ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ในไทยอย่าช้า!!น้ำมันโลกดิ่งเหว$4 ดาวโจนส์ร่วง500จุด,ทองคำปิดลบ เผยแพร่: 21 พ.ย. 2561 05:30 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    561000012062801.jpg

    รอยเตอร์/มาร์เก็ตวอตช์ - ราคาน้ำมันดิ่งราว 4 ดอลลาร์ในวันอังคาร(20พ.ย.) โดยสัญญาสหรัฐฯต่ำสุดรอบกว่า 1 ปี ปัจจัยนี้กระพือแรงเทขายในวอลล์สตรีทจนปิดลบหนัก ขณะที่ทองคำขยับลงเช่นกัน

    สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 3.77 ดอลลาร์ ปิดที่ 53.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2017 ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 4.26 ดอลลาร์ ปิดที่ 62.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่กุมภาพันธ์

    ท่ามกลางปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ นักลงทุนเริ่มมองเห็นความเสี่ยงในแง่ลบมากขึ้นต่อราคาน้ำมัน ไล่ตั้งแต่กำลังผลิตน้ำมันชั้นหินของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทรุดตัว

    นอกจากนี้แล้วตลาดน้ำมันยังกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในความยุ่งเหยิงทางอุปทาน ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับซาอุดีอาระเบีย ต่อกรณี จามาล คาช็อกกี นักหนังสือพิมพ์ชาวซาอุดีฯผู้วิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์ริยาด ถูกสังหารในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียประจำอิสตันบูล

    ความกังวลดังกล่าวยังไม่จางหายไปแม้ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯในวันอังคาร(20พ.ย.) จะยืนยันว่าอเมริกามีความตั้งใจที่จะเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นของซาอุดีอาระเบียต่อไป แม้มีความเป็นไปได้สูงว่ามกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงอาจรับรู้เกี่ยวกับแผนสังหารนายคาช็อกกี

    ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันอังคาร(20พ.ย.) มีแรงเทขายอย่างหนัก โดยเอสแอนด์พี500 แตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ตามแรงฉุดของภาคพลังงาน ขณะที่ดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 500 จุด

    ดาวโจนส์ ลดลง 551.80 จุด (2.21 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 24,465.64 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 48.84 จุด (1.82 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,641.89 จุด แนสแดค ลดลง 119.65 จุด (1.70 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,908.82 จุด

    ดัชนีพลังงานของเอสแอนด์พี500 ร่วงลง 3.3% หลังราคาน้ำมันปิดลบกว่า 6.6% ท่ามกลางความกังวลต่อปัญหาอุปทานล้นตลาด

    ขณะเดียวกันวอลล์สตรีทยังถูกฉุดจากบริษัทค้าปลีกทั้งหลาย ในนั้นรวมถึง ทาร์เก็ต และ โคห์ลส ที่ปิดลบแรง หลังเผยแพร่รายงานผลประกอบการและตัวเลขคาดการณ์ที่น่าผิดหวัง

    ทาร์เก็ต คอร์ป ดิ่งลง 9.5% หลังผลกำไรไตรมาส 3 พลาดเป้าจากที่นักวิเคราะห์คาดหมาย ผลจากการลงทุนในธุรกิจออนไลน์และค่าจ้างที่สูงขึ้น ส่วนห้างสรรพสินค้า โคห์ลส ปิดลบ 7.% หลังคาดการณ์ผลกำไรตลอดทั้งปีต่ำกว่าคาดหมาย

    ด้านราคาทองคำในวันอังคาร(20พ.ย.) ปิดลบพอสมควร หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 4.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,221.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์

    https://mgronline.com/around/detail/9610000116026
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Gossipสาสุข

    ‘4.29 แสนล้านต่อปี’ งบประมาณดูแลสุขภาพคนไทยอยู่ตรงไหน เมื่อเทียบกับงบป้องกันประเทศ?


    ในขณะที่ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 พ.ย.61 ออกแพคเกจ “ประชานิยม” ช่วย “ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” บรรเทาตั้งแต่ค่าน้ำประปาครัวเรือนละ 100 บาทต่อเดือน ค่าไฟ 230 บาท ไปจนถึงเงินซื้อของในเดือน ธ.ค. 500 บาทต่อคน และจ่ายเงินเพิ่มให้กับผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป เดือนละ 1,000 บาทต่อคน และค่าเช่าบ้าน 400 บาทต่อคน โดยมีอายุแค่ 10 เดือน ได้แก่ ธ.ค. 2561 - ก.ย. 2562

    รวมๆ แล้ว คิดเป็นเงิน 3.8 หมื่นล้านบาท

    เมื่อต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง ได้ออกมาพูดถึง “วินัยการเงินการคลัง” ด้านงบประมาณสุขภาพของไทย ซึ่งในปี 2562 อยู่ที่ 4.29 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 14.3% ของงบประมาณรายจ่ายทั้งหมด

    วิสุทธิ์ กังวลถึงงบประมาณที่สูงขึ้น เนื่องจากจำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มมากขึ้น จาก 10% เป็นสังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์แบบในอนาคตอันใกล้

    อย่างไรก็ตาม ที่น่าสนใจกว่าก็คือ แผนลดภาระทางการคลัง ด้านสุขภาพ ซึ่งรัฐบาลเสนอ 4 แนวทาง ได้แก่

    1.สร้างบุคลากรดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น

    2.ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น อินเตอร์เน็ตหมู่บ้าน เผยแพร่วิธีดูแลสุขภาพตัวเองให้ประชาชนทั่วไป

    3.สร้างแรงจูงใจให้ประชาชนดูแลสุขภาพตัวเอง แบบเดียวกับที่สิงคโปร์แจก “สมาร์ทวอทช์” ให้ประชาชนเดินเกินวันละ 1 หมื่นก้าว

    และ 4.ร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชน ทำพีพีพี ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุครบวงจร

    นอกจากนี้ อีกข้อมูลที่น่าสนใจ ก็คือการที่ รมช.คลัง ปรารภว่า ปัจจุบัน รัฐบาลต้องจ่าย 77% และเอกชน (ซึ่งก็คือประชาชนนี่แหละ) ต้องจ่าย 23% เพื่อเป็นงบประมาณในการดูแลสุขภาพทั้งหมดนั้น ต่างจากในต่างประเทศเพราะประเทศอื่นๆ สัดส่วนที่รัฐจ่ายให้อยู่ราว 50% เท่านั้น อีกครึ่งประชาชนจ่ายเอง

    คำถามก็คือ งบประมาณด้านสุขภาพ อยู่ตรงไหน

    - ที่แน่ๆ ก็คือ สนช.อนุมัติงบประมาณรายจ่ายทั้งหมด 3 ล้านล้านบาท โดยใช้เวลาอภิปรายเพียง 3 ชั่วโมง

    - อย่างไรก็ตาม งบประมาณด้านสุขภาพทั้งหมด 4.29 แสนล้านบาท ที่กระจายอยู่หลายกระทรวง เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน ฯลฯ ซึ่งหลายคนบ่นว่า “สูง” จนอาจทำให้ประเทศล้มละลาย นั้น ยังไม่เท่ากับงบประมาณรายจ่ายของกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเดียว

    - เพราะปี 2562 กระทรวงศึกษาธิการ ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายสูงถึง 4.89 แสนล้านบาท

    - ขณะเดียวกัน หากวิเคราะห์กันจริงๆ เมื่อแยก “งบประมาณรายจ่ายการสาธารณสุข” ออกจากงบประมาณด้านสุขภาพ ซึ่งรวมการดูแลผู้สูงอายุออกไปแล้ว งบประมาณรายจ่ายการสาธารณสุข ก็จะเหลือราว 3.11 แสนล้านบาท

    - ที่น่าสังเกตคือ “งบประมาณรายจ่ายการสาธารณสุข” นั้น ยังน้อยกว่า “งบประมาณรายจ่ายการศึกษา” เกือบ 2 แสนล้านบาท เพราะปี 2562 งบประมาณรายจ่ายการศึกษา สูงถึง 5.1 แสนล้านบาท

    - และน้อยกว่างบประมาณรายจ่ายการสังคมสงเคราะห์ ซึ่งอยู่ที่ 3.69 แสนล้านบาท ไปมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท

    - ที่หลายคนอยากรู้ก็คือ “งบประมาณรายจ่ายการป้องกันประเทศ” อยู่ตรงไหน?

    - ปี 2562 งบประมาณรายจ่ายป้องกันประเทศ อยู่ที่ราว 2.24 แสนล้านบาท คิดเป็น 7.5% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี

    - ในส่วนนี้ งบประมาณที่สูงที่สุดคือ “งานกองทัพ” ซึ่งอยู่ที่อัตราราว 2.21 แสนล้านบาทต่อปี

    - น่าสังเกตก็คือ งบประมาณรายจ่ายของ “งานกองทัพ” นั้นสูงกว่างบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งดูแลประชากร 48.57 ล้านคน ถึง 4 หมื่นล้านบาท

    - เพราะงบประมาณ ที่ใช้จ่ายใน “กองทุนบัตรทอง” ปี 2562 นั้นอยู่ที่ 1.81 แสนล้านบาท

    - นอกจากนี้ หากนำงบประมาณการป้องกันประเทศ ไปรวมกับงบประมาณการรักษาความสงบภายในประเทศ อันรวม “งานตำรวจ” “งานป้องกันอัคคีภัย” “งานตุลาการ” “งานราชทัณฑ์” “การวิจัยพัฒนาการรักษาความสงบภายใน” และ “งานรักษาความสงบเรียบร้อยอื่นๆ” เข้าด้วยกัน ซึ่งอยู่ที่ 1.92 แสนล้านบาท แล้ว ทั้ง 2 ส่วน จะสูงถึง 4.16 แสนล้านบาท “ใกล้เคียง” กับงบประมาณด้านสุขภาพทั้งหมด ซึ่งอยู่ที่ 4.29 แสนล้านบาท เลยทีเดียว

    น่าเสียดาย ที่ประเทศนี้ ไม่เคยมีคนกลุ่มไหน เข้าไปแตะ “ประสิทธิภาพ” การใช้งบประมาณด้าน “ป้องกันประเทศ” และ “รักษาความสงบ” ว่าใช้รายจ่ายมากเกินไปหรือไม่ มี “กำลังคน” มากไปหรือไม่ แต่กลับมาวุ่นวายอยู่กับประสิทธิภาพการใช้งบประมาณด้านสุขภาพ จนทำให้อัตรากำลัง จำกัดจำเขี่ยอยู่นานหลายปี

    ขณะเดียวกัน ก็ยังพยายามประหยัดอดออม หาทางเลือกอื่นๆ มาจำกัดงบประมาณหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ด้วยการบอกว่า ในภาพรวม ประเทศไม่มีงบประมาณเพียงพอ

    แต่กลับปฏิเสธข้อเท็จจริงที่ว่า หากมองงบประมาณรายจ่ายทั้งหมด ยังสามารถเกลี่ยงบประมาณส่วนอื่นๆ ที่ลงไปแล้ว ไม่มีผลตอบแทนกลับมา

    หรือการจ้างงานข้าราชการ โดยเฉพาะ ทหาร ตำรวจ นั้น มีมากเกินความจำเป็นหรือไม่ และสำคัญกว่าการจ้างบุคลากรสาธารณสุข แพทย์ พยาบาล และบุคลากรอื่นๆ เพื่อดูแลสุขภาพคนส่วนใหญ่ของประเทศจริงหรือ?

    หากยังไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ และไม่สามารถจัดลำดับความสำคัญการใช้งบประมาณด้านต่างๆของประเทศให้ถูกต้อง ในที่สุด ประเทศไทยก็จะอยู่ในวังวนเดิม

    นั่นคือมีกลุ่มหนึ่ง ได้ประโยชน์จากงบประมาณแผ่นดินอันล่ำซำ ส่วนประชาชน ต้องแบมือขอรับการสงเคราะห์ จากสวัสดิการที่รัฐ เจียดมาให้ ตลอดมาและตลอดไป

    #งบประมาณ #งบสุขภาพ #งบทหาร #งบป้องกันประเทศ

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Gossipสาสุข

    โค้งสุดท้าย คสช. ปิยะสกล “ถอย” ทุกกฎหมายรวบอำนาจสาธารณสุข


    นับไปนับมา เหลืออีกไม่ถึง 100 วัน จะถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หากเป็นไปตามกำหนดเดิมที่รัฐบาลเคาะไว้ในวันที่ 24 ก.พ.2562

    นั่นหมายความว่า บรรดากฎหมายที่รีบเร่งนำเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็จะเข้าสู่โค้งสุดท้ายไปด้วย

    คาดการณ์ว่า กฎหมายที่ “ค้างท่อ” จะต้องเสนอให้เสร็จภายในต้นเดือน ธ.ค. หากไม่ทัน ก็ต้องรอให้รัฐบาลใหม่เป็นคนทำ

    ที่แน่ๆ กฎหมายของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่เป็นประเด็นร้อนแรง ยังค้างอยู่ในขั้นตอน สนช. ไม่ต่ำกว่า 3 ฉบับ

    ไม่ว่าจะเป็น ร่าง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ร่าง พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และ ร่าง พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติ (ซุปเปอร์บอร์ดสาธารณสุข)

    อาจเรียกได้ว่า ทั้ง 3 กฎหมาย คือผลพวงแห่งความขัดแย้งระหว่าง “รัฐราชการ” ที่อยู่ในกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กับ องค์กรอิสระด้านสาธารณสุข (องค์กรตระกูล ส.)

    เพราะกฎหมาย สปสช. ตั้งใจจะนำงบ “เงินเดือนบุคลากร” จากงบบัตรทอง กลับไปไว้ให้ สธ.บริหาร และตั้งใจจะแก้สัดส่วนบอร์ด ให้มีสัดส่วนของข้าราชการมากขึ้น

    เพราะกฎหมาย สสส. ตั้งใจจะ “จำกัด” งบประมาณ และดึงระบบการเบิกจ่าย ให้ผ่านกระทรวงการคลัง

    และกฎหมาย “ซุปเปอร์บอร์ดสาธารณสุข” ตั้งใจจะใช้ “ระบบราชการ” เข้ามาครอบงำการทำงานของทุกองค์กรตระกูล ส. และทุกกองทุนสุขภาพ

    ทั้ง 3 กฎหมาย จึงถูกผลักดัน ในยุคที่ระบบราชการในกระทรวงสาธารณสุขแข็งแรงที่สุด สมัยที่ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ เป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข

    และเชื่อว่า หากข้าราชการ ซึ่งเป็น “ลูกกระเดือก” สั่งอะไร ฝ่ายการเมือง ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจาก คสช. อันเป็น “คอหอย” ก็จะทำตาม

    อย่างไรก็ตาม หลังเกิดการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งของ นพ.ณรงค์ และ การเปลี่ยนแปลงในตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม จาก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็นคนอื่น ความเข้มแข็งของระบบราชการ เพื่อสู้รบกับองค์กรตระกูล ส. ก็ค่อยๆ หายไป

    เหลือเพียง “แนวรบ” ใน สนช. ผ่าน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ประธานกรรมาธิการสาธารณสุข ซึ่งก็เป็นอดีตข้าราชการ สธ. เช่นกัน เพื่อให้ดันกฎหมาย เพิ่มความแข็งแกร่งให้กระทรวงหมอ กลับมายิ่งใหญ่ตามเดิม

    อย่างไรก็ตาม งานนี้ คนที่มีอำนาจจริงอย่าง นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กลับเป็นตัวของตัวเองมากกว่าที่หลายคนคิด ไม่ได้เอาด้วยกับข้าราชการทุกเรื่อง อย่างที่หลายฝ่ายประเมิน

    สัญญาณ “ถอย” จึงออกจากปาก หมอปิยะสกล ชัดเจน อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด!

    คล้อยหลังเพียง 1 วัน หลังจากทั้งภาคประชาชน และคนระดับอดีต รมช.สาธารณสุข อย่าง นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ จัดเวทีคัดค้านการแก้ไขกฎหมาย

    และหากจำกันได้ ก่อนหน้านี้ ก็มีเสียงคัดค้าน “ซุปเปอร์บอร์ด” จากคนระดับแกนนำพรรคเพื่อไทย และอดีต รมว.สาธารณสุข อย่าง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เช่นกัน

    หมอปิยะสกล ยอมรับว่า ทั้ง 3 กฎหมาย คงไม่สามารถแก้ได้ทันในรัฐบาลชุดนี้ และไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ส่วนทุกหน่วยงานข้างต้น ก็สามารถทำงานได้ โดยไม่ต้องแก้กฎหมาย!

    งานนี้ คนที่เหนื่อยสุด น่าจะเป็น “นพ.เจตน์” ที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า กฎหมายที่กรรมาธิการสาธารณสุข “ภูมิใจ” มากที่สุด ก็คือ ร่าง พ.ร.บ.ซุปเปอร์บอร์ดสาธารณสุข เพราะถือเป็นการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง อย่างแท้จริง

    แต่ในที่สุด หมอปิยะสกล กลับปฏิเสธว่าทุกกฎหมาย รวมถึงเรื่อง ซุปเปอร์บอร์ด ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร!

    อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่ใช้กันมาตั้งแต่ปี 2545 ไม่ใช่กฎหมายที่ “เพอร์เฟกต์”

    หลายเรื่องยังต้องการการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็น การแก้ไขให้กองทุนหลักประกันสุขภาพ สามารถจ่ายเงินช่วยเหลือแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ที่ได้รับความเสียหายจากการให้บริการได้

    หรือการแก้ไขให้โรงพยาบาล สามารถนำเงินเหมาจ่ายรายหัว ไปใช้จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจ้างบุคลากร หรือซ่อมแซมอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้

    รวมถึงให้บอร์ด สปสช. สามารถมีอำนาจจ่ายเงินให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิ องค์กรเอกชน ในการจ่ายค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนและการจัดบริการสาธารณสุข และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สามารถใช้เงินกองทุนส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคได้

    ขณะเดียวกัน หากจะแก้ไข พ.ร.บ. ก็ควรให้ สปสช. สามารถจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ ในระดับชาติ ไม่ใช่ให้ “โรงพยาบาลราชวิถี” จัดซื้อแทน เหมือนทุกวันนี้

    รวมถึงความยั่งยืนในระยะยาวของกองทุน ทั้งเรื่องการหาเงินมาเติม หรือการ “ร่วมจ่าย” ก็ควรจะมีความชัดเจน

    ส่วน พ.ร.บ.สสส.นั้น มีเรื่องที่ควรแก้แต่กลับไม่แก้ นั่นคือต้องระบุในกฎหมายให้ชัดเจนเรื่องการมีส่วนร่วมของภาคีในการรับทุนเพื่อไปดำเนินการ ซึ่งควรเพิ่มมิติในเชิงพื้นที่ให้มากขึ้น ในรูปของการกระจายอำนาจที่ไม่ผูกขาดเพียงแค่ภาคีระดับประเทศเท่านั้น

    ข้อเสนอเหล่านี้ เป็นเรื่องที่รัฐบาลหน้า ต้องรับไปปรับปรุง หากคิดจะทำระบบ “หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” ให้ดียิ่งขึ้น
    กฎหมายด้านสุขภาพทั้ง 3 ฉบับนั้น หากคิดจะแก้ไข ก็ควรจะตั้งหลัก ดีๆ ไม่ใช่รีบเร่งแก้ ตามคำสั่งใคร แบบเดียวกับที่ผ่านมา

    เพราะที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นแล้วว่า การฟังเสียงใคร หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพียงกลุ่มเดียว นอกจากจะแก้ปัญหาเชิงระบบในกระทรวงสาธารณสุขไม่สำเร็จแล้ว ยังสร้างปัญหาใหม่ตามมาอีก

    งานนี้ยุทธวิธี “ถอย” จึงสร้างคะแนนให้หมอปิยะสกลได้สำเร็จ

    และหากนายกรัฐมนตรีคนใหม่หลังการเลือกตั้ง หน้าตาคล้ายๆ คนเดิม เราก็อาจได้เห็น “หมอปิยะสกล” กลับมานั่งเป็น รมว.สาธารณสุข อีกครั้ง

    #กฎหมายสุขภาพ #กระทรวงสาธารณสุข

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ตกลงเรียบร้อยแล้ว” รมต.ต่างประเทศตุรกียัน ซื้อขาย S-400 รัสเซีย “ไม่สามารถยกเลิกได้“
    โดย
    กองบรรณาธิการ
    -
    21 พฤศจิกายน 2018
    1057349701.jpg
    © Sputnik / Grigoriy Sisoev
    รัฐมนตรีประเทศตุรกี “เมฟลุต คาวูโซกลู” กล่าวเมื่อวันอังคาร (20 พ.ย.) ว่า การซื้อขาย S-400 ระบบขีปนาวุธพื้นผิวสู่อากาศของรัสเซียกับตุรกีเป็น “การทำข้อตกลงที่สมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว และไม่สามารถยกเลิกได้ พร้อมทั้งเสริมว่า อย่างไรก็ตามอังการายังต้องการซื้ออาวุธป้องกันเพิ่มเติมอีก ซึ่งอาจจะซื้อจากสหรัฐอเมริกา สปุตนิกรายงานอ้างรอยเตอร์

    “ข้อตกลงปัจจุบันเป็นข้อตกลงโดยสมบูรณ์แล้ว ผมไม่สามารถยกเลิกได้” คาวูโซกลู กล่าวกับผู้สื่อข่าวถายหลังพบปะกับรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ “ไมค์ ปอมเปโอ” ตามที่รอยเตอร์รายงาน “แต่ผมยังต้องการเพิ่มอีก … และผมชอบที่จะซื้อจากพันธมิตรของผม” คาวูโซกลู กล่าว

    S-400 เป็นระบบขีปนาวุธเคลื่อนที่ล้ำหน้าซึ่งสามารถบรรจุขีปนาวุธต่างๆ ได้ 3 ชนิด ทั้งสามารถทำลายเป้าหมายทางอากาศที่หลากหลายในพิสัยใกล้ๆ ไปจนถึงพิสัยไกลมาก จากเครื่องบินลาดตระเวนไปจนถึงขีปนาวุธนำวิถี

    สหรัฐฯ เตือนว่า หากอังการาดำเนินแผนการซื้อระบบ S-400 ต่อไป สหรัฐอเมริกาอาจระงับการถ่ายโอนเครื่องบิน F-35 ไปยังตุรกี นอกจากนี้สภาคองเกรสของสหรัฐฯ ยังได้มีการผ่านกฎหมายที่จะขัดขวางการถ่ายโอนเครื่องบิน F-35 นี้

    ในเดือนธันวาคม 2017 อังการาลงนามในสัญญาเงินกู้กับมอสโก เพื่อซื้อระบบป้องกันทางอากาศ S-400 ของรัสเซียให้แก่ตุรกี

    นายเซอร์เก เคเมซอฟ ซีอีโอของ Rostec (บริษัทอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของรัสเซีย) กล่าวว่า สัญญาระบุการส่งมอบ S-400 จำนวน 4 ชุด มูลค่า 2.5 พันล้านเหรียญ โดย 55 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินที่ทำสัญญามาจากเงินให้กู้ยืมของรัสเซีย

    เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม อังการากล่าวว่า ตุรกีจะเริ่มใช้งาน S-400 ในเดือนตุลาคม 2019 นี้


    https://www.publicpostonline.net/19...iGm_U7OoY8iYZZng8FIb1do1OJ3mwBFbfFvcGOcRssU6o
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Tati Gelo

    bpgPB9Ysgw8av8phHwWRqU3ISdmbQKx5R1XCyrz18dltGHrAyjBlFCXCSQz2QA&_nc_pt=1&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg

    3X8ROvu-bemr9vUjXV3uaz7HkzDpjWaIkPLxD1tQTpphKg5M6LfnJdHbUPnurQ&_nc_pt=1&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg

    j8IomuesSe0SIdfLCAAILtGC-uFHIATdixxvH0t6bIcnOChk9fNqKHfrUe0qvw&_nc_pt=1&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg

    FW2tR5k8HsilAxRXYNp7Ma36-r_IUZj2sOJYMmuwnqvOlbBnhmL5TR0A4DVFow&_nc_pt=1&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg




    ดาวเคราะห์ 7 x ซ่อนอยู่โดย tarja สีดำบนเว็บไซต์ของนาซ่า
    โดยการเอา tarja ออกคนหล่อใหญ่กว่าเยอะและสดใสกว่าปกติ
    ใช่ nibiru ไหมครับ จะอยู่ในหมู่ราศีธนูค่ะ
    ลิ้งค์: https://youtu.be/0A3_6BgRVnU
    ขอบคุณที่รัก Édson de Oliveira
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150






    ผงะ!เจอขยะเกือบ6กก.ในท้องวาฬหัวทุยตัวยักษ์เกยตื้นตายที่อินโดฯ
    เผยแพร่: 20 พ.ย. 2561 22:02 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    561000012056001.jpg

    รอยเตอร์ - วาฬหัวทุยตัวหนึ่งถูกพบเกยตื้นตายที่อุทยานแห่งชาติแห่งหนึ่งของอินโดนีเซีย ด้วยภายในท้องมีขยะพลาสติกเกือบ 6 กิโลกรัม ในนั้นรวมถึงด้วยพลสติก 115 ใบ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่อุทยานฯในวันอังคาร(20พ.ย.)

    วาฬความยาว 9.5 เมตร ถูกพบในน่านน้ำใกล้กับเกาะคาโพตา ส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติวาคาโทบี ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะสุลาเวสี ตามคำแถลงของอุทยานฯ

    561000012056002.jpg


    อุทยานแห่งชาติแห่งนี้มีชื่อเสียงในหมู่นักประดาน้ำด้านพื้นที่แนวปะการังขนาดใหญ่และชีวิตสัตว์ทะเลที่หลากหลาย ในนั้นรวมถึงปลากระเบนและวาฬ

    สาเหตุการตายของมันยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่เจ้าหน้าที่อุทยานพบขวดพลาสติก, ถุงพลาสติก, รองเท้าแตะและกระสอบ อยู่ภายในกระเพาะของวาฬรวมๆกันแล้วมากกว่า 1,000 ชิ้น

    เหตุการณ์นี้มีขึ้นไม่กี่เดือน หลังจากเมื่อเดือนมิถุนายน พบวาฬนำร่องเกยตื้นตายในไทย และพบขยะพลาสติกราว 80 ชิ้นอยู่ในกระเพาะของมัน โดยเรื่องราวดังกล่าวกลายข่าวพาดหัวของสื่อมวลชนท้องถิ่น แต่ดูเหมือนมันจะได้รับความสนใจจากนานาชาติมากกว่า

    561000012056003.jpg


    ตามรายงานปี 2015 ของกลุ่มรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม โอเชียน คอนเซอร์เวซี และ ศูนย์แมคคินซีเพื่อธุรกิจและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า 5 ชาติในเอเชียประกอบด้วยจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนามและไทย เป็นต้นตอขยะพลาสติก 60% ของโลกที่รั่วไหลลงมหาสมุทร

    ด้วย อินโดนีเซีย รั้งอันดับ 2 รองจากจีน จากทั้งหมด 192 ประเทศ ในผลการศึกษาเมื่อปี 2015 ด้านการบริหารจัดการผิดพลาดขยะพลาสติกของพลเมืองที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ชายฝั่ง ดังนั้นพวกเขาจึงให้คำมั่นจัดสรรงบประมาณปีละ 1,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อลดขยะพลาสติกในทะเลให้ได้ 70% ภายในปี 2025

    561000012056004.jpg


    561000012056005.jpg

    https://mgronline.com/around/detail/9610000115971
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodrigo Contreras Lopez

    มอนสเตอร์สภาพภูมิอากาศกระทบ Salerno # Italy ปรากฏการณ์เช่นนี้ จะเกิดขึ้นบ่อยในทะเล และยิ่งรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากอุณหภูมิของทะเลยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง #CambioClimatico #clima #CalntamientoGlobal 20/11





     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodrigo Contreras Lopez



    ความพยายามในการช่วยเหลือฝูง #อูฐ จากหุบเขา (ทะเลทรายอาหรับ) ซึ่งปกคลุมด้วยลูกเห็บและความหนาวที่ร้ายแรง #วิดีโอ 19/11 #climatechange
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodrigo Contreras Lopez

    วัตถุที่ส่องสว่างแปลก ๆ ข้ามท้องฟ้าของอิรัก, # เมทหรือขยะอวกาศ? ตามรายงานที่ไม่เป็นทางการจะมีผลกระทบในทะเลทรายระหว่างอิรักและซาอุดีอาระเบีย # # 19/11 วิดีโอ







     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    webcamsdemexico กำลังถ่ายทอดสด — ที่ Popocatépetl



    ว้าว ภูเขาไฟPopocatépetl, ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ...ถ่ายทอดสดจาก San Nicolás de los Ranchos #Puebla
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจนจิรา จันทรเสนา


    จงอางทอง CobraGold หลบไปก่อนจ้า..!
    มาดูพวกพี่ๆอนาคอนด้า กองทัพสหรัฐอเมริกาและกองทัพโปแลนด์ เขาฝึก Anakonda กันที่โปแลนด์ ในขณะนี้
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150


    ทะเลทรายซาอุอย่างที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน! ชายสองคนนำฝูงอูฐผ่านพายุทรายที่โหดร้ายและเมฆหมอกของฝนในวิดีโอที่ดราม่า
    อ่านเพิ่มเติม: https://on.rt.com/9ilf
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจนจิรา จันทรเสนา



    เหตุการณ์นี้เกิดที่ ฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา ยังโชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บมากมาย

    A 42-year-old woman is facing a careless driving charge after plowing into a Little Caesars store in Florida, nearly striking multiple customers but thankfully not causing any injuries.

    Authorities say alcohol was not a factor in the crash.https://t.co/II9DHwW3QV
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจนจิรา จันทรเสนา



    ตำรวจ อาร์คันซอ บังคับใช้กฎหมายไล่ตามจับ ต่างด้าว เป็นผู้อพยพเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตอนแรกก็นึกว่าจะเป็นเรื่องง่าย ..ให้สังเกต รถอีกคันที่วิ่งสวนมาเจอเหตุการณ์พอดี ต้องถอยชนิดหางจุกตูด!!

    Arkansas law enforcement officials have arrested 29-year-old illegal alien Luis Cobos-Cenobio and charged him with attempted capital murder after dash cam video footage allegedly shows him shooting at Arkansas police officers after they pulled him over on Sunday.

    Credit: Real Saavedra
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจนจิรา จันทรเสนา




    ชายหนุ่มนามว่า Dexter Lotz วัย 21 ปีที่โดนชาย 2 คน จับโยนออกจากรถไฟซานฟรานฯ ได้เล่าถึงเหตุการณ์นี้ว่า

    4humWDsEVbuMQ5a0NThCpX4WJPCxpcuHMqVdT-5mDMmuUagAJUnoTyh1Pnp4VA&_nc_pt=1&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg

    เขาแค่เปิดเพลงเสียงดังและปฏิเสธที่จะไม่หรี่เสียง ถึงแม้เขาจะพูดจาท้าทายชายที่ขอให้เขาหรี่เสียงเพลง แต่ชายทั้ง 2 คนก็ไม่มีสิทธิที่จะใช้กำลังจับเขาโยนออกมา

    เมื่อตำรวจมาถึง ก็ใส่กุญแจมือเขาเพียงคนเดียว แต่ปล่อยชายผิวขาวทั้ง 2 คนไป Lotz จึงเชื่อว่านี่เป็นการกระทำของตำรวจที่เกิดจากการเหยียดสีผิว

    คนที่เห็นเหตุการณ์เองก็มองว่า ชายผิวขาวทั้ง 2 คนทำเกินกว่าเหตุ และเรียกร้องให้ตำรวจ ดำเนินคดีกับทั้ง 2 คนด้วย แล้วคุณตำรวจก็บอกว่า กำลังสอบสวนอยู่ .. ตามสูตร

    คนที่ถ่ายคลิปนี้บอกว่า อยากจะเข้าไปช่วย Lotz แต่ชายผิวขาวทั้ง 2 คนนั้นตัวใหญ่ และกำลังโมโห แกจึงได้แต่ถ่ายคลิป และก็นำไปมอบให้ "คุณตำรวจ" จ้า

    (ที่มา)https://mic.com/…/muni-mark-muni-matt-video-of-white-men-sa…

    ภาพ3 คือบทสนทนาที่เขาบอกนักข่าว
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    bc.com%2Fresources%2Fimg%2Feditorial%2F2018%2F11%2F20%2F105585345-1542742861247preview.1910x1000.jpg
    (Nov 21) รัฐบาลสหรัฐยังคงรักษาความสัมพันธ์กับซาอุฯ แม้จะมีเรื่องฆาตกรรมนาย Khashoggi :สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ประธานาธิบดี Trump กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะยังคงรักษาระดับความสัมพันธ์กับซาอุดิอาระเบีย ไม่ว่าเจ้าชาย Mohammed Bin Salman จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่กับการฆาตกรรมนาย Jamal Khashoggi คอลัมนิสต์ของสำนักพิมพ์ Washington Post

    ทั้งนี้ ประธานาธิบดี Trump ระบุในแถลงการณ์ว่า รัฐบาลซาอุดิอาระเบียร่วมกับสหรัฐฯ ต่อสู้กับอิหร่าน และนำเข้าอาวุธยุทโธปกรณ์และสินค้าอื่นๆ จากสหรัฐฯ รวมมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าเรื่องการฆาตกรรมนาย Khashoggi

    นอกจากนี้ ยังได้กล่าวเสริมว่า ตนเข้าใจว่าสมาชิกสภาครองเกรสหลายคนอาจมองเรื่องดังกล่าวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับตน โดยตนพร้อมที่จะพิจารณาทุกข้อเสนอ อย่างไรก็ดี จะต้องมีความสอดคล้องกับเรื่องความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศเป็นหลัก

    ขณะเดียวกัน นาย Mike Pence, Vice President ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนประเทศในเอเชีย ได้กล่าวสวนทางกับประธานาธิบดี Trump ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การฆาตกรรมนาย Khashoggi เป็นสิ่งที่โหดร้ายทารุณ และเป็นสิ่งที่ดูหมิ่นความสำคัญของความเป็นอิรสะของสื่อมวลชน ซึ่งทางสหรัฐฯ จะหาคนรับผิดชอบในการกระทำผิดดังกล่าว

    อนึ่ง คาดว่าสหรัฐฯ จะสามารถออกรายงานผลการสอบสวนฉบับสมบูรณ์ได้ภายในสัปดาห์นี้ ภายหลังจากที่สื่อหลายสำนักรายงานว่า ทาง CIA ระบุว่า เจ้าชาย Mohammed Bin Salman มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมนาย Khashoggi

    Source: BOTSS

    - Trump says US stands with Saudi Arabia despite journalist Khashoggi's killing:
    https://www.cnbc.com/2018/11/20/tru...IdJ8AJw0p75Qzox00H6O971Kt_MlFuQdL6KaJRiZFkzRo
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    om%2F__origami%2Fservice%2Fimage%2Fv2%2Fimages%2Fraw%2Fhttp%253A%252F%252Fprod-upp-image-read.ft.jpg

    (Nov 21) ผู้ว่าการธนาคารอังกฤษแสดงท่าทีเห็นด้วยกับแนวทาง transition arrangements ใน Withdrawal Agreement ฉบับปัจจุบันของรัฐบาลสหราชอาณาจักร : นาย Mark Carney ผู้ว่าการธนาคารอังกฤษ (BOE) แสดงท่าทีเห็นด้วยกับแนวทาง transition arrangements ในข้อตกลง Brexit หรือ Withdrawal Agreement ฉบับปัจจุบันของรัฐบาลสหราชอาณาจักร รวมถึงสนับสนุนความเป็นไปได้ที่จะขยายระยะเวลา transition period ออกไปจากเดิมที่กำหนดให้สิ้นสุด ณ สิ้นปี 2020 เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในภาคธุรกิจ อีกทั้ง การเจรจาข้อตกลงทางการค้าในอดีตที่ผ่านมาต้องใช้ระยะเวลาโดยเฉลี่ยกว่า 4 ปี ซึ่ง transition period ที่กำหนดไว้ในปัจจุบันนั้นค่อนข้างจำกัด

    นาย Carney แสดงความเห็นว่า Withdrawal Agreement ฉบับปัจจุบันของรัฐบาลสหราชอาณาจักร อาจไม่ได้ส่งผลดีต่อมุมมองเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรมากนัก แต่หากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหราชอาณาจักรลงมติไม่รับรองข้อตกลงดังกล่าว และก่อให้เกิดภาวะ no-deal Brexit จะมีความเสี่ยงอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจ

    ขณะที่นาย Andy Haldane – BOE Chief Economist ระบุว่า ความเสี่ยงของการเกิดภาวะ no-deal Brexit ยังคงอยู่ในระดับสูง และปรับสูงขึ้นมากในปัจจุบัน โดยข้อมูลทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่า ปริมาณการลงทุนและความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจปรับลดลง ซึ่งอาจส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของสหราชอาณาจักรชะลอลง

    ด้านนาย Michael Saunders กรรมการนโยบายการเงิน BOE ระบุว่า BOE ไม่สามารถช่วยประคับประคองสถานการณ์ทางเศรษฐกิจได้มากนักในภาวะ no-deal Brexit และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่สามารถช่วยลดผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ที่มีสาเหตุมาจากปัญหาด้านศุลกากรได้

    Source: BOTSS

    - https://www.ft.com/content/285dfd48...lGGDJhDM4OSolD7YUDlLXQ17tprmVfEF0PB1udwSBNM84
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    c.com%2Fresources%2Fimg%2Feditorial%2F2018%2F11%2F20%2F105585372-1542743984331preview2.1910x1000.jpg

    (Nov 21) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 551.80 จุด หลังราคาน้ำมันทรุดฉุดหุ้นพลังงานดิ่ง,หุ้นเทคโนฯร่วงต่อเนื่อง: ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 6% นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นแอปเปิลที่ทรุดตัวลงเกือบ 5% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคำสั่งผลิต iPhone ใหม่ 3 รุ่น ขณะที่ผลประกอบการอันย่ำแย่ของบริษัททาร์เก็ต และโคห์ล คอร์ป ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ได้ฉุดหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงด้วยเช่นกัน

    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,465.64 จุด ร่วงลง 551.80 จุด หรือ -2.21% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,908.82 จุด ลดลง 119.65 จุด หรือ -1.70% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,641.89 จุด ลดลง 48.84 จุด หรือ -1.82%

    หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 6% เมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.8% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 2.78% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 4.1% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ดิ่งลง 7.3% หุ้นมาราธอน ออยล์ ร่วงลง 7.01%และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 4.7%

    หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงถูกเทขายอย่างหนัก อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ว่า บริษัทแอปเปิล อิงค์ ได้ปรับลดคำสั่งผลิต iPhone ใหม่ทั้ง 3 รุ่นซึ่งได้แก่ iPhone XR, iPhone XS และ iPhone XS Max โดยผลิตภัณฑ์ iPhone เหล่านี้เพิ่งมีการเปิดตัวในเดือนก.ย.

    โกลด์แมน แซคส์ ประกาศปรับลดราคาเป้าหมายของแอปเปิลลงสู่ระดับ 182 ดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 209 ดอลลาร์ เมื่อวานนี้ พร้อมกับเตือนว่า อุปสงค์ที่อ่อนแอของผลิตภัณฑ์แอปเปิล ซึ่งรวมถึง iPhone XR ในจีนและตลาดเกิดใหม่ และการแข็งค่าของดอลลาร์ จะเป็นปัจจัยสกัดราคาหุ้นแอปเปิลไม่สามารถปรับตัวขึ้นไปจนถึงปีหน้า

    ทั้งนี้ หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 4.8% หุ้นอเมซอนดอทคอม ลดลง 1.1%% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 1.3% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.8% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 1.9% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ดิ่งลง 2.7% และหุ้นอินเทล ร่วงลง 1.3%

    ทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ทรุดฮวบลงถึง 10.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.09 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.12 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.1% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.2%

    หุ้นโคห์ล คอร์ป ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐเช่นกันนั้น ดิ่งลง 9.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ตลอดปีงบการเงิน 2561 ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

    หุ้นโลว์ส ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ และเป็นคู่แข่งของบริษัทโฮม ดีโปท์ อิงค์ ร่วงลง 5.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นเพียง 1.5% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.8% แม้บริษัทมีตัวเลขกำไรที่ระดับ 1.04 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 0.98 ดอลลาร์/หุ้นก็ตาม

    ผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ทั้ง 3 รายนั้น ได้ฉุดหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มค้าปลีกร่วงลงด้วย โดยหุ้นเมซีส์ อิงค์ ร่วงลง 3.4% หุ้นนอร์ดสตรอม ลดลง 0.5% หุ้นวอลมาร์ท ดิ่งลง 2.7% และหุ้นเซียร์ส โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 4.05%

    หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 1.01% หลังจากโบอิ้งประกาศยกเลิกการจัดประชุมทางไกล (conference call) กับสายการบินต่างๆ เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับระบบของเครื่องยนต์โบอิ้งรุ่น 737 MAX ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับของสายการบินไลอ้อน แอร์ ซึ่งประสบอุบัติเหตุตกลงในอินโดนีเซียในเดือนที่แล้ว จนส่งผลให้ผู้ที่อยู่บนเครื่องทั้งหมด 189 คนเสียชีวิต

    สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.228 ล้านยูนิต จากระดับ 1.210 ล้านยูนิตในเดือนก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.225 ล้านยูนิตในเดือนต.ค.

    ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต

    * ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 22 พ.ย.นี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day) *

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช

    -
    https://www.cnbc.com/2018/11/20/sto...YC3l7afiYv4nhkZAzUmQOKBV9YaxvkXBgTBDuCMjVDDnc
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    ces%2Fimg%2Feditorial%2F2018%2F11%2F20%2F105584215-1542709449851gettyimages-1063542280.1910x1000.jpg

    (Nov 20) นิสสัน-เรโนลต์-มิตซูฯรีบไล่'โกส์น' ราคาหุ้นของบ.รถยนต์ทั้ง3หล่นฮวบ: ทั้งเรโนลต์, นิสสัน, และมิตซูบิชิ ต่างเตรียมเสนอปลด คาร์ลอส โกส์น ออกจากตำแหน่ง ขณะที่หุ้นของบริษัททั้ง 3 แห่งต่างตกวูบ ภายหลังเซียนนักบริหารที่ได้รับการเคารพยกย่องอย่างสูงลิ่วในอุตสาหกรรมรถยนต์มาหลายสิบปีผู้นี้ ถูกทางการญี่ปุ่นจับกุมด้วยข้อความประพฤติมิชอบทางการเงิน ขณะที่เหล่าผู้บริหารนิสสันประณามโกส์นว่า โลภและผูกขาดอำนาจ

    ราคาหุ้นนิสสัน มอเตอร์ส และมิตซูบิชิ มอเตอร์สในการซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์โตเกียววันอังคาร (20 พ.ย.) อยู่ในอาการดำดิ่ง และปิดโดยไหลรูด 5.5% และ 6.9% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นเรโนลต์ในตลาดปารีสตกไป 8.4% วันจันทร์ (19) แล้วยังติดลบต่อในวันอังคาร (20) โดยที่เมื่อถึงช่วงสายๆ หล่นวูบไปแล้ว 4.3%

    ชื่อเสียงและความสำเร็จที่โกส์นสั่งสมไว้ส่อพังทลายสิ้น หลังจากสื่อญี่ปุ่นรายงานเรื่องที่เขาถูกควบคุมตัวในวันจันทร์ (19) แล้วจากนั้น ฮิโรโตะ ซาอิกาวะ ซีอีโอของนิสสัน แถลงข่าวในคืนวันเดียวกันว่า ภายหลังได้รับเบาะแสข้อมูลจากบุคลากรภายใน บริษัทก็ได้ดำเนินการสอบสวนนานหลายเดือน และพบการกระทำผิดเกี่ยวกับการเงินมากมายหลายอย่างตลอดระยะเวลา 5 ปีนับจากปีการเงิน 2010 ทั้งของโกส์น และเกร็ก เคลลี่ กรรมการตัวแทนของนิสสัน โดยมีทั้งแจ้งเงินเดือนผลตอบแทนของโกส์นต่ำเกินจริงต่อหน่วยงานรับผิดชอบของทางการ และการใช้ทรัพย์สินของบริษัทผิดวัตถุประสงค์

    นิสสันกำหนดเรียกประชุมบอร์ดบริหารของบริษัทในวันพฤหัสบดี (22) ซึ่งจะพิจารณาปลดโกส์นออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ

    นอกจากที่นิสสันแล้ว โกส์นยังเป็นประธานกรรมการของมิตซูบิชิ ตลอดจนเป็นประธานกรรมการและประธานบริหารของเรโนลต์ด้วย โดยที่มิตซูบิชิระบุว่าคณะกรรมการบริหารจะประชุมปลดเขาออกจากตำแหน่งเช่นกัน

    สำหรับเรโนลต์นั้น บรูโน เลอ แมร์ รัฐมนตรีคลังฝรั่งเศสแถลงว่า โกส์นไม่อยู่ในฐานะที่จะสามารถเป็นผู้นำของเรโนลต์ได้อีก และเรียกร้องให้บอร์ดบริหารเรโนลต์ประชุมกันในวันอังคาร (20) เลย เพื่อจัดตั้งโครงสร้างการบริหารชั่วคราว ขึ้นมาทำหน้าที่แทนโกส์น

    ทั้งนี้รัฐฝรั่งเศสถือหุ้น 15% ของเรโนลต์ โดยที่เรโนลต์ถือหุ้น 43.4% ในนิสสัน ซึ่งนิสสันก็ถือหุ้นราวหนึ่งในสามของมิตซูบิชิ

    ข่าวการจับกุมโกส์นที่น่าตกตะลึงอยู่แล้ว ยังตามมาด้วยถ้อยคำรุนแรงจากซาอิกาะวะที่โกส์นเลือกเองกับมือ โดยซีอีโอนิสสันกล่าวหาโกส์นรวบอำนาจมากเกินไป ซึ่งถือเป็น “ด้านมืด” ในภาวะผู้นำของผู้บริหารชื่อดังสัญชาติบราซิลผู้นี้

    หนังสือพิมพ์โยมิอุริยังรายงานว่า บรรดาผู้บริหารนิสสันประณามโกส์นว่า “โลภ”

    ในวันจันทร์ (19) อัยการเขตโตเกียวแถลงเหตุผลในการจับกุมโกส์นว่า ข้อกล่าวหาที่สำคัญคือการรายงานรายได้ต่ำเกินจริงถึงราว 44.5 ล้านดอลลาร์ ในช่วงระยะเเวลา 5 ปี

    ขณะที่สื่อมวลชนญี่ปุ่นสืบสาวเรื่องที่เขาถูกกล่าวหาว่านำทรัพย์สินของนิสสันไปใช้ส่วนตัว

    สำนักข่าวเกียวโดรายงานเมื่อวันอังคารว่า หนึ่งในข้อกล่าวหาเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการที่โกส์นใช้บ้านพักที่ใช้เงินนิสสันซื้อใน 4 ประเทศ ขณะที่สถานีทีวีเอ็นเอชเคให้รายละเอียดว่า นิสสันจ่ายเงินหลายพันล้านเยนซื้อและปรับปรุงบ้านให้โกสน์ในริโอ เดอ จาเนโร, เบรุต, ปารีส และอัมสเตอร์ดัม โดยบ้านพักเหล่านั้นไม่ได้ซื้อเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ รวมทั้งไม่ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์โตเกียวว่า เป็นสวัสดิการ

    ส่วนหนังสือพิมพ์นิกเกอิสืบมาได้ว่า นิสสันจ่ายเงิน 2,000 ล้านเยนซื้อบ้านให้โกส์นในริโอ เดอ จาเนโร และเบรุต ผ่านทางบริษัทในเครือในเนเธอร์แลนด์ โดยมีเคลลีเป็นคนกำกับดูแลธุรกรรมดังกล่าว

    เกียวโดเสริมว่า อัยการต่อรองให้เจ้าหน้าที่นิสสันให้ความร่วมมือด้วยการเปิดเผยข้อมูล เพื่อแลกกับข้อกล่าวหาที่เบาลงหรือการลดหย่อนโทษ

    ซาอิกาวะแถลงว่า เนื่องจากการสอบสวนยังไม่จบสิ้นจึงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใดๆ และไม่ยอมตอบว่า มีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เพียงแต่บอกว่า โกส์นและเคลลีเป็นผู้กระทำผิดหลักของคดีนี้

    ขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า โกส์นจะถูกควบคุมตัวนานเท่าใด หรือเมื่อไรอัยการญี่ปุ่นจะตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการ

    เขายังยืนยันว่า การเป็นพันธมิตรระหว่างนิสสัน เรโนลต์ และมิตซูบิชิ ซึ่งโกส์นเป็นผู้ผลักดัน จะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ไม่ได้เปิดเผยว่า บริษัทอื่นๆ จะจัดการเรื่องนี้อย่างไร รวมถึงใครที่อาจมาทำหน้าที่แทนโกส์น

    ทว่า โอซามุ มาสุโกะ ซีอีโอ ของมิตซูบิชิ กล่าวในวันอังคารอย่างตรงไปตรงมามากกว่าว่า พันธมิตรเรโนลต์-นิสสัน-มิตซูบิชิ คงจะยากลำบากสำหรับการบริหารจัดการเมื่อปราศจากบุคคลที่เป็นศูนย์รวมอย่างโกส์น “ผมไม่คิดว่าจะมีใครคนอื่นอีกแล้วในโลกนี้ที่จะเหมือนกับโกส์น ซึ่งสมารถบริหารทั้งเรโนลต์, นิสสัน, และมิตซูบิชิได้” มาสุโกะ กล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวในกรุงโตเกียว

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคราวนี้ เรียกได้ว่าเหลือเชื่อที่จะเกิดขึ้นกับโกส์น ซึ่งปัจจุบันอยู่ในวัย 64 ปี และมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างยากจะหาใครเสมอเหมือนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในญี่ปุ่น จากบทบาทการกู้ชีพนิสสันในยุคทศวรรษ 1990

    ขณะเดียวกัน นอกจากจะมีคนนิยมชมชอบทั่วโลกแล้ว โกส์นยังเป็นที่โกรธเคืองของหลายคนจากการเดินหน้าปรับโครงสร้างบริษัทต่างๆ ซึ่งรวมถึงนิสสัน อย่างไม่ปราณีปราศรัยจนถูกขนานนามว่า “นักหั่นต้นทุน” ในฝรั่งเศส

    เงินเดือนค่าตอบแทนก้อนมหึมาที่โกส์นได้รับนั้น ยังเป็นหัวข้อที่ถูกติฉินนินทาอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงที่เรโนลต์ และเคยกลายเป็นกรณีขัดแย้งกับเหล่าผู้ถือหุ้น

    Source: ผู้จัดการออนไลน์
    https://mgronline.com/around/detail/9610000115957

    เพิ่มเติม
    - Ghosn no longer capable of leading Renault, French finance minister says:
    https://www.cnbc.com/2018/11/20/car...Gqbh4WfH12Ii0Y8Mg1TUUrEKj9FgbBVsf1siI8Q4b8lJo

    ******************
    เรื่องเดิม
    คาร์ลอส โกสน์'ประธานนิสสันถูกจับ บริษัทเตรียมไล่ออก'ประพฤติมิชอบ'เพียบ

    คาร์ลอส โกสน์ ประธานของบริษัทนิสสัน มอเตอร์ส ผู้เป็นหนึ่งในนักธุรกิจซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก ถูกจับกุมที่ญี่ปุ่นเมื่อวันจันทร์ (19 พ.ย.) และบริษัทเตรียมที่จะไล่เขาออกจากตำแหน่ง หลังจากเขาถูกกล่าวหาว่าได้ใช้เงินบริษัทเพื่อประโยชน์ส่วนตัว, แจ้งรายได้ของเขาต่อทางการต่ำกว่าความ เป็นจริง, ตลอดจนประพฤติมิชอบในหน้าที่ อย่างร้ายแรงประการอื่นๆ ทั้งนี้ ตามรายงานของสื่อมวลชนและคำแถลงของนิสสัน

    เอ็นเอชเค บริษัทวิทยุและโทรทัศน์สาธารณะของญี่ปุ่น ตลอดจนสื่ออื่นๆ ต่าง พากันรายงานว่า โกสน์ถูกควบคุมตัวภายหลัง ถูกทางอัยการญี่ปุ่นสอบปากคำเกี่ยวกับความประพฤติอันไม่ถูกต้องไม่เหมาะสมต่างๆ

    ขณะที่บริษัทนิสสันแถลงว่า ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนประธานของตนผู้นี้มาเป็น เวลาหลายเดือนแล้ว และมาถึงตอนนี้ก็จะปลดเขาออก

    หลังจากข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ได้ กลายเป็นคลื่นช็อกสร้างความตระหนกไปทั่วอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งโกสน์ถือเป็นบุคคล ที่โดดเด่นได้รับการยกย่องนับถืออย่างสูง จากผลงานการทำให้พวกผู้ผลิตรถรายใหญ่ๆ สามารถหลุดจากภาวะขาดทุนเกือบล้มละลาย รวมทั้งจากการที่เขาเป็นผู้นำของกลุ่มพันธมิตร นิสสัน-เรโนลต์-มิตซูบิชิ

    "สำนักงานอัยการเขตโตเกียวได้จับกุม โกสน์ ประธานของนิสสัน ด้วยข้อหาต้องสงสัยว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องมือทางการเงินและตลาดหลักทรัพย์" เอ็นเอชเค รายงาน

    ขณะที่นิสสันออกคำแถลงที่ระบุว่า ได้ดำเนินการสืบสวนเรื่องของโกสน์ และ เกร็ก เคลลี ผู้มีตำแหน่งเป็นกรรมการตัวแทนของบริษัท มาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว หลังจากได้รับรายงานจากบุคคลภายในซึ่งทราบเรื่องไม่ชอบมาพากลเหล่านี้ และก็ได้ค้นพบว่ามีการกระทำอันมิชอบต่างๆ ย้อนหลังไปไกลหลายๆ ปี

    "การสืบสวนแสดงให้เห็นว่าในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ทั้งโกสน์และเคลลี ต่างแจ้งจำนวนเงินที่ได้รับตอบแทน เอาไว้ในรายงานด้านหลักทรัพย์ซึ่งนำส่งตลาดหลักทรัพย์โตเกียวต่ำกว่าจำนวนที่เป็นจริง ในความพยายามที่จะลดตัวเลขจำนวนค่าตอบแทนของคาร์ลอส โกสน์ ซึ่งจะต้องนำมาเปิดเผย" คำแถลงของนิสสันระบุ

    "นอกจากนั้น ในกรณีของโกสน์ ยังมีการค้นพบการประพฤติมิชอบในหน้าที่อย่างสำคัญประการอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง เป็นต้นว่า การใช้ทรัพย์สินของบริษัทเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ขณะที่ในกรณีของเคลลี ก็สามารถยืนยันได้เช่นกันว่าเขามีความเกี่ยวข้องพัวพันด้วยอย่างลึกซึ้ง

    บริษัทกล่าวต่อไปว่า ได้ส่งข้อมูลข่าวสารต่างๆ ให้แก่ทางอัยการญี่ปุ่นแล้ว และจะเสนอคณะกรรมการบริหารของบริษัทให้ "เร่งปลด โกสน์ออกจากตำแหน่งต่างๆ ที่เขาดำรงอยู่" และควรกระทำเช่นเดียวกันนี้กับเคลลี

    ข่าวน่าตื่นตะลึงนี้ปรากฏเป็นครั้งแรก ในตอนเย็นวันจันทร์ (19) เมื่อหนังสือพิมพ์ อาซาฮีชิมบุงรายงานข่าวว่า โกสน์กำลังถูกอัยการสอบปากคำ และน่าจะถูกจับกุมตัว

    ด้านสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า โกสน์ต้องสงสัยแจ้งรายรับของเขาต่ำกว่าความเป็นจริงเป็นจำนวนถึง 5,000 ล้านเยน (ประมาณ 44 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,455 ล้านบาท) ในช่วงเวลา 5 ปีนับจากปี 2011

    ด้านราคาหุ้นของเรโนลต์ได้หล่นฮวบลงมากว่า 12% ระหว่างการซื้อขายช่วงสายๆ วันจันทร์ (19) ที่ตลาดปารีส สืบเนื่องจากข่าวนี้ซึ่งปรากฏออกมาหลังตลาดโตเกียวปิดการ ซื้อขายไปแล้ว

    โกสน์ซึ่งปัจจุบันอายุ 64 ปี เป็นชาวบราซิลโดยกำเนิด และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีจากการยกเครื่องพลิกฟื้นฐานะของเรโนลต์และนิสสัน เริ่มตั้งแต่ในช่วงทศวรรษ 1990

    เรโนลต์ ยักษ์รถยนต์ฝรั่งเศส ได้เข้ามากอบกู้ช่วยเหลือนิสสัน ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติ ญี่ปุ่นที่เวลานั้นอาการย่ำแย่มาก เมื่อปี 1999 และนำเอาโกสน์เข้ามาคุมนิสสัน ซึ่งเขาได้ดำเนินการตัดลดค่าใช้จ่ายและตำแหน่งงานในการยกเครื่องบริษัทครั้งมโหฬาร และทำให้ฐานะของนิสสันฟื้นตัวขึ้นมาได้

    ในปี 2016 โกสน์ยังได้เข้าไปรับผิดชอบบริษัทรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่กำลังลำบาก ภายหลังนิสสันตัดสินใจต่อชีวิตให้ ด้วยการ เข้าซื้อหุ้นมิตซูบิชิไว้เป็นจำนวนหนึ่งในสาม

    Source: ผู้จัดการ



     

แชร์หน้านี้

Loading...