จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    ขอคั่นรายการสักครู่นะครับครูเกษครับวันนี้จะเขียนการบ้านส่งนะครับ

    ตั้งแต่ฝึกจิตเกาะพระมานี่ตอนจิตยังไม่เกาะพระอ่านธรรมมะท่านอ.ภูไม่ค่อยเข้าใจ

    งงไปหมด5555แต่เริ่มเกาะพระติดภาพพระเริ่มชัดขึ้น จิตนิ่ง อ่านธรรมมะเริ่มเข้าใจ

    มากขึ้นถึงเข้าใจในประโยคทั้งหมด ยกเว้นภาษาปริยัติไม่รู้เรื่องเลยเนื่องมาจากหลวงพ่อ

    ฤาษีที่เป็นพระไอดอลของผมหลวงพ่อสอนแบบบ้านๆพึ่งมาเข้าใจว่าคำสอนหลวงพ่อมีหลายกำลังใจ

    จนถึงกำลังใจเข้มข้นกำลังใจอ่อนหลวงพ่อก็จะเน้นอานิสงส์ของทาน วัตถุมงคลให้เกาะไปก่อน

    กำลังใจเข้มข้นก็มีสอนเรื่องกรรมฐานมีทุกคอร์ดเลือกเอาตามกำลังใจของลุกศิษย์แต่ละท่าน

    เรื่องจริยาคนอื่นไม่สนใจ จับภาพพระอย่างเดียว

    ถึงจะสนใจจริยาคนอื่นบ้าง ใช้สติดึงกลับมาจับภาพพระต่อ5555

    จิตเกาะพระ THE BEST
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2013
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    [​IMG]

    พระในจิต พระในใจ ไม่ต้องแสวงไปหา ไปสร้างที่ไหน
    เพราะพระในจิตนั้น ขยาย-ย่อขนาดตามใจตน
    ไม่ว่ากายจะเคลื่อนไหวไปไหนมาไหน ทิศทางใด
    พระภายในจิต จักตามเราไปทุกที คิดถึงเมื่อไหร่ ภาพพระในจิตก็มาดั่งใจ
    แถมได้พุทธานุสสติกรรมฐานและกสิณ พร้อมมีทั้งสติปัญญา
    พระในจิตไม่มีวันเสื่อม มีแต่พระภายนอก นับวันจะผุพังได้ไปตามกาลเวลา
    พระในจิต ไม่มีคนมาลักตัดเอาเศียรไปขายด้วย
    พระในจิต สวยงามกว่าพระภายนอกเสียอีก
    ไม่ใช่พระนอกจิต ไม่ดีนะ ดี สำหรับผู้ที่มีจิตยังหยาบอยู่ คือจิตไม่นิ่ง
    สำหรับยังไม่มีตาใน มีแต่ตานอกหรือตาเนื้อ จะต้องอาศัยพระพุทธรูปเป็นหลัก
    ในการเข้าถึงความสงบแห่งจิตตน
    มาถึงวันนี้ ถึงได้เข้าใจพระตถาคตว่า พยายามเข้าให้ถึงตัวปัญญาของตนเองให้ได้
    แต่จะเข้าถึงตัวปัญญาของตนนั้น จักต้องหาจิตตนเองให้พบเจอก่อนอื่นเลย

    เกรงใจคุณพี่พอใจ ก็เลยขยายตัวหนังสือให้ใหญ่ขึ้น
    นี่คงเป็นเพราะคุณพี่ต้อยฝากมาบอก มาเตือน กระมัง
    ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงยิ่ง ที่ยังคิดถึง ยังระลึกถึงกันอยู่ นะครับ
     
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    โมทนาสาธุ
    ก็เพราะด้วยเหตุนี้แหล่ะ ถ้าคนจิตยังหยาบหรือไม่นิ่ง
    อ่านธรรมะ ยังไงๆก็ไม่เก็ต ไม่เข้าใจอยู่ดี
    นับประสาอะไรกับ พระธรรมหรืือคำสอนของพระตถาคตเจ้า
    เพราะอะไร
    ก็เพราะว่า พระธรรมหรือคำสอนของพระพุทธองค์นั้น ตรัสรู้ในฌาน๔
    เพราะฉะนั้น จิตหยาบ หรือจิตเราๆท่านๆ จึงยากจะเข้าใจ จึงยากจะเข้าถึง
    เพราะธรรมะจริงๆนั้น จักต้องพูดด้วยภาษาจิต
    เวลาอ่านธรรมะ ก็ต้องเอาจิตเข้าไปอ่าน
    แต่ถ้าผู้ใดขืนเอาสองลูกกะตาอ่าน กับหนึ่งสมองคิดตาม ก็จบกัน

    ปล. อย่าไปกล่าวจิตเกาะพระ เดอะเบส สิ เดี๋ยวโดนถล่มอีก
    ผมน่ะ ไม่เท่าไหร่หรอก
    เพราะไร้ยางอายแร๊ะ คือไม่คบคราบมนุษย์ของตนแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 พฤศจิกายน 2013
  4. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    แหมท่านอาจารย์ ผมมิใช่หน้าม้านะขอรับดีก็ว่าไปตามดี ถ้าไม่ดีจริงผมเผ่นแล้ว5555

    ถล่มมาเลยครับคนเรามีหลายประเภทสมัยพุทธกาลยังมีเลยนับปะสาไรกับสมัยนี้

    เอเห็นแว้บๆๆๆๆมีคนติคำว่าบ้านเก่า เปลี่ยนใหม่ เป้นบ้านใหม่ซะเลย กะผมดาวน์ไว้เเล้วนะ

    กำลังเตรียมใจ(จิต)เข้าไปอยู่กับท่านพ่อทุกๆท่าน
     
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เอ๊า ไปอยู่ที่ไหนมาเนี๊ย คุณพี่พอใจ
    บ้านเก่า(บ้านทรายทองหรอ) ไม่มีแล้ว มีแต่..รักเก่าที่บ้านเกิด
    ขนาดน้องเทอด (จิตเอกหรือศิษย์เอกครูเกษ) ยังไม่กล้าพูดเลย
    แต่ดันไปพูดบ้านใหม่ ซะงั้น เห่อๆ
    บ้านใหม่ของน้องเทอดน่าจะหมายถึง พระนิพพาน
     
  6. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    ถูกต้องจ๊ะ เธอเข้าใจถูกต้องแล้ว การอ่านธรรมมะ หรือ ฟังธรรมมะ ให้เข้าใจลึกซึ้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับจิตเราเดินมรรคไปถึงตรงไหนแล้ว ถ้าธรรมข้อไหนที่จิตมันรู้แล้ว เดินผ่านมาแล้ว มันก็จะไม่อยากฟัง อยากอ่าน จิตเค้าก็จะไปเรียนรู้ในข้อธรรมที่ละเอียดยิ่งๆ ขึ้นไปอีกตามลำดับขั้นต่อไป สาธุ
     
  7. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    ดื่มเครื่องดื่มเย็นๆแล้วทำจิตให้ผ่องใสนะคะลุงมหา๑ ขออนุโมทนาในกิจทั้งปวงที่ลุงมหาได้กระทำด้วยกุศลจิตค่ะ
     
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089

    เหนื่อยนักก็พักกันซะ ที่กระทู้นี้ฯ
    กระทู้นี้มีแต่ให้ ให้ด้วยจิต ให้ด้วยใจนะ ไม่มีเงินให้กันหรอก
    กระทู้นี้มีแต่ความปรารถนาดี เป็นผู้ให้ โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ
    ถ้าโลกนี้เต็มไปด้วยผู้ให้ พวกเราก็จงคิดเอาดูเถิดนะ
    พยายามสร้างเกาะกำบังจิตใจของตนเข้าไว้ จะได้มีภูมิต้านทานกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพวกเรา
    คือทำจิตพร้อมกันเข้าไว้ จิตจะพร้อมได้นั้น ต้องเริ่มต้นที่ตัวสติ ปัญญาค่อยตามมา
    ไม่พยายามสร้างกำลังใจ ก็อย่าเผลอสติ หรือทำร้าย ทำลายกายใจของตนเอง
    ความสุข ความทุกข์ ต่างก็อยู่ที่ตนกระทำเองแทบทั้งสิ้น
    เวลาเราทุกข์ก็หัดถามตนเองว่า ทำไม เราจึงทุกข์ หาให้เจอ มันอยู่ไม่ไกลหรอก
    อยู่ภายในกาย ในจิตในใจของเรานี่แหล่ะ
    ความทุกข์แก้ให้กันไม่ได้ ได้แต่บอกทางเดินให้ ขึ้นอยู่กับผู้นั้น จะเดินตามหรือไม่
    แม้นพระตถาคตก็ยังบอกว่าเป็นแค่ผู้ชี้แนะให้กับพวกเธอทั้งหลายเดิน
    แต่ถ้าเดินตามมรคคมีองค์๘ ปลายทางก็จะเป็น วิมุติ หรือ พระนิพพาน เป็นที่สุด
    แต่ถ้าไม่เดินตาม ขืนเชื่อตนเองมากเกิน ก็มีโอกาสเดินหลงทาง เดินทางผิดมาก​
     
  9. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ในหลวงของแผ่นดิน.wmv - YouTube

    ได้โปรดยุติความขัดแย้งใดๆทั้งสิ้น
    เพราะสงสารในหลวง ในหลวงเปรียบเสมือนพ่อแม่คนทั้งแผ่นดิน
    แต่ถ้าเราเป็นในหลวงบ้าง เมื่อเห็นปวงชนชาวไทยทะเลาะกัน ขัดแย้งกัน
    หรือเป็นพ่อเป็นแม่ลูกๆหลานๆ ทะเลาะกัน ขัดแย้งกันอยู่เช่นนี้
    เราจะรู้สึกเช่นใด
    นี่ขนาดในหลวงไม่เอาจิตลงไปเล่น แต่อดเป็นห่วงลูกหลานไม่ได้
    แต่ถ้าในหลวงเอาจิตลงไปเล่น พระองค์ท่านจะเป็นทุกข์แค่ไหน
    แต่ไม่ต้องไม่เป็นห่วงเรื่องจิตในหลวง
    คนส่วนใหญ่รู้ว่า พระวรกายในหลวงเป็นพระเจ้าแผ่นดิน
    แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า จิตพระองค์นั้น เป็นอะไร อย่างไร
    แต่ถ้าเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ที่ไร้พรหมวิหาร ๔ และคนที่มายืนด่าในหลวงอยู่นั้น
    ป่านนี้ คงถูกเผานั่งยางไปแล้ว แต่พระองค์ท่าน ทำไม ทำได้ แต่ทำไม ไม่ทำ
    มันต่างกับผู้ที่มีอำนาจทั่วๆไปไหม จงตรองดูเอง
    ทั้งๆที่ท่านจะสั่งฆ่าใครก็ได้ โดยที่ไม่มีใครกล้ายุ่ง หรือกล้าจับด้วย ใช่ไหม
    นี่ขนาดจับพระองค์ท่านออกนอกระบบการปกครองประเทศไปแล้ว ยังไม่พอ
    ทำไม ไม่คิดว่า เราเติบใหญ่มาถึงทุกวันนี้ได้ ไม่ใช่เพราะทุนในหลวงหรือทุนแผ่นดินหรือ
    ที่ออกมาพูด มิใช่ให้พวกเราไปรักหรือเกลียดใคร แต่ถ้าทุกคนมีปัญญา(ทางธรรม)
    เวลาคิดแก้ไขปัญหาย่อมยืนอยู่เหนือปัญหา แก้ปัญหาก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุ
    เมื่อทุกคนจ้องมองแต่หาเหตุจากผู้อื่นก็จบ ทันที
    เพราะการแก้ไขทางธรรมนั้น เขาแก้ที่ต้นเหตุ คือตัวของเราเอง

    รู้ไหม จิตกำลังตกไปอยู่ในดินแดน อบายภูมิ
    ผู้ใด ไม่ยอมเดินตามเส้นทาง พระตถาคตเจ้านั้น
    รู้กันไหม สุดปลายทางนั้น คืออะไร
    แต่ถ้าบุคคลใด ไม่มีตัวตน ไม่เอารูปนามจริงๆแล้ว ยังจะมีอะไรอีกไหม ที่เป็นของกู
    ต้องรอให้ตายก่อน ใช่ไหม จิตตกไปอยู่แดนอบายภูมิกันก่อน ใช่ไหม จึงจะรู้สึกตัวกัน
    มีสติกันสักนิดนึง ลองคิดดูกันให้ดีก็จะรู้ว่า ที่ต่อสู้กันไปทางโลกๆนั้น มีอะไรดีบ้าง
    คนเดียวก็หยุดไม่ได้ หลายคนก้หยุดไม่ได้ มีทางเดียวที่จะหยุดยั้งได้ นั่นก็คือ ความตาย
    เอาเลือดมาล้างแผ่นดินกัน ผู้ใดทำกรรมอะไรไว้ จะต้องได้รับผลของกรรมนั้น
    ถ้าได้สิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ สุดท้าย ก็ไม่มีอะไรเหลือ เช่นกัน แม้นแต่แผ่นดิน เผลอๆไม่มีประเทศจะอยู่ หรือมากไปกว่านี้ก็ ไม่มีโลกจะอยู่
    เพราะต่างประเทศไม่ต้อนรับ โดยเฉพาะคนที่โกงกินชาติบ้านเมือง ตัวเราอาจไม่รู้ ประเทสไทยอาจไม่รู้
    แต่ต่างประเทศเขารู้ดีหมด เพราะเป็นข้อมูลเปิดเผย คนต่างประเทศ
    จิตใจเขาเจริญกว่าประเทศเราเยอะ โดยเฉพาะ จิตใต้สำนึกที่ดี ไม่มีใครหลอกกันได้เลย
    ผิดก็ว่ากันไปตามผิด ถูกก็ว่ากันไปตามถูก ที่ต่างประเทศ เช่น อเมริกา คนเยอะแค่ไหน ประเทศไทยยังเล็กกกว่า รัฐเดียวในประเทศของเขาเลย
    แต่มีสิ่งเดียวที่เขาคุมคนทั้งประเทศอยู่ นั่นก็คือ กฎหมาย
    แต่ถ้าประเทศเรา ช่วยกันรักษากฎหมาย ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายแล้ว ย่อมไม่มีปัญหา
    แต่ถ้าประเทศไร้กฎหมาย ก็เหมือนบ้านเมืองไร้ขื่อ ไร้แปร ถึงบ้านจะสวยแค่ไหนก็พัง
    ผู้ปฎิบัติธรรมก็เช่นกัน ถ้าศีลหยาบๆยังรักษาไม่ได้ เรื่องการภาวนา เรื่องมรรคผลก็ไร้ประโยชน์
    แต่ศีลหรือธรรมจะค่อยๆละเอียดได้เพราะจิตเจริญในธรรมหรือไม่
    แต่ถ้าจิตไม่เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป ถึงศีลจะมีกี่ข้อ เราก็รักษาไม่ได้
    แต่ถ้าจิตถึงธรรมจริง ศีลจะมีกี่ข้อก็รักษาได้
    ศีลจึงเสมือนบาทฐานของคำว่า ภาวนา หรือที่มาของคำว่าสมาธิและปัญญา

    ถ้าประเทศใด จิตใจยังไม่นิ่งหรือเป็นกันแบบนี้ ไม่ว่ากฎหมายใดๆก็ไร้ความหมาย
    เมื่อไม่มีกฎหมายจึงกลายเป็นกฎหมู่ ก็ไม่ต่างจากคนสมัยโบราณ ซึ่งมีผู้ใหญ่บ้าน กำนัน เมื่อมีอำนาจปกครอง จึงหลงไปตามอำอาจแห่ง
    เมื่อพากันยึด คำว่า มาเฟีย จึงเกิดขึ้น
    แต่ประเทศที่เจริญแล้ว เขาไม่มี ต่างประเทศเขาจัดลำดับเป็นประดทสโลกที่สามก็สมควรแล้ว
    ไม่ต้องไปดูไกล ให้ดูประเทศสิงค์โปร์ ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆเท่านั้น แต่ทำไมกลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจไปได้
    ทั้งๆที่ประเทศไทยมีเนื้อที่เยอะ คนเยอะ ทรัพยากรก็เยอะ แต่ไม่อยากจะบอกว่า ผู้บริหารประเทศไม่ดี
    ไม่อายประเทศอื่นเขาบ้างหรอ เวลาผู้บริหารประเทศไปต่างประเทศนะ ดูตัวเล็ก
    หมายถึงศักดิ์ศรีแทบไม่มีหลงเหลืออยู่เลย ต่างประเทศเขาดูถูก เพราะไม่ทำเพื่อประเทศจริงๆ
    แต่ถ้าผู้บริหารประเทศทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ (ขอย้ำคำว่า จริงๆนะ ตะเอง)
    ป่านนี้ เจริญไปกว่านี้แล้ว นี่ขนาดทำไปบริหารไปขัดแข้งขัดขากันขนาดนี้ ยังเจริญกว่าประเทศข้างเคียง
    แต่ทำไปๆ แบบเดิมๆนี้ แลดุพม่านะ อีกไม่นานนัก ทำเป็นเล่นไป เจริญกว่าประเทศเราแน่
    หัวคิดเพื่อประเทศตนเองบ้าง ลไม่สงสารลูกหลานคนไทยเขาบ้างหรอ โดยเฉพาะหาเช้ากินค่ำ
    พวกเขากำลังรอความหวังผู้นำประเทศที่ดี ที่จะมาช่วยเหลือพวกเขา คนจนมีมาก คิดดูเอา
    เราขี่เบนซ์ ชาวบ้านขี่ควาย ขี่อีแต๋น ลองไปนั่งดูบ้างไหม เท่นะจะบอกให้
    รวยอยู่ได้ รวยแบบไม่อายคน อายเทวดา เก็บทำไมเยอะ เก็บไว้เพื่อใคร ชาวบ้านอดมื้อกินมื้อรู้บ้างไหม
    เขาอยากพูดเหมือนกัน แต่ไม่รู้ไปพูดกับใคร บ่นกำลังใคร แลดูตนเองเยอะ และจะเห็น
    ว่าความจนมันเป็นยังไง ไม่ต้องดูแลเขาดีๆหรอก เอาแค่เรื่องปัจจัยสี่ก็พอแล้ว
    สิ่งที่พูดกับผู้บริหารบ้านเมืองตอนนี้ก็คือ ท่านกำลังทำอะไรกันอยู่ ทำเพื่อบ้านเมืองจริงๆไหม
    สมัครฯก็เสียชีวิตไปแล้ว ปละคนอื่นๆก็กำลังจะตายตามกันมา ถามว่ามีใครเอาอะไรไปบ้าง
    ไม่มีเลย แล้วมาหลงทำอะไรกันอยู่บนโลกนี้กัน เวลาตายอยากไปสุคติทุกคน แต่ไม่ทำ
    ก็ต้องปล่อยไปตามเวรตามกรรมละเด้อ สาธุ

    พอแร๊ะ เดี๋ยวจะไปกันใหญ่ เอาแค่หอมปากหอมคอ แต่ไม่ได้ไปกล่าวหาผู้ใด
    นี่พูดเรื่องจริง อิงธรรมะ หันไปปฎิบัติธรรมต่อดีกว่า ข้างในก็ยังใสไม่เท่าพระอรหันต์เลย
    ผู้ที่กำลังปฎิบัติอยู่ ยังแยกจิตออกมาจากกายใจไม่ได้ ก็พยายามหลีกเลี่ยงกับสิ่งที่กำลังมากระทบจิตนี้เสีย

    โมทนาสาธุ ขอให้ทุกท่านร่ำรวยๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม มีความสุขกายสบายใจกันทั่วหล้า..สาธุ
     
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089

    น่ารัก อ่ะ​
    ไม่ได้โปรดโมทเพลง แต่อยากได้ใจวัยรุ่น
    เช่น คุณพี่พอใจ เป็นต้น เห่อๆ (เปิดเพลงทีไรก็คิดถึงท่านทุกทีสินะ)

    กระทู้นี้ มีวัยรุ่นหลงมาไหม๊
    เดี๋ยวจะหาว่ามีแต่ธรรมะๆ
    เพราะคนที่ยังไม่เข้าใจธรรมะ หรือยังเข้าไม่ถึงธรรมนั้น
    ธรรมะจะเป็นของหนัก เป็นเรื่องของพระ เป็นเรื่องของคนแก่
    ถ้าใครคิดอย่างนั้น ขอบอก คิดผิดถนัดเลย
    เพราะผู้เขียนเคยเป็นวัยรุ่นมาก่อน เคยคิดมาก่อนหน้าแล้ว
    หารู้ไหม ธรรมะนั้นก็คือ ธรรมหรือความจริงของคนเราทุกคน นี่เอง
    ธรรมะเป็นเรื่องใกล้ตัว แต่คนส่วนใหญ่ไปสนใจแต่เรื่องไร้สาระ เรืองไกลตัว เรื่องคนอื่นหมดเลย
    รู้กันไหมว่า มันไม่ใช่ สัมมาทิฎฐิ
    เมื่ิอจิตเราเปลี่ยน โน้นแหล่ะ เราจึงจะรู้ เห็นไปตามความเป็นจริงได้ เมื่อนั้น

    เผื่อผู้เขียนจะรู้ค่าพระธรรมหรือคำสอนของพระพุทธองค์นั้น เกือบสาย
    ดีนะ ที่ยังไม่ตายก่อน ดีนะ ที่ยังมีบุญเก่าหนุนนำให้จิตพบธรรม
    มิฉะนั้นแล้ว มีหร๊อ ป่านนี้ ไปเย๊วววๆกับพวกเหล่านั้นแร๊ะ
    ชอบนักเรื่องไม่ถูกต้อง ชอบนักเรื่องของคนอื่น ชอบนักเรื่องบ้านเมือง
    เพราะรู้ตัวดีว่า ตนเองก็เคยเป็นนักรบเก่า เลือดนักรบมันพุ่ง
    เอ๊ะ ทำไม หมู่นี้ชอบพูดแต่คำว่า เก่าๆจริงนะ ไม่ได้แซวคุณผู้มานะ พูดเล่นกันหนุกๆ
    พวกเราก็อย่าไปยึดติดกับภาษาสมมุติกันนะ

    คนเราไม่มีอะไรมากหรอก เดี๋ยวก็ต้องตายหมด รีบเร่งทำภาวนากันให้มาก
    เพราะพระท่านฝากมาบอกว่า ปัญญาของตนนี้แหล่ะ จะพากันรอด
    โดยเฉพาะ ผู้ปฎิบัติ หากมีปัญญา(((ทางธรรม))) ไม่เพียงพอ
    ก็อาจจะถูกกิเลสตน กิเลสโลก พาไปแด๊กได้ ​
     
  11. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]
     
  12. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    พุทธชนยังเข้าถึงศาสนาได้เเค่เปลือก พระองค์ท่านก็เมตตา
    กลุ่มนี้มีความเข้าใจเเละศรัทธาเเค่เรื่องบริจาคสร้างศาสนสถาน ศาลา โบสถ์ วิหาร
    พระพุทธปฏิมา

    กลุ่มที่เข้าถึงกระพี้ ก็ลึกเข้ามาอีกขั้น พระองค์ท่านก็เมตตา
    กลุ่มนี้จะให้น้ำหนักเิ่มขึ้นมา โดยเห็นเห็นว่าศีล ทานต้องบำเพ็ญ
    ไปพร้อมๆกัน มีโอกาสก็ภาวนาด้วยเเต่ จริงๆไม่ทุ่มเทให้กับการภาวนา

    กลุ่มที่เข้าถึงเเก่นพระพุทธศาสนา ก็มุ่งปฏิบัติเพื่อกำจัดกิเลส
    ด้วยการบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา อย่างเข้มข้นด้วยไตรสิกขาบท
    ด้วยความเพียร โดยมีพระนิพพานเป็นเป้าหมายที่ตั้งธงไว้ว่าจะไป
    ให้ถึงเเม้ไม่ชาตินี้ก็ชาติไหนๆ ด้วยความศรัทธาเเละเข้าใจอย่ลงเเท้
    จริงเพราะศึกษามาก จึงลึกซึ้งกว่าสองกลุ่มเเรก เเลจะมีจิตเมตตา
    ช่วยกันประคับประคองทั้งสองกลุ่มเเรกให้ดำเนินเข้าแู่เเก่นเเห่งพุทธ
    ตามกำสังความสามารถ เพื่อให้เพื่อนพุทธชนพ้นจากสงสารไปด้วยกัน!!!

    ขออนุโมทนายิ่งกับพุทธกลุ่มเเก่นธรรม สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2013
  13. thipong

    thipong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2013
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +1,673
    .
    .ประโยคนี้ชอบมากและก็โดนใจมากๆอีกแร้วครับ ..
    .ก่อนที่จะฝึกวิชาจิตเกาะพระนี่
    .
    .ผมเคยคิดคือ ที่ห้องก็มีห้องพระเล็กๆที่แบ่งห้องมาทำไว้ครับ..
    .แต่บางครั้งเวลาสวดมนต์ ผมนึกถึงพระที่อยู่บนหลังคาตึกบ่อย
    .เพราะว่าเป็นพระองค์ใหญ่ๆ
    .
    .หรือบางทีเวลาทีผมขี่รถไปไหน
    .ผมจะนึกถึงภาพว่า ระหว่างทางที่ผมขี่รถไปนั้น
    .มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ๆ ตั้งเรียงรายตลอดแนวทางที่รถผมขี่ออกไป..
    .
    .ผมชอบคิดแบบนี้ประจำ
    .หากว่าเราคิดแบบนี้จะเรียกว่า พระในจิต หรือ นอกจิตครับ..
    .
    .แล้วจะนำมาใช้เป็นจิตเกาะพระได้มั้ยครับ อิอิ สอบถามครูทั้งหลายครับ
     
  14. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ธรรมที่ลึกล้ำ ธรรมที่เกินเลย "ธรรมเพื่อความหลุดพ้น" ต้องค่อยๆบอก ค่อยๆเล่า



    ขออนุญาตครับ

    เรื่องราวที่ลึกล้ำ ซับซ้อน ต้องค่อยๆบอก ค่อยๆเล่าครับ

    หลายๆครั้งที่ผมอ่านข้อเขียนของผู้อื่น

    ผมกลับเห็นว่า ท่านผู้นั้น คิดว่า

    ท่านรู้ธรรมมากกว่าผม
    ท่านเข้าใจธรรมมากกว่าผม
    ท่านพยายามจะสอนผม

    ก็เลยจะขอยึมคำบอกเล่าของท่าน อ.ทิพากร รินไธสงค์มาบอกแทนว่า

    "ใครที่คิดว่าเก่ง ใครที่คิดว่าแน่ ก็ให้มาสร้างพระพุทธอลังการ(พระใหญ่ชัยภูมิ) แทนผมได้เลย ผมจะได้พักเสียที"

    เรื่องราวใดๆ แม้ผมรู้ แม้ผมเข้าใจ ผมก็ต้องค่อยๆบอก ค่อยเล่า
    แม้บอกเล่าไปแค่นิดเดียว ยังหาคนเข้าใจได้ยาก

    ไม่เข้าใจยังไม่พอ บางท่านยังจะมาบอกยังจะสอนผมอีกต่างหาก

    ทำไมไม่คิดกันบ้างว่า ทีึ่ผมทำอยู่นี่ มีใครพอจะมาทำแทนผมได้บ้างไหม

    หรือจะรอจนน้ำตานองหน้า ตอนที่เขาสร้างพระพุทธอลังการ(พระใหญ่ชัยภูมิ)เสร็จแล้ว

    หรือจะรอจนน้ำตานองหน้า ตอนที่เข้ามากราบต่อหน้าเบื้องพระพักตรพระพุทธอลังการ(พระใหญ่ชัยภูมิ)

    แล้วได้มาสัมผัส พระมหาพุทธานุภาพด้วยตนเอง

    แล้วตอนนั้น ความคิดของท่านจะประเด ประดัง สับสนวุ่นวายว่า

    ธรรมก็ดี เรื่องราวต่างๆ ที่ตนเข้าใจมานั้น ทำไม??????

    ใครอยากจะรอให้ถึงปี ๒๕๖๑ แล้วค่อยเข้าใจก็ตามใจ

    นานๆผมถึงจะแวะมาทักทาย บุคคลภายนอก ที

    พอมาก็มาเจอ รูปแบบเดิมๆ อยู่เหมือนเดิม

    รอดูปลายปี ๒๕๖๑ (กำหนดแล้วเสร็จพระพุทธอลังการ) ก็แล้วกัน

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ

    ลุงมหา
     
  15. thipong

    thipong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2013
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +1,673
    สาธุๆๆๆ...โดนใจมากครับบบบบบบบบบ
    ..........................
    ..
    ..
    ..เมื่อก่อนผมก็บ้า (ที่แปลว่าชอบมากกกกกกนะครับ)ทำทานเหมือนกันครับ..
    ..บางทีก็ทำเกินกำลังด้วยซ้ำ..
    ..
    .แต่ผมมานึกได้ว่า พระพุทธเจ้าและเหล่าสาวก บรรลุธรรมด้วยการปฏิบัติ..
    .ผมก็ควรที่จะหันมามอง ศีล และการภาวนาไปด้วย ดีกว่า
    ..ทานเราก็ยังคงทำอยู่ แต่เราทำตามกำลังที่เรามี เช่น 5 บาท 10 บาท.
    ..20 บาท ตามกำลังที่เราเกิด เราไม่ควรหลงทาง
    ..เพราะว่า ศีล กรรมฐานต่างๆ ใช้เงินซื้อไม่ได้เลย..
    ..แต่พระพุทธเจ้า ท่านก็ตรัสว่า เป็นบุญที่สูงกว่า การให้ทาน.
    ..
    ..อันนี้ผมสอนตัวเองนะครับไม่ได้อะไรกับใคร..
    ..แต่จริงๆ ผมก็ทำได้มั่งไม่ได้มั่ง แต่ก็จะพยายามทำต่อไป..ครับบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2013
  16. thipong

    thipong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2013
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +1,673
    ..
    ..ขออนุโมทนาสาธุๆๆกับท่านด้วยนะครับสาธุๆๆๆ..
    ..ข้าพเจ้าขอตัวก่อน อิอิ...
     
  17. นิพพิชญา

    นิพพิชญา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +14
    เหนื่อยไหมคะ อ.ทิพากร?? ถ้าเหนื่ยก็พักบ้างนะคะ
    อย่าแบกความทุกข์ อัตตา ทิฏฐิมานะ อวตารไว้อีกเลย
    เหนื่อยนักก็พักบ้าง นอนหลับฝันดีได้ที่กระทู้อาจารย์เถอะจ่ะ คนทั้งหลายเขารู้เองเมื่อถึงเวลาของเขานะ อย่าไปดูถูกดูแคลนเขายังกะเราเป็นคนไม่มีเมตตา ตามอ่านมาทุกกระทู้แล้ว อ. ก็เบาๆ ลงบ้างนะคะ

    ข้าเจ้าแวะเข้ามาตาม อ. กลับบ้าน - กราบสวัสดีชาวกระทู้นะคะ
     
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    ชวนคนทำบุญ ทำทาน นับว่ายากแล้วนะ
    ยิ่งพาคนรักษาศีลและปฎิบัติธรรมนี่ ก็ยิ่งยากมากเข้าไปอีก

    ทุกคนก็อยากได้บุญกัน ทั้งนั้น
    คนเรานี่แปลกนะ ยิ่งชวนทำบุญมากๆ ยิ่งไม่อยากทำ
    ยิ่งถ้ารู้ว่าพระรูปนั้นเป็นพระอรหันต์ ไม่ต้องมีคนมาชวนหรอก ไปหาเองเลย

    ถ้าถามว่า ทุกคนรู้ไหมว่า บุญใหญ่ คือบุญจากการเจริญกรรมฐาน
    ทุกคนรู้หมด แต่พวกเขายังทำกันไม่ได้ เพราะว่ากำลังใจ ต่างกัน หรือบุญบารมี ต่างกัน
    ก็เลยพากันไปทำบุญแต่ภายนอก เช่น ทำบุญ ทำทาน สร้างวัด สร้างโบสถ์ สร้างวิหาร เป็น
    ซึ่งมีประโยชน์มากเหมือนกัน ไม่ใช่ ไม่มี คือเป็นประโยชน์ต่องานพระพุทธศานาต่อไปฯ

    ดูตัวอย่างของ พระพุทธเจ้า
    ในขณะที่เป็นพระโพธิสัตว์ จะต้องบำเพ็ญบารมี 10 ประการ
    หรือการเสวยพระชาติ 10 ชาติ ก่อนจะทรงตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
    คือ ญาณอันประเสริฐอันเป็นเครื่องตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ

    หรือพระจะกลายเป็นพระอรหันต์ ท่านก็ต้องบำเพ็ญเพียรบารมี ตั้งแต่ทาน ศีล บารมี
    หรือศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อซึ่งจะได้มาเป็นพระโสดาบัน สกิทาฯ อนาคาฯ จนถึงพระอรหันต์
    ต่างก็มีที่มาทั้งนั้น
    เพราะฉะนั้น อย่าไปสงสัยกันเลยว่า ทำไม บางท่านถึงอยากปฎิบัติธรรม บางท่านไม่อยากฯ
    รวมไปถึงผู้ที่ปฎิบัติธรรม บางท่านไปได้แค่พระโสดาบัน บางท่านไปถึงพระอรหันต์ เป็นต้น
    เพราะว่าอะไร ถ้ามิใช่ กำลังใจ หรือ บุญบารมีแห่งตน ที่เคยสะสมมานานหลายชาติ หลายอสงไขยแล้ว​
     
  19. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    การสร้างพระนั้นได้อานิสงค์แน่นอน ผมเองก็เคยร่วมสร้าง

    แต่ลุงมหา อย่าพยามบีบน้ำตา เอามาตราฐานตน หรือมาตราฐานอาจารย์ตน

    ไปยัดเยียด ให้เป็นไป ตามแบบ ที่ตนต้องการ

    สิ่งเหล่านี้ มันแล้วแต่สายบุญสายกรรม ตามศรัทธาปสาทะ

    ถ้าเช่นนี้ หากมีใครหยิบยก บุคคลาธิษฐาน แบบอย่างท่านพระอาจารย์มั่น
    พระอาจารย์มั่นนั้น ไม่ได้สร้างพระพุทธรูปใหญ่โตอลังการ

    ท่านเพียงประดิษฐ์ ฐานรองพระรัตนบัลลังค์ ให้กับพระพุทธรูป
    แต่ท่านสามารถ สร้างพระอริยสงฆเจ้า เป็นต้นแบบพ่อแม่ครูจารย์
    แห่งพระกรรมฐานฝ่ายอรัญญวาสี ได้อย่างดีเลิศในอดีตที่ผ่านมา ท่านจะว่าอย่างไร ?

    จะบอกบุญ แต่ไม่มีวิธีการใด ที่ดูแล้วลึกซึ้งกว่านี้ ไม่มีหรือ ไหนว่ามี

    ไม่ใช่ ใช้วิธี ข่มเขาโค ขืนให้กินหญ้า ต่อกลุ่มที่มุ่งการภาวนา สู่ผลานิสงค์ใหญ่

    เช่น จู่ๆก็โผล่มาบอกว่า

    "ท่านผู้นั้น คิดว่า

    ท่านรู้ธรรมมากกว่าผม
    ท่านเข้าใจธรรมมากกว่าผม
    ท่านพยายามจะสอนผม"


    ถ้ามาแนวๆนี้ มีแต่สูญกับสูญ ผ่านไม่ผ่าน

    จะหล่อหลอม แปลพักตร์สอดแทรกศรัทธา ให้เกิดกับผู้อื่น ได้อย่างไรกันล่ะครับ

    ทิฏฐิมานะมันดูกันออก อย่างเห็นๆ แล้วจะได้บุญหรือ

    ลองนำไปพิจารณาดู กุศโลบายที่ยิ่งกว่า การขืนให้กินหญ้า มีไหม ที่ดูแล้ว ไม่ตื้นเขิน ดูไม่เหนื่อย

    แต่อย่าลืมนะว่า ผู้ที่จะสร้างบุญกุศลนั้น คนบางประเภท เขาคิดจะทำก็ทำ

    โดยไม่ได้สนใจวิธีการอะไรที่ลึกซึ้ง หรือตื้น อะไรเลย คนประเภทนี้ย่อมมีอยู่

    ปล. ต่อการจะสร้างคลื่นลูกใหม่ (Newwave) ที่ไม่ใช่อะเมซิ่ง อย่างแน่นอน

    จริงๆแล้วก็น่าเห็นใจลุงมหา อยู่นะ
     
  20. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    มหากุศลมี 8 ประการ

    1.โสมนสฺสสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกํ
    เวลาทำบุญมีความดีใจ ปรารถนานิพพาน ทำบุญเอง

    2.โสมนสฺสสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกํ
    เวลาทำบุญมีความดีใจ ปรารถนานิพพาน มีผู้ชักชวนจึงทำบุญ

    3.อุเปกฺขาสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกํ
    เวลาทำบุญมีใจเฉยๆ ปรารถนานิพพาน ทำบุญเอง

    4.อุเปกฺขาสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกํ
    เวลาทำบุญมีใจเฉยๆ ปรารถนานิพพาน มีผู้ชักชวนจึงทำบุญ

    5.โสมนสฺสสหคตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกํ
    เวลาทำบุญมีความดีใจ ไม่ได้ ปรารถนานิพพาน ทำบุญเอง

    6.โสมนสฺสสหคตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกํ
    เวลาทำบุญมีความดีใจ ไม่ได้ ปรารถนานิพพาน มีผู้ชักชวนจึงทำบุญ

    7.อุเปกฺขาสหคตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกํ
    เวลาทำบุญมีใจเฉยๆ ไม่ปรารถนานิพพาน ทำบุญเอง

    8.อุเปกฺขาสหคตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกํ
    เวลาทำบุญมีใจเฉยๆ ไม่ปรารถนานิพพาน มีผู้ชักชวนจึงทำบุญ

    [​IMG]

    อธิบาย

    1.เวลาทำบุญ มีความดีใจ ปรารถนาให้ได้มรรคผลนิพพาน คิดทำบุญเอง ไม่มีใครมาชักชวนให้ทำ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ได้ผลดีมาก คือผลบุญนี้สามารถจะนำไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ นำไปเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าไปเกิดเป็นมนุษย์จะมั่งคั่งสมบูรณ์ ร่ำรวย ไม่อดไม่อยาก ไม่ทุกข์ ไม่ยาก และมีปัญญามาก หากออกเจริญสมถกรรมฐาน ก็จะได้บรรลุฌาน มีปฐมฌาน เป็นต้น หากออกเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ก็จะได้บรรลุมรรคผลนิพพานในชาตินั้น

    2.เวลาทำบุญ มีความดีใจ ปรารถนาให้ได้มรรคผลนิพพาน ไม่ได้คิดทำบุญเอง มีผู้ชักชวนจึงทำบุญ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ ได้ผลเป็นที่ 2 คือสามารถจะไปบังเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ ไปบังเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าไปเกิดเป็นมนุษย์จะร่ำรวยมั่งมีศรีสุข และมีปัญญามาก แต่เป็นที่ 2 ยังมีคนที่เก่งกว่าฉลาดกว่า หากออกเจริญสมถกรรมฐาน ก็จะได้ฌานในชาตินั้น หากออกเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ก็จะได้บรรลุมรรคผลนิพพานในชาตินั้น

    3.เวลาทำบุญ มีใจเฉยๆ ปรารถนานิพพาน คิดทำบุญเอง ไม่มีใครมาชักชวนให้ทำบุญ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ ได้ผลเป็นที่ 3 สามารถจะนำไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ นำไปเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าไปเกิดเป็นมนุษย์จะร่ำรวย มั่งคั่งสมบูรณ์มั่งมีศรีสุข และจะมีสติปัญญาดีเป็นที่ 3 ยังมีคนดีกว่า เก่งกว่า แหลมกว่า หากออกเจริญสมถกรรมฐาน จะได้ฌาน หากออกเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จะได้มรรคผลนิพพานในชาตินั้น

    4.เวลาทำบุญ มีใจเฉยๆ ปรารถนานิพพาน มีผู้ชักชวนจึงทำบุญ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ได้ผลเป็นที่ 4 สามารถนำไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ ไปเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าไปเกิดเป็นมนุษย์จะร่ำรวย มั่งคั่งสมบูรณ์ และมีสติปัญญาดีเป็นที่ 4 ถ้าออกเจริญสมถกรรมฐานจะได้ฌาน ถ้าออกเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จะได้มรรคผลนิพพานในชาตินั้น

    มหากุศลทั้ง 4 ดวงนี้ อยู่ในเกณฑ์ดีมากตามลำดับๆ กัน ถ้าจะทำบุญขอให้ได้อย่างนี้ดีมาก

    5.เวลาทำบุญ มีความดีใจ ไม่ปรารถนามรรคผลนิพพาน คิดทำบุญเอง ไม่มีใครชักชวนให้ทำบุญ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ ขาดปัญญา ได้ผลเป็นที่ 5 สามารถจะนำไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ ไปเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าไปเกิดเป็นมนุษย์จะร่ำรวย มั่งมีศรีสุข แต่ขาดปัญญา คือ ไม่มีปัญญาที่จะได้ฌาน ได้มรรคผลนิพพาน หมายความว่า ถ้าออกเจริญสมถกรรมฐานก็จะไม่ได้ฌาน ถ้าออกเจริญวิปัสสนากรรมฐานก็จะไม่ได้บรรลุมรรคผลนิพพานในชาตินั้น แต่จะเป็นปัจจัยให้ได้ฌานให้ได้มรรคผลนิพพานในชาติต่อไปได้

    6.เวลาทำบุญ มีความดีใจ ไม่ปรารถนามรรคผลนิพพาน มีผู้ชักชวนจึงทำบุญ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ขาดปัญญา ได้ผลเป็นที่ 6 สามารถจะไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ ไปเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าไปเกิดเป็นมนุษย์ก็จะร่ำรวย มั่งคั่งสมบูรณ์ มั่งมีศรีสุข แต่ขาดปัญญา คือไม่มีปัญญาที่จะได้ฌาน ได้มรรคผลนิพพานในชาตินั้น แต่จะเป็นปัจจัยให้ได้มรรคผลนิพพานหรือได้ฌานในชาติต่อไป

    7.เวลาทำบุญ มีใจเฉยๆ ไม่ปรารถนานิพพาน ทำบุญเอง ไม่มีใครชักชวนให้ทำบุญ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ได้ที่ 7 ขาดปัญญา สามารถจะนำไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ ไปเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าเกิดป็นมนุษย์ก็จะร่ำรวยมั่งมีศรีสุข แต่ไม่มีปัญญาจะได้บรรลุฌาน มรรคผลนิพพานในชาตินั้น แต่จะเป็นปัจจัยให้ได้บรรลุฌาน มรรคผลนิพพานในชาติต่อๆ ไปได้

    8.เวลาทำบุญ มีใจเฉยๆ ไม่ปรารถนานิพพาน มีผู้ชักชวนจึงทำบุญ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ ได้ผลเป็นที่ 8 สามารถนำไปเกิดบนสวรรค์ เป็นเทวดาก็ได้ เป็นมนุษย์ก็ได้ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะมั่งมีศรีสุขร่ำรวย ไม่อดไม่อยาก ไม่ทุกข์ไม่ยาก แต่ขาดปัญญาที่จะนำพาให้ได้ฌานมรรคผลนิพพานในชาตินั้น แต่จะเป็นปัจจัยอำนวยผลให้ได้มรรคผลนิพพาน หรือได้ฌานในภพต่อๆ ไปได้อยู่

    มหากุศล 4 ข้อข้างท้ายนี้ดีอยู่ เวลาทำบุญไม่ปรารถนาเอาปัญญา
    จึงทำให้ขาดปัญญาไป เมื่อขาดปัญญาก็ไม่สามารถบรรลุฌาน มรรคผลนิพพานได้ในชาตินั้น
    แต่จะเป็นปัจจัยอำนวยผลให้ได้มรรคผลนิพพาน หรือได้ฌานในภพต่อๆ ไปได้อยู่

    มหากุศล 8 ดวงนี้แหละ จะนำบุคคลไปเกิดเป็นมนุษย์หรือเป็นเทวดา เหตุดังนั้น ทางสายที่ 5 นี้จึงได้ชื่อว่า ทางไปสวรรค์ ซึ่งได้แก่ มหากุศล 8 ดังมีอรรถาธิบายที่ได้บรรยายมาฉะนี้

    ส่วนตัวอย่างในเรื่่องนี้ก็มีมาก เช่น มัฏฐกุณฑลีเทพบุตร ได้ยังใจให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ตายแล้วได้ไปบังเกิดในสวรรค์ และติณบาลบุรุษ ได้ร่วมอนุโมทนาในกฐินของท่านเศรษฐี ตายแล้วได้ไปบังเกิดในสวรรค์ นันทิยมาณพได้สร้างศาลาถวายพระพุทธเจ้า ตายแล้วก็ได้ไปบังเกิดในสวรรค์เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ก็เพราะมหากุศลที่ตนได้ทำไว้เป็นปัจจัยโดยแท้

    พระเทพสิทธิมุนี 22 .01.2524

    แหล่งที่มา
    JaAe: มหากุศลมี 8 ประการ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...