ด่วน!! รีบจองที่นั่งเฝ้าระวัง: เดี่ยวภัยพิบัติ1 เเสดงแล้ววันนี้ทุกประเทศทั่วโลก

"กาญจนบุรี" สำรวจ-เยียวยาพายุถล่ม


ลมพายุพัดกระหน่ำต้นไม้ใหญ่ล้มทับบ้านบาดเจ็บ 4 ราย ฝ่ายปกครอง อ.ไทรโยคให้ช่วยเหลือเบื้องต้นทันที

จากกรณีเมื่อคืนวันที่ 16 มี.ค.ที่ผานมา ในพื้นที่ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เกิดพายุฟ้าคะนองและมีฝนตกลงมาอย่างหนัก อีกทั้งกระแสไฟฟ้าดับทั้งอำเภอไทรโยคนานนับหลายชั่วโมง จากกระแสลมแรงทำให้ต้นไม้ที่อยู่ริมถนนหักโค่นลงมาและปิดทางการจราจรทำให้ผู้สัญจรไม่สามารถเดินทางได้ ทางด้านนาย สมชาติ ธีรสุวรรณจักร นายอำเภอไทรโยค เปิดเผยว่า หลังจากที่พายุสงบลงได้ทำการสำรวจความเสียหายเบื้องต้น มีบ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายจำนวนหนึ่ง รายที่หนักที่สุดเนื่องจากถูกต้นหว้าขนาดใหญ่ล้มทับบ้านเรือนได้รับความเสียหายทั้งหลัง มีผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสจำนวน 4 ราย ประกอบด้วย นายสงวน สุขเกษม อายุประมาณ 50 ปีเศษ และนายวิทย์ สุขเกษม อายุประมาณ 30 ปีเศษ และยังมีเด็กผู้ชายอีก 2 คน อายุ 11 ปี และ 12 ปี ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสเช่นกัน ทั้ง 4 รายอาศัยอยู่บ้านที่เกิดเหตุเลขที่ 11 หมู่ 4 ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค ได้ลำเลียงมาทำการรักษาพยาบาลที่ รพ.ไทรโยคก่อนถูกนำส่ง รพ.พหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี


ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 17 มี.ค. นายสุมิตร สุขเกษม อายุ 32 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บแล้วถูกลำเลียงมาดูอาการที่ รพ.พหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุเวลาประมาณ 19.30 น. ได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและมีลมกรรโชกลงมาอย่างหนัก อีกทั้งไฟฟ้าก็ดับมืดสนิททั้งหมู่บ้านขณะนั้นตนกับแม่และหลานชาย รวมทั้งเด็กชายชาวพม่าอีก 1 คน รวม 4 คน โดยบ้านเป็นบ้านไม้ยกสูง เกิดต้นหว้าใหญ่ขนาดใหญ่ อายุนับร้อยปีที่ขึ้นอยู่บริเวณข้างบ้าน ได้โค่นล้มลงมาทับหลังคาบ้านจนพังเสียหายทั้งหลัง และตนกับครอบครัวอยู่กันในบ้านหลังนั้นได้ยินแต่เสียงดังโครมเท่านั้น ตนก็สลบไปต้นไม้ทับที่หน้าอก ก็พยายามช่วยกันจนหลุดออกมาได้ แต่บาดเจ็บเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือนำตนและครอบครัวส่ง รพ.ไทรโยค


ส่วนนายสมชาติ ธีรสุวรรณจักร นายอำเภอไทรโยค กล่าวว่า เบื้องต้น ทางอำเภอไทรโยค และ อบต.บ้องตี้ และ พ.ต.อ.บัณทิต ม่วงสุขขำ ผกก.สภ.ไทรโยค ได้นำกำลังไปดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วพร้อมให้ความช่วยเหลือชาวบ้านตลอดคืนที่ผ่านมา จากนั้นได้ร่วมกันออกสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งจากการสำรวจพบว่า มีบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายเพียงหลังเดียว คือบ้านของนางสงวน สุขเกษม อายุ 60 ปี โดยได้รับความเสียหายทั้งหลัง เนื่องจากถูกต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มทับ นอกจากนั้นก็พบเพียงต้นไม้หักโค่นขวางถนน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เคลียร์พื้นที่หมดแล้ว ส่วนการให้ความช่วยเหลือจะดูแลตามกฎหมายต่อไป.

ที่มาจาก เดลินิวส์

 

18-03-2013

อากาศวันนี้

บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีฝนบางแห่งในระยะนี้ สำหรับ คลื่นกระแสลมตะวันตกจะเคลื่อนจากประเทศพม่าเข้ามาปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนในช่วงวันที่ 18-20 มีนาคม 2556 ทำให้มีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง


พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าทางตอนบนของภาค
และมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนมากทางด้านตะวันตกของภาค
อุณหภูมิต่ำสุด 19-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนมากทางด้านตอนล่างของภาค
อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-39 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนมากทางด้านตอนล่างของภาค
อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก ตอนบนของภาคมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 26-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนบนของภาค
อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา :
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร
ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป :
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนมากทางตอนล่างของภาค
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่าง
อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

จาก กรมอุตุนิยมวิทยา

 

ช่วงนี้เป็นช่วงอุณหภูมิขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ การติดตามว่าที่ไหนจะทำลายสถิติอากาศร้อนของแต่ละพื้นที่ เปรียบเทียบปีก่อนๆ ยังคงเป็นข้อมูลที่เล่นข่าวควบคู่กับความแห้งแล้ง ส่วนพายุฤดูร้อนเริ่มเห็นอากาศเย็นจากตอนใต้จีนหรือกระแสลมตะวันตกในระดับบนจะมาซ้อนทับอากาศร้อนในช่วงกลางสัปดาห์ครับ
ที่มา JMA SAT / NOAA.GOV

ขอบคุณที่มาจาก กองข่าวอากาศ (เหล่าอุตุนิยมวิทยา) WEATHER DIVISION RTAF THAILAND

 

ปภ. เตือน8จว.เหนือ รับมือพายุฝนฟ้าคะนอง



ปภ. เตือน 8 จังหวัดภาคเหนือ รับมือพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ระหว่างวันที่ 18 - 20 มี.ค. 56
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า จากการประสานข้อมูลสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่า กระแสลมตะวันตกกำลังแรง เคลื่อนผ่านประเทศพม่าเข้าปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ภาคเหนือ มีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในระยะแรก จากนั้น อุณหภูมิจะลดลง ส่งผลให้พื้นที่สูงจะมีอากาศหนาวเย็นในระยะต่อไป กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้ประสาน 8 จังหวัด ประกอบด้วย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน ศูนย์ป้องกันและบรรเทา
สาธารณภัย เขต 10 ลำปาง เขต 15 เชียงราย เตรียมความพร้อมรับมือพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง ในช่วงวันที่ 18 – 20 มีนาคม 2556 โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมตรวจสอบสิ่งก่อสร้างและป้ายโฆษณาให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง รวมถึงจัดชุดเคลื่อนที่เร็วและเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันทีที่เกิดสถานการณ์ภัย อีกทั้งแจ้งเตือนประชาชนเตรียมการป้องกันอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง โดยตรวจสอบบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง รวมถึง งดเว้นการใช้โทรศัพท์มือถือ และเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดบริเวณที่โล่งแจ้ง เพราะขณะเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง อาจเกิดฟ้าผ่า ทำให้ได้รับอันตรายถึงชีวิตได้ ส่วนเกษตรกรให้จัดทำที่ค้ำยันต้นไม้ หรือ ที่กำบัง เพื่อป้องกันพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง

 

เชียงใหม่แล้งแล้ว 15 อำเภอ วอนประชาชนใช้น้ำประหยัด



เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 มี.ค. พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา ผบ.กองบัญชาการเฉพาะกิจควบคุมไฟป่าและหมอกควัน กองทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า จากการที่สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนมากขึ้น กองบัญชาการเฉพาะกิจควบคุมไฟป่าและหมอกควัน กองทัพภาคที่ 3 ได้กำชับหน่วยทหารและชุดปฏิบัติการควบคุมไฟป่าและหมอกควัน กองทัพภาคที่ 3 ในจังหวัดเชียงใหม่ 14 ชุดปฏิบัติการ ออกเคลื่อนไหวรณรงค์ประสานงานการป้องกันเพื่อสนับสนุนการดับไฟป่าเบื้องต้น รวมทั้งใช้กำลังชุดดับไฟป่า 100 ชุดปฏิบัติการ จากหน่วยทหารในพื้นที่ 9 จังหวัด สนับสนุนการดับไฟให้แก่หน่วยงานในระดับท้องถิ่น ตามที่ได้รับการร้องขอ ทั้งนี้หากสถานการณ์มีความรุนแรงกำหนดให้ใช้กำลังกองร้อยช่วยเหลือประชาชนจากหน่วยทหารเข้าสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามแผนบรรเทาสาธารณภัยของกองทัพภาคที่ 3 อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้ขอความร่วมมือทางสถานีวิทยุในเครือกองทัพภาคที่ 3 จำนวน 19 สถานี รณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนในการงดการเผาป่า เผาเศษวัชพืช เผาขยะที่ย่อยสลายยาก พร้อมรณรงค์สร้างความชุ่มชื้นด้วยการรดน้ำให้กับต้นไม้และฉีดพ่นน้ำบนถนนในหมู่บ้าน เพื่อลดสภาวะหมอกควันและสร้างความชุ่มชื้นให้อากาศ นอกจากนี้ทางกองทัพภาคที่ 3 ก็ได้ใช้มาตรการ 4 มาตรการประกอบด้วย มาตรการการประชาสัมพันธ์สร้างจิตสำนึก มาตรการการเข้าเวรยามเฝ้าระวังลาดตระเวน และการเตรียมพร้อมดับไฟในสถานการณ์รุนแรง พร้อมกำชับให้แพทย์ พยาบาลในโรงพยาบาลในค่ายทหาร 9 จังหวัดภาคเหนือ ลงพื้นที่ดูแลสุขภาพร่ายกายของประชาชนในภาวะสภาพอากาศที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นด้วย

ด้านนายคมสัน สุวรรณอัมพา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สำหรับสภาวะอากาศและปริมาณน้ำฝนในระยะนี้ ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ ยังติด 1 ใน 38 จังหวัดที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเรื่องฝนทิ้งช่วง หรือภัยแล้ง ซึ่งได้ประกาศพื้นที่ภัยแล้งไปแล้วจำนวน 15 อำเภอ จากทั้งหมด 25 อำเภอ มีอำเภออมก๋อย จอมทอง สะเมิง แม่แจ่ม สันป่าตอง ฮอด กัลยาณิวัฒนา ไชยปราการ สันกำแพง หางดง ดอยหล่อ แม่ออน แม่ริม เวียงแหง ดอยเต่า สำหรับสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำนั้น จากข้อมูลของกรมชลประทาน ทราบว่าปริมาตรน้ำในอ่างขนาดใหญ่ทั่วประเทศ มีทั้งหมด 40,757 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 58 ของความจุอ่างเก็บน้ำทั้งหมด ซึ่งน้อยกว่าปี 2555 จำนวน 5,763 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งในจังหวัดเชียงใหม่นั้นบริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ มีปริมาณน้ำในอ่าง 91.128 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 34.6 เปอร์เซ็นต์ของความจุกักเก็บ สำหรับเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ มีน้ำในเขื่อน 112.69 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 44.19 เปอร์เซ็นต์ของความจุกักเก็บ ซึ่งถือว่าปริมาณน้ำนั้นน้อยกว่าปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ส่วนด้านสภาพอากาศที่รับรายงานจากกรมอุตุนิยมวิทยาล่าสุดทราบว่า บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีฝนบางแห่งในระยะนี้ สำหรับคลื่นกระแสลมตะวันตกจะเคลื่อนจากประเทศพม่าเข้ามาปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนในช่วงระยะวันที่ 18 - 20 มีนาคม ทำให้มีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ดังนั้นจึงได้มีการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาวาตภัย ที่จะสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไว้ ด้วยการจัดเจ้าหน้าที่อยู่เวรเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้ให้พร้อมเพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันต่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น

ด้านนายวุฒิชัย รักษาสุข ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวงอุดมธารา อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า สำหรับปริมาณน้ำในอ่างของปีนี้ถือว่าน้อยกว่าปี 55 ที่ผ่านมา แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง สำหรับการจัดสรรน้ำในพื้นที่นั้น ในช่วงหน้าแล้งนี้จากเดิมได้เตรียมน้ำไว้ เพื่อให้เกษตรกรปลูกข้าว จำนวน 20,000 ไร่ แต่ปรากฏว่าปัจจุบันกลายเป็น 40,000 ไร่ เพราะเกษตรกรมีการขยายพื้นที่การปลูก ซึ่งทางโครงการส่งน้ำฯ ก็ได้เข้าไปพูดคุยกับทางเกษตรกรแล้ว เพื่อให้มีการใช้น้ำอย่างประหยัด เนื่องจากจะต้องส่งน้ำให้กับกลุ่มเกษตรกรวันละ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อเทียบกับน้ำอุปโภคและบริโภค ที่ใช้น้ำเพียงแค่วันละ 30,000 ลูกบาศก์เมตร เท่านั้น ดังนั้นกลุ่มเกษตรกรก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย เพราะหากใช้น้ำมากไป ก็จะเหลือน้ำในอ่างน้อย และจะไม่เพียงพอต่อการปลูกข้าวนาปี และหากฝนทิ้งช่วงก็จะลำบากมากขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้ก็ได้เตรียมการไว้เช่นกัน หากเกิดฝนทิ้งช่วง ก็จะประสานทางศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ เพื่อให้ช่วยทำฝนในการเติมน้ำในอ่างเก็บน้ำให้มีน้ำมากขึ้น เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้น้ำของประชาชน และเกษตรกรที่ทำการเพาะปลูก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูแล้ง หรือช่วงฤดูฝนก็ตาม ประชาชนและกลุ่มเกษตรกรก็ต้องร่วมมือกันในการประหยัดน้ำให้ได้มากที่สุด.

ที่มาจาก เดลินิวส์

 

ไฟไหม้ป่าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมเสียหายนับพันไร่


ตรังเกิดเหตุไฟไหม้ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมและเขตทุ่งเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง นาน 2 วัน เสียหายนับพันไร่ ชาวบ้านโดดเดี่ยวไร้การช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐเท่าที่ควร

วันนี้ (18 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลเมืองกันตัง จ.ตรัง ยังคงนำรถดับเพลิงจำนวน 1 คัน ตระเวนขนน้ำ เพื่อมาดับเพลิงซึ่งกำลังโหมไหม้ป่าเสม็ดและต้นไม้นานาชนิดๆภายในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม และเขตทุ่งเลี้ยงสัตว์ หมู่ 6 บ้านหาดยาว ต.เกาะลิบงโดยได้เกิดเพลิงลุกไหม้เช่นนี้มาเป็นเวลา 2 วันแล้ว ตั้งแต่บริเวณป่าริมชายหาดยาวไปจนถึงป่าบริเวณริมชายหาดหยงหลิง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลชื่อดังที่สำคัญของจังหวัด และลุกลามข้ามไปอีกฝั่งถนน จนทำให้การสัญจรของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเป็นไปด้วยความลำบาก ซึ่งผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านในพื้นที่กว่า 150 ครัวเรือน ต่างต้องคอยเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา และกันไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าในพื้นที่ เนื่องจากเกรงว่ากระแสลมพัดแรง ประกอบกับอากาศที่ร้อนจัดจะทำให้พัดเปลวไฟมาไหม้บ้านเรือนชาวบ้าน และสร้างอันตรายกับนักท่องเที่ยวได้


ด้าน นายยงยุทธ สักหลัด ผญบ.หมู่ 6 กล่าวว่า เพลิงได้ลุกไหม้มาตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลเมืองกันตัง เจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่าตรัง และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ได้ระดมกำลังสกัดเปลวเพลิงไว้ได้แล้ว แต่พอมาช่วงบ่ายวันนี้เปลวเพลิงได้โหมไหม้ขึ้นมาอีกครั้งอย่างรุนแรง ซึ่งเกินกำลังจะควบคุม เนื่องจากรถน้ำดับเพลิงที่ประสานไปจากพื้นที่ต่างๆ ส่งมาช่วยเหลือได้เพียงคันเดียว ประกอบกับแหล่งน้ำอยู่ไกล ทำให้การฉีดน้ำสกัดไม่ต่อเนื่อง ขณะที่เจ้าหน้าที่ควบคุมไฟป่าที่ใช้วิธีสกัดไฟด้วยไม้ตบไฟก็ทำงานกันลำบากเพราะลมแรง โดยความเสียหายเบื้องต้นนับพันไร่ ส่วนสาเหตุคาดว่าเกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว หรือมีการจุดไฟเผาป่าแต่ก็ไม่สามารถจับมือใครดมได้ ซึ่งก็เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ทุกปีในพื้นที่ แต่ปีนี้รุนแรงกว่าทุกปี โดยคืนนี้คาดว่าไฟป่ายังคงไม่ดับ หากไม่มีฝนตกและชาวบ้านต้องคอยเฝ้าระวังตลอดคืน.

ที่มาจาก เดลินิวส์

 

19-03-2013


อากาศวันนี้

คลื่นกระแสลมตะวันตกกำลังอ่อนจากประเทศพม่าเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ ประกอบมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งในช่วงวันที่ 19-20 มีนาคม 2556 ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าวไว้ด้วย

จากกรมอุตุนิยมวิทยา

 

20-03-2013


ประเทไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน

ลักษณะอากาศทั่วไปประจำวันที่ 20 มีนาคม 2556 เมื่อเวลา 04:00 น. คลื่นกระแสลมตะวันตกได้เคลื่อนผ่านภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นในตอนเช้า ประกอบมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าวไว้ด้วย

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 16-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัด นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก ตอนบนของภาคมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด และสระแก้ว อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากตอนล่างและด้านตะวันออกของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

 

ข่าวทั่วไทย

"เหนือ" ระทมซมพิษ "ภัยแล้ง-หมอกควัน"


กรมอุตุฯ ผลจากความกดอากาศอ่อนกำลัง ส่งผลภาคเหนือร้อน แล้ง ปภ.เชียงใหม่สั่งจับตาและช่วยเยียวยาปัญหาภัยแล้งทุกพื้นที่ พร้อมประสานฝนหลวงเติมความชุมชื่นและปริมาณน้ำในอ่าง ขณะสถานการณ์หมอกควันเริ่มรุนแรง มลภาวะทางอากาศเริ่มส่งผลกระทบสุขภาพชาวบ้าน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (19 มี.ค.) ว่าที่ ร.ต.ปรีชา จินต์ธนาวัตน์ เจ้าหน้าที่ พยากรณ์อากาศ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ เปิดเผยว่า บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ส่งผลให้ภาคเหนืออากาศร้อน กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อุณหภูมิสูงสุด วัดได้ 39.4 องศาเซลเซียส ที่ อ.เมือง จ.ลำปาง ส่วนในช่วงวันที่ 21-24 มี.ค. ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ภาคเหนือมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ส่วนผลกระทบต่อการเกษตรนั้น ในระยะนี้มีแดดจัด เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งนานๆ หากมีความจำเป็นควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด และดื่มน้ำบ่อยๆ ส่วนผู้ที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรรอให้มีฝนตกสม่ำเสมอเสียก่อนแล้วค่อยลงมือปลูก สำหรับสภาพอากาศที่แห้ง ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัยโดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูกและหลีกเลี่ยงการจุดไฟในบริเวณสวน หากมีความจำเป็นควรดับให้สนิททุกครั้ง

นายคมสัน สุวรรณอัมพา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า พื้นที่แล้งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่นั้นยังคงมีอยู่ 15 อำเภอ ขณะนี้ทาง ปภ.เชียงใหม่ กำลังติดตามความเคลื่อนไหวของสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ว่า พื้นที่ใดประสบปัญหาเพิ่มอีกหรือไม่ เพื่อจะได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัย แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการรายงานในเรื่องดังกล่าว ซึ่งแนวทางการช่วยเหลือนั้น ก็ได้ให้ทางหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงทางอำเภอ ให้การช่วยเหลือประชาชนในแต่ละพื้นที่ของตนเอง และการจัดสรรน้ำจัดส่งไปให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง ซึ่งปัญหาภัยแล้งก็ส่งผลกระทบอย่างมาก และทำให้แม่น้ำปิงแห้งขอดจนสามารถเดินข้ามแม่น้ำปิงได้ ดังนั้นก็อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันประหยัดน้ำด้วย นอกจากนี้ก็ได้มีการประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง ในเรื่องของการจะขึ้นปฏิบัติการทำฝน เพื่อเติมน้ำให้กับแอ่งน้ำต่างๆ รวมถึงเรื่องของศูนย์ควบคุมไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้เฝ้าระวังเรื่องของสถานการณ์ไฟป่าและจุดฮอตสปอร์ต ที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดไฟป่าลุกลาม หรือให้เกิดน้อยที่สุด เพราะหากมีการเกิดไฟป่าจำนวนมาก ก็จะเกิดปัญหาด้านหมอกควันตามมา โดยจุดฮอตสปอร์ตทั้งหมด 138 จุด ซึ่งจุดความร้อน หรือฮอตสปอร์ตนี้ สำหรับในจังหวัดเชียงใหม่ มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ด้านกรมควบคุมมลพิษได้รายงานว่า ขณะนี้ในพื้นที่ภาคเหนือ มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ระหว่าง 34 - 176 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับดีถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยจังหวัดเชียงใหม่นั้นได้มีจุดวัดค่าฝุ่นละอองที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย อ.เมืองเชียงใหม่ วัดได้ 87 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง และศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ วัดได้ 85 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ดังนั้นจึงอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการควบคุมการเผาในพื้นที่ชุมชน พื้นที่เกษตร การเผาริมทาง และพื้นที่ป่า โดยหากมีความจำเป็นต้องเผาต้องขออนุญาตจาก กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในเขตปกครองท้องที่นั้นๆ ก่อนดำเนินการทุกครั้ง และต้องจัดทำแนวกันไฟและควบคุมไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่อื่นได้ และให้ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ลักลอบเผา หรือขออนุญาตเผาแล้ว แต่ไม่จัดทำแนวกันไฟ หรือไม่ได้ควบคุมไฟให้อยู่ในพื้นที่ถือครอง จนเป็นเหตุให้ไฟลุกลามไปยังพื้นที่อื่นหรือลุกลามเข้าไปในเขตป่า โดยเฉียบขาด นอกจากนี้ขอให้ประชาสัมพันธ์ชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและวิธีการป้องกันตนเองที่ถูกต้องให้กับประชาชนทุกพื้นที่ โดยหากพบว่ามีเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ และประชาชนทั่วไป ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากหรือใช้ผ้าปิดจมูก ปิดประตู หน้าต่าง เพื่อกันฝุ่นควันเข้าบ้าน และหากเกิดอาการเจ็บป่วยควรปรึกษาแพทย์ เพื่อให้รักษา ไม่ควรหายามารับประทานเอง.


"ชุมแพ" พายุลูกเห็บถล่ม "แตงไทย" เสียหายกว่า 200 ไร่


บ้านหนองบัว หมู่ 3 ต.โนนสะอาด ได้เกิดพายุลมฝนและลูกเห็บตกอย่างหนักทำให้พืชผลทางการเกษตรเสียหายกว่า 200 ไร่

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 19 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นางสาวจารุณี จันเวียง นายก อบต.โนนสะอาด อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ว่าเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา บ้านหนองบัว หมู่ 3 ต.โนนสะอาด ได้เกิดพายุลมฝนและลูกเห็บตกอย่างหนักทำให้พืชผลทางการเกษตรเสียหายกว่า 200 ไร่ จากนั้นจึงเดินทางไปตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบเป็นที่นาโล่งแจ้งใช้สำหรับปลูกแตงไทย แตงโม จำนวนมาก บริเวณกลางแปลงพบลูกแตงไทย แตงโม แตกกระจัดกระจาย บางลูกเป็นรูเท่าไข่ไก่ บางลูกเกิดรอยร้าวแตก เต็มไปหมด ซึ่งชาวบ้านกำลังช่วยกันคัดแยกผลที่ยังพอขายได้ไว้ต่างหาก เพื่อรีบนำส่งขายก่อนที่จะเน่าเสีย

นายสมภาร เจริญร่าง อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86 หมู่ 3 บ้านหนองบัว ต.โนนสะอาด อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เกษตรกรที่ได้รับความเสียหาย เล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ผ่านมา ได้เกิดพายุพัดลมฝนและลูกเห็บตกลงมาอย่างหนัก หลังจากลมฝนสงบตนและภรรยาได้ออกมาดูที่สวน ถึงกับแทบเป็นลมทั้งยืนเพราะพบว่าสวนแตงไทยที่ตนปลูกบนเนื้อที่กว่า 5 ไร่และเพิ่งเก็บขายได้ 3 วัน ถูกลูกเห็บตกใส่ลูกแตงไทยเสียหายทั้งหมด ซึ่งปกติแล้วจะเก็บขายได้ประมาณ 1 แสนถึง 2 แสนบาท แต่ปีนี้เจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะเพิ่งจะเก็บขายไปได้เงิน 20,000 บาทเอง และตั้งแต่ทำการเกษตรอยู่กับครอบครัวมา 60 ปี ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้

ด้านนางสาวจารุณี จันเวียง นายก อบต.โนนสะอาด กล่าวว่า หลังจากสำรวจความเสียหายในพื้นที่พบว่ามีเกษตรกรได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้กว่า 40 ราย พื้นที่เสียหายกว่า 200 ไร่ มูลค่าความเสียหายประมาณ 2 ล้านบาท สำหรับการช่วยเหลือในเบื้องต้น ทาง อบต.จะสำรวจความเสียหายและจ่ายเงินชดเชยความเสียทางการเกษตรให้กับเกษตรกรได้รายละไม่เกิน 20,000 บาท แต่อย่างไรก็ตามจะประสานเรื่องส่งต่อไปทางอำเภอชุมแพ และ จังหวัดขอนแก่น เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรให้ถึงที่สุดต่อไป


"ขอนแก่น" อ่วมพายุถล่มบ้านพังเกลื่อน


พายุหมุนถล่มขอนแก่นร้านอาหาร-บ้านพังยับมากกว่า 100 หลังคาเรือน ป้ายโฆษณาล้มระเนระนาด ผู้ว่าฯเตือนระวังภัยอาจทำให้ชีวิตและทรัพย์สินเสียหาย

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 19 มี.ค. นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นายประมวลลาภจิตต์ หน.สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ขอนแก่น และคณะ ได้เข้าตรวจสอบความเสียหายบ้านเรือนราษฎรที่ประสบพายุฤดูร้อนพัดถล่มในเขตเทศบาลนครขอนแก่น และหลายตำบลอยู่ในเขต อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้รับความเสียหายในช่วงกลางดึกเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา จากการออกตรวจสอบในเขตเทศบาลนครขอนแก่นพบป้ายไวนิลที่ตั้งโฆษณาตามถนนสายต่างๆล้มระเนระนาด และป้ายขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตามริมถนนมิตรภาพหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึงก็ล้มลงเพราะพายุพัดกระหน่ำมาเช่นกัน พร้อมกับมีหลังคาบ้านตามโชว์รูมรถยนต์ก็พังลงหลายแห่ง

นอกจากนี้นายทัศนัยน์ สุขสบาย กำนันตำบลบ้านเป็ด ได้พาคณะของ ผวจ.ขอนแก่นไปตรวจสอบร้านอาหาร “สะตอ” ขายอาหารปักษ์ใต้ที่สร้างร้านอาหารด้วยการใช้ไม้ไผ่และมุงหลังคาด้วยหญ้าคาก็ถูกพายุพัดถล่มลงมาเสียหายไปทั้งหลัง นอกจากนี้ที่บ้านของนางคัทรียา นวลศรี อายุ 62 ปี ตั้งอยู่เลขที่ 435 หมู่ 16 ต.บ้านเป็ด ได้ถูกพายุหมุนพัดถล่มหน้าบ้านพังไปทั้งหลัง พร้อมกลับหลังคาบ้านเปิด ภายในบ้านข้าวของล้มระเนระนาด นางคัทรียาโชคดีที่ไม่ถูกสังกะสีบาดตามตัวจึงรอดมาได้แต่เกือบเอาชีวิตไม่รอด และยังมีป้ายไว้นิลที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง สท.เทศบาลตำบลบ้านเป็ดที่มีมากกว่า 150 ป้ายล้มตามจุดที่ตั้งที่อยู่ในเขตเทศบาลตำบลบ้านเป็ด

ว่าที่ร้อยตรีสมพร เทพวงษา นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้พาคณะของ ผวจ.ขอนแก่นไปตรวจสอบพายุพัดถล่มในเขตเทศบาลตำบลบ้านค้อ ที่ได้ถูกพายุพัดถล่มเสียหาย ซึ่งมี 1.บ้านท่อนน้อย 15 หลัง 2.บ้านเนินทอง 7 หลัง 3.บ้านโนนเรือง 5 หลัง 4.บ้านค้อ 3 หลัง และยังมีบ้านเรือนราษฎรที่อยู่ในที่นา และที่ยังไม่ได้แจ้งให้ทางการทราบอีกไม่น้อยกว่า 30 หลังคาเรือน และยังมีที่ประตูทางเข้าวัดโนนศิลา หมู่ 1 พบหลังคากระเบื้องที่ปูอยู่บนศาลาแตกบิ่นไม่น้อยกว่า 50 แผ่น ประตูทางเข้าวัดที่ทำใหม่สวยงามก็ถูกพายุพัดถล่มลงมาเสียหายยับเยินเช่นกัน

ผวจ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า จากการออกตรวจสอบความรุนแรงของพายุฤดูร้อนที่พัดถล่มในครั้งนี้ ทำให้บ้านเรือนราษฎรในหลายหมู่บ้าน หลายตำบล ใน 26 อำเภอของจังหวัดขอนแก่นได้รับความเสียหายจำนวนมาก และได้รับความเสียหายหนักมากที่สุดกว่าทุกปีที่ผ่านมา ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการสำรวจความเสียหาย ปัญหาพายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงใน จ.ขอนแก่นครั้งนี้ น่าจะเป็นสาเหตุจากสภาพอากาศที่แปรปรวนและทำให้จังหวัดประสบภัยแล้งอย่างรุนแรง มีอากาศร้อนอบอ้าวอย่างมาก จังหวัดจึงได้ประกาศให้ทุกอำเภอได้เฝ้าระวังภัยจากพายุฤดูร้อนและให้รายงานทันทีหากเกิดเหตุดังนั้นในช่วงสงกรานต์หากพี่น้องประชาชนพบสภาพอากาศผิดปกติก็ให้ระวังปัญหาฟ้าผ่าและพายุฝนไว้ด้วย

ขณะนี้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ จ.นครราชสีมา, จ.ชัยภูมิ, จ.บุรีรัมย์, จ.สุรินทร์ และ จ.ขอนแก่น ได้มีความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่บริเวณดังกล่าวถูกปกคลุมด้วยความร้อน ทำให้อาจเกิดพายุฤดูร้อนมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตก ในบางพื้นที่ได้ จึงขอแจ้งเตือนให้ประชาชนระวังอันตรายจากลักษณะอากาศที่เปลี่ยนแปลงในช่วงนี้ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิต ทรัพย์สิน ที่อยู่อาศัย และพืชผลทางการเกษตรของเกษตรกรได้ เพื่อความปลอดภัยในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ขอให้ประชา ชนหลบในอาคารที่มั่นคงแข็งแรง ไม่หลบใต้ต้นไม้ใหญ่ ใกล้สิ่งปลูกสร้างหรือป้ายโฆษณา ผวจ.ขอนแก่นกล่าวในที่สุด.


<iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/tBTIjjx9lZU" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ที่มาจาก เดลินิวส์

 

อากาศวันนี้

คลื่นกระแสลมตะวันตกได้เคลื่อนผ่านภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นในตอนเช้า ประกอบมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าวไว้ด้วย

ขอบคุณที่มา กรมอุตุนิยมวิทยา

 

อุณหภูมิสูงสุดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2556 จากสถานีอุตุนิยมวิทยาทั่วประเทศ 11 อันดับ

11.ตากฟ้า สกษ. จ.นครสวรรค์.............วัดได้ 38.6 องศา C
10.เลย.........................................วัดได้ 38.6 องศา C
9.อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช.................วัดได้ 38.7 องศา C
8.สุรินทร์ สกษ................................วัดได้ 38.7 องศา C
7.หนองบัวลำภู................................วัดได้ 38.8 องศา C
6. หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์......................วัดได้ 38.8 องศา C
5. ท่าพระ สกษ. จ.ขอนแก่น................วัดได้ 38.9 องศา C
4. เลย สกษ....................................วัดได้ 39.2 องศา C
3. จ.อุดรธานี...................................วัดได้ 39.4 องศา C
2. จ.สุโขทัย....................................วัดได้ 39.6 องศา C
1. จ.กาญจนบุรี ................................วัดได้ 40.0 องศา C

ขอขอบคุณ ตารางสรุปลักษณะอากาศรายวันของกรมอุตุ

 

ตัวแปรของอากาศ คือกระแสลมตะวันตก ที่มาซ้อนทับอากาศร้อนเดิม ภาพดาวเทียมจะเห็นการกลั่นตัวเป็นเมฆยาว มีฝนในบางพื้นที่ในภาคเหนือ และตอนบนของภาคกลาง ส่วนพายุฤดูร้อนในช่วงบ่าย แนวโน้มจะเกิดบริเวณภาคอีสานได้มากกว่าจากการวิเคราะห์ลมชั้นบน จึงให้น้ำหนักบริเวณตอนบนของประเทศ เน้นภาคอีสานที่ต้องระวังพายุฝนลมแรงครับ

ที่มา NOAA.GOV

 

แผนที่ลมชั้นบนระดับ 1.5 - 5.5 กม. เวลา 7.00 น. วันที่ 20 มีนาคม 2556

คลื่นกระแสลมตะวันตกได้เคลื่อนผ่านภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นในตอนเช้า ประกอบมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าวไว้ด้วย

(ดร.วัฒนา กันบัว)

 

คิวริออซิตีพบหิน 'สีขาว' บนดาวอังคาร

การค้นพบแร่ธาตุในดินของดาวอังคาร ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่พบในน้ำบริสุทธิ์ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ล่าสุด หุ่นยนต์สำรวจดาวอังคาร "คิวริออซิตี" ก็เพิ่งค้นพบหินที่มีสีขาว ซึ่งเกิดจากการสะสมของแร่ธาตุและตะกอนในช่วงเวลาที่เคยมีน้ำไหลผ่านในอดีต ทำให้นักวิทยาศาสตร์ยิ่งมั่นใจว่า ดาวอังคารเคยมีแหล่งน้ำอย่างแน่นอน

หุ่นยนต์สำรวจดาวอังคารคิวริออซิตี ได้สร้างความตื่นเต้นให้แก่วงการวิทยาศาสตร์อีกครั้ง เมื่อมันเคลื่อนผ่านหินก้อนหนึ่งบนดาวอังคาร จนทำให้หินก้อนนั้นแตก และปรากฏว่า เมื่อมีการสำรวจดูอย่างละเอียด ภายในของหินก้อนดังกล่าวกลับมีสีขาว ซึ่งตามปกติแล้ว ทุกจะทราบกันดีว่า ดาวอังคารเป็นดาวสีแดง ดังนั้นหินทุกก้อนจึงเป็นสีแดงเกือบทั้งหมด สร้างความประหลาดใจให้แก่นักวิทยาศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง

โดยเบื้องต้น นักวิทยาศาสตร์ได้เรียกหินก้อนนี้ว่า "ทินทีนา" และสันนิษฐานว่า สีขาวที่อยู่ภายในหินก้อนนี้ เกิดจากแร่ธาตุที่รวมตัวกับน้ำ ที่เคยไหลผ่านพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่ครั้งโบราณ จนเกิดการสะสมของตะกอนและแร่ธาตุภายในก้อนหิน ซึ่งการค้นพบในครั้งนี้ ยิ่งทำให้นักวิทยาศาสตร์มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ดาวอังคารเคยมีแหล่งน้ำในอดีตอย่างแน่นอน และถือเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ให้เห็นถึงสภาพทั่วไปของดาวอังคาร ที่เหมาะสมต่อการอาศัยอยู่ของสิ่งมีชีวิต

ทางด้านของหัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งสหรัฐฯ หรือนาซาก็เปิดเผยว่า การค้นพบในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่หุ่นยนต์คิวริออซิตี ค้นพบก้อนหินที่มีสีขาวที่เกิดจากการตกตะกอนของแร่ธาตุที่เป็นส่วนผสมของน้ำเด่นชัดที่สุด ซึ่งการตกตะกอนในลักษณะนี้ ถือเป็นลักษณะที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยค้นพบในดินของดาวอังคาร

ทั้งนี้ การค้นพบดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์ หลังจากที่หุ่นยนต์สำรวจดาวอังคารคิวริออซิตี ตรวจพบแร่ธาตุในผงดิน ที่มีการขุดเจาะจากหินก้อนหนึ่ง ซึ่งแร่ธาตุดังกล่าวเป็นแร่ธาตุที่สามารถพบได้ในน้ำบริสุทธิ์ โดยบริเวณที่หุ่นยนต์สำรวจดาวอังคารคิวริออซิตี ทำการสำรวจอยู่นั้น มีชื่อว่า Gale Crater ที่ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ในอดีต เคยมีธารน้ำไหลผ่านมาก่อน สังเกตเห็นได้จากร่องรอยที่เคยเป็นทางน้ำไหล ประกอบกับก้อนหินในบริเวณนั้น ก็มีลักษณะของการถูกกัดเซาะจากน้ำ โดยนักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า น้ำบนดาวอังคาร เกิดจากการละลายของหิมะในอดีต

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ หุ่นยนต์สำรวจคิวริออซิตี ต้องหยุดภารกิจการสำรวจดาวอังคารชั่วคราว หลังจากเกิดปัญหาที่ระบบคอมพิวเตอร์ จนต้องเปลี่ยนไปเป็น "safe mode" โดยอัตโนมัติ ซึ่งกว่าที่ซอฟท์แวร์ทั้งหมดจะรีสตาร์ทและกลับมาใช้งานได้ตามปกติอีกครั้ง อาจต้องใช้เวลาอีกหลายวัน

<iframe width="640" height="330" frameborder="0" scrolling="no" src="http://www.voicetv.co.th/content/embed?id=65767" ></iframe>

ที่มาจาก VOICE TV

 

วันที่ 20 มีนาคม 2556 วันวสันต์วิษุวัต โลกตั้งฉากดวงอาทิตย์ครั้งที่ 1 ของปี กลางวันกลางคืนที่เส้นศูนย์สูตรยาวเท่ากัน





ข้อมูลเพื่มเติมที่ http://www.yclsakhon.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539375664

 

นักท่องเที่ยวแตกตื่นแม่คะนิ้งโผล่หน้าร้อนบนดอยอิทนนท์


อุตุนิยมวิทยาเผยปรากฏการณ์เกิดแม่คะนิ้งบนดอยอินทนนท์แม้จะเป็นหน้าร้อน ชี้ปัจจัยทางภูมิอากาศแปรปรวนทำให้อุณหภูมิลด คาดวัที่ 24 มี.ค.ก็กลับมาร้อนเหมือนเดิม

วันนี้ ( 20 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายรักชัย ศรีนวน พยากรณ์อากาศ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ เปิดเผยว่า คลื่นกระแสลมตะวันตกกำลังอ่อนได้เคลื่อนผ่านภาคเหนือ ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือมีอากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิลดลง 1-2 องศาเซลเซียส ส่วนกลางวันอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัว อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อุณหภูมิต่ำสุดวัดได้ 5 องศาเซลเซียส ยอดดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ นอกจากนี้ที่ยอดดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ได้มีแม่คะนิ้ง หรือเหมยขาบ เกิดขึ้นด้วย ส่วนทางด้านสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ได้รับข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM10) ของพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ นั้นได้เกินค่ามาตรฐานแล้ว โดยจุดวัดที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ วัดได้ 126 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย วัดได้ 134 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

นายรักชัย กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับเหตุการณ์แม่คะนิ้งเกิดขึ้นบนยอดดอยในหน้าร้อนนั้น เพราะคลื่นกระแสลมตะวันตกกำลังอ่อนได้เคลื่อนผ่านภาคเหนือ และจังหวัดเชียงใหม่ ก็อยู่หลังคลื่นพอดี ซึ่งกระแสลมตะวันตกกำลังอ่อนนี้ จะพัดผ่านเข้ามาทุกปี แต่ปีนี้ได้มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้ามาสมทบด้วย โดยพัดมาจากแม่งฮ่องสอน ผ่านเข้ามายังจังหวัดเชียงใหม่ และยอดดอยอินทนนท์ ก็เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในสยาม ดังนั้นโอกาสที่จะมีแม่คะนิ้งเกิดขึ้นก็สูง เพราะอุณหภูมิในช่วงนี้ลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส แต่หลังจากวันที่ 24 มี.ค. เป็นต้นไป อุณหภูมิก็จะกลับมาร้อนตามปกติ

นายเกรียงศักดิ์ ถนอมพันธุ์ หน. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แม่คะนิ้ง หรือเหมยขาบขาวที่เกิดขึ้นนั้น ได้เกิดขึ้นในช่วงเช้า โดยอุณหภูมิยอดดอยต่ำสุดอยู่ที่ 5 องศาเซลเซียส และมีแม่คะนิ้งเกิดขึ้นบนยอดหญ้า ที่ กม. 46 และ กม.47 โดยจะเห็นเป็นบางช่วง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่แปลก และทำให้นักท่องเที่ยวแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะไม่เคยเกิดแม่คะนิ้งขึ้นในช่วงฤดูร้อนมาก่อน ซึ่งในเดือนมีนาคมนี้ ได้เกิดแม่คะนิ้งขึ้นมา 2 ครั้งแล้ว โดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทั่งมาเกิดอีกครั้งในช่วงนี้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องแปลกอย่างมาก แต่คิดว่าเหตุการณ์ในลักษณะนี้คงเกิดขึ้นไม่กี่วัน แต่ทางอุทยานฯ ก็จะติดตามสภาพอากาศอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งโดยภาพรวมแล้วคิดว่าน่าจะมาจากสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างต่อเนื่อง จึงได้เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดแบบนี้ขึ้น


จีน-หิมะตกในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่กรุงปักกิ่ง



ที่กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีนในวันนี้ เกิดหิมะตกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซี่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้น

ชาวจีนในกรุงปักกิ่งตื่นเช้ามาในวันนี้ พร้อมกับความสดใส เพราะในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พวกเขาต้องเผชิญกับมลพิษทางอากาศจากปัญหาหมอกควัน จนส่งผลให้ระดับคุณภาพอากาศอยู่ในระดับอันตราย แต่หลังจากที่เมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดหิมะตกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ท้องฟ้าในกรุงปักกิ่งแจ่มใส

ในวันนี้ทั้งชาวจีนและนักท่องเที่ยวต่างก็มาถ่ายรูปที่พระราชวังต้องห้าม ใจกลางกรุงปักกิ่ง ซึ่งพวกเขาบอกว่า พวกเขารู้สึกดีใจและมีความสุขที่สภาพอากาศดีขึ้น

ปัญหามลพิษทางอากาศในจีนทำให้รัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ประชาชนเรียกร้องให้เร่งแก้ไข ซึ่งรัฐบาลจีนก็เตรียมออกมาตรการใหม่ๆอย่างเช่น ห้ามรถยนต์ราว 1.8 แสนคันในกรุงปักกิ่งที่มีอายุการใช้งานนานหลายปีมาวิ่งบนท้องถนน พร้อมทั้งควบคุมปริมาณรถคันใหม่ไม่ให้มีมากเกินไป


อุตุฯ ชี้ภาคเหนือจะร้อนและแล้งหนักตั้งแต่สัปดาห์หน้า


ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ ระบุตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นตนไป พื้นที่ภาคเหนือจะมีอากาศร้อนและแห้งแล้งขึ้น ขณะเดียวกันต้องเฝ้าระวังพายุฤดูร้อนในวันที่ 27-28 มี.ค.นี้

นายจรูญ เลาหเลิศชัย ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ เปิดเผยว่า สภาพอากาศระยะนี้ ความกดอากาศต่ำเคลื่อนเข้ามายังภาคเหนือตอนบน ทำให้อากาศร้อนขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีเอื้อให้ปริมาณหมอกควันลดลงได้ ทั้งนี้ระหว่างวันที่ 27-28 มีนาคม คาดว่าจะเกิดฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง อาจเกิดพายุฤดูร้อน ลูกเห็บตก ซึ่งประชาชนต้องเฝ้าระวัง

อย่างไรก็ตาม ตลอดสัปดาห์นี้ภาคเหนือตอนบนในช่วงเช้าอากาศเย็นส่วนกลางวันอากาศร้อน อุณหภูมิ 36-38 องศาเซลเซียส และจะร้อนขึ้นอีกในสัปดาห์หน้า คาดว่าบางจังหวัดอุณหภูมิอาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียสในช่วงปลายเดือนนี้ สำหรับฤดูฝนปีนี้จะมาตามปกติ คือ ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม แม้ปริมาณฝนในฤดูแล้งยังสูงกว่าเฉลี่ยปกติ แต่ก็ยังไม่เพียงพอในการกักเก็บน้ำ ดังนั้นประชาชนต้องใช้น้ำอย่างประหยัด

ด้าน นายอภิวัฒน์ ภูมิไธสง หัวหน้าฝ่ายบริหารและจัดการน้ำ สำนักชลประทานที่ 1 เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ 2 แห่งในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล อำเภอแม่แตง มีปริมาณน้ำ 133 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 50 ของความจุอ่าง ขณะที่เขื่อนแม่กวงอุดมธารา อำเภอดอยสะเก็ด มีปริมาณน้ำเหลือเพียง 90 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 34 รวมทั้ 2 เขื่อน มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 233 ล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อเทียบกับปี 55 มีปริมาณน้ำน้อยกว่า 135 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ต้องประกาศเตือนพื้นที่ลุ่มน้ำแม่กวง ทั้งใน และนอกเขตชลประทาน ต้องระมัดระวังวางแผนการใช้น้ำอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ สำหรับพื้นที่นอกเขตชลประทานต้องงดการปลูกพืชฤดูแล้ง หรือข้าวนาปรังโดยเด็ดขาด เนื่องจากมีความเสี่ยงทำให้พืชผลทางการเกษตรเสียหาย

ที่มาจาก เดลินิวส์ ครอบครัวข่าว3

 

พบดาวฤกษ์ 'เต้นแทงโก้' เร็วจี๋รอบหลุมดำ



นักดาราศาสตร์พบดาวฤกษ์วิ่งวนหลุมดำ ด้วยความเร็ว 20 เท่าของคาบโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ใช้เวลาแค่ 2.4 ชั่วโมง นับเป็นดาวฤกษ์ในระบบดาวคู่รังสีเอ็กซ์ที่เคลื่อนที่เร็วที่สุด

เอริก คูลเกอร์ แห่งศูนย์ดาราศาสตร์อวกาศยุโรป องค์การอวกาศยุโรป รายงานในวารสาร Astronomy & Astrophysics ว่า ได้ค้นพบดาวฤกษ์ขนาดเล็กดวงหนึ่ง ซึ่งมีมวลน้อยกว่าดวงอาทิตย์ราว 20% โคจรรอบหลุมดำโดยใช้เวลาแค่ 2.4 ชั่วโมง

ดาวฤกษ์ดวงนี้อยู่ห่างจากหลุมดำ ชื่อ Maxi J1659-152 เพียงแค่ประมาณ 960,000 กิโลเมตร หลุมดำที่ว่านี้ มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์อย่างน้อย 3 เท่า

หลุมดำกับดาวฤกษ์ ซึ่งเป็นดาวแคระแดงดวงนี้ ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน 2553 ด้วยกล้องโทรทัศน์อวกาศสวิฟต์ของนาซา ตอนแรก เข้าใจกันว่าสิ่งที่พบนี้เป็นแหล่งปะทุรังสีแกมมา ในวันเดียวกัน กล้องแม็กซีของญี่ปุ่นบนสถานีอวกาศนานาชาติก็ตรวจพบรังสีเอ็กซ์จากจุดเดียวกันนี้เช่นกัน

หลังจากตรวจสอบซ้ำด้วยกล้องโทรทรรศน์อวกาศและกล้องดูดาวบนพื้นโลกหลายตัว ทีมวิจัยได้ข้อสรุปว่า รังสีเอ็กซ์มาจากหลุมดำดังกล่าว ซึ่งกำลังเขมือบมวลสารจากดาวแคระแดงดวงนี้

ด้วยเหตุที่วัตถุทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก จึงใช้เวลาโคจรรอบกันและกันน้อย คาบการโคจร 2.4 ชั่วโมงนี้นับเป็นสถิติใหม่ของระบบดาวคู่ของหลุมดำที่ปล่อยรังสีเอ็กซ์ ทุบสถิติเดิมของระบบดาวคู่ Swift J1753.5-0127 ซึ่งมีคาบโคจร 3.2 ชั่วโมง

ดาวแคระแดงดวงนี้ถือเป็นดาวฤกษ์ที่เคลื่อนที่เร็วที่สุดในบรรดาระบบดาวคู่ที่ปล่อยรังสีเอ็กซ์ ด้วยอัตราความเร็ว 1.93 ล้านกิโลเมตรต่อชั่วโมง.


<iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/mqZ9urFsFHY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ที่มาจาก VOICE TV

 

21-03-2013

อีสาน-กลาง-ตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง


กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศประจำวันนี้ว่า ภาคเหนือยังคงมีอากาศหนาวเย็น จากอิทธิพลคลื่นกระแสลมตะวันตกกำลังอ่อน ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่าง มีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศทั่วไปวันนี้ ( 21 มี.ค.) เมื่อเวลา 04:00 น. ว่า คลื่นกระแสลมตะวันตกกำลังอ่อนยังคงเคลื่อนจากภาคเหนือเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณภาคเหนือมีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลางตอนล่าง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 15-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมี ฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดมุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก ตอนบนของภาคมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมี ฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดสระแก้ว ชลบุรี จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ที่มาจาก เดลินิวส์

 

“นาซา” ปฏิเสธข่าว ยาน “วอยเอเจอร์ 1” เดินทางทะลุจักรวาลแล้ว


องค์การ “นาซา” ปฏิเสธข่าวที่มีต้นตอมาจากงานวิจัยชิ้นหนึ่ง ที่อ้างว่า ยานสำรวจอวกาศ “วอยเอเจอร์ 1” เดินทางทะลุระบบบสุริยะแล้ว โดยนาซากล่าวว่า เป็นเพียงการคาดเดาไปเองเท่านั้น

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ว่า องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งสหรัฐ ( นาซา ) ออกมาโต้กลับรายงานวิจัยชิ้นหนึ่ง ที่อ้างว่า ยานสำรวจอวกาศ “วอยเอเจอร์ 1” เดินทางออกนอกระบบสุริยะไปแล้ว โดยนาซาให้เหตุผลว่า เป็นเพียงการคาดเดากันไปเอง


นายดเวย์น บราวน์ โฆษกองค์การนาซา แถลงถึงผลการศึกษาที่ได้รับการเผยแพร่บนเว็บไซต์ของสหภาพธรณีวิทยาอเมริกัน AGU ที่ระบุว่า ยานสำรวจอวกาศลำดังกล่าว ที่นาซาส่งขึ้นไปสำรวจระบบสุริยะตั้งแต่เมื่อปี 2520 เป็นวัตถุที่สร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ชิ้นแรกในประวัติศาสตร์ ที่สามารถเดินทางทะลุกำแพง “เฮลิโอสเฟียร์” หรือขอบเขตพรมแดนลมสุริยะ ที่ทำหน้าที่ปกป้องจักรวาลจากรังสีคอสมิก


บราวน์กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ องค์การนาซายังไม่ได้รับรายงานการเปลี่ยนแปลงความถี่ของคลื่นสนามแม่เหล็ก ที่สื่อถึงการเดินทางเข้าสู่อาณาเขตห้วงอวกาศสากล จึงยังไม่อาจสรุปได้ว่า วอยเอเจอร์ 1 ได้เดินทางถึงขอบระบบสุริยะ หรือทะลุออกไปแล้ว ผลงานวิจัยที่ออกมาเป็นเพียงการตั้งสมมติฐานโดยอาศัยข้อมูลในอดีตเท่านั้น


อย่างไรก็ตาม ทีมผู้เชี่ยวชาญขององค์การนาซาจับตาการเดินทางของทั้งวอยเอเจอร์ 1 และวอยเอเจอร์ 2 ซึ่งเป็นยานพี่น้องอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา และเชื่อว่า ยานสำรวจทั้ง 2 ลำจะเดินทางออกนอกระบบสุริยะได้แน่นอน แต่จะเกิดขึ้นภายในอีก 1-2 ปีข้างหน้า โดยขณะนี้ วอยเอเจอร์ 1 อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ราว 18,000 ล้านกิโลเมตร

ที่มาจาก เดลินิวส์