ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    China Report ASEAN - Thailand

    ประเทศเจ้าภาพจัดประชุมเอเปคปีนี้ คือประเทศที่ ‘รวยน้อยที่สุด’

    แม้ว่าประเทศเจ้าภาพจัดประชุมเอเปคปีนี้จะเป็นประเทศที่ ‘รวยน้อยที่สุด’ ในบรรดา 21 ประเทศสมาชิก แต่การประชุมครั้งนี้ กลับมีความหมายยิ่ง เพราะเป็นการประชุมเอเปค ที่แสดงออกถึง ‘ความร่วมมือ’ อย่างแท้จริง

    21 ประเทศสมาชิกเอเปค (ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก: Asia-Pacific Economic Cooperation: APEC) ประกอบไปด้วย ออสเตรเลีย บรูไนดารุสซาลาม แคนาดา ชิลี จีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ปาปัวนิวกินี เปรู ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย สหรัฐอเมริกา และ เวียดนาม

    การประชุมกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ระหว่างวันที่ 17–18 พฤศจิกายน แต่ด้วยประเทศเจ้าภาพคือ ปาปัวนิวกินี ยังมีหลายอย่างที่ต้องพัฒนาเพื่อให้สมเกียรติกับการเป็นเจ้าภาพและต้อนรับผู้นำระดับโลก ประเทศสมาชิกเอเปคหลายๆประเทศ อาทิ จีน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จึงให้การสนับสนุน ยกระดับ ปรับปรุง โครงสร้างพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเพื่อให้ปาปัวนิวกินีพร้อมสำหรับการประชุม และเพื่อให้ปาปัวนิวกินีสานต่อการพัฒนาประเทศต่อไป

    นี่คือ การประชุมเอเปค ที่แสดงออกถึง ‘ความร่วมมือ’ อย่างแท้จริง
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้เชี่ยวชาญชี้โสมแดงทดสอบ ‘อาวุธทางยุทธวิธี’ สะท้อนเป้าหมาย ‘อัพเกรดกองทัพ’ เผยแพร่: 19 พ.ย. 2561 12:16 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    561000011969801.jpg

    ผู้นำ คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือ
    รอยเตอร์ - นักวิเคราะห์มองว่าการทดสอบอาวุธทางยุทธวิธีล้ำสมัย (untramodern tactical weapon) ไม่ระบุชนิดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของเกาหลีเหนือที่จะเปลี่ยนกองทัพแบบดั้งเดิมให้มีความทันสมัย และสร้างความเชื่อมั่นแก่ฝ่ายทหาร ในขณะที่รัฐบาลเริ่มต้นเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ

    สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือรายงานเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (16 พ.ย.) ว่า ผู้นำ คิม จองอึน ได้เดินทางไปคุมการทดสอบอาวุธทางยุทธวิธีรุ่นใหม่ล่าสุดที่นักวิทยาศาสตร์โสมแดงพัฒนาขึ้น ซึ่งจะทำหน้าที่เสมือน “กำแพงเหล็ก” ปกป้องประเทศ

    การทดสอบอาวุธครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกหลังจากที่โสมแดงเว้นวรรคไปนาน 1 ปีเต็ม และอาจทำให้การเจรจากับสหรัฐฯ ยุ่งยากขึ้นไปอีก แม้ทั้งวอชิงตันและโซลจะออกมาพูดในทำนองว่า “ไม่ใช่เรื่องใหม่” ก็ตามที

    ผู้เชี่ยวชาญมองว่า นี่คือความริเริ่มของผู้นำ คิม ซึ่งหวังจะเปลี่ยนกองทัพแบบดั้งเดิมที่ใช้กำลังพลมากมายถึง 1.3 ล้านคนไปสู่การครอบครองอาวุธไฮเทค

    “มันเป็นการปฏิรูปกองทัพในแบบของเกาหลีเหนือ” ชอย กัง รองประธานสถาบันอาซานเพื่อนโยบายศึกษาในกรุงโซล ให้สัมภาษณ์

    “ข้อความระหว่างบรรทัดที่เกาหลีเหนือกำลังส่งไปถึงโลกภายนอกก็คือ อย่าประเมินเราต่ำเกินไป เราเองก็กำลังมุ่งสู่ความทันสมัยเช่นกัน”

    อาวุธล้ำสมัยเหล่านี้ยิ่งมีความจำเป็น หากเกาหลีเหนือตั้งใจที่จะปลดอาวุธนิวเคลียร์แม้เพียงบางส่วนก็ตาม

    แม้งบประมาณที่เกาหลีเหนืออุดหนุนกองทัพนั้นจะเทียบไม่ได้กับสหรัฐฯ หรือเกาหลีใต้ แต่การมีทหารประจำการแนวหน้าพร้อมด้วยปืนและจรวดหลายลำกล้อง (multiple-launch artillery rocket systems - MLRS) ก็ทำให้โสมแดงเป็นภัยคุกคามต่อพันธมิตรของสหรัฐฯ อยู่พอสมควร

    ผลการประเมินโดยกระทรวงเกาหลีใต้เมื่อปี 2016 พบว่า กองทัพเกาหลีเหนือมีระบบจรวดหลายลำกล้องราวๆ 5,500 ตัว, รถถัง 4,300 คัน, ยานเกราะ 2,500 คัน, เครื่องบินขับไล่ 810 ลำ, ยานพาหนะโจมตี (combatant vessels) 430 คัน และเรือดำน้ำอีก 70 ลำ

    ศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์และระหว่างประเทศศึกษา (CSIS) รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เกาหลีเหนือซุกซ่อนฐานส่งขีปนาวุธอย่างน้อย 13 แห่งที่ไม่เคยสำแดงให้นานาชาติรับรู้มาก่อน และยังพัฒนากองเรือโฮเวอร์คราฟต์เพื่อสนับสนุนหน่วยรบพิเศษที่มีกำลังพลราว 200,000 นาย

    นับตั้งแต่ก้าวขึ้นปกครองประเทศเมื่อช่วงปลายปี 2011 ผู้นำ คิม ก็พยายามปรับปรุงสายการผลิตในโรงงานเครื่องกระสุนของเกาหลีเหนือให้ทันสมัยยิ่งขึ้น และจัดหาอาวุธรุ่นใหม่ๆ มาทดแทนเทคโนโลยีแบบเก่าที่ล้าสมัย

    เปียงยางและโซลได้บรรลุข้อตกลงลดความตึงเครียดชายแดนระหว่างการประชุมซัมมิตสองเกาหลีครั้งที่ 3 เมื่อเดือน ก.ย. โดยมีการระเบิดทำลายป้อมทหาร อีกทั้งฝ่ายโสมแดงก็ยอมปลดชนวนปืนใหญ่ซึ่งติดตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งตะวันตกของประเทศ

    อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้ไม่ได้กำหนดให้มีการเคลื่อนย้ายระบบจรวด MLRS ออกจากพื้นที่ส่วนหน้า ซึ่งเป็นจุดที่ปืนพิสัยไกลหรือแท่นยิงขีปนาวุธบางชนิดของเกาหลีเหนืออาจโจมตีได้ถึงกรุงโซล

    สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้อ้างแหล่งข่าวกรองทางทหารซึ่งระบุว่า อาวุธทางยุทธวิธีที่เกาหลีเหนือเอ่ยถึงน่าจะเป็นระบบจรวด MLRS รุ่นใหม่ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ มองว่าน่าจะเป็นขีปนาวุธพิสัยใกล้รุ่นล่าสุด

    คิม ดงยุบ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารจากสถาบันตะวันออกไกลศึกษา มหาวิทยาลัยคยุงนัมในกรุงโซล ชี้ว่า การโอ้อวดอาวุธที่ทันสมัยเป็นกลยุทธ์ที่ผู้นำ คิม ใช้เรียกความเชื่อมั่นจากพวกนายพลสายแข็ง ซึ่งอาจวิตกกังวลอนาคตในยามที่ประเทศไร้อาวุธนิวเคลียร์

    “ผู้นำ คิม ประกาศว่าจะเน้นพัฒนาเศรษฐกิจเป็นอันดับแรก และยังบอกว่าเกาหลีเหนือจะปลดนิวเคลียร์ด้วย นั่นย่อมทำให้พวกนายพลที่เห็นว่าตัวเองกำลังจะเสียผลประโยชน์รู้สึกเคลือบแคลงและกังวล เพราะจนถึงขณะนี้ คิม ก็ยังไม่สามารถต่อรองให้ฝ่ายมหาอำนาจยอมอ่อนข้ออย่างเป็นรูปธรรม เช่น ประกาศยุติสงครามเกาหลี เป็นต้น” ผู้เชี่ยวชาญ คิม ระบุ

    https://mgronline.com/around/detail/9610000115208
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    La nueva era de la tierra - respaldo



    "อาหารที่พวกเขาให้มานี่เป็นเมล็ดถั่วดำ(... ) เช่นเดียวกับที่พวกเขาเลี้ยงสุกร" นี่เป็นสิ่งที่ผู้อพยพชาวฮอนดูรัสคิดถึงอาหารที่พวกเขาให้ในเม็กซิโก

    คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Fuck Devil V2

    ☪️สุดเพี้ยน! สภาอุลามะห์อินโดฯ ประกาศห้ามรับวัคซีน เนื่องจากมีส่วนผสมของหมู...

    สภาสำนักวินิจฉัยศาสนาอิสลามในอินโดฯ ปฏิเสธการรับวัคซีนโรคหัดและหัดเยอรมันเป็นเพราะเป็น "โภชนาการที่ไม่สะอาดไม่ฮาลาล"
    -----------------------------------------------------------------------------------
    แคมเปญการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชากรในประเทศอินโดนีเซียกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤต เดือนสิงหาคมผู้นำทางศาสนาได้ออกฟัตวาห้ามอย่างเป็นทางการ ในการใช้วัคซีนป้องกันโรคหัดและโรคหัดเยอรมัน เป็นผลให้ชาวมุสลิมผู้ติดตามจำนวนมากปฏิเสธการให้บุตรหลานของตนเข้ารับวัคซีน อนึ่งคำประกาศทางศาสนาหรือฟัตวานั้นไม่ได้มีการยอมรับอย่างเป็นทางการในกฏหมายหรือมีผลบังคับใช้ แต่เหล่าสาวกของนักคิดผู้มีความเชี่ยวชาญทางด้านศาสนาหรือ(สภาอุลามะห์) ของอินโดนีเซียกำลังปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด นี่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงซึ่งส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกรวมทั้งออสเตรเลียที่ นิยมมาท่องเที่ยวในประเทศอินโดนีเซียช่วงไฮซีซั่น

    กระทรวงสาธารณสุขของประเทศอินโดนีเซียได้เข้าหารือกับสภาอุลามะห์ ด้วยความหวังว่าจะได้รับการวินิจฉัยทางศาสนาเพื่อสนับสนุนโครงการ การฉีดวัคซีนของพวกเขา ซึ่งก่อนหน้านี้ทุกสภา ในประเทศมาเลเซียได้บังคับให้มุสลิมเข้ารับการฉีดวัคซีนในปี พ.ศ. 2559

    อย่างไรก็ตาม สภานักคิดผู้มีความเชี่ยวชาญทางด้าศาสนาหรือสภาอุลามะห์(MUI) ประกาศว่าวัคซีนโรคหัดและหัดเยอรมันเป็นสิ่งที่ "ไม่สะอาด" มันยืนยันว่า ในวัคซีนนั้นใช้เจลาตินซึ่งเป็นสารให้ความเสถียรที่สกัดจากสุกร จึงเป็นสิ่งที่ผิดหลักการศาสนา”

    "รัฐบาลมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการเรียกร้องผ่านทางองค์การอนามัยโลกและประเทศมุสลิมเพื่อให้ความสนใจกับผลประโยชน์ของชาวมุสลิมในแง่ของความจำเป็นในการใช้ยาและวัคซีนที่ไม่ขัดต่อหลักความเชื่อทางงศาสนา" เลขานุการสภานักคิดผู้เชี่ยวชาญทางศาสนาอิสลาม กล่าว

    ขณะนี้หน่วยงานด้านสุขภาพของประเทศอินโดนีเซียกำลังเผชิญกับความยากลำบากในการกำจัดโรคติดต่อที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งในแคมเปญล่าสุดบนเกาะชวามีอัตราการครอบคลุมเกือบ 95 เปอร์เซ็นต์ มีเป้าหมายที่จะป้องกันประชาชนเกือบ 70 ล้านคน แต่เป้าหมายดั่งกล่าวนั้นกลับได้รับการตีกลับหรือขาดการสนับสนุนทางศาสนาอิสลามทำให้แคมเปญในการฉีดวัคซีนแก่ประชากรไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ชาวมุสลิมในอินโดนีเซียหลายคนเชื่อว่าการฉีดวัคซีนเป็นสมรู้ร่วมคิดของชาวตะวันตกในการควบคุมคนเอเชียหรือเป็นความพยายามของพวกคาทอลิกในการกำจัดศาสนาอิสลาม ในบางพื้นที่อัตราการรับวัคซีนป้องกันโรคหัดและหัดเยอรมันนั้นต่ำถึงร้อยละ 7 สำหรับโปรแกรมการฉีดวัคซีนที่องค์กรอนามัยโลกจัดขึ้นจะประสบความสำเร็จได้จำเป็นต้องมีผู้เข้ารับมากกว่าร้อยละ 80 ของประชากร และวัคซีนโรคหัดเยอรมันต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 เปอร์เซ็น

    สำนักข่าว ออสเตรเลียเน็ตเวริ์ค

    แปล/เรียบเรียง โดย@อาอีชะห์

    https://www.news.com.au/lifestyle/health/indonesian-muslim-clerics-reject-measles-rubella-vaccine-as-unclean/news-story/c87376eef0f6db057b9732859f6de871?fbclid=IwAR0KUjXI6TCSMnSpQ2up77wUaaW0a9kXpaBddS1H7y4kiwPcEdKHTCBpDEU

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Fuck Devil V2

    สรุปเรื่องย่อสั้นๆ…
    เซด อิบนุฮารีซะ คือลูกบุญธรรมของมุฮัมมัด เขาได้แต่งงานกับสาวงามชื่อซัยนับ บินติ ญัจช์ ครั้งหนึ่งมุฮัมมัดไปหาเซด ด้วยความที่มุฮัมมัดเป็นพ่อและสนิทชิดเชื้อกับเซด เขาจึงเข้าไปในบ้านโดยที่ไม่ได้เคาะประตู ปรากฎว่าเซดไม่อยู่ เขาพบเห็นซัยนับในสภาพที่นุ่งน้อยห่มน้อย ทำให้เขาเกิดตัณหาคิดอยากจะได้เธอมาเป็นเมีย แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร และกลับออกไป
    หลังจากวันนั้นไม่นาน มุฮัมมัดได้คิดอุบายโดยการออกโองการกุรอาน อ้างว่าพระเจ้าสั่งให้เซดหย่ากับซัยนับ และให้ซัยนับมาแต่งงานกับตัวเขาแทน แต่เซดได้ทักท้วงโดยอ้างว่าซัยนับเป็นเมียของเขาก็เท่ากับว่ามีศักดิ์เป็นลูกของมุฮัมมัดเช่นกัน ตามหลักศาสนาไม่สามารถแต่งงานกับมุฮัมมัดได้ ทันใดนั้นมุฮัมมัดก็ได้ออกโองการกุรอานเพิ่มอีก โดยอ้างว่าพระเจ้าไม่อนุญาติให้มีลูกบุญธรรม ทำให้เซดต้องยอมจำใจหย่ากับเมียและยกนางให้มุฮัมมัด โดยมุฮัมมัดได้จ่ายเงินเป็นค่าทำขวัญให้เซดจำนวนหนึ่ง
    เรื่องราวประวัติศาสตร์นี้ทำให้เเรารู้และเข้าใจว่า คัมภีร์อัล กุรอาน ไม่ใช่วจนะของพระเจ้าผู้สร้างแต่อย่างใด เป็นเพียงคำที่ออกมาจากความคิดและความต้องการของมุฮัมมัดเท่านั้น
    แหล่งข้อมูลอ้างอิง
    https://www.thereligionofpeace.com/pages/quran/muhammads-sex-life.aspx
    https://en.m.wikipedia.org/wiki/Zaynab_bint_Jahsh http://islamicresponse.blogspot.com/2008/07/allegations-concerning-muhammads_27.html?m=1
    http://knowing-islamic-doctrines.blogspot.com/2012/04/prophets-marriage-to-his-daughter-in.html?m=1
    #ชีวประวัตินบีมุฮัมมัด

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Fuck Devil V2

    เกิดอะไรขึ้นกับสติปัญญาของพวกเขา?
    ..ซุบฮานัลลอฮ์ รัวๆ ☪️
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แดง วงศ์ทวิชาติ

    icw39F_O4cQG4V5q3P9lIQtU35dT0JHICz5AzAB7w-9x_BSuMQqf78t869P_0Vw&_nc_pt=1&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg


    19 Nov 2018
    #ภัยพิบัติแผ่นดินไหวearqaukesDisaster
    เกิดแผ่นดินไหวแรง 6.9 ใกล้หมู่เกาะฟิจิ เกิดแผ่นดินไหวแรง 6.9 ใกล้หมู่เกาะฟิจิ
    (เกิดแผ่นดินไหวแรง 6.9 ใกล้หมู่เกาะฟิจิ ลึกมาก 533 กม.)
    19 พ.ย. 61 (12:00 น.)
    LA-ONGDAW 鄧
    สำนักข่าวต่างประเทศ เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.9 ห่างจากชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองแลมบาซา หมู่เกาะฟิจิ ราว 253 กิโลเมตร เมื่อเวลาประมาณ 03.25 น. วันนี้ (19 พ.ย.) ตามเวลาในไทย

    โดยศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่ความลึก 530 กิโลเมตร ละติจูด 17.98 องศาใต้ ลองจิจูด 178.90 องศาตะวันตก เบื้องต้นไม่มีรายงานความเสียหาย

    ขอขอบคุณ
    ข้อมูล :new.qq.com

    Strong undersea earthquake off Fiji, but no tsunami
    http://www.rappler.com/world/regions/asia-pacific/217003-fiji-earthquake-november-19-2018 ผ่าน @rapplerdotcom‬

    เกิดแผ่นดินไหวแรง 6.9 ใกล้หมู่เกาะฟิจิ
    https://www.sanook.com/news/7581574/ข้อมูลจาก @sanook

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยุติปัญหา “สนธิรัตน์”สั่งใช้ ม.30 ยกเลิกคำขอต่างชาติจดสิทธิบัตร “สารสกัดกัญชา” เผยแพร่: 19 พ.ย. 2561 13:16 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    561000011979802.jpg

    “สนธิรัตน์”สั่งใช้มาตรา 30 ของ พ.ร.บ.สิทธิบัตร ยกเลิกคำขอจดสิทธิบัตร “สารสกัดจากกัญชา” ยุติปมปัญหาที่สังคมข้องใจ คาดภายในสัปดาห์นี้รู้ผล เหตุต้องไปดำเนินขั้นตอนตามกฎหมายก่อน พร้อมแจ้งข่าวดีล่าสุดมี 2 คำขอที่ผู้ยื่นได้ละทิ้งคำขอไปแล้ว ยันนักวิจัยไทยที่จะใช้สารสกัดจากกัญชาทำตำรับยา ทำยายังทำได้ ไม่มีข้อจำกัด

    นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการจดสิทธิบัตร “สารสกัดจากกัญชา” ที่สังคมมีข้อกังวล ว่า การแก้ไขปัญหาดังกล่าว กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เพื่อหาช่องทางในการดำเนินการให้ถูกต้องตามที่พ.ร.บ.สิทธิบัตรกำหนด เพราะกฎหมายฉบับนี้มีความซับซ้อน และมีกระบวนการดำเนินการพอสมควร จึงต้องทำให้รอบคอบ แต่ในที่สุดได้พิจารณาแล้วเห็นว่าสารสกัดจากกัญชาเป็นสารสกัดจากพืช และมาตรา 9 ของกฎหมายได้กำหนดไว้ว่าไม่สามารถจดสิทธิบัตรได้ จึงได้ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยใช้มาตรา 30 พิจารณายกเลิกคำขอดังกล่าว

    “ตอนนี้ มีคำขอที่ยื่นจดสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชาเพียงคำขอเดียวจากทั้งหมด 11 คำขอ ได้ขอให้อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาไปดำเนินการต่ออย่างรอบคอบ ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว ส่วนขั้นตอนการดำเนินการจะเป็นเรื่องของรายละเอียดตามกฎหมายที่จะดำเนินการต่อไป แต่ตอนนี้ พูดได้ว่าคำขอจดสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชาที่เป็นที่สนใจของสังคมได้มีข้อยุติแล้ว โดยใช้มาตรา 30 จัดการ และขั้นตอนตามกฎหมายน่าจะใช้เวลาไม่นาน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้”นายสนธิรัตน์กล่าว

    นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ในจำนวนคำขอจดสิทธิบัตรทั้ง 11 คำขอ ผู้ยื่นคำขอได้มีการละทิ้งคำขอไป 2 คำขอ ซึ่งคำขอจะไม่อยู่ในระบบอีกต่อไป ส่วนคำขอที่เหลืออีก 8 คำขอ ไม่ใช่สารสกัดจากกัญชา แต่เป็นคำขอที่มีการใช้สารสกัดจากกัญชาเป็นองค์ประกอบ ก็ดำเนินการยื่นจดสิทธิบัตรได้ต่อตามกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องของการประดิษฐ์คิดค้น ไม่ใช่การยื่นจดสารสกัดจากกัญชา

    ส่วนกรณีที่คนยังมีความกังวลว่าพ.ร.บ.สิทธิบัตร จะกระทบต่อการแก้ไขกฎหมายยาเสพติด ที่ปรับให้กัญชาเป็นยาเสพติดที่นำไปศึกษาวิจัยเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้ และกฎหมายอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กระทรวงพาณิชย์ขอยืนยันว่า กฎหมายสิทธิบัตรเป็นเรื่องของการให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อส่งเสริมให้มีการค้นคว้าวิจัยและประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ จึงไม่มีกระทบใดๆ ต่อนักวิจัยไทยยังสามารถนำสารสกัดจากกัญชามาพัฒนาต่อยอดได้ ทั้งการทำเป็นตำรับยา หรือองค์ประกอบของยาที่มีสารสกัดจากกัญชาเป็นส่วนประกอบ หรือทำเป็นสารสังเคราะห์ใหม่ขึ้นมา ซึ่งสามารถขอยื่นจดสิทธิบัตรได้

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มาตรา 30 ของ พ.ร.บ.สิทธิบัตร ระบุว่า เมื่อได้ประกาศโฆษณาตามมาตรา 28 แล้ว ถ้าปรากฏว่าคำขอรับสิทธิบัตรไม่ชอบด้วยมาตรา 5 มาตรา 9 มาตรา 10 มาตรา 11 หรือมาตรา 14 ให้อธิบดีสั่งยกคำขอรับสิทธิบัตรและให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งคำสั่งไปยังผู้ขอรับสิทธิบัตรรวมทั้งผู้คัดค้าน ในกรณีที่มีการคัดค้านตามมาตรา 31 และให้ประกาศโฆษณาคำสั่งนั้นตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดโดยกฎกระทรวง

    สำหรับมาตรา 9 ระบุว่า การประดิษฐ์ดังต่อไปนี้ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติ (1) จุลชีพและส่วนประกอบส่วนใดส่วนหนึ่งของจุลชีพที่มีอยู่ตามธรรมชาติ สัตว์พืช หรือสารสกัดจากสัตว์หรือพืช (2) กฎเกณฑ์และทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (3) ระบบข้อมูลสำหรับการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ (4) วิธีการวินิจฉัย บำบัด หรือรักษาโรคมนุษย์ หรือสัตว์ (5) การประดิษฐ์ที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีอนามัย หรือสวัสดิภาพของประชาชน

    https://mgronline.com/business/deta...SuXnx-3EfGha5IwkPFaSOLdKDfgeWTTc9kh8F4hkSt-m0
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จังหวัดสงขลาเดินหน้านำเสนอแผน พร้อมหาแนวทางแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเชิงพื้นที่ เผยแพร่: 16 พ.ย. 2561 11:09 ปรับปรุง: 16 พ.ย. 2561 11:26 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    561000011892401.jpg

    ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - จังหวัดสงขลา เดินหน้านำเสนอแผน พร้อมมาตรการแนวทางในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเชิงพื้นที่ มุ่งจัดทำแผนการจัดการพื้นที่ชายฝั่งระบบหาดอย่างต่อเนื่อง

    วันนี้ (16 พ.ย.) ที่อาคารศรีเกียรติพัฒน์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา นายศักระ กปิลกาญจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดการประชุมนำเสนอแผนมาตรการแนวทางในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเชิงพื้นที่ โครงการวิเคราะห์เพื่อจัดทำแผนการจัดการพื้นที่ชายฝั่งระบบหาด โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ เช่น นายพนมเทียน เส้งวั่น ท้องถิ่นจังหวัดสงขลา นายมาหะมะพีสกรี วาแม ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 12 สงขลา ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมกว่า 200 คน

    561000011892402.jpg


    นายศักระ กปิลกาญจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งส่วนใหญ่เกิดจากคลื่นลมแรง และกระแสน้ำที่ส่งผลกระทบต่อชายฝั่ง ทำให้มีการสึกกร่อนพังทลาย และเป็นต้นเหตุของการเกิดรูปร่างลักษณะของชายฝั่งทะเลที่แตกต่างกันไป ปัจจุบัน การกัดเซาะชายฝั่งทะเลของประเทศไทย ตั้งแต่แหลมตะลุมพุก จ.นครศรีธรรมราช จนถึง ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา เป็นปัญหาที่ส่งผลให้เกิดความสูญเสียทรัพย์สินของประชาชน และทางราชการ ทำให้เสียทัศนียภาพ ซึ่งมีผลต่อธุรกิจการท่องเที่ยว อีกทั้งยังทำให้เกิดความเสียหายด้านทรัพยากรธรรมชาติอีกด้วย โดยเฉพาะการกัดเซาะชายฝั่งด้านอ่าวไทย จะมีปริมาณเฉลี่ยการกัดเซาะมากกว่าชายฝั่งอันดามัน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ทัศนียภาพชายฝั่งแหลมสมิหลา จ.สงขลา เดิมมีหาดทรายที่กว้าง และลึกมาก แต่ปัจจุบัน น้ำทะเลกัดเซาะขึ้นมาถึงริมถนน เป็นผลมาจากคลื่นลมแรง ทำให้ชายหาดได้รับความเสียหาย ต้นสนโค่นล้มเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวชายหาดที่แหลมสมิหลาลดลง

    ดังนั้น การประชุมกลุ่มหาด S11 จึงถือเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องศึกษาวิจัยระบบหาด และแนวทางการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ที่จะรวบรวมข้อมูลในการจัดทำแนวทางมาตรการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเชิงพื้นที่ โดยระบบกลุ่มหาดอย่างบูรณาการกับทุกภาคส่วน เพื่อการแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

    561000011892404.jpg


    ด้าน นายวิชัย มณีเนตร ผู้อำนวยการสำนักงานบริการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 สงขลา กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ.2552 อนุมัติในหลักการของแนวทางการบูรณาการการจัดการป้องกัน และแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลของประเทศ และให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รับผิดชอบในเรื่องการกัดเซาะชายฝั่ง และการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเลชายฝั่ง ซึ่งตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางมาตรการในการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่ง จนได้ข้อสรุปแนวทางการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งด้วยระบบหาด โดยใช้ธรณีสัณฐานชายฝั่งเป็นเกณฑ์การพิจารณาระบบกลุ่มหาด และแต่ละกลุ่มหาดถือว่าเป็นระบบปิด คือ ไม่มีการเคลื่อนย้าย หรือแลกเปลี่ยนของตะกอนระหว่างกลุ่มหาดข้างเคียงภายในกลุ่มหาดนั้นๆ ซึ่งจะถูกควบคุม หรือกำหนดขอบเขตตามลักษณะทางธรณีสัณฐานชายฝั่ง

    ทั้งนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้จำแนกกลุ่มหาดในประเทศไทยออกเป็น 64 กลุ่มหาด พื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก ประกอบด้วย 9 กลุ่มหาด ใช้สัญลักษณ์ E1-E9 พื้นที่อ่าวไทยตอนบนมี 1 กลุ่มหาด ใช้สัญลักษณ์ U พื้นที่อ่าวไทยตอนล่างมี 13 กลุ่มหาด ใช้สัญลักษณ์ S1-S13 และพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันมี 41 กลุ่มหาด ใช้สัญลักษณ์ A1-A41

    561000011892403.jpg


    สำหรับกลุ่มหาด S11 พื้นที่ส่วนใหญ่มีลักษณะทางกายภาพเป็นหาดทรายทอดยาวครอบคลุมพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนล่าง ตั้งแต่แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช จนถึงเขต อ.เทพา จ.สงขลา ความยาวชายฝั่งประมาณ 200 กิโลเมตร เป็นพื้นที่ประสบปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งรุนแรง และต่อเนื่องทุกปี จึงมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน

    กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จึงได้จัดการประชุมในครั้งนี้ขึ้น โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา และประชาชนผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อหามาตรการในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งร่วมกันต่อไป

    กิจกรรมในครั้งนี้ ประกอบด้วย นำเสนอแผน มาตรการแนวทางในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเชิงพื้นที่ โดยวิศวกรชายฝั่ง การนำเสนอแนวทางการใช้มาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ.2558 โดย นายพีรเดช คงเดชา นิติกรชำนาญการพิเศษ การเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อแผนมาตรการแนวทางในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเชิงพื้นที่ ดำเนินรายการ โดย ดร.กิตติพจน์ เพิ่มพูล และคณะวิทยากร พร้อมสรุปผลการประชุม

    561000011892405.jpg


    561000011892406.jpg


    561000011892407.jpg


    561000011892408.jpg

    https://mgronline.com/south/detail/...ip5kCoxUVUtTUldSsWlodLKQm1Km-AnogtQ5lcFcJA7Yg
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ป.ป.ท.จัดชุดใหญ่สอบหักหัวคิวเงินดูแลผู้พิการ พ่วงสอบ พมจ.กาฬสินธุ์เอี่ยวหรือไม่ เผยแพร่: 16 พ.ย. 2561 12:40 ปรับปรุง: 16 พ.ย. 2561 14:14 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    561000011896801.jpg

    กาฬสินธุ์ - ผอ.ป.ป.ท.นำทีมลุยสอบปมผู้ปกครองคนพิการร้องเรียนถูกชมรมผู้ปกครองฯ อมเงินค่าจ้างมาตรา 35 พร้อมสอบ จนท พมจ.กาฬสินธุ์ หาที่ไปที่มาของโครงการและสอบหาคนอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้ความกระจ่ายแก่สังคมว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่




    จากกรณีผู้ปกครองคนพิการใน จ.กาฬสินธุ์ 9 รายออกมาร้องเรียนเงินค่าจ้าง ระบุถูกประธานชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ หักจ่ายไม่ครบตามสัญญา ร้องเรียนเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ มีการแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ และล่าสุดร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ทหาร กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.กาฬสินธุ์ เพื่อต่อสายตรงถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

    ล่าสุด ที่ศูนย์ประสานงานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ จ.กาฬสินธุ์ เลขที่ 24 บ้านเสริมชัยศรี หมู่ 1 ต.นิคม อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ นายพุฒิพงษ์ เลิศสถิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ลงพื้นที่ด้วยตนเอง พร้อมนายทองสุข ณ พล นักสืบสวนสอบสวน ชำนาญการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ท.เขต 4 ขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ ได้ตั้งโต๊ะรับเรื่อง ประเด็นข้อร้องเรียน เหตุถูกละเมิดสิทธิผู้ปกครองและคนพิการ

    โดยมีนายครรชิต บัวกมล ปลัดอำเภอประจำศูนย์ดำรงธรรม อ.สหัสขันธ์ ร.ท.แก้ว งามเลิศ ผบ.ร้อย.กกล.รส.จ.กาฬสินธุ์ นายนิวัน นาพรม นายกเทศมนตรีตำบลนิคม และผู้ปกครองคนพิการ ซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิตามมาตรา 35 ต้อนรับและให้ข้อมูล
    561000011896802.jpg


    561000011896803.jpg

    นายพุฒิพงษ์ เลิศสถิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเลขาธิการ ป.ป.ท.กล่าวว่า ตามที่ ป.ป.ท.ได้รับแจ้งจากนายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ ว่ามีผู้ปกครองคนพิการ และผู้พิการทุกประเภท ออกมาร้องเรียนประเด็นมีเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าไปเกี่ยวข้องกับเงินค่าจ้างและกองทุนต่างๆ ที่เกี่ยวกับคนพิการในหลายจังหวัด ซึ่งในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น ในฐานะหน่วยงานตรวจสอบข้อร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน จึงได้ลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อคลี่คลายปัญหา ตามนโยบายปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันของรัฐบาล และตามคำสั่ง คสช.ที่ 69 /2557 เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ

    กรณีประชาชนชาว จ.กาฬสินธุ์ ในกลุ่มที่ได้รับสิทธิ์ตามมาตรา 35 ซึ่งเป็นผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา ออกมาร้องเรียนและแจ้งความ ระบุถูกชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ยักยอกเงินค่าจ้างดังกล่าว จึงได้ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ท.เขต 4 ขอนแก่น นำเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนลงพื้นที่ที่ จ.กาฬสินธุ์ เป็นแห่งแรกของประเทศ โดยประสานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ นัดพบผู้เดือดร้อนเสียหาย มาให้ปากคำที่จุดเดียวกัน เพื่อจัดเก็บข้อมูลและรวบรวมหลักฐานดำเนินการไต่สวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในขั้นต่อไป ซึ่งข้อมูลที่ได้พบว่าเชื่อมโยงส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย โดยจะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบในเชิงลึก เพราะปัญหาดังกล่าวสะสมมาตั้งแต่ปี 2560 ต่อเนื่องถึงปี 2561

    ทั้งนี้ หลังจากสอบปากคำผู้ปกครองคนพิการอย่างละเอียด เบื้องต้น 5 ปาก ประกอบด้วย นางฐานิดา อนุอัน ผู้ร้องเรียนหมายเลข 1, นางอรสา วงศา อดีตเหรัญญิกชมรมผู้ปกครองคนพิการ จ.กาฬสินธุ์, นางราตรี คามุลทา, น.ส.สาวรินดา ธะระพันธุ์ และ น.ส.พัชรีพร ศิริเคียนทอง อดีตนายทะเบียนชมรมผู้ปกครองฯ ที่ออกมาร้องเรียนเป็นรายที่ 9 แล้ว โดยทุกคนให้ข้อมูลตรงกันว่าได้รับเงินค่าจ้างดูแลผู้พิการจากชมรมฯไม่ครบตามจำนวนที่ควรจะได้รับ โดยให้รับเป็นรายเดือนเฉลี่ยคนละ 2,000-4,000 บาท แต่จะมีการโอน 3 เดือนต่อ 1 ครั้ง

    ขณะที่มีการโอนเงินเข้าจริงเดือนละเกือบ 10,000 บาท อีกทั้งยังถูกยึดบัตรเอทีเอ็มและสมุดบัญชีไว้ นอกจากนี้ยังไม่ได้รับการใช้แจงจากชมรมฯ ทั้งนี้ ในส่วนเจ้าหน้าที่อีกหนึ่งทีมนำโดยนายทองสุข ณ พล นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ท.เขต 4 ขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ได้เดินทางเข้าสอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ และนิติกรประจำสำนักงาน พมจ.กาฬสินธุ์ โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง
    561000011896804.jpg

    ด้านนายทองสุข ณ พล นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ท.เขต 4 ขอนแก่น กล่าวว่าจากคำให้การของผู้ปกครองคนพิการที่ออกมาร้องเรียน และคำให้การของฝ่ายเจ้าหน้าที่ พมจ.กาฬสินธุ์ ยังไม่สามารถสรุปผลได้ในตอนนี้ ซึ่งจะได้นำข้อมูลหลักฐานที่ได้ไปประมวลเหตุการณ์ว่าเชื่อมโยงใครบ้าง เส้นทางการเงินไปมาอย่างไร รวมทั้งรายละเอียดในสัญญาเพื่อนำไปสู่การพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดต่อไปว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนข้องเกี่ยวหรือไม่
    561000011896805.jpg

    อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้งฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้อง และดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะปัญหานี้เป็นความเดือดร้อนของประชาชน และคนพิการ ซึ่งสังคมกำลังจับตามองอยู่ว่าใครเป็นฝ่ายถูกฝ่ายผิด และใครอยู่เบื้องหลัง

    https://mgronline.com/local/detail/...wSIOvjTCsUzCASynFw4KMSehVUlA9Ubs2VZ3v5DjxBbiw
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ระบุมะกันเจอวิกฤตมั่นคงการทหาร เตือนโอกาสสูงที่จะรบแพ้จีน-รัสเซีย
    เผยแพร่: 15 พ.ย. 2561 21:58 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    561000011879801.jpg

    เอเอฟพี – สหรัฐฯกำลังเผชิญวิกฤตการณ์ด้านความมั่นคงแห่งชาติและการทหาร รวมทั้งหากต้องทำสงครามก็มีสิทธิ์รบแพ้รัสเซียหรือจีน คณะกรรมการชุดหนึ่งซึ่งไม่ฝักใฝ่พรรคการเมืองใดของรัฐสภาอเมริกันกล่าวเตือนเช่นนี้ในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (14 พ.ย.) พร้อมกับแจกแจงว่า เนื่องจากที่ผ่านมาอเมริกามุ่งเน้นความสนใจในการรับมือการก่อความไม่สงบ และละเลยศักยภาพในการสู้รบ รวมถึงการหั่นงบกลาโหม ขณะที่ปักกิ่งกับมอสโกเดินหน้าสะสมแสนยานุภาพและทำลายความเหนือชั้นทางทหารของวอชิงตัน

    รัฐสภาสหรัฐฯได้มอบหมายให้คณะกรรมการชุดนี้ที่มีชื่อว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์กลาโหมแห่งชาติ ศึกษาพิจารณาเอกสาร “ยุทธศาสตร์กลาโหมแห่งชาติ” (เอ็นดีเอส) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีเนื้อหาเน้นย้ำถึงยุคใหม่ของ “การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ” อันหมายถึงการแข่งกับรัสเซียและจีน

    คณะกรรมการชุดนี้ซึ่งประกอบด้วยอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ได้เผยแพร่รายงานผลการศึกษา โดยระบุว่า ขณะที่กองทัพอเมริกันถูกตัดงบประมาณและสูญเสียความได้เปรียบทางการทหารหลายๆ ด้าน ประเทศอย่างจีนและรัสเซียกลับกำลังตั้งหน้าตั้งตาสะสมอาวุธ เพื่อมุ่งทัดทานกับจุดแข็งของสหรัฐฯ

    “ความเหนือชั้นทางทหาร ซึ่งเป็นแกนหลักของอำนาจแข็งของอเมริกาที่ส่งอิทธิพลไปทั่วโลก และความมั่นคงภายในของอเมริกา ได้ถูกบ่อนเซาะจนถึงระดับอันตรายแล้ว” รายงานของคณะกรรมการเตือน

    คณะกรรมการชุดนี้ยังพบว่า การที่ในศตวรรษนี้อเมริกามุ่งเน้นรับมือการปฏิบัติการก่อความไม่สงบ กลับทำให้ศักยภาพในการสู้รบด้านอื่นๆ เป็นต้นว่า การป้องกันภัยขีปนาวุธ การปฏิบัติการทางไซเบอร์และอวกาศ รวมทั้งสงครามต่อต้านบนผิวน้ำและใต้น้ำ ได้หย่อนยานลง

    “ทักษะจำนวนมากที่จำเป็นสำหรับการวางแผนและการดำเนินปฏิบัติการทางทหารต่อศัตรูที่แกร่งกล้า โดยเฉพาะจีนและรัสเซียนั้น ได้เสื่อมถอยลง”

    561000011879802.jpg

    รายงานได้ตำหนิวิจารณ์ความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่และการตัดสินใจทางการเมือง ของทั้งสองพรรคใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกมาตรการควบคุมงบประมาณที่บังคับใช้ในปี 2011

    “การผสมผสานของแนวโน้มเหล่านี้ก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ด้านความมั่นคงของชาติสำหรับอเมริกา”

    รายงานเพิ่มเติมว่า แม้เอกสารเอ็นดีเอสของทรัมป์ เห็นว่า เพนตากอนเดินมาถูกทางแล้ว แต่บ่อยครั้งที่เอกสารนี้กลับอิงอยู่กับสมมติฐานที่น่าสงสัยและการวิเคราะห์ที่ด้อยประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้เกิดคำถามสำคัญตามมาว่า อเมริกาจะรับมือความท้าทายจากโลกที่อันตรายขึ้นอย่างไร

    คณะกรรมการเสริมว่า อิทธิพลของอเมริกาเสื่อมลงอย่างต่อเนื่องทั่วเอเชียและยุโรป ขณะที่สมดุลทางทหารเปลี่ยนไปในทางที่ไม่พึงประสงค์อย่างชัดเจนและเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดการสู้รบขัดแย้ง

    “กองทัพสหรัฐฯ อาจสูญเสียกำลังพลและสินทรัพย์ทุนจำนวนมากอย่างที่ไม่อาจยอมรับได้ในสถานการณ์การสู้รบขัดแย้งครั้งต่อไป”

    กองทัพสหรัฐฯ “อาจจะต้องดิ้นรนหนักกว่าจะได้ชัยชนะ หรือกระทั่งเป็นฝ่ายแพ้ในการสู้รบกับจีนหรือรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯมีความเสี่ยงที่จะถูกทำให้ปราชัย หากกองทัพของตนถูกบังคับให้ต้องสู้รบในสนามรบสองด้านขึ้นไปพร้อมๆ กัน”

    ถึงแม้ปีนี้เพนตากอนได้รับงบประมาณกว่า 700,000 ล้านดอลลาร์ มากกว่ารัสเซียและจีนรวมกัน แต่คณะกรรมการยังคิดว่า ไม่เพียงพอสำหรับการสนองตอบเป้าหมายที่ระบุในเอกสารเอ็นดีเอส พร้อมทั้งยื่นข้อเสนอแนะหลายๆ ประการ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มงบประมาณกลาโหมประจำปีในระดับ 3-5%

    https://mgronline.com/around/detail...8yvt_WaNv-fhpdFUWAeZDmwTvqMDxlR9Acla3Bp8675sM
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Nakhon Si Thammarat : นครที่คุณร่วมกันสร้าง

    ด่วน! มีโอกาสได้ลุ้น ขุดคลองไทยผ่าน 5 จังหวัดใต้ เชื่อมทะเลอันดามัน–อ่าวไทย นายกฯประยุทธ์ สั่ง สมช.และสภาพัฒน์ พิจารณาตั้งคณะกรรมการ ศึกษาความเหมาะสมตามที่ สมาคมคลองไทย และเครือข่าย ยื่นหนังสือ เสนอแนะ

    รายงานข่าว จาก ทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกมนตรี ปลัดปฏิบัติราชการแทนปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือ ส่งถึงนายณรงค์ ขุ้มทอง ผู้ประสานงานองค์กรภาคประชาชนที่สนับสนุนการขุดคลองไทย แจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีบัญชาเห็นชอบ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ และ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้ประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาตั้งคณะกรรมการศึกษาความเหมาะสมเกี่ยวกับการสร้างคลองไทยผ่าน 5 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ตรัง พัทลุง นครศรีธรรมราช และสงขลา เชื่อมทะเลอันดามันและอ่าวไทย ตามที่สมาคมคลองไทยเพื่อการศึกษาและพัฒนาของภาคเอกชน 5 จังหวัด รวมทั้ง สมาคมคลองไทยเพื่อการศึกษาและพัฒนา สมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ได้ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้มี การตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาเชิงลึก ถึงผลที่ได้รับ กับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ของการสร้างคลองไทยดังกล่าว

    ข่าวแจ้งว่า สมาคมคลองไทยฯและองค์กรเครือข่ายในภาคใต้ได้ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนธันวาคม2560ผ่านศูนย์ดำรงธรรมและผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อเสนอให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการศึกษาความเป็นไปได้เชิงลึกของการสร้างคลองไทยเชื่อม2 ทะเล 2อ่าว 2มหาสมุทรเข้าด้วยกันโดยให้เหตุผลว่า การมีคลองไทยจะช่วยให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจ และเป็นศูนย์กลางการคมนาคม โดยไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ รวมทั้งส่งเสริมการสร้างงาน สร้างรายได้ และการท่องเที่ยวให้กับประชาชนในพื้นที่ ให้เกิดประโยชน์ อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตลอดไป กระทั่งล่าสุดพล.อ.ประยุทธ์ได้ตอบรับข้อเสนอดังกล่าว

    ตลอด 2 ปีเศษที่ผ่านมา สมาคมคลองไทยเพื่อการศึกษาและพัฒนาที่มีพล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป เป็นนายกสมาคม และ สมาคมคลองไทยฯ5 จังหวัดใต้ได้จัดกิจกรรมสร้างความเข้าใจกับ ประชาชนในพื้นที่ 5 จังหวัดใต้ และอีกหลายจังหวัดในภาคใต้และภาคอื่นๆอย่างต่อเนื่องได้รับการตอบรับจากประชาชนด้วยดี เนื่องจากเห็นว่า การขุดคลองไทยซึ่งเคยมีการศึกษามาก่อนหน้านี้แล้ว โดยอดีตส.ว.และสถาบันต่างๆจะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาล ต่อคนไทย และมนุษยชาติในโลก อีกทั้งจะเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการคมนาคมขนส่งทางทะเล

    ทั้งนี้จากการเปิดไฟเขียวจากนายกรัฐมนตรี จึงคาดการณ์ได้ว่า การตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเร่งศึกษาความเหมาะสมน่าจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้

    ในขณะที่เมื่อเช้าวันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน ที่ลานพระอาทิตย์ ริมทะเล องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ได้มีองค์กรภาคเอกชน 5จังหวัดที่ผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญวุฒิสภาปี2544-2548คาดว่าแนวคลองไทย9A จะพาดผ่าน พร้อมด้วยชาวบ้านทุกศาสนา มารวมตัวกันเพื่อทำพิธีบวงสรวงขอขมาฟ้า พสุธา มหาสมุทร เพื่อคลองไทย โดยได้กระทำพิธีกรรมของทุกศาสนา ทั้งพิธี พราห์ม คริสต์ อิสลาม โดยเฉพาะ พิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ทางพระพุทธศาสนา ได้มีพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณชัย “พระราชวชิรากร”วัดมหาธาตุวชิรมงคล พระนักปฏิบัติชื่อดังที่ชาวใต้และชาวกระบี่เคารพนับถือมากเดินทางมาเป็นประธานในพิธี โดยในพิธีดังกล่าว องค์กรภาคประชาชน ได้เชิญ พลเอกพงศ์เทพ เทศประทีป นายกสมาคมคลองไทยเพื่อการศึกษาและพัฒนา เป็นประธานในพิธี ซึ่งหลังเสร็จพิธีบวงสรวง ได้มีการแถลงข่าวความคืบหน้าเรื่องการศึกษาคลองไทย

    ซึ่งพลเอกพงษ์เทพ ได้กล่าวยืนยันว่า เรื่องการสร้างคลองไทยหรือไม่ อยู่ที่ความต้องการของประชาชน หากมีคลองไทยแล้วประชาชนมีความสุข ประชาชนมีความเชื่อว่าเศรษฐกิจของภาคใต้ และของประเทศจะดีขึ้น อย่างมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน ตนก็เชื่อเช่นเดียวกันว่าหากเป็นความต้องการของประชาชนจริง ๆ รัฐบาลจะให้การสนับสนุนโครงการนี้อย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้รัฐบาลอาจมีภารกิจแก้ปัญหาบ้านเมืองมากมาย จึงไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องคลองไทยไม่เต็มที่ แต่ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลฟังเสียงประชาชน หลังจากนายกฯรัฐมนตรี มีบัญชาให้ สภาพัฒนฯกับ สมช.ศึกษาในรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตนก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลได้เริ่มต้นให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเริ่มต้นศึกษาอย่างจริงจัง โดยทางสมาคมคลองไทยฯพร้อมที่จะให้การสนับสนุนและให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

    ในขณะที่ รศ.ดร.สุเมต สุวรรณพรหม รองประธานมูลนิธิร่วมพัฒนาภาคใต้ ซึ่งเป็นวิศวกรที่ได้ติดตามและศึกษาเรื่องคลองไทยมาอย่างต่อเนื่อง กล่าวชื่นชมนายกรัฐนตรี ที่เข้าใจในเรื่องดังกล่าว และขอให้เร่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติโดยเร็ว และควรทำการศึกษาให้แล้วเสร็จภายใน1ปี เนื่องจากสภาพปัญหาเศรษฐกิจ ที่ผ่านมา และแนวโน้มราคาพืชผลทางการเกษตรในภาคใต้จะยังคงมีปัญหาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับภัยธรรมชาติ ปัญหาน้ำท่วมก็เกิดขึ้นทุกปี ประชาชน ยืนยันว่าคลองไทยนอกจากช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้แล้ว จะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมได้เป็นอย่างดี

    ทั้งนี้การขับเคลื่อนโครงการศึกษาคลองไทย ในวันที่21พย.2561เวลา18.00น.นายประพันธ์ บุณยเกียรติ ประธานมูลนิธิร่วมพัฒนาภาคใต้ จะเชิญ พลเอกพงษ์เทพ เทศประทีป และคณะกรรมการสมาคมคลองไทยฯประชุมร่วมกัน ที่โรงแรมตรังโฮเต็ล เพื่อสนับสนุนให้มีการศึกษาคลองไทยอย่างเป็นระบบตามความต้องการของภาคประชาชนต่อไป.
    https://www.naewna.com/

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Nakhon Si Thammarat : นครที่คุณร่วมกันสร้าง

    ฝากเงินไม่ต้องไปธนาคาร! ปตท. เปิดรับเงินเข้าบัญชีกสิกรไทย ที่ร้านคาเฟ่อเมซอน

    นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือพีทีทีโออาร์ เปิดเผยว่า พีทีทีโออาร์ร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทย เปิดให้บริการรับฝากเงิน “เคแบงก์ เซอร์วิส” (KBank Service) ที่ร้านคาเฟ่ อเมซอน ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนธนาคารรับฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย นับเป็นการให้บริการฝากเงินในร้านกาแฟเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่สาขาพีทีที สเตชั่น (เอกมัย-รามอินทรา)

    ทั้งนี้ เงื่อนไขการรับฝากเงินสดสูงสุด 5,000 บาทต่อครั้ง และไม่เกิน 40,000 บาทต่อวัน มีค่าธรรมเนียม 20 บาทต่อรายการ ผู้ใช้บริการสามารถฝากเงินได้สะดวก ง่าย และปลอดภัย เพียงแค่กรอกใบนำฝากเพื่อแจ้งเลขที่บัญชีที่ต้องการฝากเงินและจำนวนเงิน และผู้ฝากจะได้รับหลักฐานการทำธุรกรรมเมื่อทำรายการเสร็จสมบูรณ์เป็นใบเสร็จและ SMS ซึ่งเงินจะเข้าบัญชีปลายทางทันที โดยจะเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.เป็นต้นไป

    ขณะเดียวกัน พีทีทีโออาร์ ในฐานะที่เป็นบริษัทที่เป็นเรือธง (Flagship) ในการนำร่องขยายกิจการของ ปตท. ด้านการค้าน้ำมันและการค้าปลีก โดยการใช้ แบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลกที่สร้างคุณค่าให้กับชุมชนผ่านการดำเนินธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ด้วยการดำเนินธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งในและต่างประเทศ ที่สร้างคุณค่าและการมีส่วนร่วมให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ปัจจุบัน พีทีทีโออาร์ มีสถานีบริการน้ำมัน รวม 1,900 แห่ง ทั้งในและต่างประเทศ โดยในต่างประเทศกระจายตัวอยู่ในประเทศ ลาว กัมพูชา พม่า และฟิลิปปินส์ รวม 250 สาขา

    อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจ บริษัทน้ำมัน ในประเทศอาเซียน เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา พบว่าพีทีทีโออาร์ มีความโดดเด่นในเรื่องของการบริการที่ครบวงจร หลากหลาย ทั้ง น้ำมันคุณภาพ ร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอน ร้านสะดวกซื้อ จิฟฟี่ ศูนย์ตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานีบริการน้ำมัน ได้แก่ ห้องน้ำสะอาด บริการฟรี ไวไฟ และความมีมาตรฐานของสินค้าและบริการ ที่สร้างการยอมรับ ความประทับใจให้กับประชาชนอาเซียน และเพื่อเปิดโอกาสให้กับคู่ค้าคนไทย ให้ได้มีโอกาส ขยายธุรกิจให้เติบโตไปในอาเซียน

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    13. เจ้านาย มันจบแล้วครับ

    ในสงครามครูเสดที่ดำเนินมาต่อเนื่อง1,000กว่าปีจนถึงทุกวันนี้ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด เป้าหมายของผู้ที่สืบทอดอุดมการณ์ของการแบกไม้กางเขน (The Cross)ในสมัยใหม่ หรือหลังจากการสิ้นสุดของสงครามเย็นในปีคศ 1991 คือทำลายอิรัค ซีเรีย เลบานอน ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน ก่อนที่จะปิดเกมด้วยอิหร่าน เพื่อที่จะยึดครองเยรูซาเลมอย่างสมบูรณ์ เยรูซาเลมจะเป็นมหานคร หรือศูนย์กลางศาสนาของโลกได้ก็ต่อเมื่ออิสราเอลมีความมั่นคง ไม่ถูกเพื่อนบ้านที่ไม่เป็นมิตรโอบล้อมทุกทิศ

    เหตุการณ์911เป็นการสร้างหนังฮอลลีวู๊ดระดับโลก เพื่อที่เป็นข้ออ้างสำหรับสหรัฐในการทำสงครามกับ7ประเทศ โดยมีประธานาธิบดีพุ่มไม้น้อยเป็นตัวเปิดเกม ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2001 หลัง911 เพียง4วัน พุ่มไม้น้อยบอกว่า: "เรากำลังจะทำสงครามครูเสดเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย และมันคงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่"

    พุ่มไม้น้อยไม่ได้โง่ หรือไม่ได้พูดเล่น หรือเผลอพูดอะไรบ้าๆบอๆออกมา คำว่าครูเสด หรือสงครามศาสนาเพื่อที่จะยึดครองเยรูซาเลมคืนจากมุสลิมเป็นคำพูดที่ถูกเตรียมการมานาน เพราะว่าสงครามโลกครั้งที่ 1เป็นการทำลายจักรวรรดิปรัสเซีย ออสเตรียฮังการี่ ซาร์รัสเซีย และออตโตมันที่เป็นคู่แข่งของพวกแบกไม้กางเขน สงครามโลกครั้งที่ 2เป็นการทำลายเยอรมัน และทำให้รัสเซียอ่อนแอจนต้องพ่ายแพ้ในสงครามเย็นในกาลเวลาต่อมา ในลำดับต่อไปคือการทำสงครามครูเสดสมัยใหม่เพื่อยึดครองเยรูซาเลม โดยมี911เป็นสัญลักษณ์ของการโบกธงของสงครามครูเสด ด้วยเหตุนี้ หลังการเป็นประธานาธิบดีของพุ่มไม้น้อย เราได้เห็นโอบามา และตอนนี้ทรัมป์ก่อสงครามในตะวันออกกลางอย่างต่อเนื่อง โดยอัฟกานิสถาน อิรัค ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน เยเมน ซีเรียโดนถล่มเละเทะไปหมด เหลือแต่อิหร่านที่ยังปิดเกมไม่ได้ ทรัมป์จึงทำหน้าที่แซงชั่นอิหร่านโดยไม่มีเหตุผล แต่เหตุผลที่แท้จริงคืออิหร่านอยู่ในพิมพ์เขียวที่ต้องถูกทำลายตั้งแต่ต้น เพราะว่าอิหร่านจะเป็นอุปสรรคที่ใหญ่หลวงที่สุดของพวกแบกไม้กางเขนที่จะยึดครองเยรูซาเลมโดยสมบูรณ์

    เมื่อเร็วๆนี้ Watson Insitute for International and Public Affairs ของมหาวิทยาบัยBrown Universityออกรายงานค่าใช้จ่ายในการสงคราม (Costs of War) โดยมีการสรุปว่าตั้งแต่911 สหรัฐใช้เงินในการก่อสงครามไปแล้วมากกว่า$5.9 trillion หรือประมาณเกือบ200ล้านล้านบาท

    200ล้านล้านบาท!!!

    จะบอกว่าค่าใช้จ่าย$5.9ล้านล้านนี้สูงมากก็ว่าได้ หรือจะบอกว่ามันไม่ได้เป็นค่าใช้จ่ายเลยก็ได้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในสงครามครูเสดของสหรัฐมาจากการยืมเงิน หรือการก่อนี้ทั้งนั้น โดยกระทรวงการคลังออกพันธบัตรกู้เงินการสงครามให้เพนตากอนใช้ เราทราบกันดี สหรัฐก่อหนี้มากจนไม่คิดที่จะใช้หนี้ มีแต่จะออกหนี้ใหม่มาจ่ายหนี้เก่า โรลล์โอเว่อร์หนี้ไปเรื่อยๆ

    ทำให้มีคนเสียชีวิตไปแล้ว500,000คน โดยมีคนตาย370,000คนโดยตรงจากความรุนแรงของสงครามที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐ และมีอีกจำนวนมากที่ตายจากการขาดแคลนอาหาร หยูกยา หรือโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่ถูกทำลาย มีประชาชน250,000คนเสียชีวิตจากสงครามที่สหรัฐก่อ และมี10.1ล้านคนต้องการเป็นผู้อพยพไร้ที่อยู่อาศัย

    นอกจากนี้ ยังมีทหาร หรือบุคคลากรทางทหารอเมริกันเสียชีวิตในสงครามครูเสดสมัยใหม่ไปแล้ว6,900นาย ทหารรับจ้างของสหรัฐเสียชีวิตไป7,800คน ส่วนทหารของฝ่ายตรงข้ามของพวกแบกไม้กางเขนเสียชีวิตไป110,000คนจับตั้งแต่9/11เป็นต้นมา

    ตัวเลขคนตายของสถาบันวัตสันน่าจะต่ำกว่าความเป็นจริงมาก แต่อย่างน้อยได้ทำให้เราเห็นเนื้อแท้ของสงครามครูเสดสมัยใหม่

    ในสงครามครูเสดต่อต้านพวกดาอิส หรือไอซิสในซีเรีย และอิรัค มีกองกำลังทหารของ70ประเทศเข้าร่วมกับสหรัฐนับตั้งแต่เดือนกันยายนปี2014 ทำให้นึกถึงคำขวัญในตราประจำสหรัฐ Out of Many, One หมายถึงจากจำนวนหลายๆประเทศ มีเพียงสหรัฐเท่านั้นที่เป็นผู้นำที่แท้จริง ทุกคนทำงานให้สหรัฐหมด

    แต่แผนการทำสงครามครูเสดมาสะดุด เพราะปูตินเข้ามาช่วยซีเรีย ทรัมป์จึงออกอาการเดินไม่เป็นในเวลานี้

    ในเดือนตุลาคม นายJohn Boltonที่ปรึกษาสภาความมั่นคงของสหรัฐเดินทางไปมอสโควเพื่อแจ้งให้ปูตินทราบเป็นการส่วนตัวว่า ทรัมป์เตรียมยกเลิกข้อตกลงอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลางที่ช่วยประคองสันติภาพในยุโรป ในตอนหนึ่งของบทสนทนา ปูตินบอกกับโบลตันว่า เท่าที่จำได้ ตราประจำประเทศสหรัฐเป็นรูปนกอินทรีหัวล้านที่กรงเข็บข้างหนึ่งหนีบเอาลูกศรเอาไว้13ดอก และอีกข้างหนีบกิ่งมะกอก ซึ่งเป็นสัญลักณ์ของนโยบายใฝ่สันติภาพ

    “ผมมีคำถามที่คาใจเรื่องนี้ ดูเหมือนว่านกอินทรีของคุณได้กินใบมะกอกหมดแล้ว มีแต่ลูกศรเหลือเท่านั้นหรือ" ปูตินถาม

    เฒ่าหนวดเฟิ้มถึงกับหนวดกระดิกถี่ๆ หัวเราะแบบจืดๆ ก่อนจะตอบว่า "หวังว่า ผมจะมีคำตอบให้กับท่าน แต่ว่า ผมไม่ได้เอามะกอกติดตัวมาเลย"

    ปูตินตอบว่า "ผมก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน"

    จักรวรรดิโรมันโบราณมีคติว่า จะมีสันติภาพได้ต้องมีสงครามก่อน สันติภาพคือภาวะที่คู่ต่อสู้ต้องยอมสยบจำยอมตามสิ่งที่โรมต้องการ ก่ิงมะกอกที่ยื่นให้ไม่ใช่ข้อเสนอของสันติภาพแต่เป็นเงื่อนไขของการจำยอม มิเช่นนั้นจะต้องเผชิญกับสงคราม

    เมื่อโบลตันพูดเช่นนั้น ปูตินเปรยกับตัวเองว่า ถ้าอย่างนั้น มันก็จบกันแต่เพียงเท่านี้
    https://sputniknews.com/military/201811181069902993-US-Kills-Half-Million-Spent-6-Trillion-on-War-Since-911/

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    14. เจ้านาย มันจบแล้วครับ

    นางแอลเกล่า เมอร์เกิล นายกรัฐมนตรีของเยอรมัน มีความเห็นเหมือนกันกับเอมมานูแอล มาครง ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสที่ ต้องการให้ยุโรปมีกองทัพเป็นของตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพากองทัพสหรัฐผ่านกลไกของนาโต้ เพราะว่ายุโรปไม่ต้องการเป็นสมรภูมิของสงคราม ถ้าหากว่าสหรัฐและรัสเซียมีความขัดแย้งกันทางทหารขึ้นมา

    แต่คำถามใหญ่ที่ต้องตอบคือ เยอรมันนีจะปลดแอกอิทธิพลทางทหารของสหรัฐได้อย่างไร?

    หลังสงครามโลกครั้งที่2 เยอรมันนีในฐานะผู้พ่ายแพ้สงครามโดนมหาอำนาจยึดครอง และถูกมัดมือไม่ให้มีกองทัพเป็นของตัวเองเหมือนญี่ปุ่น เยอรมันถูกแบ่งประเทศเป็นเยอรมันนีตะวันตก และเยอรมันนีตะวันออก โดยเยอรมันนีตะวันตกถูกสหรัฐ อังกฤษ และฝรั่งเศสครอบงำ และเยอรมันนีตะวันออกถูกรัสเซียครอบครอง การทหารของทั้งเยอรมันนีตะวันตกและตะวันออกอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิดของมหาอำนาจไม่ให้ผยอง

    สหรัฐเขียนเสือให้วัวกลัวด้วยการก่อสงครามเย็นกับคอมมิวนิสต์รัสเซีย แม้ว่าสงครามโลกจะสงบลงหลังปี1945 หลายๆประเทศต้องมีการฟื้นฟูประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเศรษฐกิจที่ถูกทำลายอย่างย่อยยับจากสงคราม ไม่มีใครมีกระจิตกระใจจะก่อสงคราม ผู้คนส่วนมากหลงเชื่อว่า โลกจะเข้าสู่ภาวะสงบกันเสียที โดยสหรัฐผู้ชนะสงครามจะเป็นผู้นำโลกเสรี ส่วนรัสเซียผู้ชนะสงครามเหมือนกันจะเป็นผู้นำโลกคอมมิวนิสต์/สังคมนิยม ต่างคนต่างอยู่พัฒนาบ้านเมืองกันไปตามโมเดล หรืออุดมการณ์ความเชื่อของตัวเอง ส่วนจีนเองยังคงล้าหลัง เพราะว่าเกิดสงครามภายในและศึกภายนอกมาตลอดศตวรรษที่19 และล่วงเลยมาตอนต้นของศตวรรษที่ 20ที่จีนสูญเสียระบบจักรพรรดิ กว่าเหมาจะตั้งประเทศใหม่ได้ก็ล่วงมาปี1949

    แต่แทนที่โลกจะเข้าสู่ภาวะสงบสุข สหรัฐกลับก่อสงครามเย็นเพื่อเป็นข้ออ้างในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ผลก็คือรัสเซียจำต้องแข่งขันกับสหรัฐในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ ในปี1949 สหรัฐสร้างนาโต้ (NATO) หรือความร่วมมือทางทหารในยุโรปตะวันตก ส่วนรัสเซียตอบโต้ด้วยการสร้างความร่วมมือทางทหารผ่านสนธิสัญญาวอร์ซอ (Warsaw Pact)กับบริวารประเทศสังคมนิยมในยุโรปตะวันออก

    เยอรมันนีตะวันตกและเยอรมันนีตะวันออกมีกำแพงเบอร์ลินขวางกั้น และต้องเผชิญหน้ากันทางทหารเหมือนกับเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ในเวลานี้ เนื่องจากตกอยู่ในเกมความั่นคง และการเมืองของมหาอำนาจโลก

    ช่วงปลายทศวรรษที่ 1980s ค่ายสังคมนิยมของโซเวียตรัสเซียอ่อนแอลงเพราะการกลับกล่อนจากภายใน และเริ่มที่จะคุมบริวารประเทศไม่ได้ จนในที่สุดนำไปสู่การล่มสลายของกำแพงเบอร์ลินในปี1989 ทำให้เยอรมันนีสามารถรวมประเทศได้หลังจากนั้น อีก2ปีต่อมาในปี1991 โซเวียตล่มสลาย ทำให้แตกแยกออกไปเป็น15ประเทศ สหรัฐกลายเป็นผู้ชนะในสงครามเย็นในที่สุด แต่สหรัฐก็ยังคงไม่พอใจอยู่ดีที่ชนะสงครามเย็น เพราะว่าต้องการที่จะครอบงำโลกทั้งใบอย่างสมบูรณ์ จึงต้องมีเหตุให้ทีมงานฮอลลีวู๊ดสร้างเหตุการณ์911 เพื่อเป็นข้ออ้างในการทำสงครามในตะวันออกกลางเพื่อยึดเยรูซาเลม พร้อมๆกับการปิดล้อมรัสเซีย อิหร่าน และจีน

    ขณะนี้มีฐานทัพสหรัฐในเยอรมันนี36แห่ง แถมเอานุ้กมาเก็บด้วย แล้วจะไล่ให้ออกจากเยอรมันได้อย่างไร? ในช่วงสงครามเย็น สหรัฐตั้งฐานทัพในเยอรมันนีมากกว่าปัจจุบันถึง7เท่า เพื่อเป็นทัพหน้าในการเผชิญหน้ากับโซเวียต แต่หลังจากสงครามเย็น สหรัฐได้ทะยอยได้ปิดฐานทัพไปแล้วถึง222แห่ง เยอรมันเป็นบริวารประเทศทางทหารของสหรัฐอย่างสมบูรณ์แบบ

    ดูรายชื่อฐานทัพสหรัฐในเยอรมันนีในปัจจุบัน และในยุคสงครามเย็นได้ที่วิกิพีเดีย
    https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_United_States_Army_installations_in_Germany

    เมื่อต้นปีนี้ มีหญิงเยอรมันคนหนึ่งที่เป็นนักกิจกรรมได้ร้องต่อศาลให้ออกคำสั่งให้มีการถอนเอาระเบิดนิวเคลียร์ที่กองทัพสหรัฐเอามาเก็บที่ฐานทัพBuchel Air Baseใกล้บ้านเธอที่รัฐ Rhineland-Palatinateทางตอนใต้ของเยอรมันนี โดยอ้างว่านุ้กละเมิดความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของเธอ แต่ศาลยกฟ้องเรื่องนี้
    https://www.dw.com/en/us-nukes-in-germany-top-court-rules-against-peace-activist/a-43566026

    การมีฐานทัพของต่างชาติในประเทศตัวเองเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องด้วยประการทั้งปวง เหมือนชาวนาเลี้ยงงูเห่า ไม่รู้ว่างูเห่าจะแว้งกลับมากัดเมื่อใด แต่เยอรมันยังหาทางสลัดงูเห่าไม่ได้ ต้องใช้เพื่อบ้านอย่างฝรั่งเศส หรือประเทศอื่นๆร่วมกันขับไล่

    คงจำกันได้เมื่อ3ปีที่แล้ว รัฐบาลของแอร์โดอันของตุรกีโดนการก่อการรัฐประหาร ต่อมาแอร์โดอันสืบทราบว่าทหารสหรัฐมีส่วนวางแผนให้ทหารตุรกีก่อกบฎเพื่อโค่นอำนาจแอร์โดอันที่บังอาจเอาใจออกห่างสหรัฐ สถานที่ใช้วางแผนก่อกบฎคือฐานทัพIncirlick ทางตอนใต้ของตุรกีที่นาโต้ใช้เป็นฐานในการทำสงครามในตะวันออกกลาง มีทหารสหรัฐประจำการอยู่จำนวนหนึ่ง นายแอร์โดอันฉุนขาดถึงกับสั่งให้กองทัพตุรกีปิดล้อมฐานทัพIncirlickเพื่อไม่ให้ทหารอเมริกันเดินทางออกจากฐานทัพได้

    เดิมทีทรัมป์ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับนาโต้ เพราะว่าเขาต้องการฟื้นฟูสหรัฐ Make America Great Again แต่พอเจอเพนตากอนสั่งว่าหน้าที่ประธานาธิบดีคืออะไร ทรัมป์รีบกลับลำ ด้วยการแสดงท่าทีให้นาโต้อยุ่ในแถวและจ่ายเงินสมทบทางทหารให้ครบ และให้ซื้ออาวุธสหรัฐมากๆ

    เมอร์เกิ้ลคงได้อ่านนิทานชาวนากับงูเห่าของไทย แต่ต้องอดทนและใช้เวลา แม้ว่าเวลาจะผ่านมาแล้ว70กว่าปีที่เยอรมันแพ้สงคราม และต้องเป็นเมืองขึ้นทางทหารของสหรัฐจนถึงทุกวันนี้ จะปลดแอกจากสหรัฐไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เหมือนฐานทัพของสหรัฐในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เข้าไปแล้วเข้าไปเลย อยู่ยาวจนกลายเป็นเรื่องถาวรไป ทำให้ไม่มีความคล่องตัวในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ ความมั่นคง หรือการทหารเป็นของตัวเอง เพราะว่ามีกองทัพสหรัฐที่มีการมองภูมิรัฐศาสตร์ หรือผลประโยชน์ของสหรัฐที่แตกต่างไปค้ำคออยู่

    คิดดู เยอรมันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรปในเวลานี้ต้องใช้เวลากว่า70ปี กว่าจะกล้าเผยอปากพูดว่า เจ้านาย มันจบแล้วค่ะ เพื่อขอปลดแอกเยอรมันจากการเป็นเมืองขึ้นทางทหารของสหรัฐ แต่ทรัมป์ทำเป็นหูทวนลม คงต้องต่อสู้กันต่อไปพักใหญ่หลังจากนี้

    thanong
    18/11/2018

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    15. เจ้านาย มันจบแล้วครับ

    ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กองทัพสหรัฐมีการซ้อมรบร่วมกับกองทัพอิสราเอลภายใต้โครงการJuniper Cobra เหมือนกับโครงการCobra Goldที่กองทัพสหรัฐซ้อมรบร่วมกับกองทัพไทย ประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งประเทศอื่นๆที่ได้รับเชิญเป็นผู้สังเกตุการณ์

    ผู้บัญชาการซ้อมรบของกองทัพสหรัฐคือพลโทRichard Clarkแห่งกองทัพอากาศสหรัฐ(USAF Third Air Force) ส่วนผู้บัญชาการซ้อมรบฝ่ายอิสราเอลคือนายพลZvika Haimovitch

    นายพลคลาร์คให้สัมภาษณ์ช็อคโลกด้วยการบอกว่า ในกรณีที่เกิสดสงคราม กองทัพสหรัฐจะอยู่ใต้การบังคับบัญชาการของกองทัพอิสราเอล

    "เมื่อพูดถึงการตัดสินใจแล้ว มันเป็นความร่วมมือกันแบบหุ้นส่วน แต่ในท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเรื่องของการปกป้องอิสราเอล ถ้าหากว่ามีปัญหาเรื่องการทำงานร่วมกัน การตัดสินใจสูสุดน่าจะอยู่ที่นายพลZvika" พลโทคลาร์คกล่าว

    เขาพูดต่อไปว่า กองทัพสหรัฐพร้อมตายเพื่อรัฐอิสราเอล

    หูไม่ฝาดไปนะ ที่นายพลอเมริกันบอกว่ากองทัพสหรัฐพร้อมตายเพื่อรัฐอิสราเอล

    สื่อVeteran Todayรายงานในบทความ US General Clark: US Troops Prepared to Die for Jewish State (14 March, 2018)ว่า นายพลคลาร์คและนักการเมืองอเมริกันจากทั้งสองพรรคการเมืองที่ยกผลประโยชน์ของอิสราเอลเหนือผลประโยชน์ของสหรัฐเป็นผู้ทรยศต่อรัฐธรรมนูญของสหรัฐ คนอเมริกันที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นทหารเห็นพ้องในหน้าที่ที่จะปกป้องสหรัฐจากศัตรูทั้งภายในและภายนอกประเทศ ไม่มีคำสาบานตนในกองทัพสหรัฐว่าจะปกป้องรัฐยิว

    ส่วนสื่ออื่นๆของสหรัฐเงียบเหมือนเป่าสาก ไม่ยอมรายงาน หรือขยายความเรื่องนี้

    คิดดูก็แล้วกันคนไทยจะคิดอย่างไร ถ้านายพลในกองทัพไทยออกมาบอกว่า กองทัพไทยพร้อมตายเพื่อประเทศเนปาล นี่สมมุติตัวอย่างคล้ายๆกัน

    มองให้ลึกลงไป พลโทคลาร์คไม่ได้สิ้นสติ เพราะว่าเขามองหน้าที่ของเขา และกองทัพอเมริกันว่าเป็นนักรบครูเสดที่มีหน้าที่สูงส่ง และศักดิ์สิทธิ์ในการทำสงครามครูเสดเพื่อปกป้องเยรูซาเลม

    เมื่อระดับนายพลโทของกองทัพสหรัฐคิดอย่างนี้ และพูดออกมาอย่างนี้โดยไม่ถูกลงโทษว่าเป็นผู้ทรยศต่อสหรัฐ ก็เท่ากับว่าระดับผู้บังคับบัญชาที่สูงการนายพลคลาร์คในเพนตากอนก็คิดเหมือนกัน หรือเป็นพวกนักรบครูเสดเหมือนกัน

    เมื่อเพนตากอนเป็นที่สุมหัวของพวกนักรบครูเสดที่ไม่มีวันตาย เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

    thanong
    19/11/2018

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อำมาตย์มหา”ลัย ทำไมชอบปกปิดบัญชีทรัพย์สิน l ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์
    ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

    %E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A3-696x364.jpg
    ที่มา มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 15 - 21 มิถุนายน 2561
    คอลัมน์ รายงานพิเศษ
    ผู้เขียน ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์
    เผยแพร่ วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2561
    ความโปร่งใสเป็นเสาหลักของสังคมสมัยใหม่ทุกสังคม การทำให้สังคมมองเห็นและตรวจสอบได้จึงเป็นพื้นฐานที่สังคมใช้ตัดสินว่าใครและองค์กรไหน “โปร่งใส” จนเข้าข่ายว่าเชื่อถือได้เสมอ และขณะเดียวกันก็เป็นบรรทัดฐานในการสงสัยว่าใครหรือองค์กรไหนเข้าข่ายเป็นการผลัดกันทำมาหากินของพวกเดียวกัน

    ยิ่งในบุคคลและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับกิจการสาธารณะมากเท่าไร สังคมสมัยใหม่ยิ่งมุ่งสร้างเทคโนโลยีหรือ “กลไก” เพื่อให้สายตาของสังคมส่องถึงบุคคลและองค์กรเหล่านั้นให้มากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าบุคคลและองค์กรที่ดำเนินกิจการนั้นๆ จะเป็นรัฐหรือเอกชนที่ดำเนินการร่วมกันในรูปบริษัทมหาชน

    ในเส้นทางสู่สังคมสมัยใหม่แบบนี้ ใครที่ปฏิเสธความโปร่งใสย่อมมีเหตุให้สังคมระแวงว่าจะโกงหรือพิทักษ์โอกาสในการใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบเสมอ ถึงแม้จะอ้างเรื่องที่พอฟังได้ที่สุดอย่างความกังวลว่าจะสูญเสียความเป็นส่วนตัวด้านรายได้และทรัพย์สินต่างๆ ก็ตาม

    ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ข่าวกรรมการสภามหาวิทยาลัยไม่ต้องการเปิดเผยทรัพย์สินจนลาออกเป็นหนึ่งในเรื่องที่ประชาชนวิจารณ์มากที่สุด เพราะไม่เพียงหนึ่งในผู้ก่อเหตุจะได้แก่ขาใหญ่ คสช.ผู้เขียนรัฐธรรมนูญอย่างคุณมีชัย ฤชุพันธุ์ แต่ข่าวนี้ยังเกิดพร้อมกับการปล่อยข่าวว่าจะมีผู้ลาออกอีกมาก หากกฎหมายบังคับใช้จริงๆ

    อันที่จริงการลาออกเพื่อหลีกเลี่ยงรายงานทรัพย์สินตามระเบียบใหม่ของ ปปช.ไม่ควรเป็นข่าวอะไร เพราะในเมื่อทุกคนเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยและองค์กรอิสระในเวลาที่กฎหมายไม่ได้บังคับเรื่องนี้ การลาออกจึงเป็นการใช้สิทธิโดยชอบด้วยเหตุจากกฎหมายใหม่ทำให้เงื่อนไขในการทำงานเปลี่ยนไปจากเดิม

    อย่างไรก็ดี ถ้าหัวขบวนผู้ลาออกไม่ใช่คุณมีชัยผู้ขยันประชาสัมพันธ์ตัวเองว่าเขียนรัฐธรรมนูญ คสช.เพื่อ “ปราบโกง” จนเกิดบทบัญญัติที่ทำให้ ปปช.ออกระเบียบนี้ ความสนใจที่สังคมมีต่อข่าวการลาออกคงมีไม่มาก เพราะข่าวการลาออกของบุคคลอื่นๆ ก็ผ่านไปอย่างเงียบเชียบจนแทบไม่มีกระแสอะไรในสังคม

    พูดก็พูดเถอะ ประกายไฟแห่งความไม่พอใจของสังคมเริ่มก่อตัวขึ้นหลังจากอธิการบดีสองสามคนให้ข่าวว่ากรรมการสภามหาวิทยาลัยจะลาออกจนอุดมศึกษาอาจเกิด “วิกฤติ” ถึงขั้นเต้าข่าวเรื่องอนุมัติปริญญาไม่ได้จนนักศึกษาจะเดือดร้อนไปด้วย ทั้งที่ความจริงนั้นการลาออกที่เกิดขึ้นจริงๆ มีนิดเดียว

    จากการเปิดเผยของอาจารย์จิตเจริญ ศรขวัญ ผู้ดำรงตำแหน่งประธานที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการมหาวิทยาลัยราชภัฏ  การลาออกของกรรมการสภามหาวิทยาลัยไม่เกี่ยวอะไรกับการอนุมัติปริญญาทั้งสิ้น เพราะระเบียบทุกมหาวิทยาลัยให้กรรมการที่ยังเหลืออยู่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ต่อไป

    มองในแง่นี้ สภามหาวิทยาลัยฝ่ายปกปิดบัญชีทรัพย์สินอาจเข้าข่ายปั้นน้ำเป็นตัวเรื่องอนุมัติปริญญาเพื่อสร้างกระแสให้การลาออกดูเป็น “วิกฤติ” เพราะต้องการสร้างเหตุให้ยกเลิกกฎหมายเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินด้วยซ้ำไป

    %B8%A2%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B9%8C.jpg

    ถึงจุดนี้ การใช้สิทธิลาออกของคุณมีชัยก็ยกระดับจากเรื่องของคุณมีชัยล้วนๆ เป็นการเมืองเชิงเครือข่ายที่ใช้ความเดือดร้อนของนักศึกษาทำให้การลาออกเป็นปัญหาสาธารณะ จากนั้นอธิการบดีที่คนเหล่านี้แต่งตั้งก็ใช้ความตื่นตระหนกนี้กดดันให้รัฐบาลเลิกระเบียบ ป.ป.ช.เรื่องการเปิดเผยทรัพย์สินของคนกลุ่มนี้ไปเลย

    หลังข่าวทั้งหมดนี้ถูกปั่นขึ้นเพียงสองวัน รองนายกวิษณุผู้เคยทำงานร่วมกับคุณมีชัยก็ออกมาขานรับความเห็นของคนกลุ่มนี้ว่าระเบียบนี้หยุมหยิมน่ารำคาญ มิหนำซ้ำยังพูดจาส่อเป็นนัยว่าทางออกของเรื่องนี้คือ ปปช.ต้องไปหาทางแก้ให้จงได้ ถึงแม้จะยืนยันว่ารัฐบาลทำอะไรเรื่องนี้ไม่ได้ก็ตาม

    น่าสังเกตว่าขณะที่คุณมีชัยและคุณวิษณุเป็นนักการเมืองที่เจนจัดในการเขียนและใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ ความพยายามล้มระเบียบ ป.ป.ช.กลับเกิดขึ้นโดยไม่เคยมีการบอกเลยว่าระเบียบนี้ผิดกฎหมายอย่างไร?

    อาจารย์สมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีตผู้พิพากษาศาลฏีกาและกรรมการ ป.ป.ช.อธิบายเรื่องนี้ชัดเจนว่า ป.ป.ช.ทำถูกที่ออกระเบียบนี้ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ส่วนกรรมการสภามหาวิทยาลัยและองค์กรอิสระคือ “ผู้บริหารระดับสูง” ที่ควรเปิดเผยทรัพย์สินจริงๆ จนแทบไม่มีเหตุผลทางกฎหมายให้เลิกเรื่องนี้เลย

    คุณมีชัยและคนแบบคุณมีชัยลาออกเพราะไม่อยากเปิดเผยทรัพย์สินเป็นเรื่องส่วนตัว แต่การใช้เครือข่ายการเมืองผลักดันให้เลิกระเบียบซึ่งชอบด้วยกฎหมายทำให้เกิดปัญหาว่าอะไรคือ “ประโยชน์สาธารณะ” ระหว่างการเปิดทรัพย์สินกับการปกปิดแบบที่คุณมีชัยทำมาตลอดชีวิตนายกสภา ๘ แห่ง ใน ๒๓ ปี?

    อนึ่ง การพูดถึงคุณมีชัยในที่นี้เป็นสัญลักษณ์ของคนแบบคุณมีชัยที่วนเวียนเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยพร้อมกันทั่วราชอาณาจักรอีกหลายคน เพียงแต่คุณมีชัยเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดของอำมาตย์มหาวิทยาลัยที่เดินเส้นทางสายนี้เท่านั้นเอง

    สภามหาวิทยาลัยเป็นองค์กรระดับอุดมศึกษาซึ่งคนไม่ค่อยรู้ว่าใครเป็นใครและทำอะไร และความไม่รู้กลายเป็นเหตุให้คนกลุ่มนี้เต้าประเด็นว่าตัวเองอำนาจน้อยจนไม่ต้องเปิดเผยทรัพย์สินตามที่ ป.ป.ช.กำหนด จากนั้นก็อ้างต่อว่าสภาฯ ไม่ได้เงินเดือนจนไม่ควรถูกบังคับให้ทำเรื่องยุ่งยากเสียเวลา

    อย่างไรก็ดี แก่นของกฎหมายเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินคือวิธีป้องกันโกงโดยทำให้สังคมเห็นว่าผู้บริหารคนไหนมีทรัพย์สินอะไร กรรมการสภาจะรับเงินเดือนมหาวิทยาลัยหรือไม่จึงไม่ใช่สารัตถะของเรื่องที่พูดกัน

    ข้อโต้แย้งว่าสภามหาวิทยาลัยมีอำนาจน้อยจนไม่ควรต้องแสดงทรัพย์สินนั้นพอฟังได้ แต่คำว่าอำนาจมากหรือน้อยเป็นเรื่อง “สัมพัทธ์” ที่ต้องถามว่าเทียบกับอะไรเสมอ เพราะขณะที่กรรมการสภามหาวิทยาลัยฝ่ายนี้บอกว่าตัวเองไม่มีอำนาจอะไร คนในมหาวิทยาลัยที่รู้สึกว่าสภามีอำนาจล้นฟ้าก็มีมากเหลือเกิน

    สภามหาวิทยาลัยมีอำนาจเลือกน้ำยาขัดส้วมสู้นักการไม่ได้แน่ๆ แต่สภามีหน้าที่กำหนดนโยบาย, อนุมัติงบประมาณ, เลือกอธิการบดี, แต่งตั้งผู้ช่วยศาสตราจารย์ถึงศาสตราจารย์ ฯลฯ โดยบางมหาวิทยาลัยอาจมีอำนาจถึงการอนุมัติให้เอกชนสัมปทานธุรกิจในสถานศึกษาในนามของการจัดหารายได้ให้มหาวิทยาลัย


    ด้วยหน้าที่อย่างเป็นทางการเหล่านี้ สภามหาวิทยาลัยมีอำนาจมากกว่าบุคลากรทั้งหมดในมหาวิทยาลัยแน่ๆ ต่อให้จะไม่มีหน้าที่ทำงานบริหารหรือจัดซื้อจัดจ้างอะไรเลยก็ตาม

    เฉพาะเรื่องอนุมัติงบประมาณ มหาวิทยาลัยแถวหน้าอย่างมหิดล-จุฬา-ขอนแก่น-ธรรมศาสตร์ มีงบปี 2562 ระหว่าง 4,646 -13,162 ล้านบาท คนที่มีส่วนอนุมัติเงินขนาดนี้จึงควรแสดงบัญชีทรัพย์สินยิ่งกว่าปกปิด เพราะต่อให้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้เงินตรงๆ อำนาจเหนือเงินก็เป็นเหตุให้เกิดพฤติกรรมมิชอบได้อยู่ดี

    สภามหาวิทยาลัยมีอำนาจอนุมัติโครงการก่อสร้างวงเงินเกิน 200 ล้านบาทขึ้นไป รวมทั้งมีอำนาจอนุมัติงบจัดซื้อจัดจ้างวงเงินเกิน 50 ล้านบาท โดยแต่ละมหาวิทยาลัยมีโครงการลักษณะนี้นับสิบนับร้อยโครงการต่อปี สภามหาวิทยาลัยจึงมีอำนาจเกี่ยวพันกับเรื่องเงินทองมหาศาล ไม่ต้องพูดถึงการอนุมัติให้กู้ยืมเงิน, ถือหุ้น หรือร่วมทุนครบวงจร

    B8%A0%E0%B8%9B-%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%88%E0%B8%9A.jpg

    จะเปิดพื้นที่มหาวิทยาลัยให้ขายอาหารหรือร้านกาแฟหรือไม่ และจะให้บริษัทเจ้าสัวผูกขาดขายข้าวขายน้ำในมหาวิทยาลัยหรือเปล่า เผลอๆ เป็นอำนาจสภามหาวิทยาลัยหลายแห่งด้วยซ้ำไป

    อำนาจตั้งอธิการบดีคือหนึ่งในเหตุที่สภามหาวิทยาลัยควรเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินกว่าที่ผ่านมา เพราะสภาเป็นผู้วินิจฉัยว่าใครจะได้ตำแหน่งที่เงินเดือนมหาศาลซึ่งมีโอกาสเอาสถานะนี้ไปต่อยอดสู่ตำแหน่งได้อีก ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติหรือกรรมการรัฐวิสาหกิจต่างๆ ก็ตาม

    เฉพาะอธิการบดีที่เผด็จการทหารตั้งเป็น สนช. จนแจ้งทรัพย์สินในปี 2557 อธิการบดีจุฬา/ ธรรมศาสตร์/เชียงใหม่ มีรายได้จากเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งปีละ  2,512,720- 4,407,800 ล้านบาท ส่วนอธิการบดีรามฯ มีรายได้ทุกทาง  11,566,007  ล้านบาท และทุกคนได้เงินจากตำแหน่งที่รัฐบาลทหารตั้งอีก 1,362,720 ล้านบาทต่อปี

    สภามหาวิทยาลัยไม่มีอำนาจบริหารหรือจัดซื้อจัดจ้าง แต่สภาคุมเงินและเลือกคนให้มีตำแหน่งที่มีโอกาสโกยเงินต่อปีสูงกว่าอาจารย์ธรรมดาๆ 6-10 เท่า จนแทบไม่มีเหตุอะไรให้สังคมไว้วางใจว่าจะไม่มีใครใช้สถานะเหล่านี้ไปเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่วางอยู่บนการเบียดเบียนทรัพยากรส่วนรวมของสังคม

    พูดแบบไม่ต้องเกรงใจกัน สภามหาวิทยาลัยทุกวันนี้เป็นสมบัติผลัดกันชมระหว่างอธิการบดีกับกรรมการสภามานานแล้ว เพราะสภาแต่งตั้งอธิการบดีซึ่งต่อมาจะเป็นประธานเลือกบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย ส่วนกรรมการสภาจำนวนหนึ่งได้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาอธิการบดีตั้งแต่รองอธิการถึงคณบดี

    ถ้าอ้างว่าสภามหาวิทยาลัยคือกลไกกำกับอธิการบดี คนสองส่วนนี้ก็สัมพันธ์กันคล้าย คสช./สนช.จนแทบไม่มีทางที่ใครจะตรวจสอบใครทั้งนั้น ยกเว้นกรรมการซึ่งมีที่มาที่อิสระจากฝ่ายบริหารอย่างสภาอาจารย์หรือผู้ดำรงตำแหน่งวิชาการอื่นๆ แต่คนสองกลุ่มนี้ก็ไม่เคยเป็นเสียงข้างมากในสภามหาวิทยาลัยใดๆ

    เมื่อเป็นเช่นนี้ สภามหาวิทยาลัยในสถาบันการศึกษาหลายแห่งจึงมีองค์ประกอบเป็น “ขาใหญ่” ซึ่งได้แก่ผู้บริหารที่วนเวียนจากคณบดี-รองอธิการบดี-อดีตอธิการบดี ฯลฯ ซึ่งถักทอเป็น “เครือข่ายชนชั้นนำ” ที่สืบทอดตำแหน่งในมหาวิทยาลัยราวมรดกประจำตระกูลไม่รู้จบ ต่อให้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ตาม

    ใครนึกภาพนี้ไม่ออกก็ลองดูชื่ออธิการบดีและสภามหาวิทยาลัยที่ชอบอ้างเป็นแถวหน้าด้านประชาธิปไตย เพราะเป็นเวลาสามสิบกว่าปีแล้วที่อธิการบดีสถาบันนั้นมาจากรองอธิการจนตำแหน่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของการสืบทอดอำนาจ ส่วนผู้ที่พ้นวาระก็จะเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยเพื่อเลือกบุคคลเป็นอธิการบดีอีกที

    ภายใต้เงื่อนไขที่สภามหาวิทยาลัยหลายแห่งเป็นที่รวมของ “ขาใหญ่” ที่หมุนเวียนสลับเปลี่ยนจนเกิดกรรมการกลุ่ม “ขาประจำ” การบังคับให้สภาแสดงบัญชีทรัพย์สินจึงเป็นการเปิดโอกาสให้สังคมควบคุมไม่ให้คนเหล่านี้มีโอกาสใช้ตำแหน่งที่ตัวเองและเครือข่ายยึดกุมไปในทางมิชอบได้ง่ายอย่างที่ผ่านมา

    ตราบใดที่อธิการบดีและสภาเป็นสมบัติผลัดกันชมของ “อำมาตย์มหาวิทยาลัย” ตราบนั้นการบังคับให้คนเหล่านี้เปิดเผยทรัพย์สินยิ่งเป็นเรื่องที่มีความจำเป็น

    หนึ่งในข้ออ้างของฝ่ายต้านการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินคือมหาวิทยาลัยเสียโอกาสได้กรรมการภาคเอกชน แต่ข้อเท็จจริงที่ทุกคนรู้กันก็คือภาคเอกชนหมายถึงภาคธุรกิจที่ “สนับสนุน” มหาวิทยาลัยด้านต่างๆ ซึ่งเมื่อเป็นสภามหาวิทยาลัยจริงๆ ก็มีบทบาทที่เกี่ยวข้องกับงานวิชาการของมหาวิทยาลัยน้อยมาก

    ไม่ว่ากรรมการสภามหาวิทยาลัยสายพ่อค้าจะลาออกเพราะไม่อยากเปิดบัญชีทรัพย์สินจริงหรือไม่ ประเทศนี้มีนักธุรกิจหรือศิษย์เก่าที่พร้อมช่วยมหาวิทยาลัยโดยแสดงความโปร่งใสด้านทรัพย์สินแน่ๆ เช่นเดียวกับการใช้โอกาสนี้ลดกรรมการสายสปอนเซอร์เป็นกรรมการสายอาจารย์หรือผู้ทรงคุณวุฒิด้านอื่นที่แท้จริง

    %E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97.jpg

    อันที่จริงมหาวิทยาลัยทั้งในแง่กฎหมายและในแง่อุดมคตินั้นวางอยู่บนการมีส่วนร่วมของสังคม แต่เท่าที่ผ่านมานั้น “สังคม” มีโอกาสกำกับมหาวิทยาลัยน้อยมาก มหาวิทยาลัยที่คำนึงถึงสังคมจริงๆ ยิ่งกว่าจัดงานถ่ายรูปจึงควรใช้การลาออกของกรรมการภาคธุรกิจหรือ “อำมาตย์ฯ” ตั้งกรรมการจากสังคมเข้ามาทดแทน

    ตรงข้ามกับวาทกรรมว่าการเปิดเผยทรัพย์สินจะทำให้มหาวิทยาลัยเสียคนดีๆ สภามหาวิทยาลัยเป็นที่รวมของคนหน้าเก่าซึ่งผูกขาดตำแหน่งจนวิ่งรอกรับตำแหน่งทั่วประเทศเยอะมาก การแจ้งทรัพย์สินจะเป็นมาตรวัดว่าใครที่ทำเพื่อการศึกษาจริงๆ กับใครซึ่งเลือกจะโยนทิ้งงานนี้เพื่อปกปิดทรัพย์สินอย่างที่ผ่านมา

    ไม่มีความสูญเสียอะไรเกิดขึ้นแก่มหาวิทยาลัยที่เดินหน้าสู่ความโปร่งใส จะมีก็แต่โอกาสในการทำให้สภามหาวิทยาลัยเป็นของคนโปร่งใสจากนักวิชาการ, นักธุรกิจ และตัวแทนคนในสังคมกลุ่มต่างๆ ที่พร้อมจะทำงานรอุดมศึกษาแทนที่คนหน้าเก่าซึ่งมองสภาเป็นแหล่งสืบทอดอำนาจหรือเสริมเกียรติยศอย่างปัจจุบัน

    https://www.matichonweekly.com/colu...82JX359Sh6DNhGhNdgi-KmRZyZ_H5icd0zdTZcMkdm5G0
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    10 สุดยอดกระบี่ ในตำนานจีน | Chinatalks เรื่องเล่าจีน

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โรคติดต่อทางสมองเป็นอันตรายต่อประชากรกวางของอลาบามา ... และอาจทำให้คนติดเชื้อได้ ...ด้วยเสียงแปลก ๆ - 18 พ.ย. 2018
    brain-eating-disease-deer-alabama-1024x683.jpg
    โรคที่กินสมองเรียกว่าโรคเรื้อรัง (CWD) กำลังคุกคามประชากรกวางของแอละแบมา เป็นโรคติดต่อทางสมองและอาจทำให้คนที่กินกวางเป็นโรคได้

    โรคที่กินสมองเรียกว่าโรคเรื้อรัง (CWD) กำลังคุกคามประชากรกวางของแอละแบมา รูปภาพ: OkState.edu

    กรณีล่าสุดของโรคได้รับการยืนยันภายใน 50 ไมล์ของรัฐในมิสซิสซิปปี้ นักล่าท้องถิ่นและวุฒิสมาชิกดั๊กโจนส์กล่าวว่าพวกเขายังไม่เคยเห็นกวางชนิดใดกับโรคนี้ในรัฐแอละแบมา แต่พวกเขาไม่ยอมปล่อยการเฝ้าระวังของพวกเขา

    "มันอันตรายเพราะมันสามารถทำร้ายคุณและครอบครัวของคุณได้อย่างแน่นอน...." Drew Williams กล่าว

    "ฉันคิดว่าทุกคนในอลาบามามีความกังวลเรื่องนี้เพราะค่อยๆเคลื่อนไปทางทิศตะวันออกจากทิศตะวันตก มีรายงานล่าสุดในมิสซิสซิปปี้และมีคนในอลาบามาตกใจมากยิ่งขึ้น "วุฒิสมาชิกดั๊กโจนส์กล่าว

    "มันถ่ายทอดผ่านพื้นดิน หากกวางที่ติดเชื้อตาย และปีที่ผ่านมาถนนอื่นกวางมาและกินในจุดเดียวกันพวกเขาสามารถทำสัญญาเป็นเช่นนั้น การกวาดล้างกวางเป็นโรคจิตความเสียหายของสมองและการเดินในแวดวงเช่นที่พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ใด "โดโนแวนลองกล่าว

    เพียงไม่กี่วันที่ผ่านมาวุฒิสมาชิกรัฐอลาบามาดั๊กโจนส์ได้ออกกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหา CWD และเพิ่มความสามารถในการจัดการสัตว์ป่าให้มีต่อสุขภาพสัตว์ป่า

    "ในฐานะนักเพาะและนักล่าสัตว์ตัวยง ฉันเป็นทุกข์อย่างมากจากการแพร่กระจายของโรคเรื้อรังที่เรื้อรัง โรคนี้เป็นภัยคุกคามต่อผลกระทบต่อประชากรสัตว์ป่าในแอละแบมา เช่นเดียวกับที่มีอยู่ในหลายรัฐอื่น ๆ ทั่วประเทศ นั่นเป็นเหตุผลที่วุฒิสภามีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องออกกฎหมายเพื่อให้เจ้าหน้าที่สัตว์ป่าของรัฐ และท้องถิ่นมีเครื่องมือที่จำเป็นต้องมีการแพร่กระจายของ CWD เป็นปัญหาร้ายแรง ... คนที่ต้องการการศึกษาเพิ่มเติม ฉันต้องการให้แน่ใจว่าเราสามารถทำทุกอย่างที่เราสามารถทำได้เพื่อป้องกันการแพร่กระจายในแอละแบมา เพื่อให้เราสามารถรักษาฝูงกวางของเราและนักล่าจะมีกวางทั้งหมดที่พวกเขาต้องการ "วุฒิสมาชิกโจนส์กล่าว

    สำหรับตอนนี้นักล่าท้องถิ่นกล่าวว่า CWD จะไม่หยุดยั้งการชนป่า

    วุฒิสมาชิกโจนส์กล่าวว่ายังคงมีงานวิจัยไม่เพียงพอต่อโรคที่ทำให้ป่วยเรื้อรังและเขาหวังว่าจะได้รับทรัพยากรของรัฐบาลกลางในไม่ช้าเพื่อช่วยในการค้นหาและศึกษาพื้นที่ที่เปราะบางที่สุด

    http://strangesounds.org/2018/11/a-...X979rBwqPHr0kPikYfjRhYKXPLyIXf_j7wbsTIMvG4C68
     

แชร์หน้านี้

Loading...