ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    China Xinhua News


    รัสเซียปล่อยเครื่องบินรบ "Sukhoi Su-57" ทดสอบบินในซีเรีย

    .

    เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (19 พ.ย.) กระทรวงกลาโหมของรัสเซียประกาศว่า รัสเซียได้ดำเนินการทดสอบเครื่องบินรบซูฮอย ซู-57 รุ่นที่ 5 (Sukhoi Su-57) ในซีเรียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    .

    "เราได้นำเครื่องบินดังกล่าวขึ้นบิน เพื่อทดสอบความสามารถของเครื่องบินรบรุ่นใหม่ล่าสุดในสถานการณ์ต่อสู้จริง" แถลงการณ์ประกาศเช่นนี้

    .

    ประสิทธิภาพการบิน ระบบข้อมูลที่ชาญฉลาด การควบคุมที่ซับซ้อน และการทำงานของระบบบนเครื่อง รวมทั้งระบบอาวุธ ได้รับการตรวจสอบจากการทดสอบจริงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    .

    กระทรวงกลาโหมของรัสเซียยังรายงานอีกว่า เครื่องบินรุ่น ซู-57 ได้ดำเนินการทดสอบบินมามากกว่า 10 ครั้งในประเทศซีเรีย แต่ยังไม่สรุปผลออกมาแน่ชัดว่าเครื่องบินนี้จะมีส่วนร่วมในการรบหรือไม่

    .

    เครื่องบินรุ่นนี้มีความสามารถด้านการบินด้วยความเร็วเหนือเสียง ความสามารถในการใช้อุปกรณ์สุดทันสมัย และความสามารถในการล่องหน ทำให้มันมีศักยภาพที่จะเอาชนะศัตรูได้ แถลงการณ์ระบุไว้เช่นนี้


     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Economy by Than


    จับตา “พายุโทราจี”ถล่มใต้ #ฐานเศรษฐกิจ


     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    The Public Post


    กษัตริย์ซัลมานออกโรงป้องลูกชาย คดีอุ้มฆ่า ‘คาช็อกจี’

    https://www.publicpostonline.net/19440


     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เนชั่นสุดสัปดาห์ NationWeekend


    ครม.เทหน้าตัก 3.8 หมื่นล้านบาท ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการ แจกเงินปีใหม่ 500 บาท/ราย จ่ายค่าเช่าบ้านเดือน 400 บาท/คน/เดือน ให้ค่าหาหมอ 1,000 บาทสำหรับผู้สูงอายุ 65 ปี โดยทั้งหมดใช้วงเงินรวม 3.8 หมื่นล้านบาท #กรุงเทพธุรกิจ


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Nov 20) Bitcoin plunges 16% to $4,200, a new low for the year : บิตคอยน์ยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ โดยล่าสุดดิ่งลง 15% ใกล้หลุดระดับ 4,200 ดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.ปีที่แล้ว พร้อมกับการร่วงลงในวงกว้างของสกุลเงินดิจิทัล


    ทั้งนี้ บิตคอยน์ทรุดตัวลงแตะ 4,200.22 ดอลลาร์บนแพลทฟอร์มการซื้อขายของ CoinDesk ในวันนี้ ส่งผลให้บิตคอยน์ร่วงลงมากกว่า 30% เมื่อเทียบรายสัปดาห์ และทรุดตัวมากกว่า 65% ในปีนี้


    ก่อนหน้านี้ บิตคอยน์ปรับตัวค่อนข้างมีเสถียรภาพในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา


    บิตคอยน์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 10,000 ดอลลาร์ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว และทะยานขึ้นเกือบแตะระดับ 20,000 ดอลลาร์ในช่วงก่อนวันคริสต์มาส


    นักวิเคราะห์ระบุว่า แรงเทขายของบิตคอยน์ในระยะนี้เกิดจากปัจจัยทางเทคนิค และคำสั่งขายตัดขาดทุน หลังจากที่บิตคอยน์ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 6,000 ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


    นอกจากนี้ นักวิเคราะห์บางรายยังระบุว่า การดิ่งลงของบิตคอยน์เกิดจากการที่สกุลเงินบิตคอยน์ แคช ได้มีการแตกตัวออกเป็นสกุลเงิน"บิตคอยน์ เอบีซี" และ"บิตคอยน์ เอสวี" ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งได้เพิ่มความไม่แน่นอนต่อตลาดสกุลเงินดิจิทัล


    ขณะเดียวกัน บิตคอยน์ยังถูกกดดันจากการที่นายเบนัวต์ โคเออร์ สมาชิกคณะกรรมการธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวเตือนว่า บิตคอยน์เป็นการรวมตัวกันของภาวะฟองสบู่, กลโกงแบบแชร์ลูกโซ่ และเป็นหายนะด้านสิ่งแวดล้อม


    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ


    - Bitcoin plunges 16% to $4,200, a new low for the year : https://www.cnbc.com/2018/11/20/bitcoin-plunges-15percent-to-4200-a-new-low-for-the-year.html
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ครม.ให้กฟผ.รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ 1.6 แสนตัน
    gg1120-4.jpg

    Publisher : 20 November 2018


    -20 พ.ย.61-ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้(20 พ.ย.61) อนุมัติในหลักการมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 1.6 แสนตัน ในราคากิโลกรัมละ 18 บาท ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2661 – กุมภาพันธ์ 2562 จากพื้นที่แหล่งผลิตสำคัญ เช่น กระบี่ สุราษฎร์ธานี ชุมพร เป็นต้น เพื่อนำไปใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา โดย กฟผ. ขอรับเงินชดเชยส่วนต่างระหว่างต้นทุนการผลิตกระแสไฟฟ้าโดยใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นเชื้อเพลิงกับรายได้จากการขายกระแสไฟฟ้า ในวงเงิน 525 ล้านบาท โดยกรมการค้าภายในเป็นหน่วยงานเบิกจ่ายเงิน

    ส่วนการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบนั้น ให้คงหลักการตามมาตรการเดิมที่นายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2560 งบกลาง รายงานเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงิน 525 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเร่งรัดส่งออกน้ำมันปาล์มดิบปี 2561 จำนวน 3 แสนตัน เป็นเวลา 5 เดือน ตามมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ ด้วยการสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ส่งออกไม่เกินกิโลกรัมละ 1.75 บาท มีเงื่อนไขว่า ผู้ส่งออกจะต้องรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบในประเทศไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 19 บาท ณ กรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑลหรือไม่ต่ำกว่า กิโลกรัมละ 18.25 บาท ณ หน้าโรงสกัด

    ทั้งนี้ มอบให้คณะอนุกรรมการบริหารและกำกับดูแลมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติแต่งตั้ง พิจารณาบริหารและกำกับดูแลให้สอดคล้องกับการอนุมัติงบกลางและสถานการณ์การผลิตการตลาดที่ปรับเปลี่ยนไป

    http://m.thansettakij.com/content/350508#
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24





    กวางเรนเดียร์อพยพไปอยู่นอร์เวย์
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24


    สหรัฐอเมริกา

    IMG_5179.JPG

    จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มถึง 80 ราย ในรัฐแคลิฟอร์เนียในวันที่ 19 พฤศจิกายน


    เจ้าหน้าที่รัฐแคลิฟอร์เนียได้เพิ่มจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์แคมป์ไฟซึ่งทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตรวมไม่น้อยกว่า 77 ราย


    จำนวนผู้สูญหายได้ลดลงเหลือ 993 คน ซึ่งน้อยกว่าจำนวนวันเสาร์ประมาณ 300 คน บุชเคาน์ตี้ นายอำเภอ Kory Honea กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา


    มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 รายทั่วประเทศตั้งแต่เกิดไฟไหม้เมื่อต้นเดือนนี้ สามคนเสียชีวิตจากเหตุการณ์ไฟพึมพำ ในแคลิฟอร์เนียตอนใต้


    เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ประกาศสาเหตุอย่างเป็นทางการของเหตุการณ์เพลิงไหม้และกำลังสืบสวนต้นกำเนิดของไฟป่า


    ในการปรับปรุงเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกิดเหตุในเช้าวันจันทร์เจ้าหน้าที่ได้อธิบายความคืบหน้าในการเกิดเพลิงไหม้ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐ


    "กิจกรรมของไฟต่าง ๆ ตั้งแต่ต่ำสุดถึงปานกลางในช่วงกลางคืน ตามแนวพื้นที่หลายแห่งในขณะที่พนักงานดับเพลิงยังคงเสริมสร้างและปรับปรุงสายการควบคุม" พวกเขากล่าว "ทีมงานจะยังคงติดตั้งสายการกักกัน การลาดตระเวนความร้อนภายในและลดอันตรายในบริเวณที่เกิดไฟไหม้"


    ไฟไหม้เกิดประมาณ 151,000 เอเคอร์ และอยู่ที่ 66 เปอร์เซ็นต์จนถึงเช้าวันจันทร์ มีพนักงานกว่า 5,300 คนกำลังต่อสู้กับเปลวไฟ เจ้าหน้าที่บอกว่าพวกเขาไม่คาดหวังว่าไฟจะถูกบรรจุจนครบ 30 พฤศจิกายน


    ทีมค้นหาและกู้ภัยหลายทีมตลอดจนทีมที่ใช้สุนัขล่าเนื้อ เพื่อตรวจจับซากศพมนุษย์ กำลังเข้าร่วมสำนักงานกองปราบเคาน์ตี้บุต


    มีอาคารบ้านเรือนมากกว่า 11,700 หลังและอาคารอื่น ๆ เกือบ 4,000 แห่งถูกทำลาย ชุมชนแห่งparadyในภาคเหนือของมลรัฐแคลิฟอร์เนียถูกทิ้งร้างลงสู่พื้นที่รกรากอาคารและรถยนต์ที่ถูกเผาในกองไฟซึ่งเริ่มขึ้นในเวลาไม่นานหลังจากเวลา 6.30 น. เวลาท้องถิ่นวันที่ 8 พฤศจิกายน


    เจ้าหน้าที่ยังคงรักษาแผนอพยพและแผนที่ความเสียหายให้กับโครงสร้าง


    ไหไหม้แคลิฟอร์เนียตอนใต้ยังลุกไหม้อยู่ (นึกว่าดับไปแล้ว)


    ไฟไหม้ได้ 96,949 เอเคอร์และมีอยู่ 94% เจ้าหน้าที่กล่าวในการปรับปรุงข้อมูลในวันจันทร์ที่ นักอุตุนิยมวิทยากล่าวว่าลมและความชื้นคาดว่าจะลดลงตลอดทั้งวันเนื่องจากอุณหภูมิสูงขึ้น กว่า 1,080 องศาเซลเซียส คนกำลังต่อสู้กับไฟ


    เกือบทุกคำสั่งอพยพได้รับการยกเลิก แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้อพยพจะสามารถกลับไปบ้านของพวกเขา ทีมประเมินความเสียหายได้นับ 1,500 โครงสร้างที่ถูกทำลายด้วยเปลวไฟ


    เจ้าหน้าที่บอกว่าพวกเขาคาดหวังว่าไฟพึมพำจะดับได้ในวันพฤหัสบดีวันขอบคุณพระเจ้า (จะรอดู)


     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Nov 20) ธปท.ปฏิรูปเกณฑ์กำกับดูแลสถาบันการเงิน เดินหน้า Digital Banking เปิดบัญชีไม่ต้องไปสาขา - เอื้อเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงิน


    - ผ่อนคลายกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการขออนุญาต สำหรับการใช้เทคโนโลยี โดยให้สถาบันการเงิน สามารถดำเนินการได้เองภายใต้กรอบการบริหารความเสี่ยงและการดูแลผู้บริโภคที่เหมาะสมตาม ไม่ต้องขออนุญาตธปท.ก่อน


    - ให้ใช้เทคโนโลยี Biometrics อย่างเต็มรูปแบบในการพิสูจน์ตัวตนลูกค้าผ่านโครงการ National Digital ID เพิ่มความสะดวกไม่ต้องไปสาขาสามารถเปิดบัญชีได้


    - ส่งเสริม Information-based lending โดยผ่อนคลายข้อจำกัดด้านวงเงินตามจำนวนเท่าของรายได้สำหรับสินเชื่อ ส่วนบุคคลที่ให้แก่ SMEs บุคคลธรรมดาที่กู้เพื่อทำธุรกิจ


    - ยกเลิกข้อกำหนดเกี่ยวกับการให้ ข้อมูลต่างๆ แก่ผู้ใช้บริการทางการเงินในรูปแบบของเอกสาร เช่น การปิดประกาศอัตราดอกเบี้ยที่ที่ทาการ สาขา


    - คาดประหยัดต้นทุนที่เกี่ยวข้องได้ถึงประมาณ 1,100 ล้านบาทต่อปี และช่วยลดต้นทุนของSMEs ได้ประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี


    - แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2562


    นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า พัฒนาการทางเทคโนโลยี ได้เปลี่ยนภูมิทัศน์ระบบการเงินของประเทศในหลายมิติ ทั้งด้านผู้เล่น รูปแบบการให้บริการทางการเงินและ ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน รวมทั้งความสัมพันธ์ของผู้เกี่ยวข้อง ซึ่ง ธปท. เห็นความจำเป็นของการสนับสนุนให้ระบบ การเงินปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้สามารถนาเทคโนโลยีมาใช้ในระบบการเงินอย่างเต็ม ศักยภาพมากขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินโดยต่อเนื่อง เพิ่มประสิทธิภาพของบริการ ทางการเงินและลดภาระให้แก่ผู้บริโภค


    บทบาทของ ธปท. ในฐานะผู้กำกับดูแลสถาบันการเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน จำเป็นต้อง ปรับให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อรักษา สมดุลระหว่างการดูแลเสถียรภาพของระบบการเงินกับการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีด ความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อไปยังประชาชน และธุรกิจผู้ใช้บริการทางการเงินโดยเฉพาะธุรกิจ ขนาดกลางและเล็กได้มากขึ้น ธปท. จึงได้นำกระบวนการออกกฎเกณฑ์ที่ดีหรือ Regulatory Impact Assessment (RIA) มาใช้เพื่อปรับหลักคิดในการกำกับดูแลและเปลี่ยนกระบวนการทางานให้สอดรับกับ สภาพแวดล้อมใหม่ ซึ่งเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากการปฏิรูปกฎเกณฑ์การควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา


    ในปี 2561 นี้ ธปท. เห็นความสำคัญของการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการให้บริการทางการเงิน การปฏิรูป กฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องจึงมุ่งเน้นไปที่ (1) การส่งเสริมบริการทางการเงินด้านดิจิทัล และ (2) การสนับสนุน บริการทางการเงินสาหรับ SMEs เพื่อให้ประชาชนและธุรกิจ SMEs ได้รับประโยชน์จากบริการทางการเงินที่ หลากหลายขึ้น มีนวัตกรรมทางการเงินที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ และเข้าถึงบริการทางการเงินได้ดี ขึ้นด้วยต้นทุนที่ถูกลง โดยที่ ธปท. จะยังได้รับข้อมูลต่างๆ จากสถาบันการเงินเพื่อใช้ในการติดตามดูแลรักษา เสถียรภาพของระบบการเงินและดูแลคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงินอย่างเหมาะสม


    กว่า 6 เดือนที่ผ่านมา ธปท. ได้ร่วมกับคณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากสถาบันการเงินและ ภาคธุรกิจต่างๆ หารือแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรคในการทาธุรกิจและการเข้าถึงบริการ ทางการเงิน และร่วมกันจัดทำข้อเสนอแนะในการส่งเสริมบริการทางการเงินด้านดิจิทัลและการสนับสนุน บริการทางการเงินสำหรับ SMEs เพื่อให้การปรับปรุงเกณฑ์การกำกับดูแลเป็นประโยชน์แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อย่างแท้จริง ซึ่งในการดำเนินการได้มีการนำเครื่องมือ Data analytics มาช่วยวิเคราะห์ประเด็นปัญหาของ กฎเกณฑ์ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อเรื่องดังกล่าวด้วย


    การปฏิรูปกฎเกณฑ์กำกับดูแลสถาบันการเงินในครั้งนี้ มุ่งที่จะช่วยให้สถาบันการเงินและผู้ให้บริการ ทางการเงินคล่องตัวในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการให้บริการ 4 มิติ คือ


    (1) ผลักดันนวัตกรรมและบริการ ทางการเงินได้รวดเร็วขึ้น (speed)


    (2) ให้บริการได้ในขอบเขตที่กว้างและในรูปแบบที่หลากหลายขึ้น (scope)


    (3) สามารถตอบสนองกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายและกว้างขึ้น (scale) และ


    (4) ช่วยดึงศักยภาพของสถาบัน การเงินและผู้ให้บริการต่างๆ มาใช้ร่วมกันในการยกระดับการให้บริการให้ดีขึ้น (sharing)


    ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผล ให้ผู้ใช้บริการทางการเงินได้รับบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของตนได้ดีขึ้น (segment of one) โดยสรุปสิ่งที่สำคัญในการปฏิรูปกฎเกณฑ์ในครั้งนี้ ดังนี้


    ในการส่งเสริมบริการทางการเงินด้านดิจิทัล ธปท. ได้


    (1) ผ่อนคลายกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการขออนุญาต สำหรับการใช้เทคโนโลยีและการให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ เช่น การใช้เทคโนโลยี Cloud computing การเปลี่ยนระบบ Core banking หรือการให้บริการ Platform กับ strategic partners โดยให้สถาบันการเงิน สามารถดำเนินการได้เองภายใต้กรอบการบริหารความเสี่ยงและการดูแลผู้บริโภคที่เหมาะสมตามที่ ธปท. กาหนด ซึ่งจะเพิ่มความคล่องตัวในการพัฒนานวัตกรรมและบริการทางการเงิน และลดเวลา การนำเสนอบริการทางการเงินใหม่ๆ (time to market)


    (2) ปรับปรุงแนวทางของ Regulatory Sandbox ให้ มีประสิทธิภาพขึ้น โดยสถาบันการเงินและผู้ให้บริการทางการเงินต้องนานวัตกรรมเข้าทดสอบกับ ธปท. เฉพาะ กรณีที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน / มาตรฐานกลาง (common infrastructure / standard) เช่น มาตรฐาน QR code ที่จบการทดสอบไปแล้วก่อนหน้า หรือในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้ต้องเข้าทดสอบใน Regulatory Sandbox เช่น การทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลของสถาบันการเงิน และ


    (3) สนับสนุนให้สถาบันการเงินใช้เทคโนโลยี Biometrics อย่างเต็มรูปแบบในการพิสูจน์ตัวตนลูกค้า เพิ่มความสะดวกไม่ต้องไปสาขาสามารถเปิดบัญชีได้ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์เช่น โทรศัพท์มือถือ โดยปลอดภัยในการยืนยันตัวตนรองรับโครงการ National Digital ID


    ส่วนในการสนับสนุนบริการทางการเงินสำหรับ SMEs ธปท. ได้


    (1) ให้ความสำคัญกับการส่งเสริม Information-based lending โดยผ่อนคลายข้อจำกัดด้านวงเงินตามจำนวนเท่าของรายได้สำหรับสินเชื่อ ส่วนบุคคลที่ให้แก่ SMEs บุคคลธรรมดาที่กู้เพื่อทำธุรกิจ และผ่อนคลายกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการพิจารณา ความสามารถในการชำระหนี้ ให้สถาบันการเงินและผู้ให้บริการทางการเงินสามารถพัฒนาแบบจำลองในการ ประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของ SMEs โดยใช้ข้อมูลอื่นๆ (alternative data) ประกอบกับข้อมูล รายได้ของ SMEs เพื่อให้ SMEs สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น รวมทั้งสนับสนุนให้ SMEs สามารถใช้ข้อมูล ความน่าเชื่อถือด้านเครดิตจากแหล่งอื่นๆ ประกอบการยื่นขอสินเชื่อได้ โดยเฉพาะคะแนนเครดิตจากบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จากัด (NCB) และ


    (2) ผ่อนคลายกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการประเมินราคาหลักประกัน โดยให้ SMEs และบุคคลธรรมดาสามารถใช้เอกสารประเมินหลักประกันฉบับเดียวในการยื่นขอสินเชื่อหรือ refinance สินเชื่อกับสถาบันการเงินหลายแห่งได้โดยไม่ต้องประเมินราคาหลักประกันใหม่ หากระยะเวลาการประเมินอยู่ ในกรอบที่สถาบันการเงินกำหนด และให้สถาบันการเงินสามารถประเมินราคาหลักประกันโดยไม่ต้องออกไป สถานที่จริง โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดต้นทุนการเข้าถึงสินเชื่อของลูกค้า


    นอกจากนี้ ยังได้ปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานของ ธปท. และข้อกำหนดที่มีต่อผู้ให้บริการทางการ เงินเพื่อรองรับการเข้าสู่ยุคดิจิทัลด้วย โดยในส่วนของสถาบันการเงิน ธปท. ได้ผ่อนคลายกฎเกณฑ์การจัดเก็บ เอกสารของสถาบันการเงินที่มีประกาศที่เกี่ยวข้องมากกว่า 50 ฉบับ โดย


    (1) ยกเลิกข้อกำหนดเกี่ยวกับการให้ ข้อมูลต่างๆ แก่ผู้ใช้บริการทางการเงินในรูปแบบของเอกสาร เช่น การปิดประกาศอัตราดอกเบี้ยที่ที่ทาการ สาขา แต่ยังคงต้องอำนวยความสะดวกในการเปิดเผยข้อมูลให้ผู้ใช้บริการหากมีการร้องขอข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และ


    (2) ยกเลิกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดเก็บเอกสารหรือการส่งเอกสารตัวจริงเพื่อการตรวจสอบของธปท. โดยให้สถาบันการเงินจัดเก็บเอกสารและเผยแพร่ข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้


    นอกจากนี้ ธปท. ยังได้ ปรับปรุงกระบวนการยื่นขออนุญาตต่อ ธปท. ในรูปแบบ One-stop service โดยการขออนุญาตจากสถาบัน การเงินและผู้ให้บริการทางการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. สามารถยื่นขออนุญาตผ่านช่องทาง ระบบ e-Application ได้ที่จุดเดียว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็ว และยังลดความซ้ำซ้อนใน กระบวนการขออนุญาตด้วย


    ในการปรับปรุงหลักเกณฑ์และกระบวนการต่างๆ ในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยให้สถาบันการเงินและ ผู้ให้บริการทางการเงินลดระยะเวลาการพัฒนานวัตกรรมและนำเสนอบริการทางการเงินใหม่ๆ ลงได้แล้ว ยังคาดว่าจะช่วยประหยัดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ลงได้ถึงประมาณ 1,100 ล้านบาทต่อปี และในส่วนของ SMEs นั้น


    นอกจากจะเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนโดยรวมที่ SMEs ต้องชำระสาหรับการประเมินราคาหลักประกันลงได้ประมาณ 500 ล้านบาทต่อปีการปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่างๆ เหล่านี้ ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างดำเนินการซึ่งจะแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2562


    Source: การเงินธนาคาร


    เพิ่มเติม

    - ข่าว ธปท. https://www.bot.or.th/Thai/AboutBOT/Activities/Pages/Regulatory_Guillotine.aspx
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    MOREMOVE


    #มอร์มูฟเป็นข่าว ใครเห็นด้วยยกมือขึ้น!!?? #แก้ปัญหาคนจนล้นคุก ด้วยการเปลี่ยนโทษจ่ายค่าปรับเป็นบำเพ็ญประโยชน์ทดแทน ตามแผนโครงการรณรงค์ #ต้องไม่มีใครติดคุกเพราะจน จากอาจารย์และนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ #มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อให้บุคคลที่ไม่มีเงินจ่ายค่าปรับตามคำพิพากษาสามารถบำเพ็ญประโยชน์แทนโดยไม่ต้องถูกกักขัง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 30/1


    ▪️ปัญหาการติดคุกเพราะจน เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในบรรดาปัญหาความเหลื่อมล้ำทั้งหลายที่มีอยู่ในประเทศไทย #ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว เรื่องอื่นถ้าคนจนอย่างมากก็คงไม่เข้าถึงสิทธิบางประการเท่านั้น


    Source : posttoday - https://bit.ly/2BgTDCg


    โดยเรื่องนี้ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า เดิมทีโครงการนี้ได้ดำเนินการมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นการจัดกิจกรรมสร้างความตระหนักต่อสาธารณะและจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน #นำข้อเสนอส่งไปยังคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรมต่อคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ส่วนในครั้งที่ 2 ได้ทำการหารือกับกรมคุมประพฤติถึงความเป็นไปได้ถึงการบำเพ็ญประโยชน์แทนการจ่ายค่าปรับ #ทั้งสองครั้งที่ได้ดำเนินการเป็นไปในลักษณะของการรณรงค์เป็นหลัก โดยยังไม่ได้ไปสู่การนำตัวของผู้ต้องโทษที่ไม่มีเงินจ่ายค่าปรับออกมาจากคุก


    "ด้วยเหตุนี้ กลุ่มนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ภาคบัณฑิตชั้นปีที่ 4 ที่กำลังศึกษาในวิชา 'หลักวิชาชีพนักกฎหมาย' จึงตัดสินใจร่วมกันลงมือทำโครงงาน 'ต้องไม่มีใครติดคุกเพราะจน ตอน บำเพ็ญประโยชน์แทนค่าปรับ' ซึ่งเป็นการดำเนินการในเชิงรุกจนสามารถช่วยบุคคลที่ไม่มีเงินจ่ายค่าปรับออกมาจากคุกได้เป็นผลสำเร็จแล้วจำนวน 2 คน ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา" อ.ปริญญา ให้ข้อมูล


    อนึ่ง อ.ปริญญาได้อธิบายถึงหลักการในการดำเนินโครงการนี้ว่า #หลักการคือคนควรจะติดคุกเพราะทำผิดกฎหมายไม่ใช่เพราะจน แต่ปัญหาของประเทศเราคือ คนที่ยังไม่ผิดแต่ต้องมาติดคุกเพราะจนนั้นมีจำนวนมาก โดยมีสองสาเหตุหลักที่ทำให้ตัวเลขคนที่ต้องติดคุกมีจำนวนสูงขึ้นมากคือ


    #ศาลตั้งวงเงินประกันตัวไว้สูง เมื่อไม่มีเงินมาจ่ายเป็นเงินประกันก็ต้องติดคุก เป็นการติดคุกก่อนศาลพิพากษา ทั้งที่เขามีสิทธิออกมาสู้คดี เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติเป็นหลักการว่าในคดีอาญาต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด


    #โดยการกำหนดวงเงินการประกันตัวไว้สูงนั้นอยู่ภายใต้แนวคิดที่ว่าถ้าเงินประกันสูงๆคนจะไม่กล้าหนี เพราะถ้าหนีแล้วจะต้องถูกริบเงิน #เมื่อประเมินผลกันแล้วจะเห็นว่าไม่ได้ผล เนื่องจากคนที่สามารถวางเงินประกันสูงได้ ก็ย่อมทิ้งเงินประกันได้และหนี กลายเป็นว่าถ้าใครที่มีเงินก็ไม่ต้องติดคุก ประกันตัวออกมาสู้คดีได้ คนไม่มีเงินก็ติดคุกไป


    เป็นปัญหาอยู่ในประมวลกฎหมายอาญา โดยไปกำหนดว่าศาลพิพากษาให้ปรับและหากไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ ผู้ต้องโทษก็ต้องติดคุกแทนการจ่ายค่าปรับ #กรณีนี้ชัดเจนกว่ากรณีแรกเสียอีก เพราะศาลพิพากษาให้จ่ายเป็นค่าปรับไม่ได้ประสงค์จะเอามาติดคุก แต่กลายเป็นว่าที่ต้องติดคุกเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ แบบนี้ติดคุกเพราะจนโดยแท้เลย


    “เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศที่มีนักกฎหมายตั้ง 3 แสนคน และไม่ควรเกิดในประเทศที่มีคณะนิติศาสตร์ตั้งเกือบ 100 มหาวิทยาลัยในขณะนี้ #ปัญหาการติดคุกเพราะจน #เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในบรรดาปัญหาความเหลื่อมล้ำทั้งหลายที่มีอยู่ในประเทศไทย ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว เรื่องอื่นถ้าคนจนอย่างมากก็คงไม่เข้าถึงสิทธิบางประการเท่านั้น


    อย่างไรก็ตาม อ.ปริญญายังเปิดเผยต่อไปอีกด้วยว่า การดำเนินโครงการฯในรอบที่ 3 นี้ #สามารถทำให้เกิดผลได้จริง คือสามารถช่วยคนที่ติดคุกเพราะไม่มีเงินเสียค่าปรับออกมาจากเรือนจำได้ โดยอาศัยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 30/1 ที่เปิดโอกาสให้บุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้ปรับเป็นเงิน แต่ไม่มีเงินชำระค่าปรับสามารถขอทำงานบริการสังคมแทนค่าปรับ เพื่อที่จะไม่ต้องติดคุกแทนการชำระค่าปรับได้


    ▪️แต่ถึงแม้จะช่วยผู้ที่ต้องติดคุกแทนการจ่ายค่าปรับออกมาได้แล้ว แต่ในมุมมองของอาจารย์ปริญญาเห็นว่าควรต้องมีการแก้ไขปัญหาในระยะยาว


    “มาตรา 30/1 เป็นบทบัญญัติที่แก้ไขเพิ่มเติมขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ปี 2559 แต่มีคนจำนวนมากยังไม่รู้ โดยเฉพาะบุคคลที่ตกเป็นจำเลยยังไม่ทราบถึงสิทธิตามมาตราดังกล่าว คิดว่าถ้าจะแก้ไขปัญหาให้เกิดสภาพบังคับคือ ให้คนที่ถูกพิพากษาให้จ่ายค่าปรับนั้นไปทำประโยชน์สาธารณะแทนการกักขัง ... #ถึงตอนนี้จะยังแก้ไขกฎหมายไม่ได้ แต่ก็ควรทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ผู้พิพากษาทุกศาลแจ้งสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญามาตราดังกล่าวให้กับจำเลยได้รู้ โดยการดำเนินการก่อนหน้านี้ที่จะเอาคนออกมาได้ เราได้ไปยื่นข้อเสนอต่อคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมมาแล้ว ท่านก็รับไว้หมดทุกอย่าง แต่มันก็อยู่ในแผน แล้วไงต่อ มันก็เป็นแค่แผน #การปฏิรูปประเทศหรือการแก้ไขปัญหาต้องลงมือทำถึงจะเปลี่ยนแปลงประเทศได้” อ.ปริญญา ทิ้งท้าย.


     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบงก์ชาติ มึนเศรษฐกิจวูบเกินคาด จับตาสถานการณ์ส่งออก-ท่องเที่ยวต่อเนื่อง วันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 - 17:37 น.
    IMG_5180.JPG
    แบงก์ชาติ มึนเศรษฐกิจไตรมาส 3 วูบเกินคาด ชี้ปัจจัยที่อ่อนแรงมาก มาจากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งต้องติดตามข้อมูลต่อเนื่องอีกระยะ โดยเฉพาะสงครามการค้า

    เศรษฐกิจวูบเกินคาด – นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ประกาศตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทยไตรมาส 3/2561 ที่ขยายตัว 3.3% ต่ำกว่าที่ ธปท. คาดการณ์ไว้ แต่ถ้าหากพิจารณาองค์ประกอบการขยายตัว จะพบว่าเป็นไปตามคาด คือ การบริโภค และการลงทุนภาคเอกชนยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง รวมทั้งตัวเลขนำเข้าที่เติบโตดี สะท้อนให้เห็นการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน ที่มีการนำเข้าวัตถุดิบเพื่อใช้เป็นปัจจัยในการผลิตในระยะต่อไป

    อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่อ่อนแรงมาก มาจากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว โดยการส่งออกจะต้องติดตามข้อมูลต่อเนื่องอีกระยะ โดยเฉพาะสงครามการค้า ที่เริ่มมีผลมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ใช่ผลกระทบใหญ่ ซึ่งการส่งออกในเดือนก.ย. มีปัจจัยเข้ามากระทบชั่วคราว จากภัยธรรมชาติ กระทบตลาดส่งออกญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ซึ่งจะต้องติดตามผลต่อเนื่องไปอีกระยะ นอกจากนี้ การลงทุนภาครัฐ ในโครงการลงทุนหลายๆ โครงการไม่เป็นไปตามคาด ซึ่งถ้าเร่งขึ้นมาได้ก็จะส่งผลในระยะต่อไป

    นอกจากนี้ นายวิรไท เปิดเผยในการแถลงการปฏิรูปกฎเกณฑ์การกำกับดูแลสถาบันการเงิน ว่า ธปท.อยู่ระหว่างปฏิรูปกฎเกณฑ์กำกับดูแลสถาบันการเงิน ให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัลแบงกิ้ง เพื่อให้สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการทางการเงินดำเนินธุรกิจได้คล่องตัว สะดวกมากขึ้น และให้ประชาชนได้รับบริการที่ดี คาดว่าจะช่วยประหยัดต้นทุน 1,100 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อประชาชนให้มีต้นทุนทางการเงิน เช่น ค่าธรรมเนียม ที่ลดลงไปด้วย โดยทั้งหมดจะทยอยมีผลบังคับใช้ภายในเดือนมี.ค. 2562

    สำหรับการปรับปรุงหลักเกณฑ์มี 4 ด้าน คือ 1. ด้านไอที เช่น สถาบันการเงินไม่ต้องขออนุญาตธปท.ในเรื่องนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้ แต่สถาบันการเงินต้องมีระบบบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน ซึ่งผู้ให้บริการทางการเงินทดสอบนวัตกรรมใหม่ได้ด้วยตนเอง (โอน แซนด์บ็อกซ์) และทดสอบในบีโอที แซนด์บ็อกซ์ เฉพาะกรณีที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน มาตรฐานกลางที่ทดสอบร่วมกัน หรือกฎหมาย โดยให้รายงานแผนประจำปีในการนำเทคโนโลยีมาใช้ แจ้งธปท. ก่อนเริ่มใช้งานจริง 15 วัน

    2. ด้านทำธุรกิจดิจิทัล แบงก์กิ้ง ผ่อนปรนข้อจำกัด เช่น สนับสนุนให้สถาบันการเงินใช้เทคโนโลยีผ่านข้อมูลทางชีวภาพ (ไบโอเมตทริก) มารู้จักลูกค้า (อี-เควายซี) โดยไม่ต้องขออนุญาต ลดความซ้ำซ้อนให้สถาบันการเงินที่ให้บริการ อี-มันนี่ ภายใต้พ.ร.บ.ระบบชำระเงิน ซึ่งอี-เควายซีจะทำให้ลูกค้าสะดวกไม่ต้องไปที่สาขาธนาคาร ก็สามารถเปิดบัญชีได้ แต่ต้องมีมาตรฐานที่รัดกุม ปลอดภัยในการพัฒนาเทคโนโลยี โดยปัจจุบันมีสถาบันการเงินทดสอบไบโอเมตทริกในแซนด์บ็อกซ์ 9-10 รายจากทั้งหมดในแซนด์บ็อกซ์ 20 ราย

    3. ส่งเสริมบริการทางการเงินสำหรับเอสเอ็มอี เพื่อให้สามารถนำเทคโนโลยีมาเพิ่มทางเลือกและลดต้นทุนให้กับเอสเอ็มอี โดยจากเดิมสถาบันการเงินใช้หลักเกณฑ์ปล่อยสินเชื่อเดียวกับสินเชื่อบุคคล ซึ่งพิจารณาจากความสามารถชำระหนี้ รายได้ในบัญชีเงินฝากไม่น้อยกว่า 6 เดือน จำกัดวงเงินไม่เกิน 5 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน เปลี่ยนเป็นไม่จำกัดวงเงินตามจำนวนเท่าของรายได้เอสเอ็มอีที่เป็นบุคคลธรรมดาขอกู้ไปทำธุรกิจ เนื่องจากปัจจุบันได้มีข้อมูลอื่นในโลกดิจิทัล มาวิเคราะห์ความสามารถชำระหนี้ เช่น ข้อมูลเครดิต ข้อมูลการใช้โทรศัพท์ เป็นต้น

    ขณะเดียวกันยังสนับสนุนให้เอสเอ็มอีใช้เอ็นซีบี สกอริ่ง ของตัวเองในการขอสินเชื่อจากผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สมาชิกของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) โดยบริษัท เครดิตบูโร จะไม่คิดค่าธรรมเนียมตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.พ. 2562 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่เอสเอ็มอี

    ส่วนด้านที่ 4 ลดใช้เอกสาร เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มความสะดวกในการใช้เทคโนโลยีของสถาบันการเงิน เช่น เอกสารที่ติดต่อลูกค้า ประกาศอัตราดอกเบี้ย เอกสารที่ใช้ขอสินเชื่อ แสดงฐานะการดำเนินงาน เป็นต้น และปรับปรุงกระบวนการขออนุญาตในรูปแบบรวมศูนย์ (วัน สต็อบ เซอร์วิส) โดยสามารถยื่นคำขออนุญาตผ่านระบบอี-แอพพลิเคชั่น เพียงครั้งเดียว จากเดิมต้องส่งหลายฝ่ายงานในธปท.


    https://www.khaosod.co.th/economics/news_1851230
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2018
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thairath


    ใครเห็นข้อความนี้ ขอคนละ 1 เม้น


    ‘เฟซบุ๊ก’ ล่มทั่วโลก! เมื่อเวลาประมาณ 20.10 น. โดยผู้ใช้งานเฟซบุ๊กหลายประเทศ ประสบปัญหาไม่สามารถล็อคอินเข้าใช้งานได้ ทั้งนี้ ระบบแจ้งว่า เฟซบุ๊กไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว เนื่องจากการปรับปรุงเว็บไซต์ที่จำเป็น โดยจะกลับมาให้บริการเร็วๆ นี้


    #facebookdown #ไทยรัฐ


     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การใช้งบประมาณแบบคิดแทนชาวบ้าน ไม่ดูความต้องการที่แท้จริง สุดท้ายก็ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โพสต์ทูเดย์


    ลิฟต์ตึกสูงในนครชิคาโกร่วงรูดจากชั้น 84 ผู้โดยสาร 6 รายรอดชีวิต


     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Ammy Chumnankit


    #อุกาบาตชนโลกทำแอตแลนตืสล่มสลาย


    12,800 ปีมาแล้ว ที่ความเจริญสุดท้ายของแอตแลนติส ต้องล่มสลายลง ภายหลังจากมีอุกาบาตยักษ์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 60 ไมล์ เข้ามาชนโลกที่ขั้วโลกเหนือ จนทำให้เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด และคลื่นสึนามิยักษ์เข้าถล่มโลก จนทำให้แอตแลนติสจมทั้งประเทศ น้ำท่วมโลกยาวนาน


    เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้เกิดไฟไหม้ป่าไปทั้งโลกถึง 10% หรือประมาณ 10 ล้านตารางกิโลเมตร ส่งผลให้เถ้าถ่าน ควันไฟดำทมึน ลอยขึ้นไปบังแสงอาทิตย์ ต้นไม้ตาย เกิดเป็นสภาวะ little Ice Age โลกเข้าสู่ความหนาวเย็นยะเยือก น้ำท่วมไปทั่วโลก จนทุกอารยธรรม มีการบันทึกเรื่องนี้เอาไว้


    ชาวแอตแลนติสที่รอดตาย กระจายกันออกไปสร้างอาคารหิน โบราณสถานแกะสลักหิน แล้วบันทึกถึงเรื่องนี้เอาไว้ แม้แต่ที่โบราณสถานขนาดยักษ์โกเบคลี่ เทเป ที่พึ่งค้นพบล่าสุดเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ที่ตุรกี ก็พบการแกะสลักหิน บอกเล่าถึงเรื่องราว อุกาบาตชนโลกครั้งนี้ค่ะ


    Only last year, ancient carvings uncovered on a stone temple in Turkey that dates to 13,000 years old were interpreted as representing what may have been the impact. Discovered at Gobeekli Tepe in the south of the country, the researchers argue that the images show the fragmenting comet and that the pillar they were etched on may “have served as a memorial to this devastating event”.


    ดร.แอมมี่ ชำนาญกิจ


    ท่านใดอยากอ่านเรื่องงานแกะสลักที่โกเบคลี่ เทเป ประเทศตุรกี ตามไปอ่านต่อที่นี่ค่ะ

    https://www.newscientist.com/articl...w-comet-hit-earth-and-triggered-mini-ice-age/


     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ครม. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ ปรับเพิ่ม ช.ค.บ. รวมกับเบี้ยหวัดบำนาญเป็นเดือนละ 10,000 บาท และขยายเพดานวงเงินบำเหน็จดำรงชีพของผู้รับบำนาญที่มีอายุตั้งแต่ 70 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป เพิ่มอีก 100,000 บาท เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในการดำรงชีพของผู้รับบำนาญ


    20 พ.ย.61 น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแก้ไขร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราและวิธีการรับบำเหน็จดำรงชีพ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ออกตามความใน พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 และที่แก้ไขเพิ่มเติม) และร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราและวิธีการรับบำเหน็จดำรงชีพ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ออกตามความใน พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539 และที่แก้ไขเพิ่มเติม) เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561

    .

    กรมบัญชีกลางได้ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ดังนี้


    (1) ปรับเพิ่มเงินให้ผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญซึ่งได้รับหรือมีสิทธิได้รับเบี้ยหวัดบำนาญรวมกันทุกประเภท และรวม ช.ค.บ. แล้ว ต่ำกว่าเดือนละ 10,000 บาท ให้ได้รับ ช.ค.บ. เพิ่มขึ้นเมื่อรวมกับเบี้ยหวัดบำนาญแล้วจะได้รับเงิน เดือนละ 10,000 บาท


    (2) ขยายเพดานของวงเงินบำเหน็จดำรงชีพให้แก่ผู้รับบำนาญซึ่งมีอายุตั้งแต่ 70 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป เพิ่มอีก 100,000 บาท จากเดิมที่ให้ขอรับได้ในอัตรา 15 เท่าของบำนาญรายเดือนที่ได้รับ แต่ไม่เกิน 400,000 บาท เป็น ให้ขอรับได้ในอัตรา 15 เท่าของบำนาญรายเดือนที่ได้รับ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท โดยหากผู้รับบำนาญเคยขอรับบำเหน็จดำรงชีพไปบางส่วนแล้ว ให้ขอรับได้ไม่เกินจำนวนเงินที่ยังไม่ครบตามสิทธิ แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท

    .

    ทั้งนี้ หลังจากที่กฎกระทรวงประกาศใช้แล้ว จะมีผลใช้บังคับใน 60 วันหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว กรมบัญชีกลางจะร่างหลักเกณฑ์และปรับระบบการจ่ายเงินให้รองรับกับการขอรับบำเหน็จดำรงชีพตามวงเงินที่กำหนดขึ้นใหม่ และจะประกาศหลักเกณฑ์ให้ทราบโดยเร็วต่อไป

    .

    “การแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อให้ผู้รับบำนาญสามารถดำรงชีพอยู่ได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ และเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในการดำรงชีพให้แก่ผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ” น.ส.สุทธิรัตน์ กล่าว


     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โพสต์ทูเดย์


    สถานการณ์ในเวเนซุเอลาเข้าขั้นวิกฤตหลังต้องเผชิญกับเศรษฐกิจล่มสลาย ล่าสุดผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องหันไปก่ออาชญากรรมเพื่อหาเงินประทังชีวิต

    https://www.posttoday.com/world/571433


     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น่าสนใจน่ะครับ ถ้าบ้านคุณภาพดี ก็ลองพิจารณาดูครับ

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Workpoint News - ข่าวเวิร์คพอยท์

    IMG_5181.JPG
    มาตรการล่าสุดของคณะรัฐมนตรี ที่ช่วยเหลือผู้มีรายได้ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นอีกครั้งที่มีการ "เติมเงิน" ลงไป โดยให้เหตุผลกำกับ คือเพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อยได้อย่างยั่งยืน

    .

    มาตรการเพิ่มเติม โดยการอนุมัติของ ครม. เมื่อ 20 พ.ย. ที่ได้ทุกคนคือ

    .

    ค่าใช้จ่ายปลายปี ให้เปล่าคนละ 500 บาท มีผู้ได้รับสิทธิ์ 14.5 ล้านคน

    ใช้งบประมาณ 7,250 ล้านบาท จากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม

    .

    มาตรการบรรเทาค่าไฟฟ้าและน้ำประปา 10 เดือน

    ธ.ค.2561 - ก.ย.2562 ค่าไฟฟ้าไม่เกิน 230 บาท และค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาท/ครัวเรือน/เดือน ถ้าใช้เกินจะต้องจ่ายเองเต็มจำนวน

    ใช้งบประมาณ 27,060 ล้านบาท จากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม

    .

    มาตรการเฉพาะผู้สูงอายุ แบ่งเป็น ค่าเดินทางรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอื่นเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพสำหรับผู้อายุ 65 ปีขึ้นไป 1,000 บาท โดยผู้ได้รับสามารถถอนเป็นเงินสดได้

    ใช้งบประมาณ 3,500 บาท จากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม

    .

    และมาตรการช่วยเหลือค่าเช่าบ้านผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปที่มีรายได้น้อย 400 บาท/เดือน ระหว่าง ธ.ค.61- ก.ย.62

    ใช้งบประมาณ 920 ล้านบาท จากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม

    .

    ขณะที่มาตรการเฉพาะกลุ่มอีกอย่างที่จะมีผลในเดือน ธ.ค.นี้ คือ การให้ส่วนลดวินจักรยานยนต์รับจ้าง เติมน้ำมัน 3 บาท/ลิตร คาดว่าจะเริ่ม 15 ธ.ค.61

    .

    เมื่อรวมกับวงเงินช่วยเหลือเดิมทำให้สถานะของบัตรฯ ตอนนี้ครอบคลุม ทั้งเงินช่วยเหลือ ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค, ค่าเดินทาง, ค่าน้ำ-ไฟ และค่าเช่าบ้าน (ผู้สูงอายุ)

    .

    มาตรการเดิม ให้วงเงินซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคและวัตถุดิบเพื่อการเกษตร 200-300 บาท/เดือน (ขึ้นกับรายได้ต่อปี) , ส่วนลดค่าก๊าซ 45บาท/3 เดือน

    .

    ค่าใช้จ่ายเดินทาง รถเมล์-รถไฟฟ้า 500 บาท/เดือน, ค่ารถ บขส. 500 บาท/เดือน, ค่ารถไฟ 500 บาท/เดือน ใช้งบประมาณรวม 41,940 ล้านบาท
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ToxicAnt - เพราะทุกสิ่งล้วนเป็นพิษ


    ยาปฏิชีวนะคือพิษที่ฆ่าจุลิทรีย์ได้ อันที่จริงมันก็ฆ่าเราได้ด้วย


    แต่ที่เราใช้เป็นยาได้ เพราะเราคัดเลือกสารพิษที่ฆ่าจุลินทรีย์ได้ดีมากๆ ใช้เพียงนิดเดียวก็ฆ่าได้ แต่เป็นอันตรายต่อเราไม่มาก ถึงได้รับในปริมาณหนึ่งก็ยังไม่แสดงอาการเป็นพิษ


    แต่ถ้าเราใช้ยาปฏิชีวนะอย่างพร่ำเพรื่อ จุลินทรีย์ในธรรมชาติจะค่อยๆ ปรับตัว พัฒนาให้ทนต่อยามากขึ้น ต้องใช้มากขึ้นเพื่อจะฆ่ามัน


    ซึ่งถ้าปริมาณยาที่ต้องใช้ฆ่าจุลินทรีย์ อยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อเรา หมายความเรา เราจะไม่สามารถใช้ยานั้นรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อชนิดนั้นได้อีกต่อไป


    ถ้านึกไม่ออกว่าเรื่องนี้ซีเรียสขนาดไหน


    ก็ลองจินตนาการว่า เชื้อโรครอบตัวเต็มไปด้วยเชื้อที่ไม่มียาฆ่ามันแล้ว แค่หกล้มเชื้อเข้าไปในแผล หรือเผลอกินอาหารที่มีเชื้อเข้าไป คุณอาจจะป่วยถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือดตายได้


    http://news.thaipbs.or.th/content/275783


     

แชร์หน้านี้

Loading...