จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

วันนี้ขออนุญาตนำการบ้านของลูกศิษย์ขึ้นกระทู้เป็นธรรมทานอีกสักครั้ง ขอทุกท่านได้โปรดอ่านและโมทนาบุญกันถ้วนหน้าค่ะ สาธุ

สวัสดีคะคุณครูเกษ คุณครูลูกพลัง และคุณครูปุ้ย

ก่อนอื่นตูนต้องขอบคุณ คุณครูลูกพลัง และคุณครูปุ้ยกับคำแนะนำที่ให้ตูนได้คิดมากขึ้น และตูนขอน้อมรับที่จะปฏิบัติตามคำสั่งสอนของคุณคูรทั้งสองท่านนะคะ ตูนจะขัดเกลาน้องจิต ให้ระลึกถึงการวิปัสสนา และตัดลงไตรลักษ์ให้ได้เร็วๆวัน

และในหัวข้อที่คุณครูเกษได่ถามตูนว่า [เมื่อก่อนตูนคิดว่าตัวกูของกูแต่เดี่ยวนี้คิดว่า ไม่ใช่ตัวกูและไม่มีอะไรที่เป็นของกู] ณ ปัจจุบันที่ตูนได้เข้ามาฝึกจิตเกาะพระนั้น ตูนเห็นได้ว่า(โดยใช้จิตพิจารณาดู) ก็รู้ว่าทุกอย่างที่ตูนคิดว่าเป็นของตูน อย่างเช่นรถยนต์ที่ตูนเคยใช้งานมาเกือบ 8 ปีนั้น มันเป็นทั้งยานพาหนะที่พาตูนและลูกไปเที่ยวไหนต่อไหนมาแล้วและยังเป็นผู้ช่วยที่นำตัวตูนใช้ขับไปทำงานเพื่อประกอบอาชีพที่ต้องหาเลี้ยงปากและท้องของลูกชายมาตั้ง 8 ปี แต่ปัจจุบันตูนต้องเปลี่ยนรถคันใหม่เพราะว่าเจ้ารถคันเดิมนั้นมันเก่าและต้องซ่อมแซมอีกเยอะซึ่งตูนคำนวณดูแล้วไม่คุ้มที่จะซ่อมแซมมันได้อีก ดูเอาซิคะคุณครูเกษเมื่อก่อนตูนคิดว่ารถคันนี้มันเป็นของตูนแต่เดี่ยวนี้ไม่ใช่แล้วนะคะ คงเป็นของคนอื่นๆไปแล้วนะคะ และถ้าตูนนำเรื่องรถคันนี้มาเปียบเทียบว่าเป็นตูน ก็คงเหมือนกับรถที่ตูนใช้ขับอยู่นะคะ ตูนคิดว่ามันจะต้องอยู่กับตูนตลอดไปแต่แล้วก็ไม่ใช่ ก็ต้องตายไปสักวันหนึ่ง(เหมือนขันท์5 นี่เอง)วันหนึ่งมันก็คงผุพังไปตามสภาพและการกาลเวลาของมันจะช้าหรือเร็วมันก็ต้องเสื่อมสภาพลงไป

และวันนี้ก็เช่นเดียวก็นะคะ ในระหว่างทำงานตูนได้ไปเข้าห้องน้ำ ในระหว่างที่ตูนเข้าห้องน้ำนั้นจิตตูนได้วิปัสสนาว่าดูก่อนนะจิตน้อยถ้าเจ้าคิดว่ากายนี้เป็นของเราทำไม่ในระหว่างที่ปัสสะวะนั้นเจ้าไม่นำแก้วนำ้มารองไว้และก็ดื่มปัสสวะนั้นหละเพราะถ้าเจ้าคิดว่ากายนี้เป็นของเราปัสสวะนั่นก็ต้องเป็นของเราด้วยซิถ้า ทันใดนั้นจิตและสิตของตูนคิดได้ทันที่เลยคะว่ากายนี้ไม่ใช่ของเราแน่นอน(ดูซิคะคุณครูเกษจิตมันตัดไตรลักษ์ทันทีเลยนะคะ เพราะกลัวที่จะดื่มนำ้ปัสสะวะนะคะ ฮิๆๆๆๆ)

ส่วนเรื่องการพิจารณาอสุภะ นั้นทุกวันนี้ตูนดูวีดีโอเกี่ยวกับการปลงศพบ้าง การผ่าศพบ้าง และทุกๆวันตูนก็จะฟังท่านพ่อฤาษีสอนเรื่องพระกรรมฐาน40 และอสุภะกรรมฐานทุกๆวันเลยคะตามที่คุณครูเกษแนะนำนะคะ จนบางครั้งเวลาที่ตูนรู้สึกสงบได้นั้นตูนจะมีความรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงท่านเทศน์เข้ามาถึงในจิตตูน และจิตตูนก็รับฟังและเอาไปพิจารณารวมทั้งวิปัสสนาไปในตัวพร้อมทั้งตัดไตรลักษ์ไปพร้อมๆกันนะคะ อย่างเช่นทุกๆวันตูนทาครีมบำรุงหน้าตอนเช้านั้น ตูนก็พิจารณาว่าดูซิเราทาครีมทุกๆวันเพื่อบำรุงหน้าให้ไม่แตกกร้านแต่แล้ววันนี้อากาศเย็นจัดทาครีมยังงัยก็ยังหน้าแตกอยู่ดี แล้วนับภาษาอะไรกับชีวิตของเราต่อให้เราระวังหรือดูดีแคร่ไหนวันหนึ่งเราก็ต้องตายอยู่ดี พร้อมกับสังขารที่เราดูแลมันอย่างดีเท่าไรวันหนึ่งมันก็เหยีวอยู่ดี(ทุกอย่างที่มีอยู่มันเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปตลอดเวลา)เป็นอย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุดแล้วอย่างนี้เรายังอยากกลับมาเกิดอีกหรือเจ้าจิตน้อย

และทุกๆครั้งทีดูวีดีโอนั้นตูนก็จะนึกว่าเป็นตัวเองโดยเผา และจิตตูนก็วิปัสสนาว่าวันหนึ่งนั้นร่างทีเจ้าเห็นนั้นเป็นคุณยายแก่ๆสุดท้ายก็ต้องเป็นตัวเรา แล้วยังจะห่วงอีกเหรอ(ทุกๆคนที่เข้ามาในชีวิต) ซึ่งมันเป็นของมันอย่างนี้ตลอดเลยนะคะตอนที่ตูนดูวีดีโอนะคะคุณครูเกษ สุดท้ายนี้ตูนขอจบการบ้านเท่านี้ก็นะคะ

ปล. ตูนลืมบอกครูเกษไปว่าทุกๆวันนี้ทุกๆครั้งที่นึกถึงพระท่านก็มาอยู่ในจิตของตูนตลอดนะคะหลับตาก็เห็นตื่นก็เห็นท่านนะคะ บางครั้งรู้สึกเหมือนท่านยิ้มให้ด้วยนะคะ

 

จงอย่าสนใจจริยาของบุคคลอื่น...และการเจริญสมาธิจงอย่าทำเพื่อ...

...โอ้อวดการเจริญสมาธิจะทำให้ดีได้...ให้ถือใจความพระพุทธเจ้าว่า...

...ใครเขาจะมีกินมาก...ใครเขาจะมีกินน้อย...ใครเขาอ้วนมาก...ใครเขาอ้วนน้อย...

...ใครเขาจะมีสาวกมากใครเขาจะมีสาวกน้อย...คนนั้นมีสมบัติมาก...คนนั้นเจริญสมาธิ...

...จิตวิปัสสนาญาณยังแต่งตัวสวย...ยังผัดหน้า ยังทาแป้ง...ใครเขาจะดีจะชั่วอย่างไรก็

เป็นเรื่องของเขาจงอย่าไปสนใจ...เรานั่งสมาธิก็จงอย่านั่งให้บุคคลอื่นเห็น...ถ้าหากไปทำ

อย่างนั้นพระพุทธเจ้าทรงตัดว่ายังมีอุปกิเลสอยู่มาก...

"คัดจากหนังสือกรรมฐาน ๔๐" พระราชพรหมยาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ.

.กราบท่านพ่อด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะสาธุๆ.

 

โลกนี้คือละครโรงใหญ่...ทุกคนคือตัวละครของโลก...

...มีหน้าที่แสดงต่างๆกัน สุดแต่ผู้กำกับการแสดง คือกณรมจะบัญชา...

...ใครแสดงดี...ก็มีชื่อเสียง...ใครแสดงไม่ดี...ก็รับแต่เสีย...

...ฉะนั้น ในฐานะที่เราเป็นคนของโลก...เราควรจะซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ จงจำไว้สั้นๆ ว่า...

(เกิดมาเป็นคน อย่าให้จนความดี เกิดมาทั้งที ต้องให้มีดีติดตนไป)

โอวาทธรรม ของหลวงพ่อจรัญ พระธรรมสิงหบุราจารย์ ลูกขอน้อมกราบๆๆเจ้าค่ะ.

 

ธรรมคือ"โลกบาล" หรือธรรมคุ้มครองโลก หรือเรียกอีกอย่างว่ามี "หิริโอตปะ" คือมีความละอายต่อบาปนั้นเอง...คําว่าโลกนั้นกว้างแสนกว้างแต่ธรรมก็มีไว้สําหรับคนผู้ปฏิบัติเพื่อรักษาตนเอง เป็นเครื่องป้องกันภัย เพราะเรามาปฏิบัติธรรมก็เพื่อป้องกันเราไม่ให้ตกไปสู่ความทุกข์และที่ไม่ปลอดภัย... เราจึงต้องมีเครื่องรักษาเพราะแม้แต่สัตว์เขาก็มีอาวุธป้องกันตัว...อย่างสุนัขก็มีเคี้ยวไว้ต่อสู้ และสัตว์ชนิดต่างๆก็มีแตกต่างกันออกไป...ส่วนมนุษย์นั้นก็ต้องมีธรรมเป็นเครื่องป้องกัน(หรือมีศีลนั้นเอง) จึงจะปลอดภัยเพราะรู้ว่ามีบาปมีบุญและสิ่งไหนมีคุณก็จะทําแต่สิ่งไหนเห็นว่าเป็นโทษก็ไม่ทําผู้มีศีลจึงเป็นผู้อยู่เป็นสุข...เพราะศีลเป็นเครื่องป้องกันภัยสําหรับผู้ปฏิบัติธรรม และก็จะมีความคิดอ่านไตร่ตรองในธรรมและทําให้การแสดงออกมาเป็นที่เย็นใจของผู้พบเห็นได้...เพราะผู้มีศีลจะเป็นคนที่เย็นเพราะความเย็นของกาย วาจา ใจ นั้นเอง...
ที่มาจากเทปธรรมะขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
ลูกขอน้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเกล้าค่ะ

 

"ปราชญ์กล่าวว่าชีวิตนี้น้อยนัก"

...ทุกชีวิต ไม่ว่าคนหรือสัตว์ มิได้มีเพียงเฉพาะชีวิตนี้ คือมิได้มีเพียงชีวิตในชาตินี้...

...ชาติเดียว แต่ทุกชีวิตมีทั้งชีวิตในชาติอดีตชีวิตในชาติปัจจุบัน และชีวิตในชาติอนาคต.

"ชีวิตนี้น้อยนัก"...หมายถึงชีวิตในชาติปัจจุบันน้อยนัก สั้นนัก...

.....ชีวิตคืออายุ ชีวิตในปัจจุบันชาติของแต่ละคนอย่างยืนนานที่สุดก็เกินร้อยปีไม่ได้

เท่าไร ซึ่งก็ดูราวเป็นอายุที่ไม่ยืนมากนัก แม้ไม่นำไปเปรียบกับชีวิตที่ต้องผ่านมาแล้ว...

...ในอดีตที่นับชาติไม่ถ้วนนับปีไม่ได้ และชีวิตที่จะต้องเวียนวนเกิดตายต่อไปอีกใน...

...อนาคตที่จะนับชาติไม่ถ้วน นับปีไม่ได้อีกเช่นกัน...

...ที่ปราชญ์ท่านว่า "ชีวิตนี้น้อยนัก" นั้น ท่านมุ่งให้เปรียบชีวิตนี้กับชีวิตในอดีตที่นับ

ชาติไม่ถ้วน และชีวิตในอนาคตที่นับชาติไม่ถ้วนอีกเช่นกัน สำหรับผู้ไม่ยิ่งด้วยปัญญา...

...ไม่สามารถพาตนให้พ้นทุกข์สิ้นเชิงได้...

(คัดจากหนังสือชีวิตนี้น้อยนัก) สมเด็จพระญาณสังวร.

...สมเด็จพระสังฆราช สกลมมหาสังฆปริณายก.ลูกขอน้อบกราบท่านสมเด็จเจ้าค่ะสาธุๆ.

 

สวัสดีค่ะคุณภู ขอบพระคุณค่ะสำหรับธรรมะธรรมทานของท่านพ่อองค์

สมเด็จพระปฐมและของคุณภู ขอน้อมรับธรรมทานทั้งหมด จนกว่าขันธ์ของ

ตนเองจะดับโดยความไม่ประมาทค่ะ ขออนุโมทนาค่ะสาธุๆๆๆ.

กราบองค์สมเด็จองค์พระปฐมด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะ.

 

​

บุคคลตัวอย่าง​

วันที่พ่อเข้าไปพบกับพระองค์ พระองค์ตรัสว่าเวลานี้การฟังเทปรู้สึกว่า ฟังไม่ค่อยจบ นอนฟัง ฟังไป ฟังไป รู้สึกว่าหนักเข้า ความไม่ได้ยินในเทปมีอยู่ เคลิ้มหลับ แต่ว่าพอเทป ดังแกร็ก รู้สึกตัวขึ้น แล้วก็พลิกฟังใหม่อีกหน้าหนึ่ง คราวนี้หลับไปเลย พระองค์ทรงติงพระองค์ว่า รู้สึกว่าไม่ดี แต่พ่อกลับทูลพระองค์ไปว่า นั้นเป็นความดี เพราะว่าถ้าหลับในระหว่างการฟังธรรม ชื่อว่าจิตฝังอยู่ในธรรมตลอดเวลา และการฟังค่อยๆ เคลิ้มไปทีละน้อยๆพอเทปหมดหน้า รู้สึกเสียงดังแกร๊ก
ก็แสดงว่านั้นไม่ได้หลับ แต่ทว่าจิตฟังธรรมเป็นฌานสมาบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฟังไม่ได้ยินเสียงเลยนั้นเป็นฌาน๔
ความจริงเรื่องนี้ดีมาก
ฉะนั้นขอบรรดาลูกรักทุกคน จงปฏิบัติเยี่ยงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จงอย่าอ้างว่าข้าพเจ้ามีงานมาก มีภารกิจมาก ไม่มีเวลาพักผ่อน ไม่มีโอกาสเอาจิตเข้าไปฝึกฝนธรรมะ​

 

"วัฏสงสาร...คือ มหาภัยแท้"

ร้อย มนุษย์ หลุดห่วง จาก บ่วงวัฏ
แสน มนุษย์ มากพันธะ ยังหวังผล
ล้าน มนุษย์ ยังหลง วังเวียนวน
โกฏิ มนุษย์ ยังดิ้นรน ไม่พ้นภัย
######. วัฏฏะ .######​

Cr. FaceBook : ภุชงค์ นาคราช

 

คำสอน พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

สังขารุเปกขาญาณ
จาก หนังสือ พ่อรักลูก (พิเศษ)


กำลังใจของเราจะทรงได้ดีจริงๆ ต้องน้อมใจของเรานี้ฝึกไปด้วยปัญญาพิจารณาหาความจริง

จิตใจตั้งอยู่ในสังขารุเปกขาญาณ นั่นก็คือมีอาการวางเฉยตามสภาวะของสังขาร
คือ ร่างกายและทุกสิ่งทุกอย่างในโลก มีความรู้ตามความเป็นจริงว่า

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเป็นอนิจจัง

คนเป็นอนิจจัง

วัตถุในโลกก็เป็นอนิจจัง

คำว่า "อนิจจัง" แปลว่า มันไม่เที่ยง

เรารู้ตามความเป็นจริงของมันว่ามันไม่เที่ยง ในเมื่อมันไม่เที่ยง เรายอมรับนับถือความไม่เที่ยงของมัน

มีความรู้สึกอยู่เสมอว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกหาอะไรเที่ยงไม่ได้

แต่ว่าเมื่อมันไม่เที่ยง เราก็ทำใจของเราให้เที่ยง

มันเที่ยงตรงไหน เที่ยงตรงที่มันมีความรู้สึกตามกฎของธรรมดาอยู่เสมอว่า

ร่างกายก็ วัตถุธาตุก็ดี ที่เกิดมาในโลกนี้มันไม่เที่ยง

มันมีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น และมีความแปรปรวนไปในท่ามกลาง

มีความแตกสลายตัวไปในที่สุด

สังขารุเปกขาญาณ จาก คำสอน พระราชพรหมยาน

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=eO23p0yYP-Y]เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม - เอก [MV HD] - YouTube[/ame]
ทางโลกเขาให้เบอร์โทรกันทางนั้น
แต่ทางธรรมเขาให้ธรรมะ สื่อธรรมะกัน ที่นี่!​

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=A9YSxdlHJSo]ดาว - พอส - YouTube[/ame]
ดาว มิได้อยู่ไกลอย่างที่ทุกคนคิด
ธรรมะ มิได้อยู่ในเฉพาะเล่มพระไตรปิฎก 84000 พระธรรมขันธ์
ที่แท้ธรรมะก็อยู่ภายในจิตใจของเรานี่เอง
จิต ของคนเราก็เช่นกัน ก็อยู่ในร่างกายของเรา นี่แหล่ะ
วันนี้เราหาธรรมะตนเอง หาจิตตนเอง เจอกันหรือยัง?
แต่ถ้าผู้ใดพบเจอแล้ว ก็สุขใจกันได้ เมื่อนั้นฯ
​

 

ดอกไม้เขาสวยงามตามธรรมชาติของเขาอยู่แล้ว
แต่จิตเดิมแท้ของคนเรานั้น สวยงามแท้ยิ่งกว่าดอกไม้หลายร้อยเท่า พันเท่า แสนเท่า
เพียงเราเข้าให้ถึงธรรมปฎิบัติ เราก็จะพบกับจิตประภัสสร จิตเดิมแท้ วิมุตติสุข​

 

การกระทําเป็นหลักสําคัญมากที่จะทําให้เห็นเหตุผล... เพราะถ้าเรากระทําจริงจังก็ไปได้เพราะจิตไม่เหนือการคิดทําบ่อยๆทางธรรม...ทุกอย่างต้องมีสัมมาทิฏฐิ และเห็นว่าอะไรโง่อะไรฉลาด ถ้าไม่ใช่ตัวเรา"ตัววิญญาณ"ที่มีอยู่ในตัวเราต้องถามเราว่าตอนนี้เราโง่หรือฉลาดเราต้องมีความเชื่อมั่น... และเราต้องมีสัมมาทิฏฐิ ธรรมะต้องนํามาประพฤติปฏิบัติเท่านั้น ถ้าเราปฏิบัติไปได้ช้าก็ตัวเรานั้นแหละเป็นผู้พาเดิน ถ้าเราเอาจริงต้องเห็นจริง ต้องตั้งลงที่ใจคือ "การสังเกตุความคิดปรุงของตนเอง"ให้สังเกตุความคิดดีวันหนึ่งเกิดขึ้นเท่าไหร่? และความคิดชั่วเกิดขึ้นเท่าไหร่? ต้องดูลงที่ใจเราต้องรักษาตนคือใจเท่านั้น ใจต้องมีสติคอยดูความคิดเราว่าไปทางไหน และสมาธิก็จะเกิดได้ง่ายและก็พิจารณาอยู่บ่อยๆให้เห็นชัดด้วยปัญญา...ในกายในใจส่วนมากคนที่ไม่เห็นกายนี่จะเห็นในธรรมนั้นก็ยากมาก เพราะยังไม่เห็นภายนอกแล้วจะเห็นภายในจิตได้นั้นก็จะยาก...เพราะจิตต้องน้อมดูอารมณ์และใช้ปัญญาให้เห็นเข้าไปภายในใจ...ต้องใช้มรรคคือความเห็นชอบเราก็จะเป็นผู้บริสุทธิ์ คือความพอดี เราต้องเปิดโอกาสให้มรรคออกเดินเราก็จะเห็นได้...
ที่มาจากเทปธรรมะขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
ลูกขอน้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเกล้าค่ะ

 

อะไรเปลี่ยน แต่จิตเราต้องไม่เปลี่ยน
ไม่ใช่หน้าที่เรา ที่จะไปเปลี่ยนแปลงอะไร
ขนาดตัวของเราเอง ก็ยังเปลี่ยนแปลงไม่ค่อยจะได้เลย
หรือ อาจจะเปลี่ยนได้ แต่ก็ยากแสนยาก

เพราะฉะั้นั้น ควรเลิกคิดที่จะไปเปลี่ยนแปลงคนอื่น หรือสิ่งอื่น
เพราะไม่ใช่หน้าที่ของเรา แต่จะเป็นหน้าที่ของ "กฎแห่งกรรม"
แต่พอจะเปลี่ยนแปลงได้บ้าง นั่นก็คือ ตัวของเราเอง
ด้วยเจริญกรรมฐาน คือลงมือปฎิบัติธรรมด้วยตนเองเท่านั้น
นอกนั้น ไม่มีทาง

ไม่มีผู้ใด จะเปลี่ยนแปลงโลกอันไม่เที่ยงนี้
มีแต่ยอมรับ คือยอมรับกฎธรรมดา เท่านั้นเอง
แต่ถ้าเรายอมรับไม่ได้ ก็ทุกข์ใจไปตลอดชีวิตฯ

 

​

โลกใบนี้ มีอะไรให้เราเรียนรู้มากมาย
แค่เราเกิดมา รู้แค่นี้ มันยังไม่เพียงพอ
เมื่อมาเปรียบเทียบในสิ่งที่เรารู้กับไม่รู้ มันเทียบกันไม่ได้เลย
เพราะสิ่งที่เราไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้รับรู้มาก่อนเลยนั้น มีมากกว่าสิ่งที่เรารู้

เพราะฉะนั้น เราอย่าหลงไปตำหนิ ไปด่า ไปกล่าวให้ร้ายกันนะ
ไม่ได้มาสอน แต่มาแชร์ธรรมะกัน
​

 

​

 

ไม่มีสตางค์ แต่มีสติ ก็ยังดีกว่า
เพราะถ้าไม่มีสติ มีสตางค์เท่าไหร่ ก็อาจไม่เหลือ!

อย่าให้อารมณ์มาทำร้ายสติ
และ อย่าให้กิเลสมาทำร้ายจิตใจ
นาย..ปัญญาสู้ๆ​

 

...จิตบริสุทธิ์ หลุดพ้นจากกรรมชั่ว...

"...อันกรรมบริสุทธิ์ เกิดจาก...จากจิตที่บริสุทธิ์...เพราะสงบความโลภ...

...โกรธ หลง ประกอบด้วยธรรมมีเมตตา กรุณา เป็นต้น จะเห็นได้จากจิตใจของ..

...ผู้ที่ทำการในบุญต่างๆ ของผู้รักษาศีล และผู้ที่อบรมจิตใจกับปัญญา ใครๆ .ที่...

...ที่เคยทำทาน รักษาศีล และอบรมจิตกับปัญญาดังกล่าวย่อมจะทราบได้ว่า...

...มีความสุขอย่างไร...ผู้มีจิตใจ...กรรม และความสุขที่บริสุทธิ์ดังนี้ ชื่อว่า...

...ผู้มีบุญอันได้ทำแล้วในปัจจุบัน เป็นผู้มีความมั่นคงในตนเอง อย่างที่ใครๆ...

...หรืออะไรจะทำลายมิได้ และจะเจริญพร คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ยิ่งๆขึ้น...

...ด้วยเดชบุญ..." พระวรคติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร...

(สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก) สาธุ สาธุ สาธุ.

 

...ถ้าปฏิบัติได้กลางๆ ก็เป็นอนาคามี ถ้าปฏิบัติได้อันดับสูงสุด...

...จะเป็นอรหันต์เลย...ธรรมะ ๓ ประการนี้ไม่ใช่ของเล็กน้อย...หนักมาก มีคุณประโยชน์

มาก ก็มาพูดกันตรงไปตรงมาตีไม้สั้น ว่าการอยากได้ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่น แต่มันยัง

ไม่ได้หยิบเอามานี่ทำไมต้องมีบาปด้วยหรือ...อย่าลืมว่าบาปนี่แปลว่าชั่วนะ...

...ถ้าคิดอยากจะได้ทรัพย์สมบัติของเขาโดยไม่ชอบธรรม...ลักบ้างขโมยบ้าง...

...อยากจะแย่งบ้าง อยากจะโกงบ้างเป็นต้น...อย่างนี้ถือว่าคิดบาป จิตเป็นบาป คิดชั่ว

ถ้าจิตมันคิดชั่วแล้วทุกสิ่งทุกอย่างมันขึ้นกับใจหรือจิต...กายดีวาจาก็ดีขึ้นกับจิตหรือใจ...

...จิตก็ได้ ใจก็ได้ เพราะชาวบ้านชอบพูดใจ บางคนก็ชอบพูดจิต เพราะจิตหรือใจมี...

...อำนาจสั่งการ ถ้าจิตคิดเลวกายก็ทำเลว และจิตก็มีอำนาจสั่งวาจา ถ้าจิตคิดเลว...

...วาจาที่พูดก็พูดเลว ถ้าจิตคิดดีกายที่ทำดี วาจาพูดดี ฉะนั้นการที่ท่านเอาจิตเข้าไปคิด

แล้วก็บอกว่ายังไม่ได้ทำ...จะเป็นโทษจะมีบาปไหม ต้องขอตอบว่าโทษน่ะมีแน่...

...การลักการขโมย...การยื้อแย่งทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่น โทษที่จะพึงได้กับท่าน...

...ในชาติปัจจุบัน...พระธรรมคำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

ลูกขอน้อมกราบท่านพ่อด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะกราบ กราบ กราบ...

 

...โทษที่พึงมีในชาติปัจจุบัน คือ...

...ชาวบ้านเขาเกลียดและมีอารมณ์ไม่เป็นสุข...โทษในสัมปรายภพคือชาติหน้า...

...ดูกันชาตินี้ก็ได้ว่าคนที่มีจิตคิดที่อยากจะได้ทรัพย์สมบัติบุคคลอื่น โดยไม่ชอบธรรม...

...โกงบ้าง หลอกบ้าง...อะไรก็ตามเรียกว่ายื้อแย่งเขามาได้โดยไม่ชอบธรรมก็แล้วกัน...

...เขาไม่เต็มใจให้ก็เอามาจนได้ด้วยเล่ห์เหลี่ยมต่างๆ โทษทัณฑ์ที่จะพึงได้ในการ...

...ต่อไปก็คือ. ๑. ตั้งใจให้ไฟไหม้บ้านเผาผลาญทรัพย์สินต่างๆที่มีอยู่ให้พินาศไป...

...๒. เป็นความตั้งใจให้ลมพัดบ้านให้พัง...๓.ตั้งใจให้น้ำท้วมให้ทรัพย์สินเสียหาย...

...๔. ตั้งใจให้ผู้ร้าย คือ ขโมย ฉกชิงวิ่งราวลักของ ปล้นหรือจี้เป็นต้น...

...โทษของอทินนาทานเป็นอย่างนี่้ ถ้าจิตเราคิดได้อทินนาทาน ก็เป็นการคิดให้อาการ

อย่างนี้เกิดขึ้นกับเรา...เพราะโทษของอทินนาทาน โกงเขาบ้าง หลอกเขาบ้าง...

...ลมพัดให้บ้านพังข้าวของเสียหาย หรือว่าถูกโจรผู้ร้ายปล้น มาจากโทษ...

...อทินนาทานทั้งสิ้น...พระธรรมคำสอนของท่านพ่อฤาษีลิงดำ.กราบท่านพ่อเจ้าค่ะ.กราบๆๆ