จิตหลอกลวง

ยอมได้คับหากคู่กรณีเจอกันแล้ว
ให้อภัยกัน แต่คงเหลือผลของวิบาก
เช่นอุบัติเหตุที่มีคู่กรณีกับต้นไม้เป็นต้นคับ

 

555 เพลงดาวลูกเป็ดรุ่นลุง
ฟังแล้วยังตกรุ่น

 

ถ้าถึงศีลออโต้แล้ว หากต้องการปัญญาต้องภาวนาต่อ
เพราะศีลบริสุทธิ มันคุ้มครองเฉพาะเรื่องโลกๆ
การเบิกบานในธรรม มันจะเดินหน้าไปเรื่อยๆ ไม่มีถอยหลัง
ฮะลุง

 

+++ แก้ไขบางประการเกี่ยวกับ "คำศัพท์" เพื่อ "ปรับปรุง" ให้เข้ากับ พระไตรปิฏก
+++ จาก http://abhidhamonline.org/boss_files/sangaha/93.htm

1. อายุกัป (1 ชั่วอายุ) หมายถึง เกณฑ์กำหนดอายุของสัตว์ไว้ว่า มีเท่านั้นเท่านี้ปี
เช่น สมัยจักรวาลเริ่มตั้งแต่สมัยนั้นมนุษย์มีอายุยืนถึงอสงไขยปี ก็นับว่า อสงไขยปีเป็นอายุกัป
ครั้นต่อมา.. มนุษย์มีกิเลสมากขึ้นๆ อายุก็น้อยลงไปๆ คือ ในรอบ 100 ปี จะน้อยลง 1 ปี เป็นอายุไขย (ปัจจุบัณ)

เรียกว่า 10 ปี เป็นอายุกัป อายุของมนุษย์มีอย่างมากอสงไขยปี อย่างน้อยเหลือ 10 ปีเป็นอายุกัป

+++ น่าจะ "คลาดเคลื่อนในการพิมพ์" ตรง
=====================================
ในรอบ 100 ปี จะน้อยลง 1 ปี เป็นอายุไขย (ปัจจุบัณ)
เรียกว่า 10 ปี เป็นอายุกัป (น่าจะเป็น "จนกว่าอายุไขยจะเป็น 10 ปี มากกว่า")
=====================================
+++ ซึ่งน่าจะ "เรียกตามรอบของ ชั่วอายุ" แต่กลับไปเรียกแบบ "กำกวม"
+++ สรุป คำศัพท์ว่า "อายุกัป" ชี้ไปที่ "1 ชั่วอายุของมนุษย์ ณ ปัจจุบัญขณะนั้น ๆ"

2. อันตรกัป (1 รอบ เข้า/ออก หลุมดำ) สมัยสร้างโลก อายุของมนุษย์มีอสงไขยปี แล้วลดลงมาจนถึง 10 ปี เมื่อลดลงเหลือ 10 ปีแล้ว ก็ค่อยๆสูงขึ้นไปอีกจนถึง

อสงไขยปี อย่างเก่า ระยะเวลาจากอสงไขยปี ถึง 10 ปี และจาก 10 ปี ถึง อสงไขยปี เราเรียกว่า 1 อันตรกัป

+++ ตรงนี้ผมใช้คำว่า "กัปล์มนุษย์"

+++ ตรงนี้ ไม่ใช่ ใบไม้นอกกำมือ อีกตามเคย "มีในพระไตรปิฏก อยู่ดี"
+++ แต่ใน พระไตรปิฏกเรียกว่า "อันตรกัป"

+++ ตรงนี้ ใครจะ "ใช้ภาษาในการสื่อ แบบบาลี" ก็ตามสะดวก

+++ ส่วนคนรุ่นต่อ ๆ ไป หากมีการค้นพบว่า "วงจร 1 ชั่วอายุมนุษย์ มีส่วนสัมพันธ์กับ ระบบสุริยะ โคจรผ่านหลุมดำ แล้ว กลับมา จนเข้าสู่จุดเดิม"
+++ ก็ให้ทราบไว้ว่า ตรงนี้มีกล่าวไว้แล้วใน พระไตรปิฏก ตรงคำว่า "อันตรกัป"
+++ จากการชี้ที่ "อสงไขยปี" ตรงนี้ จัดเป็น "บริเวณขอบนอก หรือ outer rim of the galaxy"
+++ การลดลงมาเหลือ 10 ปี นั้น เป็นการ "เคลื่อนทั้งระบบ สุริยะจักรวาล" เข้าใกล้ "หลุมดำ"
+++ อุณหภูมิ และ แรงกดดัน ทำให้ทั้งระบบ "หดตัวเล็กลง" มนุษย์ตัวเล็กลง อายุไขยสั้นลง

+++ จบการแก้ไข คำศัพท์ จาก "กัปล์มนุษย์ มาเป็น อันตรกัป" แต่เพียงเท่านี้

+++ อาการตรงนี้ก็ "มีกล่าวใน พระไตรปิฏก เช่นกัน" ตรง "อสงไขยกัป ย่อมเกิดขึ้นตามลำดับ" ดังนี้

3. อสงไขยกัป 1 อสงไขยกัป = 64 อันตรกัป และอสงไขยกัป ย่อมเกิดขึ้นตามลำดับ คือ

1) สังวัฏฏอสงไขยกัป คือ กัปที่จักรวาลทั้งแสนโกฏิจักวาลกำลังพินาศ

2) สังวัฏฏฐายีอสงไขยกัป คือ กัปที่จักรวาลได้พินาศหมดแล้ว มีแต่ความพินาศตั้งอยู่

3) วิวัฏฏอสงไขยกัป คือ กัปที่จักรวาลกำลังเจริญขึ้น เริ่มต้นใหม่

4) วิวัฏฏฐายีอสงไขยกัป คือ กัปที่จักรวาลได้ตั้งขึ้นใหม่เรียบร้อยแล้ว ทั้งแสนโกฏิจักรวาลมีพื้นดิน ภูเขา ต้นไม้ แม่น้ำ ลำคลอง ดวงดาว และ คนและสัตว์ปรากฏพร้อม
=====================================================
+++ ตรง "สังวัฏฏอสงไขยกัป คือ กัปที่จักรวาลทั้งแสนโกฏิจักวาลกำลังพินาศ"
+++ ตรงนี้เป็นอาการ "Galaxy ทางช้างเผือก ชนกับ Galaxy Andromeda" ณ ขณะชน

+++ ตรง "สังวัฏฏฐายีอสงไขยกัป คือ กัปที่จักรวาลได้พินาศหมดแล้ว มีแต่ความพินาศตั้งอยู่"
+++ ตรงนี้เป็นอาการ "เศษ Galaxy ณ ขณะยัง กระจัดกระจาย" ณ ขณะแหลก

+++ ตรง "วิวัฏฏอสงไขยกัป คือ กัปที่จักรวาลกำลังเจริญขึ้น เริ่มต้นใหม่"
+++ เป็นอาการ "+++ แล้วเกิด "การรวมตัวเป็น Galaxy ใหม่" กว่าจะสงบลงตัว"

+++ ตรง "วิวัฏฏฐายีอสงไขยกัป คือ กัปที่จักรวาลได้ตั้งขึ้นใหม่เรียบร้อยแล้ว ทั้งแสนโกฏิจักรวาลมีพื้นดิน ภูเขา ต้นไม้ แม่น้ำ ลำคลอง ดวงดาว และ คนและสัตว์ปรากฏพร้อม"
+++ เป็นอาการ "ณ ขณะ สงบลงตัวแล้ว" และ "รวมตัวเรียบร้อยแล้ว"
+++ จบ "การแก้ไข คำศัพท์" ไว้แต่เพียงนี้

+++ การ "ปรับปรุงคำศัพท์" นี้ เพื่อแก้ไขความเข้าใจให้กับ "คุณ kokoro และ คุณ ควายตัวที่5" เท่านั้น
+++ เพื่อให้ "เร่งความเพียร" ต่อไป จนกว่าจะ "รู้ โดยลักษณะอาการต่าง ๆ" ส่วน "คำศัพท์" ก็ให้แล้วแต่ ยุคสมัย
+++ การ "ค้นคว้า เรื่อง คำศัพท์" นั้น เป็นแค่ "เทียบภาษาเฉย ๆ" แต่อย่าให้ "ภาษาเข้ามาบดบัง อาการตามความเป็นจริง"
+++ ให้ออกจาก "ภาษาสมมติ" ในแต่ละยุค แล้วเข้าสู่ "ความเป็นจริง ด้วยตน ให้ได้" เท่านั้น
+++ ขอจบ "การแก้ไข และ เปรียบเทียบ ภาษาสมมติ" แต่เพียงเท่านี้ นะครับ

 

(+++ การ "ปรับปรุงคำศัพท์" นี้ เพื่อแก้ไขความเข้าใจให้กับ "คุณ kokoro และ คุณ ควายตัวที่5" เท่านั้น
+++ เพื่อให้ "เร่งความเพียร" ต่อไป จนกว่าจะ "รู้ โดยลักษณะอาการต่าง ๆ" ส่วน "คำศัพท์" ก็ให้แล้วแต่ ยุคสมัย
+++ การ "ค้นคว้า เรื่อง คำศัพท์" นั้น เป็นแค่ "เทียบภาษาเฉย ๆ" แต่อย่าให้ "ภาษาเข้ามาบดบัง อาการตามความเป็นจริง"
+++ ให้ออกจาก "ภาษาสมมติ" ในแต่ละยุค แล้วเข้าสู่ "ความเป็นจริง ด้วยตน ให้ได้" เท่านั้น
+++ ขอจบ "การแก้ไข และ เปรียบเทียบ ภาษาสมมติ" แต่เพียงเท่านี้ นะครับ
↑
+++ มุ่ง "เร่งความเพียรส่วนตัว" ไปจะดีกว่านะครับ)
ลุงแมวอ่านหมดแล้ว รู้ตัวทันทีว่าต้อง
ขอจอง ตำแหน่ง "ควายตัวพ่อ" แล้ว
ว้อยย์อ้ออ์

 

+++ ตามสบายตรับ
+++ สิ่งใดได้ประโยชน์ ก็รับไว้
+++ หากเห็นว่า ไร้ประโยชน์ ก็ทิ้งไป
+++ เท่านี้ นะครับ

 

มุขลุงแมวขำแบบฝืดๆแปลกๆ
ท่องไว้ว่างๆๆ55

 

ในเม้นท์นั้นบอกให้ออกจากภาษาสมมุติ
จริงๆ ก็รวมถึงทุกสิ่งทุกอย่าง
ที่เป็นสิ่งที่เห็น ที่สัมผัส ผ่าน
ทางทวารทั้ง 6 นั่นแหล่ะไม่
เว้นอะไรอย่าง...
เพื่อเข้าหาความจริงด้วยตัวของตัวเอง
ให้ได้ คือหาทาง(อริยมรรค)ให้เจอ
หาไม่เจอก็ต้องหาตัวช่วย
ถ้าเดินหาทางด้วยเองก็มีโอกาส
พบทางที่จะกลายเป็นฤๅษีสูง
มาก
ถ้าพบสัมมาครูอาจารย์ก็มีโอกาส
พบมรรค
พบผลได้ในชาตินี้ คือตายในสไตล์
นิพพาน ไม่ตายแบบหลง แบบที่เคยตาย
มาหลายหมื่นหลายแสนครั้งแล้ว
นั่นแหล่ะคับ

 

เดินจงกรม หนอ หรือ พุทธโธ แต่ละสำนักฯ ใข้อุบายธรรมต่างกัน
แต่ถ้าจบแล้วกลับมานอนกอดความว่าง
ก็เป็นฤๅษีตนใหม่ในวงการ 555

 

หุหุหุ ปล่อยให้ได้ระบายบ้าง อะไรบ้าง โล่งแล้วซิ

 

หามัชฌิมาปฏิปทาหรือทางสายกลางให้เจอ ถ้าเจอก็หมายความว่าได้เริ่มเข้ามาสู่หนทางค้นพบความจริงแล้ว แต่ก็ต้องผ่านอุปสรรคอีก ตรงนี้จะแรงกว่าปกติ คงแล้วแต่แต่ละบุคคล กรรมใครกรรมมัน ทีนี้ถ้ากำลังใจมันถึงมันพอ ความแยบคายมันมี มันก็ไปต่อได้ง่าย

แล้วด้วยปฏิปทาทางสายกลางนี้ ก็จะนำไปสู่การเห็นความจริง เห็นความบริสุทธิ์หมดจด เห็นสภาวธรรมอันเป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา หรือเรียกว่าได้สัมผัสรสพระธรรม รสอื่นใดหรือจะสู้รสพระธรรม พอเห็นความจริงแล้วก็เดินหน้าต่อด้วยสติด้วยปัญญา เก็บงานไป จบงาน วางงานไป จนกว่าจะจบกิจทั้งปวงก็เอวัง ตรงนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ

 

ผมเป็นสายธรรมฤทธิ์ดีกว่าไม่ค่อยชอบพวกอภินิหารเลย

 

สายธรรมฤทธิ์ นี่เป็นสายจดทะเบียนใหม่
หยอฮับ
เพิ่งได้ยินนี่แหล่ะ คำบริกรรมแบบไหนฮับ

 

เอาชีวีรอดไปวันๆดูมีอนาคตมันครับ55

 

สายธรรมฤทธิ์นี่... มีส่วนผสมกี่ดีกรี

 

จนเช้าบ้านมองว่าใสๆ
ที่ไหนได้เหล้าขาว55

 

เชย ระเบิด ระเบ้อ

ใน บรรดา ปลาติดหาง อนุสาสนียปลาติดหาง
เลิศที่สุด

ดังนั้น ปฏิเสธ ปลาติดหาง ก็เท่ากับ "ขุดตน"

ขุดตน เป็นไฉน

พอได้ อุบายอบรมชำระกิเลสก็ ปฏิเสธ
วิ่งไปซบ กิเลส หน้างี้เหม็นเปรี้ยวเชียว

พอเห็นทุกข์จากกิเลส เอะใจโพสถามหา
พอได้คำตอบ ก็ปฏิเสธ อ้างว่า หาเองเป็น
( แต่ก็ดันถาม ให้เสีย สัจจปารมี )

 

ถ้ามั่วแต่คิเว่าต้องเสียอะไรบ้าง
คงไม่ได้ทำอะไร
สอบตกกะอ่าเดียวสอบใหม่55

 

สอบเทียบชั้นเลย ไม่ต้องเสียเวลา ปัจจัยพร้อม ซะด้วย

ปลาติหาง ที่เป็น อนุศาสนียปลาติดหาง นี่เลิศที่สุด

แล้ว ในบรรดา ถ้อยคำที่เป็น อนุศาสนียปาฏิหารย์
เหล่านั้น

"ถ้อยคำที่กล่าวออกไปแล้ว คนได้ยินตัดใจบวชทันที "

อันนี้ คือ สุดยอดของ อนุศาสนยีปาฏิหารย์

ดังนั้น

โน้น สุรียหงุดหงิก ...... การ้องไปเทศนๆๆๆๆ
เอาให้ บวชไปเลย

ปล ลิง : ม.และ ล. ของสุรียหงุด ไล่ให้ไป
บวชแล้ว แต่ไม่สามารถ เป็น ปลาติดหาง
ได้ ดังนั้นไป เทศนๆๆๆๆ ให้ สุรีหงิก
บวช จะไม่เป็น กำ