จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]
    ทุกข์ปุถุชน-ทุกข์อริยบุคคล‏

    ทุกข์ของปุถุชน
    เป็นความทุกข์ที่หนีไม่พ้น ทั้งทุกขไตรลักษณ์และทุกขอริสัจ ๔

    ทุกข์ของอริยบุคคล
    โดยเฉพาะพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพระพุทธเจ้า พระอรหันต์
    หนีทุกขอริยสัจ ๔ ได้ แต่มิอาจหนีทุกขลักษณะ คือทุกขไตรลักษณ์
    เพราะตราบใดยังมีขันธ์ ๕ แต่ถ้าดับขันธปรินิพพานหรือละสังขาร หนีเข้าพระนิพพาน
    และไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป จึงจะหลุดพ้นทุกข์ในไตรลักษณ์​

    เทศกาลสงกรานต์ ขอให้เดินทางกลับถึงบ้านและที่ทำงานปลอดภัยทุกๆท่านนะครับ
    (ถามเพราะเป็นห่วง เป็นใยกัน)​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 เมษายน 2013
  2. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    การพิจารณากายนี้ ให้พิจารณาเหมือนกับวัตถุสิ่งของที่มีอยู่ในโลกนี้ และให้เรารู้ว่าการมีกายนั้นสักวันหนึ่งก็จะต้องดับไป...อย่างแน่นอนและให้เรามองเห็นเหมือนวัตถุที่มีแต่จะหมดไปจากโลกไม่ช้าหรือเร็วนั้นเอง...แต่ต้องอาศัยความรู้ที่เด่นชัดนั้น เป็นเครื่องวัดที่ทําให้เราเข้าใจได้หรือตัว"ปัญญานั้นเอง"ปัญญาหรือความรู้ที่เป็นเหมือนสิ่งที่ครอบโลกธาตุนั้นเพราะเป็นความว่างเหมือนไม่มีร่างกายนั้นว่างหรือสงบนั้นเอง...นี่เป็นหลักธรรมชาติของจิตในปัจจุบัน เพราะจิตได้แยกออกจากทุกๆสิ่งในกายจะเป็นอย่างนี่ ก็เป็นเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แต่ไม่มีกิเลสมาแทรก ก็จะเป็นแค่ความสงบหรือความว่างเท่านั้น...เพราะกิเลสได้ขาดออกจากจิตแล้วก็เหลือแต่ความว่างที่ท่านเรียก"นิพพาน"นั้นเอง
    ที่มาจากเทปธรรมะขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    ลูกขอน้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเกล้าค่ะ
     
  3. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
  4. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
  5. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    " อย่าพูดมาก "

    “เวลาปฏิบัติ พอจะได้ดีหน่อย มันอยากจะพูด อยากจะเล่าให้ใครฟัง จริงไหมล่ะแก ข้ารู้ ข้าก็เคยเป็นมา” หลวงปู่ท่านกล่าว แล้วเล่าเรื่องเป็นอุทาหรณ์ว่า

    “มีพระองค์หนึ่งปฏิบัติจิตสงบดี แล้วเกิดนิมิตเห็นพระพุทธเจ้านับร้อยองค์เดินเข้ามาหา ท่านมีความปีติเอิบอิ่มยินดีมาก อยากจะเล่าให้หมู่เพื่อนฟัง ตอนเช้าจึงเล่าผลการปฏิบัติของตนให้หมู่เพื่อนทราบ ผลปรากฏว่าพระรูปนั้นทำสมาธิอีกเป็นเดือนก็ยังไม่ปรากฏจิตสงบดีถึงระดับที่เคยนั้นเลย”

    ถึงตรงนี้ ท่านสั่งเลยว่า
    “แกจำไว้เลยนะ คนที่ทำเป็น เขาไม่พูด
    ....... คนที่พูดนั่นยังทำไม่เป็น”

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ(พระผู้จุดประทีปธรรมกลางดวงใจ)
     
  6. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    " จิตบริสุทธิ์ จิตปกติ เป็นจิตพระอรหันต์ "
    ( หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต )

    การนอน การสงบเข้าฌาน เป็นอาหารของจิตและร่างกายอย่างหนึ่ง

    สมถะ ต้องพักจิตสอบอารมณ์ ส่วน วิปัสสนา จิตเดินไตรลักษณ์ให้รู้อริยสัตย์

    เหนื่อยแล้วเข้าพักจิต พักจิตหายเหนื่อยแล้ว จิตตรวจอริยสัจอีกดังนี้


    ฉะนั้นให้ฉลาดการพักจิต การเดินจิต ทั้งวิปัสสนาและสมถะ พระโยคาวจรเจ้าทิ้งไม่ได้

    ชำนิชำนาญทั้งสองวิธี จึงเอาตัวพ้นจากกิเลสทั้งหลายไปได้

    เป็นมหาศีล เป็นมหาสมาธิ เป็นมหาปัญญา


    มีศีลทั้งอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด พร้อมทั้งจิตเจตสิก

    พร้อมทั้งกรรมบถ ๑๐ ไม่กระทำผิดในที่ลับและที่แจ้ง สว่างทั้งภายในและภายนอก

    มีมหาสติรอบคอบหมด วิโมกข์ วิมุติ อกุปธรรม


    จิตบริสุทธิ์ จิตปกติเป็นจิตพระอรหันต์ สว่างแจ้งทั้งภายนอกภายในสว่างโร่

    ปุถุชนติเตียนเกิดบาป เพราะพระอรหันต์บริสุทธิ์

    กาย เป็นชาตินิพพาน วาจา ใจ เป็นชาตินิพพาน


    นิพพาน มี ๒ อย่าง นิพพานอยังมีชิวิตอยู่ ๑ นิพพานตายแล้ว ๑

    พระอรหันต์รอขึ้นรถขึ้นเรือไปนิพพานเท่านั้น ...


    บูรพาจารย์ โอวาทธรรมของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    บันทึกโดย พระอาจารย์หลวงปู่หลุย จนฺสาโร
    พุทธธรรมนำใจ
     
  7. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ...การสอนให้ทำความดี และเว้นความชั่วของศาสดาทางศาสนานั้น...

    ...ย่อมจงใจให้มนุษย์ปฏิบัติตามได้ก็จริง...

    ...แต่ก็หาอำนาจที่จะจงใจให้มนุษย์ปฏิบัติตามได้ตลอดไม่...

    ...เพราะมนุษย์ยังมีจิตไม่บริสุทธิ์ ยังมีกิเลสเกรอะกรังอยู่ในดวงจิต...

    ...เมื่อถูกเชื้อล่ออันเหมาะเจาะ เขาก็ต้องทำชั่วขึ้นมาอีก...

    ...ดังนั้นความชั่วจึงยังคงมีอยู่ทั่วไปในโลกจนตราบเท่าทุกวันนี้...

    ...พระธรรมคำสั่งสอนของหลวงปู่ทอง วัดพระธาตุศรีจอมทอง จ.เชียงใหม่...

    ...กราบหลวงปู่ทองด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะกราบ กราบ กราบ...
     
  8. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ...ธรรมะจากพระไตรปิฏก...

    เอาสติเป็นเครื่องตรวจโรคที่ใจตน...

    ...ใจนี้มีโรคชนิดใดหนอ...

    ความรัก...ความชัง...ความเหงา...

    ...ความดิ้นรน...ความจะเอา ความจะอยาก...

    ความไม่ได้ดั่งใจ...ความได้ดั่งใจ...ความริษยา อาฆาต พยาบาท...

    ...ความขุ่น ความแค้น ความเกลียด ความโกรธ ความถูกใจ ความไม่ถูกใจ...

    ...ความพอใจ ความไม่พอใจ ความฝันต่างๆเป็นต้น...

    ...โรคดังกล่าว ให้อะไรกับใจตน...เขวี้ยงมันทิ้งไปเสีย ไม่สนใจ...

    คัดจากหนังสือสโรชา พ.ศ.๒๕๔๗...

     
  9. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    แวะมาเสิร์ฟมื้อเที่ยงด้วยอาหารชุดนี้

    [​IMG]
    (ภาพจาก ไทยรัฐออนไลน์)


    ตามด้วยลอดช่อง

    [​IMG]

    แตงโมปั่น, น้ำดื่มลอยดอกมะลิ
    [​IMG]

    [​IMG]

    และมะม่วงน้ำปลาหวานค่ะ

    [​IMG]

    (ขอบคุณเจ้าของภาพทุกท่านค่ะ)




    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2013
  10. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    [​IMG]
     
  11. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    " มองในสิ่งที่ควรมอง"

    ...คนจะล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร...

    เพียรสำรวมระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้นในขันธสันดาน

    ...เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว...

    ...เพียรอบรมกุศลส่วนดีให้เกิดขึ้นในขันธสันดานของเรา...

    และต้องรักษาความดีของเราไว้...ให้เหมือนเกลือรักษาความเค็ม...

    ...นี่คือสิ่งที่สมควรมองหา...มองหาเพื่อความพ้นทุกข์...

    พระธรรมมังคลาจารย์ วิ.(หลวงปู่ทอง วัดพระธาตุศรีจอมทอง เชียงใหม่...

    กราบขอบพระคุณหลวงปู่ที่ให้ลูกได้นำธรรมะของท่านมาเป็นธรรมทาน...

    ...กราบหวงปู่ด้วยเศียรเกล้า และขออนุโมทนากับคุณ Nokmam ค่ะสาธุ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2013
  12. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    [​IMG]

    พระธรรมคำสอน…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน "ฤาษีลิงดำ"​


    การตัดสังโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
    ๑-นึกถึงความตาย เราไม่ประมาทในความตาย,
    ๒-เคารพพระไตรสรณาคมน์,
    ๓-ตั้งใจรักษาศีล ให้บริสุทธิ์ เท่านี้ยังไม่พอ

    ต้องมีอารมณ์ ต้องการพระนิพพานอีก
    ที่เรียกว่า "อุปสมานุสติกรรมฐาน"
    นึกถึง "พระนิพพานเป็นอารมณ์"เป็นประการที่-๔
    เข้าควบคุมใจ คือ ต้องการพระนิพพาน
    เมื่อจิตต้องการพระนิพพาน จิตมันก็คุมตัว

    เมื่อครบทั้ง ๔ ประการอย่างนี้
    เราจะเข้าถึงก้าวแรก คือ การเข้าสู่พระนิพพาน
    เริ่มเข้าถึงกระแสพระนิพพาน แต่ ยังไม่ถึง
    พระนิพพาน ถ้าเรียกเหมือนชาวบ้าน
    เขาก็เรียกว่า "เข้ารั้ว-พระนิพพาน"

    คำด่า คำนินทา จะรู้สึกเฉยๆ
    จะไม่กระทบ กระเทือน ถึงจิตใจมากนัก
    โกรธเบากว่า โกรธเล็กกว่า โกรธช้ากว่า
    อารมณ์รัก อารมณ์โกรธ อารมณ์หลง ยังมี
    จิตยังเลว แต่เราเลว อยู่ในขอบเขต
    ในรั้วพระนิพพาน ดีกว่าเลวภายนอก


    Cr : เฟสบุ๊ค - Lotus Postman
     
  13. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    มรดกหลวงพ่อ

    โลภะล่อจิตให้...หิวโหย ...โทสะเผาจิตโอย...เร่าร้อน

    โมหะหุ้มจิตโวย...ว้าวุ่น...สามสิ่งสร้างทุกข์ซ้อน...ทุกข์ซ้ำตลอดกาล...

    ...โลภะลดละได้ ...อิ่มเอม ...โทสะสิ้นจิตเกษม...สรางไหม้...

    โมหะเปลื้องปรีดิ์เปรม...ปลอดโปร่ง ใจนา...สามสิ่งใครตัดได้...สุขแท้ตลอดกาล...

    พระธรรมคำสอนของหลวงพ่อเก็บ ภทุทิโย (พระวิบูลเมธาจารย์ วัดดอนเจดีย์

    ...กราบน้อมรับพระธรรมคำสั่งสอนของท่านเจ้าค่ะ คัดจากหนังสือมรดกหลวงพ่อ...
     
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]
    เป้าหมายชีวิต!
    เป้าหมายของคนทั่วไป เป้าหมายของคนที่ใฝ่ธรรม ย่อมจะแตกต่างกันไป
    กล่าวคือ...
    เป้าหมายของคนทั่วไป คือเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเองเป็นหลัก
    แต่เป้าหมายของผู้คนที่ใฝ่ธรรมนั้น คือการหลุดพ้นจากกิเลสตัณหาฯตนเอง

    เพราะฉะนั้นเป้าหมายของบุคคลทั้งสอง จึงต่างกันอย่างสิ้นเชิง ราวฟ้ากับเหว
    เป้าหมายของคนทั่วไปเสมือนยิงเป้าผิด เพราะความไม่รู้ว่าเป้าที่ตนเองยิงไป
    ไม่ถูกต้องนัก เพราะมีอวิชชา คือความไม่รู้ของตนเองเป็นหลัก นั่นเอง
    แต่เป้าหมายของคนที่ใฝ่ธรรมจึงเป็นเป้าหมายที่ถูกต้องและชัดเจน
    รู้อยู่ว่าเป้าหมายที่ยิงไปนั้น ก็คือความจริงอย่างแน่นอนที่สุด
    เพราะเป็นเป้าหมายของนักปราชญ์

    ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ก็ลองหันกลับมามองดูที่จิตของเรา กล่าวคือจิตไม่นิ่ง
    ไม่มีสมาธิ จึงยากแท้ที่จะรู้ซึ้งถึงคุณธรรม นั่นก็คือ การเข้าถึงความเป็นจริง!
    หลักใหญ่ใจความมันอยู่ที่จิตคนเราเพียงอย่างเดียว เพราะปัญญาย่อมไม่เกิด
    กับบุคคลที่จิตไม่นิ่ง ไม่มีสมาธิ นั่นเอง

    มาปฎิบัติธรรม มาค้นหาความจริง เราจะไม่เป็นทุกข์อีก ไม่เป็นผู้หลงทางอีกต่อไป
    ดั่งพระพุทธเจ้า ดั่งครูบาอาจารย์ของพวกเรา ท่านได้ทำเป็นตัวอย่างที่ดีที่ถูกต้อง
    ให้กับพวกเราดูกันไปหมดแล้ว เราก็แค่ทำตาม ประพฤติตาม ปฎิบัติตามเท่านั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 เมษายน 2013
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]
    (ภาพประกอบ)
    ความรู้สึกตัวบนความไม่รู้สึกตัวจริงๆของเราเอง
    ผู้เขียนพยายามจะสื่อความหมายให้้พวกเราได้รู้ความจริง
    ที่เราไปหลงตนเอง ว่า..รู้แล้วๆ แต่ความเป็นจริงกลับไม่ใช่
    ที่เราบอกกับตนเองและผู้อื่น ว่า..เรารู้แล้วๆ แต่ความจริง เรารู้ไม่จริงหรอก

    แต่ที่พวกเรารู้อยู่ทุกวันนี้ เสมือนฝูงปลาที่กำลังแหวกว่ายไปตามกระแสน้ำเท่านั้น
    แต่หามีไม่หรือหาได้น้อย ก็คือคนที่แหวกว่ายทวนกระแสกิเลสตนเองและโลก
    เพราะฉะนั้น ผู้ที่ไม่ปฎิบัติธรรม ไม่เจริญสติภาวนา ย่อมไม่รู้ซึ้งถึงใจคำว่า ความจริง!
    เพราะความจริงของคนเราทุกวันนี้ เป็นมายา แค่สิ่งจอมปลอมแทบทั้งสิ้น
    แต่ผู้ที่ไม่มีดวงตาเห็นธรรมย่อมเป็นผู้ที่หามีดวงตาไม่ เพราะเป็นผู้ที่หาความจริงไม่ได้
    ความจริงนี้ หมายถึงอริยสัจ ๔ ของพระพุทธองค์ ทุกท่านก็ทราบเป็นอย่างดีแล้ว
    แต่มิได้ไปหมายถึง ความจริงที่ทุกคนรู้กันอย่างทุกวันนี้
    อันนั้น คือความจริงของคนเราทั่วไป แต่พระพุทธเจ้าท่านแปลว่า ความหลง
    ความหลงที่พวกเราหลงมาเกิดมีกายหยาบกัน มีทำกรรมร่วมกัน มีทั้งดีทั้งชั่ว
    หลงมารักกัน หลงมาเบียดเบียนกัน หลงมาโกรธกัน หลงมาทำร้ายกายใจกัน
    หลงใหลคลั่งใคล้กัน หลงเสน่หากัน หลงคิดถึงกัน หลงเป็นห่วงเป็นใยซึ่งกันและกัน
    หลงวัตถุภายนอก หลงสวยหลงหล่อกัน หลงคารมกัน หลงกายหลงใจตนเอง เป็นต้น
    นี่แหล่ะ ทุกวันนี้ อญุ่แต่สิ่งเหล่านี้ แล้วเราจะหาทางออกจากทุกข์กันได้อย่างไร
    เพราะเรามีตัวหลง มีตัวอวิชชากันมากมายนัก

    ทางอื่นหลงทางหมด แต่มีทางเดียวที่ทำให้พวกเราไม่หลง และรู้ตามความเป็นจริง
    เห็นมีแค่ทางเดียว นั่นก็คือ เจริญพระกรรมฐาน เจริญสติภาวนา
    หรือจะต้องทำให้จิตใจเรานิ่งสงบเสียก่อน แล้วปัญญาเราก็จะตามมาทีหลัง
    ปัญญาเท่านั้น ที่จะเป็นผู้นำพาให้จิตคนเราออกจากความหลงและความทุกข์ตนได้
    มีแต่พระกรรมฐานที่พอจะเปลี่นนิสัยหรือสันดานของคนเราได้ นอกนั้น ไม่มี

    แต่ถ้าให้เจริญสติปัญญา เจริญในธรรม ต้องรีบมาสมัครทำจิตเกาะพระไวๆ
    ว่าจะไม่ ว่าจะไม่ โฆษณาแล้วนะ ไหนๆก็ไหนๆ ขอนิดนึงน่ะ
     
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]
    จิตเกาะพระ
    [มิใช่เกาพระ]
    ให้นำจิตเราไปเกาะพระพุทธเจ้า เกาะพระนิพพาน
    มิใช่! ให้ไปเกาะ ไปยึดกับคนอื่นหรือสิ่งอื่นๆ
     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]
    (ภาพประกอบ)
    ของจริงๆคือธรรม คือความจริง มิใช่มายา มิได้อยู่ภายนอก
    แต่อยู่ภายในกายใจของเรา ว่าแต่ว่า จะหาเจอกันหรือไม่เท่านั้นเอง
    แต่เราจะต้องมีความพยายาม มีความตั้งใจจริงที่จะค้นหา ความจริง!
    พยายามอยู่แต่"ถ้ำ" คือพยายามอยู่กับตนเองให้มาก
    เตรียมอุปกรณ์การเรียนไปด้วย นั่นก็คือสติกับจิตตนเอง
    อย่าไปสนใจกันเลยกับสิ่งภายนอก เพราะอันตราย!
    อย่าไปเสียเวลาค้นหาความจริงจากคนอื่น สิ่งอื่น
    แต่ให้เราค้นหาความจริง หาคำตอบที่จิตตนเอง

    จงมีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ เป็นที่พึ่งสูงสุดของตน
    มีสติปัญญา มีแสงสว่างแห่งจิตมองเห็นกายใจหรือกิเลสตัณหาฯตนกันด้วยเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 เมษายน 2013
  18. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    สตินั้นสําคัญมาก เพราะผู้จะปฏิบัตินั้นต้องใช้สติอย่างมากจึงจะทําให้จิตที่วุ่นวายนั้นสงบลงได้และต้องบังคับจิตใจด้วยสติต้องใช้ธรรมเท่านั้น...อย่างอื่นที่จะทําให้จิตสงบนั้นไม่มี เพราะจิตไม่มีความสงบ ถ้าจิตยังไม่สงบจะพาพิจารณาด้านธรรมนั้นไม่ได้เพราะจิตไม่สงบต้องทําความสงบให้จิตอิ่มตัวก่อนถ้าจะเอาดีในด้านธรรมต้องเอากิเลสให้อยู่ในมือเราได้เสียก่อน...แล้วพอได้ความสงบก่อนนั้นแหละจึงจะเห็นผลในการปฏิบัติธรรม ต้องเป็นเอง เห็นเอง ผู้ปฏิบัติต้องเดินตามนี้ ต้องบังคับให้จิตสงบนั้นก่อนขั้นนี้ต้องเป็นขั้นต่อสู้กับกิเลสให้อยู่ในมือ เพราะเราต้องจับฆ่าศึกไว้ก่อนนั้นแหละ ถ้าเราแพ้ต่อฆ่าศึกเราก็หมดหวังที่จะทําความเพียรต่อไปเพราะเราแพ้ต่อกิเลสนั้นเอง...ถ้าเราไม่ชนะมันถึงเราจะทําความเพียรไปก็สักแต่ว่าทําไปก็เป็นความเพียรแบบกิเลสที่เป็นตัวบ่งการอยู่ภายในเพราะกิเลสเต็มหัวใจอยู่แล้ว ก็จะมีแต่ความคิดปรุงแต่งต่างๆนาๆนั้นไปตามกิเลสคือความฟุ้งซ่านรําคาญใจสุดท้ายก็แพ้มันไปเกิดความท้อแท้เพราะมันเหนียวแน่นนั้นเอง...
    ที่มาจากเทปธรรมะขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    ลูกขอน้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเกล้า
     
  19. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    สติต้องผูกกัมมัฏฐาน

    “... สติมีอันเดียว สติ คือ ความระลึกได้ คำมันชัดมาก ระลึกอะไรอยู่? คือระลึกอารมณ์ของกัมมัฏฐานได้ และสติแนบกับจิต แนบกับจิตไว้ เมื่อสติแนบกับจิต กัมมัฏฐานก็อยู่ในจิต สัมปชัญญะก็คือความรู้ว่าบัดนี้กัมมัฏฐานแนบกับจิตแล้ว นี่ เพราะอาศัยสติเป็นตัวช่วยให้จิตมีกัมมัฏฐานกองนั้น เนี่ย... เรื่องสติต้องผูกกัมมัฏฐาน ผูกอารมณ์ ต้องนึกถึงอารมณ์กัมมัฏฐานได้

    ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรายังไม่เคยเห็น อะไรดีล่ะ? ยังไม่เคยเห็น ... คนขาดใจตายกลางอากาศ ... เรานึก เอาสติไปนึก เอาไประลึก ระลึกเท่าไหร่ก็ระลึกไม่ได้นะ มันไม่เคยเห็นน่ะ มันไม่เคยเห็นมันระลึกไม่ได้ เพราะอะไร? เพราะว่าสติก็อาศัยสัญญาระลึกเป็นกัมมัฏฐานนะ เนี่ยมันใช้ขันธ์ห้านะ มันระลึกไม่ได้ สัมปชัญญะความรู้ก็รู้ไม่ได้อีก เนี่ยมันถอนตัวหมดเลย หรือว่าเราพิจารณาอสุภะแต่ทำไมไปเจอสุภะได้ พิจารณาคลายความผูกพันธ์ในกามราคะ แต่ทำไมจิตมันจึงไปจับเอากามราคะขึ้นมาเพราะอะไร เพราะว่าความเคยชินของสัญญา มันมีอยู่ในสัญญาพูดง่ายๆ เขาเรียกว่าอะไรล่ะ ข้อมูลมันมีอยู่หลายชาติแล้ว คราวนี้เราเอาข้อมูลตัวใหม่ใส่เข้าไปนะมันรับไม่ค่อยได้ เราถึงได้ว่าภาวนามันถึงมีกัมมัฏฐาน มีอะไรมีตัวอื่นเข้ามายุ่ง มีราคะ มีกาม มีโทสะ มีโมหะเข้ามายุ่ง ทั้งๆ เราก็พยายามจะตัด แต่ทำไมมันถึงเข้ามายุ่งกับเรา เพราะว่าสัญญามันมีอยู่

    คนเราเนี่ยนะนั่งสมาธินะ เทวดาก็เคยเห็น บางทีมันเห็นในนิมิตนะ วิมานอย่างนี้ วิมานลอยอยู่ในอากาศ พรหมเป็นรูปพรหมอย่างงี้ สัตว์นรกอย่างงี้ สัตว์เดรัจฉาน บ้านเรือนต่างๆ นานา เราเห็นได้หมดมันเห็นตามสัญญาความจำ แต่ให้เห็นนิพพานน่ะเห็นไม่ได้ ไม่เคยไป นิพพานของจริงนะ เนี่ยไม่เคยไป นึกถึงอารมณ์พระอรหันต์นึกไม่ได้ ก็เขาบอกว่าอารมณ์พระอรหันต์ไม่มีราคะ โทสะ โมหะนะ ว่างนั่นแหละอารมณ์พระอรหันต์ แต่พระอรหันต์จริงๆ ไม่ได้ว่างแบบที่คิดกัน เพราะเรายังไม่มีบันทึกไว้ว่าอรหันต์มีอารมณ์แบบไหน นิพพานมีอารมณ์แบบไหนยังไม่มีบันทึกไว้เรานึกไม่ได้ อันนี้เราพูดให้ฟังนะ เรายกตัวอย่าง ...

    ฉะนั้นคำว่า “สติ คือ ความระลึกได้” มันต้องระลึกกัมมัฏฐานกองใดกองหนึ่งขึ้นมา จิตมันถึงจะมีเครื่องผูก ผูกอยู่กับสติ สติผูกอยู่กับอารมณ์กัมมัฏฐาน สัมปชัญญะก็รู้ตาม มันถึงจะเป็นกัมมัฏฐานตรงนี้แหละ ถ้าหายไปตัวใดตัวหนึ่งนะไม่เป็น พอเข้าใจมั้ย ...”

    ตอนหนึ่งของพระธรรมเทศนา เรื่อง กัมมัฏฐานเป็นเครื่องรักษาจิต
    โดย หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน
    ธรรมคำสอน หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน
     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    เมื่อไหร่ รู้สึกว่าเราโดดเดี่ยว อ้างว้าง มองหาใครไม่เจอ โดยเฉพาะทุกข์อยู่คนเดียว
    อย่าท้อแท้ เข้มแข็งเข้าไว้
    ลืมกันไปแล้วหรือ..เวลามาก็มาคนเดียว "ความเกิด" เวลาไปก็ไปคนเดียวอีก "ความตาย"
    แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อไม่มีใครเหลืออยู่เคียงข้างกับเราเลย
    ขอให้นึกถึงคำว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่ง" จะดีที่สุด

    เพราะฉะนั้น จะเป็นคนดีก็ต้องอดทนเพราะให้ผลช้า ไม่เหมือนทำเลว
    จะเป็นคนดีทั้งทีก็อย่าท้อแท้ ส่วนคนที่ท้อถอยนั้น ระวังนะ..จะกลับไปทำเลว​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 เมษายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...