ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jul 31, 2024 ด่วน !! BOJ ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย สู่ระดับ 0.25% จากปัจจุบัน 0%-0.1% ส่งสัญญาณจ่อขึ้นดอกเบี้ยอีก ตามภาวะเศรษฐกิจ

    ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 0.25% จากปัจจุบันที่ระดับ 0%-0.1% นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ตัดสินใจปรับลดการซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นรายเดือนลงสู่ระดับ 3 ล้านล้านเยน (2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในสิ้นปี 2569 จากระดับ 6 ล้านล้านเยน

    ทั้งนี้ BOJ คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (core inflation) ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารสด จะอยู่ที่ระดับ 2.5% ภายในสิ้นปีงบประมาณ 2567 และคาดว่าจะอยู่ที่ระดับราว 2% ในปีงบประมาณ 2568 และ 2569

    นอกจากนี้ BOJ ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก และจะปรับระดับการผ่อนคลายทางการเงิน โดยการดำเนินการดังกล่าวอยู่บนสมมติฐานที่ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจะเป็นไปตามคาด

    #BOJ #ดอกเบี้ยนโยบาย #ธนาคารกลางญี่ปุ่น #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/MQ8C5vLdwTi7xvQh/?mibextid=oFDknk
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jul 31, 2024 สูญหายยัง! SCB EIC ชี้เศรษฐกิจไทยออกอาการคล้ายสูญหายใน 10 ปีแทบไม่ต่างจากญี่ปุ่นที่เคยเจอ ถ้าใช่ แถมไม่รีบแก้ เศรษฐกิจไทยสูญหายในทศวรรษยาวไปอีกจนถึงปี 2593

    เอสซีบี อีไอซี (SCB EIC) ซึ่งเป็นสำนักวิจัยเศรษฐกิจในเครือธนาคารเอสซีบี เปิดเผยบทความมีชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในทศวรรษที่สูญหาย ซึ่งทศวรรษที่สูญหาย (The Lost Decade) มีลักษณะสำคัญ คือ เศรษฐกิจเติบโตต่ำติดต่อกันระยะเวลานาน และคนสูญเสียความเชื่อมั่น มีผลต่อการคาดการณ์ บทความดังกล่าวมีดังนี้

    หนึ่งในช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดบนหน้าประวัติศาสตร์เศรษฐกิจโลก คือ ‘ทศวรรษที่สูญหาย’ (The Lost Decade) ทศวรรษที่สูญหายเป็นคำที่ใช้อธิบายเศรษฐกิจญี่ปุ่นในช่วงปี 1990s ซึ่งมีลักษณะสำคัญ 2 ประการ คือ (1) เศรษฐกิจเติบโตต่ำติดต่อกันระยะเวลานาน จนกระทั่ง (2) คนญี่ปุ่นเริ่มสูญเสียความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะกลับมาเติบโตได้เหมือนเดิม พวกเขาจึงเก็บออมและใช้จ่ายน้อยลง ญี่ปุ่นก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่สูญหายหลังเกิดวิกฤตฟองสบู่ราคาสินทรัพย์ ญี่ปุ่นกลายเป็นระบบเศรษฐกิจที่สูญหายยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ

    หากเทียบเศรษฐกิจไทยจากไตรมาสที่วิกฤตโควิด-19 เริ่มต้นขึ้น กับเศรษฐกิจญี่ปุ่นในเวลาฟองสบู่ราคาเริ่มต้นแตกลงจะพบว่า มูลค่าของเศรษฐกิจ (Real GDP) และความเชื่อมั่นของภาคเอกชนของทั้งสองประเทศแยกตัวลงมาจากแนวโน้มก่อนวิกฤตในลักษณะเดียวกัน และต่างก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลับไปยังแนวโน้มก่อนวิกฤตได้เลย

    อาการของเศรษฐกิจไทยชวนให้สงสัยว่า เศรษฐกิจไทยกำลังก้าวตามรอยญี่ปุ่นเข้าสู่ทศวรรษที่สูญหายหรือไม่ เศรษฐกิจไทยออกอาการโตช้ามาตั้งแต่ช่วงวิกฤตโควิด-19 โดยเศรษฐกิจไทย ณ สิ้นปี 2023 ฟื้นตัวเป็นอันดับที่ 162 จาก 189 ประเทศที่สำรวจ และเมื่อมองไปข้างหน้า นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้เพียง 2.5-3.0% ในปี 2024 จากที่เคยเติบโตได้ 5.4% ต่อปีในช่วงปี 2000-2006 และ 3.1% ในช่วงปี 2012-20182 (มีต่อหน้า 2/2)

    (หน้า 2/2) เมื่อลองเทียบเศรษฐกิจญี่ปุ่นในช่วงต้นของทศวรรษที่สูญหายกับเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด จะพบว่าเศรษฐกิจไทยแสดงอาการที่คล้ายกับเศรษฐกิจญี่ปุ่นอย่างมากจนน่าวิตก โดยผลิตภาพแรงงานของไทยหยุดเติบโต จากที่เคยเติบโตช้าอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ขณะที่สถาบันการเงินไทยก็เผชิญกับต้นทุนเครดิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะตั้งแต่ภาครัฐลดความช่วยเหลือด้านสภาพคล่องในปี 2023 ซึ่งตรงกับช่วงไตรมาสที่ 10 หลังเกิดวิกฤตโควิด ส่งผลให้สถาบันการเงินไม่สามารถให้สินเชื่อใหม่ได้ สะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับแรงผลักจาก Financial Accelerator อยู่ในขณะนี้

    ศักยภาพการเติบโตระยะยาวที่เสื่อมถอยลง และข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อส่งผลต่อสถานะทางการเงินของคนไทย สถานการณ์ยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อขยายภาพลงมาดูฐานะการเงินของคนไทยในระดับจุลภาค ข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2023 สะท้อนว่าสัดส่วนของครัวเรือนไทยที่เผชิญปัญหารายได้ไม่พอรายจ่ายคิดเป็นกว่า 41% ของครัวเรือนไทยทั้งประเทศ เพิ่มขึ้นจากปี 2021 ที่เคยอยู่ที่ 32% และพบด้วยว่าครัวเรือนรายได้ปานกลางเริ่มเจอปัญหารายได้ไม่พอรายจ่ายกันมากขึ้น จากเดิมที่ส่วนใหญ่เป็นครัวเรือนรายได้น้อย ขณะเดียวกัน ก็มีภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีรายได้ไม่พอค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้เพิ่มขึ้นราว 5% ระหว่างปี 2021-20223

    จากอาการทั้งหมดที่กล่าวมา ความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจไทยจะก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่สูญหายไปเสียแล้ว และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ประสบการณ์ของประเทศญี่ปุ่นบอกเราว่า เราอาจจะต้องตกอยู่ในทศวรรษที่สูญหายไปยาวนานกว่า 30 ปี หรือจนกว่าจนถึง 2050

    #เอสซีบี #เศรษฐกิจ #ทศวรรษ #สูญหาย #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/1oGBL8x6RJ48tb5A/?mibextid=oFDknk
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jul 31, 2024 ด่วน! น้ำมันดิบตลาดโลกเปิดซื้อขายพุ่งกว่า 3% ไนเม็กซ์แตะ 77.28 ดอลล์ เบร็นท์ อังกฤษ แตะ 80.73 ดอลล์ อิหร่านกล่าวหาอิสราเอลสังหารหัวหน้ากลุ่มฮามาสเสียชีวิต

    ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2024 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ เคลื่อนไหวที่ 77.28 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.55 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +3.51% ก่อนหน้านี้ ราคาปิดลง 3 วันรวมกัน -3.55 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -4.6% ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 80.73 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.67% ก่อนหน้านี้ ราคาปิดลง 3 วันรวมกัน -3.74 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -4.6% ส่งผลเป็นราคาน้ำมันดิบปิดต่ำสุดตั้งแค่ 5 มิถุนายน หรือในรอบ 7 สัปดาห์

    สาเหตุจากรัฐบาลอิหร่านกล่าวหาอิสราเอลอยู่เบื้องหลังการสังหารนายฮานิเยห์ ผู้นำระดับหัวหน้ากลุ่มฮามาสติดอาวุธ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน นายฮานิเยห์เสียชีวิตภายในบ้านพักที่กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน

    ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่ง ปิดลดลง -3% และ -1% ตามลำดับ สิ้นสุดมิถุนายนราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น +5.9% ส่งผลตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงสิ้นสุดไตรมาสที่ 2 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐ และเบร็นท์ อังกฤษ ปิดเพิ่มขึ้น +13.8% และ +12.1% ตามลำดับ

    ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเมื่อวันอังคารผ่านไปที่ปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ มีสาเหตุจากเศรษฐกิจจีนตกต่ำต่อเนื่องสะท้อนจากผลสำรวจสำนักข่าวรอยเตอร์ส พบว่ากิจกรรมภาคการผลิตอุตสาหกรรมของจีนเดือนกรกฎาคมอาจจะหดตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน นอกจากนี้ นักลงทุนประเมินว่ามาตรการกระตุ้นฟื้นเศรษฐกิจจีนของรัฐบาลจีนมีผลไม่มากพอ หรืออยู่ในวงจำกัดเท่านั้น ด้านยอดนำเข้าน้ำมันดิบจากจีนในครึ่งปีแรก พบว่า ลดลงมากถึง -11% นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจจีนมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเงินฝืดในเวลาอันใกล้ (มีต่อหน้า 2/2)

    (หน้า 2/2) ผู้อำนวยการตลาดตราสารอนุพันธุ์พลังงาน บริษัทหลักทรัพย์มิซูโฮ นายบ็อบ ยอวเกอร์ เปิดเผยว่า การเจรจาหยุดยิงของอิสราเอลจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในปัจจุบัน ที่มีส่วนต่างจากราคาปัจจัยพื้นฐานแท้จริง จะลดลงมาระหว่าง 4-7 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล นอกจากนี้ ในวันพฤหัสบดีนี้ 1 สิงหาคม กลุ่มโอเปกพลัสจะมีการประชุมร่วมกับรัสเซีย ซึ่งคาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงมาตรการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงวันละ 2.2 ล้านบาร์เรล

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2022 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน และในปี 2022 ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

    ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันครั้งล่าสุดมีผลวันพรุ่งนี้ 1 สิงหาคม 2567 โดยลดราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ลง 30 สตางค์/ลิตร นับเป็นการลดราคาครั้งที่ 3 ต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคมผ่านมา หรือใน 23 วันผ่านมา ส่งผลให้เป็นราคาน้ำมันที่ถูกที่สุดในรอบ 1 เดือน 1 สัปดาห์ หรือตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายนผ่านมา

    #น้ำมันดิบ #สหรัฐ #อังกฤษ #เศรษฐกิจ #ราคาน้ำมันวันนี้ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/K8qFM8wgkXuFz9Si/?mibextid=oFDknk
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    UPDATE: ป.ป.ช. พร้อมสอบเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิด หากพบเกี่ยวข้องกรณีปลาหมอคางดำ
    .
    วันนี้ (31 กรกฎาคม) นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่อาจมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องกับกรณีการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ป.ป.ช. สามารถเข้าไปตรวจสอบหรือต้องรอให้มีการยื่นเรื่องร้องเรียนมาก่อน
    .
    นิวัติไชยระบุว่า กรณีนี้ไม่จำเป็นต้องรอให้มีผู้มายื่นเรื่องร้องเรียน หาก ป.ป.ช. พบว่ามีเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งละเว้นหรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย
    .
    อย่างไรก็ตาม เรื่องของการตรวจสอบในขณะนี้มีหลายหน่วยงานกำลังดำเนินการตรวจสอบ โดย ป.ป.ช. รอผลการตรวจสอบ ไม่ต้องไปตรวจซ้ำซ้อน เพราะผลการตรวจสอบก็จะชี้ออกมาว่าความบกพร่องเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐปล่อยปละละเลย ประมาท หรือจงใจปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อถึงตอนนั้น ป.ป.ช. ค่อยดึงเรื่องขึ้นมาทำ ถือว่าไม่สาย
    .
    นิวัติไชยกล่าวเพิ่มเติมว่า ป.ป.ช. ได้ติดตามข่าวสารอยู่ตลอด ถ้าพบว่ามีข้อมูลของเจ้าหน้าที่ซึ่งปล่อยปละละเลย ก็สามารถดึงมาดำเนินการได้เลย แต่ขณะนี้ขอรอข้อมูลก่อน ซึ่งในการหาข่าวเราลงไปหาข่าวอยู่แล้ว
    .
    #TheStandardNews

    https://www.facebook.com/share/p/ZDB5xSHiSgrACYR8/?mibextid=oFDknk
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    UPDATE: สภาทนายความเตรียมฟ้องคดีสิ่งแวดล้อมให้ชาวบ้าน 16 จังหวัด หลังได้รับผลกระทบปลาหมอคางดำ พร้อมเอาผิดหน่วยงานรัฐละเลย-ละเว้น
    .
    วันนี้ (31 กรกฎาคม) ที่สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ พร้อมด้วยคณะ ร่วมแถลงผลการตรวจสอบปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ หลังตัวแทน 14 เครือข่ายร้องขอความช่วยเหลือทางกฎหมายและการดำเนินการฟ้องร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
    .
    ดร.วิเชียร กล่าวว่า จากที่สภาทนายความได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านในตำบลยี่สาร ตำบลแพรกหนามแดง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ว่าได้รับความเสียหายจากการระบาดของปลาหมอคางดำที่พบในแหล่งน้ำธรรมชาติและในพื้นที่บ่อเลี้ยงกุ้งและบ่อเลี้ยงปลาของชาวบ้าน ทางสภาทนายความจึงได้ตั้งประธานสภาทนายความจังหวัดรวม 16 จังหวัดเป็นผู้แทน เพื่อร่วมประชุมกับส่วนราชการ กำหนดวิธีแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน
    .
    ต่อมามีชาวบ้านในจังหวัดอื่นๆ ยื่นขอความช่วยเหลือทางกฎหมายเข้ามาเพิ่มเติม เพื่อให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อม สภาทนายความพิจารณา บังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ก่อให้เกิดหรือเป็นต้นเหตุของการระบาดของสัตว์น้ำต่างถิ่น ในกรณีนี้สภาทนายความโดยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมได้จดทะเบียนเป็นองค์กรเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม เมื่อ พ.ศ. 2545 และเป็นสมาชิกของสมัชชาองค์กรเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม สามารถดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนผู้ได้รับอันตรายหรือความเสียหายจากภาวะมลพิษอันเกิดจากการรั่วไหลหรือแพร่กระจายของมลพิษ รวมทั้งเป็นผู้แทนในคดีที่มีการฟ้องร้องต่อศาลเพื่อเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนหรือค่าเสียหายให้แก่ผู้ที่ได้รับอันตรายหรือได้รับความเสียหายนั้นด้วย ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535
    .
    ดร.วิเชียร กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะทำงาน พบว่าปลาหมอคางดำซึ่งเป็นสัตว์น้ำต่างถิ่นที่ได้รับอนุญาตจากกรมประมงให้นำเข้าเพื่อการทดลองศึกษาวิจัยและพัฒนาพันธุ์สัตว์น้ำ โดยมีผู้ประกอบการแห่งหนึ่งเป็นผู้ขออนุญาตนำเข้าและนำเข้ามาศึกษาทดลองเลี้ยงใน พ.ศ. 2553 ที่ศูนย์วิจัยเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จังหวัดสมุทรสงคราม และพบการระบาดของปลาหมอคางดำใน พ.ศ. 2560 เป็นต้นมา โดยเริ่มระบาดครั้งแรกที่ตำบลยี่สาร ตำบลแพรกหนามแดง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม และจากการศึกษาพบว่าสายพันธุ์การระบาดของปลาหมอคางดำมาจากจุดร่วมสายพันธุ์เดียวกัน
    .
    ด้าน ว่าที่ ร.ต. สมชาย อามีน ประธานอนุกรรมการสิ่งแวดล้อมฝ่ายคดีและปฏิบัติการ เปิดเผยว่า การฟ้องร้องคดี เบื้องต้นจะใช้หลักการผู้ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดหรือผู้ก่อให้เกิดมลพิษต้องเป็นผู้จ่ายค่าเสียหาย ซึ่งที่จะเรียกร้องได้มี 3 ประเด็น ส่วนแรก ค่าเสียหายส่วนบุคคลของชาวประมงที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ส่วนที่สอง ค่าเสียหายที่หน่วยงานรัฐจะต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น กรณีใช้งบประมาณ 450 ล้านบาทที่เป็นงบภาษีประชาชน หน่วยงานรัฐต้องมีหน้าที่เรียกค่าเสียหายขจัดปัญหาจากผู้ก่อให้เกิดมลพิษโดยตรง ประการสุดท้าย เมื่อทรัพยากรธรรมชาติสูญเสียไปหน่วยงานรัฐมีหน้าที่เรียกค่าใช้จ่ายจากผู้ก่อให้เกิดปัญหาเป็นค่าเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ
    .
    ว่าที่ ร.ต. สมชาย เปิดเผยต่อว่า ค่าเสียหาย 3 ส่วนนี้จากผู้ก่อมลพิษ เท่าที่มองมี 2 ส่วน คือหน่วยงานที่อนุญาตให้นำปลาหมอคางดำเข้ามาในไทย และละเลย ไม่กำกับดูแลให้ชัดเจน ส่วนเอกชนต้องไปพิจารณาว่าใครนำเข้ามา การนำสัตว์น้ำต่างถิ่นเข้ามาจนเกิดการระบาดในไทย และบังเอิญไปเกิดในถิ่นเพาะเลี้ยงของชาวบ้าน และแพร่กระจายตามแหล่งน้ำธรรมชาติ
    .
    เบื้องต้นหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลปลาหมอคางดำต้องรับผิดชอบ ฐานละเว้นหน้าที่ และหน่วยงานรัฐเหล่านั้นต้องมีหน้าที่ไปเรียกค่าเสียหายต่อผู้ก่อให้เกิดมลพิษดังกล่าว และการนำเข้าครั้งนี้ก็มีหลักฐานว่าบริษัทใดนำเข้าเมื่อไร ระบาดที่บ่อเลี้ยงในพื้นที่ใดบ้าง และแพร่กระจายไปยังพื้นที่ใด บริษัทดังกล่าวต้องรับผิดชอบด้วย
    .
    ดร.วิเชียร กล่าวทิ้งท้ายว่า จากกรณีดังกล่าวคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม สภาทนายความ และคณะกรรมการสำนักงานคดีปกครอง กำหนดแนวทางให้ความช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายใน 2 แนวทางคือ
    .
    1. การดำเนินคดีแพ่งกับผู้ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในประเทศไทย โดยดำเนินคดีแบบกลุ่ม เรียกค่าเสียหายจากการขาดรายได้ของชาวประมง และเรียกค่าเสียหายจากการที่ทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลาย ตามหลักผู้ก่อให้เกิดมลพิษเป็นผู้จ่าย
    .
    2. การดำเนินคดีปกครองกับหน่วยงานอนุญาตที่ละเลย ละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ เป็นการกระทำที่ละเมิดทางปกครอง และให้หน่วยงานอนุญาตขจัดการแพร่ระบาดและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติที่สูญเสียไป โดยให้เรียกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจากผู้ก่อให้เกิดการระบาดของปลาหมอคางดำ รวมทั้งค่าเสียหายจากการที่ต้องสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ
    .
    ภาพ: ฐานิส สุดโต
    .
    #TheStandardPhoto #TheStandardNews #ฐานิสสุดโต

    https://www.facebook.com/share/p/bPzgMMak5ZAk37UB/?mibextid=oFDknk
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    UPDATE: วีระเตือนรัฐบาลถอนคันเร่งโครงการเงินดิจิทัล หวั่นสัญญาณอันตราย ถูกองค์กรอิสระตีความ
    .
    วันนี้ (31 กรกฎาคม) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 9 สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 1 วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจผ่านโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต
    .
    ในช่วงหนึ่ง วีระ ธีระภัทรานนท์ นักวิชาการและสื่อมวลชน ในฐานะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณเพิ่มเติมปี 2567 สัดส่วนของพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ได้อภิปรายสงวนความเห็นต่อที่ประชุมสภา โดยระบุว่า ให้รัฐบาลถอยคันเร่งในการใช้โครงการดังกล่าวกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเห็นชัดเจนว่ามีปัญหาและอาจต้องส่งให้องค์กรอิสระตีความในอนาคต
    .
    นอกจากนี้ ในสถานการณ์ของงบประมาณพบสัญญาณที่เป็นอันตรายคือ ส่วนรายจ่ายดอกเบี้ยที่สูงเกือบ 10% ของรายได้ที่หามาได้ โดยในการจัดทำงบปี 2568 พบมีการตั้งงบเพื่อชดใช้หนี้ 4.1 แสนล้านบาท แบ่งเป็นเงินต้น 1.5 แสนล้านบาท และดอกเบี้ย 2.6 แสนล้านบาท เท่ากับ 9% และยังมีการทำงบขาดดุลสูงที่สุด ติดเพดานงบขาดดุลมากแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ขณะนี้มียอดขาดดุลรวม 8.05 แสนล้านบาท ซึ่งมีเพดานที่สูงสุดโดยไม่ผิดกฎหมายคือ 8.15 แสนล้านบาท ดังนั้นจึงเหลือเงิน 10,000 ล้านบาท ข้อกังวลจึงอยู่ที่วิกฤตการเงินการคลังในอนาคตหากบริหารจัดการไม่ถูกต้องและไม่รอบคอบ
    .
    วีระยังตั้งข้อสังเกตในประเด็นการเมืองด้วยว่า โครงการดังกล่าวเป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นนโยบายหาเสียงที่เป็นภาระต่องบประมาณ และอาจเป็นตัวอย่างของการทำนโยบายที่เสี่ยงต่อการทำงบประมาณในอนาคต ดังนั้นขอให้ สส. พิจารณาก่อนลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว
    .
    “ด้วยเหตุนี้เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตการคลังในอนาคต จึงเสนอให้ลดวงเงินในงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2567 จากเดิม 1.22 แสนล้านบาท เหลือเพียง 50,000 ล้านบาท และลดการขาดดุลจากเดิมจาก 1.22 แสนล้านบาท เหลือเพียง 40,000 ล้านบาท” วีระกล่าว
    .
    จากนั้น สส. ได้อภิปรายแสดงความเห็นกันอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดที่ประชุมสภามีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบเพิ่มเติมฯ ดังกล่าว ในวาระ 2 และ 3 ด้วยคะแนนเสียง 291 ต่อ 161 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง และจะนำร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าพิจารณาในที่ประชุมวุฒิสภาต่อไป
    .
    #ดิจิทัลวอลเล็ต
    #TheStandardNews

    https://www.facebook.com/share/p/sLYyE978eVqdYNzQ/?mibextid=oFDknk
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภาคอสังหาฯ ไทย อ่วม! เศรษฐกิจโตช้า ครึ่งปีหลังเจอ 2 เด้ง ลูกค้ากู้ไม่ผ่าน-ขอสินเชื่อโครงการยาก
    .
    เศรษฐกิจครึ่งแรกปี 2567 โตต่ำ ภาคอสังหาริมทรัพย์เผชิญปัญหาลูกค้ากู้ไม่ผ่านสูงถึง 60-70% ต่อเนื่องไปจนถึงครึ่งปีหลังพบว่า ดีเวลลอปเปอร์ได้รับผลกระทบจากการเข้าถึงแหล่งเงินทุนทั้งในรูปแบบของสินเชื่อโครงการ (Project Loan)และการออกหุ้นกู้ทำให้ระดมทุนยาก!
    .
    เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ครึ่งปีแรกสถานการณ์การซื้อลดลง ส่วนครึ่งหลังปี 2567 ต้องเฝ้าระวังเพราะภาพรวมเศรษฐกิจและเริ่มมีปัญหาหุ้นกู้ จะเห็นว่าตลาดการเงินอยู่ในภาวะที่เปราะบางขึ้น ทุกบริษัทต้องระมัดระวังมากขึ้น จาก 2 ปัจจัยหลัก ปัจจัยแรก ดีมานด์และซัพพลายในตลาดไม่แอคทีฟ การซื้อขายไม่หวือหวา ปัจจัยที่สอง สถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนไหวมากขึ้น
    .
    "ครึ่งหลังปีนี้เจอปัญหา 2 เด้ง ธุรกิจต้องเฝ้าระวังเพราะเข้าถึงแหล่งสินเชื่อ เข้าถึงตลาดเงินยากขึ้น ทำให้เกิดข้อจำกัดในการลงทุน จากปกติบริษัทจะลงทุนมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าตลาดน่าลงทุนหรือไม่ แต่ก็ต้องดูด้วยว่าสถาบันการเงินหรือตลาดทุนเอื้อต่อการกู้เพื่อนำมาลงทุนพัฒนาโครงการหรือเพิ่มทุนสะดวกไหม ครึ่งปีหลังนี้กระแสข่าวหลายอย่างไม่เอื้อต่อการลงทุน ต้องระวังมากขึ้นเพราะผลกระทบเริ่มลามจากคนซื้อมายังคนขาย”
    .
    แนวทางการปรับตัวของเสนาฯ คือ คุมเข้มการลงทุน ดูแลกระแสเงินสดให้ดี เน้นการลงทุนร่วมพันธมิตรไม่ลงทุนคนเดียว ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระลดความเสี่ยงได้ดี ถือเป็นปัจจัยบวก นอกจากนี้้ยังมีโครงการในมือจำนวนมากพอที่จะรองรับความต้องการตลาดโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม ปัจจุบันมีสต็อก 10,000-20,000 ล้านบาท โดย 60-70% เป็นคอนโดมิเนียมจึงเลื่อนเปิดตัวโครงการใหม่ออกไปก่อนจนกว่าถึงเวลาที่เหมาะสมกับสถาณการณ์ตลาด
    .
    ขณะเดียวกันโฟกัสสิ่งที่ตนเองมีความชำนาญ เช่น การทำที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ล่าสุดยื่นขอเข้าโครงการการส่งเสริมการลงทุนกิจการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย (BOI) กว่า 20 โครงการเพื่อช่วยให้ต้นทุนต่ำลง ซึ่งได้รับอนุมัติ 3-4 โครงการ อาทิ เสนาคิทท์ บางนา, เสนา อีโค ทาวน์ รังสิต ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท
    .
    “ต้องยอมรับว่าปีนี้เป้ายอดขายยากเพราะตัวเลขการยกเลิกค่อนข้างสูง ครึ่งปีแรกยอดขายได้ 80% จากเป้าหมาย แต่ไม่รู้ว่ายอดโอนเท่าไร ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โตตามภาวะเศรษฐกิจ ต้องรอดูตัวแปรสำคัญอย่างงบประมาณภาครัฐที่ออกมาว่าจะช่วยกระตุ้นได้มากได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งดิจิทัลวอลเล็ต และมาตรการที่ออกมาช่วยให้คนกล้าตัดสินใจซื้อบ้านมากขึ้น”
    .
    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าจับตามองคือ กลุ่มคนซื้อส่วนหนึ่งเริ่มชะลอการซื้อ ทั้งที่กู้ผ่าน! สะท้อนเห็นถึงความไม่เชื่อมั่นของคนซื้อที่มีต่อสภาพเศรษฐกิจในประเทศจึงไม่กล้าที่จะเป็นหนี้ระยะยาวถึง 30 ปี
    .
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/property/1138047?anm=
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจBusiness #กรุงเทพธุรกิจRealEstate

    https://www.facebook.com/share/p/6tnLDpY9o2khEdeB/?mibextid=oFDknk
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors) อยู่ระหว่างเจรจาความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรฮอนด้าและนิสสัน ซึ่งจะถือเป็นการจับมือกันระหว่าง 3 ค่ายยานยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นที่มียอดขายรวมกันมากกว่า 8 ล้านคัน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์นิกเกอิเมื่อวันอาทิตย์ (28 ก.ค.)
    .
    รายงานระบุว่า มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ซึ่งมีนิสสันถือหุ้นอยู่ 34% จะทำงานร่วมกับฮอนด้าและนิสสันเพื่อสรุปเงื่อนไขในการเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ครั้งนี้ และค่ายรถทั้ง 3 เจ้ายังมีแผนที่จะพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ควบคุมรถยนต์ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันด้วย
    .
    ล่าสุด มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ยังคงปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานชิ้นนี้ ขณะที่โฆษกนิสสันบอกแค่ว่ารายงานดังกล่าวไม่ได้มีพื้นฐานมาจากสิ่งที่บริษัททั้ง 3 ได้ประกาศออกมา ส่วนโฆษกฮอนด้าก็ยังไม่ออกตอบคำถามใดๆ เช่นกัน
    .
    ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในขณะที่นิสสันซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของแดนปลาดิบสูญเสียส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่องในสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งถือเป็น 2 ตลาดใหญ่ที่สุดของแบรนด์ โดยมียอดขายรวมกันคิดเป็นครึ่งหนึ่งของยอดขายรถนิสสันทั่วโลกในช่วง 1 ปีจนถึงเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา
    .
    วันพฤหัสบดีที่แล้ว (25) นิสสันได้ประกาศปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิสำหรับปีงบการเงินที่สิ้นสุดในเดือน มี.ค. ปี 2025 หลังการหั่นราคารถยนต์ในตลาดสหรัฐฯ ทำให้บริษัทแทบจะไม่เหลือผลกำไรในช่วงไตรมาสแรก
    .
    นิสสันและฮอนด้าแถลงเมื่อเดือน มี.ค. ว่ากำลังพิจารณาจับมือเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์เพื่อร่วมกันผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า และพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) สำหรับระบบซอฟต์แวร์ควบคุมรถ
    .
    ทั้งนี้ มิตซูบิชิ ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มพันธมิตรนิสสัน-เรโนลต์ซึ่งมีการประกาศปรับโครงสร้างในปีที่แล้ว โดยมุ่งลดขั้นตอนและเน้นความเป็นหุ้นส่วนเชิงปฏิบัติมากขึ้น
    .
    ความร่วมมือระหว่างนิสสัน ฮอนด้า และมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คาดว่าจะช่วยให้ทั้ง 3 บริษัทสามารถลดต้นทุนและเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งมีค่าย BYD ของจีนและ Tesla ครองตลาดอยู่
    .
    ในจีนซึ่งถือเป็นตลาดรถยนต์ใหญ่ที่สุดในโลก แบรนด์รถจากญี่ปุ่นเคยเป็นที่นิยมก่อนหน้านี้ ทว่าปัจจุบันกลับเผชิญการแข่งขันที่ดุเดือดกับค่ายรถสัญชาติจีนที่เพิ่มกำลังผลิตอย่างต่อเนื่อง และดึงดูดใจผู้บริโภคด้วยราคาที่ถูกกว่า แถมยังมอบเทคโนโลยีและฟีเจอร์อำนวยความสะดวกที่หลากหลาย
    .
    ที่มา: รอยเตอร์

    https://www.facebook.com/share/p/2poE2upxfeWV6iMY/?mibextid=oFDknk
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐฯมาถึงอีกหนึ่งหมุดหมายแห่งสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ หลังตัวเลขหนี้ของประเทศพุ่งผ่านระดับ 35 ล้านล้านดอลลาร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากการเปิดเผยของคณะกรรมาธิการงบประมาณสภาผู้แทนราษฏรอเมริกา เมื่อวันจันทร์(29ก.ค.)

    โจดีย์ อาร์ริงตัน ประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ จากรีพับลิกัน ให้คำจำกัดความพัฒนาการดังกล่าวว่าเป็น "หมุดหมายที่น่ากังวล" พร้อมเรียกร้องให้จัดทำงบประมาณทางการคลังและใช้จ่ายด้วยความรับผิดชอบ พเอแก้ไขหนี้สาธารณะของประเทศที่พอกพูนขึ้นเรื่อยๆ

    "วันนี้ เราหม่นหมองกับอีกหนึ่งหมุดหมายที่น่ากังวล ในภาวะเสื่อมถอยทางการคลัง ในประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดและรุ่งเรืองที่สุดในประวัติศาสตร์" อาร์ริงตันกล่าวในถ้อยแถลง พร้อมแสดงความหวังว่าสมาชิกพรรครีพับลิกันของเขา จะสามารถช่วยบรรเทาสถานการณ์ได้บ้าง หาก โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเดือนพฤศจิกายน

    ตัวเลขหนี้ของสหรัฐฯพุ่งขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แม้ฝ่ายหลังจะให้สัญญาซ้ำๆว่าจะลดยอดหนี้สาธารณะของประเทศ ระหว่างการหาเสียงศึกเลือกตั้งปี 2016

    ตอนที่ ทรัมป์ พ้นจากตำแหน่ง ตัวเลขหนี้ของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 8.4 ล้านล้านดอลลาร์ เป็น 27.7 ล้านล้านดอลลาร์ แต่กว่าครึ่งหนึ่งเป็นการกู้ยืมเกี่ยวกับมาตรการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19

    ทั้งนี้ยอดหนี้ของอเมริกายังคงเป็นไปในทิศทางดังกล่าว ภายใต้การบริหารงานของไบเดน โดยตอนนี้ประธานาธิบดีคนปัจจุบันนำพาประเทศสร้างสถิติใหม่เป็นหนี้ทะลุหลัก 35 ล้านล้านดอลลาร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้อัตราการกู้ยืมจะชะลอตัวลงในช่วงครึ่งสมัยแรกของไบเดน เมื่อเทียบกับยุคทรัมป์ แต่ตอนนี้ยอดหนี้เร่งตัวขึ้น โดยแค่ในปีนี้ปีเดียว สหรัฐฯก่อหนี้เพิ่มเติมไปแล้วอีกกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่หากนับในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ยอดหนี้เพิ่มขึ้นมาราวๆ 2.35 ล้านล้านดอลลาร์

    จากการคำนวณของคณะกรรมาธิการงบประมาณของสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ พบว่าเวลานี้ตัวเลขนี้เท่ากับ 104,497 ดอลลาร์ต่อหัว หรือ 266,275 ดอลลาร์ต่อครัวเรือน

    นโยบายการคลังที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยอย่างต่อเนื่องของสหรัฐฯ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) เมื่อช่วงปลายเดือนที่แล้ว โดยหน่วยงานแห่งนี้ระบุว่าตัวเลขขาดดุลงบประมาณและระดับหนี้ของวอชิงตัน กำลังก่อความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกทั้งมวล

    "ตัวเลขขาดดุลและหนี้ในระดับสูงเช่นนี้ ก่อความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลก มีความเป็นไปได้ที่จะนำมาซึ่งต้นทุนการเงินการคลังที่สูงขึ้นและก่อความเสี่ยงมากขึ้นต่อหนี้ที่ใกล้กำหนดชำระ" ไอเอ็มเอฟระบุในถ้อยแถลง พร้อมบอกว่า "การขาดดุลงบประมาณเรื้อรังเช่นนี้ เป็นตัวแทนของนโยบายการคลังที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการจัดการเป็นการด่วน"

    (ที่มา:อาร์ทีนิวส์)
    https://www.facebook.com/share/p/Drm92KCjZcfEVjXd/?mibextid=oFDknk
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,318
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดินถล่มรัฐเกรละในอินเดียสุดสะพรึงยอดดับทะลุเกิน 100 หลังเกิดฝนมรสุมตกลงมาอย่างหนัก (ชมคลิป)
    .
    .
    .
    .
    .
    เอเอฟพี - มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 108 คนวันอังคาร(30 ก.ค)และบาดเจ็บร้อยกว่าในรัฐเกรละหลังเกิดฝนหน้ามรสุมตกลงมาอย่างหนักทำให้เกิดดินถล่ม สามารถช่วยออกมาได้ราว 250 คน
    .
    เอเอฟพีรายงานวันนี้(30 ก.ค)ว่า มุขมนตรีรัฐเกรละ พินารายี วิจายัน (Pinarayi Vijayan) กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “ผลจากหายนะนี้ทำให้เสียชีวิต 108 คน” และกล่าวต่อว่า “นี่เป็นหนึ่งในเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่เคยได้เห็นมา”
    .
    และมีอีกราว 128 คนกำลังอยู่ระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลังช่วยออกมาได้
    .
    ขณะที่นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี โพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่า “ความคิดคำนึงของผมอยู่กับผู้ที่สูญเสียและขอสวดภาวนาให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหลาย”
    .
    อินเดียเกิดดินถล่มในแหล่งปลูกชาชั้นนำของประเทศที่เขต วายานาด (Wayanad) รัฐเกรละหลังฝนหน้ามรสุมเกิดตกลงมาอย่างหนักและทำให้มีผู้เสียชีวิตไปไม่ต่ำกว่า 108 คนในวันอังคาร(30) และอีกไม่ต่ำกว่า 250 สามารถช่วยออกมาได้จากกองโคลนและซากชิ้นส่วนปรักหักพัง
    .
    เขตวายานาดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดถูกตัดขาดเนื่องมาจากถนนที่จะเข้ามาถูกปิดกั้นสร้างความลำบากมากขึ้นแก่ทีมกู้ภัยแดนภารตะ
    .
    มีบ้านขนาดใหญ่ไม่กี่หลังในเขตพบกับดินถล่มถึง 2 ครั้งติดต่อกันก่อนรุ่งสางเกิดขึ้นในขณะที่คนอยู่ด้านในกำลังหลับไหล
    .
    ภาพที่เผยแพร่ออกมาจากหน่วยงานรับมือภัยพิบัติธรรมชาติอินเดียแสดงให้เห็นว่า ทีมกู้ภัยกำลังเดินช้าๆผ่านโคลนเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตและแบกศพบนแคร่หามออกไปจากพื้นที่
    .
    บ้านเรือนต่างเต็มไปด้วยโคลนตมสีน้ำตาลและผลจากดินถล่มทำให้รถรากระจัดกระจาย รวมไปถึงหลังคาสังกะสีและซากปรักหักพังอื่นๆทั่วพื้นที่ภัยพิบัติ
    .
    เอเอฟพีรายงานว่า กองทัพอินเดียแถลงว่า ได้ส่งกำลังทหารกว่า 200 นายเข้าไปในพื้นที่ประสบภัยเพื่อให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงในปฎิบัติการกู้ภัยและค้นหา
    .
    สำนักงานนายกรัฐมนตรีอินเดียประกาศว่า ครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินเยียวยา 200,000 รูปีหรือราว 2,400 ดอลลาร์
    .
    วิจายันกล่าวว่ามีไม่ต่ำกว่า 3,000 คนอาศัยอยู่ในที่พักฉุกเฉินตั้งอยู่ทั่วเขตวายานาด
    .
    คาดว่าจะมีฝนตกลงมาเพิ่มขึ้นและลมแรงที่รัฐเกรละในวันอังคาร(30) และมุขมนตรีได้เรียกร้องร้องให้ประชาชนเตรียมความพร้อมและฟังคำเตือนภัยพิบัติจากเจ้าหน้าที่
    .
    ผู้สนใจสามารถชมชุดภาพและคลิปเพิ่มได้ที่...https://mgronline.com/around/detail/9670000064578
    https://www.facebook.com/share/p/d4RrUiedKQAJgzYM/?mibextid=oFDknk
     

แชร์หน้านี้

Loading...