จิต เป็นธรรมชาติที่มีอยู่ก่อนแล้ว

Wednesday, July 16, 2008

๏ เมื่อ"ฆราวาสโสดาบัน"ถามปัญหา"หลวงปู่สิมอรหันต์"



เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ ซึ่งตรงกับวันอาสาฬหบูชา มีฆราวาสนักปฏิบัติธรรมท่านหนึ่ง
ได้นั่งรถโดยสารเดินทางไกลจากกรุงเทพมหานครไปถึงสำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อำเภอเชียงดาว
จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อไปกราบเรียนถามปัญหาเกี่ยวกับธรรมปฏิบัติที่แก้ไม่หายคลายไม่ออกอยู่
ประการหนึ่งกับหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร ซึ่งเป็นที่รับรู้และรับรองกันโดยทั่วไปว่า เป็น "พระอริยเจ้า"
ผู้ทรงคุณธรรมเบื้องสูงสุดอีกองค์หนึ่งในยุคนี้ว่า
<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O></O>
<O></O>
"หลวงปู่ครับ ทำไมผมนั่งภาวนาแล้ว ทั้งๆ ที่มีสติดีอยู่โดยตลอดแท้ๆ แต่ทำไมมันคอยแต่จะหลับอยู่เรื่อยเลยล่ะขอรับ..."

เมื่อได้ฟังหลวงปู่ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาก็ชายตามอง "ฆราวาสนักปฏิบัติธรรม" ท่านนี้ก่อนที่จะกล่าวสั้นๆ แต่กินความหมาย
อย่างลึกซึ้งที่สุดแต่เพียงว่า
<O></O>
<O></O>
"ผู้รู้...ผู้รู้จะสงสัยอะไร...อย่าสงสัยเลย..." และ "ผู้รู้...ออก...ออกมา "ข้างนอก" นะ.."
<O></O>
<O></O>
ท้ายสุดหลวงปู่สิมยังได้กล่าวให้กำลังใจฆราวาสท่านนั้นอีกด้วยว่า<O></O>
<O></O>
"ให้ตั้งใจภาวนาไปเถอะ...แล้วจะได้ของดีในพรรษานี้แหละ..."

<O></O>
<O></O>


เมื่อ "ฆราวาสนักปฏิบัติธรรม" ท่านนั้นเข้าใจในอุบายธรรมที่หลวงปู่สิมท่านให้เป็นอันดีและ
เดินทางกลับออกไปแล้ว หลวงปู่สิมก็หันมาปรารภกับพระภิกษุซึ่งเฝ้าคอยอุปัฏฐากอยู่ ณ ที่นั้น
อันมีพระอาจารย์วิชา, พระอาจารย์เมธา (เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่ององค์ปัจจุบัน) เป็น
ต้นในทันทีว่า
<O></O>
<O></O>
"โยมคนตะกี้ที่มากราบหลวงปู่นี่ เพิ่นเป็นโสดาบันแล้วน๊ะ...." นอกจากนี้ หลวงปู่สิมท่านยังได้
พยากรณ์ไว้อีกด้วยว่า "และเพิ่นก็จะได้บรรลุสกิทาคามีภายในพรรษานี้แหละ..."
<O></O>
<O></O>
หลังจากนั้น ภายในพรรษาปี พ.ศ. ๒๕๒๖ "ฆราวาสนักปฏิบัติธรรม" นั้นก็ได้ พัฒนาคุณธรรม
ภายในจนถึงขั้น "สกิทาคามี" สมจริงดังที่หลวงปู่สิมเคยกล่าวไว้ล่วงหน้าทุกประการ อีกทั้งยัง
สำเร็จอภิญญาสมาบัติขั้นสูงเยี่ยมที่น้อยคนนักจักมีวาสนาเข้าถึงได้อีกด้วย
<O></O>
<O></O>
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เล่าลือในศิษย์หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร กันมานานแล้ว มีพยานบุคคลที่อยู่
ในเหตุการณ์ยืนยันรับรองได้อย่างครบถ้วน ไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ เป็นที่น่าอนุโมทนาสาธุการ
เป็นที่ยิ่ง...
<O></O>
<O></O>
ปัจจุบัน "ฆราวาสสกิทาคามี" ที่หลวงปู่สิมได้เคยให้อุบายธรรมและทำนายไว้แต่ตอนนั้น เมื่อ
ได้ไปศึกษาปฏิบัติธรรมเพิ่มเติมจากอีกหลายครูบาอาจารย์อีกหลายสำนัก มีหลวงปู่ดูลย์ อตุโล
วัดบูรพาราม สุรินทร์ เป็นที่ยิ่ง ต่อมาได้บรรพชาอุปสมบทเป็น "พระ" ในบวรพระพุทธศาสนา
อย่างสมภาคภูมิและได้บรรลุคุณธรรมภายในจนถึง "ที่สุด" ภายในเวลาเพียง ๓ ปีนับแต่ครอง
ผ้ากาสาวพัตร์

refer : ธรรมปกิณกะ: ๏ เมื่อ"ฆราวาสโสดาบัน"ถามปัญหา"หลวงปู่สิมอรหันต์"

 

แล้วหลวงพ่อท่านคือใครละครับ ถ้าตอบแล้วไม่เป็นอะไรต่อท่านก็ตอบเถอะครับ

 

อ้าว อันนั้นไม่ใช่ประเด็นที่นำเสนอหนะครับ ที่โพสนั้น ก็เพื่อให้สหายธรรม
ท่านหนึ่งที่กำลังมะรุมมะตุ้มฟัดกับกิเลส เขาได้เห็นอะไรที่เป็น รอยธรรม

"สุขแท้ๆ น๊อ..." กับเขาบ้าง เอามายั่วให้เขามีกำลังใจในการภาวนาบ้างเล็ก
น้อยๆ ตามแต่อัตภาพ .....ก็เท่านั้น

 

ถ้าบางคนรู้ว่าท่านคือใครกลัวจะหนีไปดาวอังคารน่ะซิ หุ หุ หุ
แต่ก็ไม่แน่ทิฐิมานะบางคนสูงมากๆ ไม่ยอมฟังใครหรอก

 

มีเก่งให้อวดยังดีกว่าไม่มีอะไรเลยใช่ไหมล่ะ
รู้แล้วตัด อย่าเก็บไว้ กิเลสจะได้เบาบางลงไปเรื่อยๆ ที่ไม่รู้ก็ยังมีอีกมาก
เฉยไว้แล้วกัน รู้เฉย ๆ นะ

 

ขอบคุณนะที่แนะนำ น่ะ อนุโมทนา เอ่อน่ากลัวนะ?

 

ท่านคือใครเหรอ
พูดให้อยากรู้อีกแล้ว แน่ะมาเราอีก เชอะ

 

ฮะ ผมจะพยายามตัดฮะ แต่ผมฝืนมาก ๆ เลยนะ เพราะผมน่ะ ยังอวดดี และประมาทอีกต่างหากอีก จะพยายามทำให้ เบา ๆ และบาง ๆ นะฮะ

 

พระโสดาบัน สงสัยเรื่องโง่ๆ แบบนั้นหรือ มีหรือ

พระโสดาับัน มีหรือ เหาะไปหาพระ เพื่อถามคำถามไร้สาระแบบนี้

เหาะไปหา เพราะอยากให้พระท่านทำนาย พยากรณ์ตนด้วยความมานะสิไม่ว่า

พวกจริตแบบนี้ ผมเห็นมาเยอะ ไปหาพระ อยากจะให้ท่านพยากรณ์ตน

ผมไปหาครูบาอาจารย์ไม่มีหรอก ที่ไปถามไร้สาระแบบนี้ อย่างมากก็ไปกราบ ให้เกิดสิริมงคล

หลวงปู่สิมท่าน พูดมาก็ถูกแล้ว ท่านจะด่าให้ไง ว่า เป็นผู้รู้แล้วยังเสือกมาถามทำไม

นั่นก็หมายความว่า ยังไม่ได้ รู้อะไรเลย

สำหรับ ของดีที่ได้ในพรรษานี้ มันมีความหมายมากมาย ใครเสล่อมารับรองว่า หมายถึงคุณธรรมขั้นสูงหรือ

อ่านแล้วทุเรส
</o></o></o></o></o></o>

 

ไอ้ประเภทนี้ แหละ ที่เรียกว่า อวดอุตริมนุสสธรรมอันไม่มีในตน ด้วยการกล่าวอ้างคนอื่น

ถ้าจะเอาจริงๆ ปราชิก ไปโดยสภาพแล้ว เพราะเจตนาให้คนอื่นเขารู้ว่า ตนได้คุณธรรมเช่นนั้นเช่นนี้แล้ว อันไม่ีมีในตน

 

ดูคิด เห็นจิต

 

สุดยอดแล้วครับ พระปราโมทย์เนี่ย มีอาจารย์ 100 กว่าคน( ขอเวอร์หน่อย เพราะมันเยอะมากจริง ๆ)
หลวงปู่สิม หลวงพ่อพุธ หลวงตามหาบัว หลวงปู่ดูลย์ นี่ถ้าหลวงปู่มั่นยังอยู่ ท่านคงโดนอ้างเหมือนกัน พระที่ไหนดังๆ เป็นอาจารย์ พระปราโมทย์หมด แถมท่านเหล่านั้นรับรองให้ หมดทุกคน ว่านี่ศิษย์เอก นี่สุดยอดเลย เป็นพระสกิทาคาตั้งแต่เป็นฆราวาส หลวงปู่ดูลย์ถ่ายทอดเคล็ดวิชาใ้ห้ตัวต่อตัว

ชีวิตจริงมันไม่ใช่ หนังจีนนะครับ ที่พระเอกจะมีสุดยอดอาจารย์มาสอน แล้วตัวเองเข้าถึงธรรมที่วิเศษสุดกว่าอาจารย์ มีวิทยายุทธแปลกแหวกแนว คิดค้นวิชาใหม่ขึ้นได้เอง

สุดยอดแล้ว ผมต้องชม

อ่านแล้วใจอย่าสะเทือนหละ ดูเฉยๆไป

 

คนข้างบนติดกันเสทือนสุด ๆ นะนั้น

เอาเท่านั้น ผมขอตัว

 

อ่านแล้วไม่สะเทือนหรอกครับ
มันสะเทือนนิดนึงตรงรูปหลวงตามหาบัวเนี่ยสิ หลวงตาไม่มาก็เหมือนเอาหลวงตามา . . .

แต่สะเทือนนิดเดียวนะซัก1-2ริกเตอได้มั๊ง หุหุ
ลุงขันเอารูปตัวเองมาดีกว่าตอนเด็กก็ได้เผื่อจะน่ารักยิ่งๆขึ้น (อยากเห็นกันไหมครับ)
หุหุ

 

ไม่มีพระอริยะท่านใด กล้ารับรองขนาดนั้นหรอกครับ ตลกมาก

ขนาด ลูกศิษย์หลวงตามหาบัว เวลาท่านสอบคุณธรรม ท่านยังต้องไปถกธรรม เล่าธรรม แล้วหลวงตาจึงจะรับรองว่า นี่เห็นแบบนั้นๆ เห็นเหมือนกัน ไม่มีว่าจะมาพยากรณ์ว่า นี่คนนั้นได้แล้ว คนนั้นจะได้ในตอนนั้นๆ

เรื่องมุสาไหมนั่น

แถมยังมีมุสาเอา เรื่องฮวงโป มาบอกว่าคำสอนหลวงปู่ดูลย์ ไม่อายฟ้าอายฝน ลิขสิทธิ์หนังสือเขามีอยู่โต้งๆ
</o></o></o></o>

 

ถ้านิ่งแล้วก็คงไม่เสทือนหรอกมั้ง
หลักใจ ถ้ามั่นคง อยา่งอื่นคงไม่ต้องพูดถึง
คนที่เคยพูด แล้วไม่พูด นี่น่ากลัวนะ
บางคนก็ฟุ้งธรรมเกินไป หาความพอดีไม่ได้เลย
.......เพราะเอาสัญญา ไปบันทึกได้ ...เสียนี่...

 

ผมเห็นด้วยกับท่านอาจานขันธ์ครับ
เห็นท่านชอบเอาพระอริยเจ้ามารับรองให้

ขณะธรรมะที่ท่านสอนออกจากปากไปนั้น
ชัดแย้งกับทั้งพุทธพจน์และพระอริยเจ้าทั้งหลายที่ท่านเอามารับรองให้

ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมพระอริยเจ้าทั้งหลายท่านจึงมารับรองให้
คนที่ท่านรับรองให้นั้นสอนขัดแย้งกับธรรมะของท่านเอง แปลกใจแต่จริงๆ

ผมเองที่เคยประสบกับปัญหาเรื่องถีนมิทถะอย่างมากทั้งที่มีสติตลอด
ปรึกษาครูบาอาจารย์ ท่านตอบสั้นๆคำเดียวผ่านให้ได้

;aa24

 

สงสัย เป็นกิริยาจิต อีกแบบหนึ่ง

 

ลุงเปลือกไม้ อย่าลืมมาเฉลยล่ะ ว่า ท่านนั้นคือใคร?
ดูซิ ว่าเรา จะหนีไปอยู่เป็นดาวอังคารไหม ?
ก็คนมันอยากรู้นี่นะ

 

อันนี้ผมขอถามลุงคนเดียวนะครับขอความกรุณาตอบผมด้วยครับ คือเหตุใดผมจึงได้มองเห็นจิตนั้นเป็นอวิชชา เป็นตัวรู้เพราะมีสัญญาเป็นตัวกระตุ้น ผมอยากถามจากลุงครับ เหตุมันเกิดสองกรณีครับ เกิดตอนสมถะหนึ่ง เกิดหลังจากพิจารณาขันธ์ทั้ง๕ และพิจารณาอารมณ์ทั้งหมดโดยละเอียด ผมเริ่มแปลกใจว่า เพราะตัวผมมีทิฐิที่จะไม่ยอมรับว่าจิตผู้รู้คือจิตประภัสสรหรือเพราะอะไรครับ ผมทราบว่าหลวงลุงตอบผมได้ครับ
ด้วยความเคารพอย่างสูง