ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนเล็งเพิ่มการนำเข้า ‘ธัญพืช’ จากชาติพันธมิตรในโครงการ ‘belt and road’ เผยแพร่: 14 พ.ย. 2561 15:44 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    561000011816301.jpg

    รอยเตอร์ - จีนตั้งเป้าเพิ่มปริมาณการนำเข้าธัญพืชจากกลุ่มประเทศที่เข้าร่วมโครงการเส้นทางสายไหมใหม่ในศตวรรษที่ 21 หรือ ‘หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง’ (belt and road) ของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เพื่อขยายฐานซัพพลายเออร์ให้มีความหลากหลาย และลดผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ นักวิจัยอาวุโสของรัฐบาลจีนเผยวันนี้ (14 พ.ย.)

    เย่ ซิงชิง (Ye Xingqing) ผู้อำนวยการแผนกเศรษฐกิจชนบทประจำศูนย์วิจัยการพัฒนาในสังกัดคณะรัฐมนตรีจีน ระบุว่า หลายประเทศที่เข้าร่วมโครงการความริเริ่ม belt and road มีศักยภาพพอที่จะส่งออกผลิตผลจากระบบเกษตรกรรมซึ่งใช้พื้นที่เพาะปลูกมาก (land-intensive agricultural products) เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น

    จีนเริ่มประกาศแนวคิด ‘หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง’ เมื่อปี 2013 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีนกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียกลาง ตะวันออกกลาง ยุโรป และแอฟริกา โดยปักกิ่งให้คำมั่นว่าจะทุ่มเม็ดเงินลงทุนสูงถึง 126,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน

    “มีความเป็นไปได้สูงที่จีนจะรับซื้อผลผลิตจากระบบเกษตรกรรมที่ใช้พื้นที่เพาะปลูกมากในประเทศเหล่านี้” เย่ กล่าวในการประชุมภาคอุตสาหกรรมที่นครกว่างโจว

    การนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ สู่จีนแทบจะหยุดชะงักลง หลังจากที่ปักกิ่งเริ่มใช้มาตรการรีดภาษี 25% จากสินค้าเกษตรชนิดนี้เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ขณะที่ธัญพืชชนิดอื่นๆ เช่น ข้าวโพดและข้าวฟ่างจากอเมริกาก็ได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน

    “หากข้อพิพาทการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ กลายเป็นปัญหาระยะยาว ย่อมจะส่งผลต่อการคัดเลือกแหล่งนำเข้าผลิตภัณฑ์บางอย่าง ประเทศที่มีศักยภาพทางการค้าสูงย่อมมีโอกาสได้ส่วนแบ่งการตลาดในจีนสูงเช่นกัน” เย่ ระบุ

    รัฐบาลจีนงดเก็บภาษีถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง และเรพซีดที่นำเข้าจาก 5 ประเทศในเอเชียตั้งแต่เดือน ก.ค. เพื่อทดแทนถั่วเหลืองนำเข้าจากสหรัฐฯ ซึ่งมีราคาสูงขึ้น นอกจากนี้ยังยกเลิกคำสั่งแบนกากเรพซีดจากอินเดีย เพื่อเพิ่มแหล่งนำเข้าโปรตีนที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอาหารสัตว์

    https://mgronline.com/around/detail/9610000113712
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัฐสภาศรีลังกาลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ ‘มหินทา ราชปักษี’ หลังศาลสูงสุดคว่ำกฤษฎีกายุบสภา เผยแพร่: 14 พ.ย. 2561 14:31 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    561000011812401.jpg

    สมาชิกรัฐสภาศรีลังกาผ่านร่างญัตติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี มหินทา ราชปักษี ระหว่างการประชุมสภาที่กรุงโคลอมโบ วันนี้ (14 พ.ย.)

    เอเจนซีส์ - รัฐสภาศรีลังกาลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี มหินทา ราชปักษี วันนี้ (14 พ.ย.) หลังจากที่ศาลสูงสุดได้สั่งระงับประกาศยุบสภาของประธานาธิบดี ไมตรีพาลา ศิริเสนา บ่งบอกถึงวิกฤตการเมืองที่กำลังทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

    การู ชัยสุริยา ประธานรัฐสภาศรีลังกา ประกาศว่าสมาชิกส่วนใหญ่จากทั้งหมด 225 คนโหวตสนับสนุนญัตติไม่ไว้วางใจ ราชปักษี ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา

    กลุ่มพันธมิตรของ ราชปักษี ประกาศไม่ยอมรับผลการโหวต ซึ่งพวกเขายืนยันว่า “ผิดกฎหมาย”

    ความปั่นป่วนทางการเมืองในศรีลังกาเริ่มก่อตัวขึ้นหลังจากประธานาธิบดี ศิริเสนา สั่งปลดนายกรัฐมนตรี รานิล วิกรมสิงเห และตั้งอดีตประธานาธิบดี ราชปักษี ขึ้นเป็นนายกฯ คนใหม่ ทั้งยังประกาศยุบสภาก่อนกำหนดด้วย

    อย่างไรก็ตาม ศาลสูงสุดได้พิพากษาให้ระงับกฤษฎีกาว่าด้วยการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่เมื่อวันอังคาร (13 พ.ย.) ซึ่งส่งผลให้มีการเปิดประชุมสภาได้อีกครั้งในวันนี้ (14)

    อาร์. สัมบันธัน แกนนำกลุ่มฝ่ายค้านที่ต่อต้านราชปักษี บอกกับรอยเตอร์ว่า “ญัตติไม่ไว้วางใจซึ่งถูกนำเข้าอภิปรายในสภาได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.ส่วนใหญ่ และเวลานี้เราอยู่ระหว่างลงนามเอกสาร”

    ราชปักษี วัย 72 ปี กับบุตรชาย นามาล ซึ่งเป็น ส.ส. ตัดสินใจวอล์กเอาท์ก่อนที่รัฐสภาจะทำการโหวต ขณะที่ ส.ส. ฝ่ายราชปักษีบางคนพยายามจะเข้าไปแย่ง ‘คทา’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนอำนาจอันชอบธรรมในสภาเพื่อขัดขวางการโหวต แต่ก็ไม่สำเร็จ

    อย่างไรก็ตาม มติไม่ไว้วางใจ ราชปักษี ยังไม่ถือเป็นชัยชนะที่เด็ดขาดสำหรับวิกรมสิงเห ซึ่งไม่ยอมย้ายออกจากบ้านพักนายกรัฐมนตรีหลังถูกประธานาธิบดีสั่งปลด และแม้พรรคของเขาจะเป็นพรรคใหญ่ที่สุดในสภา แต่ ศิริเสนา ซึ่งมีกลุ่มของ ราชปักษี หนุนหลังก็ยังมีสิทธิ์ที่จะเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้

    ประธานรัฐสภาศรีลังกาวิจารณ์คำสั่งปลด วิกรมสิงเห และแต่งตั้ง ราชปักษี เป็นนายกฯ ใหม่ว่าไม่ต่างอะไรกับ ‘รัฐประหาร’ ที่ไร้ความรุนแรง

    วิกฤตการเมืองครั้งนี้คาดว่าจะยิ่งซ้ำเติมปัญหาปากท้องของประชากร 21 ล้านคนในศรีลังกา ท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำที่สุดในรอบกว่าทศวรรษ

    ราชปักษี เป็นประธานาธิบดีในช่วงที่กองทัพศรีลังกาได้ชัยชนะจากสงครามกวาดล้างกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลมเมื่อปี 2009 ซึ่งทำให้เขาเป็นเสมือน ‘วีรบุรุษ’ ในสายตาพลเมืองชาวพุทธส่วนใหญ่ ขณะที่นักการทูตตะวันตกชี้ถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในสงครามกลางเมือง ซึ่ง ราชปักษี ไม่เคยยอมรับ

    561000011812402.jpg

    การู ชัยสุริยา ประธานรัฐสภาศรีลังกา

    561000011812403.jpg

    ประธานาธิบดี ไมตรีพาลา ศิริเสนา แห่งศรีลังกา (ซ้าย) และอดีตประธานาธิบดี มหินทา ราชปักษี

    https://mgronline.com/around/detail/9610000113647
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำบุตรชายผู้นำฮิซบอลเลาะห์เป็น ‘ผู้ก่อการร้ายระดับโลก’ เผยแพร่: 14 พ.ย. 2561 12:00 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    561000011801601.jpg

    จาวัด นัสรัลเลาะห์ (Javad Nasrallah) บุตรชายของ ฮัสซัน นัสรัลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน
    เอเอฟพี - สหรัฐฯ ประกาศตราหน้าบุตรชายของผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนเป็น ‘ผู้ก่อการร้าย’ เมื่อวานนี้ (13 พ.ย.) พร้อมตั้งรางวัลนำจับกลุ่มติดอาวุธ 3 คนในเลบานอนที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอิหร่าน

    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศให้ จาวัด นัสรัลเลาะห์ (Javad Nasrallah) บุตรชายของ ฮัสซัน นัสรัลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่มีอิหร่านหนุนหลัง เป็น ‘ผู้ก่อการร้ายระดับโลก’ (global terrorist) ซึ่งจะทำให้เขาถูกอายัดทรัพย์สินทั้งหมดในสหรัฐฯ และไม่สามารถทำธุรกรรมการเงินกับชาวอเมริกันได้

    “พฤติกรรมบ่อนทำลายของฮิซบอลเลาะห์เป็นภัยต่อชาวเลบานอน” นาธาน เซเลส เอกอัครราชทูตผู้แทนพิเศษและผู้ประสานงานต่อต้านการก่อการร้ายของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน

    เซเลส กล่าวหาฮิซบอลเลาะห์ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเดียวในเลบานอนที่ยังไม่ยอมวางอาวุธหลังสิ้นสุดสงครามกลางเมืองในช่วงปี 1975-1990 ว่ากำลังใช้พลเรือนเป็น ‘โล่มนุษย์’ โดยนำขีปนาวุธไปซุกซ่อนไว้ตามศูนย์กลางชุมชนต่างๆ

    “ศักยภาพในการทำลายล้างของฮิซบอลเลาะห์ไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในตะวันออกลางเท่านั้น แต่ยังบ่อนทำลายเลบานอนเองด้วย”

    สหรัฐฯ ยังตั้งเงินรางวัล 5 ล้านดอลลาร์สำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมชาย 3 คน หนึ่งในนั้นคือ ซาเลห์ อัล-อารูรี (Saleh Al-Aruri) ผู้นำเบอร์สองของฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นคนติดต่อประสานงานระหว่างขบวนการอิสลามิสต์ปาเลสไตน์กับอิหร่าน

    อารูรี ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการสังหารวัยรุ่นอิสราเอล 3 คนในเขตเวสต์แบงค์เมื่อปี 2014 โดยหนึ่งในผู้ตายคือ นัฟตาลี แฟรนเคล เป็นพลเมืองสองสัญชาติ (สหรัฐฯ-อิสราเอล)

    อีก 2 คนที่ถูกตั้งรางวัลนำจับคือ คอลีล ยูซิฟ ฮาร์บ (khalil Yousif Harb) และ ไฮตัม ทาบาทาบาอี (Haytham Tabatabai)ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการทางทหารของฮิซบอลเลาะห์ในตะวันออกกลาง

    ฮิซบอลเลาะห์เป็นองค์กรและพรรคการเมืองของชาวมุสลิมชีอะห์ในเลบานอน ก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลปฏิวัติอิหร่านเมื่อปี 1982 โดยมีเป้าหมายเพื่อขับไล่กองทัพอิสราเอลที่ยึดครองภาคใต้ของเลบานอน

    เชื่อกันว่าฮิซบอลเลาะห์ได้ส่งนักรบหลายพันคนเข้าไปยังซีเรียเพื่อช่วยค้ำจุนรัฐบาลของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ซึ่งเป็นพันธมิตรกับเตหะราน

    ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก็ได้ประกาศคว่ำบาตรชายอีก 4 คนซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อกิจกรรมของฮิซบอลเลาะห์ในอิรัก ได้แก่ ชิบล์ มุฮ์ซิน อุบัยด์ อัล-ไซดี (Shibl Muhsin Ubayd Al-Zaidi), ยูซุฟ ฮาชิม (Yusuf Hashim), อัดนาน ฮุสเซน เกาทารานี (Adnan Hussein Kawtharani) และ มูฮัมหมัด อับดุลฮาดี ฟาร์ฮัต (Muhammad Abd-al-Hadi Farhat)

    สำหรับ อัล-ไซดี นั้นเชื่อกันว่าเป็นผู้ประสานงานหลักระหว่างฮิซบอลเลาะห์กับกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่านและฝ่ายสนับสนุนในอิรัก ส่วนที่เหลืออีก 3 คนทำหน้าที่หาข่าวกรอง

    ซาเลส ระบุว่า รัฐบาลอิหร่านจ่ายเงินอุดหนุนฮิซบอลเลาะห์สูงถึงปีละ 700 ล้านดอลลาร์

    “น่าเสียดายที่ประชาชนชาวอิหร่านต้องถูกบังคับให้จ่ายเงินเหล่านี้” เขากล่าว

    https://mgronline.com/around/detail/9610000113576
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คนไทยในญี่ปุ่น


    "ประวัติศาตร์อย่าซํ้ารอย..รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศห้ามพกของมีคมขึ้นรถไฟเด็ดขาด !! "


    - เนื่องจากมีเหตุการณ์อยู่หลายครั้งจากกรณีที่มีคนพกมีดและไปแทงผู้โดยสารคนอื่นๆเสียชีวิตอย่างไม่มีเหตุผล !!? โดยบางคนให้เหตุผลว่า..แค่อยากระบายความเครียดเท่านั้น ห่ะ!!


    - รัฐบาลญี่ปุ่นเลยขอความร่วมมือประชาชนหรือนักท่องเที่ยวห้ามนำอุปกรณ์ของมีคมขึ้นมาบนรถไฟโดยรวมถึง กรรไกรด้วย


    - กฏหมายนี้จะเริ่มใช้ปีหน้าในวันที่ 1 เมษายน 2562 เป็นต้นไป แต่ถ้าสำหรับใครที่มีเหตุจำเป็นต้องนำมีดหรือของมีคมอื่นๆขึ้นมาบนรถไฟจำเป็นต้องห่อด้วยพลาสติกและกระดาษแข็งและใส่ไว้ในกระเป๋าอย่างดีด้วย...


    #ของมีคม #กฏหมาย #ญี่ปุ่น #ขอความร่่วมมือ


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กังวลน้ำมันล้นตลาดฉุดราคาดิ่ง7% #กรุงเทพธุรกิจ


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจนจิรา จันทรเสนา


    "คิม จอง-อึน"

    ได้รับการเลื่อนขั้นเป็น "Dear Great Leader! "


    " คิมจอง un " ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็น " ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ "

    อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญบนทางขึ้นอย่างรวดเร็วของเขา


    https://www.dailynk.com/english/efforts-ramp-up-to-promote-kim-jong-un-personality-cult/

    @The_Daily_NK


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เดอะสตาร์/รอยเตอร์ – นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย “มหาเดร์ มูฮัมหมัด” กล่าวว่า ผู้นำตัวจริงพม่า “อองซาน ซูจี” พยายามที่จะ “ปกป้องในสิ่งที่แก้ตัวไม่ได้” เกี่ยวกับการทารุณของกองทัพประเทศพม่าที่มีต่อชนส่วนน้อยมุสลิมโรฮิงญา


    ในการประชุมที่สิงคโปร์เมื่อวันอังคารที่ 13 พ.ย. เมื่อถูกถามว่า พม่ากับซูจีได้รับมืออย่างไรกับประเด็นปัญหาโรฮิงญา ดร. มหาเดร์กล่าวว่า “ดูเหมือนว่านางอองซาน ซูจี กำลังพยายามปกป้องในสิ่งที่แก้ตัวไม่ได้”


    “พวกเขากดขี่ข่มเหงคนเหล่านี้จนไปถึงจุดที่สังหารพวกเขา สังหารหมู่”


    รายงานขององค์การสหประชาชาติในเดือนสิงหาคมระบุถึงการปราบปรามทางทหารโดยมีเจตนาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เริ่มขึ้นเมื่อปีพ. ศ. 2560 และขับไล่ชาวมุสลิมโรฮิงญานับแสนคนออกจากรัฐยะไข่ไปยังประเทศบังคลาเทศที่อยู่ใกล้เคียง


    พม่าได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาส่วนใหญ่ในรายงานนี้


    นางซูจีเคยกล่าวว่า รัฐบาลพลเรือนของตนไม่ควรต้องรับผิดชอบต่อวิกฤติทั้งหมดนี้ เพราะทหารยังคงมีบทบาททางการเมืองอย่างสูงภายใต้รัฐธรรมนูญของพม่า


    กลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องต่อการทารุณกรรมในรัฐยะไข่ของพม่าจะต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ ตามแถลงการณ์ที่เตรียมไว้สำหรับการประชุมสุดยอดระดับภูมิภาค ซึ่งสะท้อนถึงแนวความคิดที่เข้มแข็งขึ้นภายในกลุ่ม


    The Public Post


    “ดร. มหาเดร์” ตำหนิ “ซูจี” กรณีวิกฤตโรฮิงญา

    https://www.publicpostonline.net/19150


     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub


    6. เจ้านาย มันจบแล้วครับ


    ในวันที่ 23ตุลาคมที่ผ่านมา ทรัมป์ส่งเฒ่าหนวดเฟิ้มJohn Bolton ผู้อำนวยการสภาความมั่นคงของสหรัฐไปเยือนมอสโคว เพื่อที่จะแจ้งให้ปูตินทราบอย่างเป็นทางการว่า ทรัมป์ต้องการที่จะยกเลิกข้อตกลงอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง (Intermediate-Range Nuclear Forces)


    ทรัมป์จอมล้มโต๊ะอ้างว่า รัสเซียละเมิดข้อตกลงนี้ ด้วยการพัฒนาและติดตั้งขีปนาวุธแบบใหม่ ด้วยเหตุนี้เขาจำต้องการยกเลิกสนธิสัญญานี้เพื่อว่าสหรัฐจะได้พัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์พิสัยใกล้และกลางโดยไม่มีข้อผูกมัด สายเหยี่ยวของสหรัฐอ้างอีกว่า มีความจำเป็นที่สหรัฐต้องเร่ีงพัฒนาขีปนาวุธพิสัยกลางเพื่อสกัดจีนในแปซิฟิคด้วย เพราะว่าจีนเดินหน้าพัฒนาระบบขีปนาวุธของตัวเองอย่างเต็มที่โดยไม่มีข้อผูกมัดอะไร


    การยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์พิสัยกลางของทรัมป์ทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงต่อโลกว่า ประเทศมหาอำนาจจะกลับมาแข่งขันการผลิตอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้ง ข้อตกลงอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลางนี้มีการเซ็นกันในปี1987 ระหว่างประธานาธิบดีโรนัลด์เรแกน และประธานาธิบดีมิไค โกบาชอฟของรัสเซีย โดยหัวใจของข้อตกลงนี้คือให้ทั้ง2ฝ่ายทำลายขีปนาวุธ รวมทั้งฐานยิงที่มีพิสัยยิงระยะใกล้500ถึง 1,000กิโลเมตร และพิสัยยิงระยะกลาง 1,000 ถึง 5,500กิโลเมตร


    เมื่อถึงเดือนพฤษภาคมปี 1991 ปรากฎว่า สหรัฐและรัสเซียมีการทำลาย 2,692 ขีปนาวุธทั้งหมดรวมกัน ตามมาด้วยการตรวจสอบที่ไซท์เป็นระยะเวลา10ปีเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดละเมิดข้อตกลง


    เฒ่าหนวดเฟิ้มเป็นตัวแทนของสายเหยี่ยวประเภทขวาตกขอบบ้าสงคราม เขาเคยทำงานให้ประธานาธิบดีเรแกน และประธานาธิบดีบุชผู้พ่อ และเคยเป็นทูตสหรัฐประจำยูเอ็นมาก่อน เขามีส่วนร่วมในการวางแผนหรือแสดงทรรศนะให้การสนับสนุนการทำสงครามต่างๆในตะวันออกกลาง รวมทั้งสงครามอิรัก ซีเรียและลิเบีย เขาต้องการให้สหรัฐดำเนินนโยบายในการการเปลี่ยนแปลงการปกครองในอิหร่านและเกาหลีเหนือ ให้ยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน และให้ยกเลิกสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลางกับรัสเซีย


    ถ้าหากทรัมป์ยกเลิกข้อตกลงอาวุธพิสัยกลางกับรัสเซีย เท่ากับว่าทรัมป์เตรียมติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลางในยุโรปโดยเล็งไปที่รัสเซียที่เป็นเป้าใหญ่ ส่วนรัสเซียต้องตอบโต้ด้วยการติดตั้งขีปนาวุธเล็งเข้ายุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่ยอมให้สหรัฐเอาขีปนาวุธนิวเคลียร์ไปติดตั้งเพื่อคุกคามรัสเซีย


    ขีปนาวุธพิสัยกลางติดตั้งที่อเมริกาไม่ได้ เพราะว่าอยู่ห่างจากมอสโควมาก ต้องใช้ขีปนาวุธพิสัยไกล ซึ่งไม่ได้อยู่ในข้อตกลง


    ทรัมป์ขู่ประเทศสมาชิกนาโต้ไปอย่างนั้นเอง ว่าให้จ่ายเงินสบทบให้นาโต้ให้ครบ ไม่ใช้ให้สหรัฐเป็นผู้ควักกระเป๋าเป็นส่วนใหญ่ มิเช่นนั้นทรัมป์อาจจะไม่สนับสนุนนาโต้อีกต่อไป แต่ยุโรปรู้ทั้งรู้ว่าสหรัฐต้องการใช้ยุโรปเป็นฐานเพื่อที่จะปิดล้อมรัสเซีย


    ประเด็นคือ ประเทศใดที่จะยอมให้สหรัฐติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลางเพื่อที่จะเล็งไปที่รัสเซีย


    ปูตินขู่กลับว่า ประเทศใดในยุโรปที่ยอมให้สหรัฐติดตั้งขีปนาวุธเพื่อคุกคามรัสเซีย จะโดนรัสเซียตอบโต้อย่างรุนแรง หนักหน่วง


    ในแวดวงโซเซี่ยลมีเดียของเยอรมันมีการพูดถึงเรื่องนี้อย่างแพร่หลายว่า เยอรมันจะยอมให้ทรัมป์เอาขีปนาวุธมาติดตั้งที่สนามหญ้าของเยอรมันหรือไม่ ถ้าโดนรัสเซียตอบโต้ เยอรมันจะรับเคราะห์ แต่สหรัฐอยู่ไกลอีกทวีปหนึ่งจะไม่เดือดร้อนอะไร


    อย่างไรก็ตาม การที่ทรัมป์ต้องการยกเลิกสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลางเท่ากับแสดงความอ่อนแอของสหรัฐในเรื่องแสนยานุภาพทางอาวุธที่ตอนนี้เทียบรัสเซียไม่ได้ ภายใต้ปูติน รัสเซียซุ่มพัฒนาอาวุธเพราะรู้ดีว่าสักวันหนึ่งจะต้องถูกสหรัฐย้อนกลับมาไล่บี้ ตอนนี้ทรัมป์กำลังไล่บี้รัสเซีย โดยรู้หรือไม่รู้ว่า หมีขาวเวลานี้ติดนุ้กในเขี้ยวเล็บทั่วตัว


    นโยบายของสหรัฐที่จะเดินหน้าเพื่อเผชิญหน้ากับรัสเซียยิ่งทำให้ยุโรปต้องคิดหนักว่าจะยอมเป็นเบี้ยล่างสหรัฐต่อไปหรือไม่ในด้านการทหารและความมั่นคง เพราะว่ามีความเสี่ยงที่สหรัฐจะใช้ยุโรปเป็นสมรภูมิรับหน้าแทนตัวเอง การออกมาของทั้งมาครง และเมิอร์เกิ้ลเพื่อเสนอให้ยุโรปมีการสร้างกองทัพของตัวเอง เพื่อปลดแอกการพึ่งพาสหรัฐจึงไม่ใช่เป็นเรื่องบังเอิญ แต่เป็นเรื่องที่มีการไตร่ตรองกันมาเป็นอย่างดี เพื่อที่จะไม่ให้ยุโรปโง่ซ้ำ3ในการเป็นสมรภูมิหลักของสงครามโลกอีกต่อไป


    thanong

    14/11/2018


     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    The MATTER

    IMG_4865.JPG
    BRIEF: ‘รสชาติของอาหาร’ ไม่มีลิขสิทธิ์คุ้มครอง ผลการตัดสินของศาลสูงสุดยุโรป เพื่อชี้ขาดคดีพิพาทของ 2 ผู้ขายครีมชีส

    .

    เวลาพูดถึง ‘ลิขสิทธิ์’ (copyright) เราก็มักจะนึกถึงพวกหนังสือ หนัง เพลง เกม หรือผลงานที่ผ่านการคิดสร้างสรรค์อะไรทำนองนั้น เราคงไม่นึกถึงว่า สักวันหนึ่งจะมีใครบางคนไปยื่นฟ้องศาลโดยกล่าวหาอีกฝ่ายว่าละเมิดลิขสิทธิ์ ‘รสชาติของอาหาร’ กันใช่ไหม – แต่คดีเช่นนี้เกิดขึ้นแล้วในยุโรป เป็นคดีดังที่คนสนใจ และล่าสุด มีผลการตัดสินออกมาแล้วด้วย!

    .

    ผู้ผลิตครีมชีสยี่ห้อ Heksenkaas ได้ยื่นฟ้องผู้ผลิตครีมชีสยี่ห้อ Witte Wievenkaas ว่าละเมิดลิขสิทธิ์พวกตน ผ่านการ ‘ก็อปปี้รสชาติ’

    .

    คดีนี้สู้กันอยู่หลายปี ทั้งในศาลท้องถิ่นของเนเธอร์แลนด์ และขึ้นไปสู่ศาลยุติธรรมแห่งยุโรป ท่ามกลางการจับตาของผู้ผลิตชีสทั่วยุโรป รวมถึงนักกฎหมายต่างๆ ที่เฝ้ามองว่า ศาลสูงสุดของยุโรปจะให้นิยามของคำว่า ‘ลิขสิทธิ์’ ว่าอย่างไร?

    .

    ซึ่งผลปรากฏว่า ศาลยุติธรรมแห่งยุโรปชี้ว่า ‘รสชาติของอาหาร’ ไม่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของกฎหมายลิขสิทธิ์ ด้วยเหตุผลที่ว่า “รสชาติของอาหารไม่มีตัวชี้วัดที่สามารถบ่งบอกได้อย่างแม่นยำและเป็นวัตถุวิสัย” เพราะรสชาติต่างๆ นั้นผันแปรไปตามอายุ ความชื่นชอบ และพฤติกรรมการกินของแต่ละคน หรือเป็นอัตวิสัยมากๆ

    .

    แต่ใช่ว่าคดีครีมชีสนี้จะเป็นเกี่ยวกับอาหารคดีแรกของศาลยุติธรรมแห่งยุโรป ก่อนหน้านี้ ก็เคยตัดสินคดีก็อปเครื่องหมายการค้าแท่งช็อคโกแลต 4 ท่อนแบบ Kit Kat (ผู้ฟ้องแพ้), คดีที่ห้ามอ้างว่าน้ำเต้าหู้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากนมวัว (ผู้ฟ้องชนะ) และคดีที่คัดค้านการเรียกไอศกรีมเชอร์เบทผสมแชมเปญโดยใช้คำว่าแชมเปญ (ผู้ฟ้องแพ้)

    .

    .

    อ้างอิงจาก


    https://www.bbc.com/news/world-europe-46193818


    https://www.washingtonpost.com/worl...ff263609a31_story.html?utm_term=.69faca015c80


    #Brief #TheMATTER


     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เก้ากระบี่เดียวดาย


    ดาบมังกรหยก เส้นแบ่งอันเลือนรางของธรรมะกับอธรรม


    “เทิดทูนเหนือหล้า ดาบฆ่ามังกร

    ประกาศิตทุกชีวิต มิกล้าฝ่าฝืน

    อิงฟ้าไม่มา ใครหาญกล้าต่อกร”

    สำนวนแปล ของ ท่านอาจารย์ ว ณ เมืองลุง


    ดาบมังกรหยก เป็นหนังสือชุดที่สามที่มีความต่อเนื่อง จากมังกรหยก และ มังกรหยกภาคสอง ชื่อ “อี้เทียนตู้เล้งกี่” แปลความหมายว่า “บันทึกอิงฟ้าพิฆาตมังกร” เมื่ออึ้งย่งมองเห็นว่า ทัพมองโกลมีความกล้าแข็งขึ้น นานวันเข้าตนและสามีมิอาจต้านทาน สุดท้ายคงต้องเสียเมืองเซียงเอี้ยง แต่คาดคิดว่าในอนาคตมองโกลอาจจะปกครองชาวจีนได้ไม่นาน ท้ายที่สุดคงต้องมีบุคคลหรือกองกำลังใดกอบกู้ประเทศได้ ตนและสามีมียอดวิชากิมเก้าเก็ง สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรกับพิชัยสงครามงักฮุย ไหนจะยินยอมให้ดับสูญไปพร้อมตนและสามี จึงเรียกช่างตีดาบฝีมือดีนำ กระบี่เหล็กดำของเอี้ยก่วย ที่กำนัลให้ก๊วยเซียง ผสมกับยอดทองคำตะวันตก หลอมสร้างเป็นดาบพิฆาตมังกร และกระบี่อิงฟ้า โดยได้ซุกซ่อน คัมภีร์กิมเก้าเก็ง และ สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรในกระบี่อิงฟ้า พิชัยสงครามงักฮุยในดาบพิฆาตมังกร


    ในมังกรหยกภาคสอง มีบทบาทของเตียกุนป้อ ที่ท่านกิมย้งแต่งขึ้นมา ให้เป็นศิษย์ของ กักเอี้ยงไต้ซือ อยู่ในหอเก็บคัมภีร์ของเส้าหลิน ช่วงท้ายของดาบมังกรหยก ศิษย์อาจารย์คู่นี้ได้พบกับ เหล่ายอดฝีมือ มารบูรพา ผยองประจิม จอมยุทธอุดร หลวงจีนทักษิณ และกลางเฒ่าทารก ขณะติดตาม เก้าเอี้ยงจินเก็ง ที่เซียวเซียงจือ กับ อีเคอซีแอบขโมยมา


    จวบจนเวลาผ่านเลยไป ในตอนต้นของดาบมังกรหยกเล่าถึง ก๊วยเซียงออกท่องเที่ยวตามหาข่าวคราวเอี้ยก่วย เซียวเหล่งนึ่งถึงวัดเส้าหลิน จนประสบเหตุ สามศักดิ์สิทธิ์คุณลุ้น “ฮ่อจกเต๋า” ขึ้นวัดเส้าหลิน จนกระทั่งเกิดความเข้าใจผิด ทั้งกักเอี้ยงไต้ซือ ก๊วยเซียง และเตียกุนป้อ ถูกหลวงจีนวัดเส้าหลินตามล่า จนกักเอี้ยงไต้ซือมรณภาพ ก่อนท่านจะมรณภาพ ยังท่องเคล็ดในคัมภีร์เก้าเอี้ยงจินเก็ง จนภายหลัง ก๊วยเซียงก่อตั้งสำนักง่อไบ๊ และเตียกุนป้อ เปลี่ยนชื่อตนเอง เป็น เตียซำฮง ขึ้นเป็นปรมาจารย์ก่อตั้งสำนักบู๊ตึง


    หลังกักเอี้ยงไต้ซือมรณภาพ ก๊วยเซียงเห็นเตียกุนป้อยังเยาว์วัย เกรงว่าเส้าหลินจะหาความ จึงให้เตียกุนป้อ ไปหา ก๊วยเจ๋ง และ อึ้งย้ง บิดามารดาของตน ที่เมืองเซียงเอี้ยง คาดว่าเส้าหลินคงมิกล้ารังควาน เตียกุนป้อใช้เวลาครึ่งเดือน เดินถึงเชิงภูเขาสูงใหญ่ลูกนึง เมื่อไถ่ถามทราบนามว่า บู๊ตึงซัว ขณะที่พักผ่อนที่เชิงเขา สามีภรรยาชาวชนบทเดินผ่านมา เตียกุนป้อได้ยินว่า


    “ ท่านเป็นลูกผู้ชายชาตรี มิรู้จักก่อร่างสร้างตัว เอาแต่พึ่งพาผู้อื่น พวกเรามิใช่มีมือมีเท้า สามารถทำการทำงานเลี้ยงชีพเอง แม้รับประทานแต่ผักกาด หัวไช้เท้า ข้าวเปล่าไร้รสชาติ ก็สำราญบานใจ ท่านพานมิมีความเข้มแข็งเสียทีที่ถือกำเนิดเกิดมา คำพังเพยว่าไว้ นอกจากความตายไม่มีเรื่องใหญ่”

    คำพูดนี้คล้ายกระบองฟาดแสกหน้า เตียกุนป้อจึงได้คิด

    “ สามีภรรยาชนบทคู่นี้ยังมีความคิดบากบั่นสร้างตัว เหตุใดเราเตียกุนป้อจึงต้องฝากตนอาศัยชายคาผู้อื่น”


    คิดได้ก็ขึ้นสู้บู๊ตึงซัว หาถ้ำศิลาพักอาศัย ฝึกปรือจากเคล็ดวิชาคัมภีร์เก้าเอี้ยงจินเก็ง ที่กักเอี้ยงไต้ซือถ่ายทอดให้ ดื่มน้ำแร่บนภูเขา ปลิดผลไม้ป่ารับประทาน จวบจนวันนึงท่านเงยหน้ามองเมฆละล่อง ก้มลงเห็นสายธารหลั่งไหลมิขาดตอน ครุ่นคิดถึงวิถีแห่งความว่างเปล่าของเต๋า ร่ายรำกระบวนท่า อ่อนสยบแข็ง สร้างสมดุลให้กับสภาวะหยินหยาง ก่อเกิดเป็นสภาวะบ้อเก็ก หมุนเวียนผันเปลี่ยนสู่สภาวะไท้เก็ก จากมีเป็นไม่มี วงกลมหมุนวนมิขาดตอน ลมปราณหมุนเวียน วนกลับสู่ต้นกำเนิด จากมีสภาวะสู่ไร้สภาวะ เข้าสู่สภาวะไร้ที่สิ้นสุด เมื่อมีจึงทำลายได้ เมื่อไม่มีทุกสรรพสิ่งเวียนผ่านไร้ร่องรอย ไร้สำนึก ไร้ตัวตน ย่อมมิมีสิ่งทำลายสภาวะเช่นนี้ได้


    เมื่อสำเร็จยอดวิชาที่คิดค้นเอง เตียกุนป้อ ได้ท่องเที่ยวขึ้นเหนือ แลเห็นขุนเขาสามลูกเรียงราย โดดเด่นกลางทะเลเมฆหมอก ทำให้ได้คิดถึงเคล็ดวิชาฝีมือเพิ่มเติม จึงขนานนามตนเองว่า “ซำฮง”( สามยอดเขา) เตียซำฮง สังเกตการต่อสู้ของ งูกับกระเรียน บัญญัติวิชาเพลงกระบี่ไท้เก็ก และ หมัดไท้เก็กขึ้น


    ภายหลังสำนักบู๊ตึ๊งมีความยิ่งใหญ่เทียบเคียงวัดเส้าหลิน ถือเป็นเสาหลักของยุทธภพ เหมือนคำเปรียบเปรยที่ว่า " เหนือเทิดทูนเส้าหลิน ใต้ยกย่องบู๊ตึ๊ง "


    เนื่องด้วยท่านกิมย้งนั้นเป็นยอดปราชญ์ตะวันออก อย่างที่มิเคยมีมาก่อนตั้งแต่สมัยโบราณกาลจวบจนอนาคตกาล ตัวละครแต่ละตัวของท่านนั้นสะท้อนภาพประวัติศาสตร์ ยุคสมัย อีกทั้งการปฎิบัติตน จารีต ประเพณี ตัวละครที่โดดเด่น เฉกเช่น ก๊วยเจ๋ง เอี้ยก่วย เตี่ยบ่อกี้


    ก๊วยเจ๋งนั้นจะเป็นตัวแทน จริยธรรมแบบขงจื้อ ขงจื๊อวางรากฐานไว้ ได้แก่ วัฒนธรรม ความประพฤติ ความจงรักภักดี ส่วน เอี้ยก่วยจะเป็นผู้คล้อยวิถีตามธรรมชาติแบบเต๋า เต๋า คือ “ธรรมชาติ หรือธรรมชาติผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่” ด้วยความที่เต๋านั้นเป็นศาสนาที่เนื่องด้วยธรรมชาติ ศาสนาเต๋านี้เริ่มต้นในฐานะเป็นปรัชญา คือไม่มีพิธีกรรม ไม่มีข้อปฏิบัติอะไรมากไปกว่าข้อคิดและคำสอน ดังนั้น การที่เอี้ยก่วย มิยอมรับจารีต ประเพณี นั่นล้วนสะท้อนหลักแห่งธรรมชาติ เน้นไปในส่วนของความอารมณ์ความรู้สึก จิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ตามธรรมชาติ สัจธรรมที่ไร้การปรุงแต่ง มากกว่า ธรรมเนียมข้อปฏิบัติทางสังคม


    แต่เตี่ยบ่อกี้ จะเป็นภาพลักษณ์ของพุทธศาสนา ด้านความกล้าหาญ เสียสละ และให้อภัย เตี่ยบ่อกี้เคยพูดถึงเรื่องที่ 6 สำนักที่ใหญ่ร่วมกันกดดันบีบบังคับ ให้เตี่ยชุ่ยซัว และ ฮึงซูซู่ บิดามารดาให้บ่งบอกที่ซ่อนของเจี่ยซุ่นจนเสียชีวิต กับเตี่ยเมี่ยงว่า


    “บิดามารดาข้าพเจ้าถูกผู้คนบีบบังคับให้กระทำอัตวินิบาตกรรม ผู้คนที่บีบบังคับ ล้วนมีคนของเส้าหลิน คงท้ง ฮั้วซัว ภายหลังข้าพเจ้าเติบใหญ่ เข้าใจอะไรมากขึ้น แต่กลับไม่เข้าใจกว่าเดิมว่าผู้ใดกันทำให้บิดามารดาข้าพเจ้าเสียชีวิต และต่อให้ผู้คนเหล่านั้นเป็นฆาตกรจริงๆ ฆ่าพวกเขาหมดสิ้น ข้าพเจ้าจะได้ประโยชน์อันใด จะอย่างไรบิดามารดาข้าพเจ้าก็มิอาจคืนชีพได้ เตี่ยโกวเนี้ย หลายวันมานี้ข้าพเจ้าครุ่นคิด ถ้าทุกผู้คนมิมีความคิดแค้นต่อกัน จะประเสริฐเลิศสักเพียงไหน ท่านฆ่าคนผู้หนึ่งเพิ่มความเคียดแค้นในใจกันอีกส่วนหนึ่ง ตนเองก็เพิ่มบาปกรรมไปอีกส่วนหนึ่ง ท่านฆ่าเราเราฆ่าท่านจะมีประโยชน์ใด อย่างเช่นงี่แป๋ (บิดาบุญธรรมเจี่ยซุ่น) เข่นฆ่าผู้คนมากมายเพียงนี้ ถึงแม้ท่านไม่เอ่ยวาจา ในใจคงสำนึกเสียใจยิ่ง ในชีวิตข้าพเจ้าบุคคลที่ข้าพเจ้าเคียดแค้นที่สุด คือมืออัสนีบาตจักรวาลเซ้งคุณ แต่ตอนนี้เขาตายแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกเวทนาอยู่บ้าง คล้ายมุ่งหวังอย่าให้เขาเสียชีวิต”


    คุณธรรมของเตี่ยบ่อกี้ เปรียบเหมือนตัวแทนความดีงามอันบริสุทธิ์ แม้จะมิได้มีความเป็นผู้นำอันเด่นล้ำ แต่กลับรวบรวมจิตใจของคนรอบข้างด้วยคุณธรรม ความเมตตา ซึ่งสะท้อนภาพลักษณ์ทางพุทธศาสนา


    ภาพสะท้อนของเตี่ยบ่อกี้นั้นส่งผลกระทบยิ่งใหญ่ในหลายส่วน จนแทบมิต้องพยายามใดๆ แต่มันจากลักษณะนิสัยใจคอของเตี่ยบ่อกี้เอง

    บุคคลกลุ่มแรก คือห้ากองธงของนิกายเม้งก่า เมื่อเตี่ยบ่อกี้ติดตามแม่ชีมิกจ้อ และเหล่าศิษย์สำนักง่อไบ๊ ไปประสบเหตุกองกำลังห้ากองธงจะถูกทำลายล้าง เตี่ยบ่อกี้ก็ทะยานตนเข้ารับฝ่ามือแม่ชีมิกจ้อเพื่อหวังให้เลิกราโดยสันติ ปลดปล่อย ห้ากองธงไป มันต้านรับเพียงสองฝ่ามือนั้นก็เพียงพอให้ตนเองเกือบปางตายแล้ว แต่ยังฝืนลุกขึ้นมารับอีกหนึ่งฝ่ามือ ท้ายที่สุดหัวใจทรนงของเหล่าผู้กล้านิกายเม้งก่าก็ยินยอมศิโรราบในคุณธรรมความเสียสละของบุรุษหนุ่มผู้นี้


    เซียวเจียว เอียเท้าน้อยนี้เพียงหญิงรับใช้ของเอี้ยปุกฮุ่ย แต่ยามประสบเหตุ พบกับดักภายในถ้ำศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเม้งก่า เตียบ่อกี้กลับนำร่างกายบดบังอันตรายจากระเบิดต่อเด็กสาวนางนี้ นางจึงซาบซึ้งใจยิ่ง ภายหลังเซียวเจียวจึงช่วยนำพาชี้แนะจวบจนสำเร็จวิชาเคลื่อนย้ายจักวาล


    หกสำนักใหญ่ยกกำลังมาเพื่อล้มล้างนิกายเม้งก่า เมื่อเตียบ่อกี้เสนอตัวยุติข้อบาดหมาง ก็เผื่อแผ่ความเมตตา รักษาหน้า รักษาเกียรติของ หกสำนักใหญ่ แม้กระทั่งคงแซ่ไต้ซือผู้อาวุโสของวัดเส้าหลินยังนับถือ ยอมรับในคุณธรรม ยอมยุติการรุกรานนิกายเม้งก่า


    นิกายเม้งก่า ก่อนนั้นเป็นนิกายที่กระทำการเพื่อชาติบ้านเมือง แต่หลังจากการหายตัวไปของ เอี้ยงก่าจู้ภายในก็เกิดความวุ่นวาย อินทรีคิ้วขาวออกไปตั้งนิกายใหม่ ราชสีห์ขนทองเห็นความวุ่นวายแก่งแย่งชิงดีจึงปลีกตัวออกมา มังกรเสื้อม่วงก็หายตัวไปอย่างลึกลับ หลงเหลือเพียงฑูตซ้ายเอี้ยเซียวปกครอง ภายหลังหกสำนักใหญ่บุกขึ้นมาราวีจนแทบหมดสิ้นหนทาง กลับมีบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งต้านทานหกสำนักเพียงลำพัง เพื่อปกป้องชีวิตชาวนิกายที่หลงเหลือ แม้โดนกระบี่ทิ่มแทงจนปางตายยังเสนอหน้าลุกขึ้นต้านทานเภทภัย มาตรพลังฝีมือเลิศล้ำยิ่ง แต่ที่ซาบซึ้งในหัวใจทุกผู้คนยิ่งกว่าคือคุณธรรมน้ำใจเช่นนี้ผู้ใดก็มิเคยพบพาน


    บุคคลผู้นี้ซ้ำยังเสนอหน้าให้เลิกราความแค้นเคืองต่อหกสำนักมาตราฐาน ละเลิกการทะเลาะเบาะแว้งในนิกาย และให้ร่วมมือกันกระทำการเพื่อกู้ชาติบ้านเมือง ทำให้นิกายเม้งก่ามีหน้ามีตาเป็นวีรุบุรุษของชาวฮั่น มิถูกหยามประนามว่าเป็นพรรคอสูรอีกต่อไป

    แม้แต่ เตี๋ยเมี่ยง นางเป็นองค์หญิงมองโกล ประมือกับเตียบ่อกี้ และเหล่าผู้กล้าหลายครั้งคราว จะมากน้อยด้วยสติปัญญา ความสามารถของบริวาร ล้วนมิ เพลี่ยงพล้ำ ยังเหนือกว่าเล็กน้อยเสมอ ภายหลังยิ่งใกล้ชิดกับเตี่ยบ่อกี้ รับรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดการให้อภัย อยากให้สังคมสงบสุข มิมีการเข่นฆ่าล้างแค้นของเตี่ยก่าจู้ผู้นี้ ภายหลังแปรเปลี่ยนเป็นความรักมั่นคง

    แม้กระทั่งจูหยวนจาง ที่เคยถูกตักเตือน ว่าอย่าเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์เพื่อกระทำการใหญ่ ก็จดจำขึ้นใจภายหลังด้วยคุณธรรมเช่นนี้ ทุกกองกำลังก็ยอมรับให้เป็นผู้นำสถาปนาตนเป็น ปฐมฮ่องเต้ราชวงศ์เหม็ง


    ในดาบมังกรหยก นับเป็นจุดเริ่ม ความลางเลือนระหว่าง ธรรมะ อธรรม ชนชาติ โดยให้ตัวเอก เตียบ่อกี้ เป็นลูกชายของ เตียฉุ่ยซัว ศิษย์ลำดับที่ห้าของ เตียซำฮง เจ้าสำนักบู๊ตึง ส่วนมารดา ฮึงซู่ซู่ เป็นบุตรี พญาอินทรีคิ้วขาว ผู้พิทักษ์กฎนิกายเม้งก่า ที่ชาวยุทธตราหน้าว่าเป็นฝ่ายอธรรม ส่วนตัวละครหลักฝ่ายหญิง เตี่ยเมี่ยง เป็นธิดาของจ้าวลื่ออ๋องแม่ทัพแห่งมองโกล


    ท่านกิมย้งเขียน เรื่อง ดาบมังกรหยก นับได้ว่าเป็น ปฐมบท ก้าวไปสู่ กระบี่เย้ยยุทธจักร ในกาลต่อมา นิกายเม้งก่า ที่ยุทธภพตราหน้าว่าเป็นฝ่ายอธรรม กลับเป็นกองกำลังหลักในการกู้ชาติ ซ้ำยังตีแผ่จอมยุทธที่ถือว่าตนเป็นฝ่ายธรรมะ แต่กระทำการณ์ชั่วช้าสามานย์ มิกจ้อซือไถ่ เจ้าสำนักง่อไบ๊ที่บีบบังคับให้ จิวจี้เยียก ใช้ความงามยั่วยวน เตียบ่อกี้ เพื่อหยิบฉวย คัมภีร์ในกระบี่อิงฟ้า ดาบพิฆาตมังกร


    เตียฉุ่ยซัว ตกแต่ง ฮึงซูซู่ เป็นภรรยา ผู้คนทั้งแผ่นดินเหยียดหยามดูแคลน พอขึ้นเข้าบู๊ตึง เตียซำฮงพานพบความกังวลใน ศิษย์ที่ห้า จึงกล่าวตักเตือน


    “ นั่นจะเป็นไรไป ขอเพียงนางไม่ได้ประพฤติเลวร้ายก็ใช้ได้แล้ว หรือถ้านางเคยประพฤติไม่ดี เมื่อขึ้นเขาบู๊ตึงหรือไม่สามรถเกลี้ยกล่อมกลับกลาย ชุ่ยซัว คนเรามิอาจมีจิตใจคับแคบเกินไป อย่าได้อวดตนว่าเป็นศิษย์สำนักมาตราฐาน คำว่า ธรรมะ อธรรม ยากแยกแยะ หากศิษย์ฝ่ายธรรมะประพฤติไม่เที่ยงตรง เราจะถือฝ่ายธรรมะได้หรือ ชนชาวฝ่ายอธรรมมุ่งทำความดี ช่วยเหลือผู้อื่น นั่นก็นับเป็นวิญญูชนที่เที่ยงธรรม”


    ธรรมะ อธรรม ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์ มิใช่สังกัด ภายหลังเส้นแบ่ง ธรรมะ อธรรม บรรทัดฐานแห่งวีรบุรุษที่แท้ มาชัดเจนที่สุด ในกระบี่เย้ยยุทธจักร ผลงานลำดับที่สิบสามของท่านกิมย้ง


     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เก้ากระบี่เดียวดาย


    อวงเอียตอ ดาบนกเป็ดน้ำ อารมณ์ขันของกิมย้ง


    “ดาบอวงเอียตอหนึ่งยาวหนึ่งสั้น ในดาบซุกซ่อนความลับยิ่งใหญ่ ผู้ใดได้ครอบครองทั้งต่ำใต้จะไร้ผู้ต่อต้าน”


    ดาบนกเป็ดน้ำ(ดาบสันนิวาส) Blade-dance of the Two Lovers บทประพันธ์ลำดับที่ 8 ที่ท่านกิมย้งเขียนเป็นนิยายขนาดสั้น (novella) ตีพิมพ์ครั้งแรก ในปี 2504 ในหนังสือพิมพ์ หมิงเป้า เรื่องนี้มีพิมพ์แถมใน มังกรทลายฟ้า ฉบับ สยามสปอร์ตพริ้นติ้ง พิมพ์ปี 2532 จำนวน 4 เล่มจบ อยู่ที่ตอนท้ายของเล่ม 4 และพิมพ์ครั้งที่ 2 นำมาพิมพ์รวมกับ กระบี่นางพญา เทพธิดาม้าขาว โดย สำนักพิมพ์ดอกหญ้า เมือ ปี 2537


    นกเป็ดน้ำแมนดาริน หรือเป็ดหยวนหยาง(鸳鸯) เป็นนกที่จับคู่เพียงตัวเดียวตลอดชีวิต ดังนั้นจึงเป็นสัญลักษณ์ของความรักแท้ จนปรากฏเป็นนิทานพื้นบ้านเรื่องต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และยังเป็นสัตว์แห่งความเป็นสิริมงคลตามความเชื่อของชาวจีน


    เรื่องราวของดาบนกเป็ดน้ำเกิดขึ้น ในสมัยราชวงศ์ชิง สำนักคุ้มกันภัยสัจจะบารมี ดาบนกเป็ดน้ำสองด้ามที่เป็นคู่กัน มีค่าล้ำ ไปยัง นครต้องห้าม เพื่อส่งให้ถึงมือฮ่องเต้ ระหว่างการเดินทางมีกลุ่มโจรเข้ามาแย่งชิง เนื่องจากมีข่าวล่ำลือว่า ดาบคู่นี้มีความลับวิชาไร้เทียมทานซ่อนอยู่


    ดาบนกเป็ดน้ำ เป็นเรื่องสั้นที่อุนสุยอันชมชอบเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยนอกจากเป็นงานเขียนเชิงยั่วล้อแล้ว ท่านกิมย้งยังเขียนเปิดเรื่องด้วย ตัวเอก 4 ผู้กล้าไท้งัก เหล่าสี่หมีหมาในยุทธจักร ที่ฝีมืออ่อนด้อยแต่ริอ่านเป็นโจร ก่อนนำเข้าสู่เรื่องราวความลับของ ดาบนกเป็ดน้ำ เนื่องด้วยในยุคสมัยนั้น ผู้เขียนนวนิยายกำลังภายใน ล้วนนิยมการเขียนรูปแบบให้หักมุมตอนท้าย ท่านกิมย้งจึงรู้สึกสนุกไปด้วย จึงเขียนดาบนกเป็ดน้ำเขียนมา และใช้รูปแบบการหักมุมในเนื้อเรื่องสั้นของท่าน ไป สามสี่ครั้ง ความลับซ่อนความลับ ตัวละครที่มีความเป็นมาลึกลับ ดาบวิเศษซ่อนความลับอันยิ่งใหญ่ เรื่องราวซับซ้อนซ่อนเงื่อน ตอนท้ายจบด้วยที่ตัวละคร สี่ผู้กล้าไท้งักออกมาให้ผู้อ่านชวนหัวอีกรอบ


    ดาบนกเป็ดน้ำเป็นนิยายท่านกิมย้งที่สั้นมาก ฉบับสำนักพิมพ์ดอกหญ้ามีความยาวเพียง 91 หน้า แต่คงไว้ซึ่งเนื้อหาที่ครอบคลุม ทั้งอารมณ์ขัน ความน่าติดตามของเนื้อเรื่อง การหักมุมไปมา แต่ท้ายที่สุดยังครบเนื้อหาเรื่องราวของการเสียสละและคุณธรรมที่มีในทุกผลงานของท่านกิมย้ง แม้จะไม่ได้ถูกพูดถึงมากนัก แต่ก็เป็นนวนิยายมาตราฐานของท่านกิมย้ง ที่ยังคงสูงส่งเหนือกาลเวลาตลอดมา


    ปัจจุบัน ดาบนกเป็ดน้ำ(ดาบสันนิวาส) นับว่าเป็นหนังสือหาอ่านยากเล่มหนึ่งของนวนิยายกำลังภายใน หายาหพอๆกับกระบี่นางพญาของท่านกิมย้ง


    สำหรับผู้ใดยังหาหนังสืออ่านไม่ได้ ยังมีการสร้างเป็นภาพยนตร์ ฉบับของชอว์บราเดอร์ส ที่ข้าพเจ้าเห็นอยู่ใน youtube แต่เป็นภาคภาษาจีน ซับไตเติ้ลอังกฤษ


     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เก้ากระบี่เดียวดาย


    เทพธิดาม้าขาว จากแผ่นฟิลม์สู่วรรณกรรม


    เหง่ยคัง นักเขียนบทภาพยนตร์ สหายสนิทของกิมย้ง ผู้เคยเขียนนิยายแทนกิมย้งในบางช่วงตอน

    เหง่ยคังมีชื่อเสียงด้านภาพยนตร์จากการเขียนบทภาพยนตร์ให้ชอว์บราเดอร์สหลายเรื่อง แต่สำหรับแฟนนิยายกิมย้ง เหง่ยคังเป็นที่กล่าวถึงมากจากการจัดอันดับ 14 นิยายกิมย้ง โดยจัดอันดับตามความชอบของเหง่ยคังเอง ดังนี้

    1. อุ้ยเสี่ยวป้อ 2. แปดเทพอสูรมังกรฟ้า 3. กระบี่เย้ยยุทธจักร 4. เอิ้ยก่วยเจ้าอินทรี (มังกรหยก2)

    5. จิ้งจอกภูเขาหิมะ 6. ดาบมังกรหยก 7. ก๊วยเจ๋งยอดวีรบุรุษ (มังกรหยก) 8. จอมใจจอมยุทธ์

    9. กระบี่ใจพิสุทธิ์ 10. มังกรทลายฟ้า 11. จิ้งจอกอหังการ 12. เพ็กฮ้วยเกี่ยม

    13. ดาบนกเป็ดน้ำ (อวงเอียตอ) 14. เทพธิดาม้าขาว

    *กระบี่นางพญาไม่ได้รับการจัดอันดับร่วมด้วย อาจเพราะเป็นเรื่องสั้นที่สั้นมากๆ


    ช่วงปี ค.ศ. 1957(พศ. 2500) ท่านกิมย้งได้ลาออกจากงานหนังสือพิมพ์ซินหวั่นเป้า (新晚报) มาเป็นผู้กำกับด้านฉาก และผู้เขียนบท ที่ เกรทวอลล์ มูวีฟ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ และบริษัทโฟนิกซ์ ฟิลม์ ระหว่างนี้ ก็ยังเขียนนิยายกำลังภายในเป็นตอนๆ


    เทพธิดาม้าขาว ท่านกิมย้งเขียนไว้เป็นบทภาพยนตร์ เทพธิดาม้าขาว白馬嘯西風 Swordswoman Riding West on White Horse แปลจากชื่อภาษาจีน แปลว่า ม้าร้องก้องตะวันตก เรื่องนี้มีแปลไทยครั้งแรกโดย ท่าน จำลอง พิศนาคะ ชื่อ นางพญาม้าขาว พิมพ์โดย เพลินจิตต์ ในปี 2510 ออกมาเป็นเล่มบางๆ ได้ตั้ง 5 เล่ม และพิมพ์ครั้งสอง ปี 2545 มี 1 เล่มจบ น. นพรัตน์ นำมาแปลและให้ชื่อ เทพธิดาม้าขาว และตีพิมพ์ ในปี พ.ศ. 2533 และพิมพ์ครั้งที่สองรวมกับนินายขนาดสั้นอีกสองเรื่อง ให้ชื่อเล่มว่ากระบี่นางพญา ในปี พ.ศ. 2537 ปัจจุบันมีจำหน่ายโดย สำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ้คส์ ปี พ.ศ. 2545 แปลโดยท่านจำลอง พิศนาคะ เนื่องจากดัดแปลงจากบทภาพยนตร์จึงมีแก้ไขก่อนพิมพ์เป็นหนังสือค่อนข้างมาก นับว่าเป็นเรื่องที่ท่านกิมย้งแก้ไขมากที่สุด


    โดยสารัตถะในเรื่องนี้ ท่านกิมย้งได้แต่งเป็นกลอนคู่อธิบายไว้ว่า

    “ยามเฒ่าเข้าใจล้ำดังคลำกระบี่ ทรัพย์เกียรตินี้รบกวนชวนยิ้มหยัน”


    เทพธิดาม้าขาว นับเป็นนวนิยายขนาดสั้น (novella) ของท่านกิมย้ง เขียนถึง ความเกลียดชัง ระหว่าง ชาวคาซัค และ ชาวฮั่น ตีพิมพ์ครั้งแรก ในปี 2504 (1961) ในหนังสือพิมพ์ หมิงเป้า ของ ฮ่องกง นับเป็นเรื่องแรกที่ ท่านกิมย้ง เขียนให้ สตรีเป็น ตัวเอก


    นางกระดิ่งฟ้า นกที่เสียงไพเราะปานกระดิ่งเงินจากฟากฟ้า ตำนานมีว่า นี่้เป็นการแปลงร่างจากหญิงสาวที่สวยงามที่สุด หลังจากที่นางหามีชีวิตไม่ เพราะคนที่นางรักไม่รักตอบจึงตรอมใจตาย ” เทพธิดาม้าขาว ” สตรีสะคราญโฉมผู้หลงใหลเสียง นางกระดิ่งฟ้า ผู้อยู่ในวังวนความรู้สึกละไมแห่งรักดุจเดียวกับนางในตำนานนางนั้น


    หลี่ซันพาชั่งกวนหงผู้เป็นภรรยาและหลี่เหวินชิ่วบุตรสาวควบขี่ม้าฝ่าไปในทะเลทรายและสายลมตะวันตก หลบลี้การตามล่าของคนกลุ่มหนึ่ง ชีวิตของหลี่ซันและครอบครัวแท้ที่จริงมิได้มีคุณค่าแก่การติดตามอันใด แต่ลายแทงซึ่งพวกเขาพกพาไปนั้นมีค่ามหาศาล อย่างน้อยมีหลายชีวิตต้องปลิดปลงลงเพราะลายแทงผืนนี้ ชีวิตของพวกเขาก็เช่นกัน


    แผนที่วังเขาวงกตแห่งเกาชาง พวกเขาเชื่อว่ามันเป็นสถานซุกซ่อนมหาสมบัติที่สาบสูญ


    ม้าขาวห้อตะบึงพาหลี่เหวินชิ่วในวัยเด็กหนีรอดไปได้เพียงผู้เดียว ไปไกลถึงดินแดนของเผ่าคาซัค ที่นั่นชายชราแซ่จี้ชุบเลี้ยงนางจนเติบใหญ่ (สำเนียงฉบับแปลของอาจารย์ น. นพรัตน์และคุณจำลองออกเสียง แซ่โก่ย/โก้ย) ที่นั่นหลี่เหวินชิ่วได้รู้จักกับซูผู่เด็กหนุ่มชาวคาซัค นางหลงรักเขา แต่บิดาของซูผู่เกลียดชังชาวฮั่นที่สุด


    ดังนั้นนางได้แต่กัดฟันแบกรับความเจ็บปวดถอนตัวจากมา และหญิงสาวผู้เข้ามาแทนที่ก็คืออาม่าน โฉมงามผู้ได้รับขนานนามว่า “ดอกไม้มีชีวิต” นับจากวันนั้นอาม่านคือสตรีผู้เดียวที่อยู่ในใจของซูผู่ ทว่าซูผู่ยังคงเป็นชายผู้เดียวในดวงใจของหลี่เหวินชิ่ว


    หลายปีผ่านพ้น หลี่เหวินชิ่วประสบพบเจอเหตุการณ์ประหลาดมากหลาย นางพบพานหวาฮุย (หว่าเอ่อร์ลาฉี) ช่วยชีวิตเขา กราบเขาเป็นอาจารย์ ร่ำเรียนวิชายุทธ ในที่สุดได้ปะทะกับศัตรูที่สังหารบิดามารดา แม้เวลาเกือบสิบปีผันผ่าน คนเหล่านั้นยังคงตามล่าหาแผนที่วังเขาวงกตไม่หยุดหย่อน ไม่ละเว้นชีวิตของหลี่เหวินชิ่ว


    แต่ยามนี้หลี่เหวินชิ่วกลายเป็นจอมยุทธหญิง คนเหล่านั้นยากจะทำอะไรนางได้ เมื่อความลับเรื่องลายแทงถูกเปิดเผยออกมา คนทุกคนก็เริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาต่างมุ่งสู่วังเขาวงกตเพื่อตามหาทรัพย์สมบัติล้ำค่า ไม่นึกไม่ฝันว่าสุดท้ายบางคนพบเจอความตาย บางคนพบเจอเพียงความว่างเปล่า


    เพียงรับฟังข่าวลือเรื่องทรัพย์สมบัติ พวกเขาก็ละทิ้งสิ่งดีๆ รอบตัวไปแสวงหาสิ่งอื่นที่เลื่อนลอยในดินแดนที่แสนระกำลำบาก จนสุดท้ายไม่อาจนำชีวิตย้อนคืนมา


    หลี่เหวินชิ่วเล่า... นางมิได้แยแสทรัพย์สินเงินทอง ในใจนางสิบปีมานี้แยแสสนใจเพียงซูผู่เท่านั้น ... น่าเสียดาย นี่มิใช่ความฝันที่เลื่อนลอยเช่นกันหรอกหรือ?


    วีรสตรีผู้ควบขี่อาชาขาวในสายลมตะวันตก ในอดีตนางควบขี่มันจากไป ทว่าวันนี้ แต่ละฝีก้าวของอาชาขาวค่อยนำพานางหวนคืนแผ่นดินจงหยวน อาชาขาวชราไปมากแล้ว มันเหยาะย่างอย่างเชื่องช้า แต่สุดท้ายสามารถหาหนทางกลับถึงจงหยวน แดนเจียงหนานมีต้นหลิว มีดอกท้อสะพรั่ง มีนกนางแอ่น และมีปลาทอง... ในหมู่ชาวฮั่นก็มีวีรบุรุษ มีผู้เยาว์ผู้งามสง่าและกล้าหาญ มีชายหนุ่มรูปงามและอ่อนโยน กระนั้นสตรีนางนี้กลับดื้อรั้นไม่ต่างจากชาวเกาชางโบราณ

    "ทุกสรรพสิ่งล้วนดีเลิศ ทว่าข้าพเจ้าล้วนไม่ชมชอบ"


    เทพธิดาม้าขาว ยังรูปแบบของภาพยนตร์ ที่เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อน แม้จะซ่อนด้วยปริศนาช่วงท้ายมีการหักมุมเปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับตัวละคร ชายชราแซ่โก้ยที่ชุบเลี้ยงหลี่เหวินชิ่ว


    ตัวละครสตรีในนวนิยายท่านกิมย้ง ล้วนมีความเป็น "เฟมินิสม์" (feminism) สูง นางเลือกที่จะรัก อย่างอึ้งย้ง แม้บิดาจะให้แต่งกับอาวเอี้ยงโคก(หลานอาวเอี้ยงฮง) เมื่อนางไม่ยินยอม นางก็ไม่ยอมรับพันธะหมั้นหมาย ลี้หมกโช้ว นางเลือกจะแค้น เมื่อนางไม่สมรัก นางจึงเคียดแค้นชายคนรักและสตรีของมัน นางกล้ารักนางกล้าแค้น และกล้าทำลายล้าง เที้ยเล้งซู่นางกล้าที่จะรักและยินยอมสละชีวิตเพื่อชายคนรัก


    หลี่เหวินชิ่ว ก็เช่นกัน นางไม่อยากให้เด็กหนุ่มที่นางหลงรัก ตั้งแต่เยาววัยต้องเจ็บปวดเพราะนาง นางจึงยินยอมเสียสละ ท้ายที่สุดแม้ความรักจะกัดกร่อนหัวใจ และต้องอ้างว้างตามลำพัง นางก็มิได้สนใจ นางไม่ได้ต้องการได้บุรุษไว้เป็นที่พึ่งพิงทางกาย เพียงเพราะในหัวใจนางมีเด็กชายที่รัก ห่วงใย และปกป้องนาง ยามลมพัดพริ้ว บนหลังม้าขาวนั่งด้วยสตรีงดงามราวสุรางคณามาจุติ นางยังคงสวยงามกระไรจะปานนั้น เดียวดายกระไรจะปานนั้น แต่ยังคงเข็มแข็งกระไรจะปานนั้น นั่นเพราะนี่คือชีวิตที่นางเลือกเฟ้นเอง


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เก้ากระบี่เดียวดาย


    จิ้งจอกอหังการ วีรบุรุษที่แท้ จิตวิญญาณของวิญญูชน


    ในคำตามของ จิ้งจอกอหังการ ท่านกิมย้งเขียนถึงตัวละครในนวนิยายของท่าน ที่ท่านชมชอบ 5 ตัวได้แก่ เฉียวฟง (แปดเทพอสูรมังกรฟ้า) โอ้วฮุย (จิ้งจอกภูเขาหิมะและจิ้งจอกอหังการ) เอี้ยก่วย (ลูกมังกรหยก) เหล็งฮู้ชง (กระบี่เย้ยยุทธจักร) และ ก๊วยเจ๋ง (มังกรหยก)


    ข้าพเจ้า(เก้ากระบี่เดียวดาย) เคยฟังสัมภาษณ์ท่านกิมย้ง ท่านเล่าว่ามีเพื่อนสนิทชื่อ เหลียงอวี่เซิง(เนี่ยอู้เซ็ง) ทำงานอยู่สำนักพิมพ์เดียวกัน เหลียงอวี่เซิง เริ่มเขียนหนังสือกำลังภายในก่อน และเขียนจนประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง จึงชักชวน ท่านกิมย้งรับช่วงเขียนต่อ จอมใจจอมยุทธ เป็นผลงานชิ้นแรกที่ท่านกิมย้งรังสรรค์ในบรรณพิภพ ตัวละคร ตั้งแกลก ท่านกิมย้งมองย้อนว่า ตั้งแกลกเป็นปัญญาชนจีน ยังคงมีจุดอ่อนและไม่ค่อยสัจนิยมเท่าไหร่ จนมาถึงการเขียน กระบี่เย้ยยุทธจักร เป็น นิยายเรื่องเดียวที่ท่านไม่ได้ อ้างอิงถึงประวัติศาสตร์ในยุคใด เพราะ ท่านกิมย้งต้องการให้ สะท้อนความเป็นจริง ในการแย่งชิงอำนาจทุกยุคทุกสมัยย่อมคล้ายคลึงกัน ตัวละคร เหล่งฮู้ชงก็มีความแตกต่างจากตัวละครอื่นที่เคยเขียนมา สิ่งที่สะท้อนในตัวเหล่งฮู้ชงนั้น ท่านกล่าวว่า คนผู้หนึ่งถ้าไม่การ ลาภยศชื่อเสียงใด เขาก็ถือว่าเป็นอิสระ แต่ถ้ายังอยู่ในวังวนการแก่งแย่งช่วงชิงอำนาจ ก็ไม่สามรถเป็นอิสระได้ ตัวละครตัวนี้คล้ายเป็นจุดเริ่มต้นการทบทวนภาพลักษณ์วีรบุรุษในตัวละครเอกของนวนิยายของท่านเอง ท่านย้อนคิดถึงเรื่องราวในสมัยก่อน ขุนนาง ปัญญาชนหลายต่อหลายคน อย่าถอนตัวเร้นกายล้วนไม่ง่ายดาย คนผู้หนึ่งไม่หลงใหลในอำนาจล้วนยากเย็นยิ่ง


    ในบทสัมภาษณ์ ผู้สัมภาษณ์ ถามประเด็นหนึ่งว่า ตัวละครของท่านั้น นับตั้งแต่ ตั้งแกลก ก๊วยเจ๋ง เอี้ยก่วย เหล็งฮู้ชง จวบจนถึง อุ้ยเสี่ยวป้อที่ไม่มีเค้าของวีรบุรุษหลงเหลืออยู่เลย ตัวละครของท่านกิมย้งดูเหมือนจากสมบูรณ์สู่แง่ลบเรื่อยๆเพราะตอนที่เขียนนั้นท่านรู้สึกลบกระนั้นหรือ


    ท่านกิมย้งบอกว่า นั่นเพราะข้าพเจ้าเข้าใจมนุษย์มากขึ้น อายุมากขึ้น การมองโลกก็เปลี่ยนไป ภาพลักษณ์วีรบุรุษที่เคยมองในวัยหนุ่ม ก็ดูคลุมเครือ ในวัยนั้นคือว่าวีรบุรุษ คือ คนดีที่แท้จริง แต่พอเวลาผ่าน เบื้องหลังวีรบุรุษนั้นยังมีความชั่วช้าอยู่ในตัวที่ให้ผู้อื่นรับรู้ วีรบุรุษในงานเขียนยุคแรกนั้นแบ่งขาวและดำออกอย่างชัดเจน ไม่มีความซับซ้อน ซึ่งความจริงมนุษย์คือสิ่งซับซ้อน


    ผู้สัมภาษณ์ถามถึงว่า มีนักวิชาการหลายท่านบอกว่า คนจีนสร้างจอมยุทธขึ้นมา เพื่อความเพลิดเพลิน เหมือนหลอกตนเอง เช่นวิทยายุทธที่ล้ำลึก เช่นนั้นไม่มีจริง คนจีนรู้สึกมีปมด้อย เลยต้องการวีรบุรุษเหนือจริง ให้รู้สึกดี

    ท่านกิมย้งก็ตอบอย่างแยบคายยิ่ง คนเหล่านั้นไม่เข้าใจนิยายกำลังภายอย่างแท้จริง พลังฝีมือ เคล็ดวิชาล้วนเป็นเปลือกนอกของนิยายกำลังภายใน จิตวิญญาณของกำลังภายในอยู่ที่ “เฮี๊ยบ” ไม่ได้อยู่ที่คำว่า “บู๊”


    “เฮี๊ยบ” คือคุณธรรมการช่วยเหลือผู้อื่น เสียสละตนเอง ตราบใดที่มนุษย์ยังสัมพันธ์กัน จิตวิญญาณแห่ง “เฮี๊ยบ” ก็จะดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ เคล็ดวิชาต่างๆ เพียงต้องการนำสื่ออกมาให้เข้าใจง่ายเท่านั้น ถ้าเน้นไปที่ “บู๊” มากเกินไปแสดงว่าคุณ ไม่เข้าถึง “นิยายกำลังภายใน” เลยแม้แต่นิดเดียว


    ในจิ้งจอกภูเขาหิมะ หลักๆเป็นเรื่องราวการประลองระหว่างวีรบุรุษเลี่ยวตัง โอ้วเจ่กตอ กับพุทธหน้าทอง เมี้ยวนั้งหงส์ จวบจนโอ้วเจ่กตอถูกลอบประทุษจนเสียชีวิต แต่ก็ยังมี เพ้งอาสี่(น้องร่วมสาบาน) นำพาโอ้วฮุยไปเลี้ยงดู ด้วยความบังเอิญทั้งคู่ได้อาศัยที่ป้อมตระกูลเซียง ก่อนการประลองระหว่างวีรบุรุษเลี่ยวตัง โอ้วเจ่กตอ กับพุทธหน้าทอง เมี้ยวนั้งหงส์ นั้นเมี้ยวนั้งหงส์ได้บอกความแค้นที่เซียงเกี่ยมเม้งฆ่าน้องชายสองคนน้องสาวและน้องสะใภ้แต่เนื่องด้วยยังไม่ได้ประลองกับโอ้วเจ่กตอจึงยังไม่ไปชำระแค้นรายนี้ หลังจากการประลองค่ำคืนนั้นเอง โอ้วเจ่กตอห้อม้าสามร้อยลี้ใช้เพลงกระบี่ตระกูลเมี้ยวตัดศีรษะเซียงเกี่ยมเม้งแล้วห้อม้ากลับไปประลองกับพุทธหน้าทองต่อ

    ดั่งโชคชะตากำหนด โอ้วฮุยบุตรชายโอ้วเจ่กตอ มาพักอาศัยที่ป้อมตระกูลเซียง ซึ่งเซียงเกี่ยมเม้งที่เสียชีวิตเป็นเจ้าของป้อม โอ้วฮุยในวัย 12 ได้หาญสู้กับเซียงเล่าไถ่ที่ต้องการแก้แค้นทายาทตระกูลโอ้วล้างแค้นแทนสามี แต่วิชาตระกูลโอ้วสูงส่งเพียงใดเพียงวัยสิบสอง โอ้วฮุยก็สามารถเอาชนะเพลงดาบแปดทิศของเซียงเล่าไถ่ได้ แต่ในวันนั้นมีผู้อาวุโสของสำนักแปดทิศอยู่ร่วมด้วยอีกสองคน คือ เฮ้งเกี่ยมเอ็งกับ เฮ้งเกี่ยมเกี๊ยก เมื่อเห็นท่าว่าน้องสะใภ้ตนจะต้องพ่ายแพ้แก่เด็กหนุ่มผู้หนึ่ง จึงสอดแทรกตนมาต่อสู้กับโอ้วฮุยแทน ถึงแม้นจะสำเร็จวิชาของตระกูลโอ้ว แต่โอ้วฮุยเป็นเพียงเด็กอายุเยาว์ทั้งไม่มีประสบการณ์ต่อสู้ไหนเลยจะสู้ชนะยอดฝีมือระดับปรมาจารย์สำนักแปดทิศ เมื่อเห็นรางว่าจะพ่ายแพ้ โอ้วฮุยเลยออกอุบายว่าจะมีกำลังเสริมมาช่วยตน และเป็นเรื่องบังเอิญยิ่ง หัวหน้าสามพรรคดอกไม้แดง ยูไลพันกร เตี่ยปั้วซัว (เรื่องราวปรากฏในตำนานอักษรกระบี่) เดินทางมาถึงป้อมตระกูลเซียงเพื่อขำระเรื่องราวของสำนักไท้เก็กพอดี

    เตี่ยปั้วซัวเห็นการต่อสู้ระหว่าง เด็กน้อยโอ้วฮุยกับเฮ้งเกี่ยมเอ็ง โอ้วฮุยมีฝีมือพิสดารอย่างไม่เคยพบพานมาก่อน เฮ้งเกี่ยมเอ็งกลับถือดีในการฝึกปรือ มันนับเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักแปดทิศในปัจจุบัน แต่กลับลงมือกับเด็กน้อยด้วยอำมหิต ขาดบุคลิกภาพของยอดฝีมืออย่างยิ่ง มันจึงยื่นมือช่วยเหลือ โอ้วฮุย

    ตั้งอู้ เป็นยอดฝีมือสำนักไท้เก็กฝ่ายเหนือ ที่ไปเข้าอยู่กับทางแมนจู มันอยากศึกษาเคล็ดวงจรรวม เคล็ดตรงและย้อนกลับ แต่สำนักไท้เก็กไม่ถ่ายทอดวิชาฝีมือนี้ให้ชาวแมนจูหรือคนที่รับใช้แมนจู มันจึงอาศัยช่วงเวลาที่ ลื่อฮีเฮี้ยง ซือเจ็ก(อาจารย์อา)ล้อมป่วยนำทหารวังเจ้าจับลูกชาย ลื่อฮีเฮี้ยงเป็นตัวประกัน เพื่อให้บอกเคล็ดวิชา ท้ายที่สุดก็ฆ่าลื่อฮีเฮี้ยงและครอบครัวทิ้ง ดีที่ที่บุตรีลื่อฮีเฮี้ยงหนีออกมาและนำพาเตี่ยปั้วซัวมาชำระสำนัก

    เตี่ยปั้วซัวเห็นโอ้วฮุย ต่อสู้ด้วยสติปัญญาทั้งยังมีคุณธรรมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือลูกสาวลื่อฮีเฮี้ยง ทั้งยังสกัดตั้งอู้ไว้ เตี่ยปั้วซัวตื้นตันใจยิ่งจึงอธิบายหลักวิชาไท้เก็ก เคล็ดวงจรรวม เคล็ดตรงและย้อนกลับ ให้กับตั้งอู้ บอกว่าท่านต้องการเราก็จะอธิบายให้ ทั้งยังแสดงกระบวนท่าวิชาไท้เก็กขั้นสูง ท่านร่ายรำ กรีดมือตามกระบวนท่าที่โอ้วฮุยใช้ต่อสู้เมื่อสักครู่ ปากก็อธิบายเคล็ดวิชา ไหนเลยอธิบายให้ตั้งอู้ศิษย์ทรยศ แต่เพียงเพื่ออธิบายให้โอ้วฮุยรับฟัง

    ของยุทธจักรมีอยู่มากหลาย การเป็นศิษย์สำนักหนึ่งมิสามารถเรียนรู้วิชาสำนักอื่นได้ ถือเป็นการผิดมารยาทยิ่ง แต่เตี่ยปั้วซัวเห็นโอ้วฮุยแสดงฝีมืออันเด่นล้ำสติปัญญาเฉียบแหลมพลิกแพลงสารพันเหมือนเพชรน้ำงามยังมิได้เจียรนัย หลงคิดไปว่าโอ้วฮุยอาจจะร่ำเรียนกับอาจารย์ที่ยังไม่เข้าใจแก่นแท้ของวิชาฝีมือ โดยหาทราบว่า บิดาเด็กน้อยนี้เสียชีวิตมันเพียงเรียนรู้จากตำราไร้คนช่วยชี้แนะ

    หลังอธิบายเสร็จก็ขอทดสอบฝีมือตั้งอู้ ซ้ำยังกล่าว” คนผู้หนึ่งเมื่อเรียนวิชาบู๊ แม้ไม่สามารถปกป้องบ้านเมือง ก็สมควรประกอบวีรกรรม ปราบภัยพาลอภิบาลคนดี หากใช้วิชาฝีมือประกอบความชั่วร้าย มิสู้ไปเป็นชาวไร่ชาวนาประกอบกสิกรรมเสียยังมีประโยชน์กว่า” คำพูดนี้มันต้องการสั่งสอนโอ้วฮุย กลัวว่าวันนึงโอ้วฮุยสำเร็จวิชาจะไปใช้ในทางที่ผิด โอ้วฮุยรับฟังไหนเลยไม่เข้าใจ

    “ผู้แซ่ตั้ง คนผู้หนึ่งกระทำความชั่ว ต่อให้ผู้อื่นไม่ถามถึง ก็สมควรมีความละอายฆ่าตัวตายเสียอย่าให้เป็นที่มัวหมองแก่วงศ์ตระกูล” คำพูดนี้ตอบกลับเตี่ยปั้วซัว เตี่ยปั้วซัวพอได้รับฟังก็ปลาบปลื้มประโลมใจยิ่ง

    หลังจากป้อมตระกูลเซียงถูกเพลิงเผาผลาญ โอ้วฮุยช่วยเหลือผู้คนออกมา เตี่ยปั้วซัวชักชวนโอ้วฮุยเดินเป็นเพื่อนมันระยะหนึ่ง

    “น้องเรา วันนี้บังเอิญ เราสองได้พบพานโดยบังเอิญ แต่ถูกอัธยาศัยใจคอกันอย่างยิ่ง คุณธรรมของเจ้าเป็นที่น่าเลื่อมใสนัก “

    โอ้วฮุยได้ฟังก็หน้าแดงจรดใบหูเรียก “เตี่ยแป๊ะแปะ(ลุงแซ่เตี่ย)”

    “คำว่าแป๊ะแปะนี้ นับแต่นี้มิต้องเรียกอีก เราสาบานเป็นพี่น้องกันดีหรือไม่”

    ยูไลพันกร เตี่ยปั้วซัว เป็นถึงหัวหน้าที่สามของพรรคดอกไม้แดง ชื่อเสียงเกียรติภูมิสูงส่งเพียงใด แต่ลดตัวลงมาสาบานกับเด็กหนุ่มไร้ชื่อเสียงเรียงนามวัยสิบกว่าปีผู้หนึ่ง เพราะมันเห็นถึงคุณธรรมของโอ้วฮุยช่วยเหลือผู้อื่นยินยอมแม้กระทั่งสละชีวิตตนเอง ที่ไม่ต่างอะไรจากพี่น้องในพรรคดอกไม้แดง

    “เฮ็ยงตี๋(น้องอันปราดเปรื่อง) นับแต่นี้เรียกเราว่า ซากอ(พี่ที่สาม) เถอะ”

    วีรบุรุษหนึ่งชรา หนึ่งเยาว์วัย ทั้งสองกอบดินแทนธูป กราบไหว้รวมแปดครั้ง สาบานเป็นพี่น้อง


    ฮุดซัวเป็นเมืองใหญ่ในมณฑลกวางตุ้ง ได้มีตำนานเกี่ยวกับเศรษฐีใหญ่รังแกชาวบ้านเนื่องจากต้องการขยายที่ดินของบ้านตนเอง แต่ชาวบ้านไม่ยอมขายจึงเอาเรื่องไปฟ้องกรมการเมืองกล่าวหาว่าลูกชายของชาวบ้านมาขโมยเนื้อห่านของที่บ้านตนไปกิน ชาวบ้านที่โดนปรักปรำ ก็ถูกเจ้าหน้าที่ไปทำร้ายร่างกายให้รับสารภาพหรือไม่ก็ต้องขายที่ดินให้กับเศรษฐี


    ชาวบ้านผู้นั้นกลับบ้านมาด้วยความร้าวรานใจสักพักจึงจูงมือลูกชายไปที่ศาลเจ้าปักตี่เบี่ย เพื่อนบ้านเห็นดังนั้นเลยคิดว่าจะนำลูกชายไปบ่นบานสานกล่าวที่ศาล หาคาดว่าเมื่อไปถึงชาวบ้านผู้นั้นโขกศีรษะที่น่ารูปปั้นปักตี่ ก่อนร้องทุกข์ว่าโดนปรักปรำคุณนางชั่วรับสินบนจึงได้มาร้องทุกข์ที่ศาลเจ้า กล่าวเสร็จก็ผ่าท้องของบุตรชายออก ปรากฏว่าภายในท้องมีแต่เนื้อหอยไม่ได้มีเนื้อหาห่านอย่างที่ถูกปรักปรำแต่อย่างใด


    ตำนานเรื่องรับประทานเนื้อหอยเข้าใจผิดเป็นรับประทานอาหารผ่าท้องบุตรชายพิสูจน์ข้อต่อกล่าวหาในศาลเจ้าเมืองฮุดซัว ท่านกิมย้ง นำเรื่องราวนี้มาเขียนต่อเติม เป็นเรื่องราวของจิ้งจอกอหังการ ในช่วงโอ้วฮุยในวัยหนุ่ม


    ท่านกิมย้งกล่าวว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง "ผู้เฒ่าในเมืองฮุดซัวล้วนทราบดีในศาลเจ้าเมืองฮุดซัวหน้ารูปปั้นปักตี่ มีศิลาเปื้อนเลือดก้อนหนึ่งปรากฏคราบโลหิตจางๆเป็นประจักษ์หลักฐานในคดีปรักปรำรายนี้ข้าพเจ้า(กิมย้ง)เคยเห็นกับตาตนเอง เพียงแต่เวลาผ่านเลยเนิ่นนานยุคสมัยและชื่อบุคคลของเรื่องนี้ล้วนตกหล่นสูญหาย"


    ท่านกิมย้งก็ได้ดัดแปลงเรื่องราวตำนานนี้ โดยเขียนถึงหงส์เทียนน้ำเจ้าสำนักห้าเสือ ที่บีบบังคับครอบครัวของเจ็งอาสี่ให้ขายสวนผักเพราะต้องการขยายสร้างบ้านให้นางบำเรอที่เจ็ดของตน โดยร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ใส่ร้ายว่าบุตรชายครอบครัวเจ็งอาสี่ขโมยห่านบ้านตนไปรับประทาน บีบคั้นจน เจ็งสี่ซ้อ ต้องพาบุตรชายไปผ่าท้องขอความเป็ฯธรรมที่ศาลเจ้าปักตี่ บังเอิญโอ้วฮุยในวัยหนุ่มพานพบเรื่องราวอยุติธรรมรายนี้ จึงเสนอหน้าเข้าช่วยเหลือทวงความเป็นธรรม


    เม่งจื้อ สอนไว้ “ยศถามิอาจอาจมอมเมาจิตใจ ยากไร้ต่ำต้อยไม่อาจแปรผันปณิธาน” แต่สำหรับโอ้วฮุย แม้แต่สตรี อ้วงจี่อี ที่มันชมชอบร้องขอ ให้ไว้ชีวิตหงส์เทียนน้ำ มันก็ไม่ยินยอม ผู้อื่นยกย่องให้เกียรติ มอบบ้านพัก สาวใช้ผู้ดูแล เพื่อให้ยกโทษให้หงส์เทียนน้ำ มันก็ยังยืนกรานไม่รับไว้ นับว่ายากยิ่งจะพานพบ


    เจ็งอาสี่และครอบครัวมิใช่ญาติสนิทมิตรสหาย แต่ด้วยเหตุแห่งคุณธรรม เมื่อตั้งใจ ต่อให้หมื่นทัพทะยานเข้าขวางหน้าไม่ถดถอย ยอมสละความรักเพื่อปณิธาน ไม่ยี่หระคำสรรเสริญเยินยอ ละทิ้งคำยกย่องยินดี จุดนี้เองทำให้จิ้งจอกอหังการแม้จะไม่มีเนื้อหาโอ่อ่าตระการตาเทียบเท่า มังกรหยก หรือแปดเทพอสูรมังกรฟ้า แต่ธาตุแท้ความกล้าหาญใจคอ พฤติการณ์ของโอ้วฮุยสามารถนำไปเทียบเคียงวีรบุรุษของท่านกิมย้ง เฉกเช่น ก๊วยเจ๋ง และเฉียวฟงได้อย่างสมภาคภูมิ


    นอกจากเรื่องคุณธรรมของโอ้วฮุยแล้ว เรื่องนี้ยังเขียนถึงความรักอย่างลึกซึ้งตรึงตรา เที้ยเล้งซู่ นับเป็นโศกนาฎกรรมความรักที่เศร้าซึ้งตรึงใจยิ่ง นางฉลาดเฉลียว เยาว์วัย สดใส และที่สำคัญนางมีรัก รักจากหัวใจดวงน้อยๆที่พร้อมจะทุ่มเทให้แด่ชายคนรัก ด้วยชีวิต

    แม้นางทราบดีว่า โอ้วฮุย มีหัวใจมั่นในรักเดียวใน อ้วงจีจี่ นางเข้าใจ โอ้วฮุยทุกประการ แม้อ้วงจีจี่จะบวชเป็นแม่ชี แต่หัวใจรักคนผู้หนึ่งไปแล้วไหนเลยจะเปลี่ยนแปรผันได้ โอ้วฮุยให้นางสาบานเป็นพี่น้องร่วมสาบาน นางก็สาบาน แต่ลึกๆในหัวใจ โอ้วฮุยคือชายที่นางรักหาใช่พี่ร่วมสาบาน


    เที้ยเล้งซู่ ต้องต่อสู้กับเหล่าศิษย์พี่ที่ทรยศสำนัก ทั้งหมดล้วนใช้ยาพิษนอกระบบห้ำหั่น นางเป็นห่วง โอ้วฮุย จึงให้มันรับปากนางสามประการ หนึ่งอย่าได้กล่าววาจา สองห้ามประมือกับผู้คน สามห้ามห่างจากนางเกินสามก้าว แต่ยามคับขัน โอ้วฮุยกลับลงมือกับศัตรู จนถูกพิษสามชนิดแทรกซึมทำร้าย

    เที้ยเล้งซู่เห็นดังนั้น มิได้ขบคิดให้มากความ ล้วงยาเม็ดสีขาวเม็ดหนึ่งป้อนเข้าปากโอ้วฮุย

    “รีบรับประทานลงไป”

    เที้ยเล้งซู่กุมมือโอ้วฮุย หัวใจปวดปลาบดั่งถูกมีดเฉือน นางแม้รอดจากเภทภัย แต่โอ้วฮุยเพื่อช่วยชีวิตนาง บนหลังมือกลับถูกพิษตัวหนอนมรกตคูไสย หงอนกระเรียนแดง และดีงูสามชนิด ในตำราเจ้าโอสถมือพิษเขียนไว้ พาจู่โจมหัวใจ ไม่มียารักษาได้

    โอ้วฮุยเห็นใบหน้านางซีดเผือกขาว คาดว่าพิษที่ตนได้รับคงร้ายแรงยิ่ง จึงปลอบโยนนาง

    “ยี่ม่วย ท่านเหน็ดเหนื่อยแล้ว พักผ่อนสักครู่เถอะ”

    เที้ยเล้งซู่พอได้ฟังคำปลอบโยน ยิ่งร่ำไห้ น้ำตาหลั่งไหลดุจไข่มุก โอ้วฮุยรู้สึกหลังมือคันชาเล็กน้อย พลันหน้ามืดล้มลง อาการชาลามทั่วร่างกาย มิอาจขยับร่างกายได้ คาดว่าพิษที่ได้รับคงแพร่กระจายทั่วร่าง คงเหลือเวลาอีกไม่นาน จึงกล่าว

    “ยี่ม่วย เป็นตายฟ้าลิขิต เสียดายข้าพเจ้ามิได้อยู่ดูแลท่าน เราสองล้วนกำพร้าเดียวดาย แม้ พุทธหน้าทอง เมี้ยวนั้งหงส์ เป็นศัตรูฆ่าบิดามารดาข้าพเจ้า แต่นับเป็นวีรบุรุษ ที่ยิ่งใหญ่ แห่งแผ่นดิน ท่านจงเดินทางไปขอพึงพิงเถอะ”

    เที้ยเล้งซู่คุกเข่าลงข้างกายโอ้วฮุย

    “ท่านมิต้องกังวลไป แม้ท่านถูกพิษร้ายแรงสามชนิด แต่ข้าพเจ้ายังมีหนทางรักษา ที่ร่างกายท่านขยับมิได้ เพราะรับประทานยาชาลงไป” พูดจบพลางนำเข็มเจาะลงที่แผลบนหลังมือของโอ้วฮุย นางดูดเลือดพิษออกจากหลังมือ โอ้วฮุย

    โอ้วฮุยใจหายวาบ ครุ่นคิดเช่นนี้มิใช่นางจะถูกพิษไปด้วย พลางอ้าปากหมายร่ำร้อง “ข้าพเจ้าไม่การให้ท่านทำเช่นนี้ ไม่ต้องการให้ท่านกระเช่นนี้” แต่ไหนเลยจะกล่าววาจาได้ร่างกายชาด้านเพราะยาชาที่รับประทานลงไป

    ดูดเลือดพิษสีดำออกมา 40 กว่าคำ จนเลือดกลายเป็นสีแดง นางคอยยิ้มอย่างพึงพอใจ เลือดพิษแทรกซึมสู่ร่างนางไม่น้อย พลันหยิบยาผงพอกใส่หลังมือโอ้วฮุย และป้อนยาเม็ดสีเหลืองให้

    “ซือแป๋บอกว่า ผู้ใดถูกพิษสามชนิดนี้ล้วนมิมีทางรักษา เพราะท่านเชื่อมั่นว่าไม่มีแพทย์คนใดยินยอมสละชีวิตตนเอง เพื่อผู้อื่นได้ ท่านผู้เฒ่า หารู้ไม่ว่า ข้าพเจ้า จะปฎิบัติต่อท่านเช่นนี้ “ เอ่ยถึงตอนนี้ พิษในร่างกายกำเริบ ล้มตัวลงข้างกายโอ้วฮุย โอ้วฮุยเห็นมุมปากนางมีโลหิตไหลซึม ดวงตาค่อยๆหลับลงช้าๆ มันอ้าปากหมายร้องเรียก “ยี่ม่วย ยี่ม่วย” หวังไม่ให้นางหลับใหลไป แต่ด้วยฤทธิ์ยาชา ไหนเลยเอ่ยวาจาได้ มันต้องนอนเคียงข้างซากศพ เที้ยเล้งซู่ตั้งแต่ยามเที่ยงจวบถึงพลบค่ำ ปวดร้าวราวมีดกรีดเฉือน เฝ้าทบทวนเหตุใดสตรีดีงามเช่นเที้ยเล้งซู่จึงมีจุดจบเช่นนี้ เหตุใดมันถึงไม่รักนาง ที่ผ่านมานางล้วนคิดอ่านแทนมันทั้งสิ้น ทั้งเข้าใจในตัวมัน เคียงข้างมิห่างหาย จวบจนวาระสุดท้ายนางยังยินยอมสละชีวิตเพื่อมัน แล้วมันเล่าเคยตอบแทนอะไรที่ควรคู่ความรักของนางหรือไม่ ยิ่งครุ่นคิดยิ่งร้าวรานใจ


    มีคำกล่าว รักแท้ คือการเสียสละ รักอมตะคือการรอคอย การอคอยคนรักนานนับ 16 ปี ของเอี้ยก่วย นับว่าเป็นความรักอมตะได้หรือไม่ ถ้านับได้ ความรักของเที้ยเล้งซู่ย่อมเป็นความรักแท้ นางเข้าใจโอ้วฮุยทุกประการ นางรู้ดีแม้ อ้วงจี่จีเป็นแม่ชี ในใจโอ้วฮุยก็จะไม่เปลี่ยนแปลง เพราะรักแท้มิอาจะเปลี่ยนแปลงได้ ที่นางเข้าใจ เรพราะนางก็มีรักแท้เช่นกัน และความรักที่นางมีนั้น มีให้ ตั่วกอร่วมสาบานของนาง แม้สถานะจะเป็นเช่นนั้น แต่ในใจนางโอ้วฮุยคือคนที่นางรักมิเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ที่รวดร้าวยิ่งคือนางมิครุ่นคิดใดเมื่อเห็นโอ้วฮุยถูกพิษ นางให้มันรับประทานยาชาทันที หมายว่าชั่วพริบตาที่ทราบว่าชายคนรักต้องตาย นางเองพร้อมยินยอมสละชีวิตของตนเองทันที รักแท้รักนี้เหตุใดจึงยินยอมมอบแด่กันด้วยชีวิต เชียวหรือ


    ก่อนเที้ยเล้งซู่สิ้นใจ นางจะได้ยินเสียงท่องกลอนรำลึกไกลๆ ของเทพธิดาไหมแดงหรือไม่ "ถามไถ่ทั่วโลกหล้า อันว่ารักเป็นฉันใด จึงได้มอบแก่กันด้วยชีวิต”


     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เก้ากระบี่เดียวดาย


    เอี้ยก้วย เจ้าอินทรี ปล่อยวางจารีตสู่สุดยอดความสำเร็จอีกยอดหนึ่งของท่านกิมย้ง


    เอี้ยก้วยเจ้าอินทรี (神雕侠侣) มังกรหยกภาคสอง หรือลูกมังกรหยก เป็นนิยายกำลังภายในภาคต่อของเรื่อง มังกรหยก หรือ ก๊วยเจ๋ง ก๊วยเจ๋ง ยอดวีรบุรุษ เป็นนวนิยายในลำดับที่ 5 ของท่านกิมย้ง แต่เป็นนวนิยายเรื่องแรกที่นำมาตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เม้งป่อ หนังสือพิมพ์ของท่านกิมย้งเอง (ความสำเร็จจากหนังสือนวนิยายกำลังภายในสี่เรื่องแรกสามารถตั้งหนังสือพิมพ์ของตนเองได้) จุดประสงค์คือเพื่อเขียนเพื่อดึงดูดให้คนสนใจหนังสือพิมพ์หัวใหม่ของตนเอง ซึ่งแน่นอน เอี้ยก้วยเจ้าอินทรี นับเป็นความสำเร็จต่อยอดจาก มังกรหยกที่ประสบความสำเร็จสูงสุดยอดอีกครั้ง


    เรื่องราวในตอนท้ายของมังกรหยก ด้วยความบังเอิญ ก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง ได้ช่วยเหลือ มกเนี่ยมชื้อ จากการหยามย่ำยีของ แพ้เจี้ยงเล่า ก๊วยเจ๋งแลเห็นทารก อันกำเนิดจาก เอี้ยคัง และ มกเนี่ยมซื้อ เห็นทารกหน้าตาสดใสมีความละหม้ายคล้าย เอี้ยคัง ก็อดทอดถอนใจ ด้วยความรันทดมิได้


    “ข้าพเจ้ากับบิดาของมันสาบานเป็นพี่น้อง น่าเสียดายที่มิได้มีข้อสรุปอันดี ข้าพเจ้ายังมิได้แสดงออกถึงคุณธรรมน้ำมิตร นับเป็นความเสียใจในชีวิต หวังว่าเด็กผู้นี้เติบโตขึ้น กระทำการใดผิดพลาด รู้จักแก้ไข รักษาเมตตาธรรมไว้”


    “ข้าพเจ้าจะตั้งชื่อมันว่า เอี้ยก่วย ชื่อรองว่า เก้ยจือ”

    คนจีนสมัยโบราณจะมีการตั้งชื่อจริง และชื่อรอง หลังจากเล่าเรียนหนังสือสำเร็จก็จะตั้งอีกชื่อหนึ่ง ชื่อเอี้ยก่วยนั้นแปลว่า ความผิดพลาดแซ่เอี้ย ชื่อรองเก้ยจือแปลว่ารู้จักแก้ไข รวมความแล้วแปลว่า เมื่อผิดพลาดแล้วรู้จักแก้ไข


    เอี้ยก้วย เป็นบุตรชายของ เอี้ยคัง กับ มกเนี่ยมชื้อ (แต่แรกเริ่มเมื่อประพันธ์ กิมย้ง ไม่ได้ให้มกเนี่ยมชื้อเป็นมารดาของเอี้ยก้วย หากแต่มารดาของเอี้ยก้วยเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดาที่ไม่รู้วิทยายุทธที่มีชื่อว่า ชิ้นน่ำคิ้ม โดยลงตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ไปแล้วกว่า 10 ปี ต่อมาเมื่อมีการรวมเล่มจึงค่อยปรับเปลี่ยน) ต่อมามกเนี่ยมชื้อ ก็เสียชีวิตเพราะงูกัด เอี้ยก้วยจึงเหลือตัวคนเดียว ขณะที่ก๊วยเจ๋งกับอึ้งย้งกำลังเดินทางกลับไปยังเกาะดอกท้อ เพื่อตามหาข่าวคราวของอึ้งเอี๊ยะซือ บังเอิญพบเอี้ยก้วยวัยประมาณ 14 ปี ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาคล้ายเอี้ยคัง เมื่ออึ้งย้งสอบถามทราบว่าเด็กที่ตนพบนั้นเป็นลูกของเอี้ยคัง ก้วยเจ๋งจึงรับไปเลี้ยงดูที่เกาะดอกท้อ แต่อึ้งย้งไม่ไว้ใจเอี้ยก้วยเนื่องจากเป็นลูกของเอี้ยคังแถมยังมีนิสัยประหลาด ชาญฉลาดหลักแหลมแทบเทียบกับตนเองได้ อึ้งย้งจึงสอนแค่หนังสือไม่สอนวรยุทธให้ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก๊วยพู้และพี่น้องตระกูลบู๊มักเล่นรุมรังแกเอี้ยก้วยวันนึงเอี้ยก้วยได้เผลอเผลอใช้วิชาพลังคางคกที่เคยฝึกจากอาวเอี้งฮงบิดาบุญธรรมทำร้ายสองพี่น้องตระกูลบู๊


    กัวเต็งอักที่พักอยู่เกาะดอกท้อเช่นกันทราบเรื่องก็ไม่พอใจ เพราะอาวเอี้ยงฮงเป็นคนฆ่า 5 ประหลาดกังหนำ ซ้ำเอี้ยก้วยก็เป็นบุตรของเอี้ยคังที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของน้องร่วมสาบานทั้งห้า ทำให้ก๊วยเจ๋งตัดสินใจพาเอี้ยก่วยไปสำนักช้วนจินก่า เพื่อให้ดูแลสอนวิชาก๊วยเจ๋ง


    เมื่อไปถึงช้วนจินก่าด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าก๊วยเจ๋งเป็นศัตรูจึงเกิดการต่อสู้กัน ก๊วยเจ๋งได้ทำลายค่ายกลเจ็ดดาวเหนือ ที่สำนักช้วนจินก่าถือว่าเป็นสุดยอดวิชาค่ายกล ทำให้เหล่านักพรตรู้สึกเสื่อมเสียหน้า ทั้งสำนัก เมื่อก๊วยเจ๋งจากไปจึงจงใจกลั่นแกล้งเอี้ยก้วยเป็นพิเศษ เอี้ยก้วยเป็นเด็กไม่ยอมคนก็มีการกลั่นแกล้งคืน จนเกิดเรื่องรุนแรง จนกระทั่งยายซุน หญิงรับใช้ของเซียวเหล่งนึ่งปรากฏตัวออกมาช่วยเหลือเด็กน้อยเอี้ยก่วยและถูกทำร้ายจนเสียชีวิต ก่อนตายยายซุนได้ฝากฝังเอี้ยก่วยให้เป็นศิษย์เซียวเหล่งนึ่ง


    ทั้งสองศิษย์อาจารย์อยู่ร่วมในสุสานคนเป็นเพียงสองต่อสอง ก่อเกิดเป็นความรักความผูกพันอย่างไม่รู้ตัว


    หลักๆ เอี้ยก่วย จ้าอินทรี เป็นนิยายรักที่งดงามเรื่องหนึ่ง ทั้งความรักเอาลึกซึ้งกินใจของตัวเอก เอี้ยก่วย เซียวเหล่งนึ่ง ที่ต้องฝ่าฟัน กระแสสังคมจารีตประเพณี ทั้งยังต้องรอคอยเนิ่นนานถึง สิบหกปีกว่าจะได้สมรัก

    “เอี้ยก้วย” เป็นตัวละครของท่านกิมย้ง ที่ท่านโกวเล้งชมชอบมากที่สุด ในหนังสือ “ว่าด้วยบู๊เฮียบ” ท่านโกวเล้งได้เขียนถึง ท่านกิมย้ง และ เอี้ยก้วย ไว้ดังนี้


    โดยเนื้อแท้แล้วข้าพเจ้าไม่ต้องการเขียนถึงนักเขียนนิยายบู๊เฮียบร่วมสมัย แต่สำหรับ “จินหยง” (กิมย้ง) กลับต้องยกเว้น เนื่องเพราะในยุคสมัยนี้ไม่มีนักเขียนใดเด่นล้ำเกิน คนผู้นี้เลย มิว่าผลงานใดก็ต้องได้รับอิทธิพลจากเขาไม่มากก็น้อย เขาได้หลอมรวมเอาข้อเด่นของสำนักต่างๆเอาไว้ หากยังวรรณกรรมจีนและตะวันตกเข้าด้วยกัน สร้างท่วงทำนองเอกลักษณ์ของตนเอง เรียบง่าย รวบรัด ตื่นเต้นสมจริง เค้าโครงนิยายรัดกุม ฉากในเรื่องแม้กว้างใหญ่ไพศาล แต่หัวท้ายสอดรับกัน ตัวละครก็โลดเต้นราวกับมีชีวิต โดยเฉพาะ “เอี้ยก้วย”


    มิต้องสงสัยเลย เอี้ยก้วย เป็นตัวละครที่น่ารักที่สุดคนหนึ่งในวงการบู๊เฮียบ

    อารมณ์ความรู้สึก ระหว่าง เอี้ยก้วย เซียวเหล่งนึ่ง ก๊วยเซียง นับเป็นเรื่องราวความรักในนิยายบู๊ลิ้มที่สะเทือนใจผู้คนมากที่สุดโดยมิต้องสงสัย

    ข้าพเจ้าเห็นเรื่องราวความทุกข์และเคราะห์กรรมในโลกมนุษย์เรานี้มีอยู่มากเพียงพออยู่แล้ว ทำไมพวกเรา(ผู้เขียนนิยายบู๊เฮียบ) ไม่เขียนให้ผู้อ่านมีรอยยิ้มบ้าง ทำไมจึงต้องเขียนให้ผู้อ่านมีน้ำตา

    เรื่องราวของเอี้ยก้วย กับ เซียวเหล่งนึ่งนี้กลับต่างออกไป ความรักระหว่างพวกเขา แม้จะพบอุปสรรคและการทดสอบนับครั้งไม่ถ้วน แต่ดวงใจรักของพวกเขานับแต่ต้นจนปลายไม่เคยเปลี่ยนแปร

    เอี้ยก้วยรักเซียวเหล่งนึ่งอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งทั้งสิ้น รักอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าจะเป็นกำเนิดและอายุของเซียวเหล่งนึ่ง ไม่เกี่ยวว่านางจะเคยถูกคนสร้างราคีคาวไว้หรือไม่ เขารักเธอ ก็คือเขารักเธอ ไม่เคยถดถอย ไม่เคยหลบหลีก


    ข้าพเจ้า(โกวเล้ง) รู้สึกว่านี่สิคือลูกผู้ชายที่แท้


    หากเซียวเหล่งนึ่ง เนื่องเพราะคิดว่าตนแปดเปื้อนราคีคาว ทั้งคิดว่าตนอายุมากกว่าเอี้ยก้วย ไม่เหมาะสมกับเอี้ยก้วย ดังนั้นจึงยกเอี้ยก้วยให้ก๊วยเซียง พร้อมทั้งกล่าวกับพวกเขา “พวกท่านทั้งสองต่างเป็นคู่ที่เหมาะสมอย่างแท้จริง สมควรร่วมชีวิตกันจึงได้รับความผาสุกที่แท้จริง”

    หากเรื่องนี้จบลงแบบนี้ ข้าพเจ้าจะต้องโกรธจนกระอักโลหิตเป็นแน่


    นอกจากความรักของเอี้ยก้วยกับเซียวเหล่งนึ่ง ที่เป็นตัวแทนความรักที่สมหวัง ยังมีลี้หมกโช้ว ตัวแทนแห่งความรักไม่สมหวัง นางเคียดแค้นชิงชังความรัก จนสุดท้ายนางเองถูกพิษดอกรัก แต่ที่แท้นางถูกพิษจากความรักกัดกร่อนหัวใจของนางมาช้านานแล้ว รวมถึงความรักของก๊วยเซียง เด็กสาวที่แรกมีรัก ความรักของนางแม้ไม่สมหวังแต่นางเพียงหวังจะได้ยินข่าวคราวของเอี้ยก่วยพี่ชายที่นางหลงรักบ้างเพียงเพื่อประโลมใจก็เพียงพอ


    นอกจากนี้เนื้อหาที่เป็นปมทางจิตใจของตัวละครที่ค้างคามาในมังกรหยกภาคแรก ล้วนคลี่คลายสิ้นภาคนี้ เหมือนเสมือนชื่อจริงและชื่อรองของเอี้ยก่วย ทั้งเรื่องความรักของ เฮ้งเต้งเอี้ยง กับ ลิ้มเฉียวเอ็งแม้ชีวิตรักจะไม่สมหวัง ไม่เคียงคู่ แต่ เอี้ยก่วยและเซียวเหล่งนึ่งก็ทำให้เพลงกระบี่เง็กนึ่งซิมเก็ง (เคล็ดวิชาสุรางคนางค์) ของนางสมรัก


    ความอาฆาตของเอ็งโกวที่มีต่อคิ้วโชยยิ่ม ความรักของเอ็งโกวที่มีต่อจิวแป๊ะทง ความลับของจิวแป๊ะทงกับลูกชาย ความแค้นที่มีเอ็งโกวมีต่อ อิดเต็งไต้ซือ ก็คลี่คลาย ท้ายสุดทั้งสามยังอาศัยร่วมกัน


    ยาจกอุดรอั้งฉิกกง กับพิษประจิมอาวเอี้ยงฮงเป็นศัตรูกันมาโดยตลอด แต่เมื่อถึงวาระสุดท้ายทั้งสองกลับลืมความแค้นที่มีต่อกัน และจากไปพร้อมกันอย่างสงบ


    ความแค้น ความสงสัยระหว่างตระกูลก๊วยกับตระกูลเอี้ย ภายหลังก็คลี่คลายหลังเสร็จศึกมองโกลที่เมืองเซียงเอี้ยง


    อึ้งเอี๊ยะซือ ก็ออกท่องเที่ยวไปทั่วแผ่นดิน คบหาพูดคุยกับเหล่านักปราชญ์ นักบู๊ ดูผิดกับภาคแรก ที่บีบบังคับจิวแป๊ะทงใส่งมอบกิมเก้าเก็ง กระทำตามอารมณ์ และปรารถนาอันแรงกล้าที่จะช่วงชิงตำแหน่งที่หนึ่งแห่งแผ่นดิน ภาคนี้อึ้งเอี๊ยะซือดูปล่อยวางมากขึ้น ถึงกับออกปากรับ เอี้ยก่วย เพื่อเป็นศิษย์เกาะดอกท้อ จะได้ไม่โดนครหาเรื่องรักชอบอาจารย์ ถ้าเป็นภาคแรก อึ้งเอี๊ยะซือ คงยุยงให้เอี้ยก่วยฆ่าคนปากพล่อยทั้งแผ่นดินแทน


    5 ยอดจอมยุทธก็มิต้องใช้กำลังห้ำหั่นแย่งชิง กลับพูดคุยยกย่อง มอบตำแหน่งต่อกัน ตัวละครทุกตัวล้วนอยู่ในจุดที่ตนพอใจทั้งสิ้น


    การตั้งชื่อให้เอี้ยก้วยในตอนต้นนี้ นับเป็นความคิดที่ลึกล้ำที่ท่านกิมย้งได้เขียนชักนำตัวละครทุกตัวมาสู่บทสรุปที่สวยงาม ตามชื่อเอี้ยก่วย ชื่อรองว่า เก้ยจือ” เมื่อรวมความแล้วแปลว่า เมื่อผิดพลาดแล้วรู้จักแก้ไข จากมรสุมในภาคแรกและภาคนี้ เสมือนท่านกิมย้งเขียนให้เรื่องราวคืนสู่ท้องทะเลอันราบเรียบสงบสุข ก่อนจะมีมรสุมลูกใหญ่มาหนุนเนื่องผู้อ่านอีกครั้ง ในอีกสองปีให้หลัง

    “เทิดทูนเหนือหล้า ดาบพิฆาตมังกร ประกาศิตทั้งไตรภพ ใครมิกล้าสยบ แม้นอิงฟ้าไม่ปรากฏ ผู้ใดหาญสัประยุทธ”

    เป็นบทสรุปไตรภาคมังกรหยก


     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Nov 14) เปิดลิสต์ร้านอาหาร 27 แห่ง คว้าดาวมิชลิน ไกด์ ปี 2562 ร้านเจ๊ไฝยังติดโผ! มิชลินประกาศร้านอาหารติดดาว ประจำปี 2562 พร้อมคู่มือมิชลิน ไกด์ ปีนี้มี 27 ร้านอาหารที่ติดดาว และเพิ่มพื้นที่ภูเก็ต และพังงาเข้ามาเพิ่ม


    เพิ่มร้านอาหารในภูเก็ต พังงา เป้าหมายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ

    มิชลินเปิดตัวคู่มือแนะนำร้านอาหาร และที่พัก “มิชลิน ไกด์ กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต และพังงา” ประจำปี 2562 โดยเป็นคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับที่ 2 ของประเทศไทย ซึ่งเป็นโปรเจ็คต์ใหญ่ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่ต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยวประเทศไทยด้วยอาหาร


    โดยที่ฉบับนี้ได้ขยายพื้นที่ร้านอาหารจากแค่ในกรุงเทพมหานคร ไปยังปริมณฑลอย่าง นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรปราการ รวมถึงต่างจังหวัด เริ่มต้นจากภูเก็ต และพังงา ก่อนที่ปีหน้าจะเพิ่มจังหวัดทางภาคเหนืออย่างเชียงใหม่ และเชียงรายเข้ามาในโผด้วย


    คู่มือเล่มล่าสุดนี้บรรจุรายชื่อร้านอาหารที่ผ่านการคัดสรรรวมทั้งสิ้น 217 แห่ง และที่พัก 67 แห่ง โดยมีร้านอาหารได้รับรางวัล 2 ดาวมิชลิน จำนวน 4 ร้าน เป็นร้านอาหารใหม่ 1 ร้าน และ 1 ดาวมิชลิน จำนวน 23 ร้าน เป็นร้านอาหารใหม่ 10 ร้าน


    เกว็นเดล พูเลเนค ผู้อำนวยการนานาชาติ มิชลิน ไกด์ เปิดเผยว่า


    “ร้านอาหารที่ได้รับเลือกในปีนี้สะท้อนให้เห็นถึงประสบการณ์ด้านอาหารที่หลากหลาย ทั้งในและนอกเขตกรุงเทพฯ นอกจากนี้ เรายังเห็นแนวโน้มความนิยมในการให้เชฟเป็นผู้กำหนดเมนูครบคอร์ส (Degustation Menu) เพื่อให้ผู้ทานอาหารได้สัมผัสประสบการณ์ด้านอาหารที่สมบูรณ์แบบที่สุด”


    ร้านระดับ 2 ดาว 4 ร้าน


    ร้านอาหารที่ผ่านการคัดสรรให้ได้รับรางวัล 2 ดาวมิชลินในปีก่อนทุกร้านยังคงรักษาสถานะดาวมิชลินเอาไว้ได้ ได้แก่ ร้าน Gaggan (กากั้น), Le Normandie (เลอ นอร์มังดี) และ Mezzaluna (เมซซาลูน่า) โดยมี Sühring (เซือริ่ง) เป็นร้านอาหารเพียงร้านเดียวที่มีรายชื่อเพิ่มเข้ามาในปีนี้ โดยเลื่อนระดับจาก 1 ดาวมิชลิน เป็น 2 ดาวมิชลิน เป็นเมนูอาหารยุโรปร่วมสมัยในสไตล์เยอรมันโมเดิร์นตามแบบฉบับตนเองของเชฟสองพี่น้อง Mathias และ Thomas Sühring


    ร้านระดับ 1 ดาว 23 ร้าน


    นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหาร 23 ร้านได้รับรางวัล 1 ดาวมิชลิน โดย ฤดู (Le Du) และ GAA (กา) เป็นเพียงสองร้านที่ครองรางวัล

    1 ดาวมิชลินด้วยการเลื่อนระดับมาจากรางวัล Plate ซึ่งมอบให้กับร้านอาหารที่นำเสนออาหารคุณภาพดีโดยใช้วัตถุดิบที่สดใหม่และสะท้อนความสามารถในการปรุงอาหารที่ดี


    ในบรรดาร้านอาหาร 1 ดาวมิชลินปีนี้เป็นร้านที่ติดอับดับในคู่มือมิชลิน ไกด์ครั้งแรกจำนวน 8 ร้าน โดย 5 ร้านในจำนวนนี้อยู่ในเขตกรุงเทพฯ ได้แก่ Canvas (แคนวาส), เมธาวลัย ศรแดง, R-Haan (อาหาร), สวรรค์ และศรณ์


    ร้าน 1 ดาวอีก 2 แห่งตั้งอยู่ในจังหวัดปริมณฑลของกรุงเทพฯ ได้แก่ เรือนปั้นหยา (สมุทรสาคร) และ สวนทิพย์ (นนทบุรี) และมีร้านอาหารแห่งเดียวในจังหวัดภูเก็ตที่ได้รับรางวัล 1 ดาว นั่นคือ PRU (พรุ)


    ที่น่าสนใจก็คือ ร้านอาหาร 3 ร้าน ซึ่งได้รับรางวัล 1 ดาวมิชลิน ในปีที่ผ่านมา ได้แก่ Elements (เอเลเมนท์), Nahm (น้ำ) และ เสน่ห์จันทน์ ยังคงสามารถรักษาสถานะดาวของตนเองไว้ได้ แม้จะมีการเปลี่ยนเชฟประจำร้านก็ตาม


    ส่วนร้านอาหารที่ได้รับรางวัล “บิบ กูร์มองด์” หรือร้านอาหารแนะนำ มีจำนวน 72 ร้าน เป็นร้านอาหารใหม่ถึง 42 ร้าน


    Source: Brandinside.asia

    https://brandinside.asia/the-michelin-guide-2019/


    เพิ่มเติม

    - Three Stars Elude Thailand's Best Chefs in Latest Michelin Guide

    https://www.bloomberg.com/news/arti...hailand-s-best-chefs-in-latest-michelin-guide
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เก้ากระบี่เดียวดาย


    จิ้งจอกภูเขาหิมะ ยอดนวนิยายกำลังภายในขนาดย่อมของกิมย้ง


    จิ้งจอกภูเขาหิมะ (雪山飛狐, Fox Volant of the Snowy Mountain, Flying Fox of Snowy Mountain) (พ.ศ. 2502)


    จิ้งจอกภูเขาหิมะ เป็นนิยายกำลังภายใน เนื้อหาขนาดย่อม ถือได้หลุดจากขนบธรรมเนียบเดิมของ หนังสือกำลังภายในที่เคยมีมาแต่ก่อน ประดุจกระบี่วิเศษเล่มนึง หลุดจากฝัก นับเป็นกระบี่ฟ้าหากระบี่ใดในโลกหล้ามาทัดเทียม

    เนื้อเรื่องเล่าถึงการมาเยือนบ้านตระกูลโต่วของ โอ้วฮุย ฉายาจิ้งจอกภูเขาหิมะ เจ้าบ้านโต่วทราบว่าจิ้งจอกภูเขาหิมะมีฝีมือสูงเยี่ยมดังนั้นจึงได้เชื้อเชิญยอดฝีมือจากทั่วสารทิศมารับมือ ระหว่างรอการมาเยือนของ โอ้วฮุย ทั้งหมดจึงได้พูดคุยถึงที่มาของสมบัติประจำสำนักมังกรฟ้า พาดพิงไปถึง เรื่องราวเมื่อร้อยปีกว่าก่อนของเจ้าช่วงอ๋องลี้จื่อเซ้ง องครักษ์แซ่โอ้ว เมี้ยว ฮ่วม และฉั้ง ที่กลายเป็นความแค้นต้องเข่นฆ่ากันมานับร้อยปี

    จวบจนการประลองยุทธของ พุทธหน้าทอง เมี้ยวนั้งหงส์ กับ โอ้วเจ่กตอ (ดาบเดียวตระกูลโอ้ว) วีรบุรุษเมื่อ 27 ปีก่อน เนื่องเพราะการหายสาญสูญของบิดา เมี้ยวนั้งหงส์ ซึ่งมีข่าวว่าเกี่ยวพันกับ โอ้วเจ่กตอ เมี้ยวนั้งหงส์จึงว่าตนเป็นผู้พิชิตทั่วแผ่นดินไร้ผู้ต่อต้านออกไปเพื่อสะกิดให้โอ้วเจ่กตอประลองยุทธ์ด้วย โอ้วเจ่กตอและโอ้วฮูหยินซึ่งขณะนั้นตั้งครรภ์ใกล้คลอดบุตรก็ได้เข้าสู่แผ่นดินตงง้วน เนื่องเพราะ โอ้วฮูหยินเป็นชาวกังหนำคิดถึงบ้านเกิด โอ้วเจ่กตอก็ตามใจภรรยา จวบจน โอ้วฮูหยินคลอดบุตรชาย โอ้วฮุย ณ โรงเตี๊ยมเพ้งอัน จวบจน พุทธหน้าทอง เมี้ยวนั้งหง มาพานพบสามีภรรยาแซ่โอ้ว


    โอ้วเจ่กตอรับประทานอาหาร ศีรษะยังไม่เงยขึ้นก็กล่าวว่า “รับประทานเถอะ”

    เมี้ยวนั้งหงส์ก็ทรุดตัวนั่ง ยกชามหมายดื่มสุรา จนพรรคพวกทัดทาน “เมี้ยวไต้เฮี้ยบ โปรดระวัง สุรา อาหารมีเลศนัย”

    “เราทราบว่า โอ้วเจ่กตอ เป็นลูกผู้ชายอันเข้มแข็ง พฤติการณ์เปิดเผย ไหนเลย ลอบประทุษเรา” พูดจบพลางยกสุราดื่มหมดชาม

    โอ้วฮูหยินเห็นดังนั้นก็ทอดถอนใจชมเชย “เมี้ยวไต้เฮี้ยบ ท่านเป็นลูกผู้ชายสมคำร่ำลือ หากท่านมีความในใจใดก่อนประลองให้บอกเรามาก่อน เกิดพลาดพลั้งถูกสามีเราฆ่าทิ้ง มิแน่ว่าสหายของท่านจะทำอันใดได้”

    เมี้ยวนั้งหงส์ ขบคิดชั่วครู่จึงกล่าว “เมื่อสี่ปีก่อน เรามีธุระออกจากบ้าน มีชายคนนึงบุกรุกบ้านเรา ประกาศนามว่า เซียงเกี่ยมเม้ง ศิษย์เจ้าสำนักแปดทิศ ฝ่ามือแปดทิศและเพลงดาบแปดทิศล้วนยอดเยี่ยมยิ่ง คนผู้นี้ฟังฉายา ทั่วแผ่นดินไร้ผู้ต่อต้านของเราแล้วไม่ยินยอมพร้อมใจ จึงมาท้าประลองแต่ประจวบกับเราไม่อยู่บ้าน มันพูดจาไม่ลงรอยกับน้องชายเรา ดันลงมืออย่างหนักหน่วง ฆ่าน้องชายเราสองชีวิต น้องสาวเราอีกคน ซึ่งการประลองสู้ไม่ได้พ่ายแพ้ล้มตายเป็นเรื่องธรรมดา แต่มันยังฟาดน้องสะใภ้เราที่รู้จักวิชาฝีมือตายในฝ่ามือเดียว น้องชายเราฝีมือกล้าแข็งแต่ยังล้มตายภายใต้ ฝีมือมันแสดงว่ายอดเยี่ยมยิ่ง ความแค้นระหว่างตระกูลเมี้ยวกับตระกูลโอ้วนับร้อยปียังไม่สะสาง กับการหายตัวลึกลับของบิดาไม่คลี่คลาย ดังนั้นในสี่ปีนี้ข้าพเจ้าจึงไม่เหยียบย่างเมืองบู๊เตี่ย มณฑลชานตุงท้องที่ของมัน”

    โอ้วฮูหยินรับคำ เมี้ยวนั้งหงส์ จึงชักกระบี่ หมายประลอง แต่ โอ้วเจ่กตอมิสนใจยังคงดื่มกิน จวบจนรู้ความนัยว่า โอ้วเจ่กตอยังมิได้ฝากฝังเรื่องหลัง จึงรับคำจะดูแลโอ้วฮุย บุตรชายตระกูลโอ้ว ทั้งคู่จึงได้เริ่มประลองฝีมือกัน

    “ดาบดั่งพยัคฆ์ร้าย กระบี่คล้ายหงส์เหิน” กระบี่ของเมี้ยวนั้งหงส์ล้วนจู่โจมกระบวนท่าพิสดาร แทงใส่ตำแหน่งไม่คาดคิด แต่โอ้วเจ่กตอก็ร้ายกาจยิ่ง ใช้เคล็ด คลี่ ปาด เกี่ยว สับ ฟาด ฟัน หกประการต่อสู้พลิกแพลงสุดคาดหยั่ง ต่อสู้ยาวนานถึงยามเที่ยง ทั้งคู่ก็พักทานอาหาร ทานอาหารเสร็จก็ต่อสู้กันต่อด้วยวิชาตัวเบา แม้โอ้วเจ่กตอลื่นเพราะเหยียบลูกกระสุน เมี้ยวนั้งหงส์ก็ไม่ซ้ำเติม จวบจนค่ำทั้งคู่นัดหมายต่อสู้กันใหม่ ตอนเช้า

    ค่ำคืนนั้น โอ้วเจ่กตอควบม้าจากไปจากโรงเตี๊ยม จวบจนรุ่งเช้าค่อยกลับมา ทั้งคู่ประลองกันต่อจนหมดวัน เมี้ยวนั้งหงส์จึงกล่าวว่า “โอ้วเฮีย วันนี้ท่านเรี่ยวแรงลดทอน วันพรุ่งเกรงว่าต้องพ่ายแพ้แล้ว”

    โอ้วเจ่กตอฟัง ก็กล่าวว่า “นั่นไม่แน่นัก เมื่อคืนเราไม่ได้นอน คืนนี้ได้นอนพักผ่อน เรี่ยวแรงก็ฟื้นคืน”

    เมี้ยวนั้งหงส์สงสัยยิ่ง โอ้วเจ่กตอ เดินไปห้องพัก พลางหยิบห่อผ้า ห่อหัวมนุษย์นึง ส่งให้เมี้ยวนั้งหงส์

    เมี้ยวนั้งหงส์เห็นศีรษะ ข้างศรีษะมีลูกดอกสีทองเจ็ดตัว สลัก “สำนักแปดทิศเซียง” จึงกล่าว “เมื่อคืนท่านไปยังเมืองบู๊เตี่ย มณฑลซานตุง? “

    โอ่วเจ่กตอยิ้มพลางกล่าว “เราห้อม้าตายไปห้าตัว นับว่าไม่คลาดกำหนดนัดท่าน” จากโรงเตี๊ยมเพ้งอัน ไปยังมณฑลชานตุง นับระยะทางสามร้อยลี้ คนผู้นี้ขี้ม้าทั้งคืนไปกลับหกร้อยลี้ซ้ำยังฆ่ายอดฝีมือผู้หนึ่ง แล้วยังกลับมาประลองกับ พุทธหน้าทอง ทั่วแผ่นดินไร้ผู้ต่อต้าน อีกหนึ่งวัน ซ้ำยังกระทำโดยมิต้องการโอ้อวดใดๆ

    เมี้ยวนั้งหงส์ “ท่านใช้เพลงดาบอะไรฆ่ามัน”

    โอ้วเจ่กตอ “เราใช้ท่า มือทะลุฟ้าโซวฉิ้งสะพายกระบี้ ของตระกูลท่านฆ่ามัน ข้าพเจ้าขโมยร่ำเรียนจากการประลองกับท่านเมื่อวานนี้ ซึ่งความจริงเพลงกระบี่ตระกูลเมี้ยวนั้นเป็นเอกในแผ่นดิน ข้าพเจ้าแค่กระทำแทนเท่านั้น”

    เมี้ยวนั้งหงส์ย่อมเข้าใจโอ้วเจ่กตอล้วนให้เกียรติตนในทุกทาง จึงหยิบผ้าสีเหลือง ปักบนผืนผ้าว่า “พิชิตทั่วแผ่นดินไร้ผู้ต่อต้าน” ขึ้น ห่อร่างทารกตระกูลโอ้ว “โอ้วเฮีย ท่านหากเป็นไรไป อย่ากัวลว่าทารกนี้จะถูกผู้ใดรังแก”

    การประลองวันที่สามทั้งคู่ยังสู้เสมอจึงของนอนค้างคืน ดื่มสุรา ถกถึงวิชาดาบเพลงกระบี่กันอย่างไม่ปิดบัง ยามเมามายก็เล่าถึงวีรกรรมการฆ่าคนโฉดชั่วที่ใด ช่วยเหลือคนดีที่ใด บางคราสมใจยิ่งต่างดื่มสุราจนหมดชาม หลับใหลเตียงเดียวกัน

    การประลองยังดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ ห้าทั้งคู่สลับใช้เพลงดาบกระบี่ โอ้วเจ่กตอใช้กระบี่ตระกูลเมี้ยว ส่วนเมี้ยวนั้งหงส์ใช้เพลงดาบตระกูลโอ้วประลอง ทั้งคู่ล้วนครุ่นคิดลึกๆในใจ เหตุใดมันจึงตระกูลโอ้ว เราจึงตระกูลเมี้ยว หากพานพบกันก่อนนี้ มันทั้งคู่คงเป็นสหายสนิท เป็นพี่น้องร่วมสาบาน ออกท่องยุทธภพผดุงคุณธรรมไม่รู้ว่าจะสุขสมสักเพียงใด จวบจนโอ้วเจ่กตอล้มตายเพราะอุบาย ส่วนโอ้วฮูหยินฆ่าตัวตายตามสามี เมี้ยวนั้งหงส์ฝนกระบี่สาบานจะล้างแค้น โอ้วเจ่กตอที่มันนับถือเป็นพี่ร่วมสาบานใจจงได้


    โอ้วเจ่กตอนับเป็นวีรบุรุษอาจหาญทะยานฟ้า ก่อนหน้ามันสืบสาวการหายไปของบิดาของเมี้ยวนั้งหงส์ จนพานพบภรรยารัก และขุมทรัพย์เจ้าช่วงอ๋อง โอ้วฮูหยินให้มันเลือกระหว่างขุมทรัพย์มีค่านับอนันต์กับตัวของโอ้วอูหยิน

    โอ้วเจ่กตอหัวร่อฮา ฮา ต่อให้มีขุมทรัพย์เช่นนี้อีกสิบหมื่นแห่งก็มิอาจเทียบกับตัวท่านได้” พูดจบก็เขียนบันทึกปิดไว้ในขุมทรัพย์


    “ของล้ำค่าที่สุดในต่ำใต้ คือรักแท้สมัครสมาน หาใช่ของวิเศษค่าควรเมืองไม่”


    วีรกรรมของโอ้วเจ่ตอว่าวิเศษเลิศล้ำ นั่นก็ยังมีวีรกรรมของ เซี่ยวเอ้อ ผู้ไร้วรยุทธกลับประเสริฐเลิศเลอไม่แพ้กัน


    ก่อน ณ โรงเตี๊ยมเพ้งอัน เพ้งอาสี่เป็นเพียงแค่เด็กรับใช้ในโรงครัว ฤดูหนาวปีนั้นทางบ้านมันประสบเคราะห์ภัยกล้ำกลาย บิดามันเป็นหนี้ เจ้าสัวแซ่เตี่ย 5 ตำลัง ผ่านไปสามปีต้นทบดอกกลับกลายเป็น 40 ตำลึง เจ้าสัวเตี่ยให้ข้าทาสจับบิดามันไปทำหนังสือสัญญายกมารดามันให้เป็นนางบำเรอของเจ้าสัวเตี่ย แต่บิดามันไม่ยินยอมโดยทำร้ายแทบปางตาย บิดามารดามันคิดฆ่าตัวตายให้สิ้นเรื่องราว แต่ยังสงสารเพ้งอาสี่บุตรชาย ทั้งสามกอดคอกันร้องไห้ วันถัดมา โรงเตี๊ยมเพ้งอัน ที่มันทำงานอยู่ กลับมาแขกมาพักมากหลาย วันที่สอง โอ้วตั่วกอ มาพร้อมโอ้วฮูหยิน ซ้ำยังกำเนิดคุณชายน้อย โรงครัววุ่นวายมันไหนเลยจะกลับบ้านไปดูบิดามารดาได้ ด้วยใจกังวลมันทำถ้วยชามหล่นแตกหลายใบ เจ้าของโรงเตี๊ยมตบหน้ามันหลายฉาด มันหลบซ่อนตัวอยู่ข้างเตาร้องไห้ เผอิญโอ้วเจ่กตอเดินผ่านมา เห็นมันร้องไห้จึงสอบถามเรื่องราว เมื่อทราบเรื่องก็บันดาลโทสะ

    “ผู้แซ่เตี่ยสมควรตายในดาบเดียว เพียงแต่เรามีภาระผูกมัดตัว มิมีเวลาเสาะหามัน เราให้เจ้าร้อยตำลึงนำไปใช้หนี้ ที่เหลือ ครอบครัวเจ้าเก็บไว้ใช้จ่าย แล้วอย่าเป็นหนี้คนแซ่เตี่ยนั่นอีก “พูดจบพลางหยิบง่วนป้อ 20 ตำลังออกมา 5 อัน ส่งให้เพ้งอาสี่ ที่ตะลึงลาน โอ้วเจ่กตอ นำง่วนป้อห่อผ้าสะพายหลังให้เพ้งอาสี่ พลางเตะก้นมันเบาๆ “ รีบไปให้แก่เราเจ้าเด็กโง่งม”


    เพ้งอาสี่ดีใจยิ่งนำเงินไปชำระหนี้ให้ครอบครัว บิดามารดามันล้วนมาที่โรงเตี๊ยมเพื่อขอบพระคุณโอ้วเจ่กตอ ได้แต่โบกมือพัลวัน ไม่ยินยอมรับคำขอบคุณ วันนั้นศัตรูโอ้วเจ่กตอมากันมากมาย เพ้งอาสี่กังวลแทนยิ่ง มันจึงหยุดรอคอยดูศัตรู ทั้งเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง และล่วงรู้ความลับขุมทรัพย์เจ้าช่วงอ๋อง กับบุคุณความแค้นของ ตระกูลโอ้ว เมี้ยว ฮ่วม และฉั้ง นับร้อยปี เพียงแต่ตอนนั้นมันยังเยาว์ยิ่ง มิรู้ความ แต่จดจำทุกถ้อยคำของ โอ้วเจ่กตอ ขึ้นใจ ภายหลัง โอ้วเจ่กตอถูกลอบประทุษเสียชีวิต โอ้วฮูหยินก็ฆ่าตัวตายตามสามีรัก ขณธนั้น เมี้ยวนั้งหงส์ยังบาดเจ็บยิ่งจากท่าเท้าของโอ้วเจ่กตอ ก็เป็นมันที่เสี่ยงชีวิตทำร้ายหมอเงี่ยมกีที่จะฆ่าทารกน้อยโอ้วฮุยเพื่อช่วงชิงสมบัติและคัมภีร์เพลงดาบตระกูลโอ้ว และเป็นมันที่เอาตัวรับดาบฉั้งกุยล้งจนแขนขาด ใบหน้ามีรอยแผลเป็นยาว นำพาทารกน้อยโอ้วฮุยไปเลี้ยงดูฟูมฟักจนกลายเป็น ยอดคน ฉายาจิ้งจอกภูเขาหิมะ

    ณ คฤหาสถ์ตระกูลโต่ว มันได้ยินหลวงจีนป้อชิว(อดีตหมอเงี่ยมกี) โกหกเรื่องการตายของโอ้วเจ่กตอและภรรยา มันถึงออกหน้าทัดทาน “เหตุการณ์ที่ทั้งสองเล่าผิดเพี้ยน้พราะมีผู้นึงพูดปด เราเรียกเพ้งอาสี่ เรารู้จักท่าน ตอนนั้นหลวงจีนป้อชิว ยังเป็นหมอแก้พกช้ำเงี่ยมกี ท่านไหนเลยจะรู้จักเด็กรับใช้หัวขี้เรื้อนเพ้งอาสี่”

    มันแอบขึ้นเขามา เพื่อจะบอกต้นสายปลายเหตุเรื่องราวทั้งมวลแม้ชีวิตก็ไม่เสียดาย มันทำลายรอกขึ้นลงเขา ทั้งยังทิ้งอาหารทั้งหมดไปสิ้น หวังตกตายพร้อมศัตรูที่ร่วมทำร้าย โอ้วตั่วกอของมัน

    ครั้งกระโน้น โอ้วเจ่กกอมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวของมัน มันล้วนตื้นตันยิ่ง แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้น โอ้วเจ่กตอกลัยเรียกหามันเป็น “น้องเรา” และให้เพ้งอาสี่เรียกมันว่า “ตั่วกอ” ทั้งชีวิตเพ้งอาสี่ล้วนถูกคนชี้นิ้วใช้งาน แต่โอ้วเจ่กตอบอกต่อมันว่าทุกผู้คนล้วนเสมอภาค ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ


    บางคนชาติตระกูลดีแต่ประพฤติตนเหลวแหลกไหนเลยนับว่าดีได้ บางคนเกิดมาในฐานะต่ำต้อยแต่สู้ชีวิตมีคุณธรรมช่วยเหลือผู้อื่นก็นับว่าดีงาม คนนั้นมิใช่ม้าลา เกิดชาติพันธุ์ดีจึงนับว่าดีงาม


    จิ้งจอกภูเขาหิมะ เป็นนิยายกำลังภายในที่ ท่านกิมย้งได้แรงบันดาลใจจาก ภาพยนตร์ราโชมอน ของอากิระ คุโรซาวา เนื้อหาครอบคลุมเรื่องราวร้อยปีก่อน จวบจนการประลองของโอ้วเจ่กตอ และเมี้ยวนั้งหงส์ และเหตุการณ์จิ้งจอกหิมะโอ้วฮุยจะมาเยือนบ้านตระกูลโต่วในปัจจุบัน ท่านเล่าเรื่องหนึ่ง เราเล่าเรื่องหนึ่ง ในเหตุการณ์เดียวกัน ความจริงแปรผัน พลันกระจ่างโดยมิคาดคิดตามคนที่อยู่ในเหตุการณ์ นำมาปะติดปะต่อจนเป็นเรื่องเดียวกัน จนเหตุการณ์คลี่คลาย ความลับอันยิ่งใหญ่ของเจ้าช่วงอ๋อง ขุมทรัพย์มหาศาล จวบจนตอนจบ การประลองของโอ้วฮุย กับ พุทธหน้าทอง เมี้ยวนั้งหงส์ จบอีกแนวทาง ทำให้ค้างคาใจนักอ่านอย่างยิ่ง

    ท่านกิมย้งเคยกล่าวไว้ “ ในจิตใจข้าพเจ้า(กิมย้ง) เคยนึกตอนจบที่ผิดแผกแตกต่างกันเจ็ดแปดประการ บางคราการนึกถึงผลสรุปที่แตกต่างกัน กลับเป็นตการเสพย์สุขประการหนึ่ง ดาบของโอ้วฮุยจะฟันลงหรือไม่? สำหรับโอ้วฮุยเป็นการเลือกเฟ้นประการหนึ่ง ท่านผู้อ่านทุกท่านก็สามารถใช้นิสัยใจคอของตนเอง อาศัยทัศนคติที่มีต่อโลกและชีวิตของแต่ละคนเลือกเฟ้นตอนจบที่ผิดแผกแตกต่าง” นับว่าเป็นวรรณกรรมที่ผู้เขียนให้ผู้อ่านช่วยเขียนตอนจบในใจเอาเอง


    แต่ถึงจะค้างคาใจอย่างไรกับตอนจบของนิยายเรื่องนี้ แต่มิอาจจะไม่สามารถยอมรับได้ว่า จิ้งจอกภูเขาหิมะนับว่าเป็นสุดยอดนิยายกำลังภายในขนาดย่อมที่ดีที่สุด นับเป็นยอดจินดาแห่งวรรณกรรมจีน ดังนั้นสำหรับข้าพเจ้านั้น ขอจัดวาง “จิ้งจอกภูเขาหิมะ” เป็นหนังสือกำลังภายใน เล่มเดียวจบ เป็นลำดับที่หนึ่งของบรรณพิภพกำลังภายใน


     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เก้ากระบี่เดียวดาย


    มังกรหยก ก๊วยเจ๋งยอดวีรบุรุษ


    เคยมีนักอ่านรุ่นพี่ท่านหนึ่งกล่าวกับข้าพเจ้าว่า ก่อนหน้าจะมี มังกรหยก บรรณพิภพกำลังภายในไม่มีอะไรเลย


    เมื่อวันอังคารที่ 30 ต.ค. 2018 ท่านกิมย้ง ได้เสียชีวิตในวัย94ปี ซึ่งท่านกิมย้งได้เขียนนิยายกำลังภายในเพียง 15 เรื่อง จอมใจจอมยุทธ์ (1955) ,กระบี่เลือดเขียว (1956) ,มังกรหยก ภาค 1 ก๊วยเจ๋งยอดวีรบุรุษ (1957) ,จิ้งจอกภูเขาหิมะ (1959) ,มังกรหยก ภาค 2 เอี้ยก่วยเจ้าอินทรี (1959) ,จิ้งจอกอหังการ (1960),เทพธิดาม้าขาว (1961) ,ดาบนกเป็ดน้า (1961), มังกรหยก ภาค 3 ดาบมังกรหยก (1961),กระบี่ใจพิสุทธิ์ (1963) ,มังกรทลายฟ้า (1963) ,กระบี่เย้ยยุทธจักร (1966),แปดเทพอสูรมังกรฟ้า (1967) ,กระบี่นางพญา (1969) ,อุ้ยเสี่ยวป้อ (1970)


    ในช่วง 17 ปีคือระหว่างปี 2498-2515 จากนั้นก็ไม่ได้ผลิตงานเขียนใหม่ๆอีกเลย เพียงแต่แก้ไขปรับปรุงผลงานเดิมให้สมบูรณ์ขึ้น แต่ผลงานก็ยังคงได้รับความนิยม และมักถูกแปลเป็นภาษาต่างๆ เช่นภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เกาหลี ญี่ปุ่น เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย เมียนมา รวมถึงในไทย นิยายกำลังภายในของท่านกิมย้งมียอดขายถึง 300 ล้านเล่มจากทั่วโลก บางแหล่งว่าอาจถึง 1,000 ล้านเล่ม หากนับรวมฉบับละเมิดลิขสิทธิ์ (*ข้อมูลปี พ.ศ. 2006)


    ทั้งนี้ ท่านกิมย้งมักเขียนนิยายโดยแฝงเนื้อหาทางการเมือง โดยเฉพาะการวิจารณ์ระบบกษัตริย์ พรรคคอมมิวนิสต์ และลัทธิเชื้อชาติฮั่นเป็นใหญ่ รวมไปถึงแฝงไปด้วยคุณธรรม ผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือไตรภาคชุดมังกรหยก


    มังกรหยก ก๊วยเจ๋งยอดวีรบุรุษ The Legend of the Condor Heroes (พ.ศ. 2500) ซึ่ง มังกรหยก นั้นมีการแปลเป็นภาษาไทยครั้งแรกลงในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของจังหวัดพิษณุโลก โดยใช้ชื่อว่า "วีรบุรุษมือธนู" โดยผู้แปลใช้นามปากกว่า ปากกาผุ และผู้ที่แปลอย่างถูกต้องตามลิขสิทธิ์คนแรก คือ อาจารย์ จำลอง พิศนาคะ ในปี พ.ศ. 2500 โดยแปลจากฉบับเก่าใช้ชื่อว่า “มังกรหยก”ส่วน อาจารย์ ว.ณ.เมืองลุง แปลจากฉบับปรับปรุงแก้ไขใช้ชื่อว่า “มังกรเจ้ายุทธจักร” และฉบับแปลอาจารย์ น. นพรัตน์ใช้ชื่อ”ก๊วยเจ๋งยอดวีรบุรุษ” ในส่วนของภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ส่วนมากจะใช้ชื่อเหมือนกันว่า”มังกรหยก”เพราะเป็นชื่อที่รู้จักแพร่หลายกันอยู่แล้วในประเทศไทย แต่ถ้าแปลให้ตรงตัวตามภาษาจีน 射鵰英雄傳 ควรต้องใช้ชื่อว่าตำนานจอมยุทธยิงอินทรี


    ในเรื่องราวของมังกรหยก ท่านกิมย้งเขียนเรื่องราวของเด็กชายทายาทผู้จงรักสองคน คนนึงมารดานำพาหลบหนีศัตรูไปยังทะเลทรายถึงเผ่ามองโกล อีกคนมารดาพาเข้าวังเสพย์สุขถึงวังอ๋องไต้กิม สารัตถะหลักของมังกรหยก คือ ขอเพียงเป็นชนชาติจีน ไม่ว่ากำเนิดที่ใดจงอย่าลืมบุญคุณของมาตุภูมิ ท่านกิมย้งได้เขียนเปรียบเทียบ ชีวิตของเด็กหนุ่มนามก๊วยเจ๋ง และ เอี้ยคังไว้อย่างชัดเจน คนหนึ่งกำเนิดจากความตรากตรำ ส่วนอีกคนกำเนิดบนความสบาย คนนึงรักชาติภักดีซื่อสัตย์ อีกคนหวังเพียงผลประโยชน์แก่ตนเอง ยินยอมขายชาติ ซึ่งจุดจบทั้งคู่ล้วนมีความแตกต่าง


    มังกรหยก นับเป็นยอดวรรณกรรม ที่สามารถทียบเคียงสี่ยอดวรรณกรรม ความรักในหอแดง สามก๊ก ไซอิ๊ว และ ซ้องกัง ได้อย่างสมภาคภูมิ ด้วยกลวิธีการเขียน ความซับซ้อนของเรื่องราว นับว่าถูกพัฒนาขึ้นสูงจนถึงขีดสุด มังกรหยกถูกนักวิชาการด้านจีนศึกษาจำนวนมากวิเคราะห์ว่าแฝงด้วยเนื้อหาชาตินิยมและเชื้อชาตินิยม แต่ในเนื้อหาลึกๆยังสอดแทรกความเป็นมนุษย์นิยมอย่างสูงอีกด้วย


    ความสำเร็จของมังกรหยกคือ ตัวละคร ที่ผู้อ่านนวนิยาย ที่ผู้ชมภาพยนตร์หรือละคร ล้วนจดจำได้ ไม่เพียงตัวเอก อย่าง ก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง เอี้ยคัง แต่ยังจดจำตัวละครอื่นๆ เช่น ห้ายอดฝีมือแห่งยุค เฮ้งเตงเอี้ยง (เทพมัชฌิม หรือ กลางอิทธิฤทธิ์) อึ้งเอี๊ยะซือ (มารบูรพา) อั้งฉิกกง (ยาจกอุดร) อิดเต็งไต้ซือ (ราชันย์ทักษิณ) อาวเอี๊ยงฮง (พิษประจิม) เจ็ดประหลาดแดนกังหนำ เป็นตัวละครที่ท่านกิมย้งเขียนขึ้นจากจินตนาการ และยังมีกลุ่มตัวละครที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ อย่าง เจ็งกิสข่าน คิวซูกี จิวแป๊ะทง เบ้เง็ก


    โดยท่านกิมย้งนำเรื่องราวและตัวละครในจินตนาการสอดแทรกกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงและบุคคลจริง ผูกเรื่อง ประดุจภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ สร้างความสนุกสนานในการติดตามพร้อมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ยกระดับนวนิยายกำลังภายในขึ้นเป็นยอดวรรณกรรม ไม่เพียงเป็นนิยายเพื่ออ่านฆ่าเวลาหาสาระมิได้อีกต่อไป


    นอกจากโครงเรื่องหลักที่อิงประวัติศาสตร์แล้ว โครงเรื่องรองของห้ายอดฝีมือ การวิจารณ์กระบี่ยอดเขาฮัวซัว เพื่อแย่งชิง เก้าอิมจินเอ็ง เรื่องราวความรักของ อิดเต็งไต้ซือ จิวแป๊ะทง และเอ็งโกว การประลองแข่งความอดทนระหว่างอึ้งเอี๊ยะซือ กับ จิวแป๊ะทง(คนนึงถือดีอีกคนงมงาย) การประลองระหว่าง ผู้อมตะ คูชู่กี กับ เจ็ดประหลาดแดนกังหนำ ที่เสริมโครงเรื่องหลักของก๊วยเจ๋งและอึ้งย้ง ให้บรรดานักอ่านไม่สามารถวางนวนิยายเรื่องนี้ลงได้


    ความสำเร็จของมังกรหยก โด่งดังขนาด เติ้งเสี่ยวผิง ยังสารภาพต่อหน้าท่านกิมย้งว่า เขาเป็นแฟนพันธุ์แท้ของท่านกิมย้ง โดยเฉพาะหนังสือชุด"มังกรหยก" ที่ติดอย่างงอมแงม ต้องอ่านก่อนนอนทุกคืน

    ความสำเร็จของมังกรหยก มิเพียงเปลี่ยนแปลงชีวิตนักเขียนของท่านกิมย้ง แต่พลิกโฉมบรรณพิภพกำลังภายใน วงการภาพยนตร์ วงการโทรทัศน์ วีดิโอเกมส์ จนมีคนกล่าวว่าเราจะได้เห็น ภาพยนตร์ชุดจากผลงานปลายปากกาของท่านกิมย้งทางโทรทัศน์ทุกปี ทั้งที่ท่านกิมย้งเขียนไว้แค่ 15 เรื่อง แต่ทั้งผู้สร้างจาก ฮ่องกง ไต้หวัน และจีน (สิงคโปร์บางเรื่อง ประเทศไทยเองก็เคยสร้างมังกรหยก ที่อำนวยการสร้างโดย สมผล ไชยวรรณ กำกับโดย ศิริ ศิริจินดา ฉายต้อนรับเทศกาลตรุษจีนในปี พ.ศ. 2504) ล้วนสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันสร้าง ดัดแปลงบางส่วนทำเป็นภาพยนตร์ชุดออกอากาศอย่างสม่ำเสมอ ย่อมสืบเนื่องจากความสำเร็จของมังกรหยก จนมิอาจจะหานวนิยายกำลังภายในเรื่องใดที่สร้างปรากฏการณ์ได้เท่านี้มาก่อน


     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เก้ากระบี่เดียวดาย


    เพ็กฮวยเกี่ยม กระบี่เลือดเขียว บันไดก้าวสู่ มหากาพย์มังกรหยก


    ท่านโกวเล้ง เคยกล่าวว่า “นิยายของกิมย้งมีเค้าโครงละเอียดลึกซึ้งสำนวนความเรียงรวบกระชับจากสำนวนเรื่องความรักในหอแดง หล่อหลอมเข้ากับ วรรณกรรมตะวันตก กลับกลายเป็นลีลาใหม่อีกรูปแบบหนึ่งหากในมือข้าพเจ้ามีนิยายของกิมย้งอยู่ 18 เล่มอ่านเพียง 17 เล่มครึ่งข้าพเจ้าต้องนอนไม่หลับอย่างแน่นอน”


    ยอดนักเขียนบทภาพยนตร์ชื่อดัง"เหง่ยคัง" ได้เขียนไว้ว่า ไม่อ่านนิยายของกิมย้งถือเป็นความสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่ในชีวิต


    การศึกษาของท่านกิมย้งนั้นจบชั้นประถมศึกษาที่เมืองไฮ้เล้ง เมื่อเรียนชั้นมัธยมก็เกิดสงครามกลางเมืองภายหลังสำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่เมืองฉงชิ่ง ด้านวิชากฎหมายระหว่างประเทศซ้ำยังทำหน้าที่ดูแลห้องสมุดจงเอียน ในส่วนนี้ที่ท่านกิมย้งมีความคล้ายคลึงท่านโกวเล้ง เป็นช่วงเวลานี้เองที่ท่านกิมย้ง มีโอกาสศึกษาผลงานของยอดนักเขียนระดับโลกมากมายซึ่งกลายเป็นรากฐานสำคัญในการเขียนนิยายกำลังภายในในเวลาต่อมา


    หลังจากกลับภูมิลำเนาท่านกิมย้งก็ได้ทำงานเป็นนักข่าวและเจ้าหน้าที่รับฟังวิทยุกระจายเสียงภาคภาษาอังกฤษของหนังสือพิมพ์ตรงหนัน ต่อมาเข้าทำงานเป็นพนักงานแปลข่าวโทรพิมพ์ของหนังสือพิมพ์ต้ากงเป้าที่เซี่ยงไฮ้ ภายหลังเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศจีน ท่านกิมย้งถูกย้ายให้ประจำที่ฮ่องกงในตำแหน่งหัวหน้านักข่าวต่างประเทศ


    จนเมื่อปีพ.ศ 2493 ท่านกิมย้งใช้นามปากกา"ลิ้มฮัว"เขียนคอลัมน์วิจารณ์ภาพยนตร์และเขียนบทภาพยนตร์ให้กับบริษัทฉางเจิง แต่ส่วนใหญ่เป็นภาพยนตร์แนวดราม่า ชีวิตการเขียนนิยายของท่านกิมย้งนับว่าเริ่มช้าแต่พอเริ่มต้นก็สร้างกระแสเกรียวกราวให้กับยุทธจักรนวนิยายกำลังภายในทันที โดยนวนิยายกำลังภายในเรื่องแรกคือเรื่องตำนานอักษรกระบี่ตีพิมพ์ในปีพ.ศ 2498 โดยนำลงในหนังสือพิมพ์ชิงมึ่งป่อ และเรื่องที่สองคือ เพ็กฮวยเกี่ยม (กระบี่เลือดเขียว) เขียนเมื่อปี 2499


    ไม่ทันถล่มอริราช บู๊มก (อีกชื่อหนึ่งของงักฮุย) ถูกปรักปรำเป็นมลทิน ราชวงศ์ฮั่นรอกอบกู้จูกัวะ (ขงเบ้ง) ล่วงลับดับสูญ มวลชนโศกเศร้าอาดูรคุณธรรมคงคู่ชั่วนิรันดร์


    เพ็กฮ้วยเกี่ยม แปลตรงตัวเป็นภาษาไทยคือกระบี่เลือดเขียวเลือดสีเขียวแพงเป็นความกล้าหาญ เค้าโครงเรื่อง ส่วนหนึ่งเป็นการเล่าย้อนหลังของบุคคลสำคัญ 2 คนคือ"อ้วงชงฮ้วง" และ "เทพบุตรงูทอง" อีกส่วนคือพฤติการณ์เรื่องราวของ อ้วงเซ้งจี่ (สืบทอดปณิธานบิดา)


    “อ้วงเซ้งจี่” เป็นบุตรชายของ “อ้วงชงฮ้วง” แม่ทัพแห่งราชวงศ์หมิงที่ถูกฮ่องเต้ “หมิงซือจง”(ชงเจ็งฮ่องเต้) สั่งประหาร อ้วงชงฮ้วง เป็นบุคคลจริงที่มีในประวัติศาสตร์และเป็นตัวละครตัวหนึ่งในนวนิยายของเนี่ยอู้เช้ง เรื่องนางพญาผมขาว


    “อ้วงเซ้งจี่” นี้เป็นตัวละครที่มีบุคลิกผสมผสานระหว่าง “ตั้งแกลก” ตัวเอกใน “จอมใจจอมยุทธ” ที่เป็นเรื่องแรกของ “กิมย้ง” และ “ก๊วยเจ๋ง” ส่วนคล้ายคลึงกับตั้งแกลก ตัวเอกของตำนานอักษรกระบี่ คือทั้งคู่ล้วนเป็นผู้นำยุทธจักรที่หล่อเหลาเยาว์วัย ปราดเปรื่องบู๊บุ๋น มีชาติตระกูลสูงส่ง แต่ภายหลังท่านกิมย้งได้แก้ไขจนมีกลิ่นอายชนบทลักษณะคล้ายกับก๊วยเจ๋ง ซึ่งความจริงตัวเอกของท่านกิมย้งในสามเรื่องแรก มีความคล้ายคลึงกันอยู่เรื่องหนึ่ง คือแยกชายหญิงไม่ออก แม้จะฉลาดปราดเปรื่องอย่างตั้งแกลก หรือโง่งมอย่างก๊วยเจ๋ง แต่ตัวละครที่แยกแยะไม่ออกจนสร้างพินาศให้กับตนเองมากที่สุดเห็นจะไม่มีใครเกิน ตั้งแกลกที่แยกไม่ออกว่า ลี้ง้วนจี้ เป็นหญิงหรือชาย จนเข้าใจ ฮาซิลโซม ก่อเกิดเป็นรักสามเส้าเราสามคน


    แท้จริงแล้วกระบี่เลือดเขียวนับว่าเป็นเค้าโครงเรื่องเบื้องต้นของมังกรหยก ทั้งอุปนิสัยใจคอของตัวเอกทั้งคู่ อย่าง อ้วงเซ้งจี่ และ อุนแชแช (เขียวขจี) ล้วนมีส่วนคล้ายกับก๊วยเจ๋งและอึ้งย้ง โดยเฉพาะในฉากแรกที่พบกันบนเรือโดยสารกลางแม่น้ำ แชแช อยู่ในคราบสตรีปลอมเป็นบุรุษสวมเสื้อยาวสีขาวอ่อนบนผ้าโพกศีรษะสีเขียวฝังด้วยหยกขาวชิ้นนึง ใบหน้าสีขาวอมแดง งดงามสง่าอย่างยิ่ง และแน่นอน อ้วงเซ้งจี่ ไม่ทราบว่านางเป็นสตรีปลอมเป็นบุรุษ ทั้งนิสัยใจคออ้วงเซ้งจี่ ก็คล้ายกับก๋วยเจ๋งที่ไม่เข้าใจสตรีแต่มีความดีที่นุ่มนวลให้อภัย ต่ออุนแชแช ไม่ส่านางกระทำสิ่งใดล้วนไม่ถือสา อุนแชแชและอึ้งย้งล้วนมีบิดาเป็นจอมยุทธกึ่งธรรมะและอธรรมอันยิ่งใหญ่ อุนแชแช บิดาคือเทพบุตรงูทอง ส่วนอึ้งย้งบิดาคือมารบูรพาอึ้งเอี๊ยะซือ อึ้งย้งกำพร้ามารดา อุนแชแชกำพร้าบิดา


    อีกประการ ภายหลัง อ้วงเซ้งจี่ได้ช่วยเหลืออาเก้า กงจู้(องค์หญิง) ของชงเจ็งฮ่องเต้ จนอุนแชแช เข้าใจผิด "เมื่อมีกงจู้สูงศักดิ์ ไยต้องการเราชาวประชาธรรมดา" คล้ายกับก๊วยเจ๋งที่มีพันธะหมั้นหมายกับวาเจนกงจู้ ที่อึ้งย้งออกอุบายจนพิชิตเมืองซามากานต์ได้เพื่อเป็นความดีความชอบให้ยกเลิกพันธะหมั้นหมายนี้แต่ท้ายที่สุด เจ็งกิสข่านได้มีคำสั่งฆ่าล้างเมือง ก๊วยเจ๋งเพื่อช่วยชาวเมืองทั้งหมดจึงผิดใจกับเจ็งกิสข่าน จนอึ้งย้งเข้าใจผิดจากไป

    เทพบุตรงูทอง หรือ เพ็กฮวยเกี่ยม ได้มีการแปลเป็นภาษาไทย ครั้งแรก โดย จำลอง พิศนาคะ และ ครั้งที่สองโดย น.นพรัตน์ ชื่อภาษาอังกฤษว่า The Sword Stained With Royal Blood


    ในบรรดานวนิยายกำลังภายในของท่านกิมย้ง เพ็กฮวยเกี่ยม นับว่าเป็นนวนิยายที่ข้าพเจ้าหยิบอ่านน้อยครั้งที่สุด เพราะตัวละครเอกล้วนมีความคล้ายคลึงกับตัวละครในเรื่องอื่น วีรกรรมของตัวเอกไม่มีความชัดเจน การเล่าเรื่องแม้ย้อนกลับไปหลายส่วนแต่ก็มิได้สร้างความสับสนแต่ก็ไม่ได้มีจุดที่น่าสนใจหรือสะดุดใจแต่อย่างใด ในส่วนของอาเก้ายังมีบทบาทต่อไปในนวนิยายเรื่องอุ้ยเสี่ยวป้อ นวนิยายเรื่องสุดท้ายของท่านกิมย้ง


    จะอย่างไรก็ตาม เพ็กฮวยเกี่ยม แม้นับไม่ได้ว่าเป็นยอดนวนิยายกำลังภายในของท่านกิมย้ง แต่นับว่าเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการพัฒนาตัวละครและเรื่องราวนำสู่สุดยอดมหากาพย์กำลังภายในที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก “มังกรหยก”


    ปล. TVB เคยสร้าง เพ็กฮ่วยเกี่ยม(1985) แสดงโดย หวงเย่อหัว-จวงจิ้งเอ๋อ-เหมาซุ่นจวิน ซึ่งหวงเย่อหัวนี่แสดงเป็นตัวเอกละครของท่านกิมย้งมากที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างมาเลยก็ว่าได้


     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,319
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เก้ากระบี่เดียวดาย


    ตำนานอักษรกระบี่ จุดเริ่มต้นตำนานแห่งกิมย้ง


    เมื่อครั้งพ.ศ. 2497 เจ้าสำนัก เพลงมวยไท้เก๊ก”โง้วทงหงี” ประกาศท้าประลองวิทยายุทธ์ กับเจ้าสำนักกระเรียนขาว”ตั้งโคกฮู”แรกนั้นเพียงถกเถียงกันอย่างเร้าใจผู้อ่านบนหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ แล้วต่อมานัดหมายขึ้นเวทีลุยไถพิสูจน์ความเหลื่อมล้ำของวิชาฝีมือทว่าทางการฮ่องกง (ในเวลานั้น) ประกาศห้าม จึงโยกย้ายไป ยังสวนซินฮัว เมืองมาเก๊า


    การประลองครั้งนั้น ได้จุดไฟโชนในหัวใจคนรัก วิทยายุทธ์จำนวนมาก ตั้งแต่คนลากรถหน้าโรงน้ำชา คนขาย บะหมี่แผงลอย ช่างทำรองเท้า คนทำนายโชคชะตา จวบกระทั่งปัญญาชนผู้หลงใหลหมัดมวย ล้วนโจษจันกันอย่างสนุกสนาน ครื้นเครง ราวกับจุดดอกไม้ไฟเหตุโลกของบู๊ลิ้มแตกกระจายสว่างไสวในใจผู้คนทั่วเกาะฮ่องกง


    บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ซินหวั่นเป้า มองเห็นช่องทางการเพิ่มยอดขายหนังสือพิมพ์ จึงฉกฉวยโอกาสอย่างคาดหวังว่านิยายกำลังภายในคงสนองอารมณ์ผู้หลงใหลในวิทยายุทธ์ เขามองหาใครบางคนในสำนักงานแล้วพบ ‘เนี่ยอู้เซ็ง’ (เวลานั้นรับบทบาทเป็นผู้ควบคุมคอลัมน์ทั่วไปของหนังสือพิมพ์)ใน พ.ศ. 2497 นั้น ผู้อ่านไม่ได้ให้ความสำคัญกับนิยายกำลังภายในมากนัก ท่านเนี่ยอู้เซ็งเล่าเรียนมาทางเศรษฐศาสตร์ แต่โชคชะตาพลิกผันให้มาทำงานหนังสือพิมพ์ ในชีวิตไม่เคยเขียนนิยายกำลังภายในมาก่อน จึงปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่สามารถเขียนได้ แต่บรรณาธิการพูดแบบยัดเยียดปากกาใส่มือว่าได้ลงประกาศในหน้าหนังสือพิมพ์แล้ว


    เมื่อมิอาจบ่ายเบี่ยง ค่ำคืนนั้น ท่านเนี่ยอู้เซ็งได้แต่ก้มหน้าจับปากกาขีดเขียนตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้น นิยายกำลังภายในเเรื่องใหม่ก็ปรากฏสู่สายตาผู้อ่านในชื่อดุดันว่า ‘มังกรถล่มพยัคฆ์กลางเมืองหลวง’เนี่ยอู้เซ็งไม่เฉลียวใจเลยว่าจะได้รับเสียงปรบมือจากผู้อ่านอย่างกึกก้องล้นหลามเหนือคาดหมาย บรรณาธิการนั้นแทบว่าได้รับโชคราวพบขุมทรัพย์ ความผกผันครั้งนั้น ได้จุดประกายความนิยมของผู้อ่านขึ้น คล้ายเปลวไฟลามเลียกองฟาง ลุกไหม้อย่างรวดเร็วในเวลาต่อมาหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ ทั้งฮ่องกง ไต้หวันและสิงคโปร์ ต่างช่วงชิงกันซื้อนิยายกำลังภายในไปจัดพิมพ์จำหน่ายอย่างแพร่หลาย


    ในปีถัดมา พศ. 2498 ท่านกิมย้ง ก็ได้ประเดิมนิยายกำลังภายในเรื่องแรกของเขาใน ซิงมึ่งป่อ เช่นกัน คือเรื่อง ตำนานอักษรกระบี่ 书剑恩仇录 ฉบับภาษาไทยโดย อาจารย์ น. นพรัตน์ (ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์โทรทัศน์ ในชื่อ จอมใจจอมยุทธ์)จากนั้น ท่านเนี่ยอู้เซ็ง และท่านกิมย้ง ก็ได้กลายเป็นดาวจรัสแสงผู้สร้างโลกนิยายกำลังภายในรุ่นบุกเบิก ท่านกิมย้งเล่าเรียนด้านกฎหมายระหว่างประเทศ แต่หลงใหลในชีวิตนักหนังสือพิมพ์ ผลงานของท่านได้รับผลสะท้อนจากวรรณกรรมตะวันตก งานสร้างภาพยนตร์ และละครเวทีปรุงรสด้วยเทคนิคสมัยใหม่ คลุกเคล้ากับนิยายกำลังภายในแบบเก่าได้อย่างกลมกลืน เป็นเสน่ห์เย้ายวนใจต่อผู้อ่านทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ผลงานของท่านกิมย้งวางเค้าโครงเรื่องกว้างไพศาลครอบคลุมทุกสิ่ง เขียนถึงคนทุกแบบ วิทยายุทธ์ทุกแขนง เรื่องราวประวัติศาสตร์ผูกพันกับตัวละครเชื่อมโยงประดุจภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ


    ท่านกิมย้งเขียนนวนิยายกำลังภายในจำนวน 15 เรื่อง โดยทั้งหมดที่กิมย้งเขียนล้วนเป็นนวนิยายกำลังภายใน เป็นเรื่องยาว 12 เรื่อง เรื่องขนาดกลาง 2 เรื่อง และ เรื่องสั้น 1 เรื่อง เรื่องแรกของท่านคือ จอมใจจอมยุทธ หรือ ตำนานอักษรกระบี่ - 書劍恩仇錄 - Book and Sword: Gratitude and Revenge (พ.ศ. 2498) และเรื่องสุดท้ายคือ อุ้ยเสี่ยวป้อ - 鹿鼎记 - Deer and the Cauldron (พ.ศ. 2512-2515)


    ตำนานอักษรกระบี่ นำมาแปลเป็นไทยหลายสำนวน แต่สำนวนที่มีการพิมพ์บ่อยครั้ง คือสำนวนของ น.นพรัตน์ ใช้ชื่อว่า จอมใจจอมยุทธ์ ( แปลจากฉบับปรับปรุงของกิมย้ง ) ส่วนสำนวนของ จำลอง พิศนาคะ ใช้ชื่อว่า กระบี่อั้งฮวย ( แปลจากการพิมพ์ครั้งแรก ) ถ้าได้ยินชื่อดังกล่าว 3 เรื่องนี้ก็คือเรื่องเดียวกัน มีชื่อภาษาอังกฤษว่า The Book And The Sword


    เรื่องราวของ จอมใจจอมยุทธ เนื่องด้วยท่านกิมย้งที่เป็นชาวเมืองไฮเล้ง ระหว่างการฝึกวิชาลูกเสือเคยตั้งค่ายอยู่ริมเขื่อนที่เฉียนหลงฮ่องเต้สร้างขึ้น ก็ได้ฟังตำนานชาติกำเนิดเฉียนหลงฮ่องเต้ ว่าท่านมีชาติกำเนิดเป็นชาวฮั่น บ้างก็ว่า เกิดจากหญิงอัปลักษณ์ในพงหญ้า บ้างก็ว่า เกิดจากเศรษฐีเกลือ ตั้งสี่กัว(เฉินซื่อกวน) ทางใต้ที่เคยรับราชการ แล้วโดนสลับบุตรชาย กับพระธิดา


    ทำให้ท่านกิมย้ง หยิบยกมาผูกเป็นเรื่องราวว่า ตั้งสี่กัวมีบุตรชายคนเล็กนามว่า ตั้งแกลก เป็นหัวหน้าหน่วยพรรคดอกไม้แดง (อั้งฮวยหวย) ทั้ง 14 คน อันมี ตั้งแกลก (เฉินเจียลั่ว) ประมุขพรรคดอกไม้แดง บ้อติ้งเต้าเจี้ยง ยูไลพันกรเตี่ยปั้วซัว (จ้าวป้านซาน) มืออสนีบาตบุ้นไถ่ไล้ (เหวินไท่หลาย) ปิศาทดำเซี้ยฮักจี่ ปิศาทขาวเซี่ยแป๊ะจี่ ขงเบ้งบู๊ฉื่อเทียนฮ้ง (สวีเทียนหง) เจดีย์เหล็กเอี้ยเซ้งเฮี๊ยบ (หยางฉิงเยี่ย) เสือดาวเก้าชีวิตอ้วยชุนฮั้ว (เว่ยชุนฮวา) เจียงหลังค่อมเจียงจิ่ง ดาบนกเป็ดน้ำลกเปีย (ลั่วปิง) ภูติพบกำสรวลเจี๊ยะซังเอ็ง (สือซวงอิง) จรเข้หัวทองแดงเจี่ยสี่กึง และ บัณฑิตขลุ่ยทองอื้อฮื้อตั้ง (อวี่อวี๋ถง) ที่ พยายามต่อต้านราชวงศ์เช็ง(ชิง) ฟื้นฟูราชวงศ์เหม็ง(หมิง)


    ถ้าเทียบกันในแง่วรรณกรรมแล้ว ตำนานอักษรกระบี่ยังมีกลิ่นอายและติดขนบนวนิยายกำลังภายในยุคก่อนอยู่มาก ตอนต้นของนิยายเรื่องนี้ท่านกิมย้งได้รับอิทธิพลจากเรื่อง อ่อโฮ่วชังเล้ง (ว่อหู่ฉังหลง – เสือหมอบมังกรซ่อน ของ เฮ้งโต้วโล้ว (หวางตู้หลู่) เรื่องเสือหมอบมังกรซ่อน นี้ ได้สร้างเป็นภาพยนตร์ Crouching Tiger, Hidden Dragon กำกับโดย อังลี ได้รับรางวัลออสการ์ ซึ่งจะเห็นได้จากในภาพยนตร์ ที่ เหมยหว่อง (จางจืออี๋) บุตรี ขุนนางผู้เอาแต่ใจ และกำลัง ถูกจับคลุมถุงชน แต่งงานกับชาย ที่พ่อ แม่จัดหา ให้ มีความคล้ายคลึงกับ ตัวละคร ลี้ง้วนจี้ ในเรื่อง จอมใจจอมยุทธ์นี้มาก ทั้งความเป็นมา และ อุปนิสัยนิสัยใจคอ


    การเปิดหรือนำตัวละครเข้าสู่เนื้อเรื่องได้รับอิทธิพลมาจากเรื่อง สามก๊ก (ซานกวั๋ว) บางตอนในเรื่องเมื่อเขียนครั้งแรกลงในหนังสือพิมพ์นั้น แสดงให้เห็นอิทธิพลของศิลปะการแต่งนิยายของตะวันตกอย่างชัดเจน แต่ในฉบับปรับปรุงแก้ไขลักษณะที่ว่านี้หายไป แสดงว่าผู้แต่ง(ท่านกิมย้ง) มีความจัดเจนเขียนได้แยบยลขึ้น เรียบเรียงใหม่ได้พัฒนาขึ้น


    ท่านโกวเล้ง (กู่หลง) ได้กล่าวถึง เรื่อง จอมใจจอมยุทธ์ ไว้ว่า


    “ในเรื่อง จอมใจจอมยุทธ ตอนที่บรรยายถึง เหวินไท้หลาย (มืออสนีบาต บุ๋นไท่ไล้) หลบหนีการตามล่าของทหารแมนจู ไปที่บ้านของ โจวจงอิง (จิวตงเอ็ง) ซ่อนตัวอยู่ในบ่อน้ำโบราณ แล้วถูก โจวเจี้ยนผิง (จิวเกี่ยมเพ้ง) บุตรชายคนเล็กของ จิวตงเอ็งขายความลับไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพียงเพื่อแลกกับกล้องส่องทางไกลอันหนึ่ง เมื่อจิวตงเองทราบความแล้วจึงโกรธมาก ถึงกับพลั้งมือสังหารบุตรชายที่เหลือเพียงคนเดียวของตนไปเสีย”


    ส่วนท่านกิมย้ง ได้กล่าวถึง เรื่อง จอมใจจอมยุทธ์ ไว้ในคำตามท้ายเรื่องว่า…


    จือเกี่ยมอึงชิ้วลก (จอมใจจอมยุทธ์) เป็นยุทธจักรนิยายเรื่องแรกของข้าพเจ้า เขียนเมื่อ ค.ศ. 1955


    ข้าพเจ้าเป็นชาว เมืองไฮ้เล้ง มณฑลจิกัง ระหว่างอยู่ที่บ้านเกิด ก็ได้ยินตำนาน เรื่องราวของเคี่ยงล้งฮ่องเต้ ระหว่างการฝึกวิชาลูกเสือ เคยตั้งค่ายพักแรมที่ริมเขื่อน ซึ่ง เคี่ยงล้งฮ่องเต้ (เฉียนหลงฮ่องเต้) ทรงสร้างขึ้น ยามค่ำคืนมองดูระลอกคลื่นหนุนโถมมา ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่นำเอาตำนานเรื่องราวที่ประทับใจที่สุด มาเขียนในยุทธจักรนิยายเรื่องแรก แต่ตั้งแกลก เป็นตัวละครที่ข้าพเจ้าปั้นแต่งขึ้น เฮียงเฮียงกงจู้ (เซียงเซียงกงจู่) ก็ไม่มีตัวตนอยู่ในประวัติศาสตร์ เคี่ยงล้งฮ่องเต้ มีพระสนมองค์หนึ่ง มีนามว่า เฮียงฮุย (เซียงเฟย – พระสนมหอม) เฮียงเฮียงกงจู้ ย่อมงดงามกว่า เฮียงฮุย มากนัก


    ในสมัย ราชวงศ์เช็ง (เป็นราชวงศ์สุดท้ายของจีน ปกครองโดยชาวแมนจู) เมืองไฮ้เล้ง อยู่ในการปกครองของนครฮั่งจิว เป็นเมืองเล็ก ๆ ริมทะเล และเป็นสถานที่ซึ่งมีคลื่นทะเลหนุนจนเลื่องลือ บุคคลมีชื่อเสียงในยุคหลัง เช่น เฮ้งก๊กยุ่ย เจี่ยแป๊ะลี้ ฉื่อจี่ม่อ ล้วนป็นชาวไฮ้เล้ง ในนิสัยใจคอของพวกท่านเหล่านั้น ล้วนแฝงสีสรรอันหมองหม่นและความเศร้าสร้อย ทั้งดื้อดึงยืนกรานอยู่หลายส่วน ตั้งแกลกอาจมีเงาของพวกท่านเหล่านี้อยู่บ้าง


    จากการค้นคว้าของนักประวัติศาสตร์ เม่งซิม ลงความเห็นว่า คำเล่าลือที่ว่า เคี่ยงล้งฮ่องเต้ ทรงสืบเชื้อสายของตระกูลตั้งเมืองไฮ้เล้ง ไม่ควรแก่การเชื่อถือ ที่ว่า พระสนมเฮียงฮุย ถูกฮองไทเฮาทำร้ายถึงแก่สิ้นพระชนม์ ก็ไม่เป็นความจริง นักประวัติศาสตร์ย่อมไม่ชมชอบต่อคำเล่าลือที่ขาดหลักฐาน แต่ผู้เขียนนวนิยายชมชอบเป็นพิเศษ


    เคี่ยงล้งฮ่องเต้ ทรงสร้างเขื่อนที่เมืองไฮ้เล้ง ด้วยพระอุตสาหะวิริยะ จวบจนสำเร็จลุล่วง นับว่าเอื้ออำนวยประโยชน์ต่ออาณาประชาราษฎร์ ข้าพเจ้าแต่งเติมบทบาทของพระองค์เกินไป บางครั้งรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง บทกลอนพระราชนิพนธ์ของพระองค์แต่งได้ไม่ดีนัก ความจริง ไม่มีความสำคัญเท่าใด เพียงแต่ข้าพเจ้าเมื่อวัยเด็ก เห็นหลักศิลาจารึกบทกลอนพระราชนิพนธ์ของพระองค์อยู่ทั่วเมืองไฮ้เล้ง และนครฮั่งจิว จึงบังเกิดปฏิกิริยาโต้ตอบขึ้นในใจ


    นอกจากวัยเด็กที่หัดคัดลายมือแล้ว ข้าพเจ้าไม่เคยหัดประดิษฐ์อักษรมาก่อน ชื่อเรื่อง และนามปากกาที่เขียนบนหน้าปกไม่ควรแก่การพิจารณา ของนักเขียนลายพู่กัน


    เรื่องนี้ตีพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกทางหน้าหนังสือพิมพ์ หลังจากนั้นจัดพิมพ์รวมเล่มขึ้น บัดนี้แก้ไขปรับปรุง ตัดทอนตรวจตราแล้วจัดพิมพ์ขึ้นใหม่ แทบทุกประโยคล้วนผ่านการแก้ไข บางครั้งระหว่างที่ตรวจบรู๊ฟ เป็นคำรบสาม ยังแก้ไขจนเลอะเทอะวุ่นวาย


    สำหรับ ตั้งแกลก, บ้อติ้งเต้าเจี้ยง, เตี่ยปั่วซัว เหล่าจอมยุทธพรรคดอกไม้แดง ตลอดจนฮกคังอัน ยังมีบทบาทปรากฏอยู่ในเรื่อง จิ้งจอกอหังการ ด้วย


    นวนิยายเรื่องนี้ทำให้กิมย้ง ติดอันดับในยุทธจักรนิยายวรยุทธทันที เป็นพื้นฐานความสำเร็จในเรื่องต่อ ๆ ไป แต่นับว่ามีข้อด้อยที่ตัวละครเอกไม่เด่น ความเด่นกลับไปตกอยู่กับหัวหน้าหน่วยพรรค ดอกไม้แดงทั้งหมด 14 คน ซึ่งมี ตั้งแกลก (เฉินเจียลั่ว)ตัวเอกของเรื่อง เป็นหัวหน้าใหญ่ แม้ผู้แต่งจะพยายยามเน้นให้ประมุขพรรค คือ ตั้งแกลก เด่นกว่าคนอื่นก็ตาม แต่ไม่ถึงกับประทับใจผู้อ่านมากนัก ข้าพเจ้า(เก้ากระบี่เดียวดาย) มอว่าอาจะเพราะ ตั้งแกลก ดูเป็นบุคคลที่สมบูรณ์แบบเกินไป มีมาตราฐานจริยธรรมสูงเกินไป ทำให้ผู้อ่านยากจะสัมผัสถึงอารมณ์ความรู้สึกตัวละครตัวนี้ถ้า เทียบกันข้าพเจ้ากลับชมชอบประมุข 14 บันฑิตขลุ่ยทอง ที่เปิดฉากแรกมาด้วยการกระทำผิดต่อลกเปียพี่สะใภ้ นั่นล้วนเป็นการสะท้อนความขัดแย้งในหัวใจของปุถุชนคนธรรมดาออกมาจนผู้อ่านสัมผัสถึงได้ รู้สึกเศร้าเสียใจและเข้าใจในการกระทำของตัวละคร


    ตำนานอักษรกระบี่นั้นถ้าเทียบกันยังมิอาจะนับได้ว่าเป็นยอดวรรณกรรมกำลังภายใน แต่กระนั้นก็ยังจัดเป็นวรรณกรรมที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เปรียบดั่งประกายกระบี่วิเศษสาดส่องจากเพียงแค่เนื้อกระบี่บางส่วนที่ยังมิได้ชักออกจาฝักกระบี่ทั้งหมด แต่เพียงแค่นั้นก็เพียงพอให้ฟ้าหวั่นไหว พสุธาสั่นสะเทือน


     

แชร์หน้านี้

Loading...