ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ

    IMG_5067.JPG
    ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา

    "พายุ “โทราจี”(Toraji) "

    ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2561

    เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (18 พ.ย. 61) พายุดีเปรสชัน ที่ปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “โทราจี”(Toraji) แล้ว โดยมีศูนย์กลางอยู่ห่างออกไปทางตะวันออกของนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ประมาณ 390 กิโลเมตร หรือที่ ละติจูด 11.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 110.2 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ

    65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางใต้เล็กน้อยอย่างช้าๆ คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นทางตอนใต้ของประเทศเวียดนามหรือบริเวณปลายแหลมญวน ในช่วงวันที่ 18-19 พ.ย. 61 และจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน

    และหย่อมความกดอากาศต่ำตามลำดับเคลื่อนตัวลงสู่อ่าวไทย ผ่านภาคใต้ตอนกลางลงสู่ทะเลอันดามัน


    ในช่วงวันที่ 19-21 พ.ย. 61 ทำให้ภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปถึงจังหวัดนราธิวาสมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย


    อนึ่ง มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ จะมีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ 19-21 พ.ย. 61ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง


    จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดในระยะนี้


     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    China Xinhua News


    วิจารณ์ร้อนทั่วโลก! ศาลไอร์แลนด์ ‘ยกฟ้อง’ คดีข่มขืน เหตุเพราะเหยื่อสวม ‘กางเกงในจีสตริงลายลูกไม้’

    .

    ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดกระแสวิจารณ์และประท้วงไปทั่วประเทศไอร์แลนด์ หลังศาลพิพากษายกฟ้องคดีข่มขืนเด็กหญิงวัยรุ่นอายุ 17 ปี เนื่องจากวันเกิดเหตุเหยื่อสวมกางเกงชั้นในจีสตริงและด้านหน้าเป็นผ้าลูกไม้ ซึ่งคณะลูกขุนเห็นด้วยกับทนายจำเลยที่อ้างว่า การสวมกางเกงชั้นในดังกล่าวเป็นการแสดงออกถึงความยินยอม

    .

    ผู้ต้องหาเป็นชายวัย 27 ปี ถูกพิพากษาว่าไม่มีความผิดโดยคณะลูกขุนซึ่งเป็นเพศชาย 8 คน และเพศหญิง 4 คน หลังจากแลกเปลี่ยนความเห็นกันอยู่นาน 90 นาที

    .

    คำพิพากษาดังกล่าวส่งผลให้เกิดกระแสต่อต้านไปทั่วไอร์แลนด์รวมถึงในต่างประเทศ โดยเฉพาะในหมู่กลุ่มคนรุ่นใหม่และบนอินเตอร์เน็ตผ่านแฮชแท็ก #thisisnotconsent ที่ต่อต้านการตำหนิเหยื่อและต้องการสร้างความเข้าใจใหม่ในเรื่องของ “ความยินยอม” (consent) ที่จะมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการแต่งกาย ไม่ว่าจะสวมใส่เสื้อผ้าหรือชุดชั้นในแบบใด ล้วนมิได้หมายความว่าเธอหรือเขายินยอมทั้งสิ้น

    .

    นอกจากนี้ยังมีชาวไอร์แลนด์ราวหลายพันคนออกมาเดินขบวนประท้วงในหลายเมือง โดยชูกางเกงชั้นในเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านทัศนคติดังกล่าวของคณะลูกขุน ซึ่งเมื่อคำพิพากษาออกมาเป็นเช่นนี้แล้วก็มีโอกาสที่คดีต่อๆ ไปที่อาจเกิดขึ้นในภายหลังจะสามารถตัดสินยกฟ้องจำเลยคดีข่มขืนได้อีกตามคำพิพากษานี้


     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจนจิรา จันทรเสนา

    IMG_5068.JPG IMG_5069.JPG
    " บ้านหลังสุดท้ายบนเส้นทางไฟป่า "


    หญิงชราอายุ 93 ปี รอดจากเหตุการณ์ไฟป่าครั้งนี้ได้ ต้องขอบคุณพนักงานเก็บขยะเพราะขณะที่คนอื่นหนีไฟป่า แต่พนักงานคนนี้ขับรถสวนทางเข้าไปเพื่อเช็คดูว่าบรรดาผู้สูงอายุที่อยู่อาศัยตามบ้านในเส้นทางเก็บขยะที่ทำมา 8ปี อพยพออกไปอย่างปลอดภัยหมดหรือยัง.. จนไปพบว่าคุณยายยังติดอยู่ในบ้าน เขาเลยช่วยพาอพยพออกมาด้วยรถเก็บขยะ


    บ้านของคุณยายเป็นบ้านสุดท้ายบนเส้นทางที่พนักงานคนนี้ต้องขับรถมาเก็บขยะประจำ อยู่ในเมือง Paradise ของแคลิฟอร์เนีย เป็นเมืองที่วันนี้โดนไฟป่าเผาวอดวายไปจนเกือบหายวับไปจากแผนที่สหรัฐอเมริกา


    ภาพ/ที่มา: newser http://m.newser.com/story/267133/as-fire-neared-garbageman-got-93-year-old-to-safety.html

    via,@jenjira1958


     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    The Public Post


    “ทรัมป์” ยังคงปกป้อง “บินซัลมาน” แม้ "ซีไอเอ" สรุปว่าเขาเป็นผู้สั่งฆ่า “คาช็อกจี”

    https://www.publicpostonline.net/19330


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    The Public Post


    สหรัฐฯ เผาตะวันออกกลางด้วยสงครามนิกาย “ซุนนี-ชีอะห์” แล้วก็พบว่าตนเองถูกพิฆาตโดย “รัสเซีย”

    https://www.publicpostonline.net/19337


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    WisdomNews


    สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เฝ้าระวังฝนตกหนักและปริมาณน้ำของเขื่อนขนาดใหญ่ในภาคใต้ 2 แห่ง หลังมีปริมาณน้ำกักเก็บมากกว่าร้อยละ 90 ของความจุอ่าง


    ➡️นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า ภาพรวมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ส่วนภาคใต้ช่วงวันที่ 18-20 พฤศจิกายน 2561 หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้จะเคลื่อนเข้าปกคลุมปลายแหลมญวนแล้วเคลื่อนผ่านภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง


    ➡️โดยเฉพาะต้องเฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในภาคใต้ 2 แห่ง คือ เขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี มีปริมาณน้ำร้อยละ 91 ระบายออกวันละ 2.59 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีปริมาณน้ำร้อยละ 91 ระบายออกวันละ 2.41 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงต้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด


    ➡️เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวถึงสถานการณ์ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ ว่า จากการสำรวจปริมาณน้ำโดยรวมของอ่างเก็บน้ำมีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ควบคุมและเพียงพอใช้หน้าแล้งนี้ ทั้งน้ำเพื่อเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรมและเพื่อการอุปโภค-บริโภค


    ➡️ปริมาณน้ำของอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 35 อ่าง มีปริมาณน้ำรวม 57,452 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 81 และมีปริมาณน้ำใช้การรวม 33,909 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 419 แห่ง มีปริมาณน้ำรวม 3,851 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 71 และปริมาณน้ำใช้การรวม 3,420 ล้านลูกบาศก์เมตร

    http://thainews.prd.go.th/website_th/news/news_detail/WNEVN6111180010001


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กำไรได้แล้วเอาไปทำอะไร

    IMG_5070.JPG
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐฯ หรือ FCC เปิดไฟเขียวให้ SpaceX ของ Elon Musk นำส่งดาวเทียม 7,518 ดวงขึ้นสู่ชั้นอวกาศได้ตามแผนการในโครงการให้บริการสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากดาวเทียม

    https://www.adpt.news/2018/11/16/fcc-approve-spacex-7518-satellites/


     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    MGROnline Live


    ตำรวจส่งฟ้อง "ดีเจซัน" ต่ออัยการแล้ว หลังดีเอ็นเอชัด "ฆ่าแมว"


    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9610000114867


    #MGRonline #ดีเจซัน #ฆ่าแมว


     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    GEN


    「GEN News」


    มีความคืบหน้าของคดีที่ น.ส.วรารัตน์ กระแสร์ อายุ 30 ปี ถูกกล่าวหาว่า นำลูกแมวไปทารุณกรรมจนเสียชีวิต แล้วนำเทปบันทึกการทารุณกรรมลูกแมวไปเผยแพร่ในเว็บไซต์เถื่อน เพื่อแลกกับเงินสกุลดิจิทัล ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดตามพ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ และเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เพจ WATCHDOG THAILAND ได้โพสต์รายละเอียดความคืบหน้าของคดี ซึ่งมีใจความดังนี้

    .

    16 พฤศจิกายน 2561 ดีเดย์ตำรวจเตรียมส่งสำนวนฟ้องต่ออัยการ ดีเจสาวผู้ต้องสงสัยฆ่าแมว ข้อหาทารุณกรรมสัตว์ สองกรรมสองวาระ ผลพิสูจน์หลักฐานความเข้ากันได้ของดีเอ็นเอ ปรากฏชัดเป็นแมวตัวเดียวกัน พร้อมผลพิสูจน์รอยเลือดที่พบในห้องพัก พบเป็นดีเอ็นเอของแมวอีกตัวหนึ่ง!

    .

    กระจุกขนบนหลังคา กับเนื้อเยื่อของซากแมว ส้มขาว มีดีเอ็นเอตรงกัน! รอยเลือด ที่พบในห้อง สัตวแพทย์ยืนยันผลพิสูจน์ เป็นดีเอ็นเอของแมว! และเป็นดีเอ็นเอของน้องแมวอีกหนึ่งชีวิต! หมายความว่า ในระหว่างก่อนการดำเนินคดีของผู้เสียหายเจ้าของแมวส้มขาว อาจมีการฆ่าแมวตัวอื่นมาก่อนหน้านั้นแล้ว ภายในห้องพักเดียวกัน !

    .

    เสียดาย…ที่ผู้เสียหายที่สองซึ่งเป็นเจ้าของแมวลายสลิด ซึ่งได้รับคำตอบจากผู้ถูกกล่าวหา

    ว่า “ทำหลุดหายไป” ไม่มีเศษขน ที่จะตรวจความเข้ากันได้ของดีเอ็นเอ จึงไม่สามารถพิสูจน์รอยเลือดที่พบในห้อง ที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นเป็นดีเอ็นเอของแมวว่าเป็นของแมวลายสลิดหรือไม่!

    .

    อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษมดำเนินการส่งฟ้อง อัยการแล้ววันนี้ ข้อหาทารุณกรรมสัตว์ ตามมาตรา 20 แห่งพรบ.ป้องกันการทารุณกรรมฯ ทั้งหมด 2 กรรม สองวาระ

    .

    กรรมที่หนึ่งคือ น้องแมวส้มขาว

    กรรมที่สองคือ ผลเลือดที่เป็นดีเอ็นเอของแมว

    แม้จะไม่ปรากฏว่าเป็นของแมวตัวไหน…แต่ก็เป็นแมวอีกหนึ่งชีวิต!

    เฝ้ารออย่างจดจ่อ…ครับผม

    .

    ขอบคุณ


    - พล.ต.ท. สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รรท.ผบชน.


    - พล.ต.ต.ธิติ แสงสว่าง รรท.รองผบชน.หัวหน้างานกฎหมายและคดี


    - พล.ต.ต.กัมปนาท โสภโณดร ผบก.น.9


    - นายสรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์


    - นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์


    - นายชัยวัฒน์ โยธคล ผอ.ศูนย์สารสนเทศและรองโฆษกกรมปศุสัตว์


    - กองสวัสดิภาพสัตว์และสัตวแพทย์บริการ กรมปศุสัตว์


    - พ.ต.อ.วุฒิชัย ไทยวัฒน์ ผกก.สน.เพชรเกษม


    - พ.ต.ท.ศุภชัย อ่วมประเสริฐรอง ผกก.หน.งานสอบสวน สน.เพชรเกษม


    - พ.ต.ท.วิทยา สุดสาคร รอง ผกก.(สอบสวน) สน.เพชรเกษม


    - พ.ต.ท. สุนทร มาลาเวช รอง ผกก.สส.สน.เพชรเกษม


    - ร.ต.ท.วสิษฐ อินต้ะมุด รองสารวัตรสอบสวน สน.เพชรเกษม


    - องค์กรสวัสดิภาพสัตว์ Watchdog Thailand


    - องค์กรสวัสดิภาพสัตว์ The Hope Thailand


    - ประชาชนผู้ร้องเรียนเหตุทารุณกรรม


    - มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย

    ...


    น.ส.วรารัตน์ กระแสร์ ปัจจุบันทำอาชีพเป็นดีเจ ในร้านย่านสาทร แต่ในอดีตนั้น น.ส.วรารัตน์เคยเป็นนักเขียนในอินเตอร์เน็ต และเคยเข้าร่วมกับกลุ่มการเมืองเรียกร้องสิทธิมนุษยชน พร้อมกับเคยเข้าร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองตั้งแต่พ.ศ. 2557 นอกจากนั้นแล้ว น.ส.วรารัตน์ยังเป็นสมาชิกกลุ่มต่อต้าน กฏหมายมาตรา 112 ซึ่งจากการตรวจสอบโดยละเอียด พบว่ามีรายชื่อของน.ส.วรารัตน์ กระแสร์ อยู่ในรายชื่อ 300 คนที่ลงชื่อเพื่อเรียกร้องให้มีการแก้ไขมาตรา 112 เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554

    …..


    *อย่าลืมกดติดตามเพจ「GEN」 เพื่อไม่ให้พลาด บทความ ข่าวสาร และสาระดีๆ


    https://twitter.com/GenonlineCo


    GEN

    .

    ที่มา :


    อัพเดทความคืบหน้าคดีที่ดีเจนักกิจกรรมฆ่าแมว โดย WATCHDOG THAILAND




    .

    พบรายชื่อน.ส.วรารัตน์ กระแสร์ อยู่ในรายชื่อ 300 คนที่ลงชื่อเพื่อเรียกร้องให้แก้ไขมาตรา 112


    https://mgronline.com/daily/detail/9540000068201


     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เก็บตกตะวันออกกลาง

    รัฐมนตรีไซออนิสต์ ชี้ : หากเราเข้าสู่กาซา เราจะกลับออกมาพร้อมกับ 500 ศพ

    ในการตอบคำถามเกี่ยวกับเหตุผลของการเห็นชอบกับการหยุดยิงในฉนวนกาซา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความร่วมมือระดับภูมิภาคของระบอบไซออนิสต์กล่าวว่า : ในกรณีที่เราเข้าไปยังพื้นที่ต่างๆ ด้านในของฉนวนกาซานั้น เป็นไปได้ว่าเราจะกลับออกมาพร้อมกับ 500 ศพ

    รายงานโดยอ้างจากหนังสือพิมพ์ "Maariv" ว่า นาย "Tzachi Hanegbi" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความร่วมมือระดับภูมิภาคของระบอบไซออนิสต์ได้กล่าวถึงสาเหตุการยอมรับข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาและยอมรับอย่างชัดเจนถึงพลังอำนาจของกองกำลังแห่งขบวนการต่อสู้ ในฉนวนกาซา

    ตามรายงานเขากล่าวในเรื่องนี้ว่า : "การโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอลครั้งล่าสุดนี้ขัดแย้งกับข้อตกลงการรักษาความสงบต่อสถานการณ์สงบในพื้นที่นี้ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการดำเนินการหนึ่งที่จำเป็นต้องเกิดขึ้น

    นาย "Tzachi Hanegbi" กล่าวว่า ขบวนการฮามาสได้ยิงขีปนาวุธและจรวด 470 ลูก ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดสถานการณ์ที่เป็นอันตรายมากยิ่งขึ้น หากในกรณีที่เราเข้าไปยังพื้นที่ต่างๆ ของกาซา เราอาจจะต้องกลับออกมาพร้อมกับ 500 ศพ เช่น Jablia, Deir al Balah และ ข่าน ยูนิส ก็เป็นไปได้

    #เก็บตกตะวันออกกลาง!

    #ไซออนิสต์ #ปาเลสไตน์


     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Sputnik


    ผลของการโจมตีโดยผู้ก่อการร้าย 9/11 ได้ใช้เงินกว่า 5.9 ล้านล้านดอลลาร์ในสงครามต่างประเทศที่ได้ส่งผลต่อการเสียชีวิตของคน 500,000 คนโดยประมาณ


     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นารายาณะ พุทธะ

    IMG_5072.JPG
    ดาวอาทิตย์๑ คู่ดาวพฤหัส๕ ราศีพิจิก ธาตุน้ำ ๑๕ ดาวคู่มิตร อาทิตย์เป็นมิตรกับครู อยู่ถึงวันที่17พย.-16ธค.61 ๑ไฟ ๕บารมีธรรม ราศีพิจิกน้ำ


    22พย.61 คืนวันพระใหญ่ พระจันทร์เต็มดวง ดาวจันทร์๒ สถิตราศีเมษ ตำแหน่งมหาจักร ให้คุณแรงกับผู้ที่มีจิตใจที่มั่งคงจริงจัง

    วันลอยกระทงดอกไม้ธูปเทียนของหอม เพื่อถวายบูชารอยพระพุทธบาท ณ เกษียณสมุทรสะดือทะเล ใน1ปี มีเพียง 1ครั้ง


    ดาว๕ ดาวพระดาวธรรมะ อยู่ในราศีธาตุน้ำ

    ดาวอาทิตย์๑ ไฟและแสงสว่าง วัตถุสีแดง

    ดาวราหู๘ มวลชนจำนวนมาก


    โอกาสของการเก็บเกี่ยวบุญบารมีด้วยสติปัญญาบารมีธรรมะ ของแต่ละคน

    17พย.-16ธค.61 ช่วงดาว ๑๕ อยู่คู่กัน ทำการใดอันเป็นกุศล เป็นประโยชน์ จะเป็นผลดีกับผู้กระทำการนั้น


    ฟ้าเปิดให้เห็น อยู่ที่ใครจะหยิบไปทำให้เกิดประโยชน์ต่อบารมีตน


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    The Public Post


    แอลจีเรียประกาศให้การสนับสนุนชาวปาเลสไตน์อีกครั้ง

    https://www.publicpostonline.net/19352


     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Nov 18) ประชุมเอเปกที่ปาปัวนิวกินีไม่มีแถลงการณ์ร่วม: การประชุมประจำปีของกลุ่มประเทศสมาชิกเอเปกที่ปากัวนิวกินีในปีนี้เสร็จสิ้นโดยไม่มี "การบรรลุฉันทามติ" หรือการออกแถลงการณ์ร่วมกันเป็นครั้งแรก จากความขัดแย้งอย่างหนักระหว่าง "สองมหาอำนาจ"


    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพอร์ตมอร์สบี ประเทศปาปัวนิวกินี เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ว่านายกรัฐมนตรีปีเตอร์ โอนีล ผู้นำปาปัวนิวกินี แถลงภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ( เอเปก ) ครั้งที่ 30 ที่กรุงพอร์ตมอร์สบี ว่าผู้นำจากสมาชิกทั้ง 21 ประเทศไม่สามารถบรรลุฉันทามติในการออกปฏิญญาประจำการประชุมปีนี้ร่วมกันได้ เนื่องจากบางประเทศมีจุดยืนที่ “แตกต่างกันอย่างมาก” ในหลายประเด็น


    เมื่อผู้สื่อข่าวซักถามว่าหมายถึงประเทศใดบ้าง โอนีลตอบว่า “เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้” คำถามจึงเปลี่ยนประเด็นไปที่สาเหตุของความขัดแย้งจนถึงขั้นไม่สามารรถออกแถลงการณ์ร่วมกันได้ ผู้นำปาปัวนิวกินีตอบว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับองค์การการค้าโลก ( ดับเบิลยูทีโอ )


    ทั้งนี้ ขอบเขตอำนาจของเอเปกนั้นไม่สามารถเข้าไป “มีบทบาท” ต่อนโยบายของดับเบิลยูทีโอได้หมายความว่ารัฐบาลใดที่มีปัญหาหรือความไม่พึงพอใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ของดับเบิลยูทีโอต้องเดินเรื่องกับสำนักงานใหญ่ขององค์กรแห่งดังกล่าวโดยตรง ซึ่งอยู่ที่เมืองเจนีวา ในสวิตเซอร์แลนด์


    อย่างไรก็ตาม โอนีลกล่าวว่าปาปัวนิวกินีจะมีแถลงการณ์ในฐานะประธานการประชุมประจำปีนี้อีกครั้ง แต่ยอมรับว่าเป็นครั้งแรกซึ่งผู้นำหรือผู้แทนระดับสูงของรัฐบาลสมาชิกเอเปกไม่สามารถบรรลุฉันทามติประจำการประชุมร่วมกันได้ นับตั้งแต่การประชุมครั้งแรกโดยออสเตรเลียเป็นเจ้าภาพ ที่กรุงแคนเบอร์รา เมื่อปี 2532 ส่วนการประชุมประจำปีของสมาชิกเอเปกครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นที่ชิลีในปี 2562


    Source: เดลินิวส์ออนไลน์ https://www.dailynews.co.th/foreign/677804


    เพิ่มเติม

    - APEC fails to reach consensus as U.S.-China divide deepens : https://www.reuters.com/article/us-...sus-as-u-s-china-divide-deepens-idUSKCN1NN00M
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    IMG_5073.JPG
    (Nov 18) ส่องรสนิยมการใช้สมาร์ทโฟน 8 ชาติชั้นนำ : เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า สมาร์ทโฟน คือ อุปกรณ์สื่อสารที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตอย่างมาก มาดูกันว่าผู้บริโภคใน 8 ประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลกใช้มือถืออัจฉริยะยี่ห้อใด รุ่นใดกันบ้าง

    เริ่มจาก สหราชอาณาจักร นิยมใช้ซัมซุง กาแล็กซี เจ3 2017 ในสัดส่วน 13% ในสหรัฐ ใช้ไอโฟน 8 ของแอ๊ปเปิ้ล 8% ในเยอรมนี ใช้ หัวเว่ย พี20 ไลท์ ในสัดส่วน 10% ฝรั่งเศส ใช้ซัมซุงกาแล็กซี เจ3 2017 ประมาณ 7% ในญี่ปุ่น ใช้ไอโฟน 8 ของแอ๊ปเปิ้ล ในสัดส่วน 15% ในเกาหลีใต้ ใช้ซัมซุง กาแล็กซี่ เอส9 ในสัดส่วน 11% ในจีน ใช้ออปโป้ อาร์15 ประมาณ 5% และในอินเดีย ใช้สมาร์ทโฟนยี่ห้อเสี่ยวหมี่ เรดหมี่ 5เอ ในสัดส่วน 9%

    ความนิยมที่มีต่อตัวสินค้าของผู้ใช้ย่อมส่งผล ต่อยอดขาย นี่คือเหตุผลที่ทำให้หัวเว่ยครองที่2 สมาร์ทโฟนขายดีทั่วโลกติดต่อกันสองไตรมาสจากรายงานล่าสุดของอินเตอร์เนชันแนล ดาตา คอร์พอเรชัน(ไอดีซี)ที่ระบุว่า ไตรมาสที่ 3 ของปี นี้ หัวเว่ย ยังคงรักษาตำแหน่งอันดับสองของตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกไว้ได้ ด้วยยอดขายกว่า 52 ล้านเครื่อง หลังจากขึ้นมาครองอันดับสองได้สำเร็จตั้งแต่ไตรมาสที่แล้ว

    แม้ว่าตลาดสมาร์ทโฟนในไตรมาส 3 มียอดขาย โดยรวมอยู่ที่ 355.2 ล้านเครื่อง ลดลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

    คอลัมน์ Big Data Analysis

    Source: กรุงเทพธุรกิจ
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Nov 18) สัญญาณชัดดอกเบี้ยขึ้น คนออมเฮ!-คนกู้รับสภาพ: หลายปัจจัยส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย กนง.เสียงแตก 3 เสียงหนุนปรับเพิ่ม 0.25% ทิ้งท้ายนโยบายเงินเงินผ่อนคลายจะทยอยลดความจำเป็นลง หลังดอกเบี้ยต่ำมานาน ขณะที่ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลรอบใหม่สูงขึ้นกว่ารุ่นก่อนมากสุด 0.61% คาดอีกไม่นานแบงก์พาณิชย์ออกโปรโมชั่นเงินฝากที่ดอกเบี้ยสูงกว่าเดิม เป็นโอกาสของผู้ออมที่ต้องทนรับสภาพดอกเบี้ยต่ำมานาน ส่วนผู้ผ่อนชำระที่อยู่ในเงื่อนไขดอกเบี้ยลอยตัว ต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น


    ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ครั้งที่ 7/2561 เมื่อ 14 พฤศจิกายน 2561 มีมติ 4 ต่อ 3 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี โดย 3 เสียงเห็นควรให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1.50% เป็น 1.75% ต่อปี


    ในการตัดสินนโยบาย คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง แม้อุปสงค์ต่างประเทศมีสัญญาณชะลอลงบ้าง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีทิศทางเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้เดิม ภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพระบบการเงินโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ต้องติดตามความเสี่ยงที่อาจสะสมความเปราะบางในระบบการเงินได้ในอนาคต โดยเฉพาะจากภาวะการเงินที่ผ่อนคลายเป็นเวลานาน


    คณะกรรมการฯ เห็นว่า นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในระดับปัจจุบันมีส่วนช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจและสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ กรรมการส่วนใหญ่จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้


    3 เสียงหนุนขึ้นดอกเบี้ย


    ส่วนกรรมการ 3 ท่านเห็นว่าความต่อเนื่องของการขยายตัวทางเศรษฐกิจมีความชัดเจนเพียงพอและภาวะการเงินที่ผ่อนคลายมากอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ส่งผลให้ประชาชนและภาคธุรกิจประเมินความเสี่ยงของภาวะการเงินในอนาคตต่ำกว่าที่ควร จึงเห็นควรให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงิน ซึ่งจะมีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว และเพื่อเริ่มสร้างขีดความสามารถในการด่าเนินนโยบายการเงิน (policy space) ส่าหรับอนาคต


    ภาวะการเงินโดยรวมอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ สภาพคล่องในระบบการเงินอยู่ในระดับสูง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ในระดับต่ำ ท่าให้ภาคเอกชนสามารถระดมทุนได้ต่อเนื่อง โดยสินเชื่อขยายตัวทั้งสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่ออุปโภคบริโภค


    ด้านอัตราแลกเปลี่ยนนับจากการประชุมครั้งก่อน เงินบาทเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงเช่นเดียวกับเงินสกุลภูมิภาคจากความกังวลต่อความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น ในระยะข้างหน้า อัตราแลกเปลี่ยนยังมีแนวโน้มผันผวน


    ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่านโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนปรนต่อไป แต่การดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากในระดับปัจจุบันจะทยอยลดความจำเป็นลง


    ดอกเบี้ยพันธบัตรขึ้น 0.6%


    นับเป็นครั้งที่ 4 ที่กรรมการนโยบายการเงินเสียงแตกมีบางส่วนเห็นควรให้ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย จาก 1 เสียง เป็น 2 เสียงและ 3 เสียงตามลำดับ โดยการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งสุดท้ายของปีนี้ จะมีในวันที่ 19 ธันวาคม 2561 แนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสปรับขึ้นได้ในช่วงปลายปีหรือต้นปี 2562


    ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากว่า 3 ปี นับตั้งแต่เมษายน 2558 และดอกเบี้ยขาขึ้นครั้งสุดท้ายคือช่วง 2553-2554


    แม้คณะกรรมการนโยบายการเงินจะยังไม่มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ธนาคารพาณิชย์ไม่มีการออกโปรโมชั่นดอกเบี้ยพิเศษใด ๆ ส่วนใหญ่ยังเฝ้ารอสถานการณ์ แต่ในตลาดการเงินได้มีสัญญาณที่บ่งชี้ออกมาแล้วว่า จากนี้ไปอัตราดอกเบี้ยจะเริ่มอยู่ในช่วงขาขึ้น


    ตอนนี้อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล ได้ปรับขึ้นมา 0.31-0.61% จากช่วงต้นปี โดยพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ปีงบประมาณ 2561 ครั้งที่ 1 จำหน่ายตั้งแต่ 27 พฤศจิกายน 2560 ออกพันธบัตรอายุ 3 ปี ดอกเบี้ย 1.85% และ 7 ปี ดอกเบี้ย 2.45% ต่อมาออกพันธบัตรปีงบประมาณ 2561 ครั้งที่ 2 จำหน่ายตั้งแต่ 10 พฤษภาคม 2561 อายุ 5 ปี ดอกเบี้ย 2.15% และ 10 ปี ดอกเบี้ย 3%


    พันธบัตรปีงบประมาณ 2562 ที่เปิดจำหน่ายเมื่อ 19 ตุลาคม 2561 อายุ 3 ปี 1 เดือน ดอกเบี้ย 2.46% และอายุ 7 ปี 1 เดือน ดอกเบี้ย 3% วงเงิน 15,000 ล้านบาท ครั้งนั้นจำหน่ายหมดลงอย่างรวดเร็วในวันแรกที่เปิดขาย และได้เปิดขายรอบใหม่เมื่อ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และหมดลงภายในเวลาไม่กี่นาที


    “รอบนี้มีที่เปิดจำหน่ายเพียง 7,000 ล้านบาท บางแห่งจองให้ลูกค้าได้เพียง 1-2 รายเท่านั้น โดยพันธบัตรรุ่นนี้ไม่มีข้อกำหนดเรื่องเพดานซื้อสูงสุด ลูกค้าจะซื้อเท่าไหร่ก็ได้ เช่นเดียวกับรอบแรกที่เปิดจำหน่าย รุ่นนี้คนให้ความสนใจเยอะ เพราะอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าและอายุพันธบัตรก็สั้นกว่ารุ่นก่อน”พนักงานธนาคารรายหนึ่งกล่าว


    ทั้งนี้พันธบัตรทั้ง 3 รุ่น ในรอบ 1 ปี อัตราดอกเบี้ยได้ปรับขึ้นมาตลอด ตามผลตอบแทนของตลาดพันธบัตรที่ซื้อขายกัน เปรียบเทียบชัดที่สุดคือรุ่น 3 ปี เพิ่มขึ้น 0.61% และรุ่น 7 ปี เพิ่มขึ้น 0.55% หรือเทียบกับพันธบัตร 2561 ครั้งที่ 2 กับรุ่นที่เปิดจำหน่ายปัจจุบัน ที่อายุพันธบัตรนานกว่าแต่ให้ผลตอบแทนน้อยกว่าระหว่าง 5 ปีกับ 3 ปี หรือที่อัตราดอกเบี้ย 3% เท่ากันระหว่าง 10 ปีกับ 7 ปี นั่นหมายถึงอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นกว่าเดิม


    ผู้ออมเลือกชอป


    มีความเป็นไปได้สูงที่ในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าอัตราดอกเบี้ยจะเริ่มขยับขึ้นครั้งละ 0.25% โดยอัตราดอกเบี้ยในตลาดน่าจะขยับขึ้นอย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับดอกเบี้ยในตลาดและใกล้เคียงกับดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ หากในปีหน้าสหรัฐปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มอีกอัตราดอกเบี้ยของไทยก็มีสิทธิที่จะขยับขึ้นตาม


    เมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นย่อมส่งผลต่อบุคคล 2 กลุ่มคือฝั่งผู้ออมเงินและฝั่งผู้ที่เป็นหนี้


    สำหรับผู้ที่ต้องการออมเงิน จากนี้ไปธนาคารพาณิชย์อาจจะออกเงินฝากรูปแบบต่าง ๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้นกว่าเดิมออกมา รวมทั้งสถาบันการเงินของรัฐที่ต้องแข่งกับธนาคารพาณิชย์ อย่างธนาคารออมสิน ที่มีสลากออมสินเป็นตัวชูโรง ขณะนี้มีสลาก 3 ปี ผลตอบแทนดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.4%(ไม่นับรวมถูกรางวัล) หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ฯ หากออกสลากรุ่นต่อไปก็ต้องปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเช่นกัน เช่นเดียวกับพันธบัตรรัฐบาลในรุ่นต่อไปที่ต้องปรับอัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้นตามสภาพตลาด


    ดังนั้นผู้ที่ต้องการออมต้องพิจารณาเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ดี อีกทั้งในปีหน้าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก หากทุ่มเงินออมไปทั้งหมด อาจเป็นการเสียโอกาสในครั้งต่อ ๆ ไปที่ได้


    ผู้กู้รับภาระเพิ่ม


    ในด้านสินเชื่อโดยเฉพาะสินเชื่อบ้าน ที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ที่ปล่อยสินเชื่อประเภทนี้ ได้ปรับลดสินเชื่อประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่ลงและเปลี่ยนไปเป็นแบบดอกเบี้ยลอยตัวมากขึ้น สำหรับผู้ขอสินเชื่อใหม่ เพื่อรองรับกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับเพิ่มขึ้น


    ส่วนผู้ที่อยู่ในสถานะผู้ผ่อนชำระบ้าน ที่มีระยะเวลาผ่อนชำระนาน หากท่านกำลังผ่อนในช่วงอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ท่านย่อมต้องเสียดอกเบี้ยให้กับธนาคารมากขึ้น ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วไม่ได้กระทบจำนวนเงินที่ผ่อนชำระต่องวด คือยังชำระเท่าเดิม เพียงแต่เงินที่ชำระนั้นจะชำระเงินต้นได้น้อยลงกว่าเดิม และจ่ายส่วนที่เป็นดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ระยะเวลาในการเป็นหนี้ย่อมนานขึ้น


    ขึ้นดอกเบี้ยมีข้อจำกัด


    ทั้งนี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังคงต้องพิจารณาประเด็นอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หากทางการจีนดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น สวนทางกับการดาเนินนโยบายการเงินของเฟด อาจสร้างความผันผวนของตลาดเงินในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งกดดันให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงได้อีก และจะกระทบต่อการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนที่วันนี้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยลดลง


    รวมไปถึงผลกระทบต่อความผันผวนของตลาดการเงินในประเทศตลาดเกิดใหม่ จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของเฟด ทำให้มีโอกาสที่ประเทศที่มีเสถียรภาพเศรษฐกิจต่างประเทศอ่อนแอ อาจจะเผชิญความผันผวนของค่าเงิน และกดดันให้ค่าเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่อ่อนค่าลงได้ อาจจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในหลายๆ ประเทศปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจจะกระทบกับภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจในท้ายที่สุด


    Source: ผู้จัดการออนไลน์


    https://mgronline.com/specialscoop/detail/9610000114554
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    IMG_5074.JPG
    (Nov 18) รายงาน: เจ้าหนี้หุ้นกู้เอิร์ธวอน กรุงไทย ชดใช้เงิน 8,000 ล้านบาท : หลังกรรมการผู้จัดการ ใหญ่ ธนาคารกรุงไทย "ผยง ศรีวณิช" ออกมาระบุผลการสอบสวนกรณี กรุงไทยอนุมัติปล่อยกู้ให้กับบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด(มหาชน) หรือเอิร์ธ รวม 1.2 หมื่นล้านบาท สรุปว่าพบการกระทำ ความผิดของพนักงานทุกระดับ ทั้งบกพร่อง ผิดระเบียบธนาคาร และได้รายงานให้ที่ประชุมคณะกรรมการของธนาคาร (บอร์ด) รับทราบแล้ว

    เมื่อผลสรุประบุถึงความผิดและความบกพร่องภายใต้การดำเนินงานของบอร์ดกรุงไทยชุดเก่า จึงจุดประกายความหวังให้กับผู้ซื้อหุ้นกู้และตั๋วแลกเงิน(บี/อี)ของเอิร์ธ ภายใต้การเสนอขายของกรุงไทยจนนำไปสู่ความเสียหาย ซึ่งผู้ซื้อหุ้นกู้เคยร้องขอความเป็นธรรมจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่านศูนย์บริการประชาชนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกระบวนการออกและเสนอขายหุ้นกู้ การขายตราสารหนี้มาแล้ว และกรุงไทยเองก็มีหนังสือชี้แจงว่าได้ตรวจสอบกระบวนการออกและเสนอขายหุ้นกู้ ทั้งคัดเลือกตราสารที่นำมาเสนอขาย กระบวนการขายตราสารหนี้ การติดตามสอบทานการปฏิบัติงานต่อธปท.และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีกระบวนการและขั้นตอนในการพิจารณาอนุมัติเข้าทำธุรกรรมตามหลัก check & Balance มีแผนงานและวิธีปฏิบัติรองรับสอดคล้องกับวิชาชีพด้วยความรอบคอบในการปฏิบัติงาน

    "เมื่อพบว่า กระบวนการทำงานของพนักงานกรุงไทยบกพร่องและกระทำผิดระเบียบของธนาคาร และกระบวนการตรวจสอบอยู่ระหว่างขยายผล ทั้งธปท. กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)ประกอบกับก่อนหน้าก.ล.ต.ได้กล่าวโทษอดีตผู้บริหารและกรรมการของเอิร์ธรวม 11 คนต่อดีเอสไอ สาเหตุจากให้ข้อความเท็จเกี่ยวกับหนี้สิน เพื่อลวงไม่ให้ผู้ลงทุนและเจ้าหนี้รู้รายละเอียดแท้จริงของหนี้แล้ว"

    ดังนั้นแหล่งข่าว ซึ่งเป็นตัวแทนเจ้าหนี้หุ้นกู้และตั๋วสัญญาแลกเงิน (บี/อี) ได้ออกมาระบุว่า ในฐานะผู้ได้รับความเสียหายจากการซื้อหุ้นกู้และบี/อีของเอิร์ธ จึงขอให้ธนาคารกรุงไทย ชดใช้หนี้เงินต้นและดอกเบี้ยรวม 7,789.64 ล้านบาทแก่เจ้าหนี้กลุ่มนี้ ซึ่งมี 2,280 รายที่ได้รับความเสียหายจากกรุงไทยและอีก 3 สถาบันการเงินในฐานะผู้จัดการร่วมกันจำหน่ายและเสนอขายหุ้นกู้ด้วยคือบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เคจีไอฯ บล.เคทีซี มิโก้ฯ และบล.โกลเบล็กฯ เพราะกระบวนการธุรกรรมมีความเชื่อมโยงกัน ไม่ว่ารูปแบบการอนุมัติสินเชื่อหรือรูปแบบของการระดมทุน ออกหุ้นกู้ก็ควรอยู่ในความรับผิดชอบของทั้ง 4 สถาบันการเงินด้วย

    สำหรับเจ้าหนี้หุ้นกู้และบี/อีดังกล่าวเป็นผู้ถือหุ้นกู้ของเอิร์ธ ซึ่งออกเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2558 ครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 17 ธันวาคม 2560 และ หุ้นกู้ ซึ่งออกเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2559 จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 7 ตุลาคม 2562

    ทั้งนี้บอร์ดกรุงไทยชุดปัจจุบันได้ตรวจสอบการปล่อยสินเชื่อเอิร์ธ 1.2 หมื่นล้านบาท หลังพบว่าเอิร์ธใช้เงินกู้ผิดวัตถุประสงค์ประกอบกับมูลค่าหุ้นของเอิร์ธซึ่งเป็นหลักประกันมูลค่าลดลง จึงต้องเรียกหลักประกันเพิ่ม โดยตัดวงเงินสินเชื่อเอิร์ธ ส่งผลให้เอิร์ธขาดสภาพคล่องและผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้และตั๋วแลกเงิน(บี/อี)ตั้งแต่เมื่อกลางปี 2559 ซึ่งต่อมาเอิร์ธได้ยื่นขอเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการลูกหนี้ศาลล้มละลายกลาง โดยมีเจ้าหนี้ 2,433 ราย มูลหนี้รวมจากคำขอรับชำระหนี้กว่า 145,005 ล้านบาท และสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯอีก 2 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ

    อย่างไรก็ตาม หลังที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติโหวตแผนดังกล่าวเมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งไม่เห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการลูกหนี้และยกเลิกคำสั่งฟื้นฟูกิจการ ส่งผลให้เอิร์ธต้องออกจากกระบวน การฟื้นฟูกิจการ และเท่ากับว่า เอิร์ธพ้นจากสภาวะพักการชำระหนี้หรือพ้นจากการคุ้มครองธุรกิจของลูกหนี้ โดยเจ้าหนี้สามารถดำเนินคดีได้เองทันที

    Source: ฐานเศรษฐกิจ
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    IMG_5075.JPG
    (Nov 18) สหรัฐงัดไม้ตาย ลุยเอเชียต้านปักกิ่ง : ในขณะที่โครงการ 1 แถบ 1 เส้นทางของจีนที่เข้าไปลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในหลายประเทศ โดยเฉพาะอาเซียน กำลังเริ่มมาถึงจุดสะดุด เพราะรัฐบาลชุดใหม่ของบางประเทศ เช่น มาเลเซียและปากีสถาน ระงับโครงการก่อสร้างทุนจีน จากความกังวลเรื่อง หนี้สิน "สหรัฐ" ได้งัดกลยุทธ์ใหม่ขึ้นมาใช้ เพื่อหวังเร่งต้านทานการแผ่อิทธิพลของจีนในภูมิภาคเอเชีย

    กลยุทธ์ใหม่ดังกล่าวของสหรัฐ คือ การรุกขยายการลงทุนในเอเชีย โดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งวอลสตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ล่าสุดนั้น ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามรับรองกฎหมาย Build Act เมื่อเดือน ต.ค. เพื่อก่อตั้งสำนักงานขึ้นมาใหม่ ภายใต้ชื่อ อินเตอร์เนชั่นแนล ดีเวลลอปเมนต์ ไฟแนนซ์ คอร์ป (ไอดีเอฟซี) ซึ่งทำหน้าที่ปล่อยเงินกู้ การค้ำประกัน และประกันความเสี่ยงทางการเมืองให้กับบริษัทเอกชน โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวเปิดทางให้ภาคเอกชนสหรัฐสามารถเข้าไปลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานในเอเชียได้ง่ายขึ้น

    การลงนามรับรองกฎหมาย Build Act มีขึ้นเพื่อขยายความสามารถทางการเงินเพื่อการพัฒนาของสหรัฐเป็นวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.97 ล้านล้านบาท) ภายใต้ไอดีเอฟซี ซึ่งจะรวมโครงการต่างๆ เข้าด้วยกัน ขยายวงเงินงบประมาณการใช้จ่าย 2 เท่า และมีอำนาจที่จะถือหุ้นในโครงการต่างๆ ซึ่งช่วยให้มีความยืดหยุ่นในการเลือก และนำโครงการลงทุน

    ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เคยกล่าวเมื่อปีที่แล้วว่า กลยุทธ์ของสหรัฐจะเป็นทางเลือกที่ดีในการเลี่ยงโครงการลงทุนของรัฐบาลที่แฝงพันธะผูกมัดตามมาด้วย ซึ่งเป็นการอ้างถึงนโยบายของจีน และเป้าหมายของสหรัฐ คือ การส่งเสริมให้ภาคเอกชนลงทุนในประเทศรายได้ต่ำ

    วอลสตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ในมุมมองของสหรัฐนั้น โครงการ 1 แถบ 1 เส้นทาง เป็นเครื่องมือของรัฐบาลปักกิ่งในการแผ่อิทธิพลทั้งทางเศรษฐกิจและการทหาร ซึ่งเจ้าหน้าที่หลายรายในรัฐบาลสหรัฐมองว่ามีความเสี่ยงที่จีนจะใช้ "กับดักหนี้" เข้าไปควบคุมโครงสร้างพื้นฐานสำคัญๆ ในชาติที่เข้าไปลงทุน ซึ่งจะบั่นทอนอำนาจการบริหารของประเทศที่ติดหนี้จีนอยู่

    อย่างไรก็ดี อาเมเทนดู พาลิท นักวิจัยอาวุโสของสถาบันศึกษาเอเชียใต้ ในสิงคโปร์ เปิดเผยว่า หลายประเทศที่จำเป็นต้องลงทุนกับระบบโครงสร้าง พื้นฐานยังไม่มีทางเลือกอื่นที่ชัดเจนและจับต้องได้เหมือนกับจีน ซึ่งทำให้จีนยังคงเป็นทางเลือกดีที่สุดของหลายประเทศ โดยธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) คาดการณ์ว่า เอเชียจะต้องใช้งบประมาณสำหรับโครงการระบบโครงสร้างพื้นฐานราว 1.7 ล้านล้านดอลลาร์/ปี (ราว 56 ล้านล้านบาท) จนถึงปี 2030

    ขณะที่ เจฟฟ์ สมิธ นักวิจัยในโครงการศึกษาเอเชียของมูลนิธิเฮอริเทจ ฟาวน์เดชั่น คลังสมองรัฐบาลสหรัฐ กล่าวว่า จีนมีรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่หลายแห่ง ซึ่งสามารถรับคำสั่งโดยตรงจากทางการให้เข้าไปลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ แม้ว่าโครงการดังกล่าวเสี่ยงไม่คุ้มค่าการลงทุน และจีนก็พร้อมจะลงทุนโครงการในตลาดที่มีความเสี่ยงสูงที่ชาติอื่นหลีกเลี่ยง แต่ระบบการเมืองและระบบการเงินของสหรัฐไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้สามารถเข้าไปลงทุนแบบจีน

    ทั้งนี้ สหรัฐได้เริ่มเดินหน้าแผนอินโด-แปซิฟิก ด้วยการประกาศแผนลงทุน 113 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,723 ล้านบาท) ในโครงการดิจิทัล พลังงาน และระบบโครงสร้างพื้นฐาน ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เมื่อเดือน ก.ค ที่ผ่านมา ซึ่งไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่า พลเมืองทั่วโลกทราบกันดีว่าการลงทุนกับเอกชนอเมริกันมีความโปร่งใสมากกว่า ทั้งสัญญา และข้อตกลงที่เป็นธรรม และไม่มีภัยอยู่เบื้องหลัง

    นอกจากนี้ สหรัฐยังได้พยายาม ร่วมมือกับชาติพันธมิตร ด้วยการลงนาม ข้อตกลงกับญี่ปุ่นและออสเตรเลีย เพื่อร่วมกันผลักดันการลงทุนในเดือน ก.ค. ซึ่งญี่ปุ่นเคยสนับสนุนงบประมาณสำหรับระบบโครงสร้างพื้นฐานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ ประกาศในปี 2015 ว่า ญี่ปุ่นจะจัดงบ 1.1 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 3.63 ล้านล้านบาท) สนับสนุนระบบโครงสร้างพื้นฐานในเอเชีย ช่วง 5 ปีข้างหน้า

    ส่งเพนซ์ลุยเอเชีย

    ไมค์ เพนซ์ รองประธานธิบดีสหรัฐ ซึ่งรับบทเป็นตัวแทนของทรัมป์ เข้าร่วมงานประชุมอาเซียนซัมมิท ที่สิงคโปร์ และการประชุมเอเปก ที่ปาปัวนิวกินี วันที่ 17-18 พ.ย.นี้ เปิดเผยว่า สหรัฐให้ความสำคัญกับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และวอชิงตันต้องการแสวงหาความร่วมมือ ไม่ใช่การควบคุมในภูมิภาค ขณะที่ย้ำว่า "อำนาจจักรวรรดิและการรุกราน" ไม่มีพื้นที่อยู่ในอินโด-แปซิฟิก

    "เรามุ่งแสวงหาอินโด-แปซิฟิก ซึ่งทุกชาติ ทั้งชาติใหญ่และชาติเล็ก สามารถเจริญก้าวหน้าและประสบความสำเร็จ ได้รับความมั่นใจในอำนาจอธิปไตย เชื่อมั่นในคุณค่า และเติบโตแข็งแกร่งขึ้นไปด้วยกัน" เพนซ์

    นอกจากนี้ เพนซ์ ระบุว่า วอชิงตันได้พยายามส่งเสริมแนวคิดนี้ รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนในโครงการระบบโครงสร้างพื้นฐาน และการพยายามทำการค้าที่เสรี เป็นธรรม และเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย

    อย่างไรก็ดี ซีเอ็นบีซี รายงานว่า การตัดสินใจของทรัมป์ที่ไม่ได้เดินทางมาเข้าร่วมอาเซียนซัมมิท และส่งเพนซ์มาแทน เป็นการบ่งบอกว่าทรัมป์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเอเชีย

    อเล็กซ์ คาร์ปี นักวิชาการอาวุโสของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ กล่าวว่า การมาร่วมประชุมมีความสำคัญมาก เพราะการประชุมจะคำนึงถึงบุคคลที่มาร่วมงาน ข้อเสนอ และวาระต่างๆ แต่ เดน ชามอร์โร หุ้นส่วนของบริษัทที่ปรึกษา คอนโทรล ริสก์ส เปิดเผยว่า เพนซ์ก็สามารถทำผลงานได้ดีเช่นกัน

    ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์

    Source: Posttoday
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,307
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    IMG_5076.JPG IMG_5077.JPG
    (Nov 18) ลุ้นฟรีวีซ่ากระตุ้นศก. : นักเศรษฐศาสตร์ชี้ เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ยืนเหนือ 4% จากอุปสงค์ในประเทศหนุน แม้ชะลอจาก 2 ไตรมาส หวัง "มาตรการฟรีวีซ่า-ธปท.คุมอสังหาฯนอนแบงก์แข่งเช่าซื้อ สินเชื่อโต" กระตุ้นปลายปี ลุ้นส่งออก ท่องเที่ยวพลิกกลับ ต่างจังหวัดรับไม้ต่อ จากเม็ดเงินช่วงเลือกตั้งดันเศรษฐกิจครึ่งหลังโตถึงปีหน้า

    ตลาดเงินตลาดทุนจับตาการรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศไตรมาส 3 ของปี 2561 โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในวันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายนนี้ โดยส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไตรมาส 3 แม้จะชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังยืนเหนือ 4.0% ได้ เพราะมีอุปสงค์ในประเทศหนุน

    นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ไตรมาส 3 ยังเติบโตต่อเนื่องที่ระดับ 4.2% และเมื่อปรับฤดูกาลแล้วขยายตัว 0.6% ซึ่งชะลอตัวจากสองไตรมาสที่ผ่านมา (ไตรมาสแรก 4.9% ไตรมาส 2 4.6%) โดยมีปัจจัยในประเทศสนับสนุนทั้งการจ้างงาน รายได้ที่ทยอยปรับขึ้นส่งผลบวกต่อความเชื่อมั่นการบริโภคภาคเอกชน แม้กระจุกตัวในสินค้าคงทน โดยเฉพาะรถยนต์ประกอบกับกลุ่มนอนแบงก์แข่งขันการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้คนเข้าถึงสินเชื่อด้วยเทอมการชำระและไม่มีเงินดาวน์

    นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทยฯกล่าวว่าจีดีพีไตรมาส 3 ชะลอแตะ 4.2% ด้วยการส่งออก ท่องเที่ยวและปัจจัยชั่วคราวเป็นตัวฉุด โดยคาดว่า ครึ่งปีหลัง จีดีพีจะขยายตัวได้ 4.4% ชะลอลงจากครึ่งแรกที่ 4.8% แต่ไตรมาส 4 จีดีพีจะโตประมาณ 4.5% เพราะภาคส่งออกจะไม่ติดลบเช่นเดือนกันยายนและปัจจัยชั่วคราวหลายตัวจะดีขึ้นจากยอดขายรถยนต์ ซึ่งจะส่งผลต่อปีหน้า ส่วนเรื่องกีดกันการค้าอาจมีผลข้างเคียงบ้าง แต่จะเห็นปีหน้ามากกว่า เพราะเริ่มบังคับใช้หลายตัว

    "ติดตามมาตรการควบคุมสินเชื่ออสังหาฯ ผลจากมาตรการฟรีวีซ่า อาจเห็นผลเชิงบวกท้ายปีและผลจากอัตราดอกเบี้ยปีหน้า ถ้าธปท.ปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม"

    นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงาน Global Business Devalopment And Strategy ธนาคารกรุงไทยระบุว่า เศรษฐกิจไทยเริ่มได้รับผลลบของสัญญาณชะลอตัวจากภายนอกทั้งเศรษฐกิจจีนที่ชะลอหรือสงครามการค้า ทำให้ตัวเลขการผลิตอุตสาหกรรมชะลอลง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยเกี่ยวเนื่องต่อจีดีพีไตรมาส 4 ของไทย ซึ่งอีก 2 เดือนของปีนี้ ทั้งราคาพลังงานที่คลี่คลายลง บวกธปท.ปรับปรุงกฎคุมอสังหาฯและมาตรการฟรีวีซ่า ซึ่งเป็นผลดีระยะสั้น ช่วยเสริมการใช้จ่าย แม้มองว่า ส่งออกเป็นปัจจัยเสี่ยง

    นายสมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยากล่าวว่า แม้จีดีพีไตรมาส 3 โตชะลอลงที่ 4.4% เมื่อปรับฤดูกาลแล้วขยายตัว 0.8% แต่ยังเป็นช่วงขาขึ้นโดยเศรษฐกิจในประเทศสามารถฟื้นขึ้นทดแทน ทั้งลงทุนภาครัฐเอกชนไตรมาส 3 และ 4 แถมมีตัวเร่งจากแนวโน้มสินเชื่อโตมากขึ้น ทั้งเงินลงทุนและเงินหมุนเวียน ซึ่งจะเป็นแรงส่งต่อถึงปีหน้า แต่ค่าเงินยังผันผวนจากการดำเนินนโยบายธนาคารกลางทั่วโลกและนโยบายเศรษฐกิจแต่ละประเทศ สำหรับไทยเป็นจังหวะเหมาะลงทุนในขณะนี้ที่เงินเฟ้อและดอกเบี้ยยังต่ำ จึงเป็นโอกาสขยายการลงทุน โดยติดตามดูอุตสาหกรรมเกิดใหม่ เพื่อศึกษาโมเดลและลงทุนในธุรกิจให้สอดคล้องกับทิศทางตลาด

    นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย มองว่า ไตรมาส 3 น่าจะโต 4.3% แต่เมื่อตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนกันยายน ของธปท.ออกมาแย่กว่าที่คาด ทั้งต่างประเทศคือส่งออกหดตัว ท่องเที่ยวชะลอแรง และในประเทศคือ รายได้ภาคเกษตรยังต่ำ การลงทุนไม่แข็งแกร่งอย่างที่คาด ซึ่งสะท้อนภาพความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยอาจกระทบจากสงครามการค้า และกำลังซื้อระดับฐานรากที่อ่อนแอ จึงมองว่า มีความเสี่ยงที่อาจโตต่ำกว่า 4% ในครึ่งหลังของปี โดยภาคเอกชนจะเร่งลงทุนจากความเชื่อมั่นทางการเมืองเรื่องความชัดเจนการเลือกตั้งต้นปีหน้า และมีการนำเข้าเครื่องจักรมาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

    นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ประจำธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย) จำกัด(มหาชน) หรือ SCBT มองจีดีพีจะชะลอจาก 2 ไตรมาส จากส่งออกและท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยติดตามภาคส่งออกระยะข้างหน้าจะได้รับผลกระทบจากกีดกันการค้าอย่างไร แต่หวังมาตรการวีซ่า จะช่วยดึงนักท่องเที่ยวแม้รัฐจะออกมาตรการกระตุ้นช้า แต่อาจเป็นไฮไลต์ช่วงรอยต่อปีนี้ปีหน้าบวกกับการเข้าสู่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งอาจเห็นการใช้จ่ายตามหัวเมืองและต่างจังหวัดมากขึ้น

    นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมองว่า ไทยยังเกินดุลการค้า การส่งออกสินค้า จำนวนนักท่องเที่ยวมีโอกาสพลิกกลับมาขยายตัวได้ ส่วนปัจจัยภายในสะท้อนจากปริมาณผลผลิตเกษตรค่อยๆขยับขึ้น ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นจากการขาย แม้ราคาสินค้าเกษตรบางตัวปรับลดและอยู่ในระดับต่ำ โดยทั้งปีมองจีดีพีเติบโตได้ 4.4-4.6%

    Source: ฐานเศรษฐกิจ
     

แชร์หน้านี้

Loading...