ติดตามสถานะการณ์

คนจีนไม่มาเที่ยวไทยแล้วเหรอ?? ทำไมนักท่องเที่ยวจีนลดลง??


เป็นคำถามที่เกิดขึ้นทั้งในวงการท่องเที่ยวและบนโลกออนไลน์


หลายคนก็ต่างคาดเดาในสาเหตุต่างๆ ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจ นโยบายการท่องเที่ยว หรือเหตุการณ์เรือล่มซึ่งเป็นข่าวดัง


แต่ก่อนที่เราจะมาคุยในเรื่องของสาเหตุที่นักท่องเที่ยวจีนลดลง


เรามาศึกษากันสักนิดว่าลดลงจริงหรือไม่?? และลดลงแค่ไหนครับ??




หากอ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะพบว่ายอดตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยในปี 2018 เป็นดังนี้...


ไตรมาสแรก (เดือนมกราคม-มีนาคม) ประมาณ 3,170,000 คน


ไตรมาสสอง (เดือนเมษายน-มิถุนายน) ประมาณ 2,750,000 คน


ไตรมาสสาม (เดือนกรกฎาคม-กันยายน) ประมาณ 2,440,000 คน


ดูจากตัวเลขเพียวๆ แล้ว หลายคนอาจจะคิดว่ายอดนักท่องเที่ยวลดลงต่อเนื่องเลย


แต่ยังมีปัจจัยเรื่องของฤดูกาลท่องเที่ยวเข้ามาเกี่ยวข้อง


เพราะฉะนั้นถ้าจะดูให้ชัดว่าลดลงจริงไหม เราก็ต้องไปเทียบกับตัวเลขของปี 2017 ด้วยนั่นเอง


แล้วก็พบว่า


ไตรมาสแรก นักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 28%


ไตรมาสสอง นักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 21%


ไตรมาสสาม นักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวเฉลี่ย -9%


ส่วนยอดของเดือนตุลาคม 2018 เมื่อเทียบกับปีก่อน นักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยว -19%



ตัวเลขเหล่านี้ก็พิสูจน์เบื้องต้นแล้วว่า "นักท่องเที่ยวจีนลดลงจริงๆ"


และการลดลงนั้นก็เกิดขึ้นชัดเจนตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2018 เป็นต้นมา


จนนำไปสู่คำถามที่ว่าทำไมนักท่องเที่ยวจีนถึงไม่นิยมมาเที่ยวในเมืองไทยแล้ว??



1. ภาวะเศรษฐกิจของประเทศจีน


ผมอยากยกเรื่องนี้มาพูดเป็นเรื่องหลัก และคิดว่าเป็นเหตุผลหลักด้วยเช่นกัน


ทั้งจากนโยบายลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน สงครามการค้ากับสหรัฐ รวมถึงการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจในประเทศ


ในขณะที่ค่าเงินหยวนก็อ่อนค่าลงมาถึง 9% ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนมาจนถึงปัจจุบัน


อธิบายง่ายๆว่า ถ้าคนจีนจะแลกเงินไปเที่ยว ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นเกือบ 10%


ซึ่งตัวเลขตรงนี้อาจจะดูไม่เยอะ สมมติว่าเราคนเดียว จ่ายเงินเที่ยวจากเดิม 10,000 บาท ก็แค่เพิ่มเป็น 11,000 บาท


แต่พอมันเป็นเรื่องของเงินทั้งระบบเศรษฐกิจแล้ว มันไม่ใช่แค่งบเพิ่มสำหรับคนเพียงคนเดียวเท่านั้น


เพราะการอ่อนตัวของค่าเงินนั้น ส่งผลกระทบด้านการท่องเที่ยวอย่างสูงทีเดียว



2. ปัญหายิบย่อยอื่นๆ


ทำไมผมจึงเอาพวกเรื่องดราม่าเหตุเรือล่ม การรวมตัวบอยคอตของชาวจีน หรือประเด็นนักท่องเที่ยวเบื่อไทย มาเป็นประเด็นรอง


เพราะว่าเรื่องเหล่านี้ แม้จะเกิดขึ้นตรงกับช่วงนี้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยน้อยลง แต่ก็ไม่มีข้อมูลมายืนยันว่ามีผลสำคัญที่สุด


การรวมตัวแบนของคนจีนบางส่วน อาจจะเกิดขึ้นจริง และทำให้พวกเขาเหล่านั้นไม่เดินทางมาเที่ยวไทย


แต่ในประเทศที่ประชากร 1,400 ล้านคน การรวมกลุ่มแบนที่เกิดขึ้นยังคงถือเป็นส่วนน้อย


คือเกิดผลกระทบจริง แต่ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นที่คนจีนทั้งหลายจะไม่มาเที่ยวไทยเลย


ในส่วนของประเด็นนักท่องเที่ยวเบื่อเมืองไทย และหันไปหาประเทศอื่นมากขึ้น ก็อาจจะเกิดขึ้นจริง


อ้างอิงจากรายงานของ CTrip พบว่าประเทศไทยติดอันดัน 1 ประเทศปลายทางที่นักท่องเที่ยวจีนมาเยือนในปี 2017


ตามมาด้วยประเทศญี่ปุ่น และประเทศสิงคโปร์


แน่นอนว่าเมื่อนักท่องเที่ยวมากันเยอะในปี 2017 พอมาถึงปี 2018 เราก็อาจจะหล่นจากอันดับหนึ่งลงมาก็ได้


ซึ่งการที่เราจะรู้ว่าเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้วมากน้อยแค่ไหน เราก็ต้องรอดูรายงานหลังจบปีนี้แล้วเท่านั้น


แต่หากมามองรายงานจากประเทศของเราเอง ก็พบว่าตัวเลขลดลงนั้นไม่ใช่เรื่องโกหกแต่อย่างใด



ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย!?


ในปี 2017 นักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวทั้งหมดประมาณ 9,800,000 คน


สร้างรายได้ให้ประเทศไทยประมาณ 524,000 ล้านบาท


หรือเฉลี่ยแล้วนักท่องเที่ยวจีนสร้างรายได้คนละ 53,469 บาท


ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงไป ก็จะทำให้รายได้ตรงนี้ลดลงตามไปด้วยนั่นเอง



แต่... มีการยกเรื่อง "ทัวร์ศูนย์เหรียญ" ขึ้นมาพูดถึงในประเด็นนี้ด้วย


โดยระบุว่าการที่ยอดตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนลดลงนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญอย่างจริงจัง


ทัวร์ศูนย์เหรียญ ว่ากันว่าเป็นทัวร์ไม่มีคุณภาพ รายได้ไม่เข้าประเทศ แถมใช้จ่ายเงินน้อยมาก


ถ้าเราปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญเห็นผล จนส่งผลให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนลดลงไป 10-20% ได้จริงๆ


แสดงว่าค่าเฉลี่ยรายได้ที่ประเทศไทยได้รับจากนักท่องเที่ยวแต่ละคน จะต้องเพิ่มขึ้นหรือไม่??


ทีนี้เมื่อเรามองไปที่รายได้เข้าประเทศไทยจากนักท่องเที่ยวจีน 1 คน จะพบว่า


ปี 2017 ตลอดทั้งปี ประมาณ 53,469 บาท


ปี 2018 ไตรมาสแรก ประมาณ 54,329 บาท


ปี 2018 ไตรมาสสอง ประมาณ 53,722 บาท


ปี 2018 ไตรมาสสาม ประมาณ 57,552 บาท


จากข้อมูลนี้จะเห็นได้ว่าตัวเลขรายได้เฉลี่ยต่อนักท่องเที่ยวจีน 1 คน เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงไตรมาส 3


เราอาจจะอนุมานเบื้องต้นว่าการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญในช่วงหลัง ก็มีผลให้นักท่องเที่ยวลดลง แต่รายได้ต่อคนก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย


(แต่ถ้าจะสรุปเป็นข้อเท็จจริงแบบจริงๆ จังๆ เลยนั้น ผมคิดว่าเราต้องรอข้อมูลมากกว่านี้จึงจะตัดสินได้นะครับ)



สรุปประเด็น...


ตัวเลขการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมานั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง


และเห็นผลได้อย่างชัดเจนในเดือนตุลาคม 2018 ที่ผ่านมา ซึ่งนักท่องเที่ยวลดลงจากปีก่อนถึง 19%


ทำให้รายได้เทียบกับเดือนตุลาคมปี 2017 นั้นลดลงไปถึง 7,000 ล้านบาท


ถ้าเราเอาตัวเลขนี้ไปประเมินมูลค่าการท่องเที่ยวทั้งปีที่หายไป (ถ้าจำนวนนักท่องเที่ยวยังลดลงในอัตรานี้)


พบว่าเงินรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนอาจจะเหลือประมาณ 400,000 ล้านบาท จากเดิมที่ 500,000 ล้านบาทต่อปีก็เป็นได้



ซึ่งถ้าเทียบกับรายได้จากนักท่องเที่ยวทุกชาติรวมกัน ซึ่งอยู่ประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท


รายได้จากนักท่องเที่ยวจีนก็จะสูงถึง 28% เลยทีเดียว และถ้าตัวเลขตรงนี้ลดลงไป ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจไทยได้เช่นกัน



ถึงจุดนี้ Billionaire Mindset ก็อยากจะฟังความคิดเห็นจากคนไทย ทั้งคนทั่วไป กลุ่มคนทำงานด้านการท่องเที่ยว หรือผู้ประกอบธุรกิจก็ตาม


คุณคิดอย่างไรกับการที่นักท่องเที่ยวจีนลดลงไป?? อยากจะให้กลับมาจำนวนมากเหมือนเดิมหรือไม่??


และคิดว่าไทยควรมีนโยบายด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะต่อ "นักท่องเที่ยวจีน" ต่อไปอย่างไร??


มาร่วมแลกเปลี่ยนกันผ่านช่องทางคอมเม้นต์กันได้เลยนะครับ...



----------------------------------------------------------



ใครที่ชอบก็สามารถติดตามอ่านความรู้ในด้านการลงทุน การตลาด ธุรกิจ และข่าวสารต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์ www.BillionaireTH.com นะครับ

 

วิธีไทยคือสร้างถนน

เมืองชางโจว มณฑลเหอเป่ย คลอดนโยบายนั่งรถเมล์ฟรี

จะนั่งไปไหน? เมื่อไหร่? กี่ต่อ? ก็ฟรีตลอด

แก้ปัญหามลพิษและรถติดอย่างจริงจัง


รัฐบาลเมืองชางโจว มณฑลเหอเป่ย ตัดสินใจใช้นโยบายรถเมล์ฟรี เพื่อแก้ปัญหามลพิษทางอากาศและลดปัญหาการจราจรติดขัดอย่างจริงจัง โดยนโยบายนี้เริ่มใช้มาตั้งแต่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และจะสิ้นสุดในวันที่ 15 พฤศจิกายนปีหน้า


นโยบายรถเมล์ฟรีเป็นสวัสดิการรัฐที่มอบให้กับชาวเมืองชางโจว ชาวเมืองจะสามารถขึ้นรถเมล์ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง จะไปไหน เมื่อไหร่ กี่ต่อ ก็ฟรีตลอดสาย และนั่งได้ทุกคน ทุกคัน ทุกวัน ทุกสาย ทั่วทั้งเมืองชางโจว โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดรัฐบาลของเมืองชางโจวจะเป็นผู้จ่ายให้กับบริษัทเดินรถ


ปัจจุบัน มีรถเมล์เข้าร่วมโครงการนี้แล้วกว่า 700 คัน และกำลังเพิ่มจำนวนรถให้มากขึ้น เพื่อรองรับจำนวนผู้ใช้บริการที่มีมากถึง 6 แสนคนต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมถึงหนึ่งเท่าตัว


นับตั้งแต่ใช้นโยบายรถเมล์ฟรี เห็นได้ชัดเจนว่า ปัญหารถติดในตัวเมืองชางโจวลดลงอย่างมาก.

 

มอ.ปัตตานี เป็นมหาวิทยาลัยที่มีความหลากหลายทางศาสนา ไม่ใช่สถาบันปอเนาะนะจ๊ะ


ความหลากหลายทางเพศและการต่อต้านจากสังคม


(1) แม้ว่าการรักเพศเดียวกันซึ่งบทบัญญัติทางศาสนากำหนดเอาไว้ว่าเป็นบาป แต่บาปนั้นเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เป็นเรื่องระหว่างพระเจ้ากับผู้ศรัทธาเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิไปตัดสิน อาจทำได้แค่การตักเตือนกันตามหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งมีบทบัญญัติให้ต้องตักเตือนกันเมื่อเห็นผู้กระทำความผิด เนื่องจากถ้าไม่ตักเตือน ตนเองก็จะบาปไปด้วย แต่การเตือนนั้นไม่ใช่การบีบบังคับ หรือไปละเมิดเนื้อตัวร่างกายของผู้อื่น


(2) การมีเพศวิถีที่แตกต่างไปจากบทบัญญัติ แม้ว่าจะเป็นความผิดตามหลักศาสนา แต่เมื่อพิจารณาในบัญญัติอื่นๆซึ่งกล่าวถึงความรักความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ ดังนั้นทุกคนควรได้รับการปฏิบัติด้วยความรักความอ่อนโยน แม้ว่าจะทำผิดหลักศาสนา ก็ไม่มีใครสมควรถูกละเมิด ทำร้าย หรือถูกขับไล่ออกจากสังคม เหตุใดจึงนำบทบัญญัติบทเดียวมาใช้เพื่อทำร้ายคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ทำไมจึงไม่นำบทบัญญัติอื่นที่ว่าด้วยความรักความเมตตาต่อกันมาใช้ด้วย


(3) แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยหรือสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้โดยไม่คิดจะไปทำร้ายหรือต่อต้าน เพราะถึงแม้จะทำผิดหลักศาสนาแต่เราก็เป็นมนุษย์ที่ต้องอยู่ร่วมกันในสังคม โลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์พร้อม อาจจะไม่ได้ไปใกล้ชิดมากนัก แต่ก็ไม่ไปทำร้ายซึ่งกันและกัน


(4) ผู้ศรัทธาต่างได้รับบททดสอบจากพระเจ้าที่แตกต่างกันไป คนที่มีความหลากหลายทางเพศก็อาจจะเป็นบททดสอบหนึ่งจากพระเจ้าเช่นกัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องระหว่างผู้ศรัทธากับพระเจ้า คนอื่นก็มีบททดสอบของตัวเอง ไม่สามารถมีใครเข้าไปจัดการกับบททดสอบของผู้อื่นได้


“ประเด็นสำคัญคือเราไม่ไปทลายกรอบเก่าแล้วสร้างกรอบใหม่ แต่เราทลายเพื่อสร้างมาตรฐานที่ตระหนักและยอมรับความเป็นคนเท่าๆ กัน ซึ่งจริงๆ ส่งผลกระทบถึงทุกคนหมด แม้แต่คนที่คิดว่าไม่ใช่ LGBT จริงๆ คือเขามองไม่เห็นว่า ชีวิตเขาก็ได้รับผลกระทบจากกรอบต่างๆ เช่นกัน มันเป็นสิทธิที่เกี่ยวกับมนุษย์ทุกคน และสิทธินั้นก็คุ้มครองคุณ ยกตัวอย่างแบบติดตลกนะคะ ถ้าวันหนึ่งคุณออกจากบ้านมาเจอสังคมที่ยอมรับเฉพาะคนรักเพศเดียวกัน แต่คุณรักต่างเพศ คุณต้องแอบซ่อนตัวเองไว้ ไปที่ไหนก็เจอแต่คนดูถูก การเป็นแฟนกับคนต่างเพศ คุณจะรู้ได้ยังไงว่าสังคม มันอาจจะไปถึงแบบนั้นในสักวันหนึ่ง สาระสำคัญที่อยากจะบอกคือ คุณไม่ต้องไปตัดสินสิ่งที่เขาเป็นดีกว่า มันเป็นสิทธิของทั้งชายรักชาย หญิงรักหญิง หญิงรักชาย ทุกคนได้รับสิทธิเท่ากัน เป็นเรื่องของการสร้างบรรทัดฐาน ทำสังคมให้เป็นสังคมที่เปิดกว้างและเคารพความเป็นมนุษย์”


“อยากให้สังคมยอมรับความเป็นมนุษย์ โดยไม่ต้องไปค้นหาว่าเขาเป็นเพศอะไร แล้วก็จัดลำดับสถานภาพของคนคนนั้นจากสิ่งที่เห็น ทั้งที่สิ่งเหล่านั้นไม่ควรเป็นอุปสรรคไม่ว่าจะในด้านไหนก็ตาม”


แหละในพื้นที่สาธารณะและพื้นที่ส่วนกลางมหาวิทยาลัยนักศึกษาทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพที่จะจัดกิจกรรมอย่างไรก็ได้ เพื่อแสดงออกซึ่งอัตลักษณ์และบรรลุเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ใดๆก็ตาม ที่ไม่ได้ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ใดๆ หรือส่งผลกระทบเสื่อมเสียต่อสังคม


การกระทำของชมรมมุสลิมถือเป็น Sexual harassment และ Destruction of freedom and do not respect the right person. ขอประนามไว้ ณ ที่นี้

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 22) นายกฯอังกฤษยันบรรลุข้อตกลง EU เกี่ยวกับเนื้อหาปฏิญญาความสัมพันธ์หลัง Brexit: นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า อังกฤษสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรป (EU) เกี่ยวกับเนื้อหาในร่างกรอบปฏิญญาว่าด้วยความสัมพันธ์ในอนาคตระหว่างสหราชอาณาจักรและ EU หลังจากที่สหราชอาณาจักรแยกตัวจาก EU (Brexit) อย่างเป็นทางการในวันที่ 29 มี.ค.ปีหน้า


นางเมย์ยังกล่าวว่า อังกฤษจะบรรลุข้อตกลง Brexit ฉบับสมบูรณ์กับ EU ในไม่ช้า

ทางด้านนายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป ซึ่งเป็นองค์กรที่เป็นตัวแทนของผู้นำ 27 ชาติของ EU ระบุว่า EU ให้ความเห็นชอบในหลักการต่อร่างกรอบปฏิญญาว่าด้วยความสัมพันธ์ในอนาคตระหว่างสหราชอาณาจักรและ EU หลัง Brexit


ขณะเดียวกัน ในวันนี้ สื่อได้มีการเผยแพร่ร่างกรอบปฏิญญาดังกล่าว ซึ่งหากตัวแทนทั้ง 27 ชาติของ EU ให้ความเห็นชอบในวันนี้ บรรดาผู้นำของ EU ก็จะลงนามในปฏิญญาดังกล่าวในการประชุมสุดยอดในวันอาทิตย์นี้


Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ


************************

ปอนด์พุ่ง หลังมีข่าว EU เห็นชอบร่างกรอบปฏิญญาความสัมพันธ์อังกฤษ-EU หลัง Brexit:


ปอนด์พุ่งขึ้นเทียบดอลลาร์และยูโร หลังมีข่าวว่า สหภาพยุโรป (EU) ให้ความเห็นชอบในหลักการต่อร่างกรอบปฏิญญาว่าด้วยความสัมพันธ์ในอนาคตระหว่างสหราชอาณาจักรและ EU


ณ เวลา 18.21 น.ตามเวลาไทย ปอนด์แข็งค่า 0.89% สู่ระดับ 1.2889 ดอลลาร์ และปรับตัวขึ้น 0.61% สู่ระดับ 0.8853 เทียบยูโร

นายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป ซึ่งเป็นองค์กรที่เป็นตัวแทนของผู้นำ 27 ชาติของ EU ระบุว่า EU ให้ความเห็นชอบในหลักการต่อร่างกรอบปฏิญญาว่าด้วยความสัมพันธ์ในอนาคตระหว่างสหราชอาณาจักรและ EU หลังจากที่สหราชอาณาจักรแยกตัวจาก EU (Brexit) อย่างเป็นทางการในวันที่ 29 มี.ค.ปีหน้า


ขณะเดียวกัน ในวันนี้ สื่อได้มีการเผยแพร่ร่างกรอบปฏิญญาดังกล่าว ซึ่งหากตัวแทนทั้ง 27 ชาติของ EU ให้ความเห็นชอบในวันนี้ บรรดาผู้นำของ EU ก็จะลงนามในปฏิญญาดังกล่าวในการประชุมสุดยอดในวันอาทิตย์นี้


source -อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ


https://www.cnbc.com/2018/11/22/ste...falls-as-text-leaked-on-ukeu-future-ties.html

 

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ฝ่ายใน ชั้นตติยจุลจอมเกล้าและจตุตถจุลจอมเกล้า จาก หม่อมราชวงศ์ภวรี สุชีวะ หลังมีพฤติการณ์การใช้พื้นที่โครงการหลวง สถานีเกษตรหลวงอ่างขางและพื้นที่อื่นในการประกอบธุรกิจเพื่อแสวงผลประโยชน์แก่ตนเองและครอบครัว ซึ่งขัดต่อวัตถุประสงค์ของมูลนิธิโครงการหลวง

 

อุปสรรค หรือไม่เป็นอุปสรรคไม่เกี่ยวหรอกครับ เจ้าหนี้ต่างประเทศขึ้นดอกแล้ว เงินก็ไปกู้เขามา จะไม่ขึ้นดอกได้หรือ

 

สิทธิมนุษยชนและชีวิตของมนุษย์..... เป็นแค่เครื่องมือหาเงิน แต่ถ้าสิทธิมนุษยชนและชีวิตของมนุษย์ ขัดขวางการหาเงินจะไปสนใจทำไม เอาเงินดีกว่า


หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ของเยอรมันอ้างอิงถึงคำพูดของทรัมป์ที่กล่าวว่า แม้ว่าจะมีการฆาตกรรม นายญะมาล คาช็อกกี แต่สหรัฐอเมริกาก็ยังคงเป็นพันธมิตรที่มั่นคงสำหรับซาอุดิอาระเบีย พร้อมกับเขียนว่า : การค้าและเงินดอลลาร์สำหรัทรัมป์มีความสำคัญมากกว่าสิทธิมนุษยชนและชีวิตของมนุษย์.....

 

ต่อให้โอบามา หรือฮิลลารี่ เป็นประธานาธิบดีเป็นประธานาธิบดี ก็ปฏิบัติต่อซาอุดีอาระเบีย แบบทรัมป์ เช่นกัน

สิทธิมนุษยชนและชีวิตของมนุษย์..... เป็นแค่เครื่องมือหาเงิน แต่ถ้าสิทธิมนุษยชนและชีวิตของมนุษย์ ขัดขวางการหาเงินจะไปสนใจทำไม เอาเงินดีกว่า

We came we saw he died

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนคดีสิทธิมนุษยชนของซาอุดีอาระเบียและกล่าวว่า ประเทศของเขาจำเป็นต้องอาศัยซาอุดิอาระเบียในการจัดการกับอิหร่าน….

 

จะไม่ดังก็แปลกพอฆ่ตกรจะฆ่าคน ก็ร้องอัลลอฮ อักบัร (แปลว่าอัลลอฮ (พระเจ้า) ยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นคำกลางๆจึงใช้ได้กับทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะพวกคลั่งศาสนาจะเอามาใช้บ่อยมากเพราะหลงเชื่อแบบฝังหัวว่าทำเพื่อพระเจ้า พระเจ้าอยู่เคียงข้างคอยสนับสนุน)


วันนี้ศาสนาอิสลามเป็นที่รู้จักกันทั่วทุกมุมของโลก และมนุษยชาติทั้งมวล ทุกเชื้อชาติและทุกภาษาต่างรู้จักศาสนาแห่งพระผู้เป็นเจ้านี้เป็นอย่างดี ด้วยชื่อนามอันจำเริญของท่านศาสดามุฮัมมัด มุศฏอฟา (ซ็อลฯ) และไม่เป็นที่ปกปิดสำหรับใครอีกต่อไป การดำรงอยู่ของท่านศาสดาผู้บริสุทธิ์ท่านนี้ เป็นบ่อเกิดของแสงสว่าง (นูร) และความเมตตา (เราะห์มัต) แห่งพระผู้เป็นเจ้า ดังเช่นที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงตรัสในเรื่องนี้ไว้ในคัมภีร์อัลกุรอานว่า "และเราไม่ได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใด นอกจากเพื่อความเมตตาแก่สากลโลก"….

 

หนูตับอักเสบ: โรคก่อนหน้านี้พบเฉพาะในหนู กำลังระบาดไปกับมนุษย์และหมอไม่รู้ว่าทำไม


http://strangesounds.org/2018/11/ra...ding-to-humans-and-doctors-dont-know-why.html

 

The Great Shift


6 อีกครั้งในแอตแลนติกใต้.. จงตื่นตัว!

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 23) ราคาน้ำมัน WTI ทรุดหนักกว่า 5% หลุด 52 ดอลลาร์ กังวลน้ำมันท่วมตลาด: สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ทรุดตัวลงกว่า 5% หลุดระดับ 52 ดอลลาร์ในวันนี้ โดยมีแนวโน้มทำสถิติร่วงลงมากที่สุดในรอบ 1 เดือนนับตั้งแต่ปลายปี 2557 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด


นักลงทุนจับตากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งอาจปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียในเดือนหน้า


นายซูฮาอิล บิน โมฮัมเหม็ด ฟาราจ ฟาริส อัล มาสโรอี ประธานโอเปก และนายโมฮัมเหม็ด บาร์คินโด เลขาธิการโอเปก กล่าวว่า สมาชิกโอเปกบรรลุฉันทามติที่จะสนับสนุนให้มีการปรับลดการผลิตน้ำมันในการประชุมวันที่ 6 ธ.ค. เพื่อสร้างความสมดุลต่อตลาดน้ำมัน


แหล่งข่าวระบุว่า โอเปกและประเทศพันธมิตรกำลังหารือกันในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันมากถึง 1.4 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า ซึ่งเป็นการปรับลดมากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อสกัดการทรุดตัวของราคาน้ำมัน


ณ เวลา 20.22 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ดิ่งลง 2.88 ดอลลาร์ หรือ 5.27% สู่ระดับ 51.75 ดอลลาร์/บาร์เรล


ราคาน้ำมันดิ่งลงราว 20% ในเดือนนี้ โดยเป็นการปรับตัวลง 7 สัปดาห์ติดต่อกัน


สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 4.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 446.91 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว


นอกจากนี้ EIA ยังระบุว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐยังคงอยู่ที่ระดับ 11.7 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ทางด้านสำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกจะอยู่ในระดับสูงกว่าอุปสงค์ในปีหน้า ขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันเพิ่มกำลังการผลิต แต่การบริโภคน้ำมันถูกจำกัดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก


ทั้งนี้ IEA ออกรายงานภาวะตลาดน้ำมันโลกประจำเดือนพ.ย. โดย IEA ยังคงตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันโลกในปีนี้และปีหน้าที่ระดับ 1.3 ล้านบาร์เรล/วัน และ 1.4 ล้านบาร์เรล/วันตามลำดับ ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนที่แล้ว แต่ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในประเทศนอกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD)


IEA คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันจะมีการขยายตัว 2 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า


นอกจากนี้ IEA ยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขการผลิตน้ำมันจากประเทศนอกกลุ่มโอเปกสู่ระดับ 2.4 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ และ 1.9 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า เทียบกับตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.2 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ และ 1.8 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า


ทั้งนี้ การผลิตน้ำมันของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นอีก 2.1 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ และ 1.3 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า โดยขณะนี้สหรัฐผลิตน้ำมันได้มากกว่า 11 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์


IEA ยังได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันของโอเปกลง 300,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 31.3 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า

ขณะเดียวกัน IEA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันของกลุ่มประเทศ OECD เพิ่มขึ้น 12.1 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนก.ย. สู่ระดับ 2.875 พันล้านบาร์เรล และเพิ่มขึ้น 58.1 ล้านบาร์เรลในไตรมาส 3 หรือในอัตรา 630,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2558


ทางด้านโอเปกได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกในปีหน้า ขณะที่ระบุว่าจะขยายตัวเพียง 1.29 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลง 70,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนที่แล้ว และเป็นการปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน


นอกจากนี้ โอเปกคาดการณ์ว่าผลผลิตน้ำมันจากกลุ่มประเทศนอกโอเปกจะเพิ่มขึ้น 2.23 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า โดยเพิ่มขึ้น 120,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ล่าสุด


บริษัทบริติช ปิโตรเลียม (BP) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของสหราชอาณาจักร ออกแถลงการณ์ระบุว่า บริษัทสามารถเริ่มผลิตน้ำมันจากโครงการแคลร์ริดจ์ในทะเลเหนือ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันที่ต้องใช้เงินลงทุนมากที่สุดในรอบ 20 ปี


ทั้งนี้ BP ระบุว่า โครงการแคลร์ริดจ์ถือเป็นโครงการน้ำมันใหญ่ที่สุดในทะเลเหนือในรอบ 20 ปี โดยใช้เงินลงทุนมากกว่า 4,500 ล้านปอนด์ (5.77 พันล้านดอลลาร์) และมีการว่าจ้างพนักงาน 6,000 ราย รวมทั้งมีการก่อสร้างแท่นขุดเจาะน้ำมันลอยน้ำที่สามารถรองรับคนงานมากถึง 500 คน


BP ค้นพบแหล่งน้ำมันดังกล่าวตั้งแต่ปี 2520 โดยคาดว่ามีน้ำมันมากถึง 7 พันล้านบาร์เรล แต่ชั้นหินที่ซับซ้อนได้เป็นอุปสรรคต่อการขุดเจาะน้ำมันในช่วงแรก


BP คาดว่าจะสามารถผลิตน้ำมันจากแหล่งดังกล่าวสูงสุด 120,000 บาร์เรล/วัน โดยโครงการแคลร์ริดจ์คาดว่าจะมีอายุ 40 ปี


ส่วนในการพัฒนาขั้นที่ 2 นั้น BP จะมีการร่วมลงทุนกับเชลล์, เชฟรอน และโคโนโคฟิลิปส์ โดย BP จะถือหุ้น 45.1% ส่วนบริษัทที่เหลือจะถือหุ้น 28%, 19.4% และ 7.5% ตามลำดับ


Suorce: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ


ความคืบหน้าล่าสุด

- Oil plunges 7% to new 2018 low: https://www.cnbc.com/2018/11/23/oil...evel-of-2018-even-as-opec-considers-cuts.html

 

อ่านข้อมูลทุกอย่างที่โลกภายนอกรู้เกี่ยวกับ "ชาวเซนติเนล" ชนพื้นเมืองบนเกาะที่ไม่ติดต่อใครนับหมื่นปี ขับไล่คนแปลกหน้าด้วยลูกธนูอาบยาพิษ-มีด


#ประวัติศาสตร์ #วัฒนธรรม #เซนติเนล #ศิลปวัฒนธรรม #SilpaMag

 

Big waterspout ใกล้ดีเซ ฝรั่งเศสวันนี้วันที่ 23 พฤศจิกายน! รูปภาพ: Tristan Bergen-Photographies

 

วันที่ 23.11.2018

ประเทศ.. ซาอุดีอาระเบีย

น้ำท่วมรุนแรงเนื่องจากฝนตกอย่างรุนแรง

อยู่ประเทศได๋น้อ

 

เพราะคลิปหลุดแท้ๆ ทำให้เขาถูกจับได้ในที่สุด!!


#เหมียวจิวยี่


#catdumb

 

ยางพาราไทยส่อวูบยาว สหรัฐ-อียูทุบตลาดจีน #ฐานเศรษฐกิจ

 

The MATTER


UPDATE: รัฐบาลสหรัฐฯ ชวนประเทศพันธมิตรเลิกใช้ ‘Huawei’ เหตุกังวลความมั่นคงทางไซเบอร์

.

รัฐบาลสหรัฐอเมริกาพยายามชักจูงให้กลุ่มประเทศพันธมิตร เช่น เยอรมนี อิตาลีและญี่ปุ่น เลิกใช้อุปกรณ์ด้านการสื่อสารจากค่ายหัวเว่ย ผู้พัฒนาอุปกรณ์ด้านการสื่อสาร และค่ายผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากประเทศจีน เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัยทางโลกไซเบอร์

.

Wall Street Journal รายงานว่ารัฐบาลสหรัฐอเมริกา และเจ้าหน้าที่รัฐบาลได้ติดต่อกับประเทศพันธมิตรเพื่อแนะนำให้ยุติการใช้อุปกรณ์ด้านการสื่อสารจากหัวเว่ย เพราะมองว่าอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยในโลกไซเบอร์ เช่นเดียวกันกับผู้นำหน่วยข่าวกรองในประเทศที่กังวลว่าหัวเว่ย และบริษัทจากจีนรายอื่นๆ ซึ่งเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับรัฐบาลจีนหรือพรรคคอมมิวนิสต์ จะเป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงของการถูกโจรกรรมข้อมูล

.

ก่อนหน้านี้สหรัฐอเมริกามีความพยายามจะแทรกแซงการขยายตลาดของหัวเว่ยมาโดยตลอด รวมถึงการห้ามไม่ให้ค่ายผู้พัฒนาเทคโนโลยีด้านการสื่อสารจากจีนรายนี้นำสมาร์ทโฟนเข้ามาขายในประเทศ โดยให้เหตุผลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้เป็นหลัก ขณะที่ความขัดแย้งประเด็นสงครามการค้าระหว่าง 2 ประเทศก็เป็นอีกหนึ่งเชื้อเพลิงที่โหมความบาดหมางระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ และค่ายผู้พัฒนาอุปกรณ์เทคโนโลยีจากจีนให้คุกรุ่นกว่าเดิม

.

ต่อประเด็นนี้ Reuters ได้ติดต่อไปยังหัวเว่ยเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม แต่ยังไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด โดยในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา (ก.ค.-ก.ย.) Counterpoint Research รายงานว่าหัวเว่ยเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับ 2 ของโลกในเชิงยอดขาย มีจำนวนการจัดส่งสมาร์ทโฟนมากกว่า 52 ล้านเครื่อง และมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 14% เป็นรองเพียง Samsung ที่ 19% เท่านั้น

.

อ้างอิง:

- https://www.reuters.com/article/us-...-to-avoid-huaweis-equipment-wsj-idUSKCN1NR2E6

- https://www.businessinsider.com/us-...2018-11?utm_source=feedly&utm_medium=referral

- https://www.wsj.com/articles/washington-asks-allies-to-drop-huawei-1542924205

- https://www.counterpointresearch.com/global-smartphone-share/

.

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/

#Huawei #News #TheStandardCo #TheStandardTH #StandUpForThePeople

 

ข่าวฮ่องกง


(จีน) รถไฟจีนเตือนผู้โดยสาร อย่าให้เงินขอทานที่เป็นคนชรา


สถานีรถไฟจีน Hangzhou East ได้ออกประกาศเตือนผู้โดยสาร ว่าอย่าให้เงินขอทานที่เป็นคนชรา ซึ่งอ้างว่าตนเองมาจาครอบครัวที่ร่ำรวยและอยู่อาศัยในบ้าน 5 ชั้น อย่าไปหลงเชื่อเรื่องที่เธอสร้างขึ้น


ลูกชายของเธอ (ขอทาน) ได้เผยกับสื่อ Qianjiang Evening News ว่าขอทานคนนี้เป็นแม่ของเขาที่มีอายุ 79 ปี และเธอมีบัญชีเงินฝากอยู่หลายธนาคารใกล้บ้านในหางโจว เขาบอกว่าครอบครัวเขาเป็นเจ้าของโรงงาน และมีบ้าน 5 ชั้นที่อาศัยอยู่ด้วยกัน โดยมีรายได้จากการปล่อยเช่าบ้านชั้นล่างด้วยปีละ 50,000 หยวน แต่แม่ของเขาก็ปฏิเสธที่จะหยุดขอทาน แม่ของเขาบอกว่าต้องการเก็บเงินเพื่อที่จ้างคนมาดูแลเมื่อชรา


นอกจากนี้ยังมีคลิปที่โพสลงบน Weibo ที่หญิงชราคนนี้ พูดในคลิปกับคนที่กำลังถ่ายวิดิโอเธอว่า “ฉันก็แค่อยากจะขายแผนที่ในสถานี แต่พวกเขาไม่อนุญาต ฉันก็แค่อยากได้เงินนิดหน่อย”


จากข้อมูลพบว่าขอทานในบริเวณสถานีรถไฟจีน สามารถหาเงินได้มากถึง 60 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 1,800 บาท) ต่อวัน


Source :


#ข่าวฮ่องกง #khaohongkong