ชีวิตจริงบางครั้งก็ยิ่งกว่านิยาย

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ปมณฑ์, 3 พฤศจิกายน 2007.

  1. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    พี่ขอขอบคุณ และ ขออนุโมทนาบุญ กับคุณ Put arch ด้วยค่ะ ปัจจัยที่สร้างพระประทานนั้น ยังไม่ทราบแน่นอนค่ะ พรากลัวว่า ถึงเวลานั้น อาจจะแพงกว่าที่คาดไว้ค่ะ วันก่อน พี่คุยกับคุณมหาเทพ ท่านบอกว่า ประมาณ 130,000 บาท เป็นพระพุทธรูป แกะสลักจากหินสีเขียว เป็น
    ปางนาคปรกค่ะ กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างค่ะ และตอนนี้ คุณมหาเทพ ได้ไปนั่ง วิปัสสนา กรรมฐาน 18 วัน ช่วงนี้ จึงไม่ทราบรายละเอียดค่ะ ต้องรอท่านกลับมาก่อน พี่เอง ยังคิดว่า เรา จะจัดเป็นกลุ่มไปค่ะ เพราะวัดนี้ เป็นวัดสร้างใหม่ด้วยค่ะ ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำค่ะ คุณมหาเทพ บอกว่า รถยังไม่สามารถ เข้าไปได้ค่ะ ต้องจอดรถ แล้ว เดินเข้าไป ถ้าว่างๆ ไปด้วยกันน่ะค่ะ ถือโอกาส ไปเที่ยว ป่าเขาลำเนาไพร ด้วยกันค่ะ ด้านหลัง ติดประเทศลาวค่ะ เห็นคุณมหาเทพ บอกว่า ด้านหลัง เป็นป่า ที่
    พระเทพรัตนราชสุดา ได้ ไปปล่อยช้าง 10 เชือก ไว้ และ จะได้ยินเสียงช้างบ่อยๆค่ะ

    ยังไงก็ตาม พี่ก็ขอขอบคุณ คุณ put arch อีกครั้งน่ะ และ ขออนุโมทนา ในบุญ และจิตที่เป็นกุศล ด้วยค่ะ
     
  2. chanunt

    chanunt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +331
    สวัสดีครับ ดีใจมากที่ได้อ่านเรื่องของคุณปมณฑ์ เป็นกำลังใจในการสู้ชีวิตได้เยอะเลยตอนนี้ผมเองก็กำลังเผชิญกับวิบากกรรมอย่างสาหัส แล้วจะโทรติดต่อไปหรือ mailsหลังไมค์ครับ เดือดร้อนมากต้องการคนให้คำปรึกษาด้วย ขอบคุณมากครับ
     
  3. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    วันนี้เป็นวันพ่อแห่งชาติน่ะค่ะ และดิฉันเองก็ได้เขียนความรู้สึก ที่มีต่อ " พ่อของแผ่นดิน " และพ่อของดิฉันเอง ไปในกระทู้อื่นไปแล้ว และ ตั้งใจว่า จะมาเขียนเรื่อง ของดิฉันเอง ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง ซึ่งไม่นึกว่า จะเกิดเรื่อง แบบนี้อีก ถ้า ท่านได้อ่าน จบแล้ว ดิฉัน อยากให้ หลายท่านที่พอมีเวลา ช่วยตอบดิฉันด้วยว่า " ถ้าเหตุการณ์นี้เกิด ต่อหน้า ท่าน ท่านจะเป็นอย่างไร " เพราะแค่ดิฉันเล่าให้เพื่อนดิฉันฟัง เขาเอง ยังถามว่า ดิฉัน นิ่งได้อย่างไร และเรื่องนี้ คงจะเป็นเรื่องสุดท้าย ของกระทู้นี้น่ะค่ะ ดิฉันเองแค่ ตั้งใจว่า เรื่องราว ทั้งหมดที่เล่ามานี้ แค่เป็นวิทยาทาน และ ให้กำลังใจ ต่อหลายๆท่าน ที่กำลังเจอวิกฤตต่างๆอยู่ ขอแค่มีกำลังใจที่เข้มแข็ง อุปสรรคต่างๆ จะผ่านไปได้ด้วยดี ขอแค่เป็นผู้ชนะใจตัวเองให้ได้ ดิฉันคิดว่า ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง ถึงแม้ จะใช้เวลานานเท่าใดก็ตาม ขอแค่ได้พยายาม น่ะค่ะ และดิฉันขอเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ

    เรื่องนี้เกิดขึ้น เพราะดิฉัน ได้ไปลงใน เวปไซด์หนึ่ง ว่า
    " ดูหมอฟรีเป็นวิทยาทาน " เช่นกันค่ะ ดิฉันเองพึ่งจะลง หัวข้อนี้ ในปีนี้เองค่ะ และเธอคนนี้ก็โทรหาดิฉัน เพิ่อดูดวงฟรีเช่นกันค่ะ เธออายุแค่ 25 ปี กำลังเรียนอยู่ปริญญาโท ในมหาวิทยาลัย มีชื่อแห่งหนึ่ง หลังจากที่ดิฉัน ได้ดูดวงให้เธอ เธอก็ได้ add ดิฉัน ใน Hotmail และเราก็มีโอกาสคุยกันบ่อยขึ้น และ ได้พบกันจริงๆ เราก็พบกันบ่อยขึ้น จนดิฉันคิดว่า เธอเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง เวลาที่ดิฉัน จะไปบริจาคเลือด เธอก็จะขอตามดิฉันไปด้วย หรือแม้กระทั่งที่ดิฉัน จะไปทำบุญที่อยุธยา เธอก็จะขอตามไปด้วย ดิฉันเองก็มีเพื่อนสนิท ( คนนี้ก็เหมือนน้องสาวเช่นกัน รู้จักเนื่องจาก เธอมาดูหมอกับดิฉัน จนคบกันมา 7-8 ปีแล้วค่ะ )คนหนึ่ง ซึ่งเวลาจะไปทำบุญที่ใดก็ตาม ดิฉันก็จะโทรไปบอกเธอ แล้วเธอก็จะไปด้วยเสมอ ( คนนี้ คงมีบางคนเคยพบตอนที่ดิฉัน ไปทอดกฐิน ที่วัดท่าซุงค่ะ ) ไม่ว่า จะไปทำบุญที่ไหน ถ้าเธอว่าง เราจะไปด้วยกันเสมอ วันที่ไปที่อยุธยา เธอก็ถามดิฉัน ว่า " พี่แป๋ว คนนี้น่ะ ไว้ใจได้หรือ เป็นคนดีจริงหรือ " ( น้องคนนี้น่ะ ทำงานดีพอสมควร เงินเดือนก็ดีค่ะ เธออาจจะดูจากลักษณะ บุคลิกของคนเก่ง เพราะ อยู่ฝ่ายคัดเลือกคนเข้าทำงานด้วย )
    ดิฉันเองก็ตอบว่า " ก็โอเคน่ะ " เป็นเพราะดิฉันน่ะ มองคนในแง่ดีมากไป คนอื่นน่ะคงดีเหมือนเรา หารู้ไม่ว่า นั่นเป็นอันตรายอย่างหนึ่งเลยล่ะ

    เวลาที่ดิฉันไปไหนมาไหนน่ะ ดิฉันน่ะ มักจะให้ลูกของดิฉัน เป็นคนขับรถให้ค่ะ สลับกัน ทั้ง 2 คน พี่บ้าง น้องบ้าง ยังเรียนอยู่ทั้งคู่ และ ดิฉันได้บอกเพื่อนๆ ว่า ถ้าลูกดิฉันขับรถให้เนี่ย เขาจะได้เบี้ยเลี้ยง จากดิฉัน และ ปรากฏว่า วันนั้น น้องทั้ง 2 คน เป็นผู้จ่าย เบี้ยเลี้ยงให้ลูกดิฉันเอง เขาก็บอกว่า ช่วยพี่แป๋ว และ ช่วยให้น้องมีตังษ์ไปเรียนหนังสือน่ะ น้องคนที่ดิฉันรู้จักเธอนาน เธอจะรู้ว่า ดิฉันน่ะ ต้องหาเลี้ยงลูกคนเดียว เธอก็จะช่วยเหลือ ลูกๆของดิฉันเสมอ ไว้เป็นค่าขนม แต่เธอก็จะเป็นคนที่ ระวังตัวเอง ในการคบหาใครมากกว่าดิฉัน ดิฉันคบเธอนานหลายปี ดิฉันเองก็ไม่เคยเอ่ยปากเรื่องเงินมากๆกับเธอ แค่เอ่ยปาก เล็กๆน้อยๆ เวลาจำเป็นจริงๆเท่านั้น เพราะดิฉัน กลัวจะเสียมิตรภาพ ของความเป็นเพื่อน น่ะ เพราะ คนเราน่ะ คิดไม่เหมือนกัน

    ดิฉันรู้จักน้องคนนี้ จนไปมาหาสู่เป็นประจำ เธอเองก็มีแฟนคนหนึ่ง ซึ่งแฟนเธอ แก่กว่าดิฉัน สัก 2-3 ปี และเธอก็เล่าว่าเธอคบกับผู้ชายคนนี้มา 7-8 ปี แล้ว และลักลอบได้เสียกัน มา หลายปีแล้ว โดยที่พ่อแม่ รู้ว่า เป็นแฟนกัน เท่านั้น และเท่าที่รู้ ผู้ชายคนนี้ ก็ส่งเสียเธอ บ้าง และ บางครั้ง เธอก็ช่วยเหลือการเงิน แฟนเธอด้วย ( เธอเล่าให้ดิฉันฟังน่ะค่ะ ) ดิฉันเองก็พบหน้าแฟนเธอ 3-4 ครั้ง ช่วงหลังๆ เธอไปเรียนน้ำปั่น และได้ไปเปิดร้านใกล้ กับมหาวิทยาลัย ที่เธอเรียนอยู่ เธอเล่าให้ดิฉันฟังว่า วันหนึ่งๆ เธอขายได้ประมาณ วันละ เกือบ 2 พันบาท หรือมากกว่านั้น ซึ่งเป็นรายได้ดีพอสมควร และเธอก็คิดว่า อายุขนาดนี้ สามารถหาเงินได้ดีขนาดนี้ เธอเองก็เอาน้องสาว มาช่วยเหลือ ซึ่งแน่นอนล่ะ ดิฉันเอง ก็รู้จักเธอ รวมถึง พี่สาว และ น้องสาวเธอด้วย

    และทั้งพี่สาว เธอ และ ร้องสาวก็ดูดวงกับดิฉันไปด้วย ดิฉันว่า พี่น้องทั้ง 3 คน นี้ เป็นคนมั่นใจในตัวเอง ทั้งหมด ยิ่งเป็นพี่สาว และน้องคนที่ดิฉันรู้จัก เธอจะคิดว่า เธอน่ะ เป็นคนสวย คนโต มักจะบอกว่า เธอน่ะ หุ่นดีกว่า และสวยกว่า น้องๆของเธอ ส่วนคนที่ดิฉันรู้จัก เธอจะจะพูดว่า " สวยเลือกได้ " ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เธอน่ะ ก็เป็นคนสวยคนหนึ่ง ส่วนคนเล็กเนี่ย จะเป็นคน ที่ดูปกติ มากว่าคนอื่นๆ ดิฉันเองเคยดูดวงให้คนโต ดูป ก็ดูเหมือนว่า เธอไม่เชื่อ เธอบอกว่า ทั้งหมดน่ะ อยู่ที่การกระทำ ดิฉันน่ะ ดูไปก็ไม่ถูกหรอก คนนี้น่ะ ทำงานเป็นทหารอากาศ ประมาณ สวย เลิศ เชิด ยิ่ง เธอก็จะบอกว่า มีชายหนุ่มมาสนใจเธอเยอะ ( เฮ้อ ) จริงๆแล้วน่ะ ดิฉันได้ดูดวงทั้ง 3 คนแหละ ค่ะ และ บังเอิญว่า ดิฉันเองก็ได้ดูดวง ให้เธอ ทั้ง 3 คน และ น้องคนที่ดิฉันรู้จัก ก็ได้ให้ ดิฉัน เปลี่ยนชื่อให้เธอ และน้องสาว ของเธอด้วย วึ่งดิฉันเองคิดค่าตั้งชื่อ คนละ 500 บาท ซึ่งชื่อของทั้งคู่ ตั้งยากมาก ดิฉัน ใช้เวลาเกือบเป็นเดือน จึงจะหาได้ และเท่าที่รู้มา เธอเล่าให้ฟังว่า พี่สาว คนโต บอกว่า มาหลงเชื่อดิฉัน มากไป ทำไมต้องเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนทำไม อยู่ที่การกระทำหรอก พวกมึงน่ะ เป็นคนดี ก็ดีเองแหละ ซึ่งดิฉันก็เฉยๆ เพราะดิฉันไม่ได้ไปบอกให้เธอเปลี่ยน นั่นเป็นความคิดของเขาเอง จะเปลี่ยนหรือไม่ก็อยู่ที่ วิจารณาญาณ ของเขาเอง ซึงต่อมา เธอทั้ง สองก็เปลี่ยน ชื่อไปทั้งคู่

    แต่มีอยู่วันหนึ่ง พี่สาวคนโตน่ะ เขาอยากจะออกรถใหม่ และ พ่อแม่ของเธอ ก็สนับสนุนในเรื่องของเงินทอง ที่จะออก น้องเขาก็มาเล่าให้ดิฉัน ฟังว่า พี่สาวของเธอน่ะ ยอมที่จะเสียเงินค่าดูหมอ กับหมอดูดังท่านหนึ่ง เพื่ออยากรู้ว่า ทะเบียนรถ เลขอะไรดี ( เคยพูดว่า ดูทำไม อยู่ที่การกระทำต่างหาก ) เธอยอมไปหาหมอดูท่านนั้น 3-4 ครั้ง เพื่อปรึกษาเรื่องเลข ทำให้ดิฉัน คิดว่า อาจเป็นเพราะ ดิฉันน่ะ ดูฟรี ทุกวันพฤหัส และ ดูวันปกติ แค่ 99 บาท เท่านั้น ความ เชื่อ และ ความศรัทธา ของดิฉัน จึงไม่มีเท่า สิ่งที่ดิฉันคิด คือว่า คนเราน่ะ วัด ว่า ใครดี ใครชั่วน่ะ อยู่ที่ไหน เธอคนนั้นน่ะ ยอมเสียเงิน ไปหลายรอบ แม้กระทั่ง วันที่จะออกรถ เธอก็ยอมเสียเงินอีก ดิฉัน ก็ได้แต่ปลงค่ะ อ้อ !
    ลึมบอกไปค่ะ น้องคนนี้น่ะ เธอเป็นคนชอบเล่นหวย และเป็นคนคิดเลข สูตรนี้ สูตรโน้น ตามประสา แต่เธอน่ะ เป็นคนมั่นใจ ในตัวเอง สูงมาก คิดว่า ตัวเอง สวยอย่างเดียว ไม่พอ ก็คิดว่า ตัวเองน่ะ เก่ง เรียนปริญญาโท ไอคิวเธอน่ะ ก็จะสูงด้วย คิดหวย น่ะ ก็มีแต่คนคอยถาม ดิฉันน่ะ ก็เป็นคนชอบเสี่ยงอยู่แล้ว ( ห้ามงมงายน่ะค่ะ ให้ใช้วิจารณาญาณน่ะค่ะ ) ก็เลยได้ปรึกษากันบ้าง คุยกันบ้าง ช่วงนั้นกลุ่ม ของดฺแนน่ะ มีโอกาสถูกด้วยกัน เป็นจำนวนหลักหมื่น ได้เลขน่ะ โดบบังเอิญบ้าง ได้จากคนมาบอกบ้าง ดิฉันบอกเองบ้าง ช่วงนั้น เธอเองก็มีโชคกับดิฉัน เกือบแสน ค่ะ พอเธอได้แบบนั้น ทำให้เธอ คิดว่า เธอน่ะ เป็นคนเก่ง บ้าง ล่ะ อะไร ต่ออะไร ดีขึ้นบ้าง ที่รู้ๆ หลังจากที่ดิฉันเปลี่ยนชื่อให้เธอ แค่ 5-6 วัน เธอก็มีโชคงวดนั้น 6 หมื่นกว่า บาท ดิฉันบอกว่า ให้ซื้อเลขท้ายบัตรประชาชน งวดนั้นน่ะ ออกเลขท้ายบัตรประชาชน ของเธอจริงๆ ดิฉันบอกว่า องศา ของดวงเธอน่ะ แค่ 0 องศา เพราะฉะนั้นน่ะ จะทำอะไรก็ตาม ดีชั่ว ก็จะถึงตัวเร็ว เช่นกัน ส่วนดิฉันเองก็ดีใจกับเธอไปด้วย โดยไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น ใครมีโชค อย่างไร ก็ถือว่า เป็นดวงของเขา แต่งวดนั้น ดิฉันก็ถูกไปด้วย แต่อาจจะไม่ได้มาก และหลังจากงวดนั้น เราก็ถูกกันอีก เนื่องจากดิฉัน บอกว่า ผึ้งน่ะ มาเกาะ ที่ต้นไม้ หน้าบ้าน ดิฉัน ดิฉันถึงได้บอกให้ทุกคน ซื้อ เลขที่บ้านของดิฉัน และงวดนั้นก็ได้เงินกันไปอีก
     
  4. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    พอเรามีโชคกันมากขึ้น ดิฉันก็ไปทำบุญมากขึ้น รวบรวมเงินไปทำบุญร่วมกับเพื่อนๆมากขึ้น ไปสร้างห้องน้ำบ้าง ไปทำบุญ 9 วัดบ้าง และทำอย่างอื่นบ้าง แล้วแต่โอกาส และมีอยู่วันหนึ่ง เธอคนนั้นมาเล่าให้ดิฉันฟังว่า เธอน่ะ เข้าไปเวปหนึ่ง เกี่ยวกับเวปหาคู่ และเธอได้เข้าไปคุยกับคนต่างชาติหลายๆคน และมีอยู่คนหนึ่ง เป็นชาวมัลดีฟ เพิ่งคุยกันได้แค่อาทิตย์เดียว หนุ่มคนนั้นก็จะบินมาหาเธอเลย เธอก็บอกว่า ชายหนุ่มคนนี้ ท่าทางจะรวย เห้นว่า ไปมาไหน ได้ตลอดเวลา เพราะมีเงิน (ดิฉันน่ะ ก็มีเพื่อนต่างชาติหลายคน แต่คุยกันในลักษณะของเพื่อนมากกว่า และเป็นการฝึกภาษาไปในตัวด้วย ดิฉันน่ะ คุยกับเพื่อนถึง 2 ปี ก็ยังแค่เป็นเพื่อน ชอบคุยกับคนที่สุภาพน่ะ ) ดิฉันก็ได้แต่เตือนๆเธอว่า ให้ระวัง ฝรั่งพวกนี้น่ะ ส่วนมากน่ะ ชอบ Sex มาก่อนน่ะ

    และก่อนหน้าที่ฝรั่งคนนี้น่ะ จะบินมาเมืองไทย เธอก็เอ่ยปากชวนดิฉันไปเป็นเพื่อน ซึ่งดิฉันก็รับปาก ไปเป็นเพื่อน ดิฉันน่ะ ไม่ได้เก่งอะไรหรอกค่ะ กับภาษา แค่งูๆปลาๆ กระโดดลงไปก็พอโผล่ขึ้นมาได้ ฝรั่งคงพอเข้าใจแหละ เธอน่ะ นัดฝรั่งคนนั้นที่ สยามพารากอน เราไปคอยกันเกือบ 2 ชั่วโมง ถึงได้เจอกัน เพราะพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เขาพูดสำเนียงออกไปทางแขกๆ เลยฟังยาก ช่วงที่นั่งรอฝรั่งอยู่ แฟนของเธอก็โทรมาหาเธอ เธอก็ต้องโกหก แฟนเธอไปตามประสา ซึ่งดิฉันก็ไม่ได้ฟัง เพราะ ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ ดิฉันน่ะ แค่ได้แต่เตือนเธอเท่านั้น ดิฉันคิดว่า คนที่มีความมั่นใจสูงไปน่ะ เตื่อลำบาก เราก็ได้แต่พูดไปบ้าง เล็กๆน้อยๆ ตามประสา พี่คนหนึ่งเท่านั้น

    หลังจากที่เจอฝรั่งคนนั้น ดิฉันก็ชวนน้องเขาไปบริจาค เพราะ เห็นว่าอยู่ใกล้สภากาชาดไทย ซึ่งเธอเองก็ไปบริจาคกับดิฉันด้วย และหนุ่มคนนั้นก็ไปด้วย และหนุ่มคนนั้นก็บอกว่า เขาน่ะอยากไปดูที่ร้านของเธอ เพราะถ้าแต่งงานกันจริงๆ เขาจะลงทุนทำธุรกิจให้เธอด้วย หลังจากที่บริจาคเลือด เธอก็เลยตกลง จะพาหนุ่มคนนี้ไปที่ร้านของเธอ และช่วงนั้นเป็นเวลาที่รถติดมาก ดิฉันก็เลยบอกว่า งั้นเราไปรถไฟกันดีกว่า รถไม่ค่อยติด ระหว่างที่นั่งรถไฟไป ดิฉันก็สังเกตุว่า เขาและเธอ เริ่มจับมือถือแขนกันบ้างแล้ว และขณะนั้น เขาและเธอ เริ่มแสดงอะไรกันมากขึ้น ทั้งๆที่อยู่บนรถไฟ ซึ่งเป็นช่วงที่คนเยอะ ( ดิฉันน่ะ อยู่โบค่ะ ก็เลยรู้สึกอึดอัดค่ะ แต่ทำไงได้ค่ะ นั่นคือเรื่องของเขา ทางของเขา เราก็ได้แต่ดู เฮ้อ ) พอเราลงจากรถไฟ เธอกับเขาก็จูงมือกันตลอดทาง เร็วจริงๆน่ะเนี่ย เธอไม่ได้แคร์ว่า เธอน่ะมีแฟนอยู่แล้วหรือไม่ ดิฉันก็ได้แต่ดูเฉยๆ พอไปถึงที่ร้านของเธอ น้องสาวเธอ ก็เข้ามาคุยด้วย ซึ่งดิฉันก็ได้แต่บอกเธอว่า เขาเป็นเพื่อนกันน่ะ ไม่มีอะไรหรอก แล้ว น้องสาว เธอก็บอกว่า " แล้วทำไมพามาที่ร้านล่ะ " ดิฉันก็ตอบว่า " อันนี้ก็แล้ว บี ( นามสมมติค่ะ ) น่ะ ) แล้วน้องสาว ( สมมติว่าชื่อ ซี ) เขาก็ถามว่า แล้ว พี่ อิง ( สมมติว่า ชื่อแฟนพี่สาวเธอน่ะค่ะ หาชื่อสมมติจนยุ่งน่ะเนี่ย ) ล่ะ ดิฉันก็ตอบว่า "อันนี้ก็แล้วแต่ บี ตัดสินใจ แต่เขาก็แค่เป็นเพื่อนกันน่ะ อย่าคิดมาก " เขาแค่อยากแวะมาดูร้านเฉยๆ และอีกอย่างหนึ่ง เรื่องที่แฟนเธอ มายืมเงินเธอบ้างมนช่วงหลัง ไม่มีใครรู้ เธอก็ได้แต่เล่าให้ดิฉันฟัง ก็เลยทำให้ดิฉันรู้เรื่องของเธอ มากกว่า พี่น้องของเธอ ดิฉันอยู่ที่บ้านของเธอ จนถึง 3 ทุ่ม ดิฉันจึงโทรให้ลูกของดิฉัน ขับรถจากรังสิต เพื่อมารับดิฉันกลับ ไม่เช่นนั้น ดิฉันจะต้องนั่งรถเมล์ 3-4 ต่อกว่าจะถึงบ้าน

    ระหว่างที่ดิฉันรอลูกชายอยู่ บีก็บอกดิฉันว่า หนุ่มคนนั้นน่ะ ชวนเธอไปค้างที่โรงแรมด้วย ดิฉันก็ได้แต่บอกว่า ไปส่งน่ะได้ บี ไม่ดีหรอกน่ะ ไปค้างกับเขาน่ะ เอาอย่างนี้ เดี๋ยวลูกพี่มา แล้ว พี่ไปส่งให้แล้วกัน ซึ่งโรงแรม ที่หนุ่มคนนี้พัก ก็อยู่คนละทางกับบ้านดิฉัน พอลูกชายดิฉันมาถึง ดิฉันต้องไปส่ง หนุ่มคนนั้นที่ฌรงแรม ตามที่พูด ซึ่ง บี เองก็ตาม ไปด้วย เราก็ไปนั่งทานข้าวกันที่โรงแรม ตอนนั้นน่ะ เกือบ เที่ยงคืนแล้ว เพิ่งจะได้ทานข้าวเย็นกัน หลังจากที่ดิฉันทานข้าวเสร็จ ดิฉันก็ขอตัวเข้าห้องน้ำ บีก็ตามดิฉันไปด้วย และบอกว่า พี่แป๋ว ทำไงดีล่ะ หนุ่มคนนั้นน่ะ พยายามอยากให้เธอค้างด้วย ดิฉันก็บอกว่า แล้ว แต่ บี ตัดสินใจแล้วกัน แต่พยายาม อย่า เสียตัวแล้วกัน เธอก็ได้แต่รับปาก แต่ดิฉันน่ะซิ ลำบากใจ เพระ เธอดันไปบอกน้องเธอ ว่า เธอน่ะ ไปนอนบ้านดิฉัน เพราะดึกแล้ว ดิฉันเอง จะได้ไปต้องวนรถ ไป วนรถมา ( หาเรื่องใส่ตัวเองจริงๆ น่ะเนี่ย ) ซึ่งปรากฏว่า คืนั้น เธอคนนั้น ก็นอนค้างกับ หนุ่มคนนั้นไป และ รุ่งเช้าดิฉันก็โทรหาเธอ ว่า กลับบ้านหรือยัง เธอก็ตอบว่า ยัง คงจะกลับประมาณเที่ยงๆ และ เธอก็เล่า ว่า คืนนั้นน่ะ เกิดอะไรขึ้นบ้าง เป็นอย่างไร ไม่ขอเล่าน่ะค่ะ ( ดิฉันก็ได้แต่คิด ในสิ่งที่เธอเล่า เรานี่น่ะ อยู่โบจริงๆเลย ถ้าเป็นเราน่ะ เรื่องนี้ เราคงไม่เล่าให้ใครฟังน่ะ ) และน้องสาวเธอ ก็ดทรหาเธอ ว่า เมื่อไหร่ จะกลับ เธอก็อ้างกับน้องเธอว่า ดิฉันน่ะ ยังไม่ว่าง พอช่วงบ่าย เธอถึงบ้าน ก็โทรบอกดิฉันค่ะ

    เรื่องที่ดิฉัน เล่าให้ฟัง ทั้งหมด มิได้ตั้งใจ จะประจานใครน่ะค่ะ ดิฉันไม่ได้เอ่ยนาม จริงๆ แค่ดิฉัน อยากให้ทุกอย่าง เป็นบทเรียน สำหรับหลายท่าน ให้รู้เป็นวิทยาทาน จริงๆน่ะค่ะ ขอให้อ่าน ด้วยความเป็นกลางน่ะค่ะ หลังจากอ่านจบ ดิฉัน ยินดี รับคำติชม ทั้งหมดค่ะ เรื่องคงจะยาวน่ะค่ะ แต่ขอให้อ่านจนจบน่ะค่ะ เพราะ เรื่องนี้ คงเป็นเรื่องสุดท้าย เพระเป็นเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นจริงๆ คงเป็นเพราะ เวรกรรม ที่ดิฉัน ทำไว้ กับใครก็ตาม ชาติที่แล้ว ยังไม่หมดค่ะ แต่ขอให้ติดตามอ่านน่ะค่ะ
     
  5. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    พอวันนั้น หลังจากเธอกลับบ้านไป ตกบ่ายเธอก็โทรหาดิฉันอีก และบอกว่า พี่แป๋ว หนุ่มคนนั้นน่ะ โทรหาเธอ ให้ไปหาอีกแล้ว พี่แป๋วช่วยหน่อยซิ ดิฉันก็อดไม่ได้ ต้องให้ลูกชายขับรถ ไปรับเธอ และเธอก็บอกดิฉันว่า หนุ่มคนนั้นน่ะ อยากดูดวงกับดิฉันด้วย ดิฉันก็เลยไปรับเธอ และไปดูดวงให้หนุ่มคนนั้น แถมดูฟรีอีกตะหาก จะทำอย่างไรค่ะ ก็เขาไม่ได้ให้ค่าดูนี่น่า และ ดิฉันก็ได้ดูดวง เธอด้วย ซึ่งวันนั้น ไพ่ขึ้นมาไม่ค่อยดี เป็นไพ่ที่บอกเป็นรักที่ซ่อนเร้นอยู่ น่ะ และ อาจัเกิดปัญหา รักสามเส้าขึ้น ดิฉันน่ะ ก็ทายตามไพ่ที่เกิดขึ้น และเตือนให้เธอระวังตัวไว้ พอดูไพ่เสร็จ เธอก็บอกว่า หนุ่มคนนี้น่ะ ขอร้องให้เธออยู่ต่อก่อน ดิฉันก็เลยบอกว่า เอางี้ เดี๋ยวพี่คอยกลับพ้อมกันน่ะ บี น่ะ จะได้ไปช่วย ซี ปิดร้าน อีกอย่างหนึ่ง พี่น่ะ ไม่อยากให้ ซี เข้าใจผิด พี่มากด้วย หลังจากที่ดิฉัน ออกจากห้องของเธอ ดิฉันต้องพาลูกของดิฉัน ไปเดินในห้าง จนถึง 2 ทุ่ม ( เธอบอกว่า ไม่เกิน 2 ทุ่มจะกลับ ) ดิฉันไปนั่งในห้าง กับลูก ประมาณ 3-4 ชั่วโมง เพื่อจะรอรับเธอกลับ ( บางทีก็คิดว่า เราจะบ้าหรือปล่าวเนี่ย และ มีใครเขาทำอย่างเราบ้างเนี่ย ) พอดิฉันโทรไป เธอก็บอกว่า เดี๋ยวน่ะ พี่แป๋ว ยังคุยธุระไม่เสร็จ ยังมีเรื่องเคลียร์กับเขา ซึ่งดิฉันไม่ทราบว่าเรื่องอะไร หลังจากนั้นดิฉันก็ไปหาอะไรทานกับลูกชายของดิฉัน จนถึง 4 ทุ่ม ดิฉันก็โทรไปอีก บี กลับได้หรือยัง บีน่ะต้องกลับไปช่วยน้องปิดร้านน่ะ เธอก็ตอบดิฉัน ว่า พี่แป๋วกลับไปก่อนแล้วกันน่ะ เดี๋ยว บี กลับบ้านเอง เดี๋ยว จะเรียก แท็กซี่กลับ เอง แหละ พี่แป๋วกลับไปก่อนแล้วกันน่ะ หลังจากนั้น ดิฉันก็กลับบ้าน ไป ลูกชายคนเล็ก ของดิฉัน ยังว่า ดิฉัน ว่า แม่มาทำอะไรเนี่ย ดิฉันก็ยังว่า ดอฉันน่ะ ดีหรือบ้าเนี่ย พอรุ่งเช้าน่ะ ดิฉันว่า จะโทรไปหา น้องสาวของเธอ เพื่ออยากจะบอกให้เธอรู้ว่า ดิฉันน่ะ เป็นห่วง พี่สาวเธอ และ คอยอยู่ข้างๆพี่สาว เธอตลอดน่ะ แต่ปรากฏว่า เบอร์น้องสาว ของเธอน่ะ ดิฉันไม่ได้เมมไว้ และ ตอนที่เธอโทรหาดิฉัน เบอร็ก็หายไปจากหน้าจอแล้ว ก็เลยเป็นว่า ดิฉันไม่ได้โทรหาน้องสาว เธอ พอช่วง บ่าย บี ก็โทรหาดิฉัน และบอกว่า เธอน่ะ ยังนอนอยู่ห้อง ของหนุ่มคนนั้น และบอกดิฉันว่า เธอน่ะ โทรไปหาน้องของเธอ และ หลอกน้องสาวเธอว่า ไป นอนกับดิฉันที่บ้านอีก ( ความซวย และ การจะเสียผูใหญ่เนี่ย มันช่างวิ่งมาหาดิฉันจริงๆน่ะเนี่ย ) ดิฉัน ฟังแล้วก็รู้สึกไม่ดี ที่เอาชื่อดิฉันมาอ้าง โดยที่ดิฉันไม่รู้เรื่อง เธอก็บอก พ่อแม่ของเธอ ว่า ไปนอนที่บ้านดิฉันด้วย ดิฉันเริ่มรู้สึกว่า น้องเขายิ่งไปกันใหญ่แล้ว และเธอก็เล่าให้ฟัง ว่า เหตุผลที่เธอต้องอยู่ต่อ เพราะ วันนั้น ภรรยาของหนุ่มคนนั้นส่ง messsage มา ละเธอก็แอบดู ทำให้รู้ว่า ชายหนุ่มคนนั้น ไม่ได้โสดจริงๆ อยากที่บอกตอนแรก แถมมีลูกแล้ว 2 คน เธอก็เล่า ให้ดิฉันฟังว่า เธอน่ะแสดงบทโศก ให้ หนุ่มคนนั้นดู ว่า เธอเสียใจน่ะ ที่โนหลอก ดิฉันเองก็ได้แต่คิดในใจว่า เธอเองก็โกหก เขาเหมือนกันน่ะ ก็ได้แต่คิดน่ะ เธอก็บอกว่า หนุ่มคนนั้นน่ะ บอกว่า รักเธอจริงน่ะ จะไปหา พ่อแม่เธอ และ จะแต่งงานด้วยจริงๆ ดิฉัน ก็เลยบอกว่า งั้นเอางี้น่ะ บี ถ้า บี ตัดสินใจ จะเลือกหนุ่มคน
    นี้ และ จะเลิกกับแฟนจริงๆ ก็ให้ หนุ่มคนนี้น่ะ ไปหาพ่อแม่ ของบี เพื่อแสดงว่า
    เขาจริงใจจริงๆ อยากแต่งงานจริงๆ (คนแขกน่ะ มีแฟนได้หลายคน ตามประเพณีค่ะ และเธอก็บอกดิฉันว่า เธอรับได้กับการที่จะเป็นน้อยเขา เพระเราอยู่กันคนละประเทศ ) ดิฉันก็อาสาที่จะพาหนุ่มคนนี้น่ะ ไปหาพ่อแม่ ของเธออีกเช่นเคย ( บ้าจริงๆ เราเนี่ย ) และบอกหนุ่มคนนี้เกี่ยวกับประเพณีของไทย ว่า ทำอย่างไรบ้าง ซึ่งเขาก็บอกว่า เขาจะทำตามนั้น และ ดิฉันก็บอกกับเธอว่า ถ้าจะเลิกกับแฟนคนไทย ก็ควรบอกกับเขาไปตรงๆว่า เหตุผลที่เลิก เนื่องจากว่า ช่วงหลัง หนุ่มคนนี้ มักจะมาขอเงินจากเธอบ่อยๆ ทำให้เธอ ต้องเลิกกับเขา เพราะ การกระทำแบบนั้น ลูกผู้ชายเขาไม่ทำกัน และ อีกอย่างหนึ่ง อายุขนาดนั้นแล้ว ถ้า ยังไม่มีความรับผิดชอบ ก็จะอยู่กันลำบาก ( ดิฉันไม่เคยคุยกับผู้ชายน่ะค่ะ เลยไม่ทราบว่าอีนไหนใช่ หรือ ไม่ใช่ ดิฉันก็ได้แต่แนะนำเธอไป )ซึ่งรุ่งเช้า ดิฉันก็ไปรับหนุ่ม คนนั้น เพื่อจะไปหาพ่อแม่เธอ ที่ราชบุรี แต่เธอบอกว่า เขาจะไปหาหมอก่อน ทำให้ดิฉัน ลูกชายของดิฉัน ต้องพาหนุ่มคนนี้ไปที่โรงพยาบาลก่อน

    ปรากฏว่าดิฉัน ต้องไปรอหนุ่มคนนี้ที่โรงพยาบาล จนถึง 4 โมงเย็นและ เขาบอกว่า เขาคงไปไม่ได้ เพราะเหนื่อยมากแล้ว เป็นอันว่า เราก็เลยไม่ได้ไปที่ ราชบุรีกัน ( เรานี่บ้าจริงๆน่ะเนี่ย เสียเวลา เพราะ ความหวังดีจริงๆเลย เฮ้อ ) และเธอก็ยังพูดเหมือนไม่แคร์อะไร ไม่ไปก็ไม่ไป หลังจากนั้นดิฉันก็ต้องไปส่งเขากับเธอที่โรงแรมอีก โดยไม่ได้รอ หลังจากวันนั้น เธอก็ได้ติดต่อเพื่อนของเธอ อีกคนหนึ่งเพื่อไปเป็นเพื่อนของเธอ เพราะ ดิฉันได้คุยกับทางทางเอ็ม ว่า บี พี่น่ะ ยุ่งเรื่อง บี มากไปหรือปล่าวน่ะ เพราะตอนหลังเธอแสดงอาการว่า เธอน่ะ ไม่ค่อยแคร์อะไรมากนัก ดิฉันไปวางแผน อย่างโน้นอย่างนี้มากไป ดิฉันเองก็ถามเธอตรงๆ เธอก็ตอบว่า บีรู้น่ะ ว่า พี่น่ะ ทำไปเพราะหวังดี คิออย่างงี้ค่ะ ดิฉัน พูดกับเธอ ตอนนี่อยู่โรงพยาบาลว่า " บี เราน่ะ เป็นคนที่มีพ่อแม่ ที่มีหน้ามีหน้า ในตำบล การศึกษาเราก็ดีกว่าคนนั้น การที่เราทำตัวแบบนี้น่ะ ไม่ค่อยดีน่ะ การที่เราจะไปนอนกับใครสักคนหนึ่ง ฟรีๆ ทุกวันเนี่ย โดยที่ไม่ได้อะไรเลย ผู้ชายก็ได้แต่พูดจะทำอย่างโน้น อย่างนี้น่ะ แต่เขาไม่ได้ทำอะไรอย่างที่พูดเนี่ย มันไม่ค่อยดี การที่คนต่างชาติ มาเมืองไทยเนี่ย ส่วนมาก ก็เรื่อง Sex แต่บางคนก็ชอบหาผู้หญิงดี มาเป็นคู้นอนมากกว่า และการที่ บี ทำอย่างนี้น่ะ ไม่ดีเลย เราเองอย่า ทำตัวเองให้มีค่าน้อยกว่า โสเภณี น่ะ ( ขอโทษน่ะค่ะ ที่พูดไปสุภาพ ไม่ได้เจตนาว่าใครน่ะค่ะ ทุกคนต่างก้มีหน้าที่ของตัวเองค่ะ ) ดิฉันน่ะ เป็นคนชอบพูดตรงๆ อย่างนี้แหละค่ะ การที่เขาไปนอนกับโสเภณีน่ะ เขาต้องจ่ายเงิน ให้กับเธอทุกครั้ง นั่นคือเรื่องจริง แต่เขามานอนกับเราเนี่ย เขาให้ค่ารถ แค่พันเดียวเอง ดูแล้วเหมือนเราน่ะ ไม่มีค่าเลย เพระฉะนั้น เราก็ควรให้เขาพิสูจน์ ว่าสิ่งที่เขาพูดน่ะ จริงหรือปล่าวด้วยการให้เขาพิสูจน์ ตัวเขาเอง วันนั้นน่ะ ดิฉันพูดกับเธอ ต่อหน้า และ คงเป็นสาเหตุว่า เราน่ะ ยุ่งเรื่องของเธอมากไป และวันนั้น ดิฉันเองก็ได้ ขอ email หนุ่มคนนั้นไว้ เพราะ หวังว่า ดิฉันน่ะ จะคุยกับเขา ให้เขาไปหาพ่อแม่เธอ ( ไม่รู้จักเข็ดเลย ) หลังจากวันนั้นน่ะ ดิฉัน รู้ว่า อีก 2 วัน หนุ่มคนนี้น่ะ จะกลับประเทศเขาแล้ว ในช่วงนั้นน่ะ เธอเองก็บอกดิฉันว่า ทุกครั้งที่แฟนเธอ โทรหา เธอก็บอกว่า ไม่ว่างบ้าง อะไรบ้าง หรือเจอกันบ้าง ในช่วงเวลาสั้นๆ และ รุ่งเช้า เธอก็โทรหาเพื่อนเธอ ให้ไปเป็นเพื่อน แทนดิฉัน เพราะหนุ่มคนนี้ ต้องการ ที่ซื้อของฝากลูกๆ ของเขา เธอก็ไปเป็นเพื่อน ดิแนก็เลยบอกว่า บี งั้นเดี๋ยวพี่จะไปสมทบที่ห้างน่ะ พี่น่ะ อยากพูดกับเขา และ อยากบอกว่า ก่อนจะกลับน่ะ น่าจะซื้อแหวนให้สักวงหนึ่ง ซึ่งเธอก็ ตอบตกลง ดิฉันเองได้พาลูก ทั้ง 2 คนไปคืนนั้นด้วย พอไปถึง ดิฉัน ก็ไปเจอเธอและ เพื่อนของเธอ และ ดิฉันไปถามเพื่อนของเธอ ว่า เดี๋ยวพี่พูดอะไร ไป แนน ช่วยบอกหนุ่มคนนั้นด้วยน่ะ เพราะ แนน อาจจะเก่งกว่า พี่ เธอ ก็ถามว่า เรื่องเป็นอย่างไร พอเธอทราบเรื่อง เธอก็บอกว่า โอ๊ย ตายแล้ว ทำใจไม่ได้ รับไม่ได้ ดิฉันก็เลยบอกว่า ช่วยเจรจาหน่อยย่ะ พี่น่ะ อยากให้เขาได้ดีน่ะ เพื่อนคนนี้น่ะ คบกับบี มาหลายปี และรู้เรื่องแฟนของเธอ เหมือนดิฉัน หรือ อาจจะรู้มากกว่าด้วย หลังจากที่ดิฉันคุย กับ แนน เธอ 2 คน ก้ฌข้าไปห้องน้ำ ด้วยกัน และคงไปคุยกันในห้องน้ำ อย่างไรไม่ทราบ พอออกมา บี ก็บอกว่า บีน่ะ ยอมรับสภาพนี้ได้ พี่ไม่ต้องพูดหรอก เดี๋ยวเขากลับมาเองแหละ บีรู้น่ะ ว่า ผู้ชายคนนี้น่ะ ต้องกลับมาหาเธออีก ถ้าเธอไม่ร้องขอ อะไรจากผู้ชายตอนนี้น่ะ เขาจะกลับมาเองแหละ และ เพื่อนของเธอก็บอก ดิฉัน ว่า เธอน่ะ ยอมรับในกฏกติกาของเพื่อน เพื่อนว่าไงก็ว่างั้น ( ดิฉันก็ได้แต่คิดว่า เด็กสมัยนี้ ไม่เหมือนเราเลยเลย ) และเธอทั้งคู่ก็ดู happy ดี แต่ดิฉันซิ ชักหงุดหงิด ว่า เราเนี่ยยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆ และช่วงที่ดิฉัน ได้นั่งกับหนุ่ม คนนั้น ดิฉันก็ได้แต่พูดว่า ดิฉันกำลังจะมีปัญหา กับเธอ เพราะ เขาเป็นต้นเหตุ ดิฉันก็เล่าไป งูๆ ปลาๆ ประสา ไม่ได้คุยเป็นจริง เป็นจังแล้ว แค่รู้ตัวว่า ตัวเองต้องถอยแล้ว หลังจากนั้น ดิฉัน ก็ไม่ค่อยได้ยุ่งเรื่องของเธออีก หนุ่มคนนั้นกลับไปดิฉันก็ไม่ได้สนใจอีก

    บางครั้ง หนุ่มคนนั้นกลับไป เขาก็ทักทายดิฉัน และถามเรื่องของเธอกับดิฉัน ดิฉันก็ได้แต่ตอบว่า ถ้าเขาอยากรู้อะไร ก็ให้ไปถามเธอเองดีกว่า เพราะ เรื่องของเธอ และเรื่องที่เธอมี ภรรยามาก่อน ฉันก็ไม่เคยถามเหมือนกัน และดิฉันก็ยังโทรหา บี ว่า หนุ่มคนนั้นน่ะ เขาถามพี่ เรื่อง บี น่ะ แต่พี่น่ะก็ไม่ได้ตอบอะไร หลังจากหนุ่มคนนั้น กลับไป ดิฉันกับเธอก็ยังคุยกันปกติ แต่ดิฉันบอกว่า พี่น่ะ ไม่อยากยุ่งเรื่องของ บี แล้วล่ะ เราจะคุยกันแค่เรื่องอื่นแล้วกันน่ะ มีแต่เธอแหละ ที่เธอโทรหาดิฉัน ว่า กลับไปคุยกับแฟน เธอ อีก และ ไปค้างกับแฟนเธอ บ้างอะไร บ้าง ดิฉันก็ได้แต่รับฟัง และ ไม่แสดงความคิดเห็นอีก และดิฉันเองก็เคยเล่า เรื่องปู่ ที่ดิฉันนับถือ ให้เธอ ฟัง เธอก็ไป กับดิฉัน และ ปู่ก็ทักเรื่อง แฟน ของเธอ เรื่อง ชายหนุ่มที่มาติดพันเธอ มากมาย ปู่บอกว่า ดิฉันน่ะ ไม่รู้หรอก จะรู้ได้ไงค่ะ เธอเลือกทางเดินของเธอเองแล้วนี่ค่ะ วันนั้นเธอก็ชวนเพื่อนอีกคนไปด้วย และปู่ก็ ทักเรื่อง ของทั้งสอง คน ในบางเรื่องได้ถูกต้อง อันนี้ แล้วแต่ศรัทธาค่ะ ซึ่งเธอทั้งสอง ก็เป็นเพื่อนสนิท เหมือนกัน เท่าที่ดิฉันทราบ ซึ่งเท่าที่ดิฉัน ทราบ เพื่อนของเธอทั้ง 2 คนน่ะ อยากให้เธอ เลิกกับแฟน ของเธอ มาหลายปีแล้ว และ ปู่เองก็บอกว่า แฟนเธอน่ะ ตอนนี้อยู่เกาะ ให้ตัดสินใจเองน่ะ และวันนั้นดิฉันเอง ก็ถามแต่เรื่องผู้ชาย คนโน้น คนนี้ ดิฉันก็ไม่ได้สนใจ หลังจากลงมา เธอก็ถาม ดิฉัน ว่า " พี่แป๋ว ดวงหนู น่ะ ตกลง เป็นดาวราหู หรือ เป็น ดาวเกตุ ล่ะ ดิฉัน ก็ตอบว่า พี่น่ะ ตอบไม่ได้หรอก ถ้าเป็นดาวราหู เราก็จะอยู่ในความมัวเมา เพราะท่านเป็นดาวของบาปพระเคราะห์ แต่ดาวทุกตัวก็มีดี มีเสียในตัวเอง ท่านก็สามารถ ทำให้เราสำเร็จได้เช่นกัน อยุ่ที่เราเป็นผู้ ที่มองอยู่ในมุมมองไหน ส่วนดาวเกตุ ก็เป็นดาว ที่อยู่ ในเรื่องของบุญ ใครจะเป็นอย่างไร พี่น่ะ ได้แต่ชี้แนะ แต่เราเป็นผู้เลือกทางเดินเอง ต่างหาก

    หลังจากนั้น เราก็คุยกันเรื่อง หนุ่มๆ น้องลงไปอีก ดิฉันก็ได้แต่ คุยเรื่องตัวเลขบ้าง อะไรบ้าง และ มีอยู่วันหนึ่ง ดิฉันก็โทรไปหา เธอ ก็คุยกันปกติน่ะ ถามเธอว่า งวดนี้น่ะ บี คิดได้เลขอะไรหรือ เผื่อพี่ไปซื้อ ได้ถูก เผื่อได้เงินน่ะ เธอก็บอกว่า อย่ามาฝากความหวังกะหนูน่ะ จริงๆแล้ว ดิฉันเองก็ไม่ได้หวังอะไรหรอกค่ะ แค่พูดไปงั้นๆเองแหละ แต่สิ่งหนึ่งที่ดิฉัน รู้คือ " เธอ น่ะ กำลัง อยู่ในความหลงงมงาย หลงทุกอย่าง " ดิฉันก็เลยไม่ได้พูด หรือเตือนอะไรเธออีก ก็ได้แต่ถอยไปเรื่อยๆ โทรไปหาก็น้อยลง แต่เธอเองก็รู้เรื่องดิฉันหลายเรื่อง เหมือนที่ดิฉันเล่าให้หลายๆท่านฟัง เรื่องหนึ่งที่เธอรู้ คือ ปีนี้น่ะ น่ะ ดิฉัน โดนคนที่รู้จักทางอินเตอร์เน็ท น่ะ โกงเรื่องเงินไปร่วมแสน เพราะ ความที่ดิฉันไว้ใจ คนอื่น และ เรื่องอะไร เป็นอย่างไร ก็อ่านไปเรื่อยๆ น่ะค่ะ เพราะ เธอใช้วิธีการนั้น กับดิฉัน เช่นกันค่ะ และมีอยู่วันหนึ่ง เธอก็โทรหาดิฉัน เธอ ก็บอกว่า พี่แป๋ว หนูกับเพื่อนน่ะ อยากดูไพ่กับพี่น่ะ อยากรู้ว่า ทำธุรกิจ ตัวนี้จะดีมั๊ย ช่วงนั้นน่ะ ดิฉันน่ะ ก็กำลัง หาเงิน เหมือนกัน แต่ความที่ ดิฉันไม่เคยคิดเอา เปรีบยเพื่อน หรือ บางเรื่อง ดิฉัน ก็บอกไปตามเป็นจริง ไม่ได้หวังว่า จะเอาเงิน ค่าดูหมอเสมอไป ดิฉันก็ถาม ว่า จะทำอะไรหรือ เธอก็ตอบว่า จะลงทุน กับเพื่อน ที่ไปหาปู่ วันนั้น น่ะ ว่า จะลงทุนขายเสื้อสีชมพูกัน ( อ้อ ! ลืมบอกไปค่ะ ปู่บอกว่า เพื่อนเธอคนนี้ ให้ระวังเรื่อง ผ่าตัด ซึ่งเธอบอกว่า ตอนนี้ เธอเป็นมะเร็ง อยู่ แม่ของเธอ จะให้ผ่าตัดอยู่ ) ดิฉันก็เลย ตอบว่า คงไม่ต้องดูดวงหรอกน่ะ ตอนนี้น่ะ ก็พอทำได้ น่ะ แต่ค่อยๆ ลงทุนไปแล้วกันน่ะ
     
  6. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    แย่จังเลยค่ะ เขียนต่อ ใกล้จะจบอยู่แล้ว อยู่ๆ ไฟก็ดับ ซะงั้นล่ะ สงสัยต้องพิมพ์ต่อวันหน้า แล้วค่ะ แล้วไง ก็อย่าลืม มาอ่านต่อน่ะค่ะ จะได้เรียนรู้ คนมากขึ้นค่ะ เป็นบทเรียนให้เราอย่างดีเลยค่ะ ไม่น่าเชื่อว่า คนเราบางคน น่ะ ร้ายกว่าที่เราคิดซะอีกค่ะ

    สำหรับคุณ lachcha ดิฉัน ยินดีเสมอค่ะ ที่จะรับฟังคุณค่ะ คำแนะนำ และ คำพูด เล็กๆน้อยๆ อาจจะทำให้คุณ รู้สึก สบายใจขึ้นบ้าง ยังไง ชีวิตของเรา ก็ยังคงต้องต่อสู้ ต่อไป ตราบที่มีลมหายใจ ค่ะ

    ขอบคุณค่ะ
     
  7. countdown

    countdown เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +3,165
    เห้นไหมครับกรรมเป็นตัวตามทดสอบเราทุกขณะเวลา ถ้าไม่ใช่คุณ จิตใจไม่เหมือนคุณ มันก็จะเกิดเหตุการณืร้ายแรงกว่านี้ หลายเท่า อาจมีการยิงกัน และฆ่าตัวตาย ดีนะที่คุณปลงได้ ทุกคน ปลงได้ ว่าทุกสิ่งไม่เที่ยง ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งล้วนมาสัมผัสเรา กระทบเราคือการทดสอบ เหมือนตอนมารยิงธนูมายังพระพุทธเจ้า จิตท่านตั้งมั่น จนมันสลายเป็นดอกไม้ วางเฉยมันก็ไม่มีอะไรเกิด ถ้าจิตเว็ปไปโมโหมัน กลายเป็นโทสะใหญ่ กรรมจะตามเล่นงานทันที
    จะว่าแต่คุณเลย ผมขณะนี้มีคนทำคุณไสยมาให้ ผมพึ่งได้แต่ อำนาจ พระพุทธ พรรรม พระสงฆ์ เท่านั้น และผมดูว่าคนทำเกิดอะไรขึ้น มันเริ่มกลับไปหาคนทำแล้ว ทั้งที่ผมอยู่เฉย ๆ วางเฉยซะ ..................... อะไรเกิดมันก็เกิด เพราะเราทำไว้นี้
     
  8. put_arch

    put_arch สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2007
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +17
    ขอบคุณมากๆครับ

    สำหรับวิทยาทานทีพีปมณฑ์ได้แบ่งปันครับตอนนี้ตัวผมก็รู้สึกว่าอะไรรอบตัวเริ่มไม่ค่อยดีเหมือนกันครับ
     
  9. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เรื่องที่ดิฉันเล่าให้ฟัง แค่อยากให้ทุกคนรู้ว่า มีอีกหลายเรื่องราวมากนักที่คนเราจะต้องเจอปัญหา หลังจากที่ดิฉัน เล่าจบ ดิฉันอยากให้ คุณแสดงความคิดเห็นว่า ถ้าคุณเจอสถานการณ์ อย่างนี้ คุณจะทำอย่างไร กับเหตุการณ์นั้น สำหรับดิฉันแล้ว เหตุการณ์นี้ ทำให้ดิฉัน ปลงมากขึ้น ค่ะ คงไม่มีอะไนดีไปกว่า การนิ่ง และมอง สัจธรรม ของมนุษย์ น่ะค่ะ ดิฉัน ขอเล่า จนจบเลยแล้วกันน่ะค่ะ

    หลังจากนั้นไม่กี่วัน เพื่อนของบี ก็โทรหาดิฉันอีก และ เธอก็ถามว่า จำได้ว่า ดิฉันเคยดูว่า ให้ระวังการลงหุ้นกับเพื่อน อาจจะมีปัญหากัน ดิฉันก็บอกว่า ทำได้ ก็ให้แค่ระวังแล้วกัน และเธอก็บอกดิฉันว่า พี่ แป๋ว รู้หรือปล่าวล่ะ ว่า ฝรั่งคนนั้นจะมาหา บีอีก ดิฉันก็เลยบอกว่า พี่ไม่รู้หรอกน่ะ เพราะ เป็นเรื่องของเขา งั้น เราน่ะ เป็นเพื่อน ก็เตือนเขาแล้วกันน่ะ คนเราน่ะ เป็นเพื่อนกัน เห็นเพื่อนทำไม่ดี ก็เตือนๆแล้วกัน และเธอก็ถามว่า เรื่องอะไรหรือค่ะ ดิฉันก็เลย ถามว่า อ้าวไม่รู้เรื่องเลยหรือ ดิฉันก็เลย เล่าให้เธอฟัง เหมือน ที่ดิฉัน ได้เล่าให้ทุกท่านฟัง และดิฉันก็บอกว่า เตือนเธอหน่อยแล้วกัน ให้แต่งงานกันก่อนแล้วกันน่ะ เพราะ มันเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่เธอก็บอกว่า หนูไม่กล้าไปเตือนเขาล่ะ มันดูไม่ค่อยดี ซึ่งหลังจากนั้นดิฉันก็ไม่ทราบว่า เธอจะไปพูดหรือไม่ หรือไปทำอย่างไร และหลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็เป็นวันที่ 16 พ.ย. และ จู่ๆ บี ก็โทรหาดิฉัน ว่า พี่แป๋ว ขอฝากซื้อเลขวิ่ง หน่อยค่ะ คนชื่อ นิด เขาฝากมา ดิฉันก็บอกว่า บีแน่ใจน่ะ อย่าทำให้พี่เดือดร้อนน่ะ บีก็รู้น่ะ ว่า พี่น่ะ โดนโกง เรื่องเงินมา เธอก็บอกว่า ชัวร์ 2-3 วัน เดี๋ยว เขาโอนเงินให้แหละ ปรากฏว่า เพราะความเป็นเพื่อน หรือ ความเป็นน้อง ดิฉัน ก็รับซื้อให้ เธอ เป็นจำนวนเงิน 15, 000 บาท โดยไม่ได้คิดเฉลียวใจเลยว่า เธอ ได้วางแผนอะไรไว้ หลังจาก 5 โมงเย็นไป ปรากฏว่า เลขที่เธอฝากดิฉันซื้อ ไม่ถูก ดิฉันโทรหาเธอ เธอก็ไม่รับสาย แต่เธอกลับโทรหาดิฉัน ตอน 6 โมงเย็น

    เธอก็บอกดิฉัน ว่า พี่แป๋ว เลขที่หนูซื้อกับพี่น่ะ หนูน่ะ ไม่จ่ายตังษ์ให้หรอกน่ะ เพราะพี่น่ะ เอาหนูไปประจานกับเพื่อน ถ้าถูกน่ะ ก็ดีไป แต่ถ้าไม่ถูกน่ะ หนูก็ไม่จ่ายเงินให้หรอกน่ะ ดิฉันก็เลย ถามว่า งั้นแสดงว่า บีน่ะคิดแผนนี้มาแล้วล่วงหน้าซิ และเธอก็พูด กับดิฉัน สารพัด ประเภท คุณไม่ต้องพูดหรอก ฉันน่ะขอลุยฝ่ายเดียวแล้วกัน เธอพูกจบ เธอก็วางหูไป ดิฉันเอง ได้แค่คิดว่า ไม่นึกว่า เธอน่ะ จะสามารถ ทำได้ถึงขนาดนี้ ไม่นึกว่า ความคิดของเธอ จะเป็นอย่างนี้ แต่สิ่งหนึ่ง ที่ดิฉันคิดได้คือ ดิฉัน ต้องไปหาเธอ และคุยกับเธอ แน่นอน และดิฉัน ก็ได้โทรหาน้องคนที่เคย ถาม ดิฉันเรื่องน้องเขา ว่า เธอก็โอเค หรือปล่าวล่ะ พอดิฉัน เล่าให้เธอฟัง เธอก็บอกว่า บอกพี่แป๋วแล้ว ว่า น้องเขาโอเคมั๊ย พี่ก็บอกโอเค พี่น่ะ มองคนในแง่ดีเสมอแหละ และดิฉันก็บอกเธอว่า งั้นพี่ไปถาม ปู่ ก่อนดีกว่า ว่าปู่ว่าไง ( ปู่คือร่างทรงที่ดิฉัน ชอบไปคุยเรื่อง ธรรมะ ให้ใช้วิจารณาในการอ่านน่ะค่ะ ) และดิฉันก็ได้ไปคุยกับท่าน ว่า ดิฉันเองควรทำอย่างไรดี และเพื่อนของดิฉันก็บอกว่า พนันก๋วยเตี๋ยวเรือ กันคนละชามน่ะ ว่า ปู่ต้องบอกให้พี่ปลงซะ และ หลังจากที่ดิฉันได้ถามท่าน ได้บอกว่า " ไปเถอะลูก 2-3 วัน ค่อยไปแล้วกันน่ะ และท่านก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ซึ่งตรงกับที่ดิฉันตั้งใจไว้เหมือนกันว่า ยังไงก็ต้องไปคุยกันล่ะ เพื่อจะได้รู้ว่า เธอจะพูดอย่างไร เมื่อเจอกันจริงๆ แต่ในระหว่าง คิดว่า เธอเองคงรู้ว่า ดิฉันเองต้องไปหาเธอแน่นอน และ ดิฉันก็ไม่ทราบว่า เธอจะไปพูดอะไร ยังไงกับพี่น้องเธอบ้าง หรือคุยกับคนอื่นว่าอย่างไรบ้าง และเมื่อวันที่ไปหาเธอจริงๆก็มาถึง พอดิฉันไปถึงร้านเธอ ประมาณ 2 ทุ่ม ปรากฏว่า เธอไม่อยู่ที่ร้าน มีแต่ พี่สาวของเธอ และน้องสาวเธอ ดิฉันก็ถาม พี่สาวเธอว่า " บีล่ะ " เธอก็บอกว่า " ไม่อยู่ ไม่รู้ไปไหน โทรหาก็ไม่ติด มีเรื่องอะไรกันล่ะ มาเล่าให้ฟังหน่อยซิ ( บ้านนี่น่ะ เขาเก่งกันทั้งบ้านมังค่ะ น้ำเสียงที่พูดกันเนี่ย ใหญ่กันเหลือเกิน ใหญ่อย่างไร อ่านกันดูน่ะค่ะ )
     
  10. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    สมมติน่ะค่ะ ว่า คนโต ชื่อ เอ คนที่ 2 ชื่อ บี ( คนที่ดิฉันคุยด้วยค่ะ ) ส่วนคนน้องชือ ซี อาจจะมีคำพูดผอดเพี้ยนไปบ้าง ก็ขออภัยค่ะ แต่มิได้มีเจตนา ใดๆ ทั้งสิ้นน่ะค่ะ

    เอ . ไหนๆมาเล่าให้ฟังหน่อยซิ ว่า เป็นไง
    ดิฉัน. พี่น่ะ อยากมาถาม ว่า เรื่องเงินน่ะ เขาจะเอาอย่างไร พี่ก็แค่อยากรู้แค่นั้นเองแหละ พี่เองน่ะ อยากถามเขาเหมือนกันน่ะ ว่า ทำไมหรือ คนจบการศึกษา ถึงปริญญาโทน่ะ เขาคิดกันอย่างงี้หรือ
    เอ . อ้าว พี่แป๋วพูดอย่างนี้ก็สวยซิ มาว่าน้องหนูแบบนี้น่ะ
    ดิฉัน. พี่ก็แค่ อยากรู้น่ะ เพราะ พี่น่ะไม่นึกว่า คนที่จบการศึกษาสูงๆน่ะ เขาจะทำกันอย่างนี้
    เอ. ไหนๆเล่ามาซิ ว่า เป็นไง
    ดิฉันก็เลยเล่า ว่า เขาฝากซื้อ เลข กับดิฉัน 15,000 บาท และ ไม่ยอมจ่ายเงิน เขาก็เลย บอกว่า บีน่ะ บอกว่า พี่แป๋วน่ะ ไปพูดเรื่องนี้ กับคนอื่น เขาก็เลยไม่พอใจ ก็เลยทำอย่างนี้ ดิฉันก็เลยบอกว่า ถ้าคิดจะแก้แค้นกันน่ะ เขาไม่ทำกันอย่างนี้หรอกน่ะ เล่นกันซึ่งๆหน้าน่ะ ดีกว่ามั๊ยล่ะ การทำอย่างนี้น่ะ ได้ความสะใจหรือ
    เอ. ก็เห็นบีบอกว่า พี่แป๋วน่ะ ไปพูดกับเพื่อน เขา และ ไปบอกเขา ว่า ใครเตือน บีด้วย แล้วไงล่ะ ไปพูดอย่างนั้นทำไมล่ะ เพื่อนเขาน่ะ มาเล่า ให้ที่ร้านฟังตั้งเยอะแยะ รับไม่ได้เลย
    สักพักหนึ่ง บีก็กลับเข้ามา และแสดง อาการว่า เขาน่ะ สะใจ เดินแบบแอ่นอก และมานั่งลงตรงเก้าอี้ และ นั่งไขว่ห้าง ทำหน้าเชิด อะไร ประมาณนั้นล่ะ ( ลองนึกภาพดูน่ะค่ะ เธอทำอย่างนั้นจริงๆค่ะ )
    บี . แล้วไงล่ะ
    ดิฉัน. พี่น่ะ แค่มาถาม บีว่าจะเอายังไงเรื่องเงิน บีก็รู้ว่า พี่น่ะโดนโกง มาร่วมแสนแล้ว ก่อนซื้อน่ะ พี่ก็ถาม บีแล้วว่า อย่าทำให้พี่ลำบากน่ะ แล้วบีก็โอเค พี่น่ะ ไม่นึกหรอกน่ะ ว่า บีจะทำกับพี่อย่างนี้
    บี. แล้วทำไม พี่ถึงให้บีซื้ออีกล่ะ
    ดิฉัน. ก็พี่ไว้ใจบีไง
    บี . ก็สมแล้วไง บีน่ะ อุตส่าห์ มีบุญคุณกับพี่ขนาดไหน ไปไหนมาไหน กับบีน่ะ บีก็ไม่เคยให้พี่ออกเงิน มีแต่ช่วยพี่ ตอนนั้นน่ะ บีถูกหวย บีก็ช่วยพี่ แต่พี่น่ะ ชอบเอา เรื่องบีไปประจานอีก ( เฮ้อ ดิฉันก็ได้แต่ ฟัง ดิฉันทำให้เธอ ตั้งหลายอย่าง ไปนั่งคอยเธอ ที่โรงแรม แถม ให้ลูกชายขับรถให้ และ ต้องเติมน้ำมันเองอีก ดิฉันยังไม่พูดเลย ) และเรื่องที่ บี ทำอย่างนี้กับพี่น่ะ คนที่คุยกับพี่แป๋ว เขารู้ล่ะ ว่า บีน่ะ จะทำอย่างนี้ บางคนรู้ แต่ เขาไม่เห็นโทรบอกพี่เลย ( ถ้าเป็นจริง อย่างที่เขา ว่า ดิฉัน คนที่เขากล่าวอ้าง ถึง คงเป็นคนที่คิดแก้แค้น คนอื่น ด้วยวิธีที่แย่ และ ไม่รู้จักเวรกรรมกันจริงๆ ได้แต่ปลงค่ะ )
    สักพัก ดิฉันเห็นรถ ตำรวน สน. พหลโยธิน ผ่านมา
    เอ. เฮ้ย บี กูน่ะ รู้จัก ตำรวจ สน. นี้ว่ะ ( ดิฉันคิดว่า แล้วไงเนี่ย ดิฉัน อยากบอกว่าจังเลยค่ะ ว่า ไม่กลัวหรอก แต่คิดในใจน่ะ อ่านแล้ว ต้องปลงเยอะๆเลยเนี่ย )
    ดิฉัน . แล้วตกลงจะเอาอย่างไรล่ะ และ คนที่ บี พูดถึงคนโน้น คนนี้ ว่า รวมหัวกันทำอย่างนี้น่ะ พี่ก็โทรไปถาม เขาแล้ว ว่า เขาน่ะ ไม่ได้ ทำด้วย วันก่อน พี่ก็โทรไปคุยกับ แม่เขา ( ดิฉันน่ะ รู้จัก พ่อ แม่ของอีกคนด้วย ) แม่เขาก็บอกว่า ลูกสาว เขาไม่ทำอย่างนี้หรอก ผลสรุปน่ะ พี่ไม่รู้หรอกน่ะ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ พี่รู้แต่ว่า คนที่ทำน่ะแหละ รู้ตัวเองดีว่า ทำหรือไม่ อย่างไร เพราะคงไม่มีใครยอมรับหรอกน่ะ ว่า ตัวเองทำน่ะ เรื่องแบบนี้น่ะ คงไม่มีใครกล้ามายอมรับหรอกน่ะ
    บี . เอางี้ เดี๋ยวหนูจะโทรหาเขาเอง และก่อนที่เธอจะออกไป เธอก็บอกว่า เอางี้หนูน่ะ จะจ่ายเงินให้พี่ก่อนก็ได้ สัก 1 หมื่นบาท แต่เดี๋ยวหนูจะโทรหาเขาก่อนแล้วกัน แต่ตอนนี้ แบตจะหมดแล้ว เดี๋ยวออกไปชาร์ตแบตก่อน แล้วเธอก็ออกไป เหลือแต่ พี่สาวเธอ และน้องสาวเธอ
     
  11. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ซี: เออ นี่พี่แป๋ว เรื่องบางเรื่องน่ะ ซีก็รุ้น่ะว่า บีน่ะทำอะไร แต่บีน่ะ อยากรู้น่ะ ว่า ที่พี่แป๋ว มาคบกับซีน่ะ เพราะ หวังผลประโยชน์ ใช่มั๊ยล่ะ
    ดิฉัน : พี่น่ะหรือ หวังผลประโยชน์จาก บี บีมีอะไร ที่พี่จะหวังผลประโยชน์ ถ้าพี่จะเอาน่ะ พี่ไปหวังจาก เพื่อนพี่ ที่เงินเดือน เขาตั้ง 5 หมื่นไม่ดีหรือ พี่ไปบ้านเขาน่ะ ทองหยองเขาก็มี พี่ยังไม่เห็นอยากได้ ของเขาเลย เขาคบกับพี่จากลูกค้า จนกลายเป็นน้องสาว พี่ แค่พี่เองยังไม่เคย เอ่ยปาก กับเขาเรื่องเงินเลย เวลาเขาจะช่วยเขาก็ช่วยพี่เอง แต่กับบีน่ะ พี่น่ะ ไม่เคยคิด เลยน่ะ
    ซี: อ้าว แล้ว ที่พี่แป๋วจะขายเสื้อสีชมพูให้เขาล่ะ
    ดิฉัน : ซี อันนั้นน่ะ เป็นธุรกิจ พี่แค่เสนอราคา ถ้า เขาไม่พอใจ ก็ไม่ต้องสั่งซิ พี่ไม่ได้บังคับนี่ เวลาที่เธอ เปิดร้าน เธอก็บวกราคา ลูกค้า อันนี้น่ะ เขาไม่ได้คิดกันหรอกน่ะ เพราะ ทุกคน ก็ต้องหาเงินกันทั้งนั้น พี่น่ะ ไม่รู้หรอกน่ะ ว่า บีพูดยังไง แต่ที่แน่ๆ พี่น่ะไม่เคยคิด อย่างนั้นเลย
    ซี: งั้นแน่จริงก็ จุดธูปสาบานกันปล่าวล่ะ ( เฮ้อ เหนื่อยจริงๆเลย กับความคิดน่ะ )
    ดิฉัน : ซี หลายเรื่องน่ะ ที่พี่ไม่พูดเรื่องบี คราวก่อนบี ก็บอกซี ว่า ไปนอนกับพี่ที่บ้าน ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นเรื่องจริง พี่เองก็ไม่เคยมาโต้แย้งเลย ว่า จริงหรือไม่จริง ช่วงนั้น ซีก็คงเข้าใจว่า พี่น่ะ ทำให้ บี เสีย ทั้งๆที่ บีเองก็ มีแฟนอยู่แล้ว ทุกเรื่อง เขาทำของเขาเอง พี่ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวด้วยน่ะ
    เอ: เออน่ะ เอ ยังบอกไอ้พวกนี้เลยน่ะ ว่า ไปเชื่ออะไรพี่แป๋วมากนัก ไม่รู้ว่าพี่แป๋วไปทำเสน่ห็ใส่ ไอ้พวกนี้ ทำให้มาหลงงมงาย อยู่ได้ ( เธอหาว่าดิฉันเล่นของใส่พี่น้องเธอ เฮ้อ ) เดี๋ยวก็ดูดวงบ้าง เดี๋ยวก็เปลี่ยนชื่อบ้าง กูก็เคยบอกพวกมึงแล้วว่า ไม่ต้องไปดูดวงหรือเชื่อดวงหรอก แค่พวกมึงทำให้ดีที่สุด พวกมึงก็ดีเองแหละ แล้วหนูจะบอกอะไนให้น่ะ การที่ พี่แป๋วคิดจะเอา ฝรั่งคนนั้น ไปขอ พ่อแม่ที่บ้านน่ะ เป็นความคิดที่โง่มาก ( เพิ่งรู้ว่าการที่เราคิดแบบนั้น โง่มากน่ะเนี่ย ) ใครเขาคิดทำกันอย่างนั้น
    ดิฉัน : งั้นถ้าความคิดอันนั้นผิด พี่ก็ขอโทษแล้วกันน่ะ บางที่ความคิดพี่ มันอาจจะโบราณ และไม่รู้หรอกน่ะ ว่า คนสมัยนี้ เขาทำกันยังไงน่ะ
     
  12. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    สักพักหนึ่ง บีก็กลับมา และ มาพูดว่า เอางี้พี่แป๋ว ถ้าพี่แป๋วอยากได้เงินค่าหวยน่ะ พี่ก็เอา รถมาจอดไว้ที่บ้านหนูแล้วกัน มีเงินแล้วค่อยมาไถ่แล้วกัน เพราะ หนูคิดดูน่ะ วันก่อนที่หนู ถูกหวยกับพี่แป๋วน่ะ หนูก็ช่วยพี่ไปเยอะ วันนั้น หนู ยังจำได้ว่า หนู้น่ะ ศิ้อหวยไปแค่ 600 บาท เอง และ เธอก็คำนวน ว่า ดิฉัน ยังค้างเงินเธออยู่ ประมาณ 2 หมื่น ดิฉันก็เลย ถามว่า อะไรกันเยอะแยะล่ะเนี่ย เธอก็บอกว่า มีอีกงวดที่ถูกหวย แล้ว ไม่จ่ายเงินเธออีก ดิฉัน ก้ฌลยถาม ว่า ถ้าไม่จ่ายจริง ทำไมไม่ถามตอนนั้นน่ะ นั่นมันตั้ง 6-7 เดือนมาแล้ว และ พี่ก็บอกเธอวันนั้น ว่า พี่น่ะ ยังเก็บเงิน ยังไม่ครบ บีก็บอกว่า เอางี้ เอามาให้หนูแค่ 4 หมื่นบาทพอ ถ้ามีวันนั้น ก็ส่งมาเลย ที่เหลือ ไม่เอาหรอก ช่วยพี่ไปแล้วกัน ไม่เอาหรอก แต่พี่ต้องให้หนูวันนี้น่ะ และ ดิฉันก็บอกเธอว่า เงินที่ยังไม่ได้ให้เธอนั้น ถ้า เธออยากได้คืนเมื่อไหร่ ก้บอก ดิฉัน ก็จะคืนให้ และ เธอก็บอกว่า ไม่ต้องหรอก
    แต่พอมาวันนี้ คุณเธอ ไม่รู้เอาตัวเลขมาจากไหน อะไรมากมาย เธอบอกว่า เธอจำได้ แม้กระทั่งว่า ซื้อมาเท่าไหร่ ( แล้วคุณคิดว่า มีประโยชน์อะไรมัยค่ะ ที่จะไปพูด ) และ ขณะที่เธอ พูด ก็จะนั่ง ไขว่ห้าง ลอยหน้าลอยตา และ นั่งกินขนม ไปอย่างมีความสุข
    บี : ไม่รู้ล่ะ ถ้าพี่อยากเอาเงินล่ะก็ เอารถมาจอดแล้วกัน หนูถึงจะให้เงินพี่น่ะ
    ดิฉัน : รถพี่น่ะ มีราคา มากกว่าเงินที่เราพูดกันอีกน่ะ หรือ ถ้า บีคิดว่า บีอยากได้เงินตรงนั้นคืนจริงๆ ทำไม ไม่คุยกันตรงๆล่ะ ทำอย่างนี้แล้วมีความสุขในการทำหรือ
    ซี : พี่แป๋วน่ะ ไม่ต้องพูดดีกว่า พี่แป๋วน่ะ ก็เอาเงินเขาก็ไป ก็ให้เขาซิ และ พี่แป๋วน่ะ รู้มั๊ยว่า Mor ( ชื่อฝรั่ง ) เขาน่ะ จะทำอะไรตั้งมากมาย ให้พ่อแม่เรา พี่เอิร์ท ( แฟนเก่า ) เขาก็ดีแต่มาหลอกเงิน บี ทุกครั้ง ( ข้อเท็จจริง เป็นอย่างไรไม่ทราบน่ะค่ะ )
    เอ : เออ กูก็บอกแล้ว กู ก็ไม่ชอบพี่เอิร์ท บอกให้มันเลิกกันตั้งนานแล้ว ก็ยังไม่เลิก นิสัยอย่างนี้น่ะ กูไม่ชอบหรอก
    ดิฉัน : เอาอย่างนี้น่ะ บี ตกลง บีน่ะ ไม่จ่ายเงินให้พี่ใช่มั๊ย บีก็รู้น่ะว่า พี่น่ะ ต้องหาเงินเลี้ยงลูกคนเดียว ถ้า บีคิดว่า การที่ บีทำแบบนี้ แล้ว บีคิดว่า มีความสุขในการกระทำครั้งนี้ พี่ก็ขอ อนุโมทนา ด้วยแล้วกัน
    บี : สาธุ ( ดิฉันเอง ยังไม่คิดเลยค่ะ ว่า เธอจะรับ คำว่า สาธุ )

    บี : เออ นี่ พี่ แป๋ว ปู่ไม่บอกพี่หรือไง ว่า หนูน่ะ จะโกงเงินพี่
    ดิฉัน : บี หยุดปากผล่อยไปเลยน่ะ บีจะเชื่อ หรือ ไม่เชื่อ ก็ไม่สมควร ที่จะพูดถึงท่านแบบนั้น เวรกรรมน่ะ มีจริงน่ะ
    เอ : เฮ้ย บี มึงน่ะ หยุดไปเลยไป

    และ สักพักหนึ่ง ก็มีโทรศัพท์ ของน้อง อีกคนโทรมาหาดิฉัน เพื่อถามดิฉัน ว่า เป็นอย่างไร บ้าง แต่ทุกท่าน เชื่อมัยค่ะ ขณะที่ดิฉัน พูดกับ เธอ ทั้ง 3 คน ดิฉัน ก็ยังพูด ด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ได้แสดง อาการ โกรธ หรือ โมโห ฌะอ ถึงแม้ว่า กิริยา ที่ ทั้ง 3 คน แสดงออกมานั้น เป็นอย่างไรก็ตาม ทุกครั้ง ที่ดิฉัน ฟังคำพูด ของ แต่ละคน ดิฉัน ได้แต่คิดว่า โชคดีเหลือเกิน ที่ดฺแน ไม่ได้มีลูกแบบนี้ โชคดีเหลือเกิน ที่ไม่มีลูกสาว ทำตัวแบบนี้ ดิฉํนได้แต่คิดว่า ถ้า คน เป็น พ่อ แม่ รู้ ว่าลูกของตัวเอง ทำตัวแบบนี้ คนเป็น พ่อแม่ จะรู้สึกอย่างไร ส่วน ลูกชายคนโต ที่ดิฉัน พาไปด้วย ก้นั่ง ฟังอยู่หน้า ร้านตลอด เขาได้ แต่บอกดิฉัน ว่า แม่นั่งนิ่งได้ไงเนี่ย ไปป์น่ะ นั่งอยู่น่ะ อายเขาจะตายไป คนเดินเดินมา ดูกันทุกคนเลย พวกนี้ก็ร้ายจะตายไป
    ดิฉันก็ได้แต่บอก ลูกชายว่า ช่างเขาเถอะลูก เขาเองน่ะแหละ เป็นไฟที่เผาตัวเอง ยิ่งเขาเห็น แม่นิ่ง เท่าไหร่ ไฟ ที่อยู่ในตัวเขาน่ะ แหละ จะเผาเขาเองแหละ เขานึกว่า เขาเป็นฝ่ายชนะ ที่ สามมารถ ทำให้แม่ทุกข์ เรื่องเงิน ใช่ว่า แม่ อาจจะทุกข์ ว่า แม่ต้องหาเงิน มาชดใช้ แต่ แม่เชื่อว่า จะมีสิ่งดี ตามมาในไม่ช้า เหมือนกัน

    และ หลังจากนั้น ดิฉัน ก็หันมาคุยโทรศัพท์ กับ น้องเขา เธอ ถาม ว่า เป็นไงบ้างล่ะ เนี่ย ออกมาหรือยังล่ะ

     
  13. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    น้อง : พี่แป๋วออกมาหรือยัง เป็นไงบ้าง
    ดิฉัน ; กำลังจะออกแล้วล่ะ พูดจบแล้ว เขาคงไม่ให้เงินหรอกน่ะ แล้ว ดิฉัน ก็เล่าเรื่องทั้งหมด เหมือนที่ดิฉัน เล่าให้ฟัง
    น้อง : ตายแล้ว ไอ้เด็กบ้า ทำไม มัน ทำขนาดนี้น่ะ พี่ แป๋วน่ะ ยังนิ่งอยู่ได้ ถ้าเป็นหนูน่ะ เอามือ ตบ มันน่ะ หนู ยังไม่เอา เลย เอา รองเท้า ตบ มันน่ะ ดีกว่า อีก ทำไมมันร้ายจัง หนูก็บอกพี่ แป๋ว (จริงๆแล้ว น้อง คนนี่น่ะ อยู่ฝ่ายบุคคลด้วย และ ยังเคยบอกว่า เด็กคนนี้ ไม่เหมาะกับการเป็นครู เพราะ บุคลิกยังไม่ใช่ ) ว่า เด็กคนนี้ โอเคมั๊ย พี่ก็โอเค กลับไปถึงบ้านน่ะ กรวดน้ำ คว่ำขันเลยน่ะ พี่ แป๋ว
    ดิฉัน : แล้ว จะคว่ำขันทำไมล่ะ
    น้อง : ก็ชาติหน้า จะได้ไม่ต้อง เขาอีกไงล่ะ
    ดิฉัน ; ช่าง มันเถอะ ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้นล่ะ บางทีเรา อาจไปทำอะไร เขาไว้ก็ได้ ชาตินี้ก็เลยมาเอาคืน
    แต่ทำไมไม่รู้ว่า พี่มีความรู้สึกเหมือน มีอะไรมาบอกตัวเอง นี่จะเป็นกรรม ครั้งสุดท้ายแล้ว ถึงแม้ มัน อาจจะหนัก สำหรับพี่ก็ตาม ถึงแม้ภาวะ อันนี้ อาจทำให้พี่ต้องมีปัญหา ก็ตาม แต่พี่น่ะ มีความรูสึกว่า มันจะผ่านไปเอง เมื่อถึงเวลา
    น้อง : แล้ว พี่แป๋วจะทำอย่างไรล่ะ
    ดิฉัน : ตอนนี้ยังไม่รู้เลย
    และเธอ ก็พูดคุยกับดิฉัน จนถึงบ้าน ดิฉันรู้จักน้องคนนี้ ประมาณ 7-8 ปี จากลูกค้า ดูหมอ จนเป็นน้องสาว เงินเดือนเธอ ครึ่งแสน มี บ้าน ทั้งหมด 2 หลัง และ มี คอนโด 1 ห้อง และ ยัง เป็นโสด แต่ เราก็คบ กันมาตลอด ไปไหน มาไหน เธอก็ออก ค่า อาหาร แถมให้เงิน ลูกชาย ดิฉัน ทุกครั้ง จนบางครั้ง ดิฉัน ก็บอกว่า บางครั้ง พี่ก็อายฌะอน่ะ พี่ น่ะ มีอายุมากกว่า เธออีก แต่ เธอ ต้อง จ่ายค่า อาหาร ทุกครั้ง แถม บางครั้งก็พาไปกินอาหารดีๆ เธอ ก็บอกว่า แหม ก็พี่ ออกค่า น้ำมัน แล้ว หนู ก้จ่าย ค่า อาหาร ก็แลกกัน หนูน่ะ ไม่ใช่บีน่ะ ที่จะคิดได้อย่างเขา หนูก็คบ พี่แป๋วมาหลาย ปีแล้ว หนูน่ะ ไว้ใจพี่ น่ะ ถึงขนาดให้กุญแจ เข้าไปในห้อง คนเดียว หนูเป็นคนที่ระวัง ตัวเองตลอด และ พี่เอง ก็มาช่วยเหลือ หนูทุกครั้ง ไม่ว่า พี่จะต้อง มานั่ง คุมห้อง ให้หนู เป็นเดือน ต้องนั่งรถ จากกรุงเทพ มาศรีราชา ทุกอาทิตย์ เพราะ อยากมาช่วยหนู หรือ พี่ก็ขับรถ จาก รังสิต มา อ่อนนุช เพื่อช่วยหนู ขนของ ก็ตาม หนู น่ะ ไม่ไว้ใจใครง่ายๆ น่ะ แต่ พี่ แป๋วน่ะ เป็นคนดี น่ะ อย่า คิดมากเลย หนู เองก็มี ลิมิต ของหนูเอง
    ขนาดเธอบอกดิฉัน ว่า จะพาดิฉันไปเลี้ยง โออิชิ 800 บาท ( บุฟเฟ่ เธอบอกว่า อยากให้ดิฉัน กินอะไรแปลกๆ ) ดิฉัน บอกเธอ ว่า อย่าไปเลย ดิฉันน่ะ กินก๋วยเตี๋ยว ชามเดียว ก็อิ่มแล้ว ไม่คุ้มหรอก สงสัย คงเป็นแค่ก๋วยเตี๋ยวเรือ แล้ว อีกอย่างหนึ่ง ไม่ชอบกินอาหารญี่ปุ่น และ ไม่รู้ว่ากิน เป็นหรือปล่าวน่ะ และหลังจากที่ คุยกับเธอเสร็จ ดิฉัน ก็โทรคุยกับคนที่เป็นร่าง ปู่
     
  14. ทางธรรม

    ทางธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +391
    ขอบคุณมากค่ะ สำหรับเรื่องจริงของชีวิตพี่ที่เล่าให้ฟัง
    ไม่น่าเชื่อ ว่าพี่อดทนได้เก่งมาก
    ชีวิตหนูก็แย่มากเหมือนกัน แต่คงไม่มากเท่ากับพี่
    อยากให้พี่ช่วยดูดวงให้สักครั้งค่ะ
    แล้วจะโทรหานะคะ
     
  15. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    หลังจากนั้นดิฉันก็โทรหา คนที่เป็นร่างปู่ และเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังเหมมือนที่เล่าให้ทุกท่านฟัง เขาก็บอกว่า " ผมว่า พี่แป๋วน่ะ น่าจะเป็นร่างปู่แทนผมน่ะ เพราะพี่แป๋วนิ่งเลย แค่ผมฟังพี่แป๋วน่ะ ผมว่า ถ้าเป็นผมน่ะ เตะมันลงไปนอนคว่ำเลย ถึงเป็นผู้หญิงก็เถอะ " และ ดิฉันก็ฌลยบอกว่า พรุ่งนี้พี่น่ะ จะไปคุยกับปู่น่ะ จะไปคุยกับปู่ ว่า ปู่จะว่าไง
    รุ่งเช้าดิฉัน ก็ไปหา ปู่ และ ถาม ท่าน ดิฉันไม่ได้เล่ารายละเอียดท่านมากนัก เพราะสื่อที่ดิฉัน เล่าให้ร่างทรงไปแล้วนั้น ท่านจะรับรู้ได้ ดิฉัน ก็ได้ถามท่าน แค่ว่า ปู่เธอ บอกว่า ทำไมปู่ไม่บอกหนูหรือว่า เธอน่ะจะโกงเงินหนู หนูก็รู้ว่า ในโลกนี้ ไม่มีอะไรที่สามารถ บอกเราได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม บางครั้งหนูก็รู้ว่า นั่นเป็นกรรม ที่เราต้องรับ และผ่านมันไป เพราะ ถ้า ใครคนใดคนหนึ่ง สามารถล่วงรู้ได้ขนาดนั้น ก็คงไม่ต้องทำงานให้เหนื่อยแล้วล่ะ มานั่งดูตัวเลขว่า 3 ตัวงวดหน้า ออกอะไรดีกว่า คงรวยกันไปหมดแล้ว เหมือนที่หนูพูดกับปู่แหละ หนูดูดวงบางส่วน ปู่ก็อาจจิตบางส่วน แต่หนูแค่อยากรู้ว่า ปู่น่ะอยากบอกอะไรหนูหรือค่ะ ปู่ให้หนูไปนั่งดู เขานั่งทำท่าปฏิกิริยา แบบนั้นหรือ ซึ่งปู่ ก็ได้แต่บอกว่า เขาว่าอะไรปู่ก็ตาม ปู่ไม่รับหรอกลูก เด๋ยววันหนึ่ง เอ็งน่ะ ได้ยินข่าวเธอเองแหละ
    ดิฉันก็บอกว่า ปู่หนูน่ะไม่อยากรู้เรื่องของเธอหรอกค่ะ หนูน่ะใส่บาตร และอโหสิกรรมไปแล้วค่ะ บางทีหนูอาจจะไปทำกรรมกับเขาชาติที่แล้วก็ได้ค่ะ เขาก็เลยมาเอาคืน แต่แค่การกระทำที่เขาทำมา มันไม่เหมาะสม คนดีๆ เขาไม่มีความคิด ที่วางแผนร้ายได้ขนาดนี้น่ะค่ะ ปู่ ปู่ก็เลยบอกว่า ทนไปอีกหน่อยน่ะค่ะลูก แค่อึดใจเดียว ไม่นานนี้แหละ ชีวิตของลูกจะเริ่มดีขึ้นแล้ว เหมือนที่ ปู่เคยบอกเอ็งน่ะแหละ ชาตินี้น่ะ เอ็งน่ะ ต้องเกิดเป็นผู้ให้อยู่แล้ว และดิฉันก็ถามท่านว่า ปู่ขาแล้วเรื่อง ที่หนูไปเตือนเขา ไปหวังดี กับเขาเนี่ย ตกลงหนูผิดหรือถูกค่ะ ปู่ก็เลยตอบว่า เอ็งน่ะไม่ผิดหรอกลูก แต่ถ้าเอ็งไม่เตือนเขาเลยน่ะจะผิด เอ็งน่ะเป็นผู้ใหญ่แล้ว และรู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก ถ้าเอ็งไม่เตือนเขาน่ะ เอ็งจะผิดยิ่งกว่าลูก ดิฉันก็ฌลยบอกท่านว่า บางที ความหวังดีของเรา ก็กลับกลายเป็นผลร้าย ที่เราเองยังนึกไม่ถึงเลยน่ะค่ะ ปู่ บทเรียน อาจทำให้หนูต้องถอยมาหลักไกลๆเลยน่ะค่ะ เนี่ย ทำให้อยากอยู่สงบมากขึ้น ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนมากขึ้น แค่ชี้แนะ และ ผ่านไปดีที่สุดน่ะค่ะ ท่านก็ได้แต่บอกว่า ลูกน่ะ ไม่ต้องกังวลหรอกลูก เดี๋ยวเอ็งน่ะ จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเอง เรื่อง เงิน เรื่อง ทอง ก็เหมือนกัน ไม่นานนี้แหละ เอ็งจะดีขึ้นทุกอย่าง เอ็งน่ะ มีของดีๆ อยู่ในตัวอยู่แล้ว แค่อึดเดียว เอ็งน่ะ จะหมดหนี้ มีสิน เหมือนที่ปู่บอกแหละ ดิฉันน่ะ เป็นหมอดูก็จริง แต่บางครั้งก็อยากหาคนคุยด้วย ซึ่งปู่น่ะ ดีทีสุดแล้ว ในเวลา เพราะ ท่านน่ะ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มานินทาเราไม่ได้ ดิฉัน เคยถามร่าง ว่า วันนั้ ปู่ พูดอะไรกับดิฉัน ว่า อะไร ซึ่งร่างก็บอกว่า พี่ครับผมไม่รู้หรอกครับ แต่ปู่จะเป็นร่างทรง ที่คอยให้กำลังใจ คอยสอนในเรื่อง ของความดี และ มีบางครั้ง ท่านก็ชอบเล่า นิทานเกี่ยวกับ พระพุทธเจ้าให้ฟัง เวลาที่ดิฉันไปคุยกับท่าน ก็เหมือนไปคุย กับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ที่เมตตา และคอยชี้แนะ ในสิ่งดีๆ ดิฉันไม่ได้ชี้แนะให้ใครศรัทธาท่านเหมือนดิฉัน ดิฉันไม่ได้เป็นนายหน้า ที่จะให้ใครไปหาท่าน แค่ดิฉัน เล่า ว่า ดิฉันรู้สึกอย่างไรจริงๆ ดิฉันน่ะ เคยไปหาร่างทรง บ้าง แต่ไม่มากนัก แต่กับท่านนี้ ที่ดิฉันพูดกับท่าน เพราะ ท่านให้คำตอบดิฉันหลายเรื่อง สิ่งที่ดิฉันอยากรู้ ท่านก็ตอบดิฉัน อย่างเช่น ท่านเป็นใครมาจากไหน แล้วทำไม ร่างทรงถึงเป็นอย่างนี้ แล้ว ทำไม ร่างทรงถึงลำบากในเวลานี้ล่ะค่ะ ดิฉันน่ะ ถามทุกเรื่องที่ดิฉันสงสัย และอยากรู้ อย่างน้อย ท่านก็ให้ความกระจ่างกับดิฉันหลายๆเรื่อง สิ่งหนึ่ง ที่ ปู่กับดิฉัน พูด และ คิดเหมือนกันคือ เรา ต่างมาช่วยคน เหมือนกัน แต่ต่างหน้าที่กัน มาช่วยกัน 2 คน ก็อาจทำให้มีผลมากขึ้น ท่านก็บอกว่า ปู่เองก็ไม่ใช่ผู้วิเศษ เสียทีเดียว ทุกอย่างไม่มีอะไรสมบูรณ์หรอกลูก
     
  16. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ทุกอย่าง บางครั้งก็ต้องให้เป็นเรื่องของเวรกรรม และทุกวันนี้ ดิฉันเอง ยังต้องหาเงินใช้หนี้แทนเขา และ ทุกวันนี้ ดิฉันก็ยังเห็นเพื่อนบ้านผู้หวังดี ก็ยังคงมาแวะเวียน บ้านน้องที่ดิฉันซื้อเลข ให้บี เพื่อนบ้านผู้หวังดี ที่อยากรู้อยาเห็น ว่า ดิฉันให้เงินน้องหรือยัง เพื่อนบ้านที่มาบอกน้องเขาว่า ระวังดิฉันจะโกงน่ะ หรือจิปาถะ ที่เพือนบ้านของดิฉัน มาพูดให้น้องเขาฟัง เพราะบางครั้งน้องเขาก็เล่าให้ดิฉันฟังในบางเรื่อง ดิฉันก็ได้แต่บอกว่า เพื่อนบ้าน เหล่านั้น ก็ยังค้างเงินดิฉันอยู่ด้วย ซื้อแล้วไม่จ่ายก็ตั้งหลายคน เงิน แค่ไม่กี่ร้อย ก็ทำลืมบ้าง ไม่ให้เฉยๆบ้าง แต่ดิฉันน่ะ ขี้เกียจทวง แต่อย่างดิฉันน่ะ ไม่เคยโกงเงินใคร ยังไงก็รอก่อนแล้วกัน เพื่อนบ้านของดิฉัน บางคน ก็ทะเลาะ และ ตะโกนด่า พ่อแม่ ให้คนอื่นได้ ยิน เพื่อนบ้านผู้หวังดี บางคนก็ยังเช่าบ้านเขาอยู่ เพื่อนบ้านบางคน ยังไม่ได้ดีไปกว่าดิฉันเลย อย่างน้อย บ้านก็ยังเป็นของดิฉัน ถึงจะผ่อนแบงค์ไม่หมดก็ตาม และถ้าขายไปตอนนี้ ก็ยังพอเหลือเงินอีกหลายแสน ซึ่งยังสามารถ ใช้หนี้ได้หมด และเงินยังเหลือใช้อีก และ ดิฉัน ก็ยังมีรถเป็นของตัวเอง ถึงจะเป็นรถเก่าก็ตาม ดิฉัน ก็ยังได้แต่มองว่า มนุษย์เราได้แต่ว่า คนอื่น แต่กลับไม่เคยมองตัวเองเลยว่า ตัวเองนั้นเป็นอย่างไร นินทากาเล เป็นเรื่องปกติไป และ อีกเรื่องหนึ่ง ที่ดิฉัน เจอ ก็มาจากเพื่อนบ้านผู้หวังดีอีก พวกเธอ คงไปบอกเพื่อนบ้าน ที่อยู่บ้านเดี่ยว อย่างไรไม่ทราบ แต่ วันนั้น หลังจากที่ดิฉันกลับจากใส่บาตร เธอก็มาหาดิฉัน และ พูดว่า นี่เธอไปพูดอะไรก็ตาม แต่พี่ขอบอกน่ะ อย่างน้อยน่ะ พี่ก็รวยกว่าเธอน่ะ พี่น่ะ มีบ้านเดี่ยว 2 หลัง และยังมีรถ มากกว่าเธอ อย่างน้อยเธอน่ะ ก็กระจอกกว่าพี่แล้วกัน ดิฉันก็ได้แต่ตอบว่า ขอโทษน่ะค่ะ ดิฉัน ไม่สนใจหรอกน่ะค่ะ ว่า พี่น่ะจะรวยแค่ไหน ไม่ว่า พี่จะรวยแค่ไหน พี่ก็ไม่ได้มาหาให้หนุกิน และ หนูก็ไม่ได้สนใจว่า พี่น่ะ รวยแค่ไหน หนูก็อยู่ของหนูอย่างนี้ มีแค่ไหนก็กินแค่นั้น และหนูก็ไม่ได้สนใจในความร่ำรวยของพี่ด้วย คนเราน่ะ เวลาตาย ก็ตายที่เดียวกัน และหนูก็ไม่ได้สนใจหรอกค่ะ ว่า ใครจะไปเล่าให้พี่ฟังอย่างไร แต่ที่แน่ๆ หนูน่ะ ไม่เคยเห็นว่า จะมีใครไปเล่า ให้ใครฟัง ตัวเองน่ะ น่ะ เป็นคนไม่ดีแบบไหน ทุกอย่างก็แล้วแต่พี่แล้วกัน หนูน่ะ ไม่อยากสนใจใครหรอกค่ะ เราเองเท่านั้นล่ะ ที่รู้ดีว่า เป็นอย่างไร

    ที่ดิฉัน เล่า ให้ฟังมาทั้งหมด ก็อยากให้เป็นวิทยาทานน่ะค่ะ ยังมีอีกมากมาย ในโลก ที่เรายังจะต้องเจอเหตุการณ์อีกมากมาย ทุกวันนี้ ดิฉันไม่ค่อยอยากลงไปยุ่งกับใคร แม้กระทั่งลูกชายของดิฉัน เขาก็เบื่อ เพื่อนบ้านผู้หวังดีของดิฉัน ดิฉันก็บอกเขาว่า ทุกวันนี้ แม่ยังหาเงินให้เขาไม่ได้ และดิฉันก็ได้บอกน้องเขาไปถึงเรื่องราวทั้งหมด รวมทั้งบอกว่า พี่น่ะ เบื่อเพื่อนบ้านผู้หวังดีเหมือนกัน ยังไงพี่ก็จะหาเงินมาให้ พี่จะเอารถไปเข้าไฟแนนซ์ แต่หาคนค้ำไม่ได้ ดิฉันก็ได้แต่บอกว่าขอเวลาสักระยะหลัง ดิฉันก็แค่หวังว่า ถ้า ยังไม่ถึงทางตัน ที่ดิฉัน จะต้องตัดสินใจขายบ้านหลังนี้ เพื่อตัดสินใจปลดหนี้ทั้งหมด ถ้าสิ่งดีๆที่ดิฉัน ทำไป ทั้งหมดในชาตินี้ ดิฉัน ขอผลในชาตินี้ ไม่ขอรอผลชาติหน้า ถ้ามีปาฏิหาร์ยจริงๆ ดิฉันคงจะผ่านอุปสรรคทุกอย่างไปได้ด้วยดี

    และล่าสุด เมื่อเช้าวานนี้ จู่ๆดิฉันก็คุยกับเพื่อนที่อยู่เนเธอร์แลนด์ บอกให้เขาดูงานที่นั่นให้หน่อย เผื่อมีลู่ทางที่ดิฉันพอไปทำงานได้บ้าง บางครั้งก็เกิดอาการเบื่อๆ อยากไปผจญภัยดูบ้าง เพื่อนคนนี้รู้จักกันทางอินเตร์เน็ท มา 2-3 ปี แล้ว ยังเป็นโสด แต่ไม่ได้ทำงาน เพราะ เนื่องจากอุบัติเหตุ และ เขาเองยังเคยบอก รักดิฉัน และ ดิฉันก็รู้จัก พี่ชายของเขา ตอนที่เขามาเที่ยวเมืองไทย เขาเป็นครอบครัวที่น่ารัก สุภาพกันทั้งครอบครัว แต่ดิฉัน กับเขาน่ะ คงเป็นได้แค่เพื่อน และดิฉันก็เล่า เรื่องของ บี ให้เขาฟัง และบอกเขาว่า ดิฉันน่ะตัองการไปทำงานน่ะ ไม่ได้ไปหาสามี ตอนนี้น่ะ ดิฉัน ยังไม่รู้ว่า เขาจะช่วยดิฉันได้หรือไม่ แต่เขาบอกว่า ดิฉันน่ะ ต้องเรียน ภาษาดัษช์ อีกแน่ะ ดิฉันเองก็ไม่รู้ว่า ทำไม อยู่ๆ ไปพูดกับเขาแบบนั้น อาจจะไม่แน่ว่า คนที่ไม่มีร่ำรวย อยางดิฉัน จะได้ไป เผชิญโชคที่ต่างแดนหรือไม่ แต่อย่างน้อย ถ้าได้ไปจริงๆ ก็ไม่อดตายล่ะ ดิฉันบอกเขาว่า อย่าลืมหาข้าวให้ฉันกินบ้างล่ะ แซวเขาน่ะ
     
  17. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เรื่องราวต่างๆ ที่ดิฉัน ได้เล่าให้ฟัง เพื่อให้ทุกคนรู้ว่า ยังมีหลายอย่างมากมาย ที่เกิดขึ้น กับชีวิตของแต่ละคน ที่ต่างกัน ดิฉันอยากให้ทุกคนที่มีปัญหา อยู่ในขณะนี้ ขอให้ทุกคนมีความเข้มแข็ง พร้อมที่จะรับกับเหตุการณ์ นั้นๆ และ พยายาม ฝ่าฟันไปให้ได้ ในชีวิตของแต่ละคน ย่อมมีปัญหา และดิฉัน เชื่อว่า นั่นเป็นกรรมของแต่ละคน และ ดิฉันก็ยังเชื่ออีกว่า เมื่อไหร่ที่คุณสามารถชนะ ใจของตัวเองได้ และ พร้อมที่จะลุกขึ้นสู้กับปัญหาต่างๆ ท่านก็จะสามารฝ่าฟันวิกฤตนั้นไปได้ด้วยดี เหมือนที่ดิฉัน เคนบอกว่า ในโลกนี้ จะมีใครสักกี่คน ที่พร้อม จะจับมือเราขึ้นมา ดิฉันว่า ยากมาก ถึงแม้ ก็น้อย แต่ถ้าท่านมีใครคนนั้น นั่นถือว่า คุณเป็นผู้โชคดี ที่มีกัลยา ณ มิตร ที่ดีได้ ทุกคนย่อมที่จะเห็นแก่ตัวเอง เป็นเรื่องธรรมดา ของมนุษย์ เราไปเอ่ยปาก ขอความ ช่วยเหลือ จากใคร ก็ไม่ได้ ง่ายๆ สิ่งที่ดีที่สุด คือ เรา เอง ต้องเข้มแข็ง ให้ได้ ล้มแล้วต้องลุกให้ได้ ดิฉัน เอง ไม่เคยปิดบังว่า ดิฉันอยู่ในฐานะไหน เป็นอย่างไร นั่นคือ ตัวตนที่ดิฉันเป็นอยู่ในขณะนี้ ใครจะคบดิฉัน หรือไม่ ดิฉัน ก็ไม่ได้สนใจ ชีวิตที่ดิฉันอยู่ทุกวันนี้ ดิฉันไม่ได้ฝันยาวไกล ขอแค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอแล้ว

    มีอยู่วันหนึ่ง ดิฉันได้ไปเจอคนกลุ่มหนึ่ง เขาคุยกันเรื่องไปนิพพาน และดิฉันก็บอกว่า ดิฉันไม่ได้ ตั้งไปนิพพาน ดิฉันปวารณาตัว ว่า ขอเป็นผู้ให้ในสิ่งดีๆ กับคนดีๆ ทุกชาติไป มีท่านหนึ่ง เขาบอกว่า ที่ดิฉันไม่ไปนิพพาน เพราะ ดิฉันน่ะ ยังไม่เคยเจอเรื่องร้ายสุดๆในชีวิต ถึงได้หวังกลับมาเกิดอีก ดิฉันเอง คิดว่า เรื่องของดิฉันน่ะ เจอมาทุกรูปแบบแล้ว ร้ายแล้วน่ะค่ะ ( หรือยังไม่ร้ายจริงๆน่ะ ) แต่แค่ดิฉันคิดว่า ถ้าคนดีๆไปนิพพานกันหมด แล้ว ใครจะช่วยโลกของเรา ล่ะ ( คิดเองน่ะ ) และทำไม ดิฉัน ถึงได้ดูหมอฟรีเป็นวิทยาทาน นั่นเพราะ เหตุการณ์ที่ดิฉัน เจอมามากมายก่ายกอง ทำให้ดฺแน ได้ แบ่งปัน และ แนะนำในสิ่งดีๆ ได้บ้าง ดิฉัน ก็ไม่ได้เป็นผู้วิเศษ ที่จะบอกได้ทุกเรื่อง ดิฉัน ก็ได้แต่แนะแนวทาง และ บางเรื่อง ดวงดาวก็เป็นผู้บ่งบอก ว่า เรากำลังจะดีขึ้นหรือไม่ บางครั้ง สิ่งเหล่านี้ ก้ฌป็นกำลังใจให้เราพร้อมที่จะต่อสู้ หรือ จะเหตุการณ์ร้ายๆ จะเกิดขึ้น ก็ให้เราตั้งรับ สิ่งต่างๆอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ หากเรา ใช้บุญ ของเรา มาเป็นตัวช่วย เราเองก็อาจเป็นผู้อยู่เหนือดวงได้น่ะค่ะ ถ้าคุณเป็นผู้ที่ ทำบุญบ่อยๆ บุญต่างๆ จะช่วยคุณเอง น่ะค่ะ

    อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของดิฉัน ก็จบลงแล้ว และ ดิฉัน ก็ได้ แต่ให้กำลังใจ กับทุกๆท่านน่ะค่ะ ขอให้สู้ต่อไป ตราบที่มีลมหายใจน่ะ และทำวันนี้ให้ดีที่สุด และอยุ่กับวันนี้ ให้ดีที่สุดน่ะค่ะ

    ขอบคุณค่ะ
     
  18. vnss

    vnss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,557
    ขอเป็นกำลังใจ และขอให้สามารถผ่านพ้นอุปสรรคไปได้นะคะ
     
  19. put_arch

    put_arch สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2007
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +17
    ขอให้พีปมณฑ์อย่่าพึ่งท้อนะครับเป็นกำลังใจให้เหมือนกันครับ
     
  20. นานาจ

    นานาจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +187
    อ่านแล้ว ก็เข้าใจชีวิตมากขึ้นค่ะ ดิฉันเองก็มีปัญหาเหมือนกัน คิดว่าปัญหาของตัวเองหนักมากนะ เมื่อ2-3 คืนมานี้ดิฉันเองคิดที่ฆ่าตัวตาย แต่คิดว่าลองอดทนดูซักพัก ถ้าผ่านพ้นไปได้ก็คงดี เมื่อก่อนเป็นคนที่กลัวตายมาก แต่ตอนนี้คิดว่าไม่เป็นไร คนเราเกิดมาครั้งเดียว ตายครั้งเดียว ถ้าตายก็จบปัญหา จริงอยู่เราเป็นสร้างปัญหาเอง ตอนนี้ต้องการกำลังใจจากทุกคนค่ะ ไม่เคยคิดว่าจะเจอกับตัวเองก็เจอ คงเป็นเวรกรรมที่เราสร้างไว้ สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ จริง ๆ ค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...