ติดตามสถานะการณ์

Clima Extremo 24


อาร์เจนตินา



พายุรุนแรงที่มีลมแรงและฝนตก Lucio V. Mansilla Cordoba, อาร์เจนตินาในวันนี้ในวันที่ 22 พฤศจิกายน

 

Clima Extremo 24


ประเทศไทย



น้ำท่วมรุนแรงในบางภูมิภาคของประเทศไทย

 

Clima Extremo 24


อินโดนีเซีย



พายุทอร์นาโดที่ทำลายล้างผ่านทาง Pemalang ประเทศอินโดนีเซียในวันนี้ในวันที่ 22 พฤศจิกายน

 

Clima Extremo 24


อินเดีย



เด็กหญิงอายุ 1 ปีไม่เป็นอันตรายหลังจากที่เธอตกลง ระหว่างแท่นและแทร็กรถไฟที่ผ่านไปที่สถานี Mathura ในรัฐอุตตรประเทศ อินเดีย ในวันนี้ในวันที่ 22 พฤศจิกายน

 

The Public Post


ฮามาสเปิดเผยภาพ “คอมมานโดอิสราเอล” ที่เกี่ยวข้องในการโจมตีกาซา ทำกองทัพยิวหวั่น สั่งประชาชน-สื่อ งดส่งต่อ งดเผยแพร่

https://www.publicpostonline.net/19624

 

The Public Post


เนทันยาฮูชี้ “การต่อต้านไซออนิสต์” เท่ากับ “การต่อต้านยิว” รูปแบบใหม่

https://www.publicpostonline.net/19619

 

The Public Post


ด่วน! มือระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีสถานกงสุลจีนในการาจี ปากีสถาน ตำรวจดับ 2 (วิดีโอ)

https://www.publicpostonline.net/19612

 

The Public Post


อิสราเอลขู่ฆ่า “ยะยาห์ ซินวาร์” ผู้นำฮามาสในฉนวนกาซา

https://www.publicpostonline.net/19609

 

เก็บตกตะวันออกกลาง


ศึกสายเลือด... รอวันล่มสลาย สมาชิกราชวงศ์ซาอุดิอาระเบียนับสิบพระองค์ หาทางไม่ให้มกุฎราชกุมารได้ขึ้นครองราชย์


สำนักข่าวรอยเตอร์เผย สมาชิกราชวงศ์ซาอุฯ หาทางไม่ให้มกุฎราชกุมารได้ขึ้นครองราชย์


ในวันอังคารที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวใกล้ชิดกับราชวงศ์ซาอุฯว่า สมาชิกราชวงศ์ซาอุดิอาระเบียบางพระองค์กำลังหาทางไม่ให้มกุฎราชกุมารโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน ขึ้นครองราชย์ได้สำเร็จเนื่องจากพระองค์ถูกประณามอย่างรุนแรงจากกรณีการฆ่านักข่าวจามาล คาชอกกี


สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า “เจ้าชายและพระญาติวงศ์ในราชวงศ์ซาอุฯทรงอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงเรื่องการครองราชย์สมบัติ แต่พวกเขาจะไม่ทำอะไรตราบใดที่กษัตริย์ซัลมาน พระราชบิดาวัย 82 ปีของมกุฎราชกุมารโมฮัมหมัดยังมีพระชนม์ชีพอยู่”


แหล่งข่าวหนึ่งอ้างว่ามีการสนับสนุนเจ้าชายอาเหม็ด อิน อับดุลลาซิส พระอนุชาของมกุฎราชกุมารโมฮัมหมัดให้ขึ้นมาเป็นรัชทายาท สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า “เจ้าชายอาเหม็ด ซึ่งเป็นพระอนุชาพระองค์เดียวที่เหลืออยู่ จะได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกราชวงศ์ หน่วยงานรักษาความปลอดภัย และชาติตะวันตกบางประเทศ”


แหล่งข่าวซาอุฯระบุว่า รัฐบาลสหรัฐไม่เพียงแต่จะวิตกกังวลเรื่องข้อกล่าวหาของมกุฎราชกุมารที่เกี่ยวกับการตายของจามาลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความวิตกกังวลเรื่องความตั้งใจของพระองค์ในการ "หาซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากประเทศรัสเซีย” ด้วยเช่นกัน


#เก็บตกตะวันออกกลาง!

#ซาอุดิอาราเบีย

#ราชวงศ์ซาอุฯ

 

ทำแบบนี้แล้วจะมาบอกว่าทำเพื่อเอกราช เป็นโจรฆาตกรแบ่งแยกดินแดนต่อไปเถอะ


เกรียน BRN


#ขอประนาม!! การกระทำที่อุกอาจ กลางพื้นที่สาธารณะ ทามกลางกระแสเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงเสียที


เกิดเหตุอุกอาจยิง อส.ชุดคุ้มครองตำบล เสียชีวิต 2 นาย กลางตลาดนัดใน อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ตำรวจเชื่อว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ โดยเหตุรุนแรงอุกอาจกลางพื้นที่สาธารณะเช่นนี้ เกิดขึ้นมาแล้วถึง 3 ครั้งในห้วงเวลาไม่ถึง 3 เดือน ท่ามกลางกระแสเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงเสียที


เหตุร้ายเกิดขึ้นเมื่อเย็นวันพฤหัสบดีที่ 22 พ.ย.61 ตำรวจ สภ.กะพ้อ จ.ปัตตานี รับแจ้งมีเหตุยิงกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 นาย ภายในตลาดนัดบ้านตะโละดือรามัน หมู่ 4 ต.ตะโละดือรามัน อ.กะพ้อ จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ


ทั้งนี้ จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณแผงขายของในตลาดนัด เจ้าหน้าที่พบกองเลือดขนาดใหญ่ 2 จุด ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ มีพลเมืองดีช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลกะพ้อแล้ว ทราบชื่อ ชื่อ อาสารักษาดินแดน (อส.) สุพจน์ ผลผลา 25 ปี และ อส.อัสรี จูแร อายุ 28 ปี ทั้งสองถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกขนาด 9 มม.เข้าที่ศีรษะคนละนัด อาการสาหัส แพทย์พยายามช่วยยื้อชีวิตอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่สำเร็จ ผู้บาดเจ็บเสียเลือดมาก สิ้นใจที่โรงพยาบาล


ส่วนในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืน 2 ปลอก เป็นกระสุนขนาด 9 มม.จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน


สอบสวนพยานผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า อส.ทั้ง 2 นายประจำอยู่ที่ฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) ตะโละดือรามัน ก่อนเกิดเหตุได้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในตลาดนัด เพื่อให้ประชาชนจับจ่ายซื้อของอย่างปลอดภัย แต่แล้วจู่ๆ ก็มีคนร้าย 2 คนเดิมปะปนกับชาวบ้านที่กำลังเลือกซื้อของ เมื่อสบโอกาสก็ชักปืนยิงที่ศีรษะคนละ 1 นัดจน อส.ทั้ง 2 นายล้มกองกับพื้นจมกองเลือด หลังก่อเหตุคนร้ายไม่ได้หลบหนีทันที แต่ยังได้ขโมยอาวุธปืนประจำกายของ อส.ทั้งสองนายไปด้วย ก่อนจะเดินจากไป โดยช่วงที่เสียงปืนดัง ชาวบ้านรวมทั้งพ่อค้าแม่ค้าในตลาดพากันตกใจ วิ่งหลบหนีกันไปคนละทาง เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ


เหตุรุนแรงประเภทสังหารกันกลางตลาด ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะ เกิดขึ้นมาแล้วอย่างน้อย 3 ครั้งในห้วงเวลาไม่ถึง 3 เดือน โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันศุกร์ที่ 2 พ.ย.61 ตุคนร้ายลอบยิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4203 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 42 ทำให้กำลังพลเสียชีวิต 1 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 นาย ในตลาดนัดบ้านตันหยงดาลอ หมู่ 2 ต.มะนังยง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างอุกอาจต่อหน้าต่อตาประชาชนจำนวนมาก ทำให้ชาวบ้านบางคนตกใจจนสลบ


นอกจากนั้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 ส.ค.61 คนร้ายใช้อาวุธปืนจ่อยิง นายอายิ มูด อายุ 55 ปี อส.ปัตตานี เสียชีวิตคาร้านกิฟท์ช็อปในตลาดนัดชุมชนบ้านกรือเซะ อ.เมืองปัตตานี เหตุเกิดขณะช่วยครอบครัวขายของเป็นอาชีพเสริม ทั้งยังมีผู้หญิงโดนลูกหลงได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน


ตลาดนัดในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นวิถีชีวิตของพี่น้องทั้งไทยพุทธและมุสลิมในพื้นที่ มีการเปิดตลาดแทบทุกอำเภอ และมักมีประชาชนไปจับจ่ายซื้อของเป็นจำนวนมาก รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง มีทั้งที่ไปซื้ออาหาร และไปปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัย จนต้องตกเป็นเหยื่อคนร้าย ถูกยิงถูกลอบวางระเบิดจนเสียชีวิตมาแล้วหลายครั้ง ที่ผ่านมาภาคประชาสังคมในพื้นที่ได้พยายามรณรงค์เรียกร้องให้ตลาด วัด มัสยิด และโรงเรียน เป็น "พื้นที่สาธารณปลอดภัย" ไม่ควรมีเหตุใช้อาวุธเกิดขึ้น แต่ผู้ก่อความไม่สงบก็ไม่นำพา ยังคงฉวยโอกาสจากสภาพความจอแจของตลาด ปลิดชีพเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนผู้บริสุทธิ์มาตลอด

 

MOREMOVE


#มอร์มูฟเป็นข่าว เอายังไงล่ะทีนี้!!! ฤๅนี่จะเป็นสัญญาณเตือนวิกฤติตลาดไทย #ผักจีนทะลักเข้าผ่านชายแดนเชียงรายไม่หยุด คาดสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการส่งออกผลไม้ไทยไปยังจีนตอนใต้มากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการขนส่งขนพืชผักหรือผลไม้จากจีนลงมาด้วย #แนวโน้มจะมากขึ้นกว่านี้ หากตลาดล้านเมือง สี่แยกแม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย แล้วเสร็จ เพราะจะเป็นตลาดกระจายสินค้าทางการเกษตร-อาหารทะเลขนาดใหญ่ เชื่อมโยงกับตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะจีนด้วย


#สถิติการนำเข้าผักสดจากจีนเพิ่มขึ้นในทุกปี

▪️ปี 2560 มีการนำเข้าผักสดน้ำหนัก 16,494.39 ตัน มูลค่า 317.18 ล้านบาท

▪️ปี 2561 (นับถึงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา) เพียงครึ่งปีแต่มีการนำเข้าผักสดน้ำหนักรวม 15,162.9 ตัน มูลค่า 201,685.69 ล้านบาท ส่วนผลไม้สดมีการนำเข้าน้ำหนัก 3,552.85 ตัน มูลค่า 92.22 ล้านบาท


Source : smartsme - https://bit.ly/2PO3M2f


โดยเรื่องนี้ น.ส.ผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย ฝ่ายการค้าชายแดน ระบุเพิ่มเติมว่า แนวโน้มการนำเข้าพืชผักหรือสินค้าสดจากจีนผ่านชายแดนเชียงรายเข้าไทยคงจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่จะทำให้พืชผักและผลไม้จากจีนนำเข้าสู่ประเทศไทยมากขึ้นคือ #การขนส่งทางเรือแม่น้ำโขง เพราะจีนกำหนดให้ท่าเรือ 'กวนเหล่ย' เป็นช่องทางนำเข้า-ส่งออกพืชผักผลไม้และสินค้าแช่แข็งของจีนตอนใต้ผ่านตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งล่าสุด #คณะรัฐมนตรีก็มีมติให้เพิ่มระบบอำนวยความสะดวกด้านนี้แล้ว ดังนั้น ถ้าเรือน้ำโขงสามารถขนส่งสินค้าไปจีนตอนใต้ได้มาก ก็จะขนพืชผักและผลไม้จีนลงมามากขึ้นเช่นกัน เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว


อย่างไรก็ตาม การนำเข้าพืชผักจากจีนในระยะที่ผ่านมาส่วนใหญ่ยังเป็นการขนส่งโดยรถบรรทุกห้องเย็นผ่านเส้นทาง R3a จีน-ลาว-อ.เชียงของ จ.เชียงราย.

 

MOREMOVE


#มอร์มูฟเป็นข่าว รวยกระจุกจนกระจายยยย!!!?? #ส่องรายได้เฉลี่ยครัวเรือนไทย อ้างอิงจากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ประจำปี 2560 ซึ่งจังหวัดที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนครัวเรือนสูงที่สุด 5 อันดับแรกได้แก่


▪️กรุงเทพมหานคร - 45,707 บาทต่อครัวเรือน

▪️ปทุมธานี - 41,484 บาทต่อครัวเรือน

▪️นนทบุรี - 40,861 บาทต่อครัวเรือน

▪️ภูเก็ต - 39,594 บาทต่อครัวเรือน

▪️สุราษฎร์ธานี - 38,026 บาทต่อครัวเรือน


อนึ่ง กลุ่มจังหวัดที่มีรายได้น้อยที่สุด (น้อยกว่า 15,000 บาทต่อครัวเรือนคือ เชียงราย พะเยา และกาฬสินธุ์ #ประชากรแต่ละจังหวัดล้วนมีรายได้ที่ต่างกันขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมและเศรษฐกิจ ที่เป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดรายได้ให้กับภายในจังหวัด


Source : smartsme - https://bit.ly/2S5D1Ty


โดยจากผลสำรวจพบว่า ครัวเรือนทั่วประเทศมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 26,946 บาท โดยส่วนใหญ่เป็นรายได้ที่มาจากการทำงานร้อยละ 71.9 แบ่งเป็น


▪️ค่าจ้างและเงินเดือน ร้อยละ 45.1

▪️กำไรสุทธิจากการธุรกิจร้อยละ 18.1

▪️กำไรสุทธิจากการทำการเกษตรร้อยละ 8.7


อย่างไรก็ดี ยังมีรายได้ที่ไม่ได้มาจากการทำงาน เช่น เงินที่ได้รับความช่วยเหลือจากบุคคลอื่นนอกครัวเรือน/รัฐ ร้อยละ 11.6, รายได้จากทรัพย์สิน เช่น ดอกเบี้ยร้อยละ 1.4 นอกจากนี้ ยังมีรายได้ที่ไม่ได้เป็นตัวเงินในรูปสวัสดิการ/สินค้า และบริการต่างๆ ที่ได้รับมาโดยไม่ต้องซื้อร้อยละ 13.8 อีกด้วย.

 

MOREMOVE


#มอร์มูฟเป็นข่าว สัญญาณมันมาแล้ว!!! #สถานการณ์ค้าปลีกล่มสลาย โดยล่าสุด ชาว IKEA เตรียมตกงานในอีก 2 ปีข้างหน้า ปรับลดพนักงานกว่า 7,500 ตำแหน่ง!! #เพราะมองเป็นส่วนไร้ประโยชน์


โดยจำนวน 7,500 ตำแหน่งที่กำลังจะถูกปรับออก คิดเป็น 5% ของพนักงานปัจจุบัน #ตำแหน่งหลักๆที่ต้องถูกปรับออกไปคือเจ้าหน้าที่ธุรการ ที่เน้นทำงานสนับสนุนส่วนกลาง #ปัจจุบันไม่ได้จำเป็นมากขนาดนั้นแล้ว เพราะการมาถึงของ AI และระบบ Software ที่เข้ามาช่วยจัดการเรื่องดังกล่าวได้ดีและประหยัดต้นทุนได้มากกว่าเดิม


Source : brandinside - https://bit.ly/2r0gEni


อย่างไรก็ตาม IKEA ไม่ได้จะลดตำแหน่งงานอย่างเดียว แต่เตรียมจ้างงานเพิ่มกว่า 11,500 ตำแหน่ง #เพื่อเข้ามารับผิดชอบเกี่ยวกับการพัฒนาธุรกิจดิจิทัล #การเพิ่มยอดขายจากช่องทางออนไลน์ รวมถึง #การสร้างหน้าร้านรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้ เพื่อผ่านวิกฤติค้าปลีกล่มสลายไปให้ได้


#การปรับลดก็คือการเอาตำแหน่งที่ไม่เป็นประโยชน์กับบริษัทออกไป ส่วนคนที่เข้ามาใหม่นั้นก็จะทดแทนเรื่องประสิทธิภาพในการทำตลาดยุคดิจิทัล เพราะบริษัทไม่ได้ต้องการเป็นค้าปลีกในรูปแบบเดิมที่มีสาขาทั่วโลก 367 แห่ง


อนึ่ง IKEA เพิ่งประกาศเตรียมสร้างหน้าร้านที่ใหญ่ที่สุดผ่านพื้นที่กว่า 65,000 ตร.ม. ในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์.

 

MOREMOVE


#มอร์มูฟเป็นข่าว เป็นประเด็นที่ฮอตแบบต่อเนื่อง!! หลัง #อาลีบาบากรุ๊ป ทุนใหญ่จากจีนจะขอซื้อที่ดิน 200 ไร่ในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) แทนการเช่าลงทุน โดยล่าสุด นักวิชาการออกโรงระบุชัด #ขอรัฐบาลทบทวนการเปิดให้กลุ่มทุนซื้อที่ดินลงทุนในเขตอีอีซี โดยเฉพาะ จ.ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา #ห่วงไทยได้ไม่คุ้มเสียกับเม็ดเงินลงทุน ระบุเพิ่ม การที่ต่างชาติขอซื้อที่ดินเพื่อลงทุนทำได้ก็จริง แต่ต้องพิจารณาความคุ้มค่าให้ดีเสียก่อน


#อาลีบาบามีแผนจะทำฮับด้านโลจิสติกผ่องถ่ายสินค้าจากจีนโดยใช้ไทยเป็นศูนย์กลาง มูลค่าการลงทุนนับหมื่นล้านบาท


Source : http://news.thaipbs.or.th/content/275843

Photo : www.scbeic.com


โดยเรื่องนี้ นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการอีอีซี ให้ข้อมูลว่า ข่าวที่ว่าอาลีบาบากรุ๊ปต้องการซื้อที่ดิน 200 ไร่เพื่อลงทุนนั้นเป็นความจริง โดยขณะนี้ได้ให้บีโอไอพิจารณาเงื่อนไข


"#กฎหมายอนุญาตให้บริษัทต่างชาติเข้ามาซื้อที่ดินเพื่อประกอบกิจการอยู่แล้ว แต่เงื่อนไขคือต้องขายเมื่อเลิกกิจการ ทั้ง พรบ.ส่งเสริมการลงทุน และ พรบ.การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ตราเอาไว้ชัดเจน ซึ่งกฎหมายทั้งสองฉบับนี้มีมานานกว่า 30 ปีแล้ว #โดยที่ผ่านมามีบริษัทต่างชาติที่ซื้อที่ดินในไทยเพื่อประกอบกิจการมากมาย เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์จากญี่ปุ่น #การให้บริษัทอาลีบาบาถือครองที่ดินในระยะเวลาที่มาลงทุนจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ถ้ามีกลุ่มลงทุนใหม่จากประเทศอื่นขอซื้อที่ดินก็ย่อมทำได้เช่นกัน" สำนักงานอีอีซี ออกหนังสือชี้แจง


ด้าน ผศ.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการและผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนานโยบายสาธารณะ สำนักนายกรัฐมนตรี แสดงความคิดเห็นว่า #รัฐไม่ควรมองเพียงมิติการลงทุนเท่านั้น เพราะผลที่ตามอาจจะกระทบด้านสังคมและอธิปไตยของประเทศ โดยเห็นว่าการให้เช่าที่ดินระยะยาวเป็นสิทธิประโยชน์ที่ได้รับเพียงพอแล้ว ซึ่งหากเปิดให้บริษัทใดบริษัทหนึ่ง อาจจะมีบริษัทต่างชาติอื่นๆ ตามมา


"#การเปิดทางให้ต่างชาติซื้อที่ดินได้จะยิ่งเพิ่มความเหลื่อมล้ำในการถือครองที่ดินมากขึ้น เนื่องจากที่ดินเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด ปัจจุบันกลุ่มคนร่ำรวยที่มีเพียง 10% ได้ถือครองที่ดินมาก 90%" ผศ.อนุสรณ์ กล่าว.

 

วงกลมในพาราไดซ์แคลิฟอเนีย ไม่มีทางเป็นไปได้ที่เกิดจากไฟไหม้ป่า

.

.

.

#california #fires #cull #killer #wakeupworld #wakeup #photoz #forestfire #firefighter #firestick

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 23) ผวาเศรษฐกิจขาลง คนจีนมุ่งรัดเข็มขัด : "ภาวะรัดเข็มขัด" มักเป็นภาวะที่เราอาจเคยได้ยินกันบ่อยในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี เช่น ช่วงที่เกิดปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มยุโรปใต้เมื่อหลายปีก่อน ที่ทำให้ต้องรัดเข็มขัดรายจ่ายกันทั้งรัฐบาลและประชาชน หลายประเทศเองก็เคยต้องผ่านช่วงข้าวยากหมากแพงเช่นนี้กันมาแล้ว ยกเว้น "จีน" ที่ดูจะล่ำซำอยู่ตัวมาตลอด



เพราะแม้ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงมา จีนก็ยังได้มาตรการกระตุ้นทั้งทางการคลังและการเงินจากรัฐเข้าพยุงอยู่เสมอ จนทำให้จีนรอดพ้นจากภาวะขาลงอย่างรุนแรง หรือ Hard Landing มาได้ ยิ่งปัจจุบันที่จีนกำลังอยู่ระหว่างพยายามปรับโมเดลเศรษฐกิจ โดยลดสัดส่วนการส่งออก หันมาบริโภคภายในมากขึ้น และโหมภาพลักษณ์ใหม่ของการเป็นผู้นำเข้าและเป็นแหล่งลงทุนของต่างชาติ ก็ยิ่งทำให้จีน "น่าจะเป็น" ความหวังในยุคสงครามการค้าในวันนี้ได้ไม่มากก็น้อย



ทว่าตัวเลขหลายด้านของจีนกลับไม่ได้ให้คำตอบเช่นนั้น และแม้ว่าสถานการณ์จะไม่ถึงกับเลวร้าย แต่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายก็เห็นพ้องตรงกันว่า คนจีนกำลังหันมารัดเข็มขัด ประหยัดรายจ่ายกันแล้ว



ตัวเลขค้าปลีกของจีนในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ขยายตัวได้ 8.6% แต่ก็ลดลงเมื่อเทียบเดือนก่อนหน้าที่โตไป 9.2% โดยนับเป็นอัตราการโตที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค.เป็นต้นมา และยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันเอาไว้ว่าไม่น่าจะหลุด 9-9.1%



และหากมองภาพรวมตลอด 10 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นว่าตัวเลขค้าปลีกโดยรวมโตลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 9.2% ขณะที่ค้าปลีกออนไลน์โตลดลง 1% มาอยู่ที่ 26.7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน



วอลสตรีทเจอร์นัล รายงานอ้าง ผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า หมิงป๋อ จื่อเอ้อ ในกรุงปักกิ่งว่า แม้รัฐบาลจะออกมาตรการต่างๆ มาช่วยพยุงแล้ว แต่กลับแทบไม่มีลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มมากนัก สิ่งที่ช่วยบริษัทก็คือสัญญาจัดซื้อจัดจ้างคอมพิวเตอร์และปรินเตอร์ของหน่วยงานรัฐมากกว่า



ภาพรวมเช่นนี้เองที่ทำให้เราไม่สามารถวัดชีพจรการบริโภคของจีนเฉพาะวันคนโสด 11 พ.ย. ที่ผ่านมาเพียงวันเดียวได้ เพราะแม้ยอดขายจะยังเติบโตและขึ้นไปทุบสถิติใหม่ได้ถึงหลักกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (มากกว่า 1 ล้านล้านบาท) แต่ก็เป็นเพราะกลยุทธ์การตลาดเป็นหลักที่ทำให้ผู้บริโภคอั้นไปซื้อของในวันนั้น ซึ่งแม้แต่อาลีบาบาเองก็ยังคาดการณ์ผลประกอบการทั้งปีไม่น่าจะออกมาดีนัก และได้ปรับลดคาดการณ์รายได้ทั้งปีลงเกือบ 6% อยู่ที่ระหว่าง 3.75-3.83 แสนล้านหยวน



เจียนกวงเซิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ เจดี ดิจิตส์ ซึ่งเป็นหน่วยวิเคราะห์ของอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่ เจดีดอทคอม ให้มุมมองกับซีเอ็นบีซี ว่า การบริโภคในจีนที่ลดลงนับเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุด เพราะทุกคนรับรู้ถึงความตึงเครียดเรื่องสงครามการค้าแล้ว และรับรู้เรื่องการลงทุนที่ลดลงแล้ว และคราวนี้ก็มาถึงผู้บริโภคที่มีความเชื่อมั่นลดลง และทำให้การบริโภคเริ่มชะลอตัวลงตาม ซึ่งในช่วง 1-2 เดือนนี้ การบริโภคในจีนน่าจะชะลอตัวลงต่อเนื่องอีก



การรัดเข็มขัดของคนจีนไม่ได้สะท้อนออกมาแค่ภาคค้าปลีก แต่ยังรวมถึงตัวเลขอีกหลายด้าน อาทิ ยอดขายรถยนต์ การท่องเที่ยว ไปจนถึงยอดการปล่อยกู้ใหม่ โดยข้อมูลจากบริษัทฐานข้อมูล วินด์ อินโฟ พบว่า



ยอดขายรถยนต์ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ลดลงไปมากกว่า 11.5% และทำให้ยอดรวมทั้งปีนี้ลงไปสู่ระดับ "ติดลบ" เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี



แดเนียล ซิปเซอร์ หุ้นส่วนอาวุโสของบริษัทที่ปรึกษาแม็คคินซีย์ มองว่า คนจีนยังมีเงินอยู่ แต่เพราะกังวลกับอนาคตว่าทิศทางน่าจะไม่ดีนัก จึงพากันรัดเข็มขัดไว้ก่อน ทั้งที่มีเงินและสามารถหาซื้อรถคันใหม่ได้ แต่ก็เลือกที่จะยังไม่ใช้เงินในตอนนี้



ล่าสุด สถาบันการวิจัยท่องเที่ยวต่างประเทศของจีน (COTRI) ได้เปิดเผยภาพรวมคนจีนที่ออกไปท่องเที่ยวในต่างประเทศช่วงไตรมาส 3 ออกมาว่า มีอัตราขยายตัว 10% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แม้จะยังโตได้อยู่ แต่หากเทียบ 2 ไตรมาสก่อนหน้าจะพบว่าเป็นอัตราเติบโตที่ "ลดลงต่อเนื่อง" จากไตรมาสแรกที่โต 17% และไตรมาส 2 ที่โต 16% หรืออาจกล่าวได้ว่าทิ้งห่างเมื่อเทียบไตรมาสก่อน



หากดูรายละเอียดจะพบว่าในการเที่ยวต่างประเทศนั้น เป็นพื้นที่ภายใน Greater China เช่น ฮ่องกง มาเก๊า (รวมถึงไต้หวัน) ไปถึงเกือบครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 20 ล้านคน จากนักท่องเที่ยวเอาต์บาวด์ทั้งหมด 43 ล้านคน โดยมีพื้นที่ที่ลดลงหลักๆ คือ ฮ่องกง ไทย ออสเตรเลีย สิงคโปร์ เยอรมนี สหรัฐ และสหราชอาณาจักรด้วย แม้จะยังไม่มีรายละเอียดเรื่องตัวเลขการใช้จ่ายออกมา แต่จำนวนที่ลดลงเช่นนี้คงทำให้ไม่สามารถคาดหวังได้มากนัก อย่างดีที่สุดก็คงได้ในระดับประคองตัวไม่ให้แย่ลง



ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าจีนเต็มไปด้วยข่าวลบมาตลอดหลายเดือน ทั้งสงครามการค้าและตลาดหุ้นย่ำแย่ สวนทางกับข่าวดีที่น้อยกว่า โดยในครั้งนี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนไม่ได้ออกมาหวือหวาเหมือนช่วง 10 ปีก่อน การกระตุ้นการคลังที่เห็นชัดที่สุดคือ การลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครั้งแรกในรอบ 7 ปี แต่ก็ไม่ได้สร้างความรู้สึกหวือหวาเหมือนการอัดเงิน กระตุ้นล็อตใหญ่ที่ผ่านมา



เพราะจีนเองต้องควบคุม "ระดับหนี้" ไปพร้อมกันด้วย ทั้งหนี้เอกชน รัฐบาลท้องถิ่น และหนี้ครัวเรือน และยังต้องประคองเศรษฐกิจที่ซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งในแง่ตลาดเงินและตลาดทุนด้วย อีกทั้งยังต้องจัดการปัญหาหลายเรื่องที่เข้ามาพร้อมกัน ทำให้การกระตุ้นต้องเป็นไปอย่างรอบคอบและระมัดระวัง และไม่ได้ให้ทุกอย่างแบบพร่ำเพรื่อ เช่น ไม่ได้ลดภาษีซื้อรถยนต์ เหมือนที่นักวิเคราะห์เคยเก็งกันเอาไว้ก่อนหน้านี้



เศรษฐกิจจีนอาจไม่ได้แย่ถึงขั้นน่าวิตก และคนจีนก็ยังมีเงินอยู่ เพียงแต่อาจเป็นช่วงที่ชาวจีนหันมารัดเข็มขัดเพื่อรอดูทิศทางลมในอนาคต จนไม่อาจเป็นฮีโร่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของเพื่อนบ้านได้เหมือนเดิมในเวลานี้


โดย นันทิยา วรเพชรายุทธ


Source: Posttoday


เพิ่มเติม

- Chinese consumers aren't spending as much. Many are worried about the future: https://www.cnbc.com/2018/11/22/chinese-consumers-arent-spending-as-much-because-theyre-worried.html

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Nov 24) สิงคโปร์ปรับ'จีดีพี'ปีหน้ารับศก.เอเชียลดร้อนแรง: กรณีพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐ และประเทศคู่ค้า ที่สร้างความเสี่ยงต่อการลงทุน การจ้างงาน และมาตรฐานการครองชีพเริ่มส่งผล ทำให้บางประเทศ หรือแม้แต่สถาบันเศรษฐกิจระดับโลกบางแห่ง ออกมาปรับลดตัวเลขคาดการณ์ จีดีพีในปีหน้า รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในเอเชียที่มีการคาดการณ์กันว่าจะลดความร้อนแรงลง นำโดยเศรษฐกิจจีน ที่เริ่มส่งสัญญาณให้เห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ติดตามได้จากรายงาน

กระแสคาดการณ์ว่าภาวะเศรษฐกิจเอเชียเริ่มชะลอความร้อนแรงลง ถูกตอกย้ำอีกครั้ง เมื่อกระทรวงการค้าและ อุตสาหกรรมของสิงคโปร์ (เอ็มทีไอ) เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส3 ขยายตัว 2.2 % เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งน้อยกว่าตัวเลขที่รัฐบาลคาดการณ์ ไว้ล่วงหน้าว่าเศรษฐกิจไตรมาสนี้จะ ขยายตัว 2.6%

เมื่อเมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส จีดีพีของ สิงคโปร์ในไตรมาสสามขยายตัว 3 % เพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาส 2 ส่วนในไตรมาส 4 คาดว่าเศรษฐกิจของสิงคโปร์จะขยายตัวที่ 4.2% เมื่อ เทียบเป็นรายไตรมาส และขยายตัว 2.4 % เมื่อเทียบเป็นรายปี

เอ็มทีไอ ระบุว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ของสิงคโปร์ มาจากภาคคการเงิน การประกันภัย ภาคการผลิต และธุรกิจบริการ และเอ็มทีไอ ยังปรับประมาณการการเติบโตของจีดีพีปี 2561 เป็น 3-3.5 % จากเดิมที่ 2.5-3.5 % พร้อมทั้งคาดการณ์ตัวเลขจีดีพีในปีหน้าว่าขยายตัวระหว่าง 1.5-3.5 % โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะอุปสงค์จากภายนอกจะชะลอตัว ลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีนี้

ไม่ใช่สิงคโปร์ประเทศเดียวที่เห็นสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจในปีหน้า องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) ก็เห็น สัญญาณนี้เช่นกัน ล่าสุด โออีซีดี ได้ประกาศ คงตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ไว้ที่ระดับ 3.7% แต่ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า สู่ระดับ 3.5% จากเดิมที่คาดการณ์ที่ระดับ 3.7% โดยให้เหตุผลว่า เพราะเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะได้รับผลกระทบจากการทำสงคราม การค้าระหว่างสหรัฐและจีน พร้อมทั้ง คาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2563 ว่าจะอยู่ที่ระดับ 3.5%

โออีซีดี เตือนว่า ความขัดแย้งทางการค้า ระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า เป็นปัจจัยสำคัญ ที่สร้างความเสี่ยงต่อการลงทุน การจ้างงาน และมาตรฐานการครองชีพ ทั้งยังระบุว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวในช่วง 2 ปีข้างหน้า แม้ว่าตลาดแรงงานกำลังฟื้นตัวขึ้น แต่การขยายตัวของการลงทุนและการค้าอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ตลาดการเงิน มีภาวะตึงตัว และความเชื่อมั่นปรับตัวลง

เมื่อพิจารณาแยกเป็นรายประเทศ โออีซีดี ได้คงตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ไว้ที่ระดับเดิมคือ 2.9% ส่วนปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 2.7% และขยายตัว 2.1% ในปี 2563 โดยการลงทุนในภาคธุรกิจได้รับแรงหนุนจากมาตรการปรับลดอัตราภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ส่วนญี่ปุ่น โออีซีดี ปรับลดตัวเลข คาดการณ์การขยายตัวของญี่ปุ่นในปีนี้ ไว้ที่ 0.9% จากเดิมที่ 1.2% และปรับลด ตัวเลขคาดการณ์ในปีหน้า สู่ระดับ 1.0% จากเดิมที่ 1.2% และคาดว่าจะขยายตัว 0.7% ในปี 2563 ขณะที่จีน โออีซีดีปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวในปีนี้ ลงสู่ระดับ 6.6% และปรับลดตัวเลขคาดการณ์ในปีหน้า สู่ระดับ 6.3% พร้อมทั้งคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 6.0% ในปี 2563

ขณะเดียวกัน โออีซีดี ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน ในปีนี้ลงสู่ระดับ 1.9% ส่วนปีหน้าคาดว่า จะขยายตัว 1.8% และ 1.6% ในปี 2563

เมื่อหันมามองเศรษฐกิจจีนช่วง ไตรมาส 3 จะเห็นว่า อัตราการเติบโต ของเศรษฐกิจจีนอยู่ที่ 6.5% ถือเป็นตัวเลข ต่ำสุดตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2552 โดยมีสาเหตุหลักๆ จากสงครามการค้า และ นโยบายลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของจีน

สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน รายงานการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในไตรมาส 3 โดยระบุว่า สาเหตุหลักมาจากสงครามการค้า ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงกว่าที่จีนคาดการณ์ไว้ และยังมีปัญหาหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น ของรัฐวิสาหกิจและ หนี้ภาคครัวเรือน เป็นตัวถ่วงด้วย

ในส่วนของผู้บริโภคจีน เริ่มใช้จ่ายน้อยลง เพราะเริ่มไม่มั่นใจเกี่ยวกับอนาคตทางเศรษฐกิจของประเทศว่ายังคึกคักต่อไป ได้อีกยาวนานแค่ไหน แม้ว่าผู้บริโภคชาวจีนส่วนใหญ่จะมีฐานะทางการเงินดีขึ้นเพราะอานิสงส์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา

"ชาวจีนเริ่มกังวลว่าเศรษฐกิจจะ ไม่สดใสเหมือนช่วงที่ผ่านมา แม้ว่า พวกเขาจะมีเงินเพื่อซื้อรถคันใหม่แต่ก็ เก็บไว้ก่อน เพราะไม่มั่นใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจ" แดเนียล ซิปเซอร์ หุ้นส่วนอาวุโสจาก แมคเคนซีย์ บริษัทที่ปรึกษาและสำรวจตลาดชื่อดังของโลก กล่าว

ขณะที่ เจี้ยน กวง เฉิน หัวหน้า นักเศรษฐศาสตร์จากเจดี ดิจิทส์ หน่วยงานที่แยกออกมาจากเจดี ดอทคอม บริษัทอีคอมเมิร์ซชั้นนำของจีน ให้ความเห็นว่า "ความต้องการของผู้บริโภคลดลงถือเป็น ความเสี่ยงที่สำคัญที่สุด และที่ผ่านมา ทุกคน รู้ดีกันอยู่แล้วว่าการลงทุนในบางอุตสาหกรรมลดลง เพราะกรณีพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน แต่การที่ผู้บริโภคลดการ จับจ่ายใช้สอย สะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อมั่น ของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศลดต่ำลง"

นอกจากนี้ ข้อมูลของเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ยังบ่งชี้ว่า ยอดขายในธุรกิจค้าปลีกของจีนปรับตัวร่วงลง 8.6% สวนทางกับปีที่ผ่านมา ที่ยอดขายในธุรกิจค้าปลีกขยายตัว เกือบ 10% ส่วนยอดขายรถยนต์ในประเทศจีน ที่ถือเป็นตลาดรถใหญ่สุดของโลก ในช่วง 2 เดือนสุดท้าย ปรับตัวลงกว่า 11.5% ทำให้อัตราการเติบโตของยอดขายรถในจีนติดลบเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี ภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนในปีนี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลจีนพยายามทุกวิถีทางที่จะลดปริมาณหนี้ของประเทศ ทั้งของรัฐบาล ของรัฐวิสาหกิจ และหนี้สินภาคครัวเรือน จึงทำให้บริษัทเอกชนประสบปัญหาเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยากยิ่งขึ้น ขณะที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ไม่ได้ช่วยให้การดำเนินธุรกิจของรัฐวิสาหกิจจีนและบริษัทอเมริกันดีขึ้น เท่ากับเพิ่มความไม่แน่นอนเกี่ยวกับ แนวโน้มเศรษฐกิจ ในสายตาผู้บริโภค มากขึ้น

ที่สำคัญไปกว่านั้น การที่สกุลเงินหยวน อ่อนค่า และตลาดหุ้นหลักของจีนทรุดตัวลง ทั้งตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ และตลาดหุ้นเซินเจิ้น ที่ทรุดตัวลงหนักสุดเมื่อเทียบกับบรรดาตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลกในปีนี้ ยิ่งทำให้ความมั่นใจต่อเศรษฐกิจลดต่ำลงอย่างฮวบฮาบ ไม่ต่างอะไรกับภาวะหุ้น

Source: กรุงเทพธุรกิจ

 

ไม่ดีต่อโรงงานผลิตเสื่อผ้าขายที่ออเดอร์ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทยแน่นอน

"เสื้อผ้าจีน" ทะลักไทย 1.4 หมื่นล้าน! ส่งออกการ์เมนต์เวียดนามทิ้งห่างไทย 3 เท่าตัว #ฐานเศรษฐกิจ