ติดตามสถานะการณ์

เพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน ประชาชนจะเจอกัมมันตภาพรังสีบ้างจะเป็นอะไร


ประเทศญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวที่รุนแรงบริเวณ ที่เกิดเหตุภัยพิบัติกัมมันตรังสี Fukushima

โดย Leigh Mcmanus สำหรับ Mailonline

15:57 23 พ.ย. 2018, อัปเดต 18:20 23 พ.ย. 2018



แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเวลา 11.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศญี่ปุ่น ขนาด 5.0

เกิดขึ้น ใกล้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิใน Ōkuma


ซึ่งในปี 2554 แผ่นดินไหวได้ก่อให้เกิดเหตุการณ์สึนามิ ซึ่งก่อให้เกิดภัยพิบัติทางนิวเคลียร์

จนถึงปัจจุบัน และเหตุการณ์แป่นดินไหวในครั้งนี้ ไม่มีรายงานความเสียหาย หรือการบาดเจ็บใด ๆ และไม่มีคำเตือนจากสึนามิ


แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่มีขนาดเริ่มต้นที่ 5.0 ได้กระทบกับจังหวัดฟูกูชิม่าของญี่ปุ่นในใจกลางประเทศญี่ปุ่นในวันนี้สำนักข่าวอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นกล่าว


แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งที่ผ่านมาโดยทางการญี่ปุ่นได้อธิบายว่าเป็นการสั่นไหว อย่างแรง


ใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิในเมืองŌkumaแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในปี 2554 ทำให้เกิดภัยพิบัติทางนิวเคลียร์


จนถึงปัจจุบันไม่มีรายงานความเสียหายหรือการบาดเจ็บใด ๆ และไม่มีคำเตือนจากสึนามิ


ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวที่ละติจูด 37.0 องศาเหนือและลองจิจูด 141.2 องศาตะวันออกและที่ระดับความลึก 50 กิโลเมตรบนเกาะฮันชูซึ่งเป็นเกาะหลักของประเทศญี่ปุ่น


ผู้ใช้ Twitter คนหนึ่งกล่าวว่าเขารู้สึกเป็นเวลานานในโยโกฮาม่าซึ่งห่างจากจังหวัดฟุกุชิมะประมาณ 300 กิโลเมตร


เจ้าหน้าที่กล่าวว่าหลังมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปและกระตุ้นให้ประชาชนระมัดระวัง


ผู้ใช้ Twitter คนหนึ่งกล่าวว่าพวกเขารู้สึกว่ามันไกลจากเมืองหลวงของประเทศ: "เป็นแผ่นดินไหว? ฉันรู้สึกว่ามากเกินไป? ฉันอยู่ที่โตเกียวในวันหยุดและฉันรู้สึกว่า Airbnb ของฉันสั่น?


จังหวัดมีประชากรเกือบสองล้านคนและรวมถึงเมืองใหญ่ ๆ เช่นเมืองหลวงที่มีชื่อเดียวกันซึ่งมีประชากร 280,000 คน


เมืองใหญ่อื่น ๆ ในภูมิภาค ได้แก่ Aizuwakamatsu, Iwaki และKōriyama


https://www.dailymail.co.uk/news/ar...e-near-Fukushima-radiation-disaster-zone.html

 

The Public Post


สะพัดโซเชียลมาเลย์! สุลต่านรัฐกลันตัน แต่งงานกับนางงามมอสโก ที่รัสเซีย

https://www.publicpostonline.net/19695

 

ช่างศุภวิชญ์ จูเปรมปรี


24 พ.ย. 61 เวลา 10.00 น. #พายุโซนร้อน “อุซางิ” (Usagi) มีศูนย์กลางอยู่ทางด้านตะวันออกของเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ประมาณ270 กม. จะเคลื่อนขึ้นฝั่งเมืองโฮจิมินห์ ในช่วงวันที่ 25-27 พ.ย. 61 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ ขณะนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 24) ทรัมป์ ปฏิเสธข่าวไม่ปลื้ม มนูชิน ยืนยันยังพอใจผลงาน: นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ทวีตข้อความว่า ตนยังพอใจและภูมิใจต่อผลงานของนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ปธน.ทรัมป์ ไม่พอใจนายมนูชิน ที่ได้แต่งตั้งให้นายเจอโรม พาวเวล เป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)


นอกจากนี้ รายงานข่าวยังระบุว่า ปธน.ทรัมป์ ยังไม่พอใจนายมนูชินจากเหตุความผันผวนในตลาดหุ้น และทัศนคติของนายมนูชินเกี่ยวกับมาตรการการค้าที่สหรัฐประกาศใช้กับจีนด้วย


ปธน.ทรัมป์ ระบุในทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า "พวกข่าวปลอมชอบเขียนข่าวในทางตรงกันข้าม อ้างแหล่งข่าวปลอม ๆ หรือไม่ก็อ้างพวกขี้อิจฉา แต่ข่าวพวกนี้ไม่ใช่เรื่องจริง พวกเขาไม่เคยมาถามผมเลย เพราะถ้าถามแล้วคงจะทำให้ข่าวล่ม"


ปธน.ทรัมป์ ได้ออกมาวิจารณ์การทำงานของเฟดอยู่บ่อยครั้ง โดยล่าสุดไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ปธน.ทรัมป์ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเฟดว่า เฟดเป็นตัวปัญหา และเขาต้องการให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง


ปธน.ทรัมป์กล่าวผู้สื่อข่าวว่า "ผมอยากให้เฟดลดดอกเบี้ยลง ผมว่าดอกเบี้ยของเราตอนนี้สูงเกินไป และผมก็คิดว่าเรามีกำลังปัญหากับเฟดมากกว่าหน่วยงานอื่น ๆ"


ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ได้เคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเฟดมาแล้วว่า เฟดถือเป็นภัยคุกคามใหญ่ที่สุดสำหรับเขา และตนเองวิตกกังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ


ปธน.ทรัมป์ กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฟ็อกซ์เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมาว่า "ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของผมก็คือเฟด เพราะเฟดกำลังขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป" พร้อมระบุว่า นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เข้มงวดเกินไปในการใช้นโยบายการเงิน และกำลังดำเนินการอย่างผิดพลาด


ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวโจมตีเฟดอีกว่า "ผมมีปัญหากับเฟด โดยเฟดได้เสียสติไปแล้ว ผมไม่รู้ว่าพวกเขามีปัญหาอะไรถึงได้เดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าขันสิ้นดี ไม่มีเหตุผลอะไรที่เฟดจะต้องทำอย่างนั้น ซึ่งผมไม่ชอบเลย"


ทั้งนี้ เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 6 ครั้งนับตั้งแต่ที่นายทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนม.ค.ปีที่แล้ว เทียบกับที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในสมัยของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา


เฟดได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 3 ครั้งในปีนี้ และยังส่งสัญญาณปรับขึ้นอีก 1 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ โดยมีแนวโน้มว่า เฟดจะปรับขึ้นอีก 3 ครั้งในปีหน้า ซึ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับตลาด โดยมีนักลงทุนบางส่วนออกมาระบุว่า การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะสร้างความวุ่นวายให้กับตลาด และเป็นสาเหตุให้ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา


Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์


https://www.reuters.com/article/us-...-unhappy-with-treasurys-mnuchin-idUSKCN1NT009

 

MOREMOVE


#มอร์มูฟเป็นข่าว บอกได้คำเดียวว่า อิจฉา!!!!! เมื่อรัฐบาลเมืองชางโจว มณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน #ดันสวัสดิการรัฐมุ่งแก้ปัญหามลพิษและรถติด ฟาดนโยบายสุดสะพรึง #นั่งรถเมล์ฟรีทุกสายทั่วทั้งเมือง ตัดสินใจเริ่มใช้นโยบายรถเมล์ฟรีตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา และกำหนดให้สิ้นสุดนโยบายนำร่องนี้ในวันที่ 15 พ.ย.ปีหน้า หวังแก้ปัญหามลพิษทางอากาศและลดปัญหาการจาจรติดขัดอย่างจริงจัง


ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร? จะนั่งไปไหน? เมื่อไหร่? กี่ต่อ? กี่รอบ? #ก็ฟรีตลอด


Source : FB - China Xinhua News // China Report ASEAN - Thailand


ทั้งนี้ รายงานระบุว่า บริการรถเมล์ฟรีของเมืองชางโจวครอบคลุมรถประจำทางทุกสายของเมืองและไม่จำกัดจำนวนครั้งในการนั่ง เรียกได้ว่าจะนั่งไปไหน เมื่อไร กี่ต่อ ก็ฟรีตลอดสาย #ค่าใช้จ่ายทั้งหมดรัฐบาลของเมืองจะเป็นผู้จ่ายให้กับบริษัทเดินรถ


มีผู้ใช้บริการหลายรายกล่าวว่า #ปัญหารถติดในตัวเมืองลดน้อยลงอย่างมาก ตั้งแต่รัฐบาลเริ่มปรับใช้นโยบายนี้


โดยเจ้าหน้าที่ของบริษัทเดินรถกล่าวว่า ปัจจุบันมีรถประจำทางทั้งหมดที่เข้าร่วมในโครงการนี้จำนวน 700 คัน มีคนใช้บริการต่อวัน 6 แสนคน ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมถึงหนึ่งเท่าตัว


อย่างไรก็ตาม #ปัจจุบันบริษัทเตรียมเพิ่มจำนวนรถบัสนั่งฟรีตามความต้องการของประชาชนที่เกิดขึ้นจริง และยังเตรียมคืนเงินในบัตรเดินทางให้กับผู้โดยสารที่เติมเงินในบัตรรายเดือนไปแล้วอีกด้วย.

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 23) ก.ล.ต.เตือนระวังถูกชวนลงทุนผ่านเว็บไซต์-โซเชียล : ก.ล.ต.เตือนระวังถูกชวนลงทุนผ่านเว็บไซต์ “fxprimus.com” และ Facebook ที่ใช้ชื่อว่า “สอนมือใหม่เล่นหุ้น” พร้อมขึ้นเตือนผ่าน Investor Alert เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาต

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับเบาะแสจากผู้ลงทุน กรณีเว็บไซต์ fxprimus.com (FXPRIMUS) มีข้อความเชิญชวนให้ผู้ลงทุนเข้าไปซื้อขายสัญญาซื้อขายส่วนต่าง หรือ Contract For Difference (CFD) ที่อ้างอิงกับราคาสินทรัพย์หลายประเภท อาทิ ทองคำ น้ำมัน หุ้น ดัชนีหุ้น ธุรกรรมทำแบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ หรือ แอพพลิเคชั่น ของ FXPRIMUS ซึ่งพบว่าเว็บไซต์ดังกล่าวดำเนินการโดยนิติบุคคลต่างประเทศมีการแปลเนื้อหาบนเว็บไซต์ที่ใช้ในการให้บริการเป็นภาษาไทย เพื่อชักชวนผู้ลงทุนให้เข้าไปใช้บริการผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียหรือเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเงินการลงทุน


ส่วนกรณี Facebook ที่ใช้ชื่อว่า “สอนมือใหม่เล่นหุ้น” ที่มีการแจ้งเตือนสัญญาณการซื้อขายหุ้นต่าง ๆ ในกลุ่มที่สมัครเรียนกับผู้โพสต์ โดยการเข้ากลุ่มเรียนจะต้องเสียค่าธรรมเนียม เพื่อจะได้รับแจ้งเตือนว่ามีหุ้นใดเกิดสัญญาณซื้อหรือสัญญาณขายให้ผู้สมัครเรียนทราบทุกวัน รวมถึงมีการตั้งกลุ่มเพื่อสอนเล่นหุ้นแล้วเก็บค่าธรรมเนียม


ทั้งนี้ ก.ล.ต.ขอแจ้งให้ทราบว่าทั้งเว็บไซต์ fxprimus.com และ Facebook ที่ใช้ชื่อ “สอนมือใหม่เล่นหุ้น” ไม่ได้เป็นผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ หรือธุรกิจสัญญาล่วงหน้าที่ได้รับอนุญาต จึงขอให้ผู้ลงทุนระมัดระวัง หากถูกชักชวนให้ลงทุน เนื่องจากอาจไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายที่อยู่ในการกำกับดูแลของ ก.ล.ต. สำหรับ Facebook ดังกล่าว ก.ล.ต. แจ้งให้ยุติการชักชวนผู้ลงทุนลักษณะดังกล่าวแล้ว และขึ้นรายชื่อบุคคลทั้ง 2 ว่ามิใช่ผู้ประกอบธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต.บนเว็บไซต์ www.sec.or.th ในหัวข้อ Investor Alert หากผู้ลงทุนได้รับการติดต่อชักชวนให้ลงทุนในหลักทรัพย์ หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ขอให้ตรวจสอบก่อนว่าผู้ชักชวนเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตหรือขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องหรือไม่ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น โดยสามารถตรวจสอบได้ที่หัวข้อ License Check & Investor Alert นอกจากนี้ ผู้ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการที่น่าสงสัยโปรดติดต่อ Help Center โทร. 1207 เพื่อ ก.ล.ต. จะได้ดำเนินการตรวจสอบต่อไป


Source: สำนักข่าวไทย


https://www.tnamcot.com/view/5bf7909ae3f8e4e9030d9c2b

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Nov 24) 'วิรไท'ส่งสัญญาณพร้อมขยับ-'อภิศักดิ์'เบรกหวั่นต้นทุนพุ่งหมื่นล้าน คลังสวนธปท.'ศึกดอกเบี้ย' : แบงก์ชาติส่งสัญญาณชัด"ขึ้นดอกเบี้ย" มั่นใจไม่เป็นอุปสรรคการเติบโตเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภายใต้"จีดีพี" โตเกิน 4% ย้ำขยับขึ้นค่อยเป็นค่อยไป ระบุประเทศอื่นขึ้นหมดแล้ว ด้าน"อภิศักดิ์"ค้านปรับขึ้น ห่วงกระทบความมั่นคงการเงิน ทำต้นทุนประเทศเพิ่มหมื่นล้าน ขณะ "กอบศักดิ์"แนะรอดูความไม่แน่นอนจากปัจจัยต่างๆ ก่อน

ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ยังคงส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ปี 2561 จะขยายตัวได้เพียง 3.3% ต่ำกว่าการคาดการณ์ ของ ธปท. และทำให้ ธปท.อาจปรับลด คาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลง จากปัจจุบันที่ประเมินการเติบโตไว้ที่ 4.4%

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธปท. กล่าวว่า ดอกเบี้ยนโยบายแม้จะสูงขึ้น กว่านี้ แต่เชื่อว่าไม่เป็นอุปสรรคต่อการ ขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภายใต้ การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในระดับ 4% ต้นๆ

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธปท. กล่าวว่า ดอกเบี้ยนโยบายแม้จะสูงขึ้นกว่านี้ แต่เชื่อว่าไม่เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภายใต้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในระดับ 4% ต้นๆ

เขากล่าวด้วยว่า เวลาที่พูดกันว่า หมดยุคดอกเบี้ยต่ำ อาจทำให้คนเข้าใจกันว่าดอกเบี้ยจะปรับขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ใช้หลักการพิจารณาตามข้อมูล (data dependent) มาประกอบการตัดสินใจ ซึ่งจะเห็นได้ว่าหลายธนาคารกลางก็มีการดำเนินนโยบายการเงินคล้ายไทย ทั้งขึ้น และหยุดเพื่อประเมินสถานการณ์ และด้วยไทยที่เป็นประเทศเศรษฐกิจเปิดจึงต้องมีการประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ

ย้ำดอกเบี้ยขึ้นค่อยเป็นค่อยไป

ทั้งนี้ การดำเนินนโยบายการเงิน จำเป็นต้องประเมินไปถึง 3-4 ประเด็นที่สำคัญ คือดูพัฒนาการเงินเฟ้อ การเติบโตของเศรษฐกิจไทย เสถียรภาพระบบการเงิน และขีดความสามารถการดำเนินนโยบาย (policy space)ในอนาคต ซึ่งจำเป็นที่ ผู้ทำนโยบายต้องมองไกลถึงความเสี่ยง ที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมานาน อาจสร้างจุดเปราะบางหรือผลข้างเคียงต่อระบบการเงินในระยะข้างหน้า

"หากมีการขึ้นดอกเบี้ย ก็เชื่อว่า จะขึ้น ค่อยเป็นค่อยไป เพราะกนง.ยังเชื่อว่า ดอกเบี้ยที่ผ่อนคลายยังจำเป็นอยู่ แต่การผ่อนคลายเป็นพิเศษมีความจำเป็นน้อยลง และในปัจจุบันไทยถือเป็นประเทศเดียว ที่ไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อเข้าสู่ นโยบายการเงินปกติมากขึ้น หากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านเช่น อินโดนีเซียที่มีความอ่อนไหวด้านต่างประเทศอ่อนไหวกว่าไทยมาก ก็มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว 5-6 ครั้งในช่วงที่ผ่านมาเป็น 6% ฟิลิปปินส์ก็มีการปรับขึ้นค่อนข้างมาก"

อย่างไรก็ตาม ภายใต้สภาพคล่อง ของระบบการเงินที่อยู่ในระดับสูง ดังนั้นมองว่าความจำเป็นในการปรับดอกเบี้ย พื้นฐาน เมื่อมีการปรับดอกเบี้ยขึ้น ก็ไม่มีความ จำเป็นหรือไม่มีแรงกดดันให้สถาบันการเงิน รีบปรับดอกเบี้ยเงินกู้ทั้ง MOR และ MRR เพราะสภาพคล่องในระบบการเงินไทยยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง

หวังเพิ่ม policy space

ส่วนกรณีที่ ภาครัฐมีการช่วยเหลือ ผู้มีรายได้น้อยต่างๆ ออกมานั้น เขากล่าวว่า ภายใต้ที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนสูงในระยะข้างหน้า เรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ คือ การรักษา policy spaceและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด หลายเรื่องจำเป็นต้องรักษาไว้ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน การคลัง เพราะหากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอกว่าคาด อาจจำเป็นต้องใช้นโยบายเข้าไปดูแลเศรษฐกิจในทันทีและรุนแรง ดังนั้นการรักษา policy space เป็นเรื่องที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งนโยบายการเงิน หรือฝั่งนโยบายการคลัง เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้ policy space ที่มีอยู่ ให้เกิดประสิทธิภาพสุงสุด

คลังค้านขึ้นดบ.หวั่นต้นทุนพุ่งหมื่นล้าน

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรณีที่ ธปท.ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้น การปรับขึ้นดอกเบี้ยควรต้องดูปัจจัยอื่นประกอบด้วย ไม่ใช่ดูเพียงเรื่องเดียว เช่น ที่บอกว่า ประเทศอื่นขึ้นกันหมดแล้ว แบบนี้ คงไม่ใช่ เพราะต้องดูเรื่องของผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงินและการลงทุนในประเทศด้วย โดยในเรื่องผลกระทบของ ความมั่นคงทางการเงินนั้น ทาง ธปท.ต้องประเมินเองว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น จะรับมือไหวหรือไม่ อาทิ เรื่องของเงิน ไหลออกหรือการแข็งค่าอย่างรวดเร็ว ของเงินบาท เป็นต้น

"เขาต้องดูเองว่า เมื่อขึ้นดอกเบี้ยแล้ว จะกระทบต่อ stability หรือไม่อย่างไร เช่นเกิดเงินไหลออกหรือค่าเงินตกเร็วกระทั่ง เอาไม่อยู่ นี่คือ stability เรื่องการเงิน เพราะการขึ้นดอกเบี้ยแต่ละครั้ง มันมีต้นทุน ทั้งของประเทศรวมๆ เป็นหมื่นล้าน และต้นทุนเขา(ธปท.) เองก็เป็นหมื่นล้าน"

"กอบศักดิ์"แนะไม่ควรรีบขึ้นดบ.

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่ผู้ว่าการธปท.ส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็นเรื่องปกติที่ กนง.จะค่อยๆ ส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งเห็นได้จากก่อนหน้านี้จำนวน กนง.เสียงข้างน้อยและเสียงข้างมากที่มีความเห็นเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยขยับมาอยู่ใกล้เคียงกันที่ 4 : 3 จากเดิมที่ 1:6 ซึ่งก็คงเป็นช่วงที่ กนง.สื่อสารว่า กำลังจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย

ทั้งนี้ตามการพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ กนง.จะมาจากการพิจารณาจากปัจจัยเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยขณะนี้เศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็งและมีการขยายตัวแต่หากมองไปข้างหน้าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งปัจจัยเรื่องการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ซึ่งในส่วนของเศรษฐกิจภายนอกก็ต้องดูว่า จะกระทบกับเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปมากน้อยแค่ไหน ส่วนการเมืองก็ต้องดูในเรื่องการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น

"การตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยเป็นอิสระ ของ กนง. แต่ถ้าเป็นผมจะรอดูความ ไม่แน่นอนต่างๆที่เข้ามาให้คลี่คลายก่อน นอกจากนี้หากตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวแล้วในครั้งต่อๆไปไม่ปรับก็จะไม่ได้ส่งผลต่อเศรษฐกิจ และไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจน หากปรับขึ้นต้องเป็นการปรับขึ้น ต่อเนื่องเพราะนโยบายทางการเงินที่ได้ผล คือการส่งสัญญาณถึงทิศทางที่จะเกิดขึ้นเหมือนกับเฟดที่ก่อนหน้านี้เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยทุกไตรมาสก็ทำให้คนเห็นทิศทางการปรับขึ้นของดอกเบี้ยและคาดการณ์ไปข้างหน้าได้ว่าในปีต่อไปจะมีการปรับขึ้น อีกกี่ครั้ง"

นายกอบศักดิ์กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2019" ในระหว่างการสัมมนาสมาคมการค้าประจำปี 2561 จัดโดยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยว่า ในปี 2562 หรือปี 2019 คาดว่าเศรษฐกิจไทย ปีนี้จะขยายตัวได้ 4-4.5% ต่อเนื่องจากในปี 2561 ที่จะขยายตัว 4.2-4.3% เนื่องจากภาครัฐเตรียมความพร้อมเรื่องการบริโภคและการลงทุนและโครงการนี้จะเดินหน้า ต่อเนื่องแม้จะมีการเลือกตั้งและเปลี่ยนรัฐบาล เนื่องจากในช่วงเวลาที่เหลืออีกประมาณ 3 เดือน รัฐบาลได้เร่งรัดโครงการสำคัญในอีอีซี

นักเศรษฐศาสตร์คาดศก.ปีหน้าต่ำ4%

นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร กล่าวว่า หากดูเศรษฐกิจไทยระยะข้างหน้า มีทิศทางเติบโตช้าลง เช่นเดียวกันกับ เศรษฐกิจโลกที่มีสัญญาณการเติบโตช้า ซึ่งมาจากสงครามการค้า การค้าการลงทุนโลกที่ชะลอตัว โดยหากดูการเติบโตของเศรษฐกิจไทยคาดว่า ปีนี้การขยายตัวน่าจะ ต่ำกว่า 4.3% จากที่เคยประมาณการไว้ เนื่องจากช่วงไตรมาส 3ที่ผ่านมาเศรษฐกิจเติบโตชะลอลงชัดเจน และผลกระทบ สงครามการค้าทำให้การส่งออกไทยได้รับผลกระทบมากขึ้น เนื่องจากไทยพึ่งพา การส่งออกถึง 70% ของจีดีพี และในช่วง 1-2 ปี ที่ผ่านมา ไทยมีการพึ่งพาส่งออกและ ท่องเที่ยวเป็นหลัก ดังนั้นเชื่อว่า การเติบโตทั้งสองด้านที่ลดลง จะมีผลต่อเศรษฐกิจระยะข้างหน้าค่อนข้างมาก ทำให้คาดการการเติบโตเศรษฐกิจไทยปีหน้าเติบโตได้ราว 3%ปลายๆ

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบีไทย กล่าวว่า หากดูการเติบโตของเศรษกิจไทยปีหน้า คาดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโตได้ระดับ 4% หรือต่ำกว่า 4% ได้ เพราะหากดูกำลังซื้อในประเทศยังไม่ได้ฟื้นตัวดีนักแม้คนระดับกลาง บนจะมีกำลังซื้อ แต่พบว่า เศรษฐกิจรากหญ้า เอสเอ็มอียังมีปัญหา ดังนั้น การบริโภคครัวเรือนปีหน้าก็อาจไม่ได้ดีนัก ซึ่งขึ้นอยู่กับราคาสินค้าเกษตรว่าจะปรับตัวขึ้นหรือไม่ ดังนั้นเศรษฐกิจระดับล่าง ก็อาจไม่ได้เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจแรงส่งอาจยังมาจาก ระดับกลาง และระดับบน

อีกปัจจัยที่น่าห่วงคือค่าเงินบาทที่ปัจจุบัน อยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งถือว่าแข็งค่าสุด ในภูมิภาค ทำให้ผู้ส่งออกสูญเสียความสามารถ ในการแข่งขัน หากเทียบกับมาเลเซ๊ย อินโดนีเซียฯลฯ และเชื่อว่าปีหน้าค่าเงินบาทก็น่าจะทรงตัวอยู่ในระดับดังกล่าวต่อไป

นายชนินทร์ มโนภินิเวส นัก เศรษฐศาสตร์โครงสร้างพื้นฐาน ธนาคารโลก กล่าวว่า คาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้ไว้ที่ 4.5% และปีหน้า 3% ปลายๆ ความท้าทายในระยะข้างหน้า เชื่อว่า มาจากการลงทุน ภาครัฐ ที่ต้องอาศัยความต่อเนื่อง ในการเบิกจ่าย ขณะเดียวกันการค้าโลกก็เป็นสิ่งที่จับตา เนื่องจากขณะนี้ ปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจชะลอ มาจากสงครามการค้า ที่อาจกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจจีนได้ โดย สิ่งที่จีนกำลังสู้กับสงครามการค้าคือพยายามพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต เพื่อดึงการเติบโตของเศรษฐกิจให้อยู๋เกินระดับ 6%

แต่ขณะเดียวกันระยะยาวจีนกำลังเจอความเสี่ยงจากปัญหาก่อหนี้ของจีน ดังนั้นสิ่งที่ต้องจับตาคือการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต จะทำให้จีนสามารถชำระหนี้ได้ทันกันหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องติดตาม

Source: กรุงเทพธุรกิจ

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 24) สหรัฐชี้จีนยังไม่เลิกขโมยทรัพย์สินทางปัญญา – สหรัฐกล่าวหาว่าจีนยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติที่ “ไม่เป็นธรรม” ได้ โดยยังคงสนับสนุนให้ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐและควบคุมการให้ใบอนุญาตเทคโนโลยีอย่างเลือกปฏิบัติ รายงานนี้น่าจะเพิ่มความตึงเครียดก่อนที่จะมีการประชุมในปลายเดือนนี้ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กระทรวงพาณิชย์จีนยังไม่ได้ให้ความเห็นโดยทันทีต่อรายงานนี้



สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐได้สรุปรายงานการสอบสวนเกี่ยวกับนโยบายการโอนเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาของจีนตามมาตรา 301 ใหม่ โดยมีความยาว 53 หน้า ซึ่งพบว่าจีนไม่ได้เปลี่ยนแปลงการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ไม่มีเหตุผล และบิดเบือนตลาด ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในรายงานการสอบสวนตามมาตรา 301 เมื่อเดือนมีนาคม 2561



สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐพบว่า จีนไม่ได้ตอบสนองอย่างสร้างสรรค์ต่อรายงานเริ่มแรกและไม่สามารถดำเนินการที่มีสาระสำคัญใด ๆ ที่จะแก้ไขความกังวลของสหรัฐ นอกจากนี้ จีนได้แสดงความชัดเจนว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายเพื่อตอบสนองต่อการสอบสวนในตอนแรก



สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐกล่าวว่า จีนยังคงดำเนินนโยบายและปฏิบัติการเพื่อดำเนินการและสนับสนุนการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ และจำกัดการให้ใบอนุญาตเทคโนโลยีอย่างเลือกปฏิบัติ และถึงแม้ว่าจีนลดข้อจำกัดในการถือหุ้นของต่างชาติในระดับหนึ่ง แต่รัฐบาลจีนได้ยืนกรานที่จะใช้มาตรการจำกัดการลงทุนของต่างชาติเพื่อให้ได้หรือกดดันให้บริษัทสหรัฐโอนเทคโนโลยีแก่บริษัทจีน



รายงานของสหรัฐยังได้อ้างรายงานเมื่อเดือนตุลาคม 2561 ของผู้เชี่ยวชาญจาก U.S. Naval War College และมหาวิทยาลัย เทล อาวีฟ ว่า บริษัท ไชน่า เทเลคอม อาจจะเกี่ยวพันกับการรณรงค์ที่ “ประสงค์ร้าย” เพื่อจี้การจราจรทางอินเทอร์เน็ตและสั่งการบริษัทผ่านเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทในแผ่นดินใหญ่เพื่อให้ได้การวิเคราะห์ และการรวบรวมที่อาจเป็นไปได้



นอกจากนี้ สหรัฐยังกล่าวหาว่าจีนตอบสนองต่อความกังวลของรัฐบาลสหรัฐเกี่ยวกับนโยบาย "Made in China 2025" ด้วยการรณรงค์โฆษณาชวนเชื่อเพื่อลดความสำคัญของโครงการนี้ แทนที่จะทำการเปลี่ยนแปลงอย่างมีสาระสำคัญ



“แม้มีความพยายามอย่างเห็นได้ชัดที่จะเลิกเน้นย้ำถึงนโยบาย Made in China 2025 ในที่สาธารณะ แต่จีนยังคงสนับสนุนนโยบายอุตสาหกรรมนี้มาก” รายงานระบุ



รายงานยังระบุด้วยว่า ในขณะที่การลงทุนโดยตรงของจีนในสหรัฐได้ลดลงในปี 2561 แต่มีสัญญาณว่าจีนเริ่มเน้นการลงทุนไปที่บริษัทสตาร์ท-อัพส์ เทคโนโลยีมากขึ้น แม้ว่าคณะบริหารของทรัมป์อยากจะปกป้องบริษัทเหล่านี้แต่การลงทุนของจีนในศูนย์กลางเทคโนโลยีสหรัฐ เช่นในซิลิกอน วัลเลย์ ได้เพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนมานี้



การเปิดเผยรายงานนี้มีขึ้นในขณะที่คณะบริหารของทรัมป์และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนกำลังหารือถึงความเป็นไปได้ที่จะยับยั้งสงครามการค้าและเจรจาในรายละเอียดเกี่ยวกับการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นอกรอบการประชุมผู้นำจี 20 ที่บัวโนสไอเรสในปลายเดือนนี้



ดีเรค ซิสเซอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนของอเมริกัน เอ็นเตอร์ไพรส์ อินสติติว กล่าวว่า ดูเหมือนว่าการเปิดเผยรายงานนี้เป็นความพยายามของโรเบิร์ต ไลต์ธีเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ที่จะสร้างอิทธิพลต่อการเจรจาก่อนที่จะมีการประชุมจี 20 โดยสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐพยายามที่จะนำปัญหาบางอย่างออกจากการประชุมจี 20 โดยสิ้นเชิงในกรณีที่จีนต้องการบางสิ่งเพื่อแลกกับการยกเลิกนโยบาย Made in China 2025



เจ้าหน้าที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐคนหนึ่ง กล่าวกับบลูมเบิร์กว่า การเปิดเผยรายงานเมื่อวันอังคารเพียงเพื่อแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องของจีนและเพื่อชี้ว่าสหรัฐยังคงหวังว่าจะสร้างความคืบหน้าในการประชุมจี 20 ได้



ลาร์รี่ คัดโลว์ เลขาธิการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า ทั้งสองฝ่ายกำลังหารือกันอย่างต่อเนื่องก่อนการประชุมจี 20 และทรัมป์เชื่อว่ารัฐบาลปักกิ่งอยากที่จะทำข้อตกลง นอกจากนี้ยังกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ในทุกระดับของรัฐบาลกำลังมีการสื่อสารโดยละเอียดมาก


Source: ข่าวหุ้น


- China has failed to alter 'unfair, unreasonable' trade practices, says US trade representative

https://www.cnbc.com/2018/11/21/chi...e-practices-says-us-trade-representative.html


- Did a property billionaire invest in a flailing Tesla wannabe to gain tech for China? The US thinks so

https://www.scmp.com/tech/big-tech/...invest-flailing-tesla-wannabe-gain-tech-china

 

เก็บตกตะวันออกกลาง


รมต. ต่างประเทศอเมริกา ย้ำ : อเมริกาต้องการซาอุดิอาระเบียเพื่อจัดการกับอิหร่าน


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯสนับสนุนกฎหมายสิทธิมนุษยชนซาอุดีอาระเบียและระบุว่าประเทศของเขาต้องการซาอุดิอาระเบียเพื่อจัดการกับอิหร่าน


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าประเทศของเขาต้องการประเทศซาอุดิอาระเบียเพื่อจัดการกับอิหร่าน


Mike Pumpo ให้การสนับสนุนซาอุดิอาระเบียและกล่าวว่า "ซาอุฯเป็นพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐฯในด้านความมั่นคงของชาติและการต่อต้านอิหร่าน


เขากล่าวเสริมว่า "เพื่อปกป้องอเมริกา เรามั่นใจได้ว่าความสัมพันธ์กับซาอุดิอาระเบียยังคงเป็น" แน่นแฟ้น" เหมือนเดิม

#เก็บตกตะวันออกกลาง!

#อเมริกา #ซาอุฯ

#อีหร่าน

 

ราคาอะไหล่แพง ยอดก็ร่วงเป็นธรรมดา ตอนขึ้นราคาอะไหล่ คนที่ใช้ก็จำเป็นต้องจ่ายเพราะมีของอยู่แล้ว และซื้อมาแพง แต่คิดว่าลูกค้าจะไม่จำหรือ ครั้งหลังคิดจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ จะมีใครอยากกลับมาซื้ออีกบ้าง

MOREMOVE


#มอร์มูฟเป็นข่าว เมื่ออะไรๆ ก็ไม่เป็นไปอย่างที่คิด!!! #ก็ต้องสั่งลดการผลิตรัวๆ 'APPLE' สั่งลดการผลิตไอโฟนใหม่ทุกรุ่น ได้แก่ iPhone XR, iPhone XS และ iPhone XS Max #เพิ่งมีการเปิดตัวในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ส่วนสาเหตุคาดว่ามาจากความหลากหลายของรุ่นที่วางจำหน่ายพร้อมกัน ราคาไอโฟนที่แพงขึ้น และยอดขายไอโฟนในต่างประเทศได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์


Source : smartsme - https://bit.ly/2r1u2HM


โดยเรื่องนี้ วอลล์สตรีท เจอร์นัล ระบุว่า อุปสงค์ที่ต่ำกว่าคาดของไอโฟนรุ่นใหม่ และการที่แอปเปิลตัดสินใจเสนอขายไอโฟนที่มีจำนวนรุ่นมากขึ้น #ได้สร้างความยากลำบากในการประเมินจำนวนชิ้นส่วน และจำนวนเครื่องไอโฟนที่บริษัทต้องการ.

 

The Public Post


ทรัมป์ชี้ หากไร้ซาอุฯ อิสราเอลจะประสบปัญหาใหญ่ ถึงขั้นถูกเฉดหัวพ้นตะวันออกกลาง

https://www.publicpostonline.net/19686

 

The Public Post


รมต.ต่างประเทศตุรกีซัดทรัมป์ ทำ “ตาบอด” เรื่องฆาตกรรม “คาช็อกจี”

https://www.publicpostonline.net/19683

 

La nueva era de la tierra - respaldo


การระเบิดของภูเขาไฟ fuego ในกัวเตมาลานาทีที่ผ่านมา


#URGENTE #ULTIMA #HORA


Fuerte explosión del volcan de fuego de guatemala hace minutos

 

La nueva era de la tierra - respaldo



มีน้ำมากเกินไปในทะเลทรายของซาอุดีอาระเบียจริงๆกลายเป็นทะเล


23.11.2018

 

La nueva era de la tierra - respaldo


มันจะเกิดเป็นภูเขาไฟลูกใหม่



ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาแปลก ๆ , เกิดน้ำพุร้อนบนท้องถนนใน Salitre Michoacán México

2018/11/23

 

La nueva era de la tierra - respaldo



สถานที่ไม่ใช่แคนาดาและอเมริกา แต่คือทะเลทรายของซาอุดิอาระเบีย

ขาวสุดๆว้าว

23.11.2018

 

MOREMOVE


#มอร์มูฟเป็นข่าว เจาะไทม์ไลน์!!! 4 โครงการ #อุ้มคนรายได้น้อย ฉบับรัฐบาลนายกฯตู่ รัฐออกกฎ (เบื้องต้น) ช่วยได้ตั้งแต่วันไหนและสิ้นสุดถึงเมื่อไหร่ แอดมินสรุปเป็นข้อๆ มาฝากกันค่ะ


ผู้ที่ได้ใช้สิทธิประโยชน์นี้ #มาตรการเสริมช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย คือ ผู้ผ่านคุณสมบัติการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ และการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมภายใต้โครงการไทยนิยมยั่งยืน


Source : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง


▪️ช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 230 บาทต่อครัวเรือน และค่าน้ำปะปา ไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือน #นานสิบเดือน เริ่ม ธ.ค.61-ก.ย.62 (จ่ายไปก่อน รับคืนผ่านบัตรในเดือนต่อไป กรณีค่าไฟ-น้ำเกินกว่าที่กำหนดต้องจ่ายเองทั้งหมด) ครอบคลุม 8.2 ล้านครัวเรือน


▪️สนับสนุนค่าใช้จ่ายช่วงปลายปี ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซื้อสินค้าบริการในเดือน ธ.ค.61 #จำนวน500บาทต่อคน #ให้ครั้งเดียว (ให้ถอนเงินออกจากบัตรได้เลย จากที่ปกติจะให้ใช้จ่ายในร้านค้าที่กำหนด) ครอบคลุม 14.5 ล้านคน


▪️ช่วยเหลือค่าเดินทางไปรับการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอื่นๆ #สำหรับผู้สูงอายุ65ปีขึ้นไป จำนวน 1,000 บาทต่อคน (ถอนเงินออกจากบัตรได้เลย) ครอบคลุม 3.5 ล้านคน


▪️ค่าเช่าบ้านสำหรับผู้สูงอายุ #ตั้งแต่60ปีขึ้นไป ที่มีรายได้น้อย 400 บาทต่อคนต่อเดือน นาน 10 เดือน เริ่ม ธ.ค.61-ก.ย.62 (ถอนเงินออกจากบัตรได้เลย) ครอบคลุม 2.2-2.3 แสนคน


รวมงบฯที่รัฐใช้จ่ายเพื่อการนี้กว่า 38,000 ล้านบาท แบ่งเป็น

▪️ค่าน้ำ-ไฟ 27,060 ล้านบาท

▪️ช่วยค่าใช้จ่ายปลายปี 7,250 ล้านบาท

▪️ค่าเดินทางไปโรงพยาบาลของคนชรา 3,500 ล้านบาท

▪️ค่าเช่าบ้านคนชรา 920 ล้านบาท

 

INSTITUTE OF ISLAMIC STUDIES THAILAND


ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า การดำรงอยู่ของระบอบไซออนิสต์จะตกอยู่ในอันตรายหากปราศจากเสถียรภาพของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย….

 

สถานการณ์โลก ด้านความมั่นคง


ประชาชนที่เสียภาษีของสหรัฐต่างไม่เต็มใจกับที่ต้องสูญเงินภาษีกว่า5.9ล้านล้านเหรียญสหรัฐ:ไปกับการดำเนินสงครามก่อการร้าย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือตรงกันข้าม:จำนวนผู้ก่อการร้าย"เพิ่มขึ้น"เป็น4เท่านับตั้งแต่เหตุการณ์11กันยาน2001.../

.....อ้างอิงจากศูนย์การศึกษากลยุทธ์และนานาชาติศึกษาซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยของสหรัฐ มีกลุ่ม"จิฮาดิสต์"กว่า230,000รายกระจายอยู่ใน70ประเทศทั่วโลก โดยประเทศที่มีกลุ่มติดอาวุธมากที่สุดได้แก่ซีเรีย,อัฟกานิสถาน,และปากีสถาน./จากจำนวนกลุ่มติดอาวุธ"จิฮาดิสต์ซุนนี"ที่พุ่งสูงมาก ก่อให้เกิดการยกประเด็นคำถามที่น่ากังวลเกี่ยวกับ"ประสิทธิภาพ"ของการทำสงครามกับ"ก่อการร้าย"ที่มีสหรัฐเป็นผู้นำ ซึ่งเริ่มขึ้นในช่วงที่มีการโจมตี"ตึกแฝดและเพนตากอน"ของสหรัฐในวันที่11กันยายน2001/...แต่รัฐบาลหรัฐบอกว่าถ้าถอนกำลังออกจากประเทศที่มีก่อการร้ายจะทำให้พวกก่อการร้ายฮึกเหิม...

----------------------------------

โดยส่วนตัวถือว่าสหรัฐทำสงครามสำเร็จ คือต้องการเพิ่มจำนวนผู้ก่อการร้าย เริ่มตั้งแต่ตึกแฝดโดนเครื่องบินพุ่งชน(บางคนบอกด้วยซ้ำว่าเป็นการระเบิดทำลายเองโดยสหรัฐ)และหลังจากนั้น..สหรัฐก็ส่งทหารไปยึดอัฟกานิสถาน(เพื่อสอดแนมอิหร่านและรัสเซีย)และส่งผู้ก่อการร้ายไปป่วนเล่นเกม"อาหรับสปริง"ทำให้เกิดสงครามกลางเมือง เพื่อรอให้ทหารสหรัฐเข้าไปปิดจ๊อปแทรกแซง ซึ่งทำสำเร็จหลายประเทศ..สามารถโค่นผู้นำที่ไม่ยอมแบกถาดรับใช้สหรัฐลงได้ไปหลายคน/..ยังมีบาร์ซา อัลอัดซาด"แห่งซีเรียนี่แหละที่ไม่ยอมลง"ไปกับเกม"อาหรับสปริง"ของสหรัฐ../ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจทำไมสหรัฐทำสงครามกับพวกก่อการร้าย..แต่พวกก่อการร้ายถึงเพิ่มมากขึ้นเป็น4เท่า..เพราะไม่ใช่สงครามปราบพวกก่อการร้ายแต่เป็นการสร้างเพื่อเอาไว้ป่วนพวกประเทศและผู้นำหัวแข็งต่างหาก../