ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    F. Elie Khneisser - Daily weather PRO

    ฝนตกหนักเย็นและห่วงใย... มันคือวันประกาศอิสรภาพ

    เงื่อนไขสภาพอากาศในเลบานอนสำหรับวันพุธที่ 21 พฤศจิกายน 2018

    พายุหิมะในยุโรปกลาง ตุรกี และกรีซ และ depressions เริ่มที่จะหักหลบไปทางตะวันออกกลาง จากช่วงบ่ายของวันพุธ เนื่องจากการเข้าของความกดอากาศสูง เฉพาะในบัลแกเรีย และทะเลดำได้ถึง 1030 ....
    นี่คือเขตร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงเหนือ jeddah และเซ็นทรัลซาอุดีอาระเบีย ที่จะค่อย ๆ ย้ายไปที่บาห์เรน, คูเวต, อิหร่านตะวันตก และอิรัก, ที่ที่ฝนจะส่งผลให้เกิดน้ำท่วมมาก และน้ำท่วมรุ่นบ่งบอกว่าวงโคจรขนาดใหญ่นี้ต่ำ จะ ถูกแบ่งให้เป็นกาตาร์ภายในสิ้นเดือนนี้

    แปลมาบางส่วน
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    F. Elie Khneisser - Daily weather PRO
    19 พฤศจิกายน เวลา 16:02 น. ·





    อุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ตอนกลางทะเลทรายซาอุดิอาระเบียเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ พายุดีเปรสชันเขตร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงจะก่อตัวขึ้นในวันที่อัล - บา อัลบายาห์ทางเหนือของริยาด น้ำจากทะเลทรายที่ไหลลงสู่คูเวต อิรัก และบาห์เรนจะกลายเป็นน้ำท่วมระดับสูง อาจเกินสี่วันนับจากเย็นวันพฤหัสบดี
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Severe Weather Europe

    AaWgvMxg_L_pCGrkkfV90CdDpy-4cB_7rYL-D8nmV8wiG-gwbNcjLehlqGNPNA&_nc_pt=1&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg

    รายงานใน vietri ซุลแมร์ (ซา), แคว้น Campaniaทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี วันนี้พ. ย. 20! รายงาน: @ antonellino1 ig / the storm ยุโรป

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Severe Weather Europe
    Do-YoJMQ4Z-9is1I5YKpPi2ubjWD_w3khkLftnteMl9pyrx7zWv_RbaLhyyqsQ&_nc_pt=1&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg
    เช้าฤดูหนาวที่งดงามใน klagenfurt, ออสเตรียใต้เช้านี้เดือนพฤศจิกายน 20. รายงาน: Sigi Fink

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กษัตริย์ซาอุฯชื่นชมระบบยุติธรรมหลัง 'มกุฎราชกุมาร' ปลอดความผิดสังหารนักข่าว
    พฤศจิกายน 20, 2018
    5556C86D-3CB0-4173-B59F-F27999E87514_w1023_r1_s.jpg
    Saudi Arabia's King Salman bin Abdulaziz Al-Saud is seen during the 29th Arab Summit in Dhahran, Saudi Arabia, Apr. 15, 2018. (Courtesy of Saudi Royal Court/Handout via Reuters)

    กษัตริย์ซัลมานของซาอุดิอาระเบีย ทรงมีพระราชดำรัสต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกหลัง คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ Washington Post จามาล คาชอกกี ถูกสังหารเมื่อต้นเดือนตุลาคม โดยทรงชื่นชมการทำงานของระบบยุติธรรมซาอุฯ


    กษัตริย์ซัลมานทรงมีพระราชดำรัสในเรื่องนี้ในพระราโชวาทต่อหน่วยงานนิติบัญญัติ แต่ทรงมิได้กล่าวถึงการเสียชีวิตของนายคาชอกกีโดยตรง

    พระองค์ตรัสว่า "พวกเราภูมิใจในความพายามของฝ่ายตุลาการและกระบวนการยุติธรรมภาคสาธารณะ"

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หน่วยงานตุลาการของซาอุฯ ระบุว่า มกุฎราชกุมาร บิน ซัลมาน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารจามาล คาชอกกี

    อย่างไรก็ตาม สื่อสหรัฐฯ รวมถึง Washington Post รายงานเมื่อวันศุกร์โดยอ้างแหล่งข่าวผู้ไม่ประสงค์จะออกนามว่าหน่วยงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือซีไอเอ สรุปการตรวจสอบการเสียชีวิตของนายคอชอกกี ว่าคำสั่งสังหารมาจากมกุฎราชกุมาร บิน ซัลมาน

    ในวันเสาร์ ประธานาธิบดีทรัมป์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวในเรื่องนี้ว่า "ขณะนี้ยังเร็วเกินไป และรายงานที่ว่านั้น เป็นรายงานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์"

    เขากล่าวว่า ในวันอังคารน่าจะมีรายงานฉบับสมบูรณ์ ในเรื่องการสังหาร นายจามาล คาชอกกี

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางการซาอุดิอาระเบียกล่าวว่าเตรียมนำชาย 5 คน มารับโทษประหารชีวิต จากข้อกล่าวหาร่วมสังหารนายคาชอกกี

    อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดิอาระเบีย กล่าวในวันเดียวกันว่า มกุฎราชกุมารบิน ซัลมานไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้อย่างสิ้นเชิง

    ที่ผ่านมา ผู้ติดตามข่าวนี้ทั่วโลกเกิดความสังสัยกับบทบาทของรัชทายาทพระองค์นี้ของราชวงศ์ซาอุฯ ซึ่งถูกวิจารณ์บ่อยครั้งในบทความของนายคาชอกกี

    A274C02B-2486-491D-8B73-32FEC998F4DF_w650_r1_s.jpg
    Candles, lit by activists, protesting the killing of Saudi journalist Jamal Khashoggi, are placed outside Saudi Arabia's consulate, in Istanbul, during a candlelight vigil, Oct. 25, 2018.
    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯกล่าวว่า รายงานของซีไอเอระบุถึง การใช้เครื่องบินราชการของซาอุดิอาระเบีย พาชาย 15 คนเดินทางมาสังหารนายคอชอกกี ที่สถานกงสุลซาอุฯ ในนครอิสตันบูลประเทศตุรกี เมื่อต้นเดือนตุลาคม


    https://www.voathai.com/a/khashoggi..._PfpxEAzhEyKYc771gqr9H0WWccmdHsCiQBYZ8zhYkYFE
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฝรั่งเศสเตรียมประท้วงน้ำมันแพงรอบใหม่ 24 พ.ย.นี้ พฤศจิกายน 21, 2018
    F6EF266C-1712-4359-A52F-F418A7391E31_w1023_r1_s.jpg
    People wearing yellow vests, a symbol of a French drivers' nationwide protest against higher fuel prices, block the Paris-Brussels motorway in Haulchin, France, Nov. 17, 2018.
    ผู้ประท้วงฝรั่งเศส เตรียมชุมนุมปิดถนนหนทางและสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศอีกครั้ง ในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ เพื่อประท้วงราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น จากนโยบายด้านพลังงานของฝรั่งเศส

    การประท้วงครั้งนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผู้ประท้วงราว 300,000 คน ในชุดเสื้อกั๊กที่เหลืองออกมาปิดถนนและปั๊มน้ำมันทั่วประเทศ เพื่อคัดค้านนโยบายด้านพลังงาน ของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครอง แห่งฝรั่งเศส ที่สั่งขึ้นภาษีพลังงานที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก

    นอกจากนี้ ผู้ประท้วงยังออกมาคัดค้านนโยบายเศรษฐกิจของนายมาครอง ที่ผู้ชุมนุมเรียกนายมาครองว่าเป็นประธานาธิบดีของคนรวย แต่รัฐบาลฝรั่งเศสยืนยันว่าจะคงนโยบายดังกล่าวต่อไป

    ทว่าการเดินขบวนเมื่อวันเสาร์นำไปสู่เหตุรุนแรง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน และบาดเจ็บมากกว่า 500 คน ขณะที่การชุมนุมยังมีต่อไปจนถึงวันอังคารที่ผ่านมา


    https://www.voathai.com/a/france-protest-energy-policy/4667422.html
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รวบสาวท้องคาร้าน ข้อหาไม่ติดฉลากภาษาไทย ชาวเน็ตจวกรุนแรงไปไหม

    เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนขายกางเกงใน ข้อหาที่ไม่ติดภาษาไทยตามกฏหมายกำหนด และพยายามเชิญตัวไปข้างนอก พ่อค้าแม่ค้าร้านใกล้เคียงเข้าช่วยเจรจา

    วันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 เจ้าของเฟซบุ๊ก Phanthanakrit O'por เผยคลิปวิดีโอเหตุการณ์นี้ เกิดการประทะดุเดือด เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ตรวจสอบตรวจจับสินค้าผิดกฎหมาย แต่วันนี้พี่ตำรวจไปตรวจจับคนขายกางเกงในตัวละ 18 บาท แต่มีความผิดตามกฎหมาย

    โดยตำรวจอ้างว่า ไม่ติดภาษาไทยตามกฎหมายกำหนด ซึ่งเหตุการณ์นี้ ได้รับการวิพากวิจารณตำรวจได้ใช้กำลังกระชากผู้หญิงท้อง และ จะจับคนขายชายใส่กุญแจมือ ว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินไปหรือเปล่า

    ส่วนเรื่องการจับสินค้าผิดกฎหมายก็ถูกต้องแล้วเป็นหน้าที่ตำรวจ และมีอยู่ในกฎหมายจริงแต่ติติงการกระทำของตำรวจ

    https://hilight.kapook.com/view/180...dTO3tqB_7MaKWaRgzujGcjHhg7eL-hOQlPIZw8GN5l-P0
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ด่วน!รัฐบาลสหรัฐฯเตือนชาวอเมริกันห้ามรับประทาน 'ผักกาดโรเมน' หวั่นติดโรคระบาด
    พฤศจิกายน 21, 2018
    6B931A67-CFC3-4861-9E53-EAF7EBF7EBB8_w1023_r1_s.jpg
    A crewmember stands in a pile of discarded romaine lettuce leaves while working near Soledad, California, May 3, 2017. An E.coli outbreak linked to romaine lettuce grown in Yuma, Ariz., has left five people dead.

    หน่วยงานควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐฯ (Centers for Disease Control and Prevention) ประกาศเตือนชาวอเมริกันห้ามรับประทาน 'ผักกาดโรเมน' หรือ romaine lettuce ทั่วประเทศเนื่องจากมีความเสี่ยงเกิดโรคระบาดจากเชื้ออี-โคไล ซึ่งอาจทำให้ไตวายได้


    Centers for Disease Control and Prevention หรือ CDC กล่าวว่าขณะนี้กำลังตรวจสอบการติดเชื้อแบคทีเรีย อี-โคไล ที่มีสารพิษชิกา (shiga) ที่เชื่อมโยงกับผักกาดโรเมน ร่วมกับเจ้าหน้าด้านสาธารณสุขในสหรัฐฯและแคนาดา

    ในคำประการเตือน CDC แนะนำประชาชนห้ามรับประทานผักสลัด ที่มีสาวนผสมของผักกาดโรเมนด้วย

    ผักกาดโรเมน เป็นผักกาดทรงยาวที่คนอเมริกันนิยมรับประทาน ในอาหารหลายชนิดเช่น เเซนด์วิช และซีซาร์สลัด

    CDC ระบุว่าผู้บริโภคควรทำความสะอาดช่องในตู้เย็นที่ใช้เก็บผักชนิดนี้ด้วย นอกจากนั้นยังแนะนำให้ร้านอาหารและร้านค้างดเสิร์ฟหรือขายอาหารและผลิตภัณฑ์ที่เป็นหรือมีส่วนประกอบของผักชนิดนี้

    ในการระบาดครั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบผู้ป่วยจากเชื้ออี-โคไล ที่มีสารพิษชิกา ในมลรัฐ 11 รัฐของสหรัฐฯระหว่างวันที่ 8 ถึง 31 ตุลาคม

    ในการระบาดครั้งนี้ มีประชาชนล้มป่วยแล้ว 13 คนจนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล ในจำนวนนี้ หนึ่งรายเกิดภาวะไตวาย แต่ยังไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิต ณ ตอนที่ CDC ออกคำประกาศบ่ายวันอังคาร


    https://www.voathai.com/a/lettuce-romaine-cdc-ecoli-/4666933.html
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    MEXICO
    AMd4tgtwbGhpoymWEiJQ-YlAJSJQRCcpwz9MnxCcDkM3a93ZscqMhPqw_rZctw&_nc_pt=1&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg
    พวกเขากักขัง 34 คนในกองกำลังอพยพเพื่อครอบครองยาเสพติดและอาชญากรรมอื่น ๆ

    ผู้ถูกคุมขังดำเนินกิจกรรมผิดกฎหมายในเมือง Tijuana

    สิทธิมนุษยชนมาพร้อมกับหน้าที่ของมนุษย์ สมาชิกของ Migrant Caravan ที่ไม่เคารพประชาชนของ Tijuana อ่านข้อความนี้: เต็มตามน้ำหนักของกฎหมาย! 34 คน ถูกส่งไปที่ INAMI แล้ว .... ไม่ได้คนเดียว เขากล่าวว่า ... Juan Manuel Gastélum

    เนื่องจากมีการครอบครองยาเสพย์ติด และข่มขู่เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมผู้อพยพจำนวน 34 คน

    ...
    นายกเทศมนตรีเมือง Tijuana Juan Manuel Gastélum Buenrostro ได้เสนอให้นำมาตรา 33 แห่งรัฐธรรมนูญไปใช้กับแรงงานข้ามชาติที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบในเมือง

    สำหรับสภาเทศบาลเมือง Tijuana XXII การรักษาความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยใน Tijuana เป็นอันดับแรก ดังนั้นจึงจะมีมาตรการที่เหมาะสมและจะมีการปรึกษาหารือเกี่ยวกับพลเมืองเพื่อทราบและคำนึงถึงความคิดเห็นของชุมชน

    แหล่งที่มา: Elurbano

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    แม็กซิโก
    TfCSUx3YikXapy_b7JIBGIVsMQDSvSdpNK5JUDvSRjapr6sN43lGU7A_ds3pjg&_nc_pt=1&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg
    ก่อนและหลังกำแพงระหว่าง tijuana และสหรัฐอเมริกาเสริมหลังคาราวานของผู้อพยพ

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    แม็กซิโก

    มีการตรวจพบในหมู่ผู้อพยพของคาราวาน โรคประจำตัว วัณโรคและเอดส์

    เจ้าหน้าที่สุขภาพของรัฐบาลเมืองเม็กซิโกซิตี้ กำลังแจ้งเตือนก่อนจะเกิดการระบาดของการติดเชื้อทางเดินหายใจในที่พักสำหรับผู้อพยพ ที่ติดตั้งในสนามกีฬา... , alcandia ของ iztacalco

    ......
    ที่มา: teotihuacanenlineadiario

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    ฝรั่งเศส

    พายุหิมะบนทางหลวง a1 ไปยัง roissy, ฝรั่งเศส, เช้านี้
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    อิตาลี

    พายุทอร์นาโดที่ยิ่งใหญ่ใน Taurisano, Salento, Puglia ตอนใต้ของอิตาลีเช้านี้
    ของวันนี้
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    อิตาลี

    มีการรายงานการรุกล้ำทางทะเลบนชายฝั่ง Vietri sul Mare Salerno, Campania, ทางใต้ของอิตาลีในวันนี้วันที่ 20 พฤศจิกายน
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผ่นดินไหว 4.1 . Idaho.

    dJEMAJBN6atDxZWVxiNiTVliNtp4X_GjyrC_QMdZ2Urk1uq-QzuUmZix4nEdvw&_nc_pt=1&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Manuel Barreraถึง Catástrofes Mundiales - Grupo de Facebook - Oficial - Únanse



    "ฉัน มี ความทุกข์ มาก ฉัน อยาก ขอโทษ คน เม็กซิกัน" เธอคือมิเรียมสมาชิกชาวฮอนดูรัสของ #caravanamigrante ที่กลายเป็นคนดังที่จะบอกว่า #ถั่วและ #ตอร์ตีที่ให้พวกเขาเป็นอาหารสำหรับหมู (20 พ. ย. 2018)
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มีคนสะดุ้ง!!ตัวแทนรัสเซียโผล่เป็นตัวเต็ง'ประธานตำรวจสากล'รายใหม่ เผยแพร่: 21 พ.ย. 2561 01:00 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    561000012060901.jpg

    อเล็กซานเดอร์ โพรคอปชุค อดีตนายพลประจำกระทรวงมหาดไทยของรัสเซีย มีชื่อโผล่เป็นตัวเต็งของผู้ที่จะก้าวมาเป็นประธานองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (อินเตอร์โพล)
    รอยเตอร์ - 2 นักวิจารณ์เครมลินคนดัง รวมพลังกันในวันอังคาร(20พ.ย.) ในความพยายามขัดขวางไม่ให้ชาวรัสเซียคนหนึ่งก้าวมาเป็นประธานองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (อินเตอร์โพล) ระบุพวกเขาเกรงว่ามอสโกจะใช้ตำแหน่งหน้าที่นี้ในทางที่ผิดด้วยการไล่ล่าพวกผู้กล่าวร้าย

    ที่ประชุมสมัชชาใหญ่อินเตอร์โพลหรือที่นิยมเรียกกันว่าตำรวจสากล มีกำหนดเลือกประธานคนใหม่ในวันพุธ(21พ.ย.) หลังจาก เมิ่ง หงเหว่ย ประธานคนเก่าชาวจีนหายตัวไปในเดือนกันยายน ก่อนต่อมาปักกิ่งได้เผยว่าเขาถูกควบคุมตัวในความเกี่ยวข้องกับการสืบสวนรับสินบน

    การต่อสู้เพื่อสืบทอดเก้าอี้ของเขาได้กลายมาเป็นประเด็นทางการเมือง หลังจาก อเล็กซานเดอร์ โพรคอปชุค อดีตนายพลประจำกระทรวงมหาดไทยของรัสเซีย มีชื่อโผล่เป็นตัวเต็งที่จะได้งานนี้ แนวโน้มที่ก่อความกังวลแก่เหล่าพวกวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน

    ในวันอังคาร(20พ.ย.) มิฮาอิล โคดอร์คอฟสกี อดีตมหาเศรษฐีน้ำมันผู้ขัดขืนรัสเซีย เปิดแถลงข่าวในกรุงลอนดอน เคียงข้าง บิลล์ โบรว์เดอร์ ฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์เครมลินที่เกิดขึ้นสหรัฐฯ โดยทั้งสองคนส่งเสียงเตือนต่อการเลือก โพรคอปชุค ระบุว่ามันจะทำให้เครมลินชักใยอินเตอร์โพลได้ง่ายขึ้น แม้ว่ามอสโกปฏิเสธคำกล่าวหานี้ก็ตาม

    "การแต่งตั้งบุคคลๆหนึ่งเข้ามาเป็นหัวหน้าองค์กรตำรวจระหว่างประเทศ ไม่เพียงแต่จะต้องไม่ทำลายชื่อเสียงรัฐสมาชิกของอินเตอร์โพลทั้งมวลแล้ว มันจะต้องไม่ก่อภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อบุคคลที่อาจตกเป็นเหยื่อของการตามประหัตประหารทางการเมืองด้วย" โคดอร์คอฟสกีกล่าว

    ปูติน ปล่อยตัว โคดอร์คอฟสกี ในปี 2013 หลังเขาใช้ชีวิตในเรือนจำราว 1 ทศวรรษ ตามข้อหาฉ้อโกง ข้อกล่าวหาที่ทาง โคดอร์คอฟสกี ระบุว่าเป็นการแต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อลงโทษเขาฐานให้การสนับสนุนเงินทุนแก่ฝ่ายต่อต้านทางการเมืองของปูติน อย่างไรก็ตามทางประธานาธิบดีรัสเซียตอบโต้ว่าเขามองนักธุรกิจรายนี้เป็นแค่หัวขโมยทั่วๆไป

    ด้าน โบรว์เดอร์ หัวหน้ากองทุนรวม Hermitage Capital Management เป็นแกนนำรณรงค์เปิดโปงคอรัปชันและผลักดันลงโทษเจ้าหน้าที่รัสเซียที่เขากล่าวโทษว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของทนายความเซอร์โก มักนิตสกี ภายในเรือนจำแห่งหนึ่งในมอสโก เมื่อปี 2009

    "ถ้าชาวรัสเซียได้เป็นประธานองค์กรนี้ รัสเซียจะดำเนินการต่างๆภายใต้คำสั่งของวลาดิมีร์ ปูติน" โบรว์เดอร์กล่าว ในขณะที่เขาเคยสนับสนุนประธานาธิบดีรายนี้ ก่อนกลายเป็นหนึ่งในนักวิพากษ์วิจารณ์ข้ามชาติตัวยงของปูติน "การวางตัวแทนของเขาให้ดูแลองค์การต่อสู่อาชญากรรมระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุด ก็เหมือนกับการมีมาเฟียดูแลองค์กร"

    อัยการรัสเซียระบุในวันจันทร์(19พ.ย.) สงสัยว่า โบรว์เดอร์ จะเป็นผู้ออกคำสั่งในเหตุฆาตกรรมหลายๆคดี ในนั้นรวมถึง มักนิตสกี คำกล่าวอ้างที่ทาง โบรว์เดอร์ ปฏิเสธว่าเป็นเรื่องน่าขัน

    ในวันจันทร์(19พ.ย.) ส.ว.สหรัฐฯ 4 คน ร่วมกันเรียกร้องประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้คัดค้านการเสนอชื่อ โพรคอปชุค และกล่าวหา รัสเซีย กำลังใช้อินเตอร์โพลในทางที่ผิด จัดการและข่มขู่พวกผู้ขัดขืนด้วยการออกหมายจับต่างๆนานาหรือที่เรียกว่า red notices (หมายแดง)

    พวกนักการเมืองในลิทัวเนียและยูเครน เรียกร้องรัฐบาลให้ถอนตัวจากอินเตอร์โพลหากว่า โพรคอปชุค ได้รับเลือก ในขณะที่อังกฤษบอกว่าพวกเขาให้การสนับสนุน คิม จอง ยาง คู่แข่งชาวเกาหลีใต้ของ โพรคอปชุค ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสของอินเตอร์โพล

    อย่างไรก็ตาม เครมลิน ระบุในวันอังคาร(20พ.ย.) ว่าเสียงต่อต้านการเสนอชื่อ โพรคอปชุค จากวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เทียบเท่ากับเป็นการแทรกแซงการเลือกตั้ง "บางทีมันอาจเป็นรูปแบบหนึ่งของการแทรกแแซงกระบวนการเลือกตั้งในองค์กรระหว่างประเทศ" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลินบอกกับพวกผู้สื่อข่าว

    ส่วนกระทรวงมหาดไทยของรัสเซียก็ออกมาปกป้อง โพรคอปชุค เช่นกัน "เรากำลังเห็นการรณรงค์ดิสเครดิตผู้ถูกเสนอชื่อชาวรัสเซีย" ถ้อยแถลงระบุ พร้อมแสดงความคร่ำครวญต่อสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าการเล่นเกมการเมืองภายในอินเตอร์โพลที่ไม่อาจยอมรับได้

    "อเล็กซานเดอร์ โพรคอปชุค มีประสบการทำงานในขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายมานานหลายปีและปัจจุบันก็เป็นรองประธานอินเตอร์โพล ซึ่งยืนยันถึงการได้รับความไว้วางใจและความเคารพระดับสูงภายในองค์กรระหว่างประเทศแห่งนี้" กระทรวงมหาดไทยรัสเซียกล่าว พร้อมระบุว่าหากได้รับเลือก เขาจะทำหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของอินเตอร์โพลแต่เพียงอย่างเดียว

    แต่ละรัฐสมาชิก 194 ชาติของอินเตอร์โพล มีคะแนนประเทศละ 1 เสียง ในการลงคะแนนโหวตเลือกประธานในดูไบวันพุธนี้(21พ.ย.) โดยผู้ชนะจะเข้ามารับช่วงต่อ 2 ปีสุดท้ายในวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปีของ เมิ่ง หงเหว่ย

    https://mgronline.com/around/detail/9610000116018
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การเผชิญหน้าระหว่าง'สหรัฐฯ-จีน-รัสเซีย'เวลานี้ อันตรายยิ่งกว่า'สงครามเย็น'ในอดีตเสียอีก
    เผยแพร่: 20 พ.ย. 2561 23:32 ปรับปรุง: 20 พ.ย. 2561 23:47 โดย: ไมเคิล แคลร์
    561000012032201.jpg

    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

    The new global tinderbox: It’s not your mother’s Cold War
    By Michael Klare
    31/10/2018

    ความเคลื่อนไหวในช่วงไม่นานมานี้ของ โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งอเมริกา, วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย, และ สี จิ้นผิง แห่งจีน ทำให้มีเสียงพูดกันกระหึ่มว่า โลกกำลังเข้าสู่สงครามเย็นครั้งใหม่ แต่มันไม่ใช่เช่นนั้นหรอก สิ่งที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่ไม่ใช่ภาพจำลองของสงครามเย็นเมื่อศตวรรษที่แล้วโดยเพียงมีการอัปเดตให้ทันสมัยขึ้นเล็กๆ น้อยๆ หากแต่เป็นสถานการณ์อันหนักหนาสาหัสระดับโลกซึ่งทั้งใหม่และทั้งทำท่าจะมีอันตายยิ่งกว่ามากมายนัก

    เมื่อต้องว่ากันถึงความสัมพันธ์ระหว่าง อเมริกาของโดนัลด์ ทรัมป์, รัสเซียของวลาดิมีร์ ปูติน, และจีนของสี จิ้นผิง บรรดาผู้สังเกตการณ์ในทุกหนทุกแห่งต่างกำลังเริ่มต้นพูดถึงการหวนย้อนกลับไปสู่อดีตที่แสนคุ้นเคยซึ่งเพิ่งผ่านพ้นไปหมาดๆ

    “เวลานี้เรากำลังเกิดสงครามเย็นครั้งใหม่” เป็นความเห็นของผู้เชี่ยวชาญรัสเซีย ปีเตอร์ เฟลกันฮาวเออร์ (Peter Felgenhauer) ในกรุงมอสโก หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ถึงแผนการที่จะถอนตัวออกจากสนธิสัญญากองกำลังนิวเคลียร์พิสัยกลาง (Intermediate-Range Nuclear Forces Treaty หรือ INF) ส่วนนักประวัติศาสตร์ วอลเตอร์ รัสเซลล์ มีด (Walter Russell Mead) เขียนใน วอลล์สตรีทเจอร์นัล ว่า คณะบริหารทรัมป์ “กำลังเปิดฉากสงครามเย็นครั้งใหม่” หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯผู้นี้อนุมัติรับรองมาตรการต่อต้านจีนชุดหนึ่งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้แล้วยังมีคนอื่นๆ อีกมากมายทีเดียวซึ่งกำลังส่งเสียงสอดแทรกเข้ามาในทำนองเดียวกัน

    การขยับก้าวเดินเมื่อเร็วๆ นี้ของผู้นำในวอชิงตัน, มอสโก, และปักกิ่ง อาจดูเหมือนสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่การพูดถึง “สงครามเย็นครั้งใหม่” เช่นนี้ ทว่าสำหรับสิ่งที่กำลังปรากฏขึ้นในปัจจุบัน เราคงต้องบอกว่าประวัติศาสตร์ไม่ได้ให้คำชี้แนะใดๆ แก่เราเลย ณ ปี 2018 หรือเมื่อศตวรรษที่ 21 ผันผ่านพ้นไปเกือบๆ 2 ทศวรรษ สิ่งที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่ไม่ใช่ภาพจำลองของสงครามเย็นเมื่อศตวรรษที่แล้วโดยเพียงมีการอัปเดตให้ทันสมัยขึ้นมาบ้างเล็กๆ น้อยๆ หากแต่เป็นสถานการณ์ยากลำบากระดับโลกซึ่งทั้งใหม่และทั้งทำท่าจะมีอันตรายยิ่งกว่ามากมายนัก

    สงครามเย็นครั้งดั้งเดิม ซึ่งครอบคลุมระยะเวลาตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1940 จวบจนกระทั่งการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991 ทำท่าจะมีอันตรายอย่างใหญ่หลวงจากความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์และการทำลายล้างผลาญด้วยเทอร์โมนิวเคลียร์ กระนั้นก็ตามที อย่างน้อยที่สุดภายหลังจากวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบาปี 1962 แล้ว สถานการณ์กลับดูมีเสถียรภาพอย่างน่าเตะตา โดยถึงแม้มีการสู้รบขัดแย้งกันในระดับท้องถิ่นในรูปแบบต่างๆ มากมายหลายหลาก แต่ทั้งสหรัฐฯและสหภาพโซเวียตต่างหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากันโดยตรงชนิดซึ่งอาจจุดชนวนให้เกิดความวิบัติหายนะกันทั้งคู่

    ในความเป็นจริง ภายหลังที่เผชิญกับสถานการณ์อันเลวร้ายและมีความเสี่ยงอย่างยิ่งยวดเมื่อปี 1962 แล้ว พวกผู้นำของอภิมหาอำนาจทั้งสองก็มีปฏิสัมพันธ์กันในรูปของการเจรจาต่อรองกันอย่างต่อเนื่องยืดยาวและแสนจะสลับซับซ้อน กระทั่งสามารถนำไปสู่การลดทอนคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ของพวกเขาลงมาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว รวมทั้งมีการทำข้อตกลงหลายฉบับซึ่งมุ่งหมายที่จะลดทอนความเสี่ยงที่จะเกิดสถานการณ์โลกาวินาศขึ้นมาในอนาคต

    สิ่งที่คนอื่นๆ ในเวลานี้กำลังเรียกขานกันว่า “สงครามเย็นครั้งใหม่” (แต่ผมชื่นชอบที่จะคิดว่าเป็นกล่องไม้ขีดไวไฟระดับโลกกล่องใหม่ซึ่งติดไฟง่ายเหลือเกินมากกว่า) มีความละม้ายคล้ายคลึงน้อยเหลือเกินกับสิ่งซึ่งเกิดขึ้นมาในยุคสมัยก่อนหน้านี้

    เหมือนกับที่เคยเป็นอยู่เมื่อหลายสิบปีก่อน เวลานี้สหรัฐฯกับพวกคู่แข่งอย่างรัสเซียและจีน ต่างกำลังสาละวนอยู่กับการชิงดีชิงเด่นสะสมอาวุธแบบเร่งตัวรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ โดยโฟกัสที่การทำให้อาวุธนิวเคลียร์และอาวุธ “ตามแบบแผน” (conventional) ของพวกเขา มีคุณสมบัติทางด้านพิสัยทำการ, ความแม่นยำ, และอานุภาพการทำลาย สูงขึ้นทุกที ทั้ง 3 ประเทศยังต่างมีการจับกลุ่มรวมตัวเป็นพันธมิตรประเภทต่างๆ ในลักษณะทำนองเดียวกับที่เกิดขึ้นในยุคสงครามเย็น จนทำให้แลดูเหมือนกับเกิดการต่อสู้ชิงอำนาจกันในระดับโลกมากขึ้นๆ

    ทว่าความละม้ายคล้ายคลึงสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้แหละ ขณะที่ในเรื่องของความผิดแผกแตกต่างนั้นมีอยู่อย่างมากมายมหาศาล ความแตกต่างประการแรกสุด เป็นสิ่งซึ่งมองเห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งกว่าอะไรอื่น ได้แก่ การที่เวลานี้สหรัฐฯเผชิญกับคู่ปรปักษ์ผู้เด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นถึง 2 ราย ไม่ใช่เพียงแค่รายเดียว ไม่เพียงเท่านั้น ภูมิหลังของโลกในปัจจุบันยังกำลังมีการสู้รบขัดแย้งกันอย่างสลับซับซ้อนมากมายกว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน (และนี่ย่อมหมายความด้วยว่า มีจุดร้อนที่อาจปะทุติดไฟทางนิวเคลียร์ได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเช่นกัน) ในเวลาเดียวกันนั้น พรมแดนเส้นแบ่งแบบเก่าๆ ระหว่าง “สันติภาพ” กับ “สงคราม” ก็กำลังลบเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากคู่แข่งขันทั้ง 3 รายต่างเข้าพัวพันกับการประลองชิงดีชิงเด่นกันในด้านอื่นๆ ซึ่งสามารถพิจารณาได้ว่าเป็นการสู้รบหักล้างอย่างเอาเป็นเอาตายเช่นกัน เพียงแต่ด้วยเครื่องมือประเภทอื่นๆ เป็นต้นว่า สงครามการค้า และการโจมตีทางไซเบอร์ โดยที่การต่อสู้เหล่านี้ยังอาจจะกลายเป็นการแผ้วถางจัดตั้งเวทีสำหรับความรุนแรงสุดใหญ่โตมโหฬารยิ่งกว่านั้นที่จะติดตามมา

    สิ่งที่เข้ามาผสมโรงกับภัยอันตรายเช่นนี้ก็คือ มหาอำนาจใหญ่ทั้ง 3 รายเวลานี้ต่างกำลังเข้าเกี่ยวข้องแสดงพฤติการณ์ยั่วยุต่างๆ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อ “สาธิตให้เห็นความมุ่งมั่นแน่แน่ว” ของตนเอง หรือเพื่อเป็นการคุกคามข่มขวัญบรรดาปรปักษ์ เป็นต้นว่า การที่เรือรบของสหรัฐฯและเรือรบของจีนแล่นไล่เฉียดกันอย่างน่ากลัวอันตรายยิ่งเมื่อเร็วๆ นี้ บริเวณน่านน้ำนอกหมู่เกาะที่ฝ่ายจีนครอบครองอยู่ในทะเลจีนใต้

    พร้อมกันนั้น แทนที่จะเสาะแสวงหาทางทำพวกข้อตกลงประเภทควบคุมอาวุธซึ่งเป็นเครื่องบรรเทาความเป็นศัตรูมุ่งร้ายกันในยุคสงครามเย็น ขณะนี้สหรัฐฯกับรัสเซียดูเหมือนมีเจตนาที่จะฉีกทิ้งสัญญาฉบับต่างๆ ที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน และเปิดฉากการแข่งขันด้านอาวุธนิวเคลียร์ครั้งใหม่ขึ้นมา

    ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ย่อมสามารถที่จะนำพาโลกให้เคลื่อนเข้าไปใกล้ๆ สถานการณ์อันตรายร้ายแรงยิ่งครั้งใหม่แบบวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา เมื่อตอนที่โลกของเราอยู่ห่างเพียงแค่เส้นยาแดงผ่าแปดที่จะถลำเข้าสู่การถูกเผาผลาญเป็นจุลด้วยสงครามนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม สำหรับวิกฤตการณ์ครั้งใหม่นี้ อาจจะเริ่มต้นขึ้นในทะเลจีนใต้ หรือกระทั่งในภูมิภาคบอลติก ซึ่งเครื่องบินกับเรือรบของสหรัฐฯและของรัสเซียกำลังมีปฏิสัมพันธ์กันในลักษณะจวนเจียนจะเกิดการชนปะทะกันอยู่เป็นประจำเช่นเดียวกัน

    ทำไมภัยอันตรายดังกล่าวเหล่านี้จึงกำลังเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว? ในการตอบคำถามนี้ ให้ได้ดี ควรที่เราจะทำการสำรวจพวกปัจจัยต่างๆ ซึ่งแบ่งแยกขณะปัจจุบันนี้ออกจากยุคสงครามเย็นดั้งเดิม

    โลกของเราเวลานี้กลายเป็นโลกที่มี 3 ขั้วอำนาจไปแล้ว

    ในสงครามเย็นดั้งเดิมนั้น การต่อสู้ชิงดีชิงเด่นกันในแบบ 2 ขั้วอำนาจ คือระหว่างมอสโกกับวอชิงตัน (อภิมหาอำนาจ 2 รายสุดท้ายที่เหลืออยู่บนพื้นพิภพนามว่าโลก หลังจากมีการแข่งขันช่วงชิงกันระหว่างเหล่าจักรวรรดิซึ่งเป็นศัตรูกันรายแล้วรายเล่ามาเป็นเวลาหลายศตวรรษ) ดูเหมือนจะกลายเป็นตัวตัดสินทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งบังเกิดขึ้นบนเวทีระดับโลก แน่นอนทีเดียว สภาวการณ์เช่นนี้ส่งผลให้เกิดอันตรายอันใหญ่หลวงอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ แต่ก็สามารถทำให้ประดาผู้นำของแต่ละฝ่ายยอมรับรู้เกิดความเข้าใจร่วมกันขึ้นมาว่า มีความจำเป็นที่จะต้องยับยั้งชั่งใจในเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันแห่งการที่แต่ละฝ่ายยังคงสามารถอยู่รอดต่อไปได้

    โลกสองขั้วอำนาจแห่งสงครามเย็นนี้ได้ปิดฉากลงไป ด้วยการล่มสลายของสหภาพโซเวียต สิ่งที่ติดตามมาก็คือสิ่งซึ่งพวกผู้สังเกตการณ์จำนวนมากเห็นว่าเป็น “ช่วงขณะแห่งโลกที่มีขั้วอำนาจหนึ่งเดียว” ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สหรัฐฯผู้เป็น “อภิมหาอำนาจรายสุดท้าย” เข้าครอบงำเวทีโลก ระหว่างระยะเวลาดังกล่าวนี้ ซึ่งครอบคลุมเวลาตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต ไปจนถึงการที่รัสเซียเข้าผนวกดินแดนแหลมไครเมียในปี 2014 ส่วนใหญ่แล้ววอชิงตันคือผู้กำหนดวาระของโลก และเมื่อเกิดมีผู้ท้าทายรายเล็กๆ ปรากฏขึ้นมา (อย่างเช่น ซัดดัม ฮุสเซน แห่งอิรัก) วอชิงตันก็จะระดมแสนยานุภาพทางทหารชนิดเหนือล้ำกว่าอย่างล้นพ้น หมายเข้าบดขยี้พวกเขาให้แหลกลาญ

    อย่างไรก็ดี การที่ต้องทำศึกติดพันอยู่กับต่างประเทศเช่นนี้ ทำให้สหรัฐฯสิ้นเปลืองเงินทองค่าใช้จ่ายอย่างมหาศาล อีกทั้งยังผูกมัดกองทหารอเมริกันให้ติดตรึงอยู่ในสงครามที่ไม่ประสบความสำเร็จอย่างเด่นชัดในหลายๆ สมรภูมิ ตลอดทั่วทั้งซีกโลกอันกว้างใหญ่ของพื้นพิภพนี้ ขณะเดียวกันนั้นเอง มอสโกกับปักกิ่ง ซึ่งไม่ได้มั่งคั่งร่ำรวยเท่าวอชิงตันแต่ก็ไม่ได้มีภาระระเกะระเกะเหมือนอเมริกา กลับสามารถที่จะเริ่มต้นการลงทุนของพวกเขาเองในการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัย และในการแผ่อิทธิพลบารมีทางภูมิรัฐศาสตร์

    ทุกวันนี้ “ช่วงขณะแห่งโลกที่มีขั้วอำนาจหนึ่งเดียว” ได้ผ่านพ้นอันตรธานไปแล้ว และเรากำลังอยู่ในสิ่งซึ่งเพียงสามารถบรรยายได้ด้วยวลีว่า “โลกที่มี 3 ขั้วอำนาจ” คู่แข่งขันทั้ง 3 รายต่างเป็นเจ้าของสถาบันทางทหารและแสนยานุภาพทางทหารอันใหญ่โตมหึมายิ่ง โดยมีขบวนแถวอาวุธอุ่นหนาฝั่งทั้งอาวุธตามแบบแผนและอาวุธนิวเคลียร์ จีนกับรัสเซียตอนนี้สามารถเข้าร่วมเทียบชั้นกับสหรัฐฯแล้ว ในการแผ่ขยายอิทธิพลบารมีของพวกเขาให้เลยไกลออกไปจากเส้นพรมแดนของพวกเขาทั้งในทางการทูต, ทางเศรษฐกิจ, และทางการทหาร ถึงแม้จะยังอยู่ในขนาดขอบเขตที่ด้อยกว่าอยู่มากก็ตามที สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นเสียอีกก็คือ ปรปักษ์ทั้ง 3 เหล่านี้ทุกๆ รายต่างนำโดยผู้นำซึ่งมีลักษณะชาตินิยมอย่างสูง แต่ละคนมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะผลักดันขยายผลประโยชน์ของประเทศของพวกเขาให้ครอบคลุมกว้างไกลออกไปเรื่อยๆ

    โลกที่มี 3 ขั้วอำนาจนั้น โดยคำนิยามจำกัดความก็ย่อมมีความแตกต่างอย่างชัดเจนจากโลกที่มี 2 ขั้วอำนาจ หรือโลกที่มีขั้วอำนาจเดียวอยู่แล้ว ไม่เพียงเท่านั้นมันยังถูกมองว่าเป็นโลกที่มีความบาดหมางไม่ลงรอยกันยิ่งกว่านักหนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อเวลานี้วอชิงตันของโดนัลด์ ทรัมป์ ประเดี๋ยวก็แสดงพฤติการณ์ที่อาจยั่วยุให้กลายเป็นวิกฤตขึ้นมากับมอสโก แล้วอีกประเดี๋ยวหนึ่งก็แสดงกับปักกิ่งบ้าง โดยที่ไม่ปรากฏเหตุผลอะไรอันเด่นชัด

    ยิ่งไปกว่านั้น โลกที่มี 3 ขั้วอำนาจยังน่าที่จะมีจุดร้อนที่อาจปะทุเดือดขึ้นมาได้ในจำนวนที่มากมายยิ่งกว่าโลกที่มี 2 ขั้วอำนาจ หรือมีขั้วอำนาจเดียว ทั้งนี้ระหว่างยุคสงครามเย็นตลอดทั้งยุค มีเส้นแนวแห่งการเผชิญหน้าซึ่งสำคัญยิ่งยวดระหว่างมหาอำนาจใหญ่ทั้ง 2 อยู่เส้นหนึ่ง อันได้แก่ แนวพรมแดนติดต่อกันในยุโรประหว่างพวกชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Treaty Organization หรือ นาโต้) กับบรรดาประเทศสมาชิกกลุ่มกติกาสัญญาวอร์ซอ (Warsaw Pact) การปะทุลุกไหม้ใดๆ ตามแนวเส้นแห่งการเผชิญหน้านี้ อาจจุดชนวนให้ทั้งสองฝ่ายต้องมีการใช้กำลังทหารขนาดใหญ่ตามพันธะผูกพันของพวกตน ซึ่งย่อมเป็นไปได้อย่างมากที่จะเกิดการใช้อาวุธประเภทที่เรียกกันว่า อาวุธปรมาณูระดับยุทธวิธี หรือระดับยุทธบริเวณ (tactical or theater atomic weapons) และนำไปสู่การสู้รบด้วยอาวุธเทอร์โมนิวเคลียร์แบบเต็มพิกัดอย่างแทบไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

    คงต้องขอบคุณความเสี่ยงดังกล่าวนี้ ลงท้ายแล้วเหล่าผู้นำของอภิมหาอำนาจทั้ง 2 จึงเห็นพ้องตกลงกันได้เกี่ยวกับมาตรการหลายๆ ประการเพื่อมุ่งลดการบานปลาย เป็นต้นว่า สนธิสัญญา INF ปี 1987 ที่กำลังจะถูกยกเลิกอยู่แล้ว ซึ่งมีเนื้อหาห้ามไม่ให้ติดตั้งประจำการขีปนาวุธพิสัยกลางแบบยิงจากภาคพื้นดิน ที่สามารถจุดชนวนให้เกิดการแผ่ขยายไปสู่ความวิบัติย่อยยับในท้ายที่สุดเช่นว่านี้

    ทุกวันนี้ เส้นแนวแห่งการเผชิญหน้ากันระหว่างรัสเซียกับนาโต้ในยุโรป กำลังได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แล้ว (จริงๆ แล้วได้รับการเติมเสริมเพิ่มมากขึ้นอีกเสียด้วยซ้ำ) ตามเส้นแนวขอบที่ประชิดกับดินแดนของรัสเซียยิ่งกว่าเมื่อครั้งสงครามเย็นมากมายนัก ทั้งนี้ต้องขอบคุณนโยบายของนาโต้ที่มุ่งแผ่ขยายไปทางตะวันออก และรับเอารัฐที่เคยอยู่ในกติกาสัญญาวอร์ซอ อย่าง สาธารณรัฐเช็ก, โปแลนด์, ฮังการี, โรมาเนีย, สโลวาเกีย, และเหล่า 3 รัฐริมทะลบอลติก เข้ามาเป็นชาติสมาชิกของตนในช่วงที่โลกมีสหรัฐฯเป็นเพียงขั้วอำนาจหนึ่งเดียว ตามเส้นแนวที่มีการปรับเปลี่ยนที่มั่นกันใหม่แล้วเส้นนี้ ก็เฉกเช่นเดียวกันในระหว่างช่วงหลายๆ ปีของสงครามเย็น เวลานี้มีกำลังทหารติดอาวุธเพียบพร้อมจำนวนหลายแสนคนเข้าประจำจุดสำคัญต่างๆ ซึ่งสามารถเข้าสู้รบทำศึกอย่างเต็มพิกัดได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ

    ในเวลาเดียวกัน เส้นแนวแห่งการเผชิญหน้าทำนองเดียวกันนี้ยังได้ถูกจัดตั้งขึ้นในเอเชียอีกด้วย ตั้งแต่เส้นแนวขอบดินแดนภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย ไปถึงทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ และเข้าสู่มหาสมุทรอินเดีย

    ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กองบัญชาการทหารสหรัฐฯภาคพื้นแปซิฟิก (Pacific Command) ของกระทรวงกลาโหมอเมริกัน ซึ่งตั้งฐานอยู่ในฮาวาย ได้เปลี่ยนชื่อเป็นกองบัญชาการทหารสหรัฐฯภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific Command) อันเป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงการขยายพรมแดนแห่งการเผชิญหน้ากันนี้ แล้วตามจุดต่างๆ ของแนวเส้นดังกล่าวนี้ เครื่องบินและเรือรบของสหรัฐฯก็กำลังมีการประจันหน้ากับอากาศยานและนาวาของฝ่ายจีนและฝ่ายรัสเซียกันอยู่เป็นประจำเช่นเดียวกัน บ่อยครั้งที่เคลื่อนเข้าใกล้กันภายในพิสัยซึ่งยิงใส่กันได้

    เพียงแค่ข้อเท็จจริงที่ว่า เวลานี้มหาอำนาจนิวเคลียร์ใหญ่ 3 รายกำลังช่วงชิงผลักไสกันเพื่อฐานะที่มั่นและความได้เปรียบตามบริเวณสำคัญต่างๆ ของพื้นพิภพนี้ มันก็ย่อมหมายความอยู่ในตัวแล้วว่า มีความเป็นไปได้เพิ่มมากขึ้นที่จะเกิดการปะทะกันซึ่งอาจจุดชนวนให้สถานการณ์บานปลายขยายตัวจนนำไปสู่ความวิบัติหายนะ

    ตอนนี้สงครามได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

    ในระหว่างสงครามเย็น สหรัฐฯกับสหภาพโซเวียตมีการต่อกรด้วยการดำเนินกิจกรรมอันเป็นปรปักษ์ต่างๆ เข้าใส่กัน เพียงแต่ยังไม่ถึงขั้นสู้รบกันด้วยอาวุธ กิจกรรมดังกล่าวมีทั้งการโฆษณาชวนเชื่อ และสงครามปล่อยข่าวเท็จข่าวลวง, ตลอดจนการแอบสอดแนมสืบหาข่าวกรองกันอย่างกว้างขวาง ทั้งสองฝ่ายยังแสวงหาทางที่จะขยายอิทธิพลบารมีของพวกเขาไปยังทุกมุมโลก ด้วยการเข้าไปเกี่ยวพันต่อสู้กันอยู่ใน “สงครามตัวแทนต่างๆ” (proxy wars) --ซึ่งก็คือการสู้รบขัดแย้งระดับท้องถิ่นตามสถานที่ซึ่งเวลานั้นเรียกกันว่า “โลกที่สาม” โดยที่แต่ละฝ่ายมุ่งพยายามส่งเสริมสนับสนับสนุนระบอบปกครองท้องถิ่นซึ่งจงรักภักดีต่อตนเองและกำจัดกวาดล้างระบอบปกครองท้องถิ่นที่จงรักภักดีต่ออีกฝ่ายหนึ่ง

    การสู้รบขัดแย้งดังกล่าวจะทำให้มีผู้คนต้องบาดเจ็บล้มตายกันเป็นล้านๆ คน ทว่าไม่เคยนำไปสู่การรบรากันโดยตรงระหว่างกองทหารของอภิมหาอำนาจทั้ง 2 (ถึงแม้แต่ละฝ่ายจะมีการจัดส่งกองทหารของตนเป็นจำนวนมากๆ เข้าไปในสนามประลองหลัก ๆ ก็ตามที เป็นต้นว่า สหรัฐฯในเวียดนาม และสหภาพโซเวียตในอัฟกานิสถาน) รวมทั้งพวกเขาไม่เคยยินยอมปล่อยให้กิจกรรมและการสู้รบขัดแย้งเหล่านี้กลายเป็นการเติมเชื้อเพลิงกระตุ้นให้เกิดการปะทะกันด้วยนิวเคลียร์ในระหว่างพวกเขากันเองเลย ทั้งนี้ในเวลานั้น ประเทศทั้งสองต่างขีดเส้นแบ่งอย่างชัดเจนระหว่างการปฏิบัติการดังกล่าว กับการระเบิดตูมของ “สงครามร้อน” ระดับโลก

    สำหรับในศตวรรษที่ 21 เส้นแบ่งระหว่าง “สันติภาพ” กับ “สงคราม” เช่นนี้ กำลังเลือนรางลงไปเรื่อยๆ ขณะที่พวกมหาอำนาจใน 3 ขั้วอำนาจนี้มีการแข่งขันชิงดีชิงเด่นกันในการปฏิบัติการต่างๆ ซึ่งยังไม่ถึงกับเป็นการสู้รบกันด้วยอาวุธ ทว่ามีลักษณะบางอย่างบางประการของการต่อสู้ขัดแย้งกันอย่างเอาเป็นเอาตายระหว่างรัฐต่อรัฐ

    ตัวอย่างเช่น เมื่อตอนที่ทรัมป์ประกาศครั้งแรกเรื่องการใช้มาตรการขึ้นภาษีศุลกากรอย่างโหดๆ เล่นงานสินค้านำเข้าจากจีน ตลอดจนการลงโทษทางเศรษฐกิจอย่างอื่นๆ ต่อแดนมังกรนั้น สิ่งที่เขาเน้นย้ำแสดงเจตนารมณ์ก็คือการเอาชนะความได้เปรียบอย่างไม่เป็นธรรมของจีน ซึ่งเขาอ้างว่าเป็นฝ่ายกอบโกยได้ประโยชน์ในความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน “เป็นเวลาหลายเดือนมาแล้ว เราได้รบเร้าจีนให้เปลี่ยนแปลงการปฏิบัติอันไม่เป็นธรรมเหล่านี้ และหันมาปฏิบัติอย่างยุติธรรมและมีลักษณะต่างตอบแทนกับบรรดาบริษัทอเมริกัน” เขากล่าวยืนยันเช่นนี้ในกลางเดือนกันยายนขณะประกาศขึ้นภาษีศุลกากรจากสินค้านำเข้าจีนมูลค่าเพิ่มขึ้นอีก 200,000 ล้านดอลลาร์

    อย่างไรก็ตาม เป็นที่ชัดเจนว่าการขยาย “สงคราม” การค้าให้บานปลายยกระดับสูงขึ้นเช่นนี้ของเขา ยังมีความมุ่งหมายในการสร้างปัญหาหนักให้แก่เศรษฐกิจจีน และดังนั้นก็จะสร้างความผิดหวังให้แก่ปักกิ่งที่ลงแรงใช้ความพยายามอย่างมุ่งมั่นเพื่อก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นระดับโลกรายสำคัญรายหนึ่ง ซึ่งเสมอภาคทัดเทียมกับสหรัฐฯ อย่างที่ นีล เออร์วิน (Neil Irwin) แห่งนิวยอร์กไทมส์ ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า คณะบริหารทรัมป์กำลังแสวงหาหนทางที่จะ “โดดเดี่ยวจีน และบังคับให้จีนต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญๆ ในการปฏิบัติทางธุรกิจและทางการค้า เป้าหมายสูงสุดก็คือ ... การรีเซตความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและส่วนอื่นๆ ของโลกกันเสียใหม่”

    ในการดำเนินการเรื่องนี้ กล่าวกันว่าทรัมป์มีความสนใจมั่นหมายเป็นพิเศษที่จะก่อกวนและตัดแข้งตัดขาแผนการ “เมดอินไชน่า 2025” (Made in China 2025) ของปักกิ่ง อันเป็นแผนการแสนทะเยอทะยานซึ่งมุ่งทำให้จีนกลายเป็นผู้มีอำนาจควบคุมในภาคเทคโนโลยีหลักๆ ของเศรษฐกิจโลก เป็นต้นว่า ปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) และศาสตร์ด้านหุ่นยนต์ ซึ่งหากปักกิ่งประสบความสำเร็จตามแผนการนี้ ก็จะสามารถส่งให้จีนยิ่งเข้าใกล้เป้าหมายในเรื่องความเสมอภาคเท่าเทียม ทว่าเป็นเรื่องที่ทรัมป์และสหายของเขามีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะขัดขวางบ่อนทำลาย

    พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ สำหรับจีนแล้ว เรื่องที่สหรัฐฯทำอยู่ไม่ได้เป็นเพียงแค่การท้าทายในลักษณะแข่งขันชิงดีชิงเด่นธรรมดา แต่เป็นภัยคุกคามอันร้ายแรงซึ่งมีศักยภาพที่จะกระทบกระเทือนสถานะความเป็นมหาอำนาจยิ่งใหญ่ของจีนในอนาคต ดังนั้นจึงคาดหมายผลที่จะเกิดตามมาได้ว่า จะมีมาตรการตอบโต้ต่างๆ ซึ่งน่าจะยิ่งลบเลือนเส้นพรมแดนระหว่างสันติภาพกับสงครามให้จางลงไปอีก

    และหากว่าจะพื้นที่ใดซึ่งพรมแดนเส้นแบ่งดังกล่าวกำลังมีความเสี่ยงที่จะถูกกัดกร่อนหมดสิ้นไปอย่างมากเป็นพิเศษแล้ว มันก็ย่อมจะต้องเป็นในไซเบอร์สเปซ --อาณาบริเวณซึ่งมีความสำคัญยิ่งขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการสู้รบในโลกยุคหลังสงครามเย็น ในเวลาเดียวกับที่เป็นแหล่งกำเนิดความมั่งคั่งร่ำรวยอันใหญ่โตมหึมาสำหรับบริษัททั้งหลายซึ่งพึ่งพาอาศัยอินเทอร์เน็ตสำหรับการพาณิชย์และการสื่อสารคมนาคม ไซเบอร์สเปซก็ยังคงเป็นป่าดิบเถื่อนซึ่งพื้นที่จำนวนมากยังไม่ได้มีการตรวจการณ์ดูแล ดังนั้นพวกผู้เล่นเลวๆ ยังคงสามารถที่จะแพร่กระจายข่าวลวงปล่อยข้อมูลข่าวสารเท็จ, โจรกรรมความลับ, หรือสร้างอันตรายให้แก่การปฏิบัติการทางเศรษฐกิจและอื่นๆ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด คุณสมบัติอันเห็นชัดกันแล้วของมันในเรื่องความสามารถในการเจาะทะลุทะลวง ได้กลายเป็นเหมืองทองคำสำหรับพวกอาชญากรและพวกนักปลุกปั่นยุยงทางการเมืองของทุกฝ่ายทุกสีทุกค่าย รวมทั้งประดากลุ่มแข็งกร้าวใช้ความรุนแรงที่ได้รับการอุปถัมภ์จากรัฐบาล ซึ่งกระหายที่จะเข้าต่อสู้พันตูในการปฏิบัติการก้าวร้าวเชิงรุกต่างๆ ที่แม้ยังไม่ถึงกับเป็นการสู้รบด้วยอาวุธ แต่ก็ก่อให้เกิดอันตรายอย่างสำคัญต่อประเทศที่ตกเป็นเป้าหมาย

    อย่างที่พวกเราชาวอเมริกันได้ค้นพบประสบมาแล้วด้วยความสยดสยอง พวกสายลับพวกตัวแทนของรัฐบาลรัสเซียสามารถที่จะฉวยใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนเปราะอันมากมายของอินเทอร์เน็ต เพื่อเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อปี 2016 รวมทั้งมีรายงานด้วยว่าพวกเขายังคงพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อเข้าก้าวก่ายการเมืองแบบเลือกตั้งของอเมริกาในการเลือกตั้งกลางเทอมปี 2018 นี้ สำหรับจีนนั้น ก็เป็นที่เชื่อกันว่าได้ฉวยใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตเพื่อการโจรกรรมความลับทางเทคโนโลยีของอเมริกัน เป็นต้นว่า พวกข้อมูลสำหรับการออกแบบและการพัฒนาระบบอาวุธอันก้าวหน้าต่างๆ

    สหรัฐฯก็เช่นเดียวกัน มีประวัติในเรื่องการเข้าเกี่ยวข้องพัวพันในการปฏิบัติการทางไซเบอร์เชิงรุกรานก้าวร้าว เป็นต้นว่า การโจมตีด้วยมัลแวร์ “สตุกซ์เน็ต” (Stuxnet) เมื่อปี 2010 ซึ่งถือเป็นการเปิดหน้าใหม่ของการสู้รบทางไซเบอร์ ที่สามารถทำให้กิจกรรมด้านการเพิ่มความเข้มข้นยูเรเนียมในโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านถึงกับเป็นอัมพาตไปชั่วคราว นอกจากนั้นมีรายงานว่ายังมีการใช้วิธีการทำนองนี้เพื่อพยายามสร้างความเสียหายแก่การยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ

    สหรัฐฯใช้การโจมตีทางไซเบอร์โดยตรงต่อจีนหรือรัสเซียมากมายขนาดไหนนั้น ยังไม่เป็นที่ทราบกัน แต่ภายใต้ “ยุทธศาสตร์ไซเบอร์แห่งชาติ” (National Cyber Strategy) ฉบับใหม่ ซึ่งเปิดเผยโดยคณะบริหารทรัมป์เมื่อเดือนสิงหาคม การโจมตีเช่นนี้น่าจะยิ่งมีการดำเนินการเพิ่มมากขึ้นเป็นอันมาก ด้วยข้ออ้างที่ว่าประเทศเหล่านี้ได้สร้างอันตรายให้แก่ความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯโดยใช้วิธีการโจมตีทางไซเบอร์อย่างไม่หยุดไม่หย่อน คณะบริหารทรัมป์จึงมอบอำนาจให้ดำเนินการโจมตีตอบโต้แก้เผ็ดอย่างลับๆ

    คำถามมีอยู่ว่า สงครามการค้าและสงครามทางไซเบอร์ สักวันหนึ่งจะนำไปสู่การสู้รบขัดแย้งด้วยอาวุธจริงๆ ได้หรือไม่?

    https://mgronline.com/around/detail/9610000116007
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทุกวันนี้ผมยังสงสัยอยู่ว่าอัลเลาะห์ เป็นพระเจ้าแบบไหน เพราะในสมัยเมื่อพันกว่าปีก่อน วิวัฒนาการของมนุษย์ยังไม่เจริญถึงขนาดนี้ การที่มีผู้แสดงสิ่งที่แปลกไปจากธรรมชาติได้(ซึ่งอาจจะประดิษฐ์ขึ้นเอง) ก็จะถือว่าสร้างปาฏิหารย์ได้ และจะมาบัญญัติข้อกำหนด สร้างตนเป็นเจ้าลัทธิยังไงก็ได้ และไม่ต้องเลยถึงอดีต ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวไกลขนาดไหน ก็ยังพบเจอ เช่น อดีต พระสงฆ์ดังๆ ในไทย ที่ทุศีล บางองค์ทำตัวเหนือไปกว่าพระพุุทธจ้า ยังมีคนไทยจำนวนมากไปหลงเชื่อเลย กราบไหว้ และนำทรัพย์สินจำนวนมากไปมอบให้ สรุปก็คือใช้หลักกาลามมสูตรมาพิจารณาก่อนจะไปเชื่ออะไร เพราะสุดท้ายความเชื่อโดยไม่พิจารณาอย่างถ่องแท้ จะพบได้แต่ มายา เท่านั้น
    1. มา อนุสฺสวเนน - อย่าปลงใจเชื่อด้วยการฟังตามกันมา
    2. มา ปรมฺปราย - อย่าปลงใจเชื่อด้วยการถือสืบ ๆ กันมา
    3. มา อิติกิราย - อย่าปลงใจเชื่อด้วยการเล่าลือ
    4. มา ปิฏกสมฺปทาเนน - อย่าปลงใจเชื่อด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์
    5. มา ตกฺกเหตุ - อย่าปลงใจเชื่อเพราะตรรกะ (การคิดเอาเอง)
    6. มา นยเหตุ - อย่าปลงใจเชื่อเพราะการอนุมาน (คาดคะเน)
    7. มา อาการปริวิตกฺเกน - อย่าปลงใจเชื่อด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล
    8. มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา - อย่าปลงใจเชื่อเพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว
    9. มา ภพฺพรูปตา - อย่าปลงใจเชื่อมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้
    10. มา สมโณ โน ครูติ - อย่าปลงใจเชื่อเพราะนับถือว่าท่านสมณะนี้ เป็นครูของเรา



    มือมีดผู้ลงมือได้ตะโกน “อัลลอหุ อักบัร” หรือ อัลลอหฺ (พระเจ้า) ทรงยิ่งใหญ่ที่สุด อันเป็นสิ่งที่รู้ว่านักรบญิฮัดมักจะประกาศก่อนก่อเหตุโจมตี

    In Clips :ด่วน!! ตำรวจเบลเยียมโดนคนร้ายใช้มีดแทงที่คอ ใกล้มรดกโลก "กร็อง-ปลัส" ช่วงเช้ามืด

    เผยแพร่: 20 พ.ย. 2561 18:13 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    561000012048701.jpg

    เอเจนซีส์ - เช้ามืดวันนี้(20 พ.ย)ตามเวลาท้องถิ่น 05.30 น. พบเจ้าหน้าที่ตำรวจเบลเยียมถูกมือมีดทำร้ายบริเวณลำคอในย่านกลางกรุงบรัสเซลส์ พยานชี้พบคนร้ายตะโกน “อัลลอหุ อักบัร” หรือ อัลลอหฺ (พระเจ้า) ทรงยิ่งใหญ่ที่สุด แต่ทางเบลเยียมยังไม่ประกาศให้เป็นคดีก่อการร้าย

    หนังสือพิมพ์เดลีเทเลกราฟของอังกฤษรายงานวันนี้(20 พ.ย)ว่า มือมีดก่อเหตุถูกยิงและได้รับบาดเจ็บบริเวณด้านนอกสถานีตำรวจใกล้กับ "กร็อง-ปลัส" (Grand Place) จัตุรัสแห่งบรัสเซลส์ทีถูกขึ้นบัญชีมรดกโลกของทางยูเนสโกในเวลาราว 05.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น

    ด้านโฆษกตำรวจเบลเยียม อิลล์เซ วาน เดอ เคียร์ (Illse Van De Keere) แถลงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกแทงถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล โดยมีอาการบาดเจ็บแต่ไม่ถึงขั้นแก่ชีวิต

    ซึ่งพบว่าเจ้าหน้าที่นายนี้ถูกทำร้ายบริเวณลำคอ

    สำหรับคนร้ายคาดว่าจะรอดชีวิตจากอาการบาดเจ็บจากการถูกยิงด้วยเช่นกัน โดยสื่อเบลเยียมรายงานว่า มือมีดเป็นที่รู้จักของทางเจ้าหน้าที่แต่ไม่ใช่ความผิดเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย

    และโฆษกตำรวจหญิงแถลงชี้ว่า ในเวลานี้ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่า คดีนี้เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย หรือในส่วนการรายงานที่มือมีดผู้ลงมือได้ตะโกน “อัลลอหุ อักบัร” หรือ อัลลอหฺ (พระเจ้า) ทรงยิ่งใหญ่ที่สุด อันเป็นสิ่งที่รู้ว่านักรบญิฮัดมักจะประกาศก่อนก่อเหตุโจมตี

    ด้านรัฐมนตรียุติธรรมเบลเยียม เคิน เกนส์ (Koen Geens) ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุท้องถิ่นว่า “เรากำลังตามหาความเชื่อมโยงกับลัทธิสุดโต่ง แต่ทว่าในเวลานี้ยังไม่เห็นความเชื่อมโยงในจุดนี้”

    ด้าน ยัน ยัมบง(Jan Jambon) รองนายกรัฐมนตรีเบลเยียม และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีความมั่นคงเบลเยียมกล่าวประณามว่า “เจ้าหน้าที่ตำรวจตกเป็นเหยื่อของการโจมตีที่ขี้ขลาด”



    561000012048702.jpg


    561000012048703.jpg

    https://mgronline.com/around/detail/9610000115896
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกาหลีเหนือระเบิดด่านตรวจชายแดน 10 จุด ตามข้อตกลงกับโซล เผยแพร่: 20 พ.ย. 2561 17:37 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    561000012045501.jpg

    เอเอฟพี – เปียงยางระเบิดด่านตรวจ 10 แห่งในเขตปลอดทหารในวันนี้ (20) ในขณะที่สองเกาหลีกำลังพยายามรักษาแนวโน้มการปรองดอง ถึงแม้ว่าการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯและโสมแดงจะหยุดชะงักก็ตาม

    ความเคลื่อนไหวนี้เป็นหนึ่งในมาตรการที่เห็นพ้องกันในการประชุมซัมมิทในเปียงยางระหว่างประธานาธิบดี มุน แจอิน ของเกาหลีใต้และผู้นำ คิม จองอึน ของเกาหลีเหนือเมื่อเดือนกันยายน

    เกาหลีเหนือ บอกกับเกาหลีใต้ว่า พวกเขาจะระเบิดด่านตรวจ 10 แห่งในเวลาไล่เลี่ยกัน กระทรวงกลาโหมของโซล ระบุ และเสริมว่า ทหารเกาหลีใต้ “เฝ้าสังเกตการณ์และยืนยันว่าด่านตรวจเหล่านั้นถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ตามเวลาในประกาศ”

    โซลก็ทำลายด่านตรวจ 10 แห่งของตัวเองแล้วเช่นกัน ส่วนใหญ่โดยใช้รถขุดดิน โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว

    เกาหลีเหนือยังมีด่านตรวจแห่งอื่นๆ อยู่อีก ด่านตรวจเหล่านี้มีโครงสร้างทั้งบนผิวดินและใต้ดิน และตามรายงานของสำนักข่าวยอนฮัป ความเคลื่อนไหวนี้จะทำให้ด่านตรวจของโสมแดงเหลืออยู่ประมาณ 150 แห่ง ขณะที่โซลจะเหลือประมาณ 50 แห่ง

    มุนพยายามผลักดันนโยบายสร้างปฏิสัมพันธ์กับรัฐสันโดษติดอาวุธนิวเคลียร์แห่งนี้ สวนทางกับวอชิงตันที่ยืนกรานว่า ควรต้องกดดันเปียงยางต่อไปจนกว่าพวกเขาจะปลดอาวุธนิวเคลียร์

    ถึงแม้ว่าจะได้ชื่อว่าเขตปลอดทหาร แต่พื้นที่โดยรอบเขตนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีการป้องกันแน่นหนามากที่สุดในโลก เนื่องจากมีทั้งเขตกับดักระเบิดและรั้วลวดหนาม

    อย่างไรก็ตาม ภายใต้แผนผ่อนคลายความตึงเครียดที่เห็นพ้องร่วมกันในเปียงยาง สองเกาหลีกำลังลดกำลังทหารในหมู่บ้านสันติภาพพันมุนจอมให้เหลือเพียงทหารไม่ติดอาวุธ 15 คนจากแต่ละฝั่ง

    พื้นที่นี้ที่ถูกมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า พื้นที่ความมั่นคงร่วม (Joint Security Area : JSA) เป็นเพียงจุดเดียวบนชายแดนยาว 250 กิโลเมตรที่ทหารจากสองเกาหลีและกองบัญชาการสหประชาชาติที่นำโดยสหรัฐฯยืนประจันหน้ากัน

    https://mgronline.com/around/detail/9610000115874
     

แชร์หน้านี้

Loading...