ด่วน!! รีบจองที่นั่งเฝ้าระวัง: เดี่ยวภัยพิบัติ1 เเสดงแล้ววันนี้ทุกประเทศทั่วโลก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย sunny430, 24 มีนาคม 2012.

  1. engineer03

    engineer03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    4,961
    ค่าพลัง:
    +44,308
    เผยภาพหลุมยุบดูดห้องนอนหายวับ

    [​IMG]
    เผยภาพหลุมยุบที่กลืนห้องนอนของหนุ่มเคราะห์ร้ายขณะนอนหลับ

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ว่า ได้มีการเปิดเผยภาพหลุมยุบที่กลืนพื้นที่ห้องนอน ในบ้านแห่งหนึ่งในเมืองแทมป้า รัฐฟลอริด้า ทำให้นายเจฟฟ์ บุช หนุ่มผู้เคราะห์ร้ายถูกกลืนลงไปด้วยขณะนอนหลับ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านซึ่งหลุมยุบดังกล่าวกว้าง 6 เมตร

    อย่างไรก็ตามช่วงเกิดเหตุ นายเจเรมี่ บุช น้องชายวัย 35 ปี พยายามที่จะช่วยชีวิตพี่ชายเขา หลังจากนายเจฟฟ์ถูกหลุมยุบกลืนแต่ก็เสียชีวิตขณะรอความช่วยเหลือ ด้านครอบครัวนายเจฟฟ์ยังคงโศกเศร้ากับการจากไปของเขาอย่างไม่คาดฝัน

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2013
  2. engineer03

    engineer03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    4,961
    ค่าพลัง:
    +44,308
    พายุฤดูหนาวถล่มสหรัฐกระทบเที่ยวบินหลายพัน

    [​IMG]
    พายุฤดูหนาวพัดกระหน่ำภาคเหนือของสหรัฐ ทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินหลายพันเที่ยว และมีผู้เสียชีวิต 4 ศพ

    สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครชิคาโกประเทศสหรัฐเมื่อวันที่ 6 มี.ค.ว่า เกิดพายุฤดูหนาวพัดกระหน่ำภาคเหนือของสหรัฐ จนส่งผลกระทบต่อเที่ยวบิน 2,600 เที่ยว โรงเรียนต่างๆ หลายร้อยแห่งต้องปิดทำการ แต่มีรายงานผู้เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 4 ศพจากอุบัติเหตุน้ำแข็งและหิมะปกคลุมถนนและทางหลวงหลายสาย โดยรัฐต่าง ๆของอเมริกามากกว่า 12 รัฐตั้งแต่มินเนโซต้าไปจนถึงเวอร์จิเนีย ได้รับผลกระทบจากพายุลูกใหญ่ ทำให้มอนทานามีหิมะตกหนา 60 เซนติเมตร และนอร์ทดาโกต้ามีหิมะตกหนา 38 เซนติเมตร
    ส่วนนครชิคาโกคาดว่า หิมะตกหนา 2.5 เซนติเมตรในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนตอนเย็น นอกจากนี้ มีเที่ยวบินต้องงดบินเกือบ 900 เที่ยวในสนามบินโอแฮร์ และอีกกว่า 100 เที่ยวบินในมินนิโซต้า ขณะที่ ในเขตกรุงวอชิงตัน ยกเลิกเที่ยวบินราว 1,162 เที่ยว คาดว่า พายุหิมะจะพัดกระหน่ำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงสหรัฐในเร็วๆ นี้

    ที่มาจาก เดลินิวส์
     
  3. engineer03

    engineer03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    4,961
    ค่าพลัง:
    +44,308
    สกู๊ปข่าว 06-03-2013

    ไขปริศนาทำไมน้ำแข็งขั้วโลกใต้เพิ่มขณะที่ขั้วโลกเหนือละลาย

    <iframe width="640" height="330" frameborder="0" scrolling="no" src="http://www.voicetv.co.th/content/embed?id=55794" ></iframe>

    ปริมาณน้ำแข็งที่ทวีปแอนตาร์กติกาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ น้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติกกลับละลายจนเหลือปริมาณน้อยที่สุดในรอบหลายสิบปี ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์จาก British Antarctic Survey ได้ทำการวิจัยเพื่อหาสาเหตุของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น

    เทป​ปริศนาเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่น้ำแข็งที่ปกคลุมทวีปแอนตาร์กติกาค่อยๆเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่ในทางตรงกันข้าม น้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติกกลับละลายมากขึ้นเรื่อยๆ ยังคงเป็นสิ่งที่ทำให้ใครหลายคนสงสัย และตั้งคำถามว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น

    ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์จาก British Antarctic Survey ได้อาศัยข้อมูล ที่มีการรวบรวมมาจากดาวเทียมของกองทัพสหรัฐฯตลอดระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา มาวิเคราะห์ถึงปรากฏการณ์ดังกล่าว พร้อมกับเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับความซับซ้อนของการเกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สภาพอากาศแปรปรวนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

    โดยนักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่า ทิศทางของลมหนาวที่พัดผ่านทวีปแอนตาร์กติกาที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา มีผลทำให้น้ำแข็งก่อตัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากการเก็บสถิติตั้งแต่ปี 2521 เป็นต้นมาพบว่า มีปริมาณน้ำแข็งเพิ่มมากขึ้นถึง 17,000 ตารางกิโลเมตรต่อปี หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ของปริมาณน้ำแข็งที่ปกคลุมพื้นที่ทั้งหมด

    ขณะเดียวกัน พื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของทวีปแอนตาร์กติกา ที่มีกระแสลมอุ่นจากเขตร้อนพัดผ่าน กลับประสบกับปัญหาน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว ไม่แตกต่างจากการละลายของน้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติกมากนัก

    นอกจากนี้ ลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกัน ระหว่างขั้วโลกเหนือ ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาสมุทรอาร์กติก และขั้วโลกใต้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของทวีปแอนตาร์กติกา ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้การก่อตัวและการละลายของน้ำแข็งเกิดขึ้นในลักษณะที่แตกต่างกัน เนื่องจากทวีปแอนตาร์กติกา เป็นทวีปที่ห้อมล้อมไปด้วยมหาสมุทร ทั้งมหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแอตแลนติก

    ขณะที่ มหาสมุทรอาร์กติกถูกห้อมล้อมไปด้วยทวีปต่างๆ อย่างทวีปเอเชีย ทวีปยุโรปและทวีปอเมริกาเหนือ ดังนั้น ลมหนาวที่พัดผ่านมหาสมุทรอาร์กติก จึงพัดขึ้นฝั่งมากกว่า แตกต่างจากลมหนาวที่พัดผ่านทวีปแอนตาร์กติกา ที่จะต้องผ่านมหาสมุทรต่างๆก่อนจะมาถึงทวีปแอนตาร์กติกา ทำให้ลมหนาวทวีความรุนแรงมากขึ้น และช่วยให้เกิดการก่อตัวของน้ำแข็งเพิ่มขึ้น

    นอกจากนี้ ทวีปแอนตาร์กติกายังตั้งอยู่บนพื้นดินที่ปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็ง แต่มหาสมุทรอาร์กติกอยู่บนน้ำทะเลที่บางส่วนกลายเป็นน้ำแข็งหรือเรียกว่า ทะเลน้ำแข็ง ทำให้น้ำแข็งที่ปกคลุมทวีปแอนตาร์กติกามีความหนาเฉลี่ยถึง 2,450 เมตร แต่น้ำแข็งที่ปกคลุมมหาสมุทรอาร์กติกมีความหนาเฉลี่ยเพียง 2-3 เมตรเท่านั้น ดังนั้น การละลายของน้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติก จึงเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าน้ำแข็งที่ปกคลุมทวีปแอนตาร์กติกา

    โดยนักวิทยาศาสตร์สรุปว่า ภาวะโลกร้อนที่ส่งผลกระทบต่อความแปรปรวนในมหาสมุทรอาร์กติก และทวีปแอนตาร์กติกานั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นคนละลักษณะกัน โดยทวีปแอนตาร์กติกา จะได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนและทิศทางของกระแสลมที่เปลี่ยนแปลงไป มากกว่ามหาสมุทรอาร์กติก โดยจะเห็นได้ว่า ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับทวีปแอนตาร์กติกาในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมานั้น สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน มากกว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับมหาสมุทรอาร์กติก


    นักวิทย์ฯเปิดเผยข้อมูลล่าสุดหลังน้ำแข็งกรีนแลนด์ละลาย

    <iframe width="640" height="330" frameborder="0" scrolling="no" src="http://www.voicetv.co.th/content/embed?id=46537" ></iframe>

    นักวิทยาศาสตร์ชาวเดนมาร์กเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการละลายของน้ำแข็งบนเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยอาศัยภาพถ่ายทางอากาศที่เคยมีการบันทึกภาพเอาไว้ตั้งแต่ปี 2523

    ซึ่งข้อมูลดังกล่าว ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่า การละลายของน้ำแข็งบนเกาะกรีนแลนด์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตนั้น มีอยู่ 2 ช่วงเวลาที่สำคัญ นั่นก็คือระหว่างปี 2528 - 2536 และระหว่างปี 2548 - 2553 โดยจากการละลายในครั้งนั้น นักวิทยาศาตร์ยังไม่สามารถคำนวณได้ว่า จะทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลก เพิ่มสูงขึ้นเท่าไหร่ แต่จากข้อมูลเบื้องต้น ที่เคยมีการคำนวณเอาไว้ก่อนหน้านี้พบว่า หากแผ่นน้ำแข็งบนเกาะกรีนแลนด์ละลายทั้งหมด จะทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นอีก 7 เมตร แต่การ


    การเปิดเผยข้อมูลในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่นักวิทยาศาสตร์พยายามทำความเข้าใจกับเหตุการณ์การละลายของน้ำแข็งบนเกาะกรีนแลนด์ ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยในระยะเวลาเพียงแค่ 4 วัน แผ่นน้ำแข็งกว่าร้อยละ 97 ที่ปกคลุมเกาะกรีนแลนด์อยู่ได้ละลายหายไปเกือบหมด สร้างความประหลาดใจให้กับนักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก ซึ่งหลังจากนั้น นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามรวบรวมภาพถ่ายทางดาวเทียมตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ก่อนที่จะนำมาประมวลผลโดยใช้รูปแบบดิจิตัล

    ซึ่งหลังจากการประมวลผล นักวิทยาศาสตร์พบว่า แผ่นน้ำแข็งที่ปกคลุมอยู่บนเกาะกรีนแลนด์นั้น มีความหนาลดลงถึง 100-150 เมตร ขณะที่ ความยาวของแผ่นน้ำแข็งก็ลดลงถึง 12 กิโลเมตร โดย 3 ใน 4 ของการละลายของน้ำแข็งทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ เกิดขึ้นบริเวณริมชายฝั่ง ซึ่งการละลายดังกล่าว สามารถสังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจน ในช่วงระหว่างปี 2548 - 2553

    อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่นักวิทยาศาสตร์มีอยู่ตอนนี้ ทำให้พวกเขายังไม่กล้าที่จะคาดการณ์ถึงการละลายของน้ำแข็งบนเกาะกรีนแลนด์ ที่อาจเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต เพราะยังคงมีตัวแปรที่สำคัญอีกหลายปัจจัย ที่ยังรอการค้นคว้าเพิ่มเติม แต่ในเบื้องต้นนั้น หลายฝ่ายลงความเห็นตรงกันว่า ยิ่งอุณหภูมิของน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งส่งผลโดยตรงต่อการละลายของน้ำแข็งบนเกาะกรีนแลนด์ และบริเวณขั้วโลกมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

    ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่ผ่านมา องค์การบริหารการบินและอวกาศของสหรัฐฯ ได้เผยแพร่ภาพถ่ายจากดาวเทียม ที่แสดงให้เห็นว่า น้ำแข็งบนเกาะกรีนแลนด์ละลายหายไปเกือบหมด ซึ่งสาเหตุของการละลายดังกล่าวยังไม่แน่ชัด เพราะนักวิทยาศาสตร์ส่วนหนึ่งเชื่อว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นปกติในช่วงฤดูร้อน แต่อีกฝ่ายหนึ่งลงความเห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ผิดปกติ และน่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง

    หลังจากมีการเปิดเผยภาพถ่ายได้เพียงวันเดียวเท่านั้น แผ่นน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่กว่าเกาะแมนฮัตตันถึง 2 เท่า ก็แตกออกมาจากแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ชื่อมีว่า ปีเตอร์แมน ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ โดยการแตกตัวของแผ่นน้ำแข็งในครั้งนั้น ยิ่งทำให้นักวิทยาศาสตร์แสดงความกังวลมากยิ่งขึ้น เพราะถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจมากนัก


    น้ำแข็ง 'แอนดีส' อาจละลายหมดในอีก 40 ปี

    <iframe width="640" height="330" frameborder="0" scrolling="no" src="http://www.voicetv.co.th/content/embed?id=64705" ></iframe>

    นักวิทยาศาสตร์อเมริกาใต้เผยปริมาณน้ำแข็งบนเทือกเขาแอนดีส ที่ละลายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา อาจส่งผลกระทบต่อชาวบ้าน ที่พึ่งพาแหล่งน้ำดังกล่าว และอาจละลายหายไปทั้งหมดในอีกไม่กี่สิบปี

    เทือกเขาแอนดีส เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งพาดผ่านหลายประเทศในทวีปอเมริกาใต้ ไม่ว่าจะเป็นโบลิเวีย โคลัมเบีย เอกวาดอร์ และเปรู นับเป็นเทือกเขาที่มีขนาดยาวที่สุดในโลก ซึ่งเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเทือกเขาแห่งนี้ ก็คือน้ำแข็งที่ปกคลุมยอดเขาตลอดทั้งปี

    อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา ปริมาณน้ำแข็งที่ปกคลุมยอดเขานั้นลดลงไปมากจนสามารถสังเกตได้ด้วยตา ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า หากอัตราการละลายของน้ำแข็งยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป อาจส่งผลให้หิมะบนเทือกเขาแอนดีส ทั้งหมดละลายหายไปในปี 2593

    นายเอดิสัน รามิเนส หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาการเปลี่ยนแปลงของเทือกเขาแอนดีสมาอย่างยาวนานเล่าว่า จากการเก็บสถิติประมาณน้ำแข็งบนเทือกเขาแอนดีส ตั้งแต่ทศวรรษ 1980 จนถึงปัจจุบัน พบว่าปริมาณน้ำแข็งลดลงไปกว่าร้อยละ 43 ซึ่งสาเหตุหลัก มาจากสภาพภูมิอากาศของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    โดยหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่บ่งบอกถึงปริมาณน้ำแข็งที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ก็คือภาพถ่ายดาวเทียมที่นักวิทยาศาสตร์บันทึกได้ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนายรามิเนส ได้สร้างแบบจำลอง 3 มิติของเทือกเขาแอนดีส จากภาพถ่ายดาวเทียม ซึ่งแบบจำลองแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ถึงปริมาณน้ำแข็งที่ลดลง

    ทั้งนี้ น้ำแข็งที่อยู่บนเทือกเขาแอนดีส ถือเป็นแหล่งน้ำจืดที่สำคัญแห่งหนึ่งของอเมริกาใต้ เนื่องจากน้ำแข็งเหล่านี้จะละลายในช่วงฤดูร้อน จากนั้นมันจะไหลลงสู่แม่น้ำสายต่างๆ ที่หล่อเลี้ยงชาวอเมริกาใต้มาเป็นเวลานาน ซึ่งอัตราการละลายของน้ำแข็งบนเทือกเขาแอนดีสที่ผิดปกตินี่เอง ทำให้นักวิทยาศาสตร์หลายคนวิตกกังวลว่า ประชาชนชาวอเมริกาใต้ ที่อาศัยใกล้กับเทือกเขาแอนดีส อาจไม่มีน้ำสะอาดไว้ใช้อุปโภคบริโภคในอนาคต หากน้ำแข็งที่อยู่บนเทือกเขานั้นละลายหมดไป

    และสิ่งที่น่าวิตกกังวล ก็คือหนทางที่จะแก้ไขไม่ให้น้ำแข็งละลายตัวเร็วกว่าปกติก็เป็นไปได้ยาก ทำให้นักวิทยาศาสตร์หลายคนตั้งคำถามว่า หากน้ำแข็งบนเทือกเขาแอนดีสละลายหมดไป ชาวบ้านรวมทั้งสัตว์ต่างๆ ที่ต้องพึ่งพาแหล่งน้ำดังกล่าว จะสามารถหาแหล่งน้ำใหม่ได้หรือไม่ และถ้าหาแหล่งน้ำใหม่ไม่ได้ พวกเขาจะดำรงชีวิตอยู่ ท่ามกลางแหล่งน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างไร
     
  4. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    อันนี้ เยี่ยมเลยครับ ที่น่ากลัวคือสงครามชิงทรัพยากร ในอนาคตแน่นอน
     
  5. engineer03

    engineer03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    4,961
    ค่าพลัง:
    +44,308
    07-03-2013

    ทั่วไทยเมฆปกคลุมอุณภูมิยังหนาวเย็น

    [​IMG]
    ทั่วไทย โดยเฉพาะ ภาคเหนือ-อีสานตอนบน อากาศยังหนาวเย็น กรุงเทพมหานคร มีเมฆบางส่วน อุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย

    วันนี้ (7 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนยังคงมีกำลังอ่อนลง ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นโดยทั่วไป ยกเว้นภาคเหนือจะมีอุณหภูมิทรงตัว ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปยังคงมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 7-9 มีนาคม 2556 คลื่นกระแสลมตะวันตกจะเคลื่อนจากประเทศพม่า เข้ามาปกคลุมภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

    ภาคเหนือ มีเมฆบางส่วน และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ และแพร่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆบางส่วน และอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

    ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน และอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

    กรุงเทพและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน และอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
     
  6. engineer03

    engineer03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    4,961
    ค่าพลัง:
    +44,308
    ศูนย์ทดสอบมาตรฐานฯเซลล์แสงอาทิตย์ แห่งแรกในอาเซียน

    <iframe width="640" height="330" frameborder="0" scrolling="no" src="http://www.voicetv.co.th/content/embed?id=64765" ></iframe>

    พลังงานทดแทน เป็นโจทย์ใหญ่ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ ล่าสุดประเทศไทย ได้จัดตั้งศูนย์พัฒนามาตรฐานและทดสอบระบบเซลล์แสงอาทิตย์ แบบครบวงจรแห่งแรกในอาเซียน ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ และรักษามาตรฐานอุปกรณ์ผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ได้

    การยิงลูกน้ำแข็ง 11 นัด เพื่อทดสอบความทนทานของแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ที่มีต่อแรงปะทะ ขนาดมวลและความเร็วตามมาตรฐาน เป็นการทดสอบภายในห้องปฏิบัติการของศูนย์พัฒนามาตรฐานและทดสอบระบบเซลล์แสงอาทิตย์แบบครบวงจรแห่งแรกในอาเซียน หรือ CSSC ที่การันตีด้วยมาตรฐาน IS0 17025

    ศูนย์พัฒนามาตรฐานและทดสอบระบบเซลล์แสงอาทิตย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี บางขุนเทียน ถือเป็นกลไกสำคัญในการช่วยให้ทดสอบคุณภาพระบบเซลล์แสงอาทิตย์ ให้กับหน่วยงานของรัฐ และประชาชนทั่วไป โดยสามารถบอกได้ ว่าอุปกรณ์ที่ใช้มีคุณภาพผ่านเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่ โดยปัจจุบัน CSSC ให้บริการทดสอบกว่า 20 หัวข้อ เช่น ทดสอบทางแสง , ความร้อน และทดสอบแบตเตอรี่

    นายอำนวย ทองสถิตย์ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เปิดเผยว่า CSSC จะช่วยกระตุ้นให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง พัฒนาคุณภาพของสินค้าให้ได้มาตรฐาน ซึ่งจะส่งเสริมให้มีผู้ใช้พลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้น ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน ที่ตั้งเป้าว่าในปี 2563 ประเทศไทยจะมีการใช้พลังงานทดแทนในสัดส่วนร้อยละ 25

    ปัจจุบัน CSSC ให้บริการทดสอบสมรรถนะของอุปกรณ์ระบบเซลล์แสงอาทิตย์ ที่หน่วยงานภาครัฐและโรงไฟฟ้าสุ่มตัวอย่างมาทดสอบ รวมถึงการทดสอบรับรองแบบ ผลิตภัณฑ์ของสำนักมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และการทดสอบเร่งอายุ ของผู้ผลิตแผงเซลล์ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น

    ที่มาจาก VOICE TV
     
  7. engineer03

    engineer03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    4,961
    ค่าพลัง:
    +44,308
    ภูเขาไฟ Etna ที่อิตาลี ได้ปะทุขึ้นมาอีกส่งเถ้าถ่านและลาวาออกมามองเห็นแสงไฟขึ้นท้องฟ้าในยามค่ำคืน

    [​IMG]

    6 มีนาคม 2013 - อิตาลี - ภูเขาไฟ Etna, ภูเขาไฟที่สูงที่สุดในยุโรปได้เกิดปะทุส่งเถ้าลาวาออกมาสูงขึ้นไปในท้องฟ้ายามราตรีบนเกาะซิซิลีของอิตาลี สถาบันธรณีฟิสิกส์แห่งชาติซึ่งเป็นหน่วยงานคุ้มครองพลเรือนของอิตาลีกล่าวว่า มีหมู่บ้านที่อาศัยอยู่หลายหมู่บ้านบนทางลาดของภูเขาไฟเอตนา บางครั้งอิตาลีมีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางสายการบินของพวกเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการบินผ่านเมฆเถ้า และวันอังคารที่เกิดการปะทุก็ไม่ก่อให้เกิดการหยุดชะงักของการจราจรทางอากาศที่สนามบินที่ให้บริการใกล้เมืองคาตาเนียแต่อย่างใด

    <iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/AGPAI_JLdy4" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ที่มาจาก http://theextinctionprotocol.wordpr...n-dramatic-fashion-lighting-up-the-night-sky/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2013
  8. engineer03

    engineer03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    4,961
    ค่าพลัง:
    +44,308
    สกู๊ปพิเศษ

    ดาวหางแพนสตาร์ส (C/2011 L4 PANSTARRS)

    ดาวหางแพนสตาร์สเป็นดาวหางหนี่งใน 3 ดวง ที่คาดว่าจะสว่างจนสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าในช่วงปีนี้ อีก 2 ดวง คือ ดาวหางไอซอน (C/2012 S1 ISON) และดาวหางเลมมอน (C/2012 F6 Lemmon) ไอซอนจะเห็นได้ในปลายปี ส่วนเลมมอน ซึ่งสว่างที่สุดในช่วงที่เข้าใกล้โลกและดวงอาทิตย์ในเดือนมีนาคม 2556 อยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถสังเกตได้จากประเทศไทย

    ชื่อดาวหาง การค้นพบ และวงโคจร

    ดาวหางแพนสตาร์สมีชื่อตามโครงการแพนสตาร์ส (Pan-STARRS ย่อมาจาก Panoramic Survey Telescope & Rapid Response System) ซึ่งเป็นโครงการสำรวจท้องฟ้าโดยมีเป้าหมายหลักในการค้นหาดาวเคราะห์น้อยและดาวหางที่อาจเป็นภัยคุกคามโลก มีข้อสังเกตว่าโครงการนี้ใช้ชื่อย่อในภาษาอังกฤษว่า Pan-STARRS แต่ในชื่อดาวหางที่สหพันธ์ดาราศาสตร์สากลกำหนดนั้น ใช้อักษรตัวใหญ่ทั้งหมด และเขียนติดกัน

    นักดาราศาสตร์ค้นพบดาวหางในภาพถ่ายซีซีดีที่ถ่ายไว้เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2554 ผ่านกล้องแพนสตาร์ส 1 (ย่อว่า PS1) ขนาด 1.8 เมตร ซึ่งตั้งอยู่ที่ยอดเขาฮาเลอาคาลา (Haleakala) ในหมู่เกาะฮาวายของสหรัฐอเมริกา ขณะค้นพบดาวหางสว่างที่โชติมาตรประมาณ 19.4 อยู่ในกลุ่มดาวแมงป่อง จากนั้นได้พบภาพที่ถ่ายติดดาวหางหลายภาพภายในคลังภาพของโครงการเมาต์เลมมอน (Mt. Lemmon Survey) รัฐแอริโซนา ซึ่งเป็นภาพที่ถ่ายไว้เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2554 ก่อนการค้นพบ

    ขณะค้นพบ ดาวหางแพนสตาร์สอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ไกลถึง 7.9 หน่วยดาราศาสตร์ อยู่ระหว่างวงโคจรของดาวพฤหัสบดีกับดาวเสาร์ การคำนวณวงโคจรในช่วงแรกพบว่าดาวหางจะเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในกลางเดือนเมษายน พ.ศ. 2556 โดยมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์เพียง 0.3 หน่วยดาราศาสตร์ ระยะใกล้ขนาดนั้น ทำให้มีความหวังว่ามันจะเป็นดาวหางที่สว่างมากดวงหนึ่ง

    ผลการคำนวณล่าสุดพบว่าดาวหางมีวงโคจรเป็นรูปไฮเพอร์โบลา ผ่านจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในวันที่ 10 มีนาคม 2556 ที่ระยะ 0.3 หน่วยดาราศาสตร์ (ใกล้เคียงวงโคจรของดาวพุธ) และใกล้โลกที่สุดในวันที่ 5 มีนาคม 2556 ที่ระยะ 1.1 หน่วยดาราศาสตร์ ระนาบวงโคจรของดาวหางเกือบตั้งฉากกับวงโคจรโลก โดยเอียงทำมุม 84°

    [​IMG]
    การเคลื่อนที่ในวงโคจรของดาวหางแพนสตาร์ส วงโคจรเอียงทำมุมเกือบตั้งฉากกับระนาบสุริยวิถี (ระนาบวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์) วงโคจรส่วนที่เป็นเส้นประคือส่วนที่ดาวหางอยู่ใต้ระนาบ ภาพนี้แสดงตำแหน่งโลกในช่วงเวลาเดียวกัน และวงโคจรของดาวเคราะห์ดวงอื่น

    [​IMG]

    ตำแหน่งและความสว่าง

    มกราคม-กุมภาพันธ์ 2556
    กลางเดือนมกราคม 2556 ดาวหางอยู่บริเวณส่วนหางของกลุ่มดาวแมงป่อง สว่างที่โชติมาตร 8 ซึ่งจางกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านั้นประมาณ 1 อันดับ ถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ มีแนวโน้มว่าช่วงที่ดาวหางสว่างที่สุดในเดือนมีนาคม อาจไม่สว่างกว่าโชติมาตร 3 ซึ่งนับว่าจางกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้อยู่ไม่น้อย

    อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มที่ดีขึ้นในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ความสว่างของดาวหางแพนสตาร์สได้เพิ่มขึ้นมาที่โชติมาตร 5 และมีอัตราการเพิ่มขึ้นสูงกว่าช่วงที่ผ่านมา โดยซีกโลกใต้เป็นซีกโลกที่สังเกตดาวหางได้ดี

    สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ รายงานจากซีกโลกใต้ระบุว่าดาวหางสว่างเพิ่มขึ้นไปที่โชติมาตร 2.6-2.8 เป็นช่วงที่ดาวหางผ่านใกล้ดาวโฟมัลฮอต (Fomalhaut) ในกลุ่มดาวปลาใต้ สามารถเห็นดาวหางได้ด้วยตาเปล่า แม้ว่าจะอยู่สูงจากขอบฟ้าไม่กี่องศา และมีแสงรบกวนจากตัวเมือง (ประเทศไทยยังสังเกตไม่ได้ เพราะดาวหางตกลับขอบฟ้าเกือบพร้อมกับดวงอาทิตย์)

    มีนาคม 2556
    วันที่ 5 มีนาคม เป็นต้นไป หลังจากดวงอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า ควรจะเริ่มพยายามมองหาดาวหางบริเวณใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันตก โอกาสเห็นดาวหางจะเพิ่มขึ้นทุกวันหลังจากนั้น เนื่องจากดาวหางเคลื่อนห่างขอบฟ้ามากขึ้นทีละน้อย เมื่อเทียบตำแหน่งในเวลาเดียวกันของทุกวัน

    หัวค่ำของวันที่ 9-17 มีนาคม น่าจะเป็นช่วงที่สังเกตดาวหางดวงนี้ได้ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะวันที่ 8-12 มีนาคม เนื่องจากคาดว่าจะเป็นช่วงที่ดาวหางสว่างที่สุด และตกลับขอบฟ้าช้าที่สุด อย่างไรก็ตาม ดาวหางแพนสตาร์สจะอยู่ในแสงสนธยา ท้องฟ้าที่ไม่มืดสนิท และตำแหน่งดาวหางที่อยู่ใกล้ขอบฟ้า ทำให้การสังเกตดาวหางด้วยตาเปล่าค่อนข้างจะยากสำหรับประเทศไทย

    [​IMG]

    ตำแหน่งดาวหางเมื่อสังเกตจากประเทศไทยในช่วงวันที่ 4-24 มีนาคม 2556 เทียบกับขอบฟ้าในเวลาหลังดวงอาทิตย์ตก 30 นาที (เมื่อกำมือแล้วเหยียดแขนออกไปข้างหน้าให้สุด กำปั้นของเรามีขนาดเชิงมุม 10° ดังนั้น ดาวหางก็จะไม่อยู่สูงเกินจากนี้) ภาพนี้แสดงทิศทางของหางแก๊ส ซึ่งชี้ไปในทิศตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ (หางอาจจางกว่า และความยาวของหางอาจสั้นกว่าที่แสดงในภาพ) คาดว่าดาวหางน่าจะสว่างที่สุดในช่วงวันที่ 8-12 มีนาคม ที่โชติมาตร 2 (ใกล้เคียงความสว่างของดาวเหนือ หรือหากสว่างกว่าเล็กน้อย จะเทียบได้กับดาว 3 ดวง ตรงเข็มขัดนายพราน) หลัง 1 ทุ่ม ดาวหางจะเคลื่อนต่ำลงเรื่อย ๆ ตามการหมุนของโลก และตกลับขอบฟ้าไป เช่นเดียวกับวัตถุท้องฟ้าอื่น

    [​IMG]
    ภาพวาดดาวหางโดนาตี (C/1858 L1 Donati) เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ. 1858 ซึ่งร่ำลือกันว่าเป็นดาวหางที่สวยที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 19 จอห์น บอร์เทิล คาดว่าหากดาวหางแพนสตาร์สมีความสว่างมากอย่างที่คาดไว้ หางฝุ่นอาจตีวงโค้งคล้ายดาวหางโดนาตี แม้ว่าความยาวของหางจะสั้นกว่ามาก


    ผลการวิเคราะห์เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2556 โดย อันเดรียส คัมเมอเรอร์ (Andreas Kammerer) นักฟิสิกส์และนักดาราศาสตร์สมัครเล่นชาวเยอรมัน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องดาวหาง ระบุว่าดาวหางแพนสตาร์สน่าจะสว่างที่สุดที่โชติมาตร +2.0 หางยาวประมาณ 10° และหัวดาวหางหรือโคม่า (coma) น่าจะมีขนาดประมาณ 10 ลิปดา

    จอห์น บอร์เทิล (John Bortle) ให้ความเห็นกับนิตยสาร Sky & Telescope เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2556 ระบุว่าดาวหางแพนสตาร์สน่าจะสว่างที่สุดในวันที่ 10 มีนาคม ราวโชติมาตร +2.2 หางยาวประมาณ 5°-15° แล้วจางลงไปที่โชติมาตร +5.0 ในปลายเดือน โดยตำแหน่งและความสว่างของดาวหางแพนสตาร์สดูคล้ายดาวหางมาร์คอส (C/1957 P1 Mrkos) หากดาวหางแพนสตาร์สสามารถสว่างได้ถึงระดับนี้ หางฝุ่นอาจแผ่กว้างและตีวงโค้ง อย่างไรตาม แสงสนธยาอาจทำให้การปรากฏของหางในลักษณะดังกล่าวไม่ชัดเจน

    ประเทศไทยจะสังเกตได้ดีตั้งแต่หลังดวงอาทิตย์ตกไปแล้ว 30 นาที (ภาคกลางตรงกับเวลาประมาณ 1 ทุ่ม) โดยหันหน้าไปทางทิศตะวันตก อุปสรรคสำคัญในการสังเกตดาวหางดวงนี้ในช่วงดังกล่าว คือดาวหางอยู่ห่างดวงอาทิตย์ 15° จึงมีเวลาสังเกตได้ไม่นาน และดาวหางจะอยู่ใกล้ขอบฟ้ามาก จึงต้องสังเกตจากสถานที่ที่ขอบฟ้าทิศตะวันตกเปิดโล่ง ไม่มีสิ่งใดบดบัง หรือสังเกตจากอาคารสูง และอาจต้องใช้กล้องสองตาช่วยกวาดหา

    [​IMG]
    ตำแหน่งดาวหางกับจันทร์เสี้ยวในวันพุธที่ 13 มีนาคม 2556 ขณะอยู่ใกล้กันที่ระยะห่าง 5°


    ปลายเดือนมีนาคม ดาวหางอยู่ในกลุ่มดาวแอนดรอเมดา ผ่านใกล้ดาราจักรแอนดรอเมดาในต้นเดือนเมษายน ประเทศในละติจูดสูง ๆ ทางเหนือ จะสังเกตดาวหางได้ดี โดยดาวหางจะเคลื่อนไปทางเหนือและจางลงเรื่อย ๆ ช่วงสงกรานต์เป็นต้นไป ประเทศไทยมีโอกาสสังเกตดาวหางแพนสตาร์สในเวลาเช้ามืด ปรากฏบริเวณกลุ่มดาวแคสซิโอเปีย แต่ดาวหางจะอยู่ต่ำใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ความสว่างลดลงไปอยู่ที่ประมาณโชติมาตร 6 จากนั้นต้นเดือนพฤษภาคม ดาวหางจะเข้าสู่กลุ่มดาวซีฟิอัส ความสว่างลดลงไปที่โชติมาตร 7 ปลายเดือนพฤษภาคม 2556 แพนสตาร์สจะผ่านใกล้ดาวเหนือที่ระยะ 5° เป็นช่วงที่ความสว่างน่าจะลดลงไปที่โชติมาตร 8-9

    จากวงโคจรของดาวหางแพนสตาร์สแสดงว่านี่เป็นครั้งแรกที่มันเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มันมีปฏิกิริยากับแสงอาทิตย์สูงกว่าปกติในช่วงแรก ๆ หลังจากการเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ในปีนี้ คาดว่าดาวหางดวงนี้จะกลับมาอีกครั้งในอีกประมาณ 110,000 ปี

    หมายเหตุ : ช่วงเดือนมีนาคม 2556 ดาวหางเลมมอน (C/2012 F6 Lemmon) เป็นดาวหางอีกดวงหนึ่ง ที่คาดว่าจะสว่างถึงระดับที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า (ราวโชติมาตร 3-4) แต่ดาวหางดวงนี้ไม่สามารถสังเกตได้จากประเทศไทย เนื่องจากตกลับขอบฟ้าในเวลาใกล้เคียงกับเวลาดวงอาทิตย์ตก

    แหล่งข้อมูล ดาวหางแพนสตาร์ส (C/2011 L4 PANSTARRS)
     
  9. engineer03

    engineer03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    4,961
    ค่าพลัง:
    +44,308
    นักวิทย์อิเหนาจับตาภูเขาไฟระเบิด

    [​IMG]
    นักวิทยาศาสตร์อินโดนีเซีย เฝ้าระวังภูเขาไฟ เมาท์ ทังกูบัน เปราฮู บนเกาะชวา ที่กำลังพ่นเถ่าถ่านและเขม่าควันออกมา พร้อมเตือนในนักท่องเที่ยวอยู่ห่าง ๆ จากภูเขาไฟลูกนี้

    สำนักข่าวเอพี รายงานเมื่อวันที่ 7 มีนาคมว่า บรรดานักวิทยาศาสตร์ชาวอินโดนีเซีย กำลังเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิดภูเขาไฟ “เมาท์ ทังกูบัน เปราฮู” ซึ่งเป็นภูเขาไฟยอดนิยมจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ในจังหวัดชวาตะวันตก บนเกาะชวา กำลังพ่นเขม่าควันขึ้นสู่อากาศสูงเกือบ 500 เมตรตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และเรียกร้องให้ทุกคนอยู่ห่าง ๆ จากภูเขาไฟลูกนี้ ขณะเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์ก็ได้เพิ่มระดับการเตือนภัยสูงสุดไว้ที่ระดับ 2

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศษหินและลาวา ไม่ได้ไหลทะลักไม่ไกล และเมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง ก็ยังมีความปลอดภัย แต่เจ้าหน้าที่ก็ประกาศเตือนนักท่องเที่ยวให้อยู่ห่างจากปากปล่องภูเขาไฟอย่างน้อย 1.5 กิโลเมตร เนื่องจากอาจระเบิดก๊าซพิษออกมา

    ภูเขาไฟลูกนี้ ซึ่งมีความสูง 2,084 เมตร เป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุดของเกาะชวา ปะทุครั้งหลังสุดเมื่อปี 2526 ปกติแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถปีนขึ้นไปถึงขอบปากปล่องภูเขาไฟเพื่อดูลาวาที่กำลังเดือดได้ในระยะใกล้ ๆ

    ที่มาจาก เดลินิวส์
     
  10. engineer03

    engineer03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    4,961
    ค่าพลัง:
    +44,308
    08-03-2013

    ภาคเหนือ-อีสานตอนบน มีฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรงบางแห่ง ใต้มีฝนร้อยละ 20 ของพื้นที่

    วันนี้ ( 8 มี.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ลักษณะอากาศทั่วไป เมื่อเวลา 04:00 น. คลื่นกระแสลมตะวันตกจากประเทศพม่าได้เคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนบนแล้ว ทำให้บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง ในช่วงวันที่ 8-9 มีนาคม 2556 สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ มีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคใต้มีฝนเป็นแห่งๆ และอ่าวไทย มีคลื่นสูง 1-2 เมตร ในระยะนี้

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

    ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำพูน ลำปาง และน่าน
    อุณหภูมิต่ำสุด 21-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-36 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆบางส่วน
    โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณตอนบนของภาค
    อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

    ภาคกลาง อากาศร้อน กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก อากาศร้อน กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
    โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
    อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
    ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร
    ส่วนตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม/ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อน กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
    อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
     
  11. engineer03

    engineer03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    4,961
    ค่าพลัง:
    +44,308
    07.00 น. 08-03-2013 จาก TSR พบการก่อตัวของพายุโซนร้อน TC.19P บริเวณทิศตะวันออกของประเทศออสเตรเลีย มีความเร็วลมศูนย์กลางอยู่ที่ 45 น๊อต ทิศทางการเคลื่อนที่มุ่งหน้าทาง NEW CALEDONIA

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. engineer03

    engineer03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    4,961
    ค่าพลัง:
    +44,308
    สกู็ปพิเศษ

    บทเพลงเฉลิมพระเกียรติคำพ่อสอน 15 เพลง ที่ควรมีไว้ทุกคน (สำหรับท่านที่ยังไม่มี)

    [​IMG]

    ผมวางลิงค์แต่ละเพลงไว้ท่านใดสนใจโหลดได้เลยครับ หรือท่านใดอยากจะลองฟังก่อนก็ไปที่ลิงค์ด้านล่างสุดนะครับ

    เพลงต้นหญ้าของแผ่นดิน
    คำร้อง-ทำนอง โดยกรภัทร พันธาภิรัตน์
    ขับร้อง โดยวงนูโว
    http://161.200.134.32/global-downlo...oject-kamphorsorn-84&fname=01-kamphorsorn.mp3

    เพลงบทกวีความพอเพียง
    คำร้อง-ทำนอง โดยธัชปภา ศรีสังข์
    ขับร้อง โดยณัฐหทัย แสงเพชร (ฝ้าย แอมไฟน์)
    http://161.200.134.32/global-downlo...oject-kamphorsorn-84&fname=02-kamphorsorn.mp3

    เพลงพอเพียงด้วยหัวใจเพียงพอ
    คำร้อง-ทำนอง โดยพัชสนันท์ จีนะนัทธ์
    ขับร้อง โดยวิชญานี เปียกลิ่น (แก้ม เดอะสตาร์)
    http://161.200.134.32/global-downlo...oject-kamphorsorn-84&fname=03-kamphorsorn.mp3

    เพลงบทเรียนจากสิ่งเล็กๆ
    คำร้อง-ทำนอง โดยภวิกา ทังสุบุตร
    ขับร้อง โดยนิโคล เทริโอ
    http://161.200.134.32/global-downlo...oject-kamphorsorn-84&fname=04-kamphorsorn.mp3

    เพลงมหัศจรรย์คำพ่อสอน
    คำร้อง-ทำนอง โดยวิรัตน์ หะริตา
    ขับร้อง โดยเศกพล อุ่นสำราญ (โก้ มิสเตอร์แซกแมน)
    http://161.200.134.32/global-downlo...oject-kamphorsorn-84&fname=05-kamphorsorn.mp3

    เพลงดังแสงทองส่องแผ่นดิน
    คำร้อง-ทำนอง โดยศิริพงษ์ แก้วพลอย
    ขับร้อง โดยวิยะดา โกมารกุล ณ นคร
    http://161.200.134.32/global-downlo...oject-kamphorsorn-84&fname=06-kamphorsorn.mp3

    เพลงฝึกใจ
    คำร้อง-ทำนอง โดยสโรชา กิตติสิริพันธุ์
    ขับร้อง โดยริต์ตา รามณรงค์ (ชาช่า)
    http://161.200.134.32/global-downlo...oject-kamphorsorn-84&fname=07-kamphorsorn.mp3

    เพลงพรของพ่อ
    คำร้อง-ทำนอง โดยปาณัสม์ ชูช่วย
    ขับร้อง โดยไมค์ ภิรมย์พร
    http://161.200.134.32/global-downlo...oject-kamphorsorn-84&fname=08-kamphorsorn.mp3

    เพลงจำคำพ่อสอน
    คำร้อง-ทำนอง โดยอภัสรา กันสา
    ขับร้อง โดยสุนารี ราชสีมา
    http://161.200.134.32/global-downlo...oject-kamphorsorn-84&fname=09-kamphorsorn.mp3

    เพลงหนังสือเป็นออมสิน
    คำร้อง-ทำนอง โดยสำรวย สุจินตานุสรณ์
    ขับร้อง โดยสดใส รุ่งโพธิ์ทอง
    http://161.200.134.32/global-downlo...oject-kamphorsorn-84&fname=10-kamphorsorn.mp3

    เพลงคำพ่อสอน
    คำร้อง-ทำนอง โดยจิรเสฎฐ์ ว่องกตัญญู
    ขับร้อง โดยณัฐชานันท์ พาณิชย์วโรชา (จ๊ะจ๋า)
    http://161.200.134.32/global-downlo...oject-kamphorsorn-84&fname=11-kamphorsorn.mp3

    เพลงสุขแท้คือทำดี
    คำร้อง-ทำนอง โดยณัฐฐา ไพศาลวิโรจน์รักษ์, ภัคจิรา ธรรมมานุธรรม และ ณัฏฐานิตา ขจรผดุงกิตติ
    ขับร้อง โดยวง CU Chorus
    http://161.200.134.32/global-downlo...oject-kamphorsorn-84&fname=12-kamphorsorn.mp3

    เพลงลำนำคำพ่อสอน
    คำร้อง-ทำนอง โดยณธนา หลงบางพลี
    ขับร้อง โดยธนพร แวกประยูร (ปาน ธนพร)
    http://161.200.134.32/global-downlo...oject-kamphorsorn-84&fname=13-kamphorsorn.mp3

    เพลงคำพ่อสอน
    คำร้อง-ทำนอง โดยนิติพงษ์ ห่อนาค
    ขับร้อง โดยสำราญ ช่วยจำแนก (อี้ด วงฟลาย)
    http://161.200.134.32/global-downlo...oject-kamphorsorn-84&fname=14-kamphorsorn.mp3

    เพลงอยู่อย่างพอเพียง
    คำร้อง-ทำนอง โดยสุรักษ์ สุขเสวี และ โสฬส ปุณกะบุตร
    ขับร้อง โดยสำราญ ช่วยจำแนก (อี้ด วงฟลาย)
    http://161.200.134.32/global-downlo...oject-kamphorsorn-84&fname=15-kamphorsorn.mp3


    ที่มาเพิ่มเติม สถานีวิทยุจุฬาฯ (CU Radio) FM 101.5 MHz - โครงการเพลงเฉลิมพระเกียรติคำพ่อสอน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มีนาคม 2013
  13. engineer03

    engineer03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    4,961
    ค่าพลัง:
    +44,308
    เตือนช่วงนี้“ไข้เลือดออก”ระบาดผิดปกติ-โคราชพบผู้ป่วยเพิ่ม 3 เท่า

    [​IMG]
    สสจ.นครราชสีมาเตือนชาวโคราชระวังภัยโรคไข้เลือดออกช่วงพายุฤดูร้อน เนื่องจากปีนี้พบผู้ป่วยสะสมแล้ว 458 ราย เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าของปีที่แล้ว พ่อเมืองสั่งคุมเข้ม ทุกอำเภอตั้งศูนย์เฝ้าระวังป้องกัน

    วันนี้ (8 มี.ค.) นายแพทย์วิชัย ขัตติยวิทยากุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า จากการเกิดพายุฤดูร้อนในหลายพื้นที่ของ จ.นครราชสีมาในขณะนี้ ก่อให้เกิดปัญหาการระบาดของโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้น และพบข้อมูลระบาดวิทยาของโรคไข้เลือดออก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 2 มีนาคม จำนวนป่วย 458 ราย อัตราป่วย 17.54 ต่อประชากรแสนคน ไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิต เทียบกับในช่วงเดียวกันปี 2555 มีผู้ป่วย 144 ราย อัตราป่วย 5.54 ต่อประชากรแสนคน เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยสูงกว่าปีที่แล้วมากถึง 3 เท่า ต่อเนื่องจากการระบาดปลายปี 2555 ซึ่งผิดปกติมาก เนื่องจากเป็นการระบาดของโรคไข้เลือดออกนอกฤดูกาล โดยเฉพาะพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างมากจากวันที่ 20 ก.พ.- 2 มี.ค.2556 ถึง 179 ราย ปกติไข้เลือดออกมักจะระบาดช่วงฤดูฝนตั้งแต่พฤษภาคม-กันยายนของทุกปี

    ทั้งนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักเรียนประถมปลายถึงมัธยมต้น อายุ10-14 ปี อนุบาลถึงประถมต้น อายุ 5-9 ปี และมัธยมปลายถึงอุดมศึกษา/วัยแรงงาน อายุ15-24 ปี โดยพื้นที่มีอัตราป่วยโรคไข้เลือดออกสูงสุด ได้แก่ อ.เมือง หนองบุญมาก สีดา โนนไทย ปากช่อง โชคชัย โนนสูง บ้านเหลื่อม สูงเนิน และลำทะเมนชัย อย่างไรก็ตาม ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผวจ.นครราชสีมา ได้มอบหมายให้สาธารณสุขทุกพื้นที่ เน้นมาตรการ 4 มาตรการเพื่อเร่งป้องกัน ประกอบด้วย 1.ทุกอำเภอจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการและประเมินความรุนแรง ติดตามสถานการณ์/รายงานทุกสัปดาห์
    2.เปิดประชุมศูนย์ฯ โดยนายอำเภอเป็นประธาน 3.ประสานความร่วมมือ ผู้บริหารสถานศึกษา/ศูนย์เด็กเล็ก ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม.ประชาชน ร่วมกำจัดลูกน้ำยุงลายและยุงลายตัวเต็มวัยด้วยวิธีผสมผสาน ทั้งกายภาพโดยกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงรอบบ้านและในบ้านและชีวภาพ โดยใช้ปลากินลูกน้ำ ทรายเคลือบสารเคมีกำจัดลูกน้ำ สเปรย์กระป๋องพ่นกำจัดยุง สารเคมีสำหรับเครื่องพ่นหมอกควัน เครื่องพ่นฝอยละออง และ 4.ใช้มาตรการ 5 ป.ได้แก่ ปิด : ปิดฝาภาชนะให้สนิท เปลี่ยน : เปลี่ยนน้ำในภาชนะที่ปิดไม่ได้ ปล่อย : ปล่อยปลากินลูกน้ำ ปรับปรุง : ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ปฏิบัติ : ปฏิบัติเป็นประจำอย่างต่อเนื่องทุก 7 วัน

    “...ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยอิทธิพลของความกดอากาศสูง ทำให้บางพื้นที่เริ่มมีฝนตก น้ำขังในภาชนะต่าง ๆ รอบบ้าน ขอให้เจ้าของบ้านเดินสำรวจ กำจัดภาชนะขังน้ำที่ไม่ได้ใช้ เพื่อลดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายหลังฝนตกทุกครั้ง หากพบสมาชิกในครอบครัวป่วยด้วยอาการไข้สูงให้กินยาลดไข้และมีคนคอยดูแลอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะเด็กอ้วนและสตรีมีประจำเดือนอาจมีอาการรุนแรง หาก 2 วันแล้ว อาการไม่ดีขึ้น ให้รีบพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาและปฏิบัติแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการเสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออก และโปรดระลึกว่า ไม่มียุงลายมามีโรคไข้เลือดออก และอย่าประมาทหากอาการคล้ายไข้เลือดออกต้องพบเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน...” นพ.วิชัย ระบุ..

    สุรินทร์ ไข้เลือดออกช่วงแล้งระบาดหนักหลังดับแล้ว 2 ราย

    [​IMG]
    สุรินทร์ไข้เลือดออกระบาดช่วงหน้าแล้งหนัก พบผู้ป่วยพุ่งเกือบ 2 เท่าตัว เสียชีวิตแล้ว 2 ราย สาธารณสุขจังหวัดระบุแค่ 2เดือน มีผู้ป่วยแล้ว 264 ราย เผยยุงมีพัฒนาการโตเร็วแม้แห้งแล้งแต่กลับทรหดสูง ชี้บุตรหลาน เป็นไข้สูงรีบพบแพทย์ทันที

    วันนี้ (8 มี.ค.) ที่ห้องประชุมสาธารณสุขอำเภอเมืองสุรินทร์ นายสะอาด วีระเจริญ นายแพทย์สาธารณสุข จ.สุรินทร์ เรียกประชุมอาสาสมัครสาธารณสุข 17 อำเภอ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือการระบาดของโรคไข้เลือดออก รวมทั้งเตรียมความพร้อมของสถานบริการและบุคลากรสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการร่วมมือกันสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก โดยเฉพาะการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายพาหะสำคัญของการเกิดโรค

    นายสะอาด เปิดเผยว่า ช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมา จังหวัดสุรินทร์มีการระบาดของโรคไข้เลือดออกสูงกว่าปีที่ผ่านมาเกือบ 2 เท่า ซึ่งพบผู้ป่วย 320 ราย เสียชีวิต 2 ราย เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปทำการฉีดพ่นสารเคมีเพื่อกำจัดยุงลายพาหะนำโรคในทุกพื้นที่แล้ว

    “ในปีนี้ มีแนวโน้มการระบาดของโรคไข้เลือดออกรุนแรงมากขึ้น แม้ว่าในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์จะเกิดความแห้งแล้งอย่างรุนแรง แต่กลับพบว่าโรคไข้เลือดออกยังมีการระบาดสูงอยู่ ซึ่งสามารถมองได้ว่าอาจเกิดจากภาวะโลกร้อนที่ทำให้ไข่ยุงมีการฟักตัวและมีวงจรชีวิตที่สั้นลงมาอีก จึงทำให้ยุงโตเต็มวัยเร็วขึ้นที่ ผ่านมาจึงไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามหากพบว่าคนในครอบครัวมีไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส นานเกิน 2 วัน และมีอาการหน้าแดง คอแดง ปวดศีรษะ หรือ ปวดเปลือกตา ให้รีบพบแพทย์โดยเร็ว จะทำให้ลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตได้” นายแพทย์สาธารณสุข จ.สุรินทร์ กล่าว..

    ที่มาจาก เดลินิวส์
     
  14. engineer03

    engineer03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    4,961
    ค่าพลัง:
    +44,308
    09-03-2013

    เหนืออีสานตอนบนฝนคะนอง-ลมแรง

    [​IMG]

    กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานประจำวันที่ 9 มีนาคม 2556 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. คลื่นกระแสลมตะวันตกกำลังเคลื่อนผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส ส่วนลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามา ปกคลุมภาคกลางตอนล่างรวมทั้งกรุงเทพมหานคร ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเป็นแห่งๆ ในระยะนี้

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

    ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ และพิษณุโลก และอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

    ภาคกลาง มีหมอกในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก ทางตอนบนของภาคอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยองจันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่าง อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    —ISN 04
     
  15. engineer03

    engineer03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    4,961
    ค่าพลัง:
    +44,308
    นักวิทย์เตือนธารน้ำแข็งละลาย-น้ำทะเลสูง-โลกร้อน

    [​IMG]
    นักวิทยาศาสตร์เตือน ธารน้ำแข็งในแคนาดาอาจละลาย 1 ใน 5 ภายในสิ้นศตวรรษนี้ อันจะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นอีกกว่า 1 นิ้ว และจะทำให้อุณหภูมิโลกร้อนขึ้นอีก อีกทั้งธารน้ำแข็งที่ละลายแล้ว จะไม่วันหวนกลับไปเป็นดังเดิมได้อีก

    สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ว่า แจน เลเนิร์ตส์ นักอุตุนิยมวิทยาและผู้นำนักวิจัยของมหาวิทยาลัยอูเทรค ประเทศเนเธอร์แลนด์ เปิดเผยผลการศึกษาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา พบว่า ธารน้ำแข็งในแคนาดาอาจละลายหดหายไป 1 ใน 5 ภายในสิ้นศตวรรษนี้ และทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นอีกประมาณ 1.4 นิ้ว หรือ 3.5 เซนติเมตร และโอกาสที่ธารน้ำแข็งจะก่อตัวกลับสู่สภาพเดิมก็เลือนรางมาก ทั้งนี้ หากธารน้ำแข็งแคนาดาหายไปร้อยละ 20 ตามที่ผลวิจัยสรุป อุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3 องศาเซลเซียส

    เขากล่าวว่า กระบวนการการละลายของธารน้ำแข็ง ทั้งไม่สามารถย้อนกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อีก และยังมีแรงเสริมในตัวของมันเองด้วย เนื่องจากหิมะและน้ำแข็งในเขตทุ่งทุนดรา ที่ราบที่ไม่มีต้นไม้ในขั้วโลกเหนือ และในน่านน้ำทางตอนเหนือของแคนาดา มีส่วนช่วยสะท้อนความร้อนจากดวงอาทิตย์ออกไปจากโลก เมื่อน้ำแข็งเหล่านี้หายไป ความร้อนจากดวงอาทิตย์ก็จะถูกน้ำทะเลและแผ่นดินดูดซับไว้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้นด้วย

    นอกจากนี้ หากธารน้ำแข็งในแคนาดา ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ละลายหายไปทั้งหมด จะทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น 7.9 นิ้ว

    ที่มาจาก เดลินิวส์
     
  16. engineer03

    engineer03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    4,961
    ค่าพลัง:
    +44,308
    ปรากฏการณ์น่าทึ่ง เลค ฮิลเลอร์ ทะเลสาบสีชมพูนมเย็น

    ปรากฏการณ์อันน่าทึ่ง เลค ฮิลเลอร์ ทะเลสาบสีชมพูหวานแหววแปลกตาของประเทศออสเตรเลีย ที่ล้อมลอบด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยถึง 105 เกาะ

    ในโลกของเรามักจะมีปรากฏการณ์อันน่าทึ่งอีกมากมายที่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ เช่นเดียวกับเรื่องราวของทะเลสาบสีชมพูที่ประเทศเซเนกัล ที่ก่อนหน้านี้เพื่อน ๆ อาจจะได้ยินไปบ้างแล้ว แต่เชื่อหรือไม่ว่าปรากฏการณ์ยังพบเห็นในประเทศอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน และวันนี้จะพา ไปชมภาพ เลค ฮิลเลอร์ ทะเลสาบสีชมพู ซึ่งอยู่ในประเทศออสเตรเลีย

    [​IMG]

    [​IMG]

    สำหรับเลค ฮิลเลอร์ หรือ ทะเลสาบสีชมพูนี้ เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ตั้งอยู่ในเกาะขนาดใหญ่ที่สุดของหมู่เกาะ Recherche Archipelago ที่ประกอบไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อย 105 เกาะ ที่อยู่ทางตะวันตกของออสเตรเลีย สิ่งที่ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้โดดเด่นกว่าทะเลสาบอื่นบนเกาะก็คงเป็นสีน้ำในทะเลสาบแห่งนี้ที่มีสีชมพูหวานแหววดูแปลกตาเป็นที่สุด ซึ่งถูกค้นพบครั้งแรกโดยกัปตันแมทธิว ฟลินเดอร์ส ขณะที่เขาขึ้นไปยังจุดสูงสุดของเกาะในปี 1802

    โดยทะเลสาบแห่งนี้มีความยาวประมาณ 600 เมตร มีขอบแคบ ๆ ที่ปกคลุมเนินทรายและต้นไม้ที่แยกทะเลสาบออกจากทะเลด้านนอก ขอบทะเลสาบปกคลุมไปด้วยแผ่นเกลือสีขาว ล้อมรอบด้วยป่าต้นเปเปอร์บาร์ค และต้นยูคาลิปตัสที่ปกคลุมอย่างหนาแน่น

    ทั้งนี้ สำหรับเหตุผลที่น้ำในทะเลสาบแห่งนี้กลายเป็นสีชมพูนมเย็นนั้น ก็เพราะน้ำทะเลมีความเค็มมาก และมีแบคทีเรีย Dunaliella ซึ่งชอบอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เค็มจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด และแบคทีเรียชนิดนี้ จะผลิตสารสีแดงในการดูดซับแสงอาทิตย์ จึงทำให้น้ำในทะเลสาบแห่งนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงอ่อน ๆ ในตอนกลางวัน และยิ่งเมื่อทะเลสาบต้องแสงแดด มันก็ยิ่งกลายเป็นสีชมพูนมเย็นได้อย่างน่าทึ่ง

    [​IMG]

    ที่มาจาก VOICE TV.
     
  17. engineer03

    engineer03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    4,961
    ค่าพลัง:
    +44,308
    แผนที่อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา แสดงหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศไทย ทำให้มีฝนตกทั่วไปในระยะนี้

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. engineer03

    engineer03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    4,961
    ค่าพลัง:
    +44,308
    07.00 น. 09-03-2013 จาก TSR พายุโซนร้อน TC.19P ได้รับชื่อว่า SANDRA และได้ทวีกำลังขึ้นเป็นพายุไซโคลนแล้ว มีความเร็วลมศูนย์กลางอยู่ที่ 65 น๊อต ทิศทางการเคลื่อนที่ยังคงมุ่งหน้าทาง NEW CALEDONIA

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2013
  19. บ่วง

    บ่วง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +726
    ขอบคุณ k engineer03 ที่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้อยากเข้ามาเว็บพลังจิต ขอบคุณสำหรับการอัพเดตข่าวสารข้อมูลcatt7
     
  20. engineer03

    engineer03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    4,961
    ค่าพลัง:
    +44,308
    แผนที่อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ผ่านมาแสดงถึงความแปรปรวนของสภาพอากาศ ร้อนปะทะเย็นรวมทั้งมีฝนตก-ลมแรง

    [​IMG]

    พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 9 มีนาคม 2556 ภาค 19.00 น.

    กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานลักษณะอากาศทั่วไป คลื่นกระแสลมตะวันตกได้เคลื่อนผ่านภาคเหนือของประเทศไทยไปประเทศลาวตอนบนแล้ว ทำให้บริเวณภาคเหนือมีฝนลดลง และอุณหภูมิจะลดลง 2 – 3 องศาเซลเซียส ส่วนลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานคร ภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่ง ๆ ในระยะนี้

    พยากรณ์อากาศตั้งแต่เย็นวันนี้ (9 มี.ค.56)จนถึงเย็นวันพรุ่งนี้

    ภาคเหนือมีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส

    ภาคกลางอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส

    ภาคตะวันออกทางตอนบนของภาคอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อ่าวไทยตอนบนจังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร อ่าวไทยตอนบนจังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

    ภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส
    สภาวะระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ คำนวณโดยกรมอุทกศาสตร์
    วันพรุ่งนี้ น้ำขึ้นเต็มที่ เวลา 06.33 น. สูงกว่าระดับทะเลปานกลาง 1 เมตร 35 เซนติเมตร และเวลา 17.19 น. สูงกว่าระดับทะเลปานกลาง 90 เซนติเมตร
    น้ำลงเต็มที่ เวลา 00.12 น. ต่ำกว่าระดับทะเลปานกลาง 52 เซนติเมตร และเวลา 13.02 น. สูงกว่าระดับทะเลปานกลาง 39 เซนติเมตร
    วันพรุ่งนี้ที่ผาชนะได อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 06.09 น.
    กรุงเทพมหานคร ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 06.29 น.

    ข้อมูลข่าวและที่มา
    ผู้สื่อข่าว : เอกสารข่าว เอกสารข่าว
    Rewriter : ชนิดา ศรีปัญญา
    สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...