คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ประสบการณ์พระพุทโธน้อยและของอธิษฐาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย st-antique, 27 เมษายน 2012.

  1. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,858
    ค่าพลัง:
    +84,227


    สวัสดีครับน้องไชยยันต์ ^^
    มีความสุขกับวันหยุดพักผ่อนเช่นกันครับ
     
  2. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,858
    ค่าพลัง:
    +84,227
    พระพุทโธน้อย พิมพ์เล็กหน้าตุ๊กตา เนื้อดินผสมผงพุทธคุณ

    พระพุทโธน้อย พิมพ์เล็กจะมีหลากหลายแม่พิมพ์ครับ จึงมีการเรียกชื่อไปตามลักษณะที่ปรากฏส่วนใหญ่จะเป็นหน้าตุ๊กตาเกือบทั้งหมด จะมีหน้าอินเดีย หน้าถ้ำเสือ ที่หน้าไม่เหมือนตุ๊กตาจึงเรียกตามลักษณะหน้าที่ปรากฏ องค์นี้หน้าตุ๊กตาแต่ละม้ายพิมพ์ไหล่จุดครับ


    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/xHgLrMlp4eaJNqj4" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/432/MHfKNd.jpg" /></a>
    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/xHgLyRV2JHo45u2W" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/4aa/plgpgJ.jpg" /></a>​
     
  3. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,858
    ค่าพลัง:
    +84,227
    อธิษฐานรูปที่วัดท่าผา ราชบุรี


    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/xs74b0m4YYmPlCg0" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/c05/Lm8c4h.jpg" /></a>

    ในช่วงก่อนวัน "มาฆบูชา" ซึ่งปีนี้เป็นปีอธิกมาส มีเดือน ๘ สองครั้ง วันมาฆบูชาของปีนี้จึงตรงกับวันเพ็ญ เดือน ๔ พ.ศ. ๒๔๙๙ (๒๕ ก.พ.) ท่านก็ออกเดินทางไปสงเคราะห์ผู้เดือดร้อนในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ อีกครั้ง ตามคำขอร้องของพระครูบุญคณูปถัมภ์ (หลวงปู่เชย ผลปุญโญ ) เจ้าอาวาสรูปแรกของวัดท่าผา ที่มีความประสงค์จะสร้างอุโบสถของวัดขึ้นมาหลังหนึ่ง แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เลยเดินทางมาขอให้คุณแม่บุญเรือน ซึ่งตอนนั้น มีชื่อเสียงแห่งบารมีธรรมขจรขจายเป็นที่เลื่องลือมากให้ช่วยเหลือ คุณแม่บุญเรือนจึงรับปากว่า จะเดินทางไปช่วยสร้างโบสถ์วัดท่าผาตามคำเชิญ การเดินทางไปครั้งนี้ เป็นการไปหลังจากที่ท่านได้เที่ยวตระเวนสงเคราะห์มา ๓ ภาคแล้ว คือ ภาคเหนือในปี ๒๔๙๑, ภาคใต้ ในปี ๒๔๙๕, ภาคอีสาน ในปี ๒๔๙๖ และในครั้งนี้ท่านได้ไปยังภาคสุดท้าย คือทางทิศตะวันตกของประเทศไทย ในแถบจังหวัดราชบุรีและกาญจนบุรี

    และในครั้งนี้ท่านก็ยังมีวัตถุประสงค์อยู่ในใจ ที่จะเดินทางต่อไปนมัสการยังพระแท่นดงรัง จ.กาญจนบุรี ซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลกันเท่าใดนัก เพื่อที่จะเข้านิโรธสมาบัติเพื่อทำงานสำคัญของแผ่นดินบางอย่างไว้ในใจ ซึ่งครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ ๔ ของการเข้านิโรธสมาบัติของคุณแม่ฯ และเป็นครั้งสุดท้ายของคุณแม่ด้วย การเข้านิโรธสมาบัติของคุณแม่ฯ ซึ่งในครั้งก่อนๆ รวม ๓ ครั้งนั้น ท่านได้กระทำ ณ สถานที่ดังต่อไปนี้

    ๑. บ้านสามัคคีวิสุทธิ ที่ถนนวิสุทธิกษัตริย์ พ.ศ. ๒๔๙๖

    ๒. พระพุทธบาท สระบุรี ต้นปี พ.ศ. ๒๔๙๘

    ๓. บ้านนาซา ระยอง พ.ศ. ๒๔๙๘

    การเลือกสถานที่ที่จะทำงานสำคัญครั้งนี้ ท่านถือเคล็ดจากชื่อของสถานที่ คือจังหวัดกาญจนบุรี โดยพิจารณาว่า

    "กาญจนบุรี หรือ เมือง ‘กาญจน์’ นับเป็นเมืองแห่ง ‘กาล’ เวลา บัดนี้ ถึงเวลาที่จะช่วยลูกๆ และบ้านเมือง ที่จะเข้าที่ยุ่งยากคับขันในอนาคตอันใกล้นี้แล้วฯ"

    ด้วยเหตุนี้ คุณแม่บุญเรือนจึงได้ประกาศกับลูกศิษย์ว่า

    "ถึงเวลาแล้วที่แม่จะช่วยลูกๆ ได้ ถ้าใครอยากจะให้แม่ช่วยอะไร ก็ให้ไปที่เมืองกาญจนบุรี..!!!!!!"

    ด้วยประการฉะนี้ เมื่อถึงกำหนดวันเดินทางไปวัดท่าผา จึงมีศิษยานุศิษย์ร่วมเดินทางไปกับคุณแม่บุญเรือนคณะใหญ่ รวมถึง นายสุวรรณ ทองนาค ผู้ที่เข้ามาเป็นศิษย์คุณแม่บุญเรือนฯ ในปี ๒๔๙๕ และได้ติดตามคุณแม่บุญเรือนมาโดยตลอด ในครั้งนี้ก็ได้พาคณะ คือกลุ่มพรรคพวกเพื่อนฝูง ในจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งในจำนวนนี้ มีหมอผล สุขศาลาอำเภอสามชุกมาด้วย

    คณะของคุณแม่บุญเรือนฯ ได้เดินทางไปที่วัดท่าผา ต.ท่าผา อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ได้ออกเดินทางโดยกำหนดให้ไปถึงวัดในตอนกลางวันของวันเพ็ญ เดือน ๔ พ.ศ. ๒๔๙๙ (๒๕ ก.พ. ๒๔๙๙) ซึ่งตรงกับวัน "มาฆบูชา"

    เมื่อถึงวัดแล้ว กิจกรรมแรกก็คือ คุณแม่บุญเรือนได้แจก "ถุงเขียวเหนี่ยวทรัพย์" ที่เหลือไปจากเมื่อคราวแจกที่พระพุทธบาท สระบุรี แล้วมีการอธิษฐานปูนรักษาโรคตามแบบฉบับของท่าน ทำให้ปูนแดงย่านบ้านโป่งถึงแก่การขาดตลาดโดยฉับพลัน มีการขายกันถึงถ้วยตะไลละ ๑ บาท นับว่าแพงสุดยอดในสมัยนั้น

    คุณแม่บุญเรือนได้นำ ถุงเขียวเหนี่ยวทรัพย์ จำนวนหนึ่งไปแจกชาวบ้านที่มาทำบุญที่ศาลาการเปรียญ และอีกจำนวนหนึ่งมอบไว้ให้แก่ พระครูบุญคณูปถัมภ์ (หลวงปู่เชย ผลปุญโญ ) เจ้าอาวาสเก็บไว้ (ถุงเขียวเหนี่ยวทรัพย์ที่ท่านมอบให้ไว้นี้ เมื่อหลวงพ่อเชยมรณภาพ ได้นำถุงไปเผาแต่ไม่ไหม้ไฟ จึงขุดหลุมฝัง ต่อมาบริเวณที่ฝังถุงเขียวเหนี่ยวทรัพย์นี้มีการถมที่ให้สูงขึ้น ถุงจึงถูกฝังอยู่ใต้พื้นดินลึกหลายเมตร)

    คุณแม่บุญเรือน อธิษฐานรูป

    ในวันเดียวกันที่ศาลาการเปรียญวัดท่าผา คุณแม่บุญเรือนให้ศิษย์ไปตามช่างภาพท้องถิ่นมาถ่ายภาพคุณแม่นั่งพับเพียบหน้าโต๊ะหมู่บูชา ด้วยอาการสำรวม และท่านได้อธิษฐานขอให้ภาพนี้เป็นภาพแห่งกาลเวลา เป็นภาพศักดิ์สิทธิ์ อธิษฐานให้ครั้งเดียวในครั้งนี้ และเมื่อภาพนี้ อัด ย่อ ขยาย อีกกี่พัน กี่หมื่นครั้ง ก็จะมีความศักดิ์สิทธิ์ จึงได้มอบให้หลวงพ่อเชย เจ้าอาวาสวัดท่าผานำไปแจก

    ถ่ายภาพอธิษฐาน

    เมื่อเสร็จแล้ว ก็มีการประกอบพิธีถ่ายภาพอธิษฐาน ณ ศาลาวัดท่าผาในตอนสายของวันเดียวกัน โดยมีการไปหาช่างถ่ายภาพมาจากจังหวัดกาญจนบุรี โดยมีการประกอบพิธีจุดเทียนชัยด้วย (ปรากฏอยู่ที่โต๊ะหมู่บูชาในภาพอธิษฐาน) แล้วจึงอัญเชิญให้คุณแม่นั่งลงหน้าโต๊ะหมู่ อันมีพระพุทธปฏิมากรประดิษฐานอยู่ ณ เบื้องบนสุด ทั้งนี้ ก็เพื่อจะหาเงินมาสร้างโบสถ์ให้แก่วัดท่าผาในครั้งนั้นเป็นสำคัญ

    และในขั้นตอนการ "จุดเทียนชัย" เพื่อถ่ายภาพอธิษฐาน ที่คุณแม่บุญเรือนย้ำนักย้ำหนาว่า "อย่าให้ดับได้เป็นอันขาด จะเสียพิธี" และท่านยังสั่งต่ออีกด้วยว่า "ลมไม่มีหรอก ให้ยกเทียนชัยออกมาตั้งหน้าโต๊ะหมู่ได้" ที่ตามปกติแล้ว ลมจะต้องสงบหยุดนิ่งตามคำวาจาสิทธิ์แห่งท่านตามปกติวิสัยแห่งเอกอัครมหารัตนคุณแม่ผู้ทรงอภิญญาใหญ่แห่งยุคอย่างไม่อาจเป็นอื่นไปได้

    แต่บังเอิญในวันนั้น มีผู้ร่วมประกอบพิธี ได้มีพฤติกรรมบางอย่าง ไปกระทบจิตที่ทรงฤทธิ์อภิญญาอย่างยิ่งยวดของคุณแม่บุญเรือนเข้า ทำให้จากที่ลมไม่มี ก็พลันกลับมีพายุใหญ่โหมกระหน่ำพัดเข้ามาอย่างรุนแรงจนเทียนชัยหวิดๆ จะดับมิดับแหล่เสียให้ได้ เลยทีเดียว..!

    เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า...........

    คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมเคยบอกกับศิษย์ใกล้ชิดหลายๆครั้งว่า โดยปรกตินั้น จิตของท่านจะใสบริสุทธิ์หยุดนิ่ง แน่วแน่ตั้งอยู่ในอารมณ์ฌานขั้นสูงสุด (จตุตถฌาน หรือ ฌาน ๔) อยู่ตลอดเวลา อันเป็นคุณลักษณะของจิตพระอริยบุคคลผู้ทรงฌานที่สำเร็จแล้วโดยทั่วไป ประกอบกับการที่คุณแม่บุญเรือนท่านได้อภิญญา และเป็นผู้ที่มีอิทธิจิตที่ทรงฤทธิ์อำนาจอย่างแรงกล้าอยู่แล้วด้วยอีก จึงเป็นจิตที่พร้อมจะบันดาลให้เกิดอิทธิฤทธิ์อภินิหารต่างๆ ตามบุญญาบารมีที่ท่านได้เคยสั่งสมออกมาอยู่เสมอและทุกรูปแบบ..!!!

    ดังนั้น หากจิตที่ทรงอานุภาพยิ่งใหญ่ดังกล่าวไปกระทบหรือไหวไปด้วยสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นด้วยคำพูดหรือการกระทำใดๆ ก็ตาม ก็จะมีเหตุบังเกิดขึ้นไปตามที่จิตไหวตัวทันที ไม่ว่าจะเป็นในทางดีหรือร้ายก็ตาม..!

    คุณแม่บุญเรือนจึงบอกบ่อยๆว่า

    "พอจิตท่านนึกว่าเป็นอะไร การก็จะเป็นไปตามนั้นทันที..!"

    ด้วยเหตุนี้ ในชั้นแรกเมื่อคุณแม่บุญเรือนสั่งให้นำเทียนชัยออกมาตั้งหน้าโต๊ะหมู่เพื่อเตรียมตัวถ่ายภาพอธิษฐานได้ พร้อมว่า "ลมไม่มีหรอก" ที่ตามปกติแล้ว ลมก็จะต้องไม่มีมาก่อกวนให้เทียนชัยต้องดับให้เสียพิธีอย่างเด็ดขาด

    แต่...พอดีคนที่ยกเทียนชัยออกมานั้น ดันไปมีพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อจิตอันแน่วแน่เป็นหนึ่งเดียวอยู่ในขณะนั้น ด้วยการเอามือป้องเทียนเพื่อป้องกันลมตามปกติวิสัยที่มักกระทำโดยทั่วไปให้คุณแม่บุญเรือนเห็นเข้า เมื่อตาเห็นรูป จักขุวิญญาณก็ส่งข้อมูลไปกระทบจิตของคุณแม่บุญเรือน จิตซึ่งเป็นอนัตตาของคุณแม่บุญเรือนจึงคิดขึ้นมาในทันทีโดยปราศจากความจงใจว่า

    "ลมอะไรของมันนั่นน่ะ..!!!???"

    พริบตานั้น จากที่บรรยากาศเดิมที่สงบสงัดนิ่งแทบจะสนิทกลับแปรเปลี่ยนไปในบัดดล

    นั่นก็คือ ได้มีลมพายุใหญ่ก็โหมกระหน่ำพัดเข้ามายังปริมณฑลพิธีอย่างรุนแรง กิ่งโพธิ์ใหญ่ข้างศาลาวัดท่าผาที่ใช้ในการถ่ายรูปก็โยกคลอนโอนเอนเจียนจะหักลงในทันที.!

    เมื่อการณ์ได้แปรเปลี่ยนไปถึงเพียงนั้น คุณแม่บุญเรือนถึงกับตวาดสั่งออกมาอย่างเฉียบขาดในทันทีว่า "พวกมึงอย่าให้เทียนดับได้ทีเดียวนา..!" ทำให้บรรดาศิษย์ต่างต้องกุลีกุจอวิ่งมาช่วยกันป้องเทียนชัยกันจริงๆ จังๆ เป็นการใหญ่ มิให้เทียนชัยนั้นดับลงจนเสียพิธีเป็นอันเด็ดขาด

    แต่หลายมือๆ ก็ยังไม่อาจต้านทานแรงลมพายุที่เกิดแต่อำนาจจิตของคุณแม่บุญเรือนได้

    ท้ายที่สุด จนถึงขั้นต้องใช้ร่มขนาดใหญ่มาบังมหาพายุแห่งอภิญญากันเลยทีเดียว

    เรียกว่า ว่าจะลมพายุจะสงบลง และเทียนชัยยังไม่ดับลงตามไปด้วย ก็เล่นเอาบรรดาลูกๆ หลายๆ คนของคุณแม่บุญเรือนถึงแก่การเหน็ดเหนื่อยและใจหายใจคว่ำกันไปตามๆกัน

    ด้วยประการฉะนี้ คุณแม่บุญเรือนถึงสั่งนักสั่งหนาว่า

    "ไปไหนกับแม่ ถ้าแม่บอกให้ไปทำอะไร ก็ทำไปเถอะ แต่อย่าได้ไปเที่ยวพูดอะไรขึ้น"

    เพราะ

    "พอได้พูดขึ้น ก็จะเกิดเรื่องขึ้นมาทุกที..!"


    หมายเหตุพิเศษ: ด้วยเหตุที่คุณแม่บุญเรือนมีจิตที่ทรงไว้ซึ่งอิทธิฤทธิ์อย่างรุนแรงแก่กล้า ที่พร้อมจะดลบันดาลให้ทุกสิ่งบังเกิดขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์อย่างยิ่งยวดถึงเพียงนี้ คุณแม่บุญเรือนจึงได้ห้ามขาดมิให้ใครก็ตามที่มาอยู่ต่อหน้าท่าน พูดในสิ่งที่เป็นอัปมงคล ไม่ดีไม่งามไม่พึงปรารถนา (เป็นต้นว่า จน, แย่, ฉิบหาย ฯลฯ..ฯลฯ..ฯลฯ..)ให้เข้าหูท่านเป็นอันเด็ดขาดเพราะจิตท่านจะไปจับอยู่กับคำอัปมงคลดังกล่าวนั้น แล้วผลร้ายที่ "จน, แย่, ฉิบหาย ฯลฯ..ฯลฯ..ฯลฯ.." ก็จะบังเกิดแก่ตัวผู้พูด ให้ตกต่ำซ้ำซ้อน ไปอย่างช่วยไม่ได้ สมควรแก่การที่ไม่รู้จักสังวรวาจาให้จงดีนั่นเอง

    ด้วยประการฉะนี้ คุณแม่บุญเรือนถึงแก่เคยได้ไล่ตะเพิดชายคนหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ความนัยแล้ว ไปพิโอดพิโอยคร่ำครวญกับท่านว่า "คุณแม่ครับ ช่วยผมด้วย ผมยากจน" เสียอย่างหนักทีเดียวว่า

    "ไป...มึงไปให้พ้น กูไม่คบกับคนยากคนจน..!!!!!!!!!!!!!!"

    เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ หากจิตของคุณแม่บุญเรือนไปคิดว่า "มันจน" เท่านั้น คนที่พูดคำว่าจนให้คุณแม่ได้ยิน ก็จะจนกรอบยิ่งกว่าเก่าเป็นจตุรทวีตรีคูณ ท่านเลยแก้ด้วยการไล่ตะเพิดให้ออกห่างท่านไปโดยไว ก่อนที่ความจนจะบังเกิดขึ้นจริงๆ ตามปากว่าด้วยประการฉะนี้แลฯ


    และในเมื่อคุณแม่บุญเรือนซึ่งมีวาจาสิทธิ์กับกอรปด้วยฤทธิ์อภิญญาอันมีปาฏิหาริย์อย่างยิ่งได้มีประกาศิตอธิษฐานกำชับไว้ว่า อันภาพอธิษฐานที่วัดท่าผานี้ "ต่อให้อัดภาพนี้อีกกี่ร้อยกี่พันกี่หมื่นกี่แสนครั้ง ก็จะมีความศักดิ์สิทธิ์เสมอกับภาพต้นฉบับ ประดุจหนึ่งคุณแม่ท่านมานั่งอยู่เฉพาะหน้า" จึงไม่สิ่งใดจะพึงต้องสงสัยต่อไปอีกแล้ว

    และภายหลังจากเสร็จพิธีถ่าย "รูปอธิษฐาน" ที่วัดท่าผาและรับประทานอาหารกลางวันกันแล้ว ตอนบ่ายยังมีการเทศน์ด้วย ซึ่งการเทศน์ครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดปรากฏการณ์การ "ยืมปากเทศน์" ขึ้น อันเป็นเหตุอัศจรรย์ประการหนึ่งซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน ที่ทำให้ทางวัดท่าผาสามารถเก็บเงินค่ากัณฑ์เทศน์ได้ถึง ๑๐,๐๐๐ บาทเศษ ซึ่งนับว่ามหาศาลสำหรับค่าเงินเมื่อเกือบ ๖๐ ปีที่แล้วมา

    กว่าทุกสิ่งจะเสร็จสรรพ ก็ค่ำมืดแล้ว จนถึง ๔-๕ ทุ่ม รถของคณะคุณแม่บุญเรือน จึงได้เดินทางออกจากวัดท่าผา มุ่งหน้าต่อไปยังวัดพระแท่นดงรัง อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรีในทันที
     
  4. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,858
    ค่าพลัง:
    +84,227
    การอธิษฐานของคุณแม่บุญเรือน

    การอธิษฐานธรรมของท่านแยกเป็นลักษณะใหญ่ๆ ได้ ๓ ลักษณะคือ

    ๑. อธิษฐานด้วยสัจวาจา เพราะท่านแก่กล้าในวิปัสสนากรรมฐานทำให้วาจาของท่านมีอิทธิฤทธิ์ที่จะพูดและสั่งการสิ่งใดในทางที่ชอบ ให้เกิดผลศักดิ์สิทธิ์ได้ เช่นอธิษฐานให้หายโรค ให้ร่ำรวยในทางที่ชอบ ให้ปลอดภัยจากอันตราย ให้ปลอดภัยจากกระสุนปืน ให้ฝนตกฝนหยุด อธิษฐานอวยพรแด่ในหลวงและราชินี

    ๒. อธิษฐานสิ่งของทั่วไป ได้แก่ การนำสิ่งของมาให้ท่านอธิษฐานหรือท่านอธิษฐานของท่านเอง สิ่งที่ท่านอธิษฐานมีหลายอย่าง เช่น น้ำ ปูน สาคู ผลไม้ต่างๆ มีมะม่วง แตงโม ชมพู่ และอื่นๆ น้ำตาลทราย เกลือ พริกไทย อาหาร การอธิษฐานโดยมากท่านอธิษฐานให้เป็นยาทิพย์รักษาโรคให้หายทุกชนิด ปูน (ปูนแดงที่กินกับหมาก) ท่านอธิษฐานใช้ทาเป็นยา เช่น ทาแก้ปวด บวม แก้โรคนานาชนิดเช่น มะเร็ง วัณโรค ไส้ติ่งอักเสบ โรคเรื้อน โรคไต บาดแผลทุกชนิด น้ำ เม็ดพริกไทย ไพล สาคู ท่านอธิษฐานเพื่อนำไปรับประทานเป็นยาแก้โรคต่างๆ

    ๓. อธิษฐานของพิเศษเป็นครั้งคราว เช่นอธิษฐานกรวด ทราย กันไฟไหม้ ตะกั่วถ้ำชากันอุบัติเหตุ อธิษฐานก้อนหิน ศิลาน้ำ เพื่อป้องกันภัยบางประการ อธิษฐานประจุพระพุทธรูปให้ศักดิ์สิทธิ์ อธิษฐานเทียนแนวชีวิต อธิษฐานหนังสือต่างๆ เช่น หนังสือใบโพธิ์ หนังสือหลวงพ่อพุทโธใหญ่ เป็นต้น อ่านแล้วทำให้เกิดสติปัญญาและมีโชคดี

    ของอธิษฐานของท่านนั้น เมื่อผู้ใดนำไปใช้ก็ต้องอธิษฐานขอให้สัมฤทธิ์ผลอีกที แล้วระลึกถึงคุณแม่บุญเรือน ของอธิษฐานจะกลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์และยาทิพย์ได้สำเร็จสมความปรารถนาเป็นอันมาก
     
  5. kengeg

    kengeg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,735
    ค่าพลัง:
    +7,227
    กราบคุณแม่บุญเรือน

    สวัสดีตอเที่ยงพี่st-antiqueและทุกๆท่านครับ
     
  6. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,858
    ค่าพลัง:
    +84,227

    สวัสดีวันอาทิตย์ครับน้อง kengeg ^^
     
  7. แควใหญ่

    แควใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2,271
    ค่าพลัง:
    +10,008
    กราบคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมครับ สวัสดีพี่st-antique, พี่รุ่ง และลูกศิษย์คุณแม่ทุกๆท่านครับ ขอให้โชคดีมีแต่ความสุข ร่ำรวย ร่ำรวย กันทุกคนนะครับ
     
  8. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,858
    ค่าพลัง:
    +84,227
    เปรียบเทียบขนาดพระพุทโธน้อย พิมพ์เล็ก พิมพ์กลาง พิมพ์ใหญ่

    นำพระพุทโธน้อยแต่ละพิมพ์มาเทียบกันให้เห็นกันครับว่าแต่ละพิมพ์ขนาดต่างกันขนาดไหน อย่างไร จะขาดแต่พิมพ์ใหญ่หน้าจัมโบ้และพิมพ์จัมโบ้ ทั้งสองพิมพ์จะขนาดเท่ากัน แต่จะใหญ่กว่าพิมพ์ใหญ่พอประมาณครับ ^^


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2015
  9. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,858
    ค่าพลัง:
    +84,227
    วันนี้ขอตัวพักผ่อนก่อนนะครับ ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม คุ้มครองรักษาทุกท่านให้มีความสุขกาย สุขใจ ไร้โรคภัยและอันตรายนานา นอนหลับให้ได้เงินหมื่น นอนตื่นให้ได้เงินแสน ทุกท่านครับ พรุ่งนี้ตื่นเช้ามาให้มีแรงกายแรงใจเต็มเปี่ยมเพื่อรับงานในวันใหม่และตลอดทั้งสัปดาห์ครับ ^^

    sleeping_rbsleeping_rbsleeping_rbsleeping_rb

    sleeping_rbsleeping_rbsleeping_rbsleeping_rbsleeping_rb​
     
  10. nott17

    nott17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,450
    ค่าพลัง:
    +20,985
    กราบคุณแม่บุญเรือนด้วยความเคารพครับ
    สวัสดีพี่เชษฐ์ พี่น้องทุกท่านครับ
    ขิให้สำเร็จกิจการทุกอย่างตามต้องการนะครับ
     
  11. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,858
    ค่าพลัง:
    +84,227
    กราบคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ที่เคารพยิ่ง
    สวัสดีครับลูกหลานและศานุศิษย์คุณแม่ฯทุกท่าน


    เริ่มต้นการทำงานวันแรกของสัปดาห์ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม คุ้มครองรักษาทุกท่านให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง การงานราบรื่น ไร้ซึ่งปัญหานานา ทำกิจการงานใดให้รุ่งเรืองก้าวหน้า เงินทองไหลมาเทมา ร่ำรวยๆทุกท่าน ด้วยเทอญ
     
  12. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,858
    ค่าพลัง:
    +84,227

    สวัสดีครับน้องไชยยันต์ มีความสุขในการทำงานวันแรกนะครับ
     
  13. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,858
    ค่าพลัง:
    +84,227
    พ.ศ. ๒๔๗๓
    ช่วยทำคลอดโดยใช้พลังจิตอธิษฐานน้ำให้ดื่ม


    พ.ศ. ๒๔๗๓ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ได้ใช้ความรู้ในการเป็นหมอตำแย และพลังจิตที่ได้รับมาจากการปฏิบัติธรรมมาช่วยเหลือ ในการคลอดบุตรยากของเพื่อนสามี คือสิบโทคำ สิทธิวงศ์ ซึ่งได้เล่าเรื่องดังกล่าวถวายแด่ท่านเจ้าคุณพระรัชชมงคลมุนี เมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๔๘๙ ความบางตอนมีอยู่ว่า

    “ส่วนแม่บุญเรือน โตงบุญเติมภรรยานายจ้อย ก็เป็นผู้ถือมั่นในทางธรรมดียิ่งอีกด้วย ช่วยชีวิตสัตว์ มนุษย์ เท่าที่เห็นก็คือได้ช่วยภรรยาและบุตรของกระผม โดยภรรยาท้องครบกำหนดแล้ว เจ็บและปวดอยู่ ๓ คืน ๓ วัน เด็กมาขวางตัวอยู่ทำอย่างไร ๆ ก็ไม่คลอด จนเกือบจะหมดลมหายใจ หมอตำแยก็หลายคนช่วยไม่ได้ แม่บุญเรือนพอทราบดังนั้นก็รีบไป โดยมิได้มาขอร้องแต่อย่างใดเลย พอไปพบเข้าก็ให้เอาน้ำมาขันหนึ่ง อธิษฐานน้ำให้กินและเอามือบีบที่ท้อง พอสักครู่หนึ่งเด็กคลอดออกมาได้ทั้ง ๆ ที่มิมีการเบ่ง เพราะคนอ่อนเพลียเต็มที่แล้ว คล้าย ๆ กับเด็กไหลเลื่อนออกมาเอง

    เป็นอันว่าภรรยาและบุตรของกระผมก็ปลอดภัย เป็น บุตรหญิงคนแรก เวลานี้อายุ ๑๖ ปีแล้ว กระผมภรรยาและบุตร จึงขอเสนอคุณงามความดีของแม่บุญเรือนด้วย”
     
  14. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,858
    ค่าพลัง:
    +84,227
    พ.ศ. ๒๔๗๖

    ในปีนี้อุบาสิกาฟัก พยัคฆาภรณ์ ซึ่งเป็นแม่ชีเพื่อนของคุณแม่บุญเรือนซึ่งรักใคร่และสนิทสนมกันมาก ผู้ซึ่งบวชชีอยู่ที่วัดสัมพันธวงศ์ และเป็นผู้ซึ่งได้ขอร้องให้คุณแม่บุญเรือนแสดงอิทธิวิธี ด้วยการล่องหนเข้าไปในศาลาวัดสัมพันธวงศ์อีกครั้งหนึ่งตามเรื่องที่ได้กล่าวข้างต้นนั้น ได้ถึงแก่กรรมลงด้วยโรคไตพิการ หลังจากที่กลับมาอยู่บ้านสามภูมิ ถนนสาทร (ซึ่งเป็นบ้านของ “เจ้าสัวกอเป็งเชียง” หรือ “เจ้าสัวเจียร” ประกอบด้วยบ้านของ ๓ ตระกูลใหญ่มี “กอวัฒนา”, “พยัคฆาภรณ์” และ “ทวีสิน” ) ตามคำอ้อนวอนของบรรดาบุตรและญาติได้เพียงสามเดือน

    ในตอนเช้าของวันที่ถึงแก่กรรม ญาติผู้ใหญ่เห็นอาการเพียบหนัก ก็เข้าไปบอกหนทาง (เพื่อให้ไปสู่สุคติ หรือพระนิพพาน) คนไข้ก็บอกว่า "ยัง" ตอนเย็น เข้ามาบอกอีก คนไข้ก็บอกว่า "ยัง" อีก

    เวลาประมาณ ๒๐.๐๐ น. (๒ ทุ่ม) วันนั้น แม่บุญเรือนพร้อมด้วยสามีและบุตรเลี้ยงได้มาเยี่ยม เห็นคนไข้กำลังลืมตา และมีอาการคล้ายจะประสงค์หรือระลึกอะไรอยู่ จึงได้พูดกับคนไข้ว่า "มาแล้ว" ทันใด แม่บุญเรือนก็ขอให้ญาติจัดดอกไม้ธูปเทียนลงมาใส่ในมือคนไข้ และจับมือพนมขึ้นไว้บนหน้าอก ทันทีคนไข้ก็หลับตาและสิ้นใจในเวลา ๒ ทุ่มเศษๆ นั้นเอง

    ญาติบางคนได้ถามแม่บุญเรือนว่า เหตุใดจึงทราบและมาทันก่อนเวลาสิ้นใจ แม่บุญเรือนได้เล่าถึงเหตุการณ์ในวันที่อุบาสิกาฟักถึงแก่กรรมว่า เวลาใกล้ค่ำวันนั้น ได้รับประทานอาหารเย็นอยู่กับสามีและบุตรสาว ทั้งสามีและบุตรสาวเห็นมีมือมาจับไฟฟ้าแก่วงไปมา ก็ได้บอกให้คุณแม่บุญเรือนทราบ ครั้นอิ่มข้าวแล้ว แม่บุญเรือนมานั่งใกล้หน้าต่างห้องเพื่อรับประทานหมาก ก็ได้เห็นมือลอดช่องหน้าต่างมากวักเรียก ก็ทราบว่าเป็นมือของอุบาสิกาฟัก จึงได้พร้อมกันมาเยี่ยม แล้วพูดกันว่า "เห็นจะเป็นนิมิตที่จะได้เห็นกันเป็นครั้งสุดท้าย"
     
  15. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,858
    ค่าพลัง:
    +84,227
    บันทึกของคุณนายลิ้นจี่ ฤษาภิรมณ์

    วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่
    ๑/๑๐/๒๔๙๑

    เมื่อกลางเดือนแปด (ก.ค.) พ.ศ. ๒๔๙๑ คุณบุญเรือนได้มาพักอยู่กับดิฉันที่บ้านพัก ต่อมาเดือนแปดข้างแรม ได้เห็นคุณบุญเรือนนำเอาดอก “บัวตั๋น” ที่เหี่ยวแล้วมา ๒ ดอก และคุณบุญเรือนบอกว่าจะอธิษฐานให้บาน ส่วนดิฉันและคุณนายเจียร ก็บอกว่ามันบานไม่ได้แล้วเพราะไม่เคยเห็น แต่คุณบุญเรือนบอกว่า ยายหมอนี่(ทำให้)บานได้ ระยะสวดมนต์แล้วประมาณสองทุ่มเศษ ก็เห็น ดอก "บัวตั๋น" ที่เหี่ยวทั้งสองดอกนั้น บานขึ้นมาอย่างงดงาม ดอกหนึ่งบานเต็มที่ อีกดอกหนึ่งบานพอสมควร และมีกลิ่นหอมด้วย จึงให้คุณนายเจียรดู คุณนายเจียรก็บอกว่าไม่เคยเห็นอย่างนี่เลย สำหรับดิฉันก็ไม่เคยเห็นเช่นนี้เหมือนกัน แต่ก็มีความสงสัยอยู่ บางทีจะมีวิธีเล่นทางปรอทก็เป็นได้

    คุณบุญเรือนพักอยู่กับดิฉัน ๑๙ วัน แล้วย้ายไปอยู่บ้านบ้านพักที่ีปลูกใหม่ ห่างจากบ้านอิฉันประมาณ ๑๐ วาเศษ ต่อมาวันแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๙ (วันที่ ๒ กันยายน ๒๔๙๑) ดิฉันมีโอกาสเห็นดอก “บัวต้น” ที่กุฏิพระท่านบานแล้วและเด็ดวางไว้ ๓ ดอกเหี่ยวแล้ว และได้ที่ต้นอีก ๒ ดอกก็เหี่ยวเหมือนกัน ดิฉันจึงนำมาอธิษฐานดูบ้างว่าจะบานได้หรือไม่ ก็เริ่มอธิษฐานดูบ้างแล้ว แต่กลับได้รับตอบจากคุณบุญเรือนว่า คุณพี่อธิษฐานได้เหมือนฉันหรือ ส่วนดิฉันก็ตอบไปว่า ดิฉันจะลองอธิษฐานดูบ้าง เพราะคำอธิษฐานนี้เป็นของกลาง ใคร ๆ ก็อธิษฐานได้ ใจไม่ได้คิด เห็นเขาขึ้นคานหามไม่ได้เอามือประสานก้น เมื่อพูดเสร็จอิฉันก็มาที่พัก

    พอใกล้จะสวดมนต์เย็นก็มีฝนตกมาพอสมควร ในเวลาฝนตกมานี้ คุณบุญเรือนได้มาหาดิฉัน เพื่อมาสวดมนต์เย็น และบอกให้ดิฉันตรวจตัวท่านว่าดิฉันเปียกไหม ครั้นแล้วดิฉันก็ได้ตรวจดูโดยใช้มือลูบตามตัวและศีรษะคุณบุญเรือน ตลอดจนพิจารณาเสื้อผ้า ก็ไม่เห็นมีเปียกที่ตรงไหนเลย เมื่อระลึกได้ตอนนี้ดิฉันจึงขออโหสิกรรม ถ้าพลาดพลั้งอะไรด้วยกายหรือวาจาใจ เพราะดิฉันคิดว่าคุณบุญเรือนนี้เล่นปรอท

    ในเวลาใกล้ ๆ กันนั้น คุณนายบุญช่วยก็มาที่บ้านเพื่อสวดมนต์ ซึ่งห่างประมาณ ๒ วาเศษ เมื่อขึ้นมาแล้วดิฉันก็ได้ตรวจดูก็เห็นเปียกฝน ต่อมาลงมือสวดมนต์สักประเดี๋ยว คุณนายเจียรก็มาอีกและเลยสวดมนต์จนจบ ดิฉันจึงได้ตรวจดูคุณนายเจียรก็เปียกชุ่มอยู่

    เมื่อสรุปแล้วจึงเห็นคุณบุญเรือนไม่เปียกฝนเป็นของแน่นอน เพราะท่านทั้งสองคนนั้นอยู่ใกล้กว่าก็ยังเปียก ส่วนดอกบัวตั๋นนั้น ๕ ดอกที่ดิฉันอธิษฐานนั้นก็บานขึ้น(แต่)ไม่เต็มที่เหมือนของที่คุณบุญเรือนอธิษฐาน

    ต่อมาวันอาทิตย์ที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๑ ดิฉันให้เด็กมาขุดหน่อกล้วยที่ข้างบ้านพักคุณบุญเรือน พอขุดไปได้ ๒ หน่อก็แหงนดูปลีกล้วย ก็เห็นปลีกล้วยโผล่ออกมาสูงได้สักคืบหนึ่ง คุณบุญเรือนก็ห้ามว่า มันออกปลีแล้ว จะขุดมันทำไม ดิฉันก็ขุดออกอีก ๓ หน่อ รวมเป็น ๕ หน่อ เหลือไว้อีก ๑ หน่อ ดิฉันก็แหงนขึ้นไปดูปลีกล้วยอีก คราวนี้เห็นยาวยื่นโค้งออกมาอย่างอัศจรรย์ ซึ่งตามปกติจะยาวออกมาอย่างผิดสังเกตไม่ได้

    ต่อมาวันอังคารที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๑ ดิฉันเดินมาหาคุณบุญเรือนที่บ้านพัก เวลาเช้าประมาณ ๘ น.เศษ เห็นถือไม้ราวตากผ้าอยู่ และคุณบุญเรือนได้เรียกดิฉันว่า "คุณพี่จี่ ฉันจับเต่าได้แล้ว" ดิฉันจึงมองดูเห็นน้ำในหนองหน้าบ้านยังกระเพื่อมอยู่ เห็เปลือกมะพร้าว น้ำทุ่งทะลุ พานทะลุ ไปกองอยู่บนกองหญ้าแห้งที่ลอยอยู่ในหนอง ซึ่งห่างจากตลิ่ง ๒ วาเศษ ซึ่งวางของเหล่านี้ไว้โดยเรียบร้อย จึงได้เฉลียวใจว่า เอาไปไว้ได้เร็วอย่างไร น้ำก็ยังกระเพื่อมอยู่ จึงได้พิจารณาตามเท้าและร่างกาย ไม่เห็นมีเปียกมีเปื้อนตรงไหน ดิฉันจึงขอไม้ราวมาลองพาดดู ก็ไม่ถึงกอหญ้านั้น เพราะยังห่างอยู่ประมาณอีก ๒ ศอกเศษ เมื่อสรุปแล้ว ก็เป็นของแปลกประหลาดอีก เพราะตามธรรมดาจะลงไปก็ต้องเปียก โดยดิฉันเป็นผู้อยู่ก่อนย่อมทราบสถานที่ได้ดี เพราะน้ำตอนนั้นลึก ถ้าไปยืนตอนนั้นก็จะลึกประมาณเพียงเข่า จึงเชื่อแน่ว่า คุณบุญเรือนนี้มีอิทธิฤทธิ์ทำได้ตามหลักของพระพุทธศาสนา

    ระหว่างคุณบุญเรือนดูช่างไม้ปลูกเรือนพักที่วัดเจดีย์หลวง ดิฉันได้ตัดต้นยอ ๒ กิ่ง และทิ้งไว้ ๒๐ กว่าวันแล้ว คุณบุญเรือนก็นำกิ่งยอที่ทิ้งนั้นทั้ง ๒ กิ่ง มาปักไว้หน้าเรือน แล้วเอาตำลึงมาปลูกให้ขึ้นพันกิ่งยอทั้งสอง แต่อีกกิ่งหนึ่งต้นตำลึงก็ไม่ขึ้นกิ่งยอก็ผุ อีกกิ่งหนึ่งสูงกว่าต้นตำลึงก็ขึ้นงามถึงยอดกิ่ง ที่ปักกิ่งยอนี้ปักได้เดือนเศษ บังเอิญน้ำท่วมที่ตัดต้นยอเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๑ แทนที่กิ่งยอนั้นจะผุอีก กลับงอกแตกใบอ่อนสี่ชั้นยอด ดูคล้าย ๆ กับกล้วยที่ออกปลี คือพอเห็นก็มีใบออกมา ๔ ใบ ๔ ชั้น ๕ ยอดทีเดียว ตามธรรมดาดิฉันมาทุกวัน คุณบุญเรือนก็ชี้ให้ดูต้นตำลึง บางคราวก็เอาลูกตำลึงต้นอื่นมาแขวนให้พิจารณา ตามธรรมดาดิฉันก็เคยพิจารณาสติปัฏฐาน ๔ อยู่เสมอ แล้วคุณบุญเรือนก็ให้พิจารณาต้นยอ คือ ตัดเสียแล้วซึ่งสรรเสริญเยินยอ และพิจารณาตำลึง คือ ตำลึงหนึ่ง ๔ บาท ก็เทียบกับอิทธิบาท ๔ เพราะเหตุนี้ดิฉันจึงได้ดูอยู่เสมอ และเห็นแปลกอีก จึงได้บันทึกไว้เพื่อพิจารณาในหลักธรรมะต่อไป

    ลิ้นจี่ ฤษาภิรมณ์​
     
  16. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,858
    ค่าพลัง:
    +84,227
    บันทึกของคุณนายแดง “บ้านเจริญพายัพ”​


    เชียงใหม่
    ๒/๑๐/๒๔๙๑
    วันแรม ๑๔ ค่ำเดือน ๙ เป็นเดือน ๑๑ เหนือ พ.ศ. ๒๔๙๑

    ตอนเย็น ๖ โมง คุณนายจี่ (คุณนายลิ้นจี่ ฤษาภิรมณ์) ได้มาที่บ้านพักคุณแม่บุญเรือนที่ดิฉันได้มาอยู่ด้วย และได้บอกว่า วันนิ้ดิฉัน (คุณนายลิ้นจี่) ได้นำดอก “บัวตั๋น” มา ๕ ดอก เพื่อจะอธิษฐานให้บานเป็นการส่วนตัว ว่าจะเรียนสำเร็จไหม ถ้าสำเร็จขอให้ดอกไม้บาน อธิษฐานอย่างนี้ ได้ยินคุณบุญเรือนตอบว่า คุณพี่อธิษฐานได้อย่างดิฉันหรือ เห็นเขาขึ้นคานหาม อย่าเอามือประสานก้น* แต่คุณนายจี่ก็บอกว่าอธิษฐานดูบ้าง ไม่ใช่เอามือประสานก้นอย่างเขา การอธิษฐานเป็นของกลาง ใครจะอธิษฐานก็อธิษฐานได้ เมื่อพูดดังนี้แล้วก็ไป

    ก่อนสวดมนต์ฝนได้ตกลงมา คุณแม่บุญเรือนบอกว่าจะไปสวดมนต์ แต่ดิฉันเห็นว่ากลัวจะเปียกฝน จึงให้บุตรสาวของดิฉันหยิบร่มมาให้ แต่คุณแม่บุญเรือนไม่ยอมรับเอาไป แล้วกลับมาตีอิฉันเข้าให้หนึ่งที แล้วก็มาบอกว่า อย่ามาสงสารดิฉันจะเสีย พูดเช่นนั้นแล้วก็ลงบันไดไป ส่วนร่มนั้นดิฉันก็ให้ลูกสาวกางกลับไป ต่อมาดิฉันจึงได้ตรวจตามร่างกายจนตลอดถึงศีรษะก็ไม่เห็นเปียก และทั้งเอาไฟฉายส่องดูตลอดเสื้อผ้า ทั้งได้จับดูด้วยก็ไม่เห็นเปียกฝน เพราะตอนขาไปอิฉันดูเดินตากฝนไป เป็นเหตุให้สงสัย ตอนขากลับมาอิฉันจึงได้ตรวจดู ก็สมดังที่คิด

    ต่อมา วันอังคารที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๑ ตอนเช้าดิฉันหุงข้าวอยู่ในครัว ส่วนคุณแม่บุญเรือนไปปอกมะพร้าวอยู่หน้าบันไดที่พัก พอเสียงหยุดปอกมะพร้าวแล้ว ก็ได้ยินคุณแม่บุญเรือน เรียกคุณนายจี่ว่า ดิฉันจับเต่าได้แล้ว ดิฉันก็ลุกขึ้นไปดูที่หน้าบ้าน เห็นเต่าอยู่ในมือคุณแม่บุญเรือนและถือไม้ราวตากผ้าด้วย แล้วดิฉันจึงมองไปที่กองหญ้าแห้งซึ่งลอยอยู่ในหนองน้ำ เห็นเปลือกมะพร้าวที่ปอกแล้วที่ใส่อยู่ในน้ำทุ่งที่ทะลุ (น้ำทุ่ง เป็นภาชนะสานด้วยไม้ไผ่ยาด้วยชัน ลักษณะคล้ายกรวยหงาย มีที่หิ้วทำด้วยไม้ สำหรับตักน้ำ สาวขึ้นมาจากบ่อน้ำ) และ พานทะลุ ไปกองอยู่บนหญ้าแห้งอย่างเรียบร้อย

    ครั้นแล้วดิฉันก็ตรวจดูที่เท้าและที่อื่น ๆ ก็ไม่เห็นมีเปียกเลย และเห็นคุณนายจี่ลองเอาไม้ราวตากผ้ายื่นไปเขี่ยที่กองหญ้าแห้งที่ลอยน้ำนั้นก็ไม่ถึง ยังห่างอยู่ประมาณ ๒ ศอกเศษ ทั้งน้ำตอนนั้นก็ลึกเพราะเป็นแอ่งเก่าอยู่ เมื่อสังเกตดูที่กองหญ้า ก็เหมือนกับมีรอยเท้าสองข้างเหยียบบนกองหญ้าแห้งนั้น กองหญ้านี่สมมุติว่าคนจะไปยืนก็คงไม่ได้ เพราะหญ้าฟูลอยน้ำขึ้นมา ทั้งกองหญ้านั้นก็ไม่ใหญ่พอที่จะทานน้ำหนักเด็ก ๆ ได้

    รุ่งขึ้นคุณแม่บุญเรือนจึงเอาอิฐขว้างไปที่กองหญ้าแห้งนั้น หญ้านั้นก็แตกกระจายไป

    ระหว่างที่ดิฉันมาอยู่ได้หนึ่งเดือนกับเก้าวัน ก็ได้เห็นคุณแม่บุญเรือนนี้ปฏิบัติในสัจจะมั่นคง ละเอียดถี่ถ้วน ยากที่ผู้ใดจะทำได้เช่นนี้ อิฉันก็พึ่งพบผู้ทำจริงอย่างแน่นอน เท่าที่ดิฉันได้ปฏิบัติมาก็ยังไม่ละเอียดเท่า จึงยังพยายามเรียนต่อไปเท่าที่จะทำได้ และได้อยู่ต่อมา ๓ เดือนเศษจึงได้กลับบ้าน

    ลงชื่อ แดง ชัวย่งเสง​
     
  17. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,858
    ค่าพลัง:
    +84,227
    พ.ศ. ๒๔๙๓

    ในปีนี้ คุณแม่บุญเรือนได้ทำการรักษาโรคให้กับบุคคลทั่วไปเป็นจำนวนมากราย ซึ่งมีรายที่น่าสนใจและได้มีบันทึกปรากฏไว้ดังต่อไปนี้


    ดูดกระดูกงอก

    นางกฐิน กุยยกานนท์ บุตรสาวคนเล็กของหลวงแจ่มวิชาสอนและคุณนายผิน ซึ่งได้แต่งงานกับ พอ. (พิเศษ) กาจ กุยยกานนท์ ได้มีบันทึกที่คุณแม่บุญเรือนได้ช่วยรักษาโรคกระดูกงอกให้กับบุตรชายของเธอไว้ดังนี้

    "เมื่อปลายปี พ.ศ.๒๔๙๓ บุตรชายของดิฉัน (น่าจะเป็น นายเทศภักดิ์ นิยมเหตุ นักแปลนวนิยายชื่อดัง ผู้ซึ่งคุณนายผิน แจ่มวิชาสอน ผู้เป็นยาย ขอไปเลี้ยง และใช้นามสกุลของท่าน เนื่องจากท่านไม่มีลูกชาย) อายุได้ ๙ ปี เป็นนักเรียนประจำอยู่ที่โรงเรียนวชิราวุธ เท้าได้บวมขึ้นตั้งแต่ข้อเท้าถึงหลังเท้า เดินไม่ได้ มีอาการปวดมากจนขาลีบเล็ก

    ดิฉันได้อุ้มมาหาคุณป้าบุญเรือน คุณป้าหมอว่า เป็นกระดูกงอกที่ใต้ตาตุ่ม ท่านจึงได้ทาปูนอธิษฐานให้ว่าจะต้องหาย ดิฉันเชื่อว่าต้องหาย เพราะเชื่อในอำนาจจิตอันศักดิ์สิทธิ์ของท่าน แต่สามีดิฉันไม่เชื่อ จึงได้พาลูกไปหาหมอลิลิตที่พงษ์แพทย์ ถนนบำรุงเมือง หมอตรวจแล้วได้แนะนำให้ไปเอ๊กซเรย์ที่หลานหลวงการแพทย์ เมื่อเอ๊กซเรย์แล้วหมอบอกว่าเป็นกระดูกงอก ต้องทำการผ่าตัดกระดูก แต่หมอไม่รับรองว่าจะหาย

    ดิฉันไม่ยอมให้ทำการผ่าตัด ได้พาลูกมาหาคุณป้าบุญเรือน โตงบุญเติม คุณป้าหมอได้อธิษฐานจิตให้ปูนเป็นยารักษา จึงได้เอาปูนทาต่อไป

    ปรากฏอัศจรรย์ว่า เมื่อเอาปูนทาแล้วมีการปูดออกมาเหมือนเดือยไก่ที่ส้นเท้า แต่ก็ไม่ละการทาปูน ได้ทาปูนต่อไปทุกวัน เพราะอาการบวมได้ลดลง และเดินได้แต่ไม่ค่อยถนัด

    คุณป้าบุญเรือนได้กวนสีผึ้งให้ปิด เพื่อจะได้ดูดกระดูกนั้นออกมา

    ต่อมาคืนหนึ่งเมื่อตื่นนอนเช้า เห็นเลือดไหลที่ตรงเส้นเท้า ดิฉันตกใจรีบมาหาคุณป้าหมอบุญเรือน แต่ตรงกันข้าม คุณป้าหมอบุญเรือนกลับบอกว่า ปูนตัดกระดูกงอกออกมาได้แล้ว จะหายแล้ว ให้ระวังคอยดูเพราะกระดูกที่ปูนตัดจะออกมา

    รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่ง ดิฉันเปลี่ยนสีผึ้งปิดแผลให้ลูก กระดูกได้ออกมาอยู่ที่สีผึ้ง มองดูที่แผลลึกเป็นรู คล้ายกระดูกนั้นจะเดินมาจากอื่น

    กระดูกที่ออกมานั้นมีลักษณะแหลมคมมีสองแง่เกือบเท่าเม็ดพุทรา ดิฉันเอามาให้คุณป้าหมอบุญเรือนดู แล้วเอาไปให้หมอลิลิตดูด้วย คุณหมอลิลิตลงความเห็นว่า เป็นกระดูกงอกจริง

    ดิฉัน ยังทาปูนที่แผลให้ลูกอยู่เรื่อยๆจนกระทั่งน่องมีเนื้อ และหายเป็นปกติไปอยู่โรงเรียนประจำได้"

     
  18. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,858
    ค่าพลัง:
    +84,227
    ไตอักเสบ

    "ข้าพเจ้า นายพลตำรวจโทหลวงวิฑิตกลชัย (เนื่อง ทองโสภิต) ได้ป่วยเป็นโรคเยื่อตาอักเสบ เมื่อเดือนตุลาคม ๒๔๙๓ มีอาการปวดเจ็บตามข้อต่างๆ เช่น ข้อเท้า ข้อมือ ข้อเข่า ข้อนิ้วมือ ข้อนิ้วเท้า ได้จัดการให้แพทย์แผนปัจจุบันรักษาเป็นเวลาหลายเดือน แต่มีอาการทรงกับทรุดเรื่อยมา

    ภายหลังคุณป้าบุญเรือน โดงบุญเติม ได้ตรวจดู ปรากฏว่า เป็นโรคไต แต่คุณป้าบุญเรือน มีกิจธุระจำเป็นต้องไปเชียงใหม่ จึงไม่มีโอกาสจะช่วยเหลือข้าพเจ้าได้

    ขณะนั้น มีนายแพทย์หลายนายได้ตรวจอาการไข้ของข้าพเจ้า แต่ไม่ปรากฏว่ามีโรคเกี่ยวกับไตประการใด

    ครั้นคุณป้าบุญเรือนกลับจากเชียงใหม่แล้ว อาการไข้ของข้าพเจ้าทรุดหนักลงมาก เพราะนายแพทย์แจ้งว่า มีโรคอย่างอื่นแทรกแซงอีกหลายอย่าง เช่น วัณโรค ลำไส้อักเสบเรื้อรัง หัวใจอ่อน ไข้จับสั่นเรื้อรัง โรคขัดข้อ

    ส่วนโรคที่สำคัญนั้นคือ ไตอักเสบเรื้อรัง ดังที่คุณป้าบุญเรือนบอกไว้แต่ครั้งก่อน นายแพทย์แจ้งให้ทราบว่า ข้าพเจ้าต้องตายแน่นอน ให้บุตรภรรยาเลือกเอาว่า จะให้ข้าพเจ้าตายที่บ้านหรือที่โรงพยาบาล ถ้าตายที่โรงพยาบาลก็จะมีเวลานานต่อไปได้อีกบ้าง

    บุตรภรรยาของข้าพเจ้า จึงพร้อมใจกัน ส่งข้าพเจ้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๔

    ขณะนั้น นายแพทย์ที่โรงพยาบาลทั้งหมดแน่ใจว่า ข้าพเจ้าต้องตาย แต่คุณป้าบุญเรือนได้พิจารณาดูด้วยกระแสญาณ เห็นว่า ข้าพเจ้ายังมีหวังอยู่

    คุณป้าบุญเรือนจึงกำหนดจิตเป็นสมาธิอธิษฐานสาคูเม็ดเล็ก ให้บุตรภรรยาข้าพเจ้าทำสาคูเปียกให้ข้าพเจ้ารับประทาน

    บุตรภรรยาของข้าพเจ้า ก็ปฏิบัติตามที่คุณป้าบุญเรือนสั่งทุกประการ ข้าพเจ้าก็ทุเลาขึ้นตามลำดับ จนถึงต้นเดือนมีนาคม นายแพทย์แจ้งให้ทราบว่า ข้าพเจ้าอาจไม่ถึงแก่ความตาย แต่จะต้องเป็นคนพิการไม่สามารถทำการงานได้ เนื่องจากข้าพเจ้ามีอายุ ๕๗ ปีแล้ว

    คุณป้าบุญเรือน ได้ไปเยี่ยมข้าพเจ้าที่โรงพยาบาลศิริราช ข้าพเจ้าจึงเรียนให้คุณป้าทราบ แต่คุณป้ายืนยันว่า จะจัดการให้ข้าพเจ้าหายเป็นปกติ ให้รับราชการช่วยชาติบ้านเมืองได้ต่อไป และกำหนดให้ข้าพเจ้ากลับบ้านในวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๔๙๔ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตาม และรักษาร่างกายตามคำแนะนำของคุณป้าบุญเรือนตลอดมา

    เมื่อกลับไปอยู่บ้านแล้ว ข้าพเจ้าได้แข็งแรงขึ้นเป็นลำดับ ได้ไปทำงานตามหน้าที่แต่วันที่ ๑๘ เมษายน ๒๔๙๔ ไม่มีอาการเจ็บไข้ประการใด

    ข้าพเจ้า สามารถไปตรวจราชการต่างจังหวัดได้ และไปทำงานตามปกติตลอดวัน บางทีต้องไปปฏิบัติหน้าที่ในเวลาค่ำคืนจนถึงยี่สิบสี่นาฬิกา (๒ ยาม) ก็ไม่รู้สึกอ่อนเพลียประการใด ผู้บังคับบัญชาหลายนายชมเชยว่า ข้าพเจ้าแข็งแรงและสดใสดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเจ็บป่วย

    การที่ข้าพเจ้าหายโรคครั้งนี้ นับว่าคุณป้าบุญเรือน โตงบุญเติม ได้ช่วยชีวิตข้าพเจ้าอย่างแน่แท้ เพราะนายแพทย์ผู้สามารถก็ยังรู้สึกพิศวงว่า ข้าพเจ้าหายจากโรคได้อย่างไร เพราะแต่ก่อนมาผู้ใดป่วยเป็นโรคไตถึงระยะที่ข้าพเจ้าเป็นนี้ ไม่เคยมีผู้ใดรอดตายเลย

    แม้เมื่อข้าพเจ้าหายมาแล้ว เมื่อมีคนไข้มีอาการอย่างเดียวกับข้าพเจ้า นายแพทย์ได้ดำเนินการรักษาพยาบาล เช่นเดียวกับข้าพเจ้า แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดหายเหมือนข้าพเจ้าแม้แต่สัก ๑ คน"

    ในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๔๙๓ คุณแม่บุญเรือนได้เป็นผู้นำในการทอดผ้าป่าที่ศาลาสันติสุข ศาลาแดง

    และในช่วงปลายปี ๒๔๙๓ นี้ คุณแม่บุญเรือนได้ไปเชียงใหม่ ๑๘ วัน
     
  19. kengeg

    kengeg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,735
    ค่าพลัง:
    +7,227
    กราบคุณแม่บุญเรือน

    สวัสดียามเช้าพี่st-antiqueและทุกๆท่านครับ
     
  20. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,858
    ค่าพลัง:
    +84,227
    สวัสดีเช้าวันจันทร์ครับน้อง kengeg ^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...