ตามรอย "พระมหาชนก"

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 15 กรกฎาคม 2010.

  1. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    เวลาที่ทองกลายเป็นเงินอีกครั้ง..........

    สุวรรณภูมิ แผนดินทอง

    ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว
    เมืองไทยคือเมือง ที่มีพื้นฐานทางกสิกรรม แต่ความเจริญทางวัตถุ ทำให้พื้นที่ ที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การกสิกรรม หายไป และเราหันมาพัฒนาตนให้ทัดเทียม เพียรพยายามแล้วพยายามอีกให้มีและเป็นเหมือนต่างชาติ แต่วันนี้ ทุกอย่างเป็นใจให้เราเริ่มใหม่ให้ถูกทาง ของธรรมชาติ ภูมิประเทศ อากาศของประเทศ

    เรามีคนเก่งทางเทคโนโลยี่ แต่ทำไมไม่เอามาพัฒนา เพื่อการทำอาหาร เพราะเรามีพื้นดินอุดม วันนี้ได้บอกแล้วว่า น้ำท่วมคราวนี้ อาหารเลี้ยงคนไทย ยังไม่พอเลย เพราะทุกอย่าง อยู่ที่จุดเดียว ความเจริญอยู่ที่ศูนย์กลาง

    และตอนนี้ สภาพกำลังจะบอกเราในช่วงสุดท้ายของน้ำก่อนลงทะเลว่า

    มองดูนะ มองดูให้ดี มองดูน้ำ ที่คือสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิต มีสภาพอย่างไร พระแม่คงคาและพระแม่ธรณี พระพิรุณ พระพาย ได้กวาดล้าง สิ่งต่าง ๆ ที่เราได้ทำไว้ ออกมาให้เห็น

    และรีบหยุด การเติบโต แบผิดที่ผิดทาง

    เข้าสู่วิถี เศรษฐกิจแบบพอเพียง

    คนไทยสามารถอยู่อย่างเศรษฐกิจอย่างพอเพียงได้ เพราะบรรพบุรุษเราอยู่มาก่อนแล้ว
    แต่เรานำความรู้มาพัฒนา ให้เติบโต เพื่อการส่งออก
    วิทยาลัยในอนาคต คือ วิทยาลัยอาหาร

    หรือว่า เราจะกินแต่ มาม่า กัน
     
  2. Heureuse

    Heureuse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2008
    โพสต์:
    857
    ค่าพลัง:
    +3,446
    ใช่ค่ะ ช่วงก่อนที่น้ำจะท่วม ในหลวงได้ออกมารับสั่ง ให้ปฎิบัติเรื่องเศรษกิจพอเพียง อย่างจริงจัง...

    เราคิดว่า หลังน้ำท่วมนี้ได้ใช้กันแน่ค่ะ
     
  3. GreenTea32

    GreenTea32 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +12
    มองรวม ๆ ของภาพได้ความเห็นว่ามีน้ำไปทุกที่
    และที่ปลายยอดเจดีย์มีลักษณะของการสั่นไหว
    ผมคิดว่าในขณะที่น้ำท่วมไปทุกที่จะมีเหตุที่ทำให้
    ยอดเจดีย์สั่นไหวได้ เช่นฐานยุบตัวเนื่องจากสร้าง
    มานานแล้ว ฐานรากแช่น้ำอยู่นานจึงยุบลง หรือไม่
    ก็เกิดแผ่นดินไหวใน กทม. อีกครั้ง
    ท่านอื่นมีความเห็นอย่างไร ช่วยแนะนำด้วยครับ...
     
  4. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    "รัตนสูตรปราบภัย ๓ ประการ ณ เมืองไพศาลี อาณาจักรวัชชี"

    [​IMG]



    ในสมัยพุทธกาล เมืองไพศาลี หรือเวสาลี นครหลวงแห่งอาณาจักรวัชชี มีการปกครองระบอบสามัคคีธรรม (คล้ายกับลักษณะสาธารณรัฐในปัจจุบัน) เป็นเมืองที่มั่งคั่งอุดมสมบูรณ์มีประชาชนอยู่หนาแน่นมีกำแพง ๓ ชั้น ซึ่งเรียกว่า "ตรีบูร" แต่ละชั้นห่างกันประมาณ ๔ กิโลเมตร มีปราสาทอุทยาน สระโบกขรณีเป็นจำนวนมาก ทางตอนเหนือของเมืองไพศาลีมีป่าใหญ่เป็นพืดขึ้นไปทางเหนือจนจดทิวเขาหิมาลัย เรียกว่าป่ามหาวันมีผู้สร้างกุฏาคารศาลา (เรือนยอด) ถวายไว้เป็นที่ประทับพระพุทธเจ้า
    ต่อมาเมืองไพศาลีเกิดข้าวยากหมากแพงฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ข้าวกล้าแห่งเหี่ยวตาย เกิดทุพภิกขภัยใหญ่และมีโรคระบาดพวกคนยากคนจนอดอยากล้มตายลงเป็นจำนวนมาก ซากศพถูกนำไปทิ้งไว้นอกเมืองก็ส่งกลิ่นเหม็นตลบไปทพวกอมนุษย์ก็พากันเข้าเมืองคนยิ่งล้มตายกันมากขึ้น เกิดอหิวาตกโรคตามมา

    เมื่อเกิดภัย ๓ ประการคือ ทุพภิกขภัย (ข้าวยากหมากแพง)อมนุษยภัย (ภัยจากพวกอมนุษย์) และพยาธิภัย (ภัยที่เกิดจากโรคระบาด)ขึ้นในเมืองไพศาลีอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน กษัตริย์ลิจฉวีซึ่งมีจำนวนถึง ๗,๗๐๗ องค์ จึงให้ประชาชนประชุมพร้อมกันในสัณฐาคาร (ห้องประชุมใหญ่) เพื่อร่วมกันพิจารณาสอดส่องความประพฤติของบรรดากษัตริย์ทั้งหลายว่า ได้ทำความผิดอันใดไว้จึงทำให้เกิดภัยต่าง ๆ ดังกล่าว

    เมื่อไม่เห็นว่ากษัตริย์ทั้งหลายทำความผิดมีโทษอันใดจึงหาทางระงับภัย ๓ ประการนั้น โดยเห็นร่วมกันว่าควรกราบทูลนิมนต์พระพุทธเจ้า ซึ่งขณะนั้นประทับอยู่ที่พระนครราชคฤห์ นครหลวงของอาณาจักรมคธ จึงได้ส่งเจ้าลิจฉวี ๒ องค์ เป็นฑูตนำเครื่องราชบรรณาการไปถวายพระเจ้าพิมพิศาร ณ พระนครราชคฤห์ กราบทูลเรื่องราวให้ทรงทราบ และกราบทูลของอนุญาตินิมนต์พระพุทธเจ้าเสด็จนครไพศาลี พระเจ้าพิมพิสารได้ตรัสให้เจ้าลิฉวีไปกราบทูลนิมนต์ด้วยพระองค์เอง

    เจ้าลิจฉวีทั้งสองจึงได้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าทรงรับนิมนต์แล้วจึงทูลขอเวลาตกแต่งหนทางตั้งแต่เมื่องราชคฤห์ ไปจนถึงฝั่งแม่น้ำคงคาเป็นระยะทางประมาณ ๘๐ กิโลเมตร และโปรดให้สร้างวิหารไว้สำหรับพักตามระยะทางอีก ๕ หลัง พระเจ้าพิมพิสารโปรดให้กั้นเศวตฉัตร (ร่มขาว) ถวายพระพุทธเจ้า ๒ คันและกั้นถวายภิกษุสงฆ์ที่ติดตามอีก ๕๐๐ รูป รูปละ ๑ คัน พระองค์ได้ตามเสด็จไปพร้อมด้วยข้าราชบริพาร ทรงถวายเครื่องสักการบูชา ของหอมและทรงบำเพ็ญกุศลถวายทานตลอดทางไปจนถึงฝั่งขวาของแม่น้ำคงคาง และทรงส่งข่าวสารไปยังเมืองไพศาลีให้ทราบว่า บัดนี้พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาถึงฝั่งแม่น้ำคงคาแล้ว

    พระเจ้าพิมพิสารโปรดให้จัดเรือ ๒ ลำ ตรึงขนานเข้าด้วยกันให้สร้างมณฑปขึ้นบนเรือขนาน แล้วกราบทูลนิมนต์พระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นประทับพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูป พระเจ้าพิมพิสารทรงพระดำเนินลงไปในน้ำลึกจนถึงพระศอ (คอ) แล้วทรงกราบทูลพระพุทธเจ้าว่าพรองค์จะรอคอยอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำคงคานี้จนกว่าพระบลรมศาสดาจะเสด็จกลับ

    ทางเมืองไพศาลี ซึ่งตั้งอยู่ห่างฝั่งซ้ายของแม่น้ำคงคาขึ้นไปทางเหนือประมาณ ๔๐ กิโลเมตร เมื่อทราบข่าวว่าพระพุทธเจ้าทรงรับนิมนต์แล้ว ก็เตรียมปราบทางให้ราบเรียบตั้งแต่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำคงคาไปจนถึงเมืองไพศาลี และสร้างวิหารประจำไว้จำนวน ๓ หลัง เตรียมทำการบูชาเป็น ๒ เท่าของพระเจ้าพิมพิสารที่ทรงทำมาแล้ว เรือขนานนำพระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูป มาในแม่น้ำคงคาเป็นระยะทาง ๑๖ กิโลเมตร ก็ถึงเขตเมืองไพศาลี บรรดากษัตริย์ลิจฉวีก็พากันลุยนำลงรับเสด็จพระพุทธเจ้าในแม่น้ำคงคาถึกถึงพระศอเช่นกัน
    ครั้นเรือขนาบเทียบถึงฝั่ง พอพระพุทธเจ้าทรงยกพระบาทแรกย่างเหยียบฝั่งแม่น้ำคงคา กลุ่มเมฆมหึมาซึ่งแผ่กระจายตั้งเค้ามืดมิดก็บันดาลให้ฝตตกลงมาห่าใหญ่ น้ำฝนไหลนองท่วมพื้นดินระดับน้ำสูงถึงเข่าบ้างถึงสะเอวบ้าง ถึงคอบ้าง พัดพาเอาซากศพลอยลงแม่น้ำคงคาไปหมด ทำให้ภาคพื้นดินบริสุทธิ์สะอาดโดยทั่วไป

    บรรดากษัตริย์สิจฉวีทั้งหลายก็นำเสด็จพระบรมศาสดาและภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูปเข้าพัก ณ วิหารที่สร้างไว้ แล้วถวายทานมากมายเป็น ๒ เท่าของพระเจ้าพิมพิสาร ให้กางเศวตฉัตรกั้นถวายพระพุทธเจ้า ๔ คันกั้นถวายพระภิกษุสงฆ์รูปละ ๒ คัน น้ำเสด็จพระพุทธดำเนินเป็นเวลา ๓ วัน ก็ถึงพระนครไพศาลี ขณะนั้นพระอินทร์ได้เสด็จพร้อมด้วยเหล่าทวยเทพมาชุมนุมอยู่ด้วย ทำให้พวกอมนุษย์ กรงกลัวอำนาจพากันหลบหนีไป

    พระพุทธเจ้าเสด็จถึงประตูเมืองไพศาลีในเวลาเย็น ได้ตรัสให้พระอานนท์เรียน "รัตนสูตร" เพื่อเดินจาริกทำพระปริตไปในระหว่างกำแพง ๓ ชั้น (ตรีบูร) ในเมืองไพศาลีกับบรรดากุมารลิจฉวีแล้วตรัส "รัตนสูตร" ขึ้นในกาลครั้งนั้น ที่เรียกพระสูตรนี่ว่า "รัตนะ" เพราะหมายถึง พระรัตนตรัย คือ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ

    เมื่อพระอานนท์เรียนรัตนสูตรจากพระพุทธเจ้าแล้ว ก็เอาบาตรของพระพุทธเจ้าใส่น้ำถือไปยืนที่ประตูเมือง พลางรำลึกถึงพระพุทธคุณตั่งแต่ทรงตั้งความปรถนาที่จะได้บรรลุพระโพธิญาณ จนถึงทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตนสูตรและโลกุตรธรรม ๙ (คือมรรค ๔ ผล ๔ และนิพพาน ๑ ) แล้วเข้าไปภายในพระนคร เดินทำพระปริตไปในระหว่างกำแพงเมือง ๓ ชั้น ทำให้พวกอมนุษย์ที่ยังหลวงเหลืออยู่บ้างพากันหนีออกจากเมืองไปหมด พวกชาวเมืองจึงออกจากบ้านของตนถือดอกไม้และของหอม พากันตามบูชาพระอานนท์แห่ล้อมท่านมา พระอานนท์เดินทำพระปริตไปทั้งคืน

    ประชาชนชาวเมืองไพศาลีได้พร้อมใจกันตกแต่งสัณฐาคาร กลางพระนคร ด้วยของหอมและผูกเพดานประดับด้วยรัตนชาติ จัดตั้งอาสนะสำหรับพระพุทธเจ้า แล้วเชิญเสด็จพระบรมศาสดามาประทับในสัณฐาคาร พระภิกษุสงฆ์และกษัตริย์ลิจฉวี ตลอดจนประชาชนชาวเมืองไพศาลี ได้พากันมานั่งล้อมพระพุทธเจ้า พระอินทร์พร้อมเทพบริวารก็มาเฝ้าด้วย ครั้งพระอานนท์ทำพระปริตอารักขาทั่วพระนครแล้วก็กลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้า พระบรมศาสดาจึงตรัสรัตนสูตรอีกครั้ง หนึ่งรวม ๑๔ คาถา แล้วพระอินทร์ได้ผูกคาถา (ฉันท์) ต่ออีก ๓ คาถา
    พระพุทธเจ้าได้ประทับอยู่ที่เมืองไพศาลี และตรัสเทศนารัตนสูตรทุกวันรวม ๗ วัน เมื่อทรงเห็นว่าภัยทุกอย่างสงบเรียบร้อยแล้วจึงตรัสลากษัตริย์ลิจฉวีและชาววัชชีทั้งหลายเสด็จกลับราชคฤห์ครั้งนี้ มีประชาชนมาบูชาสักการะถวายแก่พระองค์เป็นการยิ่งใหญ่ เรียกว่า "คังโคโรหณสมาคม" คือการชุมนุมใหญ่ในโอกาสที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงแม่น้ำคงคา

    อนุโมทนาที่มาข้อมูล : http://www.dhammathai.org/buddha/g74.php




    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1742176/[/MUSIC]​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2011
  5. phitd

    phitd สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +10

    ดาวเทียมไทยคม ผมว่าไม่ใช่ ฮ นะครับ
     
  6. ko231969

    ko231969 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +96
    ผมดูเหมือนสั่นไหวครับ เลยคิดถึงแผ่นดินไหวมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2011
  7. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    [​IMG]

    อย่าบอกนะว่ามีแผ่นดินไหวใจกลางกรุงเทพ ถ้าพิจารณาคือ แผ่นดินไหวตรงวัด ก็น่าจะอยู่ใกล้ๆ แม่น้ำเจ้าพระยา (เดาไปเรื่อย):boo:
     
  8. ko231969

    ko231969 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +96
    เดาล้วนๆเหมือนกันครับ
     
  9. เดินดง

    เดินดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +1,614
    เห็นในภาพ ยังกับว่า น้ำเคลื่อนที่ เหมือนคลื่น หรือว่าแผ่นดินไหวข้างใต้น้ำ แล้วทำให้เกิดน้ำหนุนสูง
     
  10. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    กลัวน้ำลดแล้วดินทรุด
    ดินทรุดแล้ว....
     
  11. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    อันนี้ก็อีกอัน คือ

    สังเกตไหมว่า ฝั่งหนึ่งน้ำท่วม ฝั่งหนึ่งแล้ง

    ลองดูนะ หลังจากน้ำท่วมอาจมีที่ไหนแล้งอีก


    [​IMG]
     
  12. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=wnBFkXUeblo&feature=player_embedded]พระเจ้าอยู่หัว.ป้องกันน้ำท่วม.2538 [1] - YouTube[/ame]
    พระองค์ท่านกล่าวถึงนางมณีเมขลาด้วย :cool:
     
  13. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    [​IMG]

    [​IMG]
     
  14. อธิฎฐาน

    อธิฎฐาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +1,610
    ภาพผู้ชายในวงกลม คล้ายกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ICT เลยค่ะ
     
  15. อธิฎฐาน

    อธิฎฐาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +1,610
    [​IMG]
     
  16. Nantnapas P

    Nantnapas P เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    287
    ค่าพลัง:
    +902


    Blue star พึ่งจะพบเมื่อ elinin ใกล้โลกเข้ามากลายเป็นดาวสีฟ้า

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=9GMILqaYX3Y]Comet Elenin Forecast for 9/2011 to 1/2012 and the Hopi Blue Star Kachina - YouTube[/ame]
    :boo:
     
  17. Nantnapas P

    Nantnapas P เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    287
    ค่าพลัง:
    +902
    is this the same as the above picture.

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=9GMILqaYX3Y]Comet Elenin Forecast for 9/2011 to 1/2012 and the Hopi Blue Star Kachina - YouTube[/ame]
     
  18. CopperOxide

    CopperOxide เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +289
    ส่วนตัวผมมองว่า ภาพหน้า 142-143 ศิลปินผู้เขียนภาพน่าจะต้องการสื่อถึง บทที่ 37 หน้า 140 มากกว่าครับ โดยเรียงลำดับเล่าเรื่องจาก ซ้ายไปขวา ตามรูปแบบการอ่านแบบไทย
    อย่างเช่น
    หน้า 142 ภาพกรอบสามเหลี่ยม น่าจะตรงกับพระราชนิพนธ์ บทที่ 37
    "... นับแต่อุปราช จนถึงคนรักษาช้างรักษาม้า และนับแต่คนรักษาม้าจนถึงอุปราชและโดยเฉพาะเหล่าอมาตย์ ล้วนจาริกในโมหภูมิทั้งนั้น (ฉากพื้นหลังสีดำ ฐานสามเหลี่ยมก็ใช้คำว่า อวิชชา) พวกนี้ขาดทั้งความรู้วิชาการทั้งความรู้ทั่วไป คือความสำนึกธรรมดา พวกนี้ไม่รู้แม้แต่ประโยชน์ส่วนตน พวกนี้ชอบผลมะม่วง แต่ก็ทำลายผลมะม่วง "
    ส่วนภาพที่เป็นเครื่องจักรน่าจะหมายถึง "ยันต์กลเก็บเกี่ยว (ยานยนต์เก็บเกี่ยว?) ในบทที่ 35 หน้า 132

    หน้า 143 ภาพกรอบสามเหลี่ยม พระที่นั่ง น่าจะหมายถึง การประดิษฐาน ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย (ตามคำกล่าวทูลของพราหมณ์) ซึ่งน่าจะเกี่ยวโยงกับสถานการศึกษา สังเกตได้จาก ตรงกลางประดิษฐาน ตราพระราชลัญจกรประจำพระองค์รัชกาลปัจจุบัน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเป็นตราสัญลักษณ์แก่มหาวิทยาลัยราชภัฎทั่วประเทศ นอกจากนี้ ราชภัฎ ก็หมายถึง ปราชญ์แห่งพระราชา ซึ่งประโยคสุดท้ายตรงกับ บทที่ 37 คือ มิถิลายังไม่สิ้นคนดี ส่วนตรงฐาน ศิลปินผู้วาด เลือกใช้แบบขั้นบันได (แทนที่จะใช้สามเหลี่ยมเหมือนภาพอื่นๆ) อาจหมายถึง การกระทำทีละขั้น คำว่า "วิริยะ" ทำไมต้องอยู่บนฐานของปู ตอนนี้อ้างอิงจาก บทที่ 36 หน้า 136 ในพระราชนิพนธ์ ตอนพราหมณ์ทูลถามพระราชาว่า ปูทะเลยักษ์มีจริงหรือไม่ พระราชาตรัสว่า มีแน่แท้ เพราะขณะว่ายน้ำนั้น ได้พักผ่อนเป็นคราวๆ บางครั้งเหมือนเหยียบพื้นทะเลได้คล้ายๆใกล้ถึงฝั่ง(เหยียบหลังปู?เป็นฐานรองรับความพากเพียรวิริยะอุตสาหะ)

    หน้า 145 เข้าสู่ยุค ที่ศิลปินวาดภาพ จินตนาการซึ่งนอกเหนือจากพระราชนิพนธ์ เพราะในพระราชนิพนธ์นั้น จบที่ ภาพกรอบสามเหลี่ยม หน้า 143 ทีนี้ลองสังเกตดู นาฬิกา ชี้ที่เวลา 9:00 น่าจะหมายถึง รัชกาลที่ 9 ส่วนตราชั่งมีเพียง การอนุรักษ์ และ พัฒนา เท่าๆกัน (วิริยะ มิได้แสดงให้เห็นในกรอบ น่าจะหมายถึง ได้สำเร็จลุล่วงด้วย วิริยะ แล้ว) ส่วน "เงา" ที่อยู่ตรงกลางนั้น เดี๋ยวจะบอกให้ว่า ศิลปินต้องการสื่อถึงใคร ฐานมีเพียงคำว่า คุณธรรม เพียงคำเดียว น่าจะบอกว่า สังคมในอนาคตมีฐานสำคัญอยู่ที่ คุณธรรม

    คราวนี้กรอบสามเหลี่ยมระหว่างหน้า จะสังเกตได้ว่า ในแต่ละรูปนั้น ไม่มีทั้ง อุปราช-คนดูแลช้างม้า-อมาตย์เลย ทั้งหมดเป็น ประชาชน-พลเรือน

    ส่วนพื้นหลังสีเทาจะเรียงภาพจากซ้ายไปขวามือ ตามลำดับเหตุการณ์บ้านเมือง แห้งแล้ง-ฟื้นฟู-เจริญก้าวหน้า (ซึ่งน่าจะสื่อถึงการเปลี่ยนแปลงไปตามกรอบสามเหลี่ยม) ส่วนกรณีที่ มองเป็นเหตุการณ์ภัยพิบัติ อันนี้ต้อง โทรศัพท์ไปสอบถามศิลปินจะได้คำตอบที่ถูกต้องแน่นอนครับ แต่โดยส่วนตัวผม คิดว่าไม่ใช่

    คราวนี้เหลือติดค้างอยู่เรื่องเดียว คือ เงาบุรุษตรงกลางในภาพ หน้า 144 นั้นคือใคร จริงๆแล้ว อ่านจากนาฬิกา ก็พอเดากันออก มีสองวิธี
    วิธีที่ 1 ถ้าใครมีหนังสือ ให้เปิดหน้า 148 ซึ่งเป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วยกขึ้นส่องไฟผ่านหน้า 147 ก็จะพบคำตอบ
    วิธีที่ 2 วางภาพหน้า 144 ทับหน้า 148 ก็จะพบคำตอบเช่นเดียวกัน


    แถมท้ายอีกนิด ภาพหน้า 16 ลักษณะภาพคล้ายคลึงกับ ภาพ Nostradamus Vatinicia Code (คาดว่าเป็นสมุดภาพของนอสตราดามุส)

    แนบมาให้ชมนิดหน่อย จริงๆแล้วอาจไม่เกี่ยวข้องกันเลยก็ได้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2011
  19. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0

    ได้คำตอบแจ่มชัดค่ะ อนุโมทนาด้วยค่ะ
     
  20. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...