ติดตามสถานการณ์ "ซีเรีย" สงครามจะขยายขอบเขตหรือไม่???

ซีเรียตกลงทำลายอาวุธเคมีตามข้อเสนอของยูเอ็น
วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2556 เวลา 12:08 น.


รมว.การสื่อสารของซีเรียให้สัมภาษณ์สื่ออังกฤษ ประกาศยอมรับแผนการร่วมระหว่างสหรัฐกับรัสเซีย ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ระบุให้ซีเรียทำลายอาวุธเคมีทั้งหมดของตน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ว่า นายโอมราน อัล-ซอห์บี รมว.การสื่อสารซีเรีย กล่าวขณะให้สัมภาษณ์กับ “ไอทีวี”สถานีโทรทัศน์ของอังกฤษ” ว่า ซีเรียตกลงยอมให้คำมั่น ที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมระหว่างสหรัฐกับรัสเซีย ที่ผ่านความเห็นชอบของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ซึ่งระบุให้ซีเรียอนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจสอบจำนวนอาวุธเคมีของดามัสกัส ก่อนเข้าสู่กระบวนการทำลายอาวุธดังกล่าวให้หมดสิ้น โดยนายซอห์บี ยังระบุอีกว่า ขณะนี้ซีเรียได้เตรียมการโดยการเริ่มจดบัญชีอาวุธเคมีที่ตนมีอยู่ในครอบครองแล้ว

อย่างไรก็ตาม นายจอห์น แคร์รี่ รมว.กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ยังกล่าวอีกว่า สหรัฐยังคงตรึงกำลังที่จะสามารถเข้าโจมตีซีเรียได้ทุกเมื่อ หากซีเรียบิดพลิ้วไม่ทำตามข้อตกลงที่ตนให้คำมั่นไว้

นอกจากนี้ รัฐบาลซีเรียยังแสดงออกถึงความโกรธแค้นสหรัฐ เนื่องจากวอชิงตันประกาศให้ความช่วยเหลือด้านอาวุธกับกลุ่มกบฏ

ซีเรียตกลงทำลายอาวุธเคมีตามข้อเสนอของยูเอ็น | เดลินิวส์

 

ข้อตกลงปลดอาวุธเคมีซีเรียฉุดน้ำมันดิ่ง ทองคำ-หุ้นสหรัฐฯขึ้น

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 กันยายน 2556 04:29 น.

เอเอฟพี - น้ำมันโลกวานนี้(16) ยังดิ่งลงหนักต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่แล้ว หลังสหรัฐฯและรัสเซียบรรลุข้อตกลงกำจัดอาวุธเคมีซีเรีย คลายกังวลทางอุปทาน ส่วนวอลล์สตรีทและทองคำขยับขึ้น หลังนายแลร์รี ซัมเมอร์ส ประกาศถอนตัวออกจากการชิงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 1.62 ดอลลาร์ ปิดที่ 106.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.63 ดอลลาร์ ปิดที่ 110.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

แรงเทขายเป็นผลมาจากสหรัฐฯและรัสเซียบรรลุข้อตกลงปลดและทำลายอาวุธเคมีของซีเรียในช่วงกลางปี 2014 ปัจจัยนี้คลายความกังวลทางอุปทานต่อกรณีวอชิงตันอาจใช้กำลังทหารโจมตีดามัสกัส โดยแม้ ซีเรีย จะไม่ใช่ผู้ส่งออกรายสำคัญ แต่นักลงทุนก็กังวลว่าสงครามอาจลุกลามไปสู่ชาติเพื่อนบ้านซึ่งเป็นแหล่งผลิตพลังงานรายใหญ่

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(16)ขยับขึ้นแรง จากข่าวนายแลร์ ซัมเมอร์ส ถอนตัวจากการชิงตำแหน่งประธานธนาคารกลางอเมริกา(เฟด) หลังนายเบน เบอร์นันกี ผู้นำคนปัจจุบันจะหมดวาระลงในเดือนมกราคมปีหน้า

ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 118.49 จุด (0.77 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,494.55 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 9.60 จุด (0.57 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,697.59 จุด แนสแดค ลดลง 4.33 จุด (0.12 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,717.85 จุด

นายแลร์รี ซัมเมอร์ส ประกาศถอนตัวออกจากการชิงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ แทน นายเบน เบอร์นันกี ส่งผลให้ตลาดหุ้นขานรับด้วยการปรับขึ้น เนื่องจากนายซัมเมอร์ส มีมุมมองต่อ QE ในลักษณะของการชะลอวงเงินให้เร็วที่สุด

ปัจจัยนี้เองที่ส่งผลให้ราคาทองคำวานนี้(15) ปิดบวกได้เล็กน้อย หลังจากช่วงปลายสัปดาห์ก่อนขยับลงอย่างหนัก โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 9.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,317.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ตุรกีสอยเฮลิคอปเตอร์ซีเรียละเมิดน่านฟ้าร่วง
วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2556 เวลา 23:39 น.

ตุรกีอ้างยิงเฮลิคอปเตอร์ของซีเรียที่บินละเมิดนานฟ้าตกในดินแดนของซีเรียวันนี้ หลังจากเฮลิคอปเตอร์ซีเรียบินล่วงล้ำเข้ามาถึง 2 กิโลเมตร


สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงอังการา ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ว่า นายบูเลนต์ อาริงซ์ รองนายกรัฐมนตรีตุรกี เปิดเผยว่า เครื่องบินรบของตุรกี ยิงเฮลิคอปเตอร์ของซีเรียลำหนึ่ง ตกในวันนี้ หลังจากบินล่วงล้ำน่านฟ้าตุรกี และยังคงลาดตระเวนตามแนวพรมแดน “วันนี้ เวลา 14.20 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 18.20 น.ตามเวลาในไทย เฮลิคอปเตอร์ Mi-17 ของซีเรีย บินละเมิดพรมแดนของตุรกี ในเขตกูเซกซี เมืองเยย์ลาดากี จังหวัดฮาเตย์ เข้ามาลึก 2 กิโลเมตร” อาริงซ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงอังการา หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี

เขากล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของตุรกีส่งสัญญาณเตือนหลายครั้ง แต่เมื่อยังมีการละเมิดอยู่ เครื่องบินของตุรกีจึงยิงเฮลิคอปเตอร์เมื่อเวลา 14.25 น.ตามเวลาท้องถิ่น ด้วยขีปนาวุธ ซึ่งทำให้เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวตกลงในดินแดนของซีเรีย

ทั้งนี้ ตุรกี หนึ่งในประเทศที่วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย อย่างดุเดือด สนับสนุนการแทรกแซงทางทหารในซีเรีย และผิดหวังไม่น้อยที่เห็นชาติตะวันตกไม่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ตุรกี ซึ่งมีพรมแดนติดกับซีเรีย เป็นระยะทางยาว 900 กิโลเมตร ต้องแบกรับภาระผู้ลี้ภัยชาวซีเรียหลายแสนคนที่อพยพหลบหนีความขัดแย้งในประเทศ


ตุรกีสอยเฮลิคอปเตอร์ซีเรียละเมิดน่านฟ้าร่วง | เดลินิวส์

 

รายงานยูเอ็นชัดซีเรียใช้แก๊สซารินโจมตีพลเรือน
วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2556 เวลา 23:00 น.

รายงานของคณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาวุธเคมีในซีเรียของยูเอ็น ชี้ชัดว่า มีการใช้แก๊สทำลายระบบประสาทซาริน โจมตีชานกรุงดามัสกัส เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเท่ากับบอกเป็นนัยว่า รัฐบาลซีเรียต้องรับผิดชอบ

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ หรือยูเอ็น เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ว่า รายงานของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาวุธเคมีในซีเรียของยูเอ็น ซึ่งมีนายอัคเค เซลล์สตรอม เป็นหัวหน้า ยืนยันว่า มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่า มีการใช้แก๊สซารินในการโจมตีด้วยจรวดในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงซีเรียเมื่อเดือนที่แล้ว โดยนายเซลล์สตรอม ได้มอบรายงานฉบับดังกล่าวเกี่ยวกับการโจมตีในชานกรุงดามัสกัม เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ให้กับนายบัน คี-มูน เลขาธิการยูเอ็นในวันนี้

รายงานดังกล่าวระบุว่า บนพื้นฐานของหลักฐานที่รวบรวมได้ระหว่างการสอบนสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองกูตา สรุปว่า มีการใช้อาวุธเคมีในความขัดแย้งที่กำลังคุกรุ่นในซีเรีย โจมตีพลเรือน ซึ่งรวมทั้งเด็ก ในปริมาณมาก จากตัวอย่างด้านสภาพแวดล้อม สารเคมี และยา ที่เก็บรวบรวมได้ แสดงหลักฐานอย่างชัดเจน และเชื่อถือได้ว่า มีการใช้จรวดแบบพื้นสู่พื้น บรรจุแก๊สทำลายระบบประสาทซาริน

ภาพถ่ายที่เปิดเผยโดยยูเอ็น แสดงให้เห็นว่า นายเซลล์สตรอม ได้มอบรายงานฉบับดังกล่าว ซึ่งจะมีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการในบ่ายวันนี้ตามเวลาในไทย ให้นายบัน โดยมีการซูมภาพในระยะใกล้จนสามารถอ่านข้อความได้อย่างชัดเจน โดยผลของการสอบสวนของนายเซลล์สตรอม ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ประกาศว่า มีการใช้แก๊สซารินโจมตีในเมืองกูตาใกล้กรุงดามัสกัส

เจ้าหน้าที่ทูตตะวันตกบางคน ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวว่า ข้อมูลเกี่ยวกับชนิดของอาวุธและรายละเอียดอื่น ๆ ที่นายเซลล์สตรอมอาจมีอยู่ อาจบอกเป็นนัยว่า รัฐบาลซีเรียต้องรับผิดชอบการโจมตีครั้งนี้ ซึ่งซีเรียและรัสเซีย ประณามว่า การโจมตีเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นฝีมือของกบฏ ในขณะที่ กบฏ สหรัฐและมหาอำนาจตะวันตก ต่างประณามว่า กองทัพของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้

ก่อนหน้านี้ คณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบยูเอ็น กล่าวว่า พวกเขากำลังสอบสวนการโจมตีด้วยอาวุธเคมี 14 ครั้งในซีเรียตั้งแต่เดือนกันยายน 2554


รายงานยูเอ็นชัดซีเรียใช้แก๊สซารินโจมตีพลเรือน | เดลินิวส์

 

สหรัฐลั่น "อัสซาด" ต้องรับผิดชอบเรื่องอาวุธเคมี
วันอังคารที่ 17 กันยายน 2556 เวลา 09:08 น.

แม้รายงานเรื่องอาวุธเคมีในซีเรียของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) จะระบุเพียงว่า เป็นการใช้แก๊สพิษซาริน แต่สหรัฐและพันธมิตรพร้อมใจกันอ้างทันทีว่า ฝ่ายรัฐบาลซีเรียต้อง "รับผิดชอบ"


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ว่านายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) แถลงหลังได้รับมอบรายงานผลตรวจสอบการใช้อาวุธเคมีในซีเรียจากนายอเค เซลสตรอม ผู้เชี่ยวชาญชาวสวีดิช ในฐานะหัวหน้าทีมผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเดินทางลงสำรวจพื้นที่ด้วยตัวเอง ยืนยันมีการใช้อาวุธเคมีเกิดขึ้นจริง โดยผู้ก่อเหตุใช้วิธียิงจรวดแบบพื้นสู่พื้นบรรจุแก๊สพิษซาริน ซึ่งมีฤทธิ์ทำลายระบบประสาทอย่างรุนแรง ลงมาตกที่เขตโกตา ชานกรุงดามัสกัส เมื่อวันที่ 21 ส.ค. คร่าชีวิตประชาชนกว่า 1,400 ศพ

บันกล่าวว่า ทุกคนที่มีส่วนร่วมในการก่อ "อาชญากรรมสงคราม" อันโหดร้ายเช่นนี้ ต้องได้รับโทษตามกฎหมายสากลโดยไม่มีข้อยกเว้น แต่ปฏิเสธจะกล่าวในเวลานี้ว่า จะใช้วิธีการใดในการตามล่าตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ

แม้รายงานจะไม่ได้ระบุชัดว่า ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง แต่นางซาแมนธา พาวเวอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็น กล่าวว่า หลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่รัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย เนื่องจากข้อมูลตอนหนึ่งในรายงานเผยว่า จรวดบนนจุแก๊สพิษซารินที่ใช้ มีขนาด 122 มิลลิเมตร ตรงกับขนาดของจรวดที่กองทัพซีเรียครอบครองยู่ นอกจากนี้ แก๊สพิษที่ใช้ยังทรงอานุภาพกว่าที่เคยมีการใช้ในอิรักด้วย

ขณะที่นายวิลเลียม เฮก รมว.กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ แถลงแสดงการตอบรับรายงานของยูเอ็น ซึ่งข้อมูลทุกอย่างบ่งชี้ชัดเจน ว่ารัฐบาลซีเรียคือผู้ก่อเหตุ แม้จะไม่มีการกล่าวถึงโดยตรงก็ตาม เช่นเดียวกับนายโลรองต์ ฟาบิอุส รมว.กระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส ซึ่งกล่าวว่า ส่วนผสมของแก๊สพิษ วัตถุที่บรรจุ และรูปแบบของการโจมตีบอกชัดอยู่แล้วว่า เป็นฝีมือของ "ใคร"


สหรัฐลั่น "อัสซาด" ต้องรับผิดชอบเรื่องอาวุธเคมี | เดลินิวส์

 

มหาอำนาจตะวันตกดันมติยูเอ็นคุมซีเรียกำจัดอาวุธเคมี
วันอังคารที่ 17 กันยายน 2556 เวลา 15:57 น.

3 ชาติมหาอำนาจตะวันตก พยายามอย่างหนักให้ยูเอ็นคลอดมติบีบซีเรียให้กำจัดอาวุธเคมี ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามต้องมีบทลงโทษ หนึ่งวันหลังยูเอ็นรับรายงานยืนยันว่า มีการใช้แก๊สซารินโจมตีพลเรือนในชานกรุงดามัสกัสเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากสำนักงานสหประชาชาติ ในนิวยอร์ก ของสหรัฐ เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ว่า มหาอำนาจตะวันตก ยังคงเดินหน้าใช้ความพยายามในการผลักดันให้สหประชาชาติ หรือยูเอ็น คลอดมติกำจัดอาวุธเคมีของซีเรีย หนึ่งวันหลังจากรายงานขององค์การโลกแห่งนี้ ระบุว่า มีการใช้แก๊สทำลายระบบประสาทโจมตีพลเรือนอย่างเลือดเย็นในชานกรุงดามัสกัส เมืองหลวงซีเรียเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยผู้เชี่ยวชาญของยูเอ็น ซึ่งยังไม่ได้ตำหนิฝ่ายใด กล่าวว่า ได้รวบรวม “หลักฐานที่มีความชัดเจนและเชื่อถือได้” ว่า มีการใช้จรวดแบบพื้นสู่พื้นบรรจุแก็สซาริน ยิงโจมตีเมืองกูตา พื้นที่ยึดครองของฝ่ายค้าน ชานกรุงดามัสกัสในวันดังกล่าว

รัฐบาลสหรัฐขู่ใช้ปฏิบัติการทางทหารโจมตีซีเรีย เพื่อลงโทษกรณีดังกล่าว ซึ่งสหรัฐระบุว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,400 คน รัฐบาลวอชิงตันบอกด้วยว่า รัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ต้องรับผิดชอบโดยตรงต่อการโจมตีครั้งนี้

ซามันธา เพาเวอร์ เอกอัครราชทูตประจำยูเอ็นของสหรัฐ กล่าวว่า รายละเอียดทางเทคนิคของรายงานยูเอ็น มีความชัดเจนว่า รัฐบาลซีเรียเท่านั้นสามารถโจมตีด้วยอาวุธเคมีจำนวนมากขนาดนี้ได้ มันขัดแย้งกับหลักเหตุผลที่คิดว่า ฝ่ายค้านจะแทรกซึมในพื้นที่ควบคุมของรัฐบาลแล้วยิงโจมตีพื้นที่ยึดครองของฝ่ายค้าน ขณะที่นายโลรองต์ ฟาบิอุส รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า ไม่ต้องสงสัยว่า กองทัพรัฐบาลซีเรียต้องรับผิดชอบ และนายวิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวว่า รายงานฉบับดังกล่าว มีความชัดเจนอย่างมากว่า รัฐบาลซีเรียอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้

ทั้งนี้ ฝรั่งเศสและอังกฤษจะส่งร่างมติต่อสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นชาติอื่น ๆ เรียกร้องให้ต้องมีบทลงโทษ หากประธานาธิบดีอัสซาดไม่ปฏิบัติตามแผนปลดอาวุธ และให้ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือไอซีซี พิจารณาคดีเรื่องการโจมตีด้วยอาวุธเคมี



มหาอำนาจตะวันตกดันมติยูเอ็นคุมซีเรียกำจัดอาวุธเคมี | เดลินิวส์

 

สหรัฐโวยรัสเซีย”เพิกเฉยข้อเท็จจริง”ซีเรียใช้อาวุธเคมี
วันพุธที่ 18 กันยายน 2556 เวลา 09:55 น.

สหรัฐกล่าวหารัสเซียเพิกเฉยข้อเท็จจริงซีเรียใช้อาวุธเคมี ขณะที่ เลขายูเอ็นเตรียมหารือกับชาติมหานาจเพื่อแก้วิกฤตซีเรีย


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ว่า รัฐบาลสหรัฐกล่าวหารัสเซียเพิกเฉยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้แก๊สพิษโจมตีในซีเรีย ส่งผลให้สถานการณ์ระหว่างประเทศตะวันตกกับรัสเซียตึงเครียดขึ้นในช่วงการหาทางกำจัดอาวุธเคมีซีเรีย แม้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการทำข้อตกลงระหว่างคู่ปรับแห่งยุคสงครามเย็น เพื่อทำลายอาวุธเคมีซีเรียให้หมดสิ้นภายในช่วงกลางปีหน้า แต่สองฝ่ายก็ยังคงมีความเห็นต่างเกี่ยวกับการประเมินเหตุการณ์วันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมาในการใช้อาวุธเคมี ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน


รัสเซียยืนกรานว่า การโจมตีพื้นที่กูตาแถบชานกรุงดามัสกัสเป็นการยั่วยุของฝ่ายตรงข้ามที่สู้รบกองกำลังทหารของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย ขณะที่ สหรัฐและฝรั่งเศส ยังคงต้องการให้ใช้กำลังทหารโจมตีกองกำลังของนายอัสซาด และเชื่อว่า ผลการประเมินของคณะผู้เชี่ยวชาญสหประชาชาติที่ประกาศออกมาเมื่อวันจันทร์ สนับสนุนแนวความคิดของพวกเขา อย่างไรก็ตาม หลังการประชุมกับนายโลรองต์ ฟาบิอุส รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสเมื่อวันอังคาร นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวย้ำถึงข้อกล่าวหาของรัสเซียว่า เหตุโจมตีเมื่อ 21 ส.ค. เป็นฝีมือของฝ่ายกบฎ


นายลาฟรอฟ บอกว่ารายงานของยูเอ็นพิสูจน์ให้เห็นว่า มีการใช้อาวุธเคมีในซีเรียจริง แต่ไม่ได้มีการระบุอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลนายอัสซาดอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ ซึ่งรัสเซียยังคงเชื่อว่า ฝ่ายต่อต้านใช้อาวุธเคมีเพื่อยั่วยุรัฐบาลซีเรีย พร้อมกับเรียกร้องมหาอำนาจโลกอย่าใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ ส่วนนายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติมีแผนหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศของ 5 สมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงฯ นอกรอบการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก จากนั้นอีก 3 วันต่อมา นายบัน จะหารือกับนายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐและนายลาฟรอฟ เพื่อแก้วิกฤตซีเรีย

สหรัฐโวยรัสเซีย”เพิกเฉยข้อเท็จจริง”ซีเรียใช้อาวุธเคมี | เดลินิวส์

 

อัสซาดยันปลดอาวุธเคมีภายในหนึ่งปี
วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2556 เวลา 07:19 น.

ประธานาธิบดีอัสซาด ผู้นำซีเรีย ให้สัมภาษณ์สื่อสหรัฐ พร้อมปฏิบัติตามข้อตกลงปลดอาวุธเคมี และส่งมอบให้ต่างชาติควบคุม โดยกำหนดเวลาหนึ่งปีในการกำจัด

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ว่า ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลของเขาจะปฏิบัติตามข้อตกลงในการปลดอาวุธเคมีที่มีอยู่ทั้งหมด และส่งมอบอาวุธให้ชาติใดก็ตามที่จะต้องจัดการกับมัน แต่เตือนว่า มันอาจต้องใช้เวลานาน 1 ปี โดยอัสซาด ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ ของสหรัฐ ระบุว่า รัฐบาลของเขาจะปลดอาวุธเคมีมรณะ แต่ยืนยันว่า กองทัพของเขาไม่มีส่วนรับผิดชอบในเหตุการณ์โจมตีด้วยอาวุธเคมีนอกกรุงดามัสกัส เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งแผนการปลดอาวุธเคมีของซีเรีย ถูกเปิดเผยโดยสหรัฐและรัสเซียเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว

ขณะที่ มหาอำนาจตะวันตกต้องการให้ข้อตกลงดังกล่าว มีมติของสหประชาชาติมารองรับ ด้วยการสนับสนุนให้ใช้กำลังทหาร หากซีเรียไม่ปฏิบัติตาม แต่รัสเซียคัดค้าน

เมื่อพูดถึงปัญหาการทำลายอาวุธเคมีที่ซีเรียมีอยู่ นายอัสซาด กล่าวว่า มันเป็นการปฏิบัติที่ยุ่งยากซับซ้อนทางเทคนิค และมันต้องใช้เงินมาก ซึ่งบางทีอาจถึงประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอาจต้องใช้เวลา 1 ปี หรืออาจน้อยกว่านี้ ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับผู้เชี่ยวชาญว่าพวกเขาจะดำเนินการได้รวดเร็วขนาดไหน ถ้อยแถลงของนายอัสซาด มีขึ้นไม่นานหลังจากเจ้าหน้าที่ทูตระดับสูงของรัสเซีย กล่าวว่า ซีเรียจะปฏิบัติตามพันธสัญญาเพื่อกำจัดอาวุธเคมีให้ได้ภายในกลางปี 2557

หลังจากการเจรจากันในซีเรีย นายเซอร์เก เรียบคอฟ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า ประธานาธิบดีอัสซาดมีความจริงจังมากเกี่ยวกับแผนการปลดอาวุธเคมี นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ซีเรียยังได้มอบหลักฐานวัตถุให้เขา ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า กองกำลังกบฏมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีด้วยแก๊สซารินเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของสหรัฐ ที่ระบุว่า รัฐบาลซีเรียต้องรับผิดชอบ

นายเรียบคอฟ ยังเปิดปากวิพากษ์วิจารณ์สหประชาชาติด้วยว่า มีอคติและเลือกข้าง ในรายงานเกี่ยวกับการโจมตีด้วยอาวุธเคมีที่นำเสนอต่อเลขาธิการยูเอ็นเมื่อวันก่อน ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้างที่ยูเอ็นออกมาปฏิเสธ

ทั้งนี้ มีประชาชนมากกว่า 100,000 คนเสียชีวิต ตั้งแต่เริ่มสงครามกลางเมืองในซีเรียเมื่อต้นปี 2554 ขณะที่ ประชาชนอีกหลายล้านคนหลบหนีออกนอกประเทศ และอีกหลายล้านคน ไร้ที่อยู่อาศัย


อัสซาดยันปลดอาวุธเคมีภายในหนึ่งปี | เดลินิวส์

 

"อัสซาด" ชี้วิกฤตในซีเรียไม่ใช่ "สงครามกลางเมือง"
วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2556 เวลา 07:57 น.

สหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) เปิดการประชุมเรื่องการหาทางปลดอาวุธเคมีซีเรีย ตามข้อตกลงเบื้องต้นของสหรัฐและรัสเซีย ขณะที่รัฐบาลดามัสกัสอ้าง วิกฤตที่เกิดขึ้นในประเทศไม่ใช่ "สงครามกลางเมือง" แต่เป็น "สงครามต่อต้านกลุ่มก่อการร้าย"

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ว่าเอกอัครราชทูตสหรัฐ รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส และจีน ซึ่งเป็น 5 ประเทศสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอชซี ) ประชุมนัดพิเศษร่วมกันนานราว 2 ชั่วโมง เพื่อหารือแนวทางควบคุมอาวุธเคมีของรัฐบาลซีเรีย ซึ่งการประชุมดังกล่าวถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ หลังนายจอห์น แคร์รี รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเรื่องการควบคุมอาวุธเคมีของดามัสกัส ในการประชุมระดับทวิภาคี ที่สวิตเซอร์แลนด์

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เนื่องจากรัสเซียและจีนยังคงมีแนวคิดต่างจากสหรัฐ อังกฤษ และฝรั่งเศส เกี่ยวกับกระบวนการทางการทูตโดยรวม เพื่อยุติวิกฤตการสู้รบที่ยืดเยื้อมานานถึง 30 เดือน แต่กระนั้น นายมาร์ต แกรนต์ ทูตอังกฤษประจำยูเอ็น เผยในภายหลังว่า กำลังร่างหลักการอ้างอิงตามมาตรา 7 ของกฎบัตรยูเอ็น ที่แม้จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับการแทรกแซงทางทหาร แต่อังกฤษยืนยันจะไม่รวมขั้นตอนนี้เข้าไปในข้อเสนอ

ขณะที่สถานีโทรทัศน์ ฟ็อกซ์ ของสหรัฐ ออกอากาศเทปบันทึกการสัมภาษณ์ ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย ซึ่งกล่าวในตอนหนึ่งว่า เขากำลังบัญชาการกองทัพให้ต่อสู้อย่างหนัก เพื่อกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายอัล-กออิดะห์ ที่แฝงตัวเข้ามาก่อความรุนแรงในประเทศ และสังหารทหารรัฐบาลไปแล้วกว่า 15,000 ศพ ดังนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมี.ค. 2554 ไม่ใช่สงครามกลางเมือง แต่เป็นสงคราม "ยุคใหม่" เพื่อต่อสู้กับกลุ่มผู้ประสงค์ร้าย พร้อมกับขอให้รัฐบาลสหรัฐหนุด "ข่มขู่" เขาเสียที

"อัสซาด" ชี้วิกฤตในซีเรียไม่ใช่ "สงครามกลางเมือง" | เดลินิวส์

 

ไม่รู้จะเชื่อใคร

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=6Wxu1Aw7W3s]สงครามโลกครั้งที่ 3 พุทธพยากรณ์ - YouTube[/ame]

 

ดูข่าวฝรั่ง นักวิเคราะห์ข่าวนอกกระแสหลักเชื่อกันว่า รัฐบาลพี่เบิ้มจะพยายามหาเหตุถล่มซีเรีย เพื่อจุดชนวนสงครามตะวันออกกลาง และจะจัดการอิหร่าน จะได้เป็นข้ออ้างที่ปัญหาเศรษฐกิจแก้ไม่ตก
แต่คนอเมริกันก็กลัวว่ารัสเซียกับจีนจะเข้าแทรก แล้วจะบานปลาย และนายพลอเมริกันจำนวนมากก็ไม่เห็นด้วยกับโอบามา ทหารอเมริกันส่วนมากก็ไม่เห็นด้วย

 

USA-รัสเซียเห็นชอบเนื้อหาปลดอาวุธเคมีซีเรีย

By สำนักข่าวไทย TNA News | 27 ก.ย. 2556 07:37 |

นักการทูตเผยว่า สหรัฐและรัสเซียเห็นชอบโครงร่างเนื้อหาร่างมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) เรื่องการทำลายอาวุธเคมี และจะมีการประชุมสมาชิกยูเอ็นเอสซี 15 ชาติเป็นครั้งแรกในเวลา 07.00 น.วันนี้ตามเวลาในไทย

 

ยูเอ็นเตรียมโหวตมติปลดอาวุธเคมีซีเรีย
วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2556



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ว่าที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) มีกำหนดประชุมกันในวันศุกร์ที่ 27 ก.ย. เวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของนครนิวยอร์ก ( 07.00 น. วันที่ 28 ก.ย. ตามเวลาในประเทศไทย ) เพื่อพิจารณาร่างหลักการปลดอาวุธเคมีของรัฐบาลซีรเย ให้อยู่ภายใต้การควบคุมขององค์การเพื่อการห้ามใช้อาวุธเคมี ( โอพีซีดับเบิลยู )

แม้จะยังไม่มีการกำหนดวันลงมติอย่างเป็นทางการ แต่หากที่ประชุมเห็นชอบในรายละเอียดของร่างหลักการ การลงมติสามารถเกิดขึ้นได้ทันที และจะถือเป็นมติเรื่องซีเรียข้อแรก ที่ผ่านการอนุมัติของยูเอ็นเอสซี นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองซีเรียปะทุขึ้น เมื่อเดือนมี.ค. 2554

ทั้งนี้ สหรัฐกล่าวหาว่า รัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าประชาชนกว่า 1,400 ศพ เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ขณะที่รัสเซียผนึกกำลังกับจีน ซึ่งเป็นสมาชิกถาวรของยูเอ็นเอสซีเช่นกัน ใช้สิทธิ์คัดค้าน ( วีโต้ ) ร่างหลักการขอสหรัฐที่ต้องการแทรกแซงทางทหารในซีเรียมาตลอด ก่อนมอสโกกับวอชิงตันจะมาตกลงกันได้ ในการประชุมร่วมกันที่นครเจนีวา ในสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม นักการทูตหลายคนมองว่า เนื้อหาในร่างหลักการที่ว่านี้อ้างอิงมาตรา 7 ของกฎบัตรยูเอ็น ซึ่งอนุญาตให้เลือกระหว่างการใช้กำลังทหารกับการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ดังนั้น แม้จะผ่านความเห็นชอบในเบื้องต้น แต่ในระยะยาวสหรัฐกับรัสเซีย ซึ่งจะต้องดึงจีนเข้ามามีส่วนด้วย ต้องกลับมาขัดแย้งกันอีกอยู่ดี

ยูเอ็นเตรียมโหวตมติปลดอาวุธเคมีซีเรีย | เดลินิวส์

 

สหรัฐ-รัสเซียเห็นชอบโครงร่างมติยูเอ็นว่าด้วยการทำลายอาวุธเคมี

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กันยายน 2556 08:37 น.

เจ้าหน้าที่ทางการทูตในองค์การสหประชาติ กล่าววานนี้ว่า สหรัฐฯ กับรัสเซียเห็นชอบด้วยโครงร่างมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ว่าด้วยการทำลายอาวุธเคมีในซีเรีย แม้ว่ามตินี้จะไม่เสนอให้มีการนำเอามาตรการต่อการโจมตีด้วยอาวุธเคมีใกล้กรุงดามัสกัสเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมามาใช้ก็ตาม แต่ที่ประชุมก็ได้ให้คว่ำบาตรหากมีการละเมิดแผนการขจัดอาวุธของสหประชาชาติ หลังจากการประชุมกันของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่มีสมาชิก 15 ประเทศ เมื่อเวลา 20.00 น.ตามเวลาของสหรัฐฯ เพื่อหารือโครงร่างมตินี้เป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการกำหนดเวลาเพื่อลงคะแนนเสียง และหากตกลงกันมตินี้จะนับมติแรกที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเห็นชอบ นับตั้งเกิดข้อขัดแย้งในซีเรียเมื่อเดือนมีนาคมปี 2554 เป็นต้นมา และข้อตกลงนี้มีขึ้นหลังจากการเจรจาครั้งใหม่ระหว่างนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กับนายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ

 

ขอบคุณสำหรับข่าว

 

แนวหน้า - อันตรายภายใต้สันติภาพมายาเกี่ยวกับซีเรีย เป็นบทความน่าสนใจมากของเรื่องวิกฤติที่ซีเรียครับ เรียกว่าเผลอไม่ได้การโจมตีอาจเกิดขึ้นได้ตลอด นอกเหนือไปจากการคาดหมายของผู้ติดตามสถานการณ์ทั่วไป