่าคนที่นอนกับแมวจะถูกรบกวนระหว่างนอนทำให้นอนหลับไม่เป็นสุข ส่วนคนที่นอนกับหมา จะช่วยให้หลับสบายมากยิ่งขึ้น



    จากการศึกษาเพิ่มเติมในงานวิจัยอื่น นอกจากการที่ไม่ถูกรบกวนแล้วมันเป็นเพราะว่าขณะที่เราอยู่ใกล้กับเจ้าหมานั้นจะช่วยเพิ่มการหลั่งฮอร์โมนที่ชื่อว่า Oxytocin ในร่างกายของเรา ซึ่งเจ้าฮอร์โมนตัวนี้จะมีความเชื่อมโยมกับความรักใคร่ และความสุข



    ที่มา : https://www.psychologytoday.com/int...1709/should-you-let-your-dog-sleep-in-bed-you


    https://www.msn.com/en-us/lifestyle...-their-beds-with-dogs-sleep-better/ar-BBPXtDB


    https://www.tandfonline.com/doi/abs/10.1080/08927936.2018.1529354


     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Sayan Rujiramora


    Alt-Market

    IMF Reveals That Cryptocurrency Is The New World Order End Game

    Wenesday 21, November 2018. Brandon Smith


    จุดหมายของ New World Order: CryptoCurrency


    Globalist มีวิธีจัดการกับความคิดของผู้คนอยู่ 2 แบบ แบบแรกเป็นการสร้างเรื่องรุนแรงให้เกิดทันทีทันใด เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดอาการช้อคและตื่นกลัว (shock & awe) ที่จะทำให้ฝูงชนยอมให้นำไปในทางที่ต้องการ ..แต่แนวนี้บางครั้งก็ไม่ได้ผล กรณีที่มันอาจจะต้องใช้เวลามากจนผู้คนรู้ทันซะก่อน


    อีกแบบต้องใช้เวลาค่อยๆให้มีการซึมซับในหมู่ปวงชนที่อาจกินเวลาหลายๆปี จนคล้ายการสกดจิตหมู่ แนวทางนี้เป็นการปลูกฝังความคิดบางอย่างที่มักเป็นการทำลายล้าง ให้กลายเป็นอุดมคติส่วนตนเองของผู้คนทั้งหลายไปเลย (ตัวอย่างเช่น ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ที่มีอเมริกันเป็นฝ่ายดีตลอดกาลที่เราเฝ้าดูกันนับสิบๆปี..ผู้แปล)


    แนวคิดหลอกลวงของเงิน cryptocurrency ก็เป็นแนวทางแบบเดียวกันนี้


    นี่เป็น currency ที่อิงกับความว่างเปล่า ไม่มีทรัพย์สินใดๆที่มีค่าเป็นแบ้คเลย ใครๆก็สามารถเนรมิตเงินคริปโตจากกลางอากาศในแบบเดียวกับ bitcoin ได้ ...เทคโนฯนี้ไม่ได้สร้างมูลค่าแท้จริงให้เกิดขึ้นเลย และก็ไม่มีใครไปหยุดยั้งการเนรมิตเงินดิจิตัลนับพันๆสกุลแบบนี้ได้ด้วย ซึ่งในที่สุดแล้วมันก็มาชิงกันเองกับ bitcoin จนได้


    จำนวนที่จำกัดของเงินคริปโตเป็นเรื่องหลอกลวง และในกรณีของการล่มสลาย

    ของพลังงานไฟฟ้า (grid down scenerio) หรือแม้มี internet lock-down (ในกรณีที่ประเทศเกิดวิกฤติ) คริปโตหรือแม้แต่ blockchain ledger ก็เป็นอันเข้าไม่ถึง


    การเทรดระหว่างกันในหมู่ private wallets ก็ไม่เมคเซนส์เท่าไหร่นัก จะมีสักกี่คนที่อยู่ใน community เดียวกันที่มี bitcoin wallet ...เวลาและพลังงานที่สูญไปในการเนรมิต digital nothings เหล่านี้ก็ดูจะไม่ productive นัก


    คุณลักษณ์เด่นที่ทำให้ bitcoin ดูมีค่าก็ตรง branding ของมันที่มีการโปรโมทอย่างดี ..อีกอย่างหนึ่งก็คือการไม่ต้องเผยตัวตนเจ้าของ ซึ่งนี่ก็เป็นปัญหาทางข้อกฏหมายเมื่อปี 2009 ...และมาถึงตอนนี้ก็เป็นที่รู้กันแล้วว่า เงินดิจิตัลทุกสกุลใน blockchain ก็สามารถถูกตามร่องรอยได้แล้ว


    ใครก็ตามที่วิจารณ์เทคโนโลจีนี้ ซึ่งไม่ว่าจะมีเหตุผลที่เป็นหลักเป็นฐานอย่างไรก็ตาม จะถูกโจมตีอย่างรุนแรง จะต้องถูกกล่าวหาว่าเป็น "คนโง่ป่าเถื่อนไร้การศึกษาที่เป็นทาสของทองคำ" ..ที่โง่เกินกว่าจะเข้าใจในสิ่งที่ genious เท่านั้นที่รู้ ..ถึงการทำงานของ blockchain technology.....


    ข้อมูลที่ปล่อยสู่สาธารณะไม่มีการสอบทาน ..การกล่าวอ้างถึงความไร้ตัวตนของเจ้าของถูกพูดถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ...แต่ราคา bitcoin ที่ขึ้นสูงลิ่วกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ฝ่ายผู้วิจารณ์นั่นแหละเป็นฝ่ายผิด


    นักลงทุนจำนวนมากทำกำไรมหาศาลจาก bitcoin และเงินคริปโตตัวอื่นๆ ในชั่วขณะหนึ่ง แต่มาถึงวันนี้หลายคนสูญเงินไปไม่น้อยจากการที่ราคา bitcoin และอีกหลายตัวร่วงหนัก มันร่วงไปพร้อมกับหุ้นกลุ่มเทคโนฯ ..เพราะสินทรัพย์คริปโตทั้งหลายมีการเทรดกันเป็นฟองสบู่ในลักษณะเหมือนกับหุ้นตัวหนึ่ง ..ไม่ใช่สกุลเงิน


    หลายคนที่ไม่ได้มองว่า bitcoin เป็นสกุลเงิน เคยเปรียบเทียบราคาที่ไร้เหตุผลของ bitcoin ว่ามันก็เหมือนกับการคลั่งดอกทิวลิปของดัทช์เมื่อหลายร้อยปีก่อน (หรือเหรียญจตุคามฯ ของไทย...ผู้แปล)


    crypto currencies มีจุดประสงค์เข้ามาทำให้ผู้ที่จะสร้างทางเลือกใหม่ให้กับสถานการณ์ทางการเงินด้วยทองคำ เกิดการไขว้เขว ...ซึ่งก็ดูเหมือนจะได้ผล bitcoin ไซฟ่อนเงินได้ส่วนหนึ่งซึ่งไม่น้อยให้ไหลเข้ามาในสิ่งไร้ประโยชน์ ..แทนที่จะใช้สร้างระบบที่จะมาคานกับอำนาจของธนาคารกลางได้


    ตลอดเวลาที่ผ่านมาช่วงหนึ่ง กระแสคริปโตได้ทำให้แนวคิดของเงินดิจิตัลนี้ถูกกล่าวถึงในหมู่คนทั่วไป ซึ่งนี่ก็น่าจะเป็นจุดประสงค์อย่างหนึ่ง ...bitcoin หรือ coin ชนิดอื่นๆน่าจะออกมาเป็นการทดสอบ ก่อนที่จะมีเงินคริปโตที่เลวร้ายตัวจริงออกมาในอนาคต


    แนวคิดทั้งหมดของเงินดิจิตัลเป็นไปดังที่อธิบายไว้ในเอกสารของ National Security Agency (NSA) ‘How To Make A Mint: The Cryptography Of Anonymous Electronic Cash.’ ฉบับพิมพ์เมื่อปี 1996


    แล้วสถาบันของ Globalist อย่าง Goldman Sachs ก็ออกมาชื่นชมเงินคริปโตและเทคโนฯ blockchain ..ในที่สุดธนาคารกลางเองก็ค่อยๆขยับตัวในเรื่องนี้แต่ก็ยังทำเป็นไม่ค่อยเต็มใจนักที่จะพูดถึง


    ถ้างั้นแผนทั้งหมดของคริปโตคืออะไรล่ะ ...ตอนนี้ International Monetary Fund (IMF) ได้ออกมาเปิดตัวแล้วถึงการชื่นชอบต่อ crypto technology ซึ่งนี่น่าจะเป็นการเปิดถึง เกมสุดท้ายไปสู่ new world order


    ในเอกสารที่ออกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาของ IMF โดยนาง Christine Lagarde ในหัวข้อ "Winds of Change: The Case For New Digital Currency" IMF ให้เหตุผลว่าทำไมธนาคารกลางและ IMF จึงควรนำเงินคริปโตเข้ามาสู่อนาคตของนโยบายทางการเงิน


    อย่างที่เคยมีการเตือนกันไว้แล้ว การเปลี่ยนมาใช้เงินคริปโตไม่ใช่เป็นการ "ปฏิวัติ" ต่อต้าน globalist เลย ..ตรงข้ามกลับจะเป็นการสนับสนุน globalist ที่จะข้ามไปยังเฟสต่อไปที่จะยังคงควบคุมเศรษฐกิจไว้ต่อๆไป


    เมื่อปี 1988 The Economist ..นิตยสารของ globalist ได้ทำนายหรือที่ถูก ประกาศถึงระบบเงินสกุลใหม่ที่จะใช้ในปี 2018 อีก 30 ปีถัดจากนั้น มันชัดเจนว่านี่คือเงินคริปโตและ blockchain ...ระบบนี้เป็นการใช้เงิน Special Drawing Rights (SDR) เป็นสพานเขื่อมต่อไปยังเงินสกุลเดียวของโลก "Phoenix" ..ถึงแม้จะมีผู้ค้านว่า SDR ไม่ใช่สกุลเงิน


    ในบทความเดียวกัน มีการรายงานว่าบทบาทของสหรัฐในฐานะที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลก และบทบาทของดอลล่าร์ที่เป็นเงินทุนสำรองของโลก จะต้องลดลงเพื่อเปิดทางสดวกให้ระบบใหม่ของ new world order ซึ่งเราก็เริ่มจะได้เห็นแล้ว ..วิกฤติที่ใกล้จะเกิดขึ้นจะเป็นตัวที่ทำให้ตลาดหุ้นและตลาดบอนด์แครช หรือแม้แต่สถานะทุนสำรองของดอลล่าร์อีกด้วย..


    ข้อเขียนของนาง Lagarde เหมือนเป็นเอกสารเสนอขายไอเดียให้กับสื่อ ซึ่งสื่อทั้งหลายก็เด้งรับ เสนอข่าวมากมายว่าเงิน global crypto ที่คุมโดย IMF นี่แหละคือทางออกของปัญหาทั้งหลายแหล่ของโลกที่กำลังเผชิญอยู่


    แกนหลักที่จะเคลื่อนไหวไปสู่ global crypto คือการเน้นให้เกิดสังคมไร้เงินสด ซึ่งการค้าทุกระดับจะอยู่ใต้การควบคุมทั้งหมด


    ฟองสบู่ที่เกิดขึ้นอยู่ทุกระดับที่ปั่นขึ้นมาโดยธนาคารกลางในช่วงสิบปีที่ผ่านมากำลังจะระเบิด ....Federal Reserve เองก็กำลังจะยกเลิกมาตรการกระตุ้น ..ลดขนาดของงบดุล และขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดันให้สถานการณ์ที่ย่ำแย่อยู่แล้วตั้งแต่ 2008 ให้เลวร้ายลงอีก


    IMF น่าจะพร้อมอยู่แล้วที่จะเข้าทดแทนดอลล่าร์ในฐานะเงินทุนสำรองของประเทศต่างๆด้วย crypto SDR ....


     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Sayan Rujiramora


    Mises Institute...Austrian Economics

    Does China Have Enough Gold to Move Toward Hard Currency?

    Nov. 17, 2018. Alasdair Macleod


    ทองคำของจีนมากพอจะเปลี่ยนเข้าสู่ระบบการเงิน Hard Currency หรือไม่


    จีนรุ่นใหม่เป็น Keynesian หรือเปล่า


    เราพอจะแน่ใจได้ว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจีนที่กำลังเข้าสู่วัยกลางคนส่วนใหญ่มีความคิดไปทางตะวันตกที่เป็นผลจากแนวทางการศึกษาของพวกเขา โดยเฉพาะสาขาที่สำคัญคือส่วนที่เกี่ยวกับการเงินและเศรษฐกิจ ..มีการแบ่งแยกกับกลุ่มอนุรักษ์ที่สูงวัยกว่า ตัวอย่างที่เด่นชัดเลยก็คือ ปธน.สี เอง ..เหล่าผู้อาวุโสที่นำสภาแห่งประชาชนก็อายุมากกันแล้ว ผู้มารับช่วงก็มีการวิเคราะห์เศรษฐกิจของประเทศต่างออกไป จากการศึกษาที่ได้รับมาจากมหาวิทยาลัยตะวันตก


    มันก็ยังไม่ใช่ปัญหาที่เด่นชัดนักในสภาพเศรษฐกิจการเงินในปัจจุบัน ตราบใดที่มันยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นการรื้อโครงสร้างสถานะภาพเดิมๆ ..กลไกของรัฐก็ยังคงเดินไปเป็นปกติ ....แต่เมื่อ (ไม่ใช่ "ถ้า" ) ..เมื่อวิกฤติการเงินและเครดิตของโลกเกิดขึ้น การร่วมมือกันในการจัดการ..คงจะเริ่มเป็นปัญหา


    บทความนี้จะเป็นแนวคิดถึงปัญหาวิกฤติเครดิตในมุมมองของจีน .......เมื่อดูจากสัญญานวงจรเครดิตในอเมริกาและความไร้เสถียรภาพในตลาดการเงินของโลก วิกฤติที่จะเกิดคงเกิดขึ้นทันทีทันใด ..จีนต้องมีการเตรียมการเรื่องระบบการเงินของตนที่แยกออกจากระบบเงินเฟียตของโลก ..ซึ่งในการนี้ จีนจำต้องทิ้งแนวทางเศรษฐกิจแบบ neo-Keynesian ของโลกตะวันตก..ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาถูกนำมาใช้เป็น mainspring ของการก้าวกระโดดความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของตน


    ในเมื่อรัฐบาลจีนเต็มไปด้วยนักเศรษฐศาสตร์หัวตะวันตก จีนจะยังเหลือสามัญสำนึกพอที่จะเข้าใจถึงอันตรายจริงๆของระบบเงินเฟียตของตะวันตกอยู่หรือ? ยังคงต่อยอดระบบ sound-money ที่คนรุ่นก่อนหน้าสะสมทองคำมารอไว้ให้แล้วหรือ? จะให้การศึกษาประชาชนของตนให้เห็นถึงความจริงข้อนี้ได้หรือ?


    จีนต้องมีความกล้าที่จะละทิ้งคำแนะนำจากนโยบายเศรษฐกิจที่ผิดๆของตะวันตก หรือจากการชี้ผิดชี้ถูกของนักสังเกตุการณ์ตะวันตก ..ซึ่งถ้าผ่านพ้นไปได้ จีนจะผ่านพ้นวิกฤติไปด้วยความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าโลกตะวันตกมากนัก ที่ไม่อาจจินตนาการได้เลย


    Post-Mao Financial and Monetary Strategy

    ยุทธศาสตร์ด้านการเงินหลังยุคเหมาเจ๋อตง


    หลังการอสัญกรรมของเหมาเจ๋อตงในปี 1976 ผู้นำจีนยุคต่อๆมาต้องพยายามรักษาความเป็นหนึ่งเดียวของชนในชาติแบบไม่ใช้กำลัง ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแตกแยก..จากการที่มีกลุ่มเชื้อชาติที่แตกต่างกันอยู่ถึง 40 เชื้อชาติ


    ในหมู่ผู้นำบางคน ได้สังเกตุเห็นความสำเร็จของฮ่องกงและสิงคโปร์ที่ขับเคลื่อนโดยชาวจีนโพ้นทะเล ทำให้คิดว่าพรรคคอมมูนิสต์จีนจำต้องใช้ประโยชน์จากระบบทุนนิยมในขณะที่ฝ่ายตนยังอยู่ในอำนาจทางการเมืองอยู่ ..ปธน.หัวโก้ะฝงผู้ซึ่งเข้ารับตำแหน่งแทนเหมาอยู่ได้ไม่มากกว่า 1 ปี ถูกยกไปขึ้นหิ้ง ..ผู้เข้ามาแทนที่ที่ได้สร้างจีนขึ้นมาใหม่คือ เติ้งเสี่ยวผิง ...


    ในช่วงปลายของ 1970s เติ้งผู้ซึ่งเกลียดโซเวียตที่เข้ามาก้าวก่ายกับเวียตนามมากไป ได้ยกให้ USSR เป็นศัตรูอันดับต้นของจีน...จีนจึงสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อสหรัฐทางยุทธศาสตร์ ในฐานะที่มีศัตรูร่วมกัน


    รากฐานความสัมพันธ์ได้มีการก่อตัวมาตั้งแต่ ปธน.นิกสันเยือนจีนตั้งแต่ปี 1972 นั่นแล้ว สหรัฐจึงพร้อมจะช่วยให้จีนเปิดตัวออกสู่โลกภายนอก ..ตลอดช่วงปี 1980s ความสัมพันธ์จึงนำไปสู่การลงทุนโดยธุรกิจของอเมริกันและชาติตะวันตก โดยถือเอาความได้เปรียบจากค่าแรงงานที่ถูก และการย่อหย่อนทางกฏระเบียบต่างๆ


    ก่อนปี 1983 ธนาคารกลางของจีน The People's Bank Of China (PBOC) มีปัญหาจากการเพิ่มขึ้นของสกุลเงินตราต่างประเทศในมือเร็วเกินไป จากการที่จีนซื้อสกุลเงินต่างประเทศ เพื่อเพิ่มปริมาณเงินหยวนหมุนเวียนในประเทศ ..ทั้งยังมีเงินทุนไหลเข้าอีกด้วย จีนต้องพยายามจัดการรักษาให้ค่าเงินหยวนให้ต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ


    นอกจากการจัดการกับเงินตราต่างประเทศแล้ว PBOC ยังมีหน้าที่รับผิดชอบต่อปริมาณทองคำและซิลเวอร์ซึ่งจีนซื้อเข้าตามนโยบาย offset ..(นโยบายชดเชยในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ).....เวลานั้นสาธารณชนของจีนยังไม่ได้รับอนุญาตให้ครอบครองทั้งทองคำและซิลเวอร์


    ในยุคนั้น วัตถุประสงค์การครอบครองทองคำของรัฐบาลจีนก็เพียงแค่การกระจายทุนสำรองของประเทศเท่านั้น ..พวกผู้นำรู้ดีถึงความแตกต่างของทองคำและเงินเฟียต เหมือนพวกอาหรับรู้ช่วงปี '70s และเยอรมันช่วง '50s ..เป็นความรอบคอบที่จะถือทองคำ physical เอาไว้บ้าง


    นอกจากนี้ ทฤษฎีเศรษฐกิจแบบมาร์กซิสที่สอนในมหาวิทยาลัยในจีนทำให้นักศึกษาจีนฝังหัวกันแล้วว่า ระบบทุนนิยมแนวตะวันตกจะต้องล่มสลายอย่างแน่นอน และแน่นอนที่ว่าเงินสกุลเฟียตทั้งหลายแหล่จะต้องหมดค่าในที่สุด


    การเก็บสะสมทองคำอย่างเงียบๆของจีนในช่วง '80s นับได้ว่าเป็นหลักประกันเมื่อเศรษฐกิจในอนาคตเกิดความไม่เสถียรขึ้น ..นี่เป็นเหตุผลที่มีการกระจายการถือครองไปในหน่วยงานหรือสถาบันต่างๆของรัฐ เช่น the Peoples Liberation Army, the Communist Party and the Communist Youth League ...ส่วนที่ถูกประกาศว่าเป็นทุนสำรองทางการเงินมีเพียงส่วนเล็กน้อย


    มาถึงช่วงปี '90s เริ่มมีเงินจากต่างประเทศไหลเข้าที่เป็นผลจากการส่งออก ทำให้มีคนจีนชั้นเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นมากในจีน ..ตอนนั้น PBOC ก็มีปัญหาแล้วกับจำนวนดอลล่าร์ที่ถืออยู่ ..ยังโชคดีอยู่บ้างที่ทองคำไม่เป็นที่ต้องการของตลาดตะวันตก แถมยังมีราคาที่ลดลงเรื่อยๆ ...PBOC จึงสามารถระบายดอลล่าร์ สะสมทองคำจำนวนมากอย่างเงียบๆในนามขององค์กรของรัฐ


    แต่ก็เกิดมีเหตุผลใหม่ทางยุทธศาสตร์ในกรณีการสะสมทองคำขึ้น หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียตรัสเซีย


    การสิ้นสุดของ USSR เมื่อปี 1989 หมายความว่าไม่มีศัตรูร่วมของอเมริกาและจีนอีกแล้ว ยุทธศาสตร์ของทั้งคู่จึงเปลี่ยนไป ...นโยบายต่างประเทศของทั้งสองเริ่มเปลี่ยน สหรัฐเริ่มกังวลต่อการขึ้นมาเป็นมหาอำนาจใหม่ของจีนที่จะคุกคามต่ออำนาจของตนในระดับโลก


    นโยบายการสะสมทองคำของจีนที่เคยเน้นเป็นการประกันต่อความไม่แน่นอนทางการเงิน จึงกลายมาเป็นการสะสมทรัพย์สินทางยุทธศาสตร์


    ช่วงนั้นทองคำแท่งยังเป็นสิ่งที่หาได้ไม่ยาก เพราะธนาคารกลางตะวันตกมีการขายทองออกในช่วงราคาตก การขายทองคำที่โด่งดังของอังกฤษเกิดขึ้นโดย กอร์ดอน บราวน์ เมื่อตอนราคาร่วงต่ำสุดๆ โดยมีจีนเป็นฝ่ายซื้อ


    ระหว่างปี 1983 ถึง 2002 ทองผลิตใหม่จากเหมืองจำนวน 42,460 ตันเข้าสู่ตลาด ในขณะที่โลกตะวันตกเป็นฝ่ายขายสุทธิมาตลอด


    ตอนนี้จีนเป็นนายเหมืองทองคำระดับโลกไปแล้ว จีนมีการลงทุนในเหมืองทองทั่วโลกจำนวนมาก นอกเหนือจากที่มีการซื้อเข้าตลอดจนเป็นผู้กำหนดมาตรฐานของทองคำแท่งขนาดหนึ่งกิโลบาร์ ...ปัจจุบันจีนยึดการค้าทองคำในตลาดโลกไว้ในมือแล้ว


    จีนตัดสินใจให้สาธารณชนของจีนสามารถซื้อและเป็นเจ้าของทองคำอย่างอิสระ หลังจากที่รัฐได้สะสมไว้ในจำนวนที่เพียงพอแล้ว


    ประชาชนทั่วๆไปมีการซื้อสะสมรวมกันถึง 15,000 ตันจนถึงปัจจุบัน แต่การครอบครองเงินตราต่างประเทศยังคงเป็นข้อห้าม ..การได้เป็นเจ้าของทองคำจึงเป็นทางเลือก store of value แทนเงินหยวน ...มีการส่งมอบประมาณ 150-200 ตันอยู่ทุกเดือนจากตลาดทองเซี่ยงไฮ้สำหรับความต้องการส่วนนี้


    นอกเหนือจากที่ได้มีการประกาศส่วนที่เป็นทุนสำรอง ไม่มีใครรู้จำนวนที่แน่นอนของทองคำที่รัฐถือครองอยู่ แต่ถ้าจะประเมินตั้งแต่ตอนที่มีเงินทุนไหลเข้าประเทศตั้งแต่ปี 1983 รวมไปถึงซัพพลายทองคำจากเหมือง ตลอดถึงการที่ราคาช่วงที่ตกตั้งแต่ 1980-2002 ...คิดว่า PBOC น่าจะมีอยู่รวมแล้ว 15,000-20,000 ตัน ก่อนที่จะอนุญาตให้ประชนสามารถเข้าซื้อได้ ..จีนน่าจะมีของจริงอยู่ถึง 10% ของจำนวนตัวเลขซื้อขายหลอกๆที่กำลังสร้างราคาให้ตลาดโลกอยู่


    แน่ใจได้เลยว่าทองคำเป็นทรัพย์สินทางยุทธศาสตร์ของจีนและประชาชนของจีน ....คงคาดการณ์ไว้แล้วว่าในระยะยาว ทองคำจะกลับมาเป็น money อีกครั้งหนึ่ง นั่นคือการแบ้คค่าให้กับเงินหยวน


    ปัญหาหนึ่งก็คือ เมื่อเวลาผ่านไป ผู้นำรุ่นใหม่ที่ร่ำเรียนมาแบบตะวันตกเริ่มเข้ามีบทบาท พวกเขาจะยังคงมองเห็นค่าของทองคำแบบที่คนรุ่นก่อนเห็นหรือไม่ พวกเขาเรียนรู้ถึงเหตุผลแท้จริงที่เป็นสาเหตุความล้มเหลวทางเศรษฐกิจของตะวันตกหรือไม่ ...ถ้ายังคงกอดตำราและนโยบายเดิมๆเอาไว้


    ไม่ว่าแผนของจีนจะออกมาในรูปไหน ...สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอนคือ วิกฤติเครดิตจะเกิดขึ้นแน่ๆทั่วโลกที่จะมีผลกระทบกับทุกประเทศที่อยู่ในระบบเงินเฟียต .... เรื่องของอัตราดอกเบี้ยจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับหนี้จำนวนมหาศาลทั้งของรัฐและเอกชน


    การกลับคืนสู่ระบบการเงินแท้จริง (sound money) ที่ถูกต้องเป็นทางแก้เดียวก่อนที่อำนาจซื้อของเงินเฟียตจะเหลือศูนย์ ...เวเนซูล่าเป็นแบบอย่างที่ดีว่าระบบ sound money จะแก้ปัญหาได้ แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น..เส้นทางคงจะโหดขนาดรัฐบาลอาจอยู่ไม่ได้เลย


    ถ้าคิดจะยื้อเวลาโดยเพิ่มเงินเข้าระบบก็มีแต่จะทำลายระบบไปเรื่อยๆ ..tactic นี้ก็พอแก้ไขไปได้ตอนเกิดวิกฤติเมื่อสิบปีก่อน แต่ถึงตอนนี้มันเป็นทางตันแล้ว


    Alasdair Macleod is the Head of Research at GoldMoney.


    https://mises.org/wire/does-china-have-enough-gold-move-toward-hard-currency


     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภาพฝูงเพนกวินที่กำลังจะตายลงต่อหน้าทำให้พวกเขาตัดสินใจลงมือทำในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    IMG_5331.JPG

    เคยสงสัยกันไหมว่า ประเทศไหนมาเที่ยวไทยแล้วจ่ายหนักที่สุด??


    จากข้อมูลโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งเก็บสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยในปี 2017


    พบว่า "อุซเบกิสถาน" เป็นประเทศที่มาเที่ยวไทยแล้วเปย์หนักที่สุด


    จากจำนวนนักท่องเที่ยว 19,745 คน


    เฉลี่ยใช้จ่ายคนละ 131,342 บาท


    นั่นสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยเราสูงถึง 2,500 ล้านบาท


    นอกจากนี้ยังมีประเทศตะวันออกกลางและยุโรปตะวันออก ติดเข้ามาทั้ง ลัตเวีย ลิทัวเนีย จอร์แดน และกาตาร์


    ส่วนลำดับอื่นๆ ในท็อป 8 นั้น สามารถดูได้ตามอินโฟกราฟิกเลยนะครับ




    ในกรณีของ "ประเทศจีน" ที่ต้องยกมาเพราะเพิ่งเขียนเรื่องนักท่องเที่ยวจีนไปเมื่อวาน


    แถมยังเป็นเรื่องที่คนไทยหลายๆ คน ให้ความสนใจอยู่ด้วย...


    พบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว "คนจีน 1 คน จะใช้จ่ายเงินประมาณ 53,484 บาท"


    (ติดเข้ามาในลำดับที่ 24 จากทั้งหมด 85 ประเทศที่เก็บข้อมูล)


    แต่... ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากมายมหาศาลถึง 9,800,000 ล้านคน


    นั่นทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีน กลายเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้มากที่สุด คิดเป็นมูลค่าถึง 524,000 ล้านบาท



    ห้าแสนล้านนี้มากแค่ไหน...??


    ถ้าเทียบกับรายได้ที่รายงานทั้งปีประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท


    รายได้จากนักท่องเที่ยวจีนก็สูงถึง 29% เลยทีเดียว


    ซึ่งจำนวนดังกล่าวมากกว่ากลุ่มประเทศในยุโรปรวมกันอีกด้วย!!


    (แต่ถ้าเฉลี่ยเป็นรายคนแล้ว นักท่องเที่ยวจากยุโรปจะจ่ายหนักกว่า อยู่ที่ประมาณ 73,000 บาทต่อคน)



    คุณภาพ vs ปริมาณ??


    หากเราจะเทียบคุณภาพกับปริมาณ เราอาจจะหยิบรายได้จากของนักท่องเที่ยว "จีน" และ "อุซเบกิสถาน" มาเปรียบเทียบกันได้


    (ไม่ได้มีเจตนาแฝงเรื่องเชื้อชาติ หรือพฤติกรรมนักท่องเที่ยวแต่อย่างใดนะครับ เอาตัวเลขมาคุยกันล้วนๆ)


    แม้ค่าใช้จ่ายต่อคนของนักท่องเที่ยวอุซเบกิสถาน จะมากกว่าชาวจีนถึง 2.45 เท่า


    แต่ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกือบๆ 20,000 คน เราจึงถือว่าเป็นตัวแทนในเรื่องของ "คุณภาพ" ในการสร้างรายได้


    ส่วนนักท่องเที่ยวจีน แม้จะจ่ายต่อคนน้อยกว่า แต่เกือบ 10 ล้านคน นั้นคือปริมาณที่ช่วยสร้างรายได้มหาศาล



    ทีนี้.. นำไปสู่การถกเถียงว่า เราจะเน้นคุณภาพหรือปริมาณดี??


    ผมเชื่อว่าการเน้นไปทางใดทางหนึ่งอย่างสุดโต่ง ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ


    สมมติว่าเราจะเอาแต่ปริมาณนักท่องเที่ยว และตัวเลขรายได้ที่เกิดขึ้น ไม่คัดกรองอะไรทั้งสิ้น


    นั่นย่อมนำไปสู่การหลั่งไหลเข้ามามากจนเกินไป ตามมาด้วยปัญหานักท่องเที่ยวไร้คุณภาพ ปัญหาด้านสถานที่ท่องเที่ยว ปัญหาด้านอาชญากรรม ที่ทำให้การท่องเที่ยวนั้นไม่ยั่งยืน



    แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราจะเอาแต่นักท่องเที่ยวที่จ่ายหนัก


    ตั้งเกณฑ์เอาไว้ว่าชาติไหนจ่ายเยอะ เราบริการดี เราเต็มใจรับ ชาติไหนจ่ายน้อยหน่อย ก็บริการพอผ่านๆ


    ย่อมทำให้ชื่อเสียงของไทยในฐานะเมืองท่องเที่ยว เสื่อมลงไปกว่าเดิมเช่นกัน



    เพราะฉะนั้น ทางที่ดีคือการหา "จุดสมดุล" ของการท่องเที่ยว


    ซึ่งการจะไปถึงจุดนั้น คงต้องอาศัยความร่วมมือของทั้งหน่วยงานภาครัฐ ธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ทั้งรายเล็กรายใหญ่


    เพราะเรื่องนี้มันไม่ใช่ปัญหาที่หน่วยงานเดียว หรือใครเพียงคนเดียวจะแก้ไขได้แน่ๆ


    คุณคิดว่าไทยเราจะมีการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเกิดขึ้นได้หรือไม่??


    และต้องทำอย่างไรจึงจะไปถึงจุดนั้น?? มาร่วมกันนำเสนอแนวทาง และพูดคุยกันในโพสต์นี้ได้เลยครับ...



    ----------------------------------------------------------



    ใครที่ชอบก็สามารถติดตามอ่านความรู้ในด้านการลงทุน การตลาด ธุรกิจ และข่าวสารต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์ www.BillionaireTH.com นะครับ


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไต้หวัน คิดประดิษฐ์ทำกระดาษจากหิน

    เรียกว่า Stone Paper ทำได้ ไม่ต้องใช้เยื่อไม้มาทำกระดาษก็ได้ รีไซเคิลกลับมาเป็นหินก็ง่าย


    ทำมาจากเศษหินปูนสีขาว หรือเศษหินอ่อน เอามาบดจนเป็นฝุ่นเป็นตัวหลัก แล้วใช้พลาสติกชนิด เอชดีพีอี (HDPE) -High Density Polyethylene เป็นตัวเชื่อม


    HDPE นั้นเป็นวัสดุพลาสติกประเภทที่สามารถ recycle ได้ “เบอร์ 2” ใช้ทำเป็นขวดนม ขวดน้ำ และบรรจุภัณฑ์สำหรับน้ำยาทำความสะอาด ยาสระผม นำมารีไซเคิลใช้ได้อีกเป็นขวดน้ำมันเครื่อง ท่อ ลังพลาสติก และไม้เทียม ได้เป็นต้น


    Stone Paper มีชื่อการค้าว่า Modestone และมีชื่อเรียกอื่นๆอีกหลายชื่อเช่น

    Rock Paper, Paper from Waste Marble, Mineral Paper, Rich Mineral Paper, Sustainable Paper และ Eco Paper

    **** " เสาร์สรรสร้าง" ทุกวันเสาร์ มีเรื่องนวัตกรรมใหม่ๆมาเล่าครับ


     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "ระบบป้องกันโรค(โกง) ระบาด"


    ลงใน นสพ. แนวหน้า

    คอลัมน์ " ต่อ ตระกูล ต่อ ภัสสร์ ยมนาค ต่อ ต้านคอร์รัปชัน "

    ฉบับเช้าวันพุธที่ 21 พย.2561


    คนไทยทำซอฟต์แวร์ป้องกันโรคระบาดได้ หยุดยั้งได้รวดเร็ว คอมพิวเตอร์รับข้อมูลจากชาวบ้านแล้วสามารถวินิจฉัยได้ทันทีเบื้องต้น

    ขั้นต่อไป กำลังทำซอฟต์แวร์ ให้"กันโกง " ใช้เครื่องวินิจฉัยเบื้องต้นได้ในพริบตา แทนคน

    ----------------------


    เมื่อช่วงปี พ.ศ.2460 หรือเกือบร้อยปีมาแล้ว ได้เกิดการระบาดครั้งใหญ่ของไวรัสไข้หวัดใหญ่ H5N1 ที่เรียกกวันว่า “ไข้หวัดใหญ่สเปน” ในทวีปยุโรป ซึ่งมีความรุนแรงมาก คร่าชีวิตคนทั่วโลกไปกว่า 50-100 ล้านคน หรือเท่ากับ 1 ใน 3 ของประชากรยุโรปในขณะนั้นเลยทีเดียว อีก 40 ปี ต่อมา ไวรัสร้ายตัวนี้ก็กลับมาระบาดอีกรอบ ครั้งนี้ในทวีปเอเชีย จึงเรียกกันว่า “ไข้หวัดใหญ่เอเชีย” ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปอีกกว่า 1-4 ล้านคน และก็หวนกลับมาระบาดอีกครั้งเพียง 10 ปีต่อมา คราวนี้มาในชื่อ “ไข้หวัดใหญ่ฮ่องกง” ทำให้มีผู้เสียชีวิตอีกกว่า 1-4 ล้านคน

    แม้ว่าต่อมาหลังนั้นเจ้าเชื้อไวรัส H5N1 ตัวร้ายนี้จะยังหวนกลับมาอยู่เรื่อย ๆ จนเข้ามาถึงประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2547 จนล่าสุดมีการพบเจอเมื่อปี 2551 ในชื่อที่เราคุ้นหูกันมากกว่าว่า “ไข้หวัดนก” แต่ก็ไม่เกิดการระบาดรุนแรงอย่างที่คร่าชีวิตคนเป็นล้านล้านคนอีกแล้ว สาเหตุสำคัญที่ยับยั้งความสูญเสียมหาศาลต่อทั้งชีวิตและเศรษฐกิจทั่วโลกได้ก็คือ มาตรการยับยั้งการระบาดอย่างทันท่วงที โดยเมื่อนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าไวรัส H5N1 นี้มีจุดเริ่มต้นมาจากสัตว์ปีกทั่วไป คือ นกและไก่ จึงออกแบบมาตรการมาให้ไปหยุดยั้งการระบาดตั้งแต่สัตว์ เพื่อไม่ให้มาถึงคน

    เมื่อเห็นข้อมูลเช่นนี้แล้ว เลยนึกกลับมาที่ปัญหาใหญ่ของประเทศไทยของเรา นั่นคือการคอร์รัปชันที่ระบาดอย่างรุนแรงมาเป็นเวลานานแล้ว สร้างความเสียหายต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยอย่างมหาศาลในทุก ๆ ปี ทำไมจึงยังไม่มีมาตรการยับยั้งใดที่มีประสิทธิภาพมากเพียงพอที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดนี้ได้อย่างมีประสิทธิผลเสียที เพื่อหาคำตอบนี้จึงต้องไปแงะมาตรการยับยั้งการป้องกันโรคระบาดที่มีประสิทธิผลมาดูเสียหน่อย เผื่อว่าจะมีกรอบความคิดและกระบวนการที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ข้ามรูปแบบปัญหาได้บ้าง

    เมื่อค้นไปค้นมาสักพัก จึงได้ไปพบกับระบบป้องกันโรคระบาดหนึ่ง ซึ่งน่าสนใจมาก เป็นระบบที่พัฒนาโดยคนไทยเอง และผ่านการพิสูจน์แล้วว่าสามารถยับยั้งการระบาดได้จริง ที่มีชื่อว่า ผ่อดีดี (PODD – Participatory Onehealth Disease Detection) หรือมีชื่อเต็มว่า โครงการนำร่องการเฝ้าระวังและควบคุมโรคระบาดสัตว์ที่ติดต่อถึงคนหรือที่กระทบรายได้ชาวบ้าน ที่กล่าวว่าน่าสนใจมากเพราะผู้พัฒนาระบบนี้ก็คือ บริษัท โอเพ่นดรีม จำกัด ผู้พัฒนาเกมออนไลน์ต้านโกง ที่ชื่อว่า คอร์รัปเดอะเกม ที่บทความนี้เคยนำเสนอไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นจึงน่าจะมีโอกาสเชื่อมโยงการป้องกันปัญหาร้ายแรงทั้งสองปัญหานี้ได้

    หลักการสำคัญที่ทำให้ระบบนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากคือแนวความคิดการจัดการปัญหาให้จบในวงที่แคบที่สุด โดยไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากส่วนกลางทุกครั้ง เพื่อความรวดเร็วในการตรวจพบและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยวิธีการคือ หากมีสัตว์ เช่น ไก่ หมู หรือ วัว ที่เลี้ยงไว้ตายอย่างน่าสงสัย ชาวบ้านที่เลี้ยงสัตว์หรืออาสาสมัครในพื้นที่สามารถถ่ายรูปซากสัตว์ พร้อมเขียนอธิบายลักษณะการตาย เช่น น้ำลายฟูมปาก ปากเท้าเปื่อย หรือ มีเลือดออกตามทวาร และข้อมูลอื่น ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ในการวินิจฉัย ส่งเข้าระบบผ่านโทรศัพท์มือถือ ข้อมูลนั้นจะถูกประมวลผลทันทีและส่งให้ผู้เชี่ยวชาญ โดยระบบจะวินิจฉัยเบื้องต้นเทียบกับกรณีอื่น ๆ ที่เคยเกิดขึ้นหรือเกิดอยู่ในบริเวณนั้น แล้วส่งวิธีการป้องกันเบื้องต้น เช่น ให้ฝังซากสัตว์และโรยปูนขาว ซึ่งเพียงเท่านี้ก็สามารถยับยั้งการระบาดได้บ้างแล้ว จากนั้นเมื่อผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ข้อมูลและสงสัยว่าเป็นเหตุระบาดก็จะแจ้งเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ไปดำเนินการตามกระบวนการที่ถูกต้อง และระบบจะติดตามการดำเนินงานจนกว่าจะสามารถยับยั้งการระบาดได้แล้ว

    การใช้ระบบที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้มาช่วย สามารถย่นระยะเวลาตรวจพบโรคระบาดจากหลายสัปดาห์เป็นไม่กี่ชั่วโมง และสามารถยังยั้งการระบาดของโรคได้เป็นหลักชั่วโมง แทนที่จะเป็นเดือน ๆ ทำให้สามารถยับยั้งการระบาดได้จริงแล้วถึง 75 กรณี สามารถป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจได้มากถึงหลายร้อยล้านบาท ซึ่งความสำเร็จนี้สะท้อนได้ผ่านการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของผู้เข้าร่วมโครงการจาก 600 คนเป็น 2,000 คนในเวลาไม่กี่เดือน และมีความต้องการใช้ระบบกระจายไปจากที่เริ่มต้นแค่เพียงจังหวัดเชียงใหม่ไปสู่อีกหลายจังหวัด

    เมื่อได้เห็นกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิผลของระบบนี้แล้ว จึงกลับไปนึกถึงผลความสำเร็จหนึ่งของโครงการระดมข้อมูลจากประชาชน (crowdsourcing) บนเฟสบุ๊คเพจ ต้องแฉ ที่มีพลเมืองตื่นรู้สู้โกงคนหนึ่ง ส่งรูปคลองที่ตันพร้อมข้อมูลว่าหน่วยงานหนึ่งไม่เคยขุดรอกคลองนี้จริงตามที่ได้รับงบประมาณมา หลังจากที่ทีมงานต้องแฉตรวจสอบและนำเสนอสู่สาธารณะเพียงวันเดียวคลองก็ถูกรอกเรียบร้อย ซึ่งกรณีนี้หากพลเมืองผู้นั้นส่งเรื่องร้องเรียนตามกระบวนการราชการ อาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี กว่าจะมีการตรวจสอบและเกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ กรณีเช่นนี้จึงยืนยันกรอบความคิดในการจัดการปัญหาให้จบในวงที่แคบที่สุด และลดการพึ่งพาการจัดการจากส่วนกลาง โดยใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการแบ่งปันและตรวจสอบข้อมูลด้วยความรวดเร็ว

    ลองนึกดูว่าจะดีแค่ไหน ถ้าวันนึงหากคุณสามารถถ่ายภาพถนนที่พังทั้ง ๆ ที่ก็เพิ่งซ่อมเสร็จไปไม่นาน แล้วระบบนี้สามารถเชื่อมโยงข้อมูล GSP กับฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานราชการ ให้คุณดูได้ทันทีว่าบริษัทที่ก่อสร้างถนนนี้ชื่ออะไร ใช้งบประมาณเท่าไหร่ ใช้เวลาสร้างนานแค่ไหน รับประกันกี่ปี และซ่อมครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ คุณจะสามารถตัดสินใจได้ทันทีว่าคุณควรจะร้องเรียนการทุจริตหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะถนนนี้พังไปแล้วทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในระยะรับประกัน หรือไม่ร้องเรียนแต่ร้องขอให้มาซ่อมแทน เพราะมันเก่าหมดระยะรับประกันไปแล้ว ระบบก็จะส่งข้อมูลนี้ไปที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจริง ๆ ไม่ต้องรอส่งจดหมายไปที่ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบทุจริตก่อน จากนั้นจึงส่งต่อกระทรวงคมนาคม ลงมาที่กรมทางหลวง และต่อมาเรื่อย ๆ กว่าจะถึงผู้รับผิดชอบจริงคุณก็ลืมปัญหาไปแล้ว และระบบนี้ยังต้องเปิดเผยข้อมูลนี้ต่อสาธารณะเพื่อเป็นการกดดันจากประชาชนให้หน่วยงานราชการต้องตอบสนองอย่างทันท่วงทีด้วย แบบนี้นอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วแล้ว ยังป้องกันการทุจริตและให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่รัฐไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย

    นอกจากนี้ระบบยังต้องสามารถเสริมสร้างศักยภาพให้พลเมืองตื่นรู้สู้โกงสามารถให้ความเห็นต่อการบริการของหน่วยงานรัฐได้ด้วย โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน เช่น คุณไปขอใบอนุญาตจากหน่วยงานราชการ ถ้าได้รับบริการที่ดีก็ชื่นชม แต่ถ้ามีปัญหามากหรือพบเห็นการเรียกรับสินบนก็สามารถร้องเรียนได้ทันที ข้อมูลก็จะต้องถูกส่งไปสู่หัวหน้าหน่วยงานราชการนั้น เพื่อให้ดำเนินการแก้ไขได้ทันท่วงที ไม่ใช่ต้องรอส่งข้อร้องเรียนไปส่วนกลางก่อน ทั้งนี้ เมื่อระบบมีความสะดวกในการใช้งานแล้วมีคนให้ความเห็นจำนวนมาก โอกาสในการกลั่นแกล้งใส่ความก็จะลดน้อยลงไปด้วย

    ปัจจุบันกรอบแนวคิดนี้กำลังได้รับการหยิบมาทดลองพัฒนาเป็นระบบเพื่อใช้จริงในพื้นที่ทดลอง โดยศูนย์ SIAM lab ของคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ที่ต้องทดลองก่อนก็เพราะแม้หลักการจะดีในทางทฤษฎี แต่ในความเป็นจริงอาจมีข้อจำกัดหลายประการที่ต้องก้าวผ่านให้ได้ เช่น การทำให้คนจำนวนมากร่วมใช้ระบบนี้ การเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของรัฐ หรือ การเลือกประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจ ดังนั้น หากภายในปีหน้าโครงการทดลองประสบความสำเร็จก็จะสามารถนำไปขยายผลได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนต่อสถานการณ์การคอร์รัปชันในประเทศไทย

    ที่หลายคนเคยพูดคุยกันว่าคอร์รัปชันนั้นเป็นเหมือนโรคระบาด คงจะไม่ใช่เป็นเพียงแค่การอุปมาอุปมัยในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น แต่เป็นปัญหาที่มีความเหมือนกันอย่างยิ่งยวด ทั้งในเชิงความเสียหายที่สามารถคร่าชีวิตคนได้มากมากและทำลายเศรษฐกิจอย่างมหาศาล และในด้านการหยุดยั้งที่อาจสามารถใช้กรอบแนวคิดเดียวกันมาประยุกต์ใช้ด้วยกันได้ ดังนั้นถ้าเราไม่เริ่มที่จะหยุดยั้งการระบาดของคอร์รัปชันตั้งแต่วันนี้ด้วยกระบวนการที่มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลแล้ว ในอีกไม่นานคอร์รัปชันอาจจะส่งผลรุนแรงกว่าที่ไข้หวัดใหญ่สเปนเคยได้สร้างมาก็เป็นได้

    อ. ดร. ต่อภัสสร์ ยมนาค


    ****อ่านฉบับ ดิจิตอล บทความนี้ และบทความต่อต้านคอร์รัปชัน ในคลังข้อมูล หลายร้อยตอน ของนสพ. แนวหน้าออนไลน์ ได้ที่:

    https://www.naewna.com/politic/columnist/37948


     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    China Xinhua News


    ทหารสองโสมจับมือ! ตัดถนนเชื่อมชายแดน เตรียมร่วมค้นหาศพทหารสงครามเกาหลี

    .

    22 พ.ย. ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้แถลงการณ์ว่า เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้ดำเนินการเชื่อมต่อถนนระหว่างชายแดนทั้งสองประเทศแล้วเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี

    .

    ถนนดินลูกรังทั้งหมดที่อยู่ในเขตปลอดทหาร (DMZ) ซึ่งขวางกั้นชายแดนระหว่างสองเกาหลีตลอดมา จะถูกใช้ในปฏิบัติการร่วมเพื่อค้นหาร่างผู้เสียชีวิตในสงครามเกาหลี โดยจะเริ่มปฏิบัติการในปีหน้านี้

    .

    ถนนกว้าง 12 เมตรถูกสร้างขึ้นที่จังหวัดชอลวอน (Cheorwon) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้จุดกึ่งกลางของเขตปลอดทหาร และถือเป็นอีกหนึ่งก้าวใหญ่ของความคืบหน้าในสายสัมพันธ์สองเกาหลี และเป็นผลสืบเนื่องมาจากข้อตกลงในการประชุมสุดยอดผู้นำเกาหลีเหนือ-ใต้ที่กรุงเปียงยาง เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

    .

    นอกจากนี้ยังมีการรื้อถอนบังเกอร์และอาวุธออกจากพื้นที่ชายแดนในหมู่บ้านพันมุนจอมอีกด้วย

    .

    ภาพที่กระทรวงกลางโหมเกาหลีใต้ปล่อยออกมาเป็นภาพของทหารเกาหลีใต้และทหารเกาหลีเหนือที่ปฏิบัติงานร่วมกันในภารกิจสร้างถนนสายนี้ กำลังจับมือกันและกันท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมทีม

    .

    “นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญของประวัติศาสตร์เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ที่ได้บุกเบิกเส้นทางใหม่และเข้าร่วมในปฏิบัติการค้นหาร่างผู้เสียชีวิตในสงคราม ณ สถานที่ที่สงครามอันเลวร้ายนั้นอุบัติขึ้น” กระทรวงกลาโหมกล่าว


     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    China Xinhua News


    เอลซัลวาดอร์เผยพบซากศพมนุษย์คนแรกใน "เมืองมายันปอมเปอี"

    .

    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (22 พ.ย.) กระทรวงวัฒนธรรมของประเทศเอลซัลวาดอร์ได้เปิดเผยการค้นพบซากศพมนุษย์ครั้งแรก ในเมือง Joya de Ceren เมืองที่ถูกฝังอยู่ใต้ลาวาหลังเกิดการปะทุของภูเขาไฟไปเมื่อราว 1,400 ปีมาแล้ว ซึ่งบางครั้งก็ถูกเรียกว่า "เมืองมายันปอมเปอี"

    .

    โครงกระดูกที่ถูกพบเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา อยู่ในสภาพค่อนข้างย่ำแย่ และถูกฝังอยู่พร้อมกับมีดหินออบซิเดียน (หินที่เกิดจากการระเบิดอย่างรุนแรงของภูเขาไฟ) ในพื้นที่ที่ได้รับการบันทึกให้เป็นสถานที่ทางโบราณคดีโดยองค์การยูเนสโก ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงซานซัลวาดอร์ออกไปทางตอนเหนือประมาณ 20 ไมล์ (35 กิโลเมตร)

    .

    ซากศพของบุคคลนี้ "อาจอาศัยอยู่ในเมืองนี้ แต่ไม่ได้เสียชีวิตลงเพราะการปะทุของภูเขาไฟ Loma Caldera" Michelle Toledo นักโบราณคดีกล่าว

    .

    Toledo ยังกล่าวเสริมอีกว่า กลุ่มนักวิจัยเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวมีชีวิตอยู่ในช่วงปลายคลาสสิกของสมัยเมโซอเมริกา Mesoamerica เพราะพวกเขาตรวจพบเทบพราสีขาว (Tierra Blanca Joven) หรือชิ้นส่วนของภูเขาไฟที่เกิดขึ้นราวปี 535 อีกด้วย

    .

    เหตุการณ์ภูเขาไฟ Loma Caldera ระเบิดอย่างรุนแรงได้ทำลายสถานที่อยู่อาศัยของชาวมายันจำนวนมาก ทั้งยังส่งผลให้เกิดการก่อตัวของทะเลสาบ Ilopango บนพื้นที่ 27.8 ตารางไมล์ (72 ตารางกิโลเมตร) อีกด้วย


     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    China Xinhua News


    รัสเซียเผยพัฒนา "ซูเปอร์คอมพิวเตอร์" เพื่อการป้องกันประเทศ

    .

    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 พ.ย.) Ruselectronics บริษัทเทคโนโลยีขั้นสูงของรัฐบาลรัสเซียและบริษัทลูกของ Rostec ได้ประกาศเรื่องการพัฒนา "ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เคลื่อนที่" เพื่ออุตสาหกรรมอวกาศและการป้องกันประเทศ

    .

    "มันเป็นรูปแบบคอมพิวเตอร์ที่มีขนาด 1.9 เมตร x 1.35 เมตร x 1 เมตร ทำให้สามารถรับความจุสูงสุดได้ถึง 2.2 เพตาฟลอบ ถือเป็นสถิติสำคัญที่ต้องได้รับการบันทึกไว้ ทั้งยังมีความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลได้สูงสุดถึง 2.2 เพตาไบต์อีกด้วย"

    .

    บริษัท Rostec ยังระบุอีกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ดังกล่าวใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ในตลาดถึงร้อยละ 40

    .

    ทั้งยังมีระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวที่สร้างเสียงรบกวนเพียงเล็กน้อย ระบบป้องกันฝุ่นละออง ความชื้น และอัคคีภัยอีกด้วย

    .

    อุปกรณ์ดังกล่าวสามารถใช้ได้ในหลากหลายอุตสาหกรรมอวกาศ เช่น การป้องกันประเทศ หุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ ระบบข้อมูล เป็นต้น


     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    China Xinhua News



    นี่คือโลกอนาคต? JD.com เปิดสถานีส่งของด้วยหุ่นยนต์ในฉางซา

    .

    ชมภาพของสถานีขนส่งสินค้าด่วนด้วยหุ่นยนต์ ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเร็วๆนี้ ในเมืองฉางซา มณฑลหูหนาน ทางตอนกลางของประเทศจีน กับกองทัพหุ่นยนต์ราว 20 ตัวที่ทำหน้าที่ส่งพัสดุ 2,000 ชิ้นต่อวัน ที่มีระยะทางห่างจากสถานีแห่งนี้ไม่เกิน 5 กิโลเมตร

    .

    หุ่นยนต์ดังกล่าวสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วสูงสุด 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พวกมันสามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้เอง ทั้งยังสามารถปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจรได้

    .

    เมื่อพัสดุมาส่งถึงที่ ผู้รับก็สามารถเปิดตู้หยิบของของตัวเองออกจากลิ้นชักในตัวหุ่นยนต์ได้อย่างง่ายดาย โดยการพิมพ์รหัสยืนยันตัวตนหรือการสแกนใบหน้า

    .

    JD.com แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีนได้เปิดตัวสถานีนี้ ภายหลังปฏิบัติการนำร่องในปักกิ่งประสบความสำเร็จ
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    China Xinhua News


    ไร้สาระ! จีนโต้ที่ปรึกษาทรัมป์ กล่าวหาจีนทำตัวไม่ดี หวังไล่ออกจาก WTO

    .

    สืบเนื่องจากกรณีนายเควิน ฮาสเซตต์ ประธานสภาที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปรยถึงการ “ขับไล่จีน” ที่ “ทำตัวไม่ดี” ออกจากการเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก (WTO)

    .

    วานนี้ (22 พ.ย.) นายเกิ่ง ส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน แถลงตอบโต้ว่าองค์การการค้าโลกเป็นองค์กรระดับพหุภาคีที่สมาชิกล้วนมีความเท่าเทียมกัน การพูดลักษณะดังกล่าวจึงไร้สาระและน่าตลกขบขัน

    .

    “ความขัดแย้งในหมู่สมาชิกควรแก้ไขผ่านการเจรจาหารือ การขับไล่ไสส่งคนอื่นเมื่อเกิดความขัดแย้งถือเป็นความคิดง่ายๆ ที่ไม่ฉลาด อีกทั้งสะท้อนความหยิ่งยะโสและใฝ่หาอำนาจทางการเมืองของวอชิงตัน”

    .

    “เมื่อไม่นานนี้ สหรัฐฯ ถอนตัวออกจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) สหภาพไปรษณีย์สากล (UPU) ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) และข้อตกลงปารีส”

    .

    “หากความจำของผมไม่ผิดพลาด ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ เคยขู่จะถอนตัวออกจากองค์การฯ แต่ตอนนี้คิดจะขับไล่จีนโดยอ้างเหตุผลการปฏิรูปองค์กร ช่างน่าตลกขบขันอย่างมาก”

    .

    นายเกิ่งกล่าวว่าองค์การฯ สรุปรายงานทบทวนนโยบายการค้า (TPR) ของจีน ฉบับที่ 7 ในเดือนก.ค. และชื่นชมการสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีของจีน รวมถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของจีนในองค์การฯ

    .

    ทั้งนี้ นายเกิ่งเสริมว่าจีนยึดมั่นเศรษฐกิจโลกอันโปร่งใสและระบบการค้าพหุภาคีอันเป็นพันธกิจหลักขององค์การฯ และจีนเป็นผู้สนับสนุนความร่วมมือระดับพหุภาคีและระเบียบโลกอันอยู่บนฐานของกฎเกณฑ์


     

แชร์หน้านี้

Loading...