ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล

“เซาเดโลร์” ทำฝนถล่มจีนหนักสุดในรอบ 100 ปี​

​

“เซาเดโลร์” ทำฝนถล่มจีนหนักสุดในรอบ 100 ปี

เมื่อวันอาทิตย์ 9 ส.ค. พายุไต้ฝุ่นเซาเดโลร์ลดความรุนแรงลงเหลือเป็นพายุโซนร้อน หลังเคลื่อนจากไต้หวันขึ้นสู่ฝั่งมณฑลฝูเจี้ยนทางภาคตะวันออกของจีนเมื่อช่วงค่ำวันที่ 8 ส.ค. ด้วยความเร็วลมศูนย์กลางพายุสูงถึงราว 230 กม.ต่อชั่วโมง ก่อให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่มณฑลเจ้อเจียง วัดปริมาตรน้ำฝนได้ถึง 645 มิลลิเมตร ตลอดช่วง 24 ชั่วโมง ถือเป็นภาวะฝนตกหนักมากที่สุด ในรอบ 100 ปี ทั้งยังทำให้ชาวบ้านไม่มีไฟฟ้าใช้เพราะถูกตัดขาดมากกว่า 2 ล้านครัวเรือน แต่ทางการจีนแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วในเวลาไม่นานนัก

อย่างไรก็ตาม ผลจากพายุไต้ฝุ่นเซาเดโลร์พัดถล่มจีน ก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจประเมินแล้วราว 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 9 ราย ทางการจีนสั่งระงับเที่ยวบินมากกว่า 530 เที่ยว ทำให้ผู้โดยสารตกค้างจำนวนมาก ขณะเดียวกัน ทางการระดมทหาร 7,000 นายช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน

ส่วนทางการไต้หวันประกาศยกเลิกคำเตือนภัยพายุไต้ฝุ่นเซาเดโลร์เมื่อ 9 ส.ค. แต่สำนักพยากรณ์อากาศไต้หวันยังเตือนสภาวะฝนตกยังเกิดต่อเนื่องอีกหลายวัน ทั้งอาจทำให้น้ำท่วมเพิ่มอีก ส่วนผู้เสียชีวิตจากพายุในไต้หวันพบศพ 6 ราย ผู้บาดเจ็บเกือบ 379 ราย รวมผู้เสียชีวิตทั้งในไต้หวันและจีนมากกว่า 22 ศพ ยังสูญหายอีกจำนวนหนึ่ง.

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 10 ส.ค. 2558

ลูกเห็บถล่ม จมูกเครื่องบิน เดลตาแอร์ฯ พังยับต้องลงจอดฉุกเฉิน​

​

ลูกเห็บถล่มเครื่องบินโดยสารของสายการบินเดลตา แอร์ไลน์ส ขณะเดินทางจากรัฐแมสซาชูเซตส์ ไปรัฐยูทาห์ จนต้องลงจอดฉุกเฉินที่เมืองเดนเวอร์...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เครื่องบินแอร์บัส เอ320 เที่ยวบิน 1889 ของสายการบิน เดลตา แอร์ไลน์ส เดินทางออกจากเมืองบอสตัน ในรัฐแมสซาชูเซตส์ ของสหรัฐฯ เพื่อเดินทางไปยังเมืองซอลต์ เลค ซิตี ในรัฐ ยูทาห์ แต่ต้องเผชิญกับฝนลูกเห็บขณะเดินทางผ่านพายุฝนฟ้าคนอง จนกระจกบังลมและจมูกเครื่องบินได้รับความเสียหาย กัปตันจึงตัดสินใจนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินที่เมืองเดนเวอร์

นาง ลิซ ซาวาเดลิส โฆษของสายการบิน เดลตา แอร์ไลน์ส ระบุว่า กระจกบังลมของเครื่องบินมีรอยแตก และจมูกเครื่องบิน ซึ่งเป็นที่ตั้งเรดาร์สภาพอากาศและอุปกรณ์นำทางได้รับความเสียหาย แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามีอุปกรณ์ใดๆได้รับความเสียหายหรือไม่

ขณะที่นาง ลอรา โคล โฆษกของท่าอากาศยานเดนเวอร์ เปิดเผยว่า มีผู้โดยสาร 1 คนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หลังจากเครื่องบินลงจอดฉุกเฉิน เปิดเธอไม่เปิดเผยสาเหตุ แต่ระบุว่า เครื่องบินเผชิญกับสภาพอากาศปั่นป่วนอย่างมาก

ด้านนาย โรบิน โจนส์ หนึ่งในผู้โดยสารบนเทียวบิน 1889 ระบุว่า เขาเดินทางด้วยเครื่องบินอยู่เป็นประจำ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็น 10 นาทีที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตของเขา ขณะที่ผุ้โดยสารหลายคนโพสต์ภาพความเสียหายของเครื่องบินลงบนโลกออนไลน์

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 ส.ค. 2558

หอบรถปลิวทั้งคัน! ชาวไต้หวันสุดตะลึง ไต้ฝุ่นเซาเดโลร์รุนแรงหนักมาก​

[ame]http://www.youtube.com/watch?v=zIornya6eII[/ame]
คาดไม่ถึงจะรุนแรงขนาดนี้...ซีเอ็นเอ็นเผยแพร่คลิป นาทีสุดระทึก พายุไต้ฝุ่นเซาเดโลร์ หอบรถเก๋งสีขาวปลิวไปตามแรงลม ขณะที่ อิทธิพลของไต้ฝุ่นลูกนี้ ทำให้น้ำท่วม-ดินถล่ม มีชาวจีนเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 14 ศพ และเกิดฝนตกหนักรุนแรงสุดในมณฑลฝูเจี้ยนในรอบ 120 ปี

เมื่อ 10 ส.ค.58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นเซาเดโลร์ ที่เคลื่อนตัวพาดผ่านไต้หวัน รวมถึง มณฑลฝูเจี้ยน และเจ้อเจียง ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีนเมื่อวันที่ 9-10 ส.ค. ก่อให้เกิดลมกระโชกรุนแรงจัดและฝนตกหนัก จนเกิดน้ำท่วมและดินถล่มในหลายพื้นที่ ว่าสื่อท้องถิ่นในจีน ระบุ ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากพายุไต้ฝุ่นเซาเดโลร์ในประเทศจีนอยู่ที่อย่างน้อย 14 ศพแล้ว ขณะที่ ไต้หวัน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ศพ และยังสูญหายอีกหลายคน นอกจากนั้น ยังทำให้ประชาชนในไต้หวันนับ 5 แสนคนไม่มีไฟฟ้าใช้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา

ด้านสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น เผยแพร่คลิปวิดีโอสุดระทึกลงในยูทูบ แสดงให้เห็นความรุนแรงของพายุไต้ฝุ่นเซาเดโลร์ ที่ชาวไต้หวันบางคนคงคาดไม่ถึงว่าจะเจอกับมหันตภัยจากพายุรุนแรงขนาดนี้ เพราะลมพายุได้พัดหอบรถเก๋งสีขาวคันหนึ่งที่กำลังแล่นอยู่บนถนนในเมืองไท่หนานจนปลิวตกถนนไป สร้างความตระหนกตกใจให้แก่ผู้เห็นเหตุการณ์ โดยเบื้องต้น ยังไม่ทราบว่า ในรถยนต์คันดังกล่าวมีผู้เคราะห์ร้ายโดยสารอยู่บนรถจำนวนกี่คน

ขณะที่ บีบีซี รายงานว่า ความรุนแรงของพายุไต้ฝุ่นเซาเดโลร์ ได้ก่อให้เกิดฝนตกหนักถึง 700 มิลลิเมตร ในช่วง 24 ชม.ในบางเมืองของมณฑลฝูเจี้ยน จนถือเป็นพายุที่ทำให้เกิดฝนตกหนักสุดในรอบ 120 ปี โดยทางการมณฑลฝูเจี้ยนได้ประกาศเตรียมพร้อมระวังภัยพายุในระดับสูงสุด พร้อมกับอพยพประชาชนอย่างน้อย 163,000 คน ขึ้นไปอยู่ในที่สูง นอกจากนั้นลมพายุรุนแรง ทำให้มีต้นไม้หักโค่นกว่า 1,000 ต้น และน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง

บีบีซีแจ้งว่า ที่มณฑลเจ้อเจียง ทางภาคใต้ของจีน มีการอพยพประชาชนขึ้นไปอยู่บนที่สูงมากขึ้น หลังจากฝนตกหนักทำให้เกิดดินโคลนถล่ม คร่าชีวิตประชาชนในเมือเหวิ่นโจว อย่างน้อย 12 ศพ โดยสำนักข่าวซินหัวของจีน รายงานว่า มีประชาชนถึง 1.58 ล้านคนได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นเซาเดโลร์ ที่สร้างความเสียหายอย่างหนัก

ทั้งนี้ พายุไต้ฝุ่นเซาเดโลร์ได้ถล่มไต้หวันด้วยความเร็วลมมากกว่า 230 กม./ชม. และได้อ่อนกำลังลง กลายเป็นพายุโซนร้อนขณะถล่มจีนแผ่นดินใหญ่.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 ส.ค. 2558

ตุรกีเดือด! กราดยิงโจมตีสถานกงสุลสหรัฐฯ ส่ง F-16 6 ลำ มาถล่มไอซิส​

​

สองมือปืน ชาย-หญิง บุกกราดยิงใส่ สถานกงสุลสหรัฐฯ ในเมืองอิสตันบูล ต่อจากเพิ่งเกิดเหตุคาร์บอมบ์โจมตีโรงพักแห่งหนึ่งในเมือง หลังรัฐบาลตุรกีประกาศทำสงครามปราบกลุ่มก่อการร้าย และสหรัฐฯเพิ่งส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 6 ลำ มาช่วยตุรกีถล่มไอซิส

เมื่อวันที่ 10 ส.ค.58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญ 2 มือปืนบุกยิงกราดใส่สถานกงสุลสหรัฐฯ ที่เมืองอิสตันบูล เมืองใหญ่สุดในประเทศตุรกี เมื่อวันจันทร์ที่ 10 ส.ค. หลังจากเหตุคาร์บอมบ์ โจมตีสถานีตำรวจแห่งหนึ่งในเมืองอิสตันบูล เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 9 ส.ค. 58 ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ศพ บาดเจ็บ 10 คน

หลังเกิดเหตุโจมตี ทางการตุรกีได้ระดมกำลังตำรวจพร้อมอาวุธปืนไรเฟิล ประจำรักษาความปลอดภัยรอบสถานกงสุลสหรัฐฯ ในเมืองอิสตันบูล ซึ่งตั้งอยู่ในย่านซาริเยอร์ ซึ่งเป็นเขตที่อยู่ของชาวตะวันตก ขณะที่สื่อท้องถิ่นในตุรกีรายงานด้วยว่า คนร้ายที่ลงมือยิงโจมตีสถานกงสุลสหรัฐฯ ในครั้งนี้ เป็นชายคนหนึ่ง และหญิงคนหนึ่ง ซึ่งทั้งสองได้หลบหนีไปได้หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ และถูกเจ้าหน้าที่สาดกระสุนใส่ไล่หลัง โดยสถานีโทรทัศน์เอ็นทีวีรายงานว่า มีผู้ต้องสงสัยหญิงคนหนึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากคมกระสุน

ทั้งนี้ เหตุคาร์บอมบ์ ถล่มสถานีตำรวจและกราดยิงที่สถานกงสุลสหรัฐฯ ในเมืองอิสตันบูล ถือเป็นเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในตุรกีต่อเนื่อง นับตั้งแต่รัฐบาลตุรกีประกาศทำสงครามปราบกลุ่มก่อการร้าย เมื่อเดือนก่อน อีกทั้งยังเปิดฉากส่งเครื่องบินรบไปโจมตีกลุ่มไอซิสในซีเรีย และทางภาคเหนือของอิรัก รวมถึง ‘ไฟเขียว’ อนุญาตให้สหรัฐฯ มาใช้ฐานทัพในตุรกีเพื่อปฏิบัติการบินโจมตีกลุ่มไอซิสในซีเรีย และกองทัพสหรัฐฯ ได้ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 6 ลำ และเจ้าหน้าที่ทหาร 300 นายไปประจำการในตุรกี เมื่อ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 ส.ค. 2558

พบชิ้นส่วนเครื่องบินปริศนาที่มัลดีฟส์ เร่งตรวจสอบหาที่มา​

​

เจ้าหน้าที่ในหมู่เกาะมัลดีฟส์กำลังตรวจสอบชิ้นส่วนซากเครื่องบินซึ่งถูกคลื่นซัดมาเกยตื่นที่ชายหาด 4 แห่ง ในขณะที่การค้นหาซากของเครื่องบินโบอิ้ง เที่ยวบิน เอ็มเอช 370 ยังคงดำเนินต่อไป...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีผู้พบชิ้นส่วนซากเครื่องบินซึ่งมีลักษณะคล้ายกับ แฟล็ปเพอรอน (flaperon) จากปีกเครื่องบิน ที่ชายหาดของรีสอร์ต 'บันยัน ทรี วับบินฟูรู' โดยหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นระบุว่า ชิ้นส่วนนี้ถูกพบตั้งแต่เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา และขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจวิเคราะห์

เจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจมัลดีฟส์เปิดเผยต่อสำนักข่าวซินหัวของจีนว่า ทีมตำรวจรวมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านการบิน ได้เริ่มการสืบสวนชิ้นส่วนซากเครื่องบินต้องสงสัยดังกล่าวแล้ว โดยชิ้นส่วนที่พบมีขนาดยาวประมาณ 5-7 นิ้ว แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามันมาจากเครื่องบินโบอิ้ง 777 ซึ่งให้บริการเที่ยวบินเอ็มเอช 370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สหรือไม่

นอกจากนี้ ยังมีการพบชิ้นส่วนซากเครื่องบินอีก 3 ชิ้นที่เกาะอื่นๆของมัลดีฟส์ โดยพบ 2 ชิ้นที่เกาะปะการัง บา อะทอลล์ และอีก 1 ชิ้นที่เกาะ นูนุ อะทอลล์ แต่หนังสือพิมพ์ท้องถิ้นรายงานว่า ทั้ง 3 ชิ้นเป็นเพียงขยะจากไซต์งานก่อสร้างเท่านั้น

ทั้งนี้ เคยมีรายงานว่าประชาชนบนเกาะมัลดีฟส์พบเห็นเครื่องบินจัมโบ้เจ็ตบินต่ำ ราว 7 ชั่วโมงหลังจากเที่ยวบินเอ็มเอช 370 หายไปเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2557 ขณะที่พยานหลายคนบนเกาะปะการัง ดาลู อะทอลล์ เห็นเครื่องบินลำหนึ่งบินมุ่งน้าไปทางใต้ โดยเครื่องบินมีลายคาดสีแดงบนพื้นหลังสีขาว ลักษณะเดียวกันลวดลวยของเครื่องบินของสายการบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ส แต่ไม่มีการยืนยันแต่อย่างใด

อนึ่ง เมื่อวันที่ 29 ก.ค. มีการพบชิ้นส่วนซากเครื่องบินส่วน แฟล็ปเพอรอน จากปีกเครื่องบินที่เกาะเรอูนิยง ทางตะวันตกของหมู่เกาะมัลดีฟส์ ก่อนจะมีการตรวจสอบพบว่ามันมาจากเครื่องบินโบอิ้ง 777 และนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ยืนยันเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ชิ้นส่วนนี้มาจากเที่ยวบินเอ็มเอช 370

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 ส.ค. 2558

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เริ่มเหม็นเน่า! ชาวบ้านโคกมุดภูเก็ตระทมน้ำท่วมขังยังไม่ลด​

​

ชาวบ้านโคกมุด ที่ จ.ภูเก็ต ยังคงต้องแช่น้ำท่วมที่เริ่มขังและกำลังจะเริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็น โดยต้องใช้เรือยางเป็นพาหนะออกนอกบ้านแม้ระดับน้ำจะลดลงไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้วก็ตาม ขณะที่ สธ.จังหวัดเริ่มเข้ามาดูแลโรคน้ำกัดเท้าแล้ว...

จากกรณีเกิดฝนตกหนักติดต่อกันในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังสูงภายในซอยในยาง 3 และซอยในยาง 3/2-3/3 หรือบ้านโคกมุด หมู่ 1 ต.สาคู ต่อเนื่องกับหมู่ 6 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีชาวบ้านกว่า 50 หลังคาเรือนได้รับความเดือดร้อน

ล่าสุดเมื่อช่วงสายวันที่ 10 ส.ค. 58 พบว่า ระดับน้ำเริ่มลดลงกว่าครึ่ง เดิมทีบางจุดถึง 1.5 เมตร ขณะนี้ บางจุดเริ่มเหลือเพียงน่องหรือหน้าแข้งราวๆ 40-30 ซม. รถเล็กเริ่มสัญจรผ่านเข้าออกหมู่บ้านได้บ้างแล้ว โดยเฉพาะทางเข้าออกซอยในยาง 3 แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังบริเวณที่ลุ่มอยู่ราว 50 ซม. ซึ่งมีชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงต้องจัดเตรียมกระสอบทรายมาไว้ กรณีถ้ามีฝนตกลงมาอาจส่งผลให้มีน้ำท่วมอีก

ขณะที่บริเวณในยางซอย 3/2 และ ซอย 3/3 บ้านโคกมุด หมู่ 1 ต.สาคู ต่อเนื่องกับหมู่ 6 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง ที่เป็นที่ลุ่มหรือแก้มลิงยังคงมีน้ำท่วมขังสูง รถจักรยานยนต์หรือรถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านเข้าออกได้ น้ำสูงราว 50-70 ซม. บางจุดยังสูงถึง 80 ซม. ถึง 1 เมตร ประชาชนยังคงต้องใช้เรือยางของทัพเรือภาคที่ 3 ที่มีหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ทัพเรือภาคที่ 3 คอยดูแลประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว นำเรือยางคอยบริการส่งและรับเข้าบ้านพัก โดยสภาพน้ำที่ท่วมขังยังคงไม่สามารถระบายออกได้เริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่าแล้ว

ขณะเดียวกัน สำนักงานสาธารณสุขเริ่มส่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้ามาดูแลสุขภาพอนามัยแก่ประชาชนในพื้นที่แล้วเช่นกัน ซึ่งโรคที่จะมากับน้ำท่วมขัง คือ โรคน้ำกัดเท้าและโรคฉี่หนู โดยยังคงมีชาวบ้านกว่า 50 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อนจากปริมาณน้ำที่ยังคงท่วมขังพื้นที่อยู่

ทั้งนี้บริเวณสามแยกสนามบินภูเก็ตสายใหม่ ปภ.เขต 18 และ ปภ.จ.ภูเก็ต ได้นำรถและเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ติดตั้งไว้บริเวณริมคลองข้างถนนสายดังกล่าว เพื่อเร่งระบายน้ำที่ยังคงท่วมขังในพื้นที่ในยางซอย 3 โดยพื้นที่ในยางซอย 3/2 และ 3/3 บ้านโคกมุดยังไม่สามารถระบายออกได้ทันเวลา โดยมี อบต.สาคู ใช้รถแบ็กโฮขุดตักและลอกลำคลองริมถนนบริเวณรอบๆ พื้นที่ เพื่อเปิดเส้นทางน้ำให้สามารถระบายออกได้ แต่ยังไม่สัมฤทธิ์ผลมากนัก เนื่องจากน้ำที่ท่วมขังเกิดจากอาคารหรือการก่อสร้างที่มีการขวางลำรางที่จะใช้ระบายน้ำ หรืออาจมีการขวางกั้นทางระบายน้ำ ส่งผลให้น้ำไม่สามารถระบายออกไปยังลำคลองใกล้เคียงได้ จึงท่วมขังมากว่า 4 วันแล้ว และกำลังจะเริ่มเน่า.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 ส.ค. 2558

น้ำท่วมกระบี่เริ่มคลี่คลาย สระมรกตเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าปกติ​

​

สถานการณ์น้ำป่าหลากใน จ.กระบี่ เริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำลดลง แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง ขณะที่ บริเวณสระมรกต แหล่งท่องเที่ยวดัง มีการทำความสะอาดเส้นทาง พร้อมเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมแล้ว ...

เมื่อวันที่ 10 ส.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้า จากภาวะฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ จ.กระบี่ และส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งในหลายพื้นที่ ล่าสุดที่ อ.เขาพนม จ.กระบี่ น้ำยังคงท่วมพื้นที่การเกษตร ริมคลองน้ำแดง ในหมู่ที่ 2 ม.4 ต.เขาดิน และไหลลงไปยังพื้นที่ อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี โดยน้ำเริ่มลดระดับลง เนื่องจากด้านบนฝนหยุดตกแล้ว แต่ทั้งนี้ นายอนุรักษ์ สุดสาย ปลัดอาวุโส รักษาการนายอำเภอเขาพนม ยังคงสั่งให้ผู้นำท้องถิ่น คอยเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง

ส่วนที่สระมรกต แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดกระบี่ ที่ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม อ.คลองท่อม จ.กระบี่ และมีน้ำป่าไหลหลาก ล่าสุด สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดเส้นทาง และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมแล้ว แต่เนื่องจากเป็นวันธรรมดา ทำให้มีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก

ขณะที่ บริเวณริมชายฝั่งทะเล แม้คลื่นลมสงบแล้ว แต่คงทิ้งสภาพความเสียหาย โดยที่คลองม่วง บ้านทับแขก ม.3 ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ สภาพหาดทรายที่ได้รับผลกระทบจากน้ำป่า ซึ่งไหลมาจากยอดเขาหงอนนาค ภายในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี น้ำกัดเซาะแนวหาดทรายมีความลึกกว่า 1 เมตร พัดเอาทรายริมหาดทับแขกหายลงไปในทะเลจำนวนมาก

นอกจากนั้นสภาพคลื่นที่มีกำลังแรงในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ก็ส่งผลให้ต้นสนขนาดใหญ่ริมหาด ได้รับผลกระทบจากแรงคลื่นที่ผ่านมาเช่นกัน โดยคลื่นพัดเอาทรายตามแนวโคนต้นสนหายไป ทำให้มีรากโผล่จนเกือบล้ม เป็นที่หวาดเสียวแก่นักท่องเที่ยวที่เดินเล่นตามแนวชายหาด ชาวบ้านเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาตรวจสอบและดูแลหวั่นเกิดอันตรายแก่นักท่องเที่ยวได้

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 ส.ค. 2558

จี้ฟาร์มจระเข้สุโขทัย เร่งอุดรูกำแพง ทำรั้วกันคนนอกเข้าพื้นที่​

​

ผวจ.สุโขทัย สั่งประมงจังหวัดลงพื้นที่ตรวจสอบฟาร์มจระเข้ พบยังไม่มีการนำดินมาอุดรูกำแพงทั้ง 2 ด้าน จี้ดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว พร้อมทำรั้วป้องกันคนนอกเข้ามา ชี้ต่อใบอนุญาตได้ ต้องดำเนินการแก้ไขให้เรียบร้อยก่อน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 ส.ค. นายปิติ แก้วสลับสี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ได้สั่งการให้ นายธวัสชัย ปานพรหมมินทร์ ประมงจังหวัดสุโขทัย เข้าตรวจสอบเพิ่มเติม บริเวณฟาร์มจระเข้ไม่มีชื่อ ของนายสุพจน์ ดวงกมลศักดิ์ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่บ้านเลขที่ 200 ต.ศรีนคร อ.ศรีนคร จ.สุโขทัย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า กำแพงอีกสองด้านยังไม่ได้มีการอุดดินเพิ่ม จึงสั่งการให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว อีกทั้งให้ทำรั้วรอบบริเวณฟาร์ม เพื่อป้องกันบุคคลภายนอกเข้ามา ซึ่งอาจได้รับอันตราย

ส่วนใบอนุญาตที่ทางฟาร์มได้ขอไว้ และจะหมดอายุในเดือนสิงหาคม 2560 นั้น หากทางฟาร์มไม่ดำเนินการแก้ไข อาจต้องสั่งให้ปิดฟาร์มก่อนในเบื้องต้น อีกทั้งการต่อใบอนุญาตครั้งต่อไป ต้องมีการทำประชาคม ให้ประชาชนรอบฟาร์มเห็นด้วยว่า ไม่มีผลกระทบ ทั้งด้านความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม จึงจะดำเนินการต่อใบอนุญาตให้

อย่างไรก็ตาม จระเข้ตัวที่พบในสระบัวของชาวบ้านนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถตามจับได้ ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าที่จะออกไปทำนา หรือหาปลา เกรงว่าจะได้รับอันตราย.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 ส.ค. 2558

ขนลุกซู่! มากันดำมืด ยุงนับล้านยึดโกดังที่ลำปาง​

​

เจ้าของร้านขายเฟอร์นิเจอร์ที่ลำปางแทบช็อก ไปเปิดโกดังจะเลือกสินค้ามาโชว์ เจอยุงนับล้านตัวบินว่อนดำมืดไปหมด ต้องแจ้งเทศบาลมาฉีดพ่นยาจนยุงตายตกเต็มพื้น เห็นแล้วขนลุก บอกร้านอยู่ริมทุ่งนาปกติยุงเยอะอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ขนาดนี้...

เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ร้านบ้านบัวลอยเฟอร์นิเจอร์ เลขที่ 244 ม.5 บ้านต้นต้อง ต.พิชัย อ.เมือง จ.ลำปาง ภายหลังทราบจากเจ้าของร้านว่า พบฝูงยุงจำนวนมากไม่รู้มาจากไหน เกาะอยู่ตามฝาผนังของโกดังร้านและตามที่ต่างๆ จนดำมืดไปหมด

โดย นางบัวลอย สุวรรณโรจน์ อายุ 45 ปี เจ้าของร้าน กล่าวว่า ก่อนพบฝูงยุง ตนจะเข้าไปสำรวจดูเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในโกดังเพื่อคัดมาโชว์หน้าร้าน ทันทีที่เปิดโกดังและมีแสงสว่างส่องเข้ามา ได้มีฝูงยุงจำนวนมากบินว่อนขึ้นมาเต็มไปหมด ตอนนั้นตนตกใจมาก และถึงกับขนลุกซู่ เพราะไม่เคยพบเห็นอะไรแบบนี้ จึงเรียกคนในร้านเข้ามาดูก็พบว่าตามซอกประตูและตามผนังแนวขอบปูน เต็มไปด้วยฝูงยุงเกาะกันอยู่ ดูน่ากลัวมาก

ต่อมา จึงประสานไปยัง นายบุญส่ง สมพงษ์ นายกเทศมนตรีตำบลพิชัย เพื่อขอความช่วยเหลือ นำที่พ่นควันมาพ่นกำจัดยุง ประมาณ 10 นาที หลังจากควันจางลงก็พบฝูงยุงตายเกลื่อนพื้น ซึ่งเจ้าหน้าที่เทศบาลได้เก็บตัวอย่างยุงที่มีตัวสีดำ ไปตรวจพิสูจน์อีกครั้งว่าเป็นยุงชนิดใด และมีแหล่งเพาะพันธุ์ที่มาจากที่ใด

นางบัวลอย เจ้าของร้าน ยังกล่าวด้วยว่า ร้านค้าของตนเปิดอยู่ริมทุ่งนา ซึ่งค่อนข้างจะมียุงชุกชุมอยู่แล้ว ส่วนโกดังเก็บเฟอร์นิเจอร์แห่งนี้ประมาณ 10 วัน จะเปิดครั้งหนึ่ง จึงทำให้ยุงนับแสนนับล้านตัวเข้ามาอยู่ พอหลายวันไปเปิดจึงเจอยุงจำนวนมากดังกล่าว ต่อไปคงต้องให้เทศบาลมาพ่นยาบ่อยครั้งขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 ส.ค. 2558

เพลิงพิโรธเผาชุมชนวัดกัลยา เสียหาย 12 หลัง​

​

ไฟไหม้ “ชุมชนวัดกัลยาณ์” กลางดึก ชาวบ้านหนีตายอลหม่าน ต้นเพลิงเกิดจากบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ เจ้าของบ้านวิ่งเข้าไปในกองเพลิงใช้ถังดับเพลิงฉีดแต่เอาไม่อยู่ ถูกไฟลวกที่มือและขาเล็กน้อย เพลิงเผาวอดไป 12 หลัง ชาวบ้านไม่มีที่อยู่เดือดร้อน 60 ราย ฮือฮาภาพกรอบไม้ “หลวงพ่อคูณ” ไฟไม่ไหม้ เชื่อทำให้ไม่มีคนตาย ตำรวจยันไม่เกี่ยวกรณีข้อพิพาทกับวัดคาดเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร

เพลิงไหม้ชุมชนกลางดึก ชาวบ้านหนีตายอลหม่าน เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 9 ส.ค. ร.ต.ท. พิพัฒน์ เกษมสู่บุญ พงส.สน.บุปผาราม รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านไม้ภายในชุมชนวัดกัลยาณ์ ซอยอรุณอัมรินทร์ 6 ถนนอรุณอัมรินทร์ แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กทม. รีบไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกับ พ.ต.อ.ณัฏฐ์พัชร์ ผดุงจันทน์ ผกก.สน.บุปผาราม พ.ต.อ.วรวิทย์ ญาณจินดา พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ พ.ต.ท.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว สว.สส. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานรถน้ำของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร และรถน้ำของอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รวมกว่า 20 คัน

ที่เกิดเหตุอยู่ติดกับวัดกัลยาณ์ เป็นชุมชนแออัดบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ปลูกติดต่อกันกว่า 50 หลัง จุดเกิดเหตุอยู่ที่บ้านเลขที่ 241 พบกลุ่มควันพวยพุ่งและเพลิงลุกลามบ้านข้างเคียงอย่างรวดเร็วเพราะเป็นบ้านไม้เชื้อเพลิงอย่างดี และทางเดินในชุมชนคับแคบมาก รถน้ำไม่สามารถเข้าไปยังต้นเพลิงได้ จึงต้องต่อสายยางเข้าไป ใช้เวลาราว 1 ชม. จึงควบคุมเพลิงได้ เผาผลาญบ้านวอดไป 12 หลัง

จากนั้นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบบ้านต้นเพลิงเลขที่ 241 ซึ่งเป็นบ้านครึ่งตึก ครึ่งไม้ ร่วมกับนางสุภา สิทธิวิบูลย์ อายุ 57 ปี เจ้าของบ้าน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง นางสุภา ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนและนายเกรียงไกร สิทธิวิบูลย์ อายุ 57 ปี สามี พร้อมกับลูกชาย กำลังนอนพักผ่อนอยู่ในบ้าน ก็ต้องตกใจตื่นเมื่อมีแสงเพลิงและกลิ่นควันไฟโชยมาจากระเบียงบ้านบนชั้นที่ 2 สามีก็รีบวิ่งออกไปหยิบถังดับเพลิงจากกลางซอยมาฉีดเพื่อควบคุมแต่เอาไม่อยู่ ทำให้ได้รับบาดเจ็บถูกไฟลวกที่มือและขาเล็กน้อย กระทั่งแสงเพลิงลุกลามไปติดบ้านข้างเคียงอย่างรวดเร็ว ส่วนสาเหตุตนไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร เพราะสายไฟ และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านก็เก่าไปตามกาลเวลา

มีรายงานว่า ขณะเจ้าของบ้านรายหนึ่งกำลังค้นหาทรัพย์สินและข้าวของที่ยังพอใช้ได้ที่ถูกเพลิงไหม้บ้านเลขที่ 225 พบว่ากรอบใส่พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ที่เก็บไว้บนชั้น 2 มีสภาพเกือบจะสมบูรณ์ โดยเพลิงได้ลุกไหม้แค่กรอบไม้ ส่วนภาพ “หลวงพ่อคูณ” ไม่มีรอยไหม้แต่อย่างใด สร้างความฮือฮาให้กับชาวบ้านในละแวกนั้นเป็นอย่างมาก

ต่อมาเวลา 13.20 น. ที่บริเวณปากซอยทางเข้าวัดกัลยาณมิตร ใกล้ที่เกิดเหตุ พ.ต.อ.ณัฏฐ์พัชร์ ผดุงจันทน์ ผกก.สน.บุปผาราม ร่วมกับทหารจากกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 19 (ป.พัน.19) สำนักงานเขตธนบุรี และเจ้าหน้าที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร ได้ตั้งศูนย์อำนวยการเพื่อช่วยเหลือประชาชนจากเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ โดยจัดตั้งศูนย์รับแจ้งความเสียหายและนำอาหาร ข้าวของเครื่องใช้จำนวนหนึ่งมามอบให้กับผู้ประสบภัยด้วย

พ.ต.อ.ณัฏฐ์พัชร์กล่าวว่า ตรวจสอบความเสียหายเพลิงเผาบ้านวอดไป 12 หลัง เจ้าของบ้านต้นเพลิงได้รับบาดเจ็บไฟไหม้เล็กน้อย ไม่มีผู้เสียชีวิต มีผู้ประสบอัคคีภัยได้รับความเดือดร้อนประมาณ 60 ราย ได้ประสานสำนักงานเขตธนบุรี เจ้าหน้าที่ทหาร และ กต.ตร.สน.บุปผาราม มาตั้งเต็นท์นำอาหารและน้ำดื่มมาแจกจ่าย รวมถึงนำทีมพนักงานสอบสวนมาตั้งโต๊ะรับแจ้งความให้บรรดาเจ้าบ้านมาแจ้งความว่ามีทรัพย์สินใดบ้างที่ได้รับความเสียหาย

“ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตกันไปว่าเพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดจากกรณีพิพาทระหว่างชาวบ้านและวัดในทำนองเผาไล่ที่นั้น ไม่เป็นความจริงแน่นอน เนื่องจากชาวบ้านในชุมชนซีกที่เกิดเหตุไม่มีปัญหากับฝ่ายใด ประกอบกับบ้านเรือนก็ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับกำแพงวัด สำหรับสาเหตุ ตนเชื่อว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่ต้องรอเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานส่งผลตรวจพิสูจน์กลับมาประกอบสำนวนคดีเสียก่อน” พ.ต.อ.ณัฏฐ์พัชร์กล่าว

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 10 ส.ค. 2558

'อีสาน-ตะวันออก-ใต้' ฝนยังหนาแน่น ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก​

​

ฝนยังหนาแน่น อีสาน-ตะวันออก-ใต้ ตกหนักบางแห่ง เตือน ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก ชาวเรือเดินเรือระมัดระวัง เรือเล็กงดออกจากฝั่ง

วันที่ 10 ส.ค. จากการตรวจสอบระบบพยากรณ์อากาศไทยรัฐทีวี เดอะเวตเตอร์ คอมพานี พบร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรง พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง

โดยจากการคาดการณ์ ปริมาณน้ำฝนสะสมตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ 6 โมงเช้าวันนี้ ไปจนถึง 6 โมงเช้าวันพรุ่งนี้ พบว่า บริเวณที่มีฝนตกสะสมตั้งแต่ 20 ไปจนถึง 200 มิลลิเมตร ยังคงมีอยู่หลายจุด โดยส่วนใหญ่นั้นจะอยู่ตามขอบของประเทศฝั่งตะวันตก ตั้งแต่ภาคเหนือ มาจนถึงภาคใต้ตอนบน ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก รวมถึงอีสานฝั่งตะวันออกด้วย ซึ่งมีพื้นที่เสี่ยงภัยโดยเฉพาะบริเวณ จังหวัดนครราชสีมา ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ต้องระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

ส่วนการคาดการณ์ปริมาณฝนตั้งแต่ตอนบนจนถึงตอนกลางของประเทศวันนี้ ช่วงสายพบกลุ่มฝนส่วนใหญ่เน้นตกในภาคอีสาน โดยตกหนักบางพื้นที่ ได้แก่ นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และกระจายตัวในบางพื้นที่ของภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ช่วงเที่ยงกลุ่มฝนจะลดลงเหลือเพียงบางพื้นที่เท่านั้น ได้แก่ ในจังหวัดตาก สุพรรณบุรี นครราชสีมา ยโสธร ระยอง จันทบุรี และตราด ช่วงบ่ายกลุ่มฝนจะมาเน้นตกบริเวณภาคกลางตอนล่าง และภาคอีสานตอนล่าง ส่วนภาคเหนือ มีตกประปรายในฝั่งตะวันออกของภาค และช่วงเย็นถึงค่ำจะตกเป็นแนวยาวตั้งแต่ภาคกลางตอนล่าง ลากยาวไปยังภาคอีสานตอนล่าง โดยจะตกหนักบางพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีตกเพิ่มแถวๆบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน อีกด้วย

ส่วนฝนใต้นั้น พบว่า มีการกระจายตัวของกลุ่มฝนอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงสายพบกลุ่มฝนปานกลางถึงหนักเน้นตกบริเวณตอนกลางของพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ช่วงเที่ยงยังคงตกบริเวณเดิม และมีตกเพิ่มบริเวณตอนบนที่ระนอง และชุมพร ก่อนที่ช่วงบ่ายกลุ่มฝนจะลดลงเหลือ ตกในพื้นที่ จังหวัดชุมพร ระนอง และ ตรัง ช่วงเย็นจะตกที่ ระนอง ชุมพร และ ยะลา และจะตกในบริเวณดังกล่าวไปจนถึงช่วงดึก

ส่วนสถานการณ์อุณหภูมิความรู้สึกร้อนวันนี้ ทั่วประเทศมีอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย โดยภาคเหนือ ภาคกลางและภาคอีสานมีอากาศร้อนโดยทั่วไป อุณหภูมิความรู้สึกร้อนสูงสุดวันนี้จะอยู่ที่ประมาณ 35-36 องศาเซลเซียส

สภาพอากาศในแต่ละภาคเป็นดังนี้

ภาคเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ตาก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเลย ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตขึ้นมา: ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนตั้งแต่จังหวัดกระบี่ลงไป ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย วันนี้มีโอกาสเกิดฝน 29 เปอร์เซ็นต์ ส่วนมากในช่วงบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศสเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36 องศาเซลเซียส

ส่วนสถานการณ์พายุเซาเดโลร์ ตอนนี้ได้อ่อนกำลังลงเป็นเพียงหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว อยู่บริเวณมณฑลฟูเจี้ยนของประเทศจีนมีแนวโน้มจะเคลื่อนไปทางมณฑลเจ้อเจียงต่อไป ขอให้ประชาชนที่เดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบลักษณะอากาศก่อนออกเดินทางด้วย โดยพายุนี้ไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 ส.ค. 2558

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เกิดแผ่นดินไหว 6.9 ริกเตอร์ ทางหมู่เกาะโซโลมอน​

​

ซิดนีย์ 10 ส.ค. – สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.9 ริกเตอร์ ทางชายฝั่งหมู่เกาะโซโลมอนวันนี้ แต่ไม่มีประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิ

แผ่นดินไหวตื้นมีศูนย์กลางห่างไปราว 214 กิโลเมตรจากกรุงโฮนีอารา ด้านศูนย์เตือนภัยสึนามิแปซิฟิกที่ฮาวาย ซึ่งวัดแผ่นดินไหวได้ขนาด 6.9 ริกเตอร์ รายงานว่า ไม่น่าเกิดคลื่นสึนามิเป็นวงกว้างในมหาสมุทรแปซิฟิก เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียคาดว่า แผ่นดินไหวใต้ทะเลครั้งนี้มีขนาด 6.9 ริกเตอร์ และไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงคลื่นยักษ์สึนามิ โดยอาจรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเป็นบริเวณกว้างในระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร แต่คาดว่าไม่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง เนื่องจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเขตประชากรของหมู่เกาะโซโลมอนและอยู่ใต้ทะเล จึงทำให้ผลกระทบอยู่ในวงจำกัด .- สำนักข่าวไทย

ยอดเสียชีวิตน้ำท่วมเมียนมาร์เพิ่มถึง 100 คน เดือดร้อนนับล้านคน​

​

ฮีนตาดะ 10 ส.ค. – สำนักข่าวของทางการรายงานวันนี้ว่า ยอดเสียชีวิตจากอุทกภัยรุนแรงทั่วเมียนมาร์เพิ่มสูงถึง 100 คน และได้รับผลกระทบเกือบ 1 ล้านคน โดยกังวลถึงพื้นที่ปลูกข้าวสำคัญของประเทศ

น้ำท่วมเนื่องจากฝนตกหนักส่งผลกระทบต่อเอเชียใต้และตะวันออกเฉียงใต้ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนและไร้ที่อยู่หลายล้านคน โดยเฉพาะที่เมียนมาร์ได้รับผลกระทบหนักที่สุดเมื่อไม่นานนี้ โดยมีรายงานฝนตกหนัก 12 รัฐ ใน 14 รัฐ จนส่งผลให้น้ำท่วมรุนแรง นานาชาติส่งความช่วยเหลือเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาตามที่รัฐบาลร้องขอ

หนังสือพิมพ์โกลบอล นิวไลท์ออฟเมียนมาร์รายงานตัวเลขของทางการล่าสุด ว่ามีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คน และเดือดร้อนเกือบ 1 ล้านคน จากอุทกภัย พื้นที่ปลูกข้าวกว่า 3 ล้านไร่ จมอยู่ใต้น้ำ โดยเฉพาะที่รัฐยะไข่ทางภาคตะวันตกได้รับความเสียหายรุนแรงที่สุด .-สำนักข่าวไทย

ยอดเสียชีวิตจากไต้ฝุ่นเซาเดโลร์ในจีนเพิ่มเป็น 21 คน​

​

เซี่ยงไฮ้ 10 ส.ค. – เจ้าหน้าที่จีนรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากไต้ฝุ่นเซาเดโลร์พัดกระหน่ำเพิ่มขึ้นเป็น 21 คนในวันนี้ และมีผู้สูญหายอีก 5 คน

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรายงานทางสื่อออนไลน์ว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 4 คนในวันนี้ขณะที่พายุอ่อนกำลังลงเป็นพายุหมุนเขตร้อนตามรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยาจีน และเคลื่อนเข้าถล่มมณฑลอานฮุย โดยมีรายงานผู้สูงอายุ 2 คนจมน้ำเสียชีวิต และอีก 2 คนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ที่เกิดจากหินถล่มลงมา ส่วนที่มณฑลเจ้อเจียงที่อยู่ใกล้เคียงกัน มีรายงานผู้เสียชีวิต 14 คน และสูญหาย 4 คน

ด้านมณฑลฝูเจี้ยนทางภาคใต้ซึ่งเป็นจุดที่ไต้ฝุ่นขึ้นฝั่งเมื่อคืนวันเสาร์ มีผู้เสียชีวิต 3 คนเนื่องจากโคลนถล่ม และสูญหายหลังถูกกระแสน้ำท่วมซัดอีก 1 คนที่เมืองหนิงเต๋อ สื่อทางการรายงานคาดว่ามูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจโดยตรงรวมมณฑลทางชายฝั่ง 2 แห่งราว 8,000 ล้านหยวน (45,195 ล้านบาท).-สำนักข่าวไทย

ญี่ปุ่นเตรียมเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์เครื่องแรกในรอบ 2 ปีพรุ่งนี้​

​

โตเกียว 10 ส.ค.- ญี่ปุ่นเตรียมเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เครื่องแรกในรอบ 2 ปีวันอังคารนี้ แม้ว่าสังคมญี่ปุ่นยังคงมีกระแสต่อต้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หลังเกิดอุบัติเหตุที่จังหวัดฟูกุชิมะจากแผ่นดินไหวใหญ่และสึนามิเดือนมีนาคม 2554

บริษัทไฟฟ้าคิวชูเผยว่า เตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เซนไดจะเดินเครื่องภายในเวลา 10.30 น.วันพรุ่งนี้ตามเวลาญี่ปุ่น เร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง โดยได้บรรจุเชื้อเพลิงไว้พร้อมแล้ว และจะเดินเครื่องได้เต็มกำลังภายในเวลา 11.00 น.วันเดียวกัน เตาปฏิกรณ์อายุการใช้งานนาน 31 ปี เครื่องนี้จะเปิดใช้งานเป็นเครื่องแรกของญี่ปุ่นหลังจากปิดเตาปฏิกรณ์ทั้งหมดเนื่องจากเกิดอุบัติเหตุที่ฟูกุชิมะในปี 2554 ต่อมาได้เดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ 2 เครื่องเป็นการชั่วคราวเพื่อผลิตไฟฟ้า แต่ก็ต้องปิดอีกครั้งในเดือนกันยายน 2556 เท่ากับไม่ได้เดินเครื่องเตาปฏิกรณ์เลยเกือบ 2 ปี จากที่เคยเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าถึง 1 ใน 4 ของการใช้งานทั้งหมด ส่วนที่หน้าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เซนได ทางตอนปลายของเกาะคิวชู ประชาชนราว 400 คน รวมตัวชุมนุมต่อต้านกันในวันนี้

รัฐบาลนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่นต้องการเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์อีกครั้ง เช่นเดียวกับบริษัทผลิตไฟฟ้าที่ต้องเสียเงินจำนวนมากนำเข้าเชื้อเพลิงมาผลิตไฟฟ้า แต่ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังคงหวั่นเกรงจากเหตุการณ์ที่ฟูกุชิมะ ขณะที่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า การเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์อีกครั้งจะอยู่ภายใต้ระเบียบที่เข้มงวดกว่าในอดีต.-สำนักข่าวไทย

เมืองอู่ไหลของไต้หวันยังถูกตัดขาด หลังไต้ฝุ่นเซาเดโลร์ถล่มเมื่อวันเสาร์​

​

ไทเป 10 ส.ค.- ไต้หวันเร่งซ่อมแซมถนนในเมืองอู่ไหลในวันนี้ เนื่องจากประชาชน 1,100 คน ยังไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ หลังเกิดดินถล่มเพราะไต้ฝุ่นเซาเดโลร์พัดถล่มเมื่อเช้าวันเสาร์ ส่วนชาวบ้านร่วมร้อยคนที่ติดต่อไม่ได้ขณะที่ทราบแล้วว่าปลอดภัย

เมืองอู่ไหลเป็นเมืองน้ำพุร้อนในเทศมณฑลไทเป อยู่ทางใต้ของกรุงไทเป เกิดดินถล่มตัดถนนสายหลัก เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินเร่งเข้าไปซ่อมแซมถนนจนชาวบ้านสามารถเดินเท้าออกมาได้แล้ว แต่ยวดยานต้องรออีก 3-4 วัน จึงจะสามารถเข้าไปได้ ส่วนชาวบ้านร่วมร้อยคนในหมู่บ้านหนึ่งที่เดิมติดต่อไม่ได้ขณะนี้สามารถติดต่อได้แล้วตั้งแต่ค่ำวันเสาร์และปลอดภัยดี ทหารกำลังค้นหาชาวบ้าน 10 คน ที่ได้รับแจ้งว่าสูญหายไป และมีการลำเลียงอาหารและน้ำเข้าไปยังพื้นที่ประสบภัยแล้ว ภาพข่าวทางโทรทัศน์เห็นเมืองอู่ไหลที่ขึ้นชื่อเรื่องทัศนียภาพงดงามเต็มไปด้วยซากความเสียหาย

ไต้ฝุ่นเซาเดโลร์คร่าชีวิตคนในไต้หวันแล้วอย่างน้อย 7 คน บาดเจ็บกว่า 400 คน แม่น้ำเอ่อล้นฝั่ง ต้นไม้และป้ายต่าง ๆ ล้มระเนระนาด ดินถล่ม ประชาชน 4 ล้านครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ ล่าสุดสามารถซ่อมแซมไฟฟ้าให้ใช้ได้อีกครั้ง แต่ยังมีประชาชนกว่า 90,000 ครัวเรือน ไม่มีไฟฟ้าใช้ในเช้าวันนี้ ประเมินว่าภาคการเกษตรเสียหายราว 1,000 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 1,100 ล้านบาท) ส่วนใหญ่เป็นกล้วยและส้มโอ.-สำนักข่าวไทย

ที่มา เว็บไซต์สำนักข่าวไทย

 

รถลอยน้ำได้ด้วยแผ่นโฟม EPS​

(ใช้เป็นแพในยามฉุกเฉินได้ด้วย)​

อัปโหลดเมื่อ 20 ต.ค. 2011

​

 

วิธีทำข้าวเกรียบสายรุ้งสมุนไพร ต.หนองโรง​

เผยแพร่เมื่อ 18 ธ.ค. 2013​

ขั้นตอนการทำ "ข้าวเกรียบสมุนไพร" จากกลุ่มแม่บ้านป่าชุมชนห้วยสะพานสามัคคี ม.2 ต.ห้วยสะพาน อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี สนใจศึกษาดูงาน หรือรับสินค้าไปจำหน่าย ติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 034-579293 , 083-0089747

 

ขั้นตอนการทำข้าวตังบ้านศาลาดิน คลองมหาสวัสดิ์​

เผยแพร่เมื่อ 1 ต.ค. 2013
มาชมขั้นตอนการทำข้าวตังแสนอร่อย ที่บ้านศาลาดิน คลองมหาสวัสดิ์ จ.นครปฐมกันครับ​

 

เพื่อนคู่คิด ตอน ข้าวแต๋นวาไรตี้...​

อัปโหลดเมื่อ 29 ส.ค. 2011​

รายการเพื่อนคู่คิด โดย: ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ตอน: ข้าวแต๋นวาไรตี้ ขนมพื้นบ้านโกอินเตอร์ เจ้าของ: คุณสุธาณี เยาวพัฒน์ แบรนด์ แม่บัวจันทร์ พิธีกร: ลลิภัทร เตชะวิเศษ ออกอากาศช่อง 3 วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม 2554 ช่อง 11 วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม 2554

 

กินอยู่คือ - คุ้กกี้ไร้แป้ง​

เผยแพร่เมื่อ 29 ธ.ค. 2012​

 

กิน อยู่ คือ - บ้านพึ่งตนเอง วิถีสู่อิสรภาพ​

เผยแพร่เมื่อ 24 มิ.ย. 2013​

 

น้ำสลัดสมุนไพร​

อัปโหลดเมื่อ 30 พ.ค. 2011​

น้ำสลัดสมุนไพร เป็นการนำพืชผักที่ปลูกแบบผักอินทรีย์มาปร­ุงกับเครื่องปรุงน้ำสลัด ซึ่งจะได้น้ำสลัดที่มีรสชาดดีและปลอดภัยจา­กสารเคมี

 

ภูมิปัญญาท้องถิ่น กล้วยม้วนสมุนไพร อสม.BIO​

เผยแพร่เมื่อ 17 ก.ย. 2013​

 

เกษตรทำเงิน : กล้วยสมุนไพรไรซ์เบอร์รี่​

เผยแพร่เมื่อ 21 พ.ค. 2015​

กลุ่มแม่บ้านท่าลาภ จ.ชัยนาท แปรรูปกล้วยหักมุก ปรุงผสมกับข้าวไรซ์เบอร์รี่ ธัญพืชมากประโยชน์ จนเป็นสินค้าเพื่อสุขภาพขึ้นชื่อของจังหวั­ด สร้างรายเข้ากลุ่มเดือนละหลายหมื่นบาท

 

ข้าวเกรียบแปรรูปสาหร่ายเกลียวทอง​

เผยแพร่เมื่อ 11 ธ.ค. 2012
ข้าวเกรียบแปรรูปสาหร่ายเกลียวทอง​

 

การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าวสังข์หยด​

เผยแพร่เมื่อ 30 พ.ค. 2012​

 

โครงงานแปรรูปอาหารจากฟักทอง โรงเรียนอนุบาลลำปาง​

เผยแพร่เมื่อ 16 ธ.ค. 2013​

 

ขนุน - การแปรรูป​

เผยแพร่เมื่อ 23 พ.ย. 2012​

 

ท๊อฟฟี่กะทิสดใส่ถั่ว​

เผยแพร่เมื่อ 10 ก.ย. 2012​

 

กล้วยตากบางกระทุ่ม​

เผยแพร่เมื่อ 25 ก.ย. 2012​

 

OTOP ไทย 365 วัน - กะละแมโบราณ​

อัปโหลดเมื่อ 17 ส.ค. 2011
OTOP ไทย 365 วัน - ผลิตภัณฑ์ กลุ่มกะละแมโบราณ
จังหวัด พะเยา​

 

Culture Club - มะตูมเชื่อม​

เผยแพร่เมื่อ 4 ธ.ค. 2013​