คุณเห็นว่า รธน. ใหม่ ควรบรรจุ ให้ พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ หรือไม่ ?

การรณรงค์นี้ควรถือเป็นที่ยุติแล้วคะ อย่าให้เป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุึคลบาท

 

การบูชาพระพุทธเจ้าด้วยการปฏิบัติบูชามีอนิสงส์สูงสุด

<!-- message -->
<div id="post_message_650305"><font face="Tahoma"><b><u><font size="6"><font color="#ff00ff">ผู้ที่บูชาพระพุทธเจ้าด้วยเครื่องสักการะกับผู้ที่บูชาพระพุทธเจ้าด้วยการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ใครจะดีกว่ากัน ขอให้ยกตัวอย่างประกอบด้วย</font></font></u></b></font><br />
<font face="Tahoma"><font size="5"><font color="Navy">ผู้ที่บูชาด้วยสักการะ ก็ดีอยู่ไม่น้อย ส่วนผู้ที่บูชาด้วยการเจริญวิปัสสนากรรมฐานก็ยิ่งดีกว่า เพราะมีพระบาลีที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ ปรากฏในพระไตรปิฎก เล่ม 10 หน้า 160-161 รับรองความนี้อยู่ว่า</font></font></font><br />
<font face="Tahoma"><font size="5"><font color="Navy">“โย โข อนนฺท ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา อุปาสโก วา อุปาสิกา วา ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺโน วิหรติ สามีจิปฏิปนฺโน อนฺธมฺมจารี โส ตถาคตํ สกฺกโรติ ครุกโรติ มาเนติ ปูเชติ ปรมาย ปูชาย”</font></font></font><br />
<font face="Tahoma"><font size="5"><font color="Navy"><br />
</font></font></font><br />
<font face="Tahoma"><font size="5"><font color="Blue">ความว่า “ดูกรอานนท์ ผู้ใดเป็นภิกษุ ภิกษุณี ก็ตาม เป็นอุบาสก อุบาสิกา ก็ตาม เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบยิ่ง ปฏิบัติตามโลกุตตรธรรม ผู้นั้นชื่อว่า สักการะ เคารพ นับถือ บูชา ตถาคต ด้วยการบูชาอย่างสูงสุด”</font></font></font><br />
<font face="Tahoma"><font size="5"><br />
<font size="4"><font color="DarkOrange">แสดงธรรมโดย พระราชสิทธิมุนี (โชดก ป. 9)<br />
</font></font></font></font></div>
<!-- / message -->

http://www.palungjit.org/board/showthread.php?p=650305#post650305

 

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9500000094496

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>องค์กรชาวพุทธฯ สนองพระราชดำรัส เลิกหนุนพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 สิงหาคม 2550 15:09 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ประธานองค์กรชาวพุทธฯ สนองพระราชดำรัส ยุติการเคลื่อนไหวบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ ด้านพระเทพวิสุทธิกวี หยุดบทบาทเช่นเดียวกัน แต่เรียกร้องให้หาวิธีอื่นส่งเสริมให้พุทธศาสนามีความมั่นคงอยู่รอดได้

พล.อ.ธงชัย เกื้อสกุล ประธานองค์กรชาวพุทธแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า องค์กรชาวพุทธฯ ซึ่งมีเครือข่าย 800-900 องค์กร ซึ่งทำงานเทิดทูน 3 สถาบันสูงสุดของประเทศ เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาไว้ องค์กรชาวพุทธฯ จะยุติการเคลื่อนไหวให้มีการบัญญัติ “พระพุทธศาสนา” เป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญ จากที่ก่อนหน้านี้ ได้ยุติการชุมนุมเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดปัญหาแทรกซ้อนทางการเมือง และจะรอดูการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นจะทำตามสิทธิ คือ การเข้าชื่อประชาชน 5 หมื่นชื่อ เพื่อขอให้เพิ่มเติมแก้ไขในรัฐธรรมนูญ หลังวันที่ 19 สิงหาคม เมื่อทรงมีพระราชดำรัสเป็นแนวทางเช่นนี้แล้ว ส่วนตัวแล้วคงถอนตัวโดยสิ้นเชิง และจะนัดหารือกับตัวแทนองค์กรฯ ต่อไป มั่นใจว่า จะเห็นด้วยเป็นแนวทางเดียวกัน

“คิดว่าพอหลังประชุมหารือกันหลังประชามติแล้ว มีเหตุมีผลที่ส่วนใหญ่น่าจะรับฟัง เมื่อเบื้องสูงทรงมีพระราชดำรัส เราน่าจะยึดเป็นแนวทางปฏิบัติ ทุกคนคงคิดเหมือนกันว่าควรจะยุติ” ประธานองค์กรชาวพุทธฯ กล่าว

ด้านพระเทพวิสุทธิกวี เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ทางศูนย์พิทักษ์ฯ คงต้องหยุดบทบาทให้มีการบัญญัติพระพุทธศาสนาฯ เช่นกัน เพราะไม่ต้องการทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท แต่สิ่งที่พระสงฆ์ต้องทำต่อไป คือ หาวิธีการที่จะทำให้พุทธศาสนามีความมั่นคงและอยู่รอดได้ เนื่องจากขณะนี้กำลังทรุดโทรมอย่างหนัก โดยอาจไปส่งเสริมบทบาทของฝ่ายสนับสนุนพระพุทธศาสนาอย่างเป็นกิจจะลักษณะแทนกฎหมาย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ อยากให้มีการแก้ไขปรับปรุงโดยใช้ภาษีประชาชนสร้างความมั่นคงให้พุทธศาสนา เพราะกฎหมายล้าสมัยแล้ว
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ผมว่ากระทู้นี้ยุติได้แล้วละ ใครมีวาระแอบแฝงต่างก็รู้อยู่แก่ใจเอง ผมว่าเวปพลังจิตจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยดี ช่วยกันรณรงค์ให้สังคมมาถือศีล5อย่างเคร่งครัด และปฏิบัติสติปัฏฐาน4 เพื่อสืบสายดำรงพระสัทธรรมต่อไป
------------------------------------------

<CENTER>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑
สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค</CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center background="" border=0><TBODY><TR><TD></TD><TR><TD width="100%" bgColor=darkblue hspace="0" vspace="0"></TD></TR></TBODY></TABLE>

<CENTER>พราหมณสูตร</CENTER>

<CENTER>ว่าด้วยพระสัทธรรมตั้งอยู่ไม่ได้นาน</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>

[๗๗๗] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้:-

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิก-*เศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้น พราหมณ์คนหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับได้ปราศรัยกะพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า:-

[๗๗๘] ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องทำให้พระ-*สัทธรรมตั้งอยู่ไม่ได้นาน ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว และอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้นาน ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว?

[๗๗๙] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรพราหมณ์ เพราะบุคคลไม่ได้เจริญ ไม่ได้กระทำให้มาก ซึ่งสติปัฏฐาน ๔ พระสัทธรรมจึงตั้งอยู่ไม่ได้นาน ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว และเพราะบุคคลเจริญ กระทำให้มาก ซึ่งสติปัฏฐาน ๔ พระสัทธรรมจึงตั้งอยู่ได้นาน ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว สติปัฏฐาน ๔ เป็นไฉน? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ... ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียรมีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ดูกรพราหมณ์ เพราะบุคคลไม่ได้เจริญ ไม่ได้กระทำมาก ซึ่งสติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้แล พระสัทธรรมจึงตั้งอยู่ได้ไม่นาน ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว และเพราะบุคคลได้เจริญ ได้กระทำให้มาก ซึ่งสติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้แลพระสัทธรรมจึงตั้งอยู่ได้นาน ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว.

[๗๘๐] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว พราหมณ์นั้นได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำเปิดของที่ปิด บอกทางแก่บุคคลผู้หลงทาง หรือตามประทีปในที่มืดด้วยหวังว่าผู้มีจักษุจักแลเห็นได้ ฉะนั้น ขอท่านพระโคดมโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะจนตลอดชีวิตตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.



<CENTER>จบ สูตรที่ ๕</CENTER>

เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ บรรทัดที่ ๔๕๘๖ - ๔๖๑๑. หน้าที่ ๑๙๑.http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=19&A=4586&Z=4611&pagebreak=0 ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=19&i=777 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๙​

 

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งในการบรรจุพระพุ?ธศาสนาไว้ในรัฐธรรมนูญ แม่เห็นด้วยที่พระสงฆ์ออกมาเดินเรียกร้อง เพราะว่าพระสงฆ์ไม่ควรวุ่นวายเรื่องการเมือง แต่อาวุธที่สามารถจะต่อสู้กับศาสนาอื่นได้นั้น ขอให้ทุกท่านที่อ่านข้อความนี้พิจารณาให้ดีว่าเราเป็นชาวพุทธเราดีพอแล้วหรือยัง ???

 

ขอบคุณองค์กรพุทธฯ ทั้งหลายที่ยังรับฟังพระราชินีของเรา !!!

 

เมื่อวันแม่ 12 สิงหาฯที่ผ่านมา ทุกคนคงได้ฟังกระแสพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จฯไปแล้ว ซึ่งเป็นคำตอบได้อย่างดีแล้วว่า พระพุทธศาสนาควรบรรจุในรัฐธรรมนูญหรือไม่ อย่างไร ผมว่าทางที่ดีควรลบหัวข้อเรื่องนี้ออกไปได้แล้วนะครับ จะมานั่งเถียงกันไปทำไม เสียเวลาทำมาหากินเปล่าๆ จริงไม๊ครับท่านทั้งหลาย เฮ้อ....หมานุดหนอหมานุด...............

 

กฏหมายคืออำนาจทางการเมือง หรือเครื่องมือทางการเมือง การปกป้องศาสนานั้นทำได้มากมายไม่ใช่แค่ออกกฏหมาย บรรพบุรุษเรารักษามาแบบไหนควรดูเป็นแบบอย่าง มันเสี่ยงเกินไปที่จะเอาศาสนามาอยู่ในกรอบเพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฏหหมายแม่ มันสามารถแตกกฏหมายลูกออกมาได้อีกมากมายเพียงแค่ประโยคที่ว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ใครจะกล้ารับผิดชอบกับสิ่งที่ตามมาหลังจากนี้ จะต้องแตกแยกถกเถียงกันหรือมีเหตุการณ์แย่ๆ ออกมาจากการใช้กฏหมายแบบผิดๆของคนที่มีอำนาจใช้อีกเท่าใด คนไม่เคยเจอไม่รู้หรอกครับ....

 

ใครช่วยปิดกระทู้นี้ทีเถอะครับ เถียงกันไปเถียงกันมาไม่เห็นมีสาระอะไรเลย หิวข้าวเปล่าๆเนาะ ชนะแล้วได้ทองบาทนึงรึไงฟะ?????

 

พวกคุณเคยเห็นคนพายเรือในอ่างไม๊ครับ พายจนขาดใจตาย มันก็ยังอยู่แค่ในอ่าง หยุดพายเสียทีเถอะครับ นั่งพักแล้วใช้สติ กันดีกว่า ไปคิดทำสิ่งที่สร้างสรรกว่านี้จะดีกว่านะครับ พูดกันไปเว้ากันมามันก็คือการเอาคำพูดเก่าๆมาเรียบเรียงใหม่แต่ใจความเหมียนเดิม น่าเบื่อจะตายไปอ่ะนะ ไปหาเบียร์เย็นๆกินดีกว่ามันส์กว่ากันแยะ,........

 

ขอโทษนะครับคุณจิ้งจอกขาว เขียนอะไรมาน่ะ ผมอ่านกลับไปกลับมาอ่านมาหลายเที่ยว งง คุณเมาอยู่รึเปล่าเนี่ยะ????ไม่เข้าใจความคิดคุณอ่ะ รึว่าเขียนคำไหนตกไปรึเปล่า???? งง ปวดหัว

 

ปิดกระทู้นี้.........ได้แล้ว......ปิดกระทู้นี้ได้แล้ว.........ปิดกระทู้นี้ได้แล้ว........

 

การที่เราเป็นลูกพ่อแม่ ถ้าไม่มีคนออกกฏหมายมารองรับ แสดงว่าเราก็ไม่ได้เป็นลูกพ่อแม่เลยหรอ สมัยก่อนไม่มีกฏหมายมารองรับ ชาวพุทธสมัยก่อนยังรักษาศาสนาพุทธมาให้เราได้ถึงทุกวันนี้ นี่แค่ไม่ได้รองรับเข้าไปจะเป้นง่อยกันรึไง หรือจะเป็นอัมพาต ถ้าเป็นจริงชาวพุทธสมัยก่อนคงเป้นกันมามากต่อมากแล้ว ป่านนี้ศาสนาคงไม่ได้มีมาถึงปัจจุบันหรอก

=> สมัยก่อนเป็นชาวพุทธแค่ทะเบียนบ้าน

=> สมัยนี้ดันอยากเป็นชาวพุทธแค่รัฐธรรมนูญ

เอากันเข้าไป!!!

 

จาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=1145&catid=4


.....
.........
....แล้วก็ข้าพเจ้าได้พบปะกับนักเรียนไทยประมาณ 4 พันคนได้ เขาขอพบได้ถามอะไรข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ไม่คิดว่าจะได้ถูกถาม เรื่องพระพุทธศาสนา กับรัฐธรรมนูญซึ่งข้าพเจ้าไม่คิดเลยว่าที่จะโดนถามอย่างนั้น ข้าพเจ้าก็อธิบายไม่ได้มีกระดาษอะไรเลย

ก็ต้องอธิบายว่า ข้าพเจ้าคิดเองว่า พระบวรพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุด สูงส่งแล้ว และได้รับการสนับสนุนมาโดยตลอด ตั้งแต่สมัยสุโขทัย จากคนไทยทั้งชาติ พระบวรพุทธศาสนาเป็นของที่สะอาดสูงสุด ทุกคนก็คิดว่าไม่อยากให้เข้าไปพัวพันกับคำว่าการเมือง ข้าพเจ้าพูดเช่นนั้นต่อหน้านักเรียนไทย 4พันคน ควรเทิดทูนเอาไว้เหนือเกล้า เพราะเป็นแสงสว่างในหัวใจของคนไทยทั้งหลาย การเมืองบางครั้งก็มีความผิดพลาด บางครั้งก็มัวหมองได้หลายเรื่อง เพราะฉะนั้นไม่ควรเอาพระบวรพุทธศาสนาไปไว้กับกฎหมายสูงสุดแห่งประเทศไทย คือรัฐธรรมนูญ ควรจะทิ้งพระบวรพุทธศาสนาไว้เช่นนี้ ที่ถูกเทิดทูนโดยประชาชนทั้งชาติ พอข้าพเจ้าพูดจบเล่าเหตุผลจบ นักเรียนไทยก็ปรบมือดังสนั่นไปหมดนาน

ในเมืองไทย ข้าพเจ้าได้ทราบว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่คนนับถือมากกว่า 90 เปอร์เซนต์ คงจะไม่ให้ใครมาแตะได้ ข้าพเจ้าเข้าใจว่าการเมืองบางครั้งก็มีอะไรหลายอย่างไม่ค่อยตรงไปตรงมานัก เพราะฉะนั้นดีแล้วที่พระบวรพุทธศาสนาแยกไปเสียให้พ้นจากการเมืองจะดีกว่า ไม่ทราบว่าทุกท่านในที่นี้เห็นด้วยอย่างเดียวกับข้าพเจ้าหรือเปล่าอันนี้ข้าพเจ้าถามนักเรียนไทย (เสียงปรบมือ) ขอบคุณมากนะ


ผู้เชี่ยวชาญทางประวัติศาสตร์บอกว่า พระบวรพุทธศาสนาเป็นศาสนาของชาวไทยมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย พระเจ้าแผ่นดินองค์แรกๆของสุโขทัย เวลาจะขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินก็จะต้องกล่าวคำปฏิญาณว่าจะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาไว้ด้วยชีวิต ซึ่งเดี๋ยวนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระองค์นี้ก็เช่นกัน ก็ยังถือธรรมเนียมเหมือนอย่างคนไทยทั้งหลาย ถือว่าพระบวรพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ล้ำค่าของชีวิตคนไทยที่จะพึ่งพาเวลามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในชีวิต พระบวรพระพุทธศาสนาเป็นแสงสว่าง เพราะฉะนั้นไม่มีวันยอมให้สลายหรือล่มลงไปเป็นอันขาด และดินแดนของชาวพุทธนี้ ชาวพุทธได้ทำชื่อเสียงมามากมาย เช่น ตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวว่า เชลยศึกสมัยที่ตอนนั้นทางญี่ปุ่นได้ยึดครองประเทศไทย เชลยศึกต่างชาติต่างๆ ได้รับการช่วยชีวิต ได้รับการป้อนน้ำ แอบไปป้อนน้ำ เสี่ยงกับชีวิตตนเอง และป้อนอาหาร ซ่อนตัวเขาด้วย

ที่พูดอย่างนี้ ไม่อยากจะทำให้ใครต้องเสียใจ แต่พูดให้ทราบความจริงว่าบรรพบุรุษของไทยเรา แม้แต่ในที่ผ่านมาไม่เท่าไร ไม่กี่ปี 50 ปีนี่เอง ก็ยังปฏิบัติตนทำให้ต่างประเทศชื่นชมและนับถือประเทศไทย และน้ำใจของคนไทยที่มีความเมตตา กรุณา และมีความกล้าหาญ ที่จะเเสดงความเมตตากรุณาด้วย อันนี้ขอให้ท่านคิดดูดีๆ และชาวต่างประเทศมาพูดกับข้าพเจ้า บอกว่าที่เขาชอบกรุงเทพมหานครเหลือเกิน เพราะว่าเมืองหลวงของประเทศไทยน่ามหัศจรรย์ โบสถ์พุทธ์ โบสถ์พราหมณ์ โบสถ์คริสต์ สุเหร่าอิสลาม ทุกศาสนาอยู่ใกล้เคียงกัน ไม่เคยมีใครคิดไปวางระเบิดหรือไปรบกวนศาสนาอื่นเลย ให้อิสระ สิทธิเสรีภาพในการจะนับถือศาสนาใดก็ได้ ซ้ำสนับสนุน

นี่แหละฝรั่งเขาบอก คือการปฏิบัติต่อกันของคนที่มีความเจริญอย่างแท้จริง เจริญสุดทางด้านจิตใจ อันนี้น่าชื่นใจมาก ถึงเวลาสวดของใคร ใครก็ไป ถึงเวลาใครทำพิธีของใครก็ไปโดยไม่ไปรังแกซึ่งกันและกัน อันนี้ต่างประเทศเขาบอก ยอดสุดๆ คนไทย

ข้าพเจ้าก็คิด พูดเฉพาะกับท่านว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เห็นจะต้องถือเป็นกรณีพิเศษนักเรียนไทยที่เยอรมันก็ฮากันตูมลั่น เพราะว่าเขาก็จะไป เขาก็จะฆ่าพระ รังแกพระไม่ให้ออกบิณฑบาตร ไม่เหมือนกับคนไทยทั้งชาติที่เคยทำมา พวกเราต้องมีอารมณ์เย็น เราไม่เคยไปเบียดเบียนรังแกอะไรใคร ที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ความเชื่อของแต่ละบุคคล เราถือว่าทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเต็มที่ในการจะเชื่อในศาสนาใดก็ได้ทั้งนั้น แต่ว่าถ้ามากเกินไปก็ต้องคอยเตือน คอยดูแล คอยสันทัด แต่ก็น่าเศร้าใจ.......
..........
.....
...

------------------------------------------------------------

ขอเดชะ องค์สมเด็จพระราชีนี คู่บุญบารมีจักรีเกริกฟ้า องค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาราชา
ข้าพระพุทธเจ้าขอสดุดี.....

 

คุณเห็นว่า รธน.ใหม่ ควรบรรจุให้ พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ หรือไม่ ?

ศาสนาพุทธสอนให้ปล่อยวาง ทำไมจะต้องไปยึดติดกับอะไรกันอีก เป็นสร้างตัวตนขึ้นมาเปล่าๆ (ตัวกู ของกู ) จงปล่อยวางตามหลักคำสอนที่ท่านพุทธทาสภิกขุสอนไว้ แล้วจิตใจจะพบกับความสงบ สว่าง สุข เย็น ที่เรียกว่าจิตพิสุทธิ์ ผมจึงเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องบรรจุศาสนาพุทธไว้ใน รธน. ครับ

 

จาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=1145&catid=4


.....
.........
...........

ผู้เชี่ยวชาญทางประวัติศาสตร์บอกว่า พระบวรพุทธศาสนาเป็นศาสนาของชาวไทยมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย พระเจ้าแผ่นดินองค์แรกๆของสุโขทัย เวลาจะขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินก็จะต้องกล่าวคำปฏิญาณว่าจะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาไว้ด้วยชีวิต ซึ่งเดี๋ยวนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระองค์นี้ก็เช่นกัน ก็ยังถือธรรมเนียมเหมือนอย่างคนไทยทั้งหลาย ถือว่าพระบวรพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ล้ำค่าของชีวิตคนไทยที่จะพึ่งพาเวลามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในชีวิต พระบวรพระพุทธศาสนาเป็นแสงสว่าง เพราะฉะนั้นไม่มีวันยอมให้สลายหรือล่มลงไปเป็นอันขาด และดินแดนของชาวพุทธนี้ ชาวพุทธได้ทำชื่อเสียงมามากมาย เช่น ตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวว่า เชลยศึกสมัยที่ตอนนั้นทางญี่ปุ่นได้ยึดครองประเทศไทย เชลยศึกต่างชาติต่างๆ ได้รับการช่วยชีวิต ได้รับการป้อนน้ำ แอบไปป้อนน้ำ เสี่ยงกับชีวิตตนเอง และป้อนอาหาร ซ่อนตัวเขาด้วย

ที่พูดอย่างนี้ ไม่อยากจะทำให้ใครต้องเสียใจ แต่พูดให้ทราบความจริง.......
..........
.....
...

------------------------------------------------------------

ขอเดชะ องค์สมเด็จพระภูมิพล มิ่งขวัญปวงชนประชาชาติไทย มหาราช ขัตติยะภูวไนย ดุจร่มโพธิร่มไทรของปวงประชา......

ข้าพระพุทธเจ้าขอสดุดี.....

 

สมัยก่อนจิตใจผู้คนด้วยรวมแล้ว จิตดีค่ะเรียกว่ามนุษย์ได้ ลองพิจารณาดูเองคิดเองก็แล้วกันว่า มนุษย์ควรมีอะไรเป็นองค์ประกอบบ้าง

แต่ในปัจจุบันคำว่า "มนุษย์" นั้นหาได้ยาก....ความสามัคคี ปองดองก็หาได้เฉพาะกุล่มบุคคล ประโยชน์กู ของของกู หรือบางครั้งมิใช่ ก็ยังคิดแย้งยื้อเพื่อจะเอาเป็นของของกูให้ได้

ศาสนาพุทธจะอยู่ได้มากน้อยแค่ไหน มิได้อยู่ที่การบัญญัติฯ เพราะอยู่ที่องค์ประกอบ 4 หลักใหญ่ แต่ที่พยายามผลักดันกันอยู่นี้เพื่อสร้างกรอบคอบ กั้น
สำหรับเหตุการณ์อันจะนำพามาสู่วิกฤติในอนาคตอันใกล้ แล้วจะบานปลายออกไปเรื่อย ๆ แก้ไขยากขึ้นเรื่อย ๆ

 

พูดเป็นงานเป็นการได้ด้วยแฮะ

 

ขออนุญาตนำคำสอนของหลวงปู่ดู่ท่าน มาอ้างๆไว้ ณ. ที่นี้ค่ะ เพื่ออิงกับโพสข้างต้น

๙. พ ระ ห รื อพะ

พระภิกษุที่บวชในพระพุทธศาสนาบางรูปบางองค์มีปฏิปทาดี บางองค์ก็ไม่สนใจในพระธรรมวินัยทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานา อันที่จริงศาสนาไม่ได้เสื่อมแต่ผู้อยู่ในศาสนาเสื่อม พระพุทธเจ้าจึงกำหนดอายุของศาสนาทรงตรัสว่า

"บุคคลภายนอกศาสนาไม่สามารถทำลายศาสนาตถาคตได้แต่ผู้ที่ทำลายได้ คือ พุทธบริษัททั้ง ๔ ได้แก่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสกอุบาสิกา"

เกี่ยวกับเรื่องนี้หลวงปู่เคยกล่าวไว้ว่า

"พระ คือคนที่บวชแล้วได้ดี ถ้าอีกจำพวกก็คือ พะบวชเพื่อหากินกับศาสนา เหมือนกับสวะหรืออะไรก็ได้ที่ไปพะกับของสิ่งนั้นแต่ถ้าไปเจออีกพวกคือ แพะ พวกนี้ร้าย จ้องแต่จะชนกับพระ กับฆราวาสนี่แหละคือพระสามประเภท"

ทั้งนี้ ทำให้ผู้เขียนนึกถึงพระดำรัสของพระพุทธเจ้าที่สอนสิ่งที่ภิกษุหรือสมมติสงฆ์ควรศึกษามี ๓ อย่างคือศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อจะได้เป็นพระหรือผู้ประเสริฐเช่นเดียวกับคำพูดของหลวงพ่อfficeffice" /><O></O>
<O> </O>
<O> </O>
<O> </O>

 

ไม่เห็นจะยากเลย ถ้าบรรจุจริง ๆ ผมก็เตรียมตัวรบแล้วหล่ะครับ

มหาสงครามแห่งศาสนากำลังจะเริ่มต้นขึ้น

เฮอะๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

อ้อ ถ้าใครจะมาด่าผม ไม่ต้องครับ ผมเป็นพุทธศาสนิกชนแน่นอนแต่ว่า

ผมกำลังคิดมองการณ์ไกลมาก ๆ

ไม่ใช่ไม่อยากให้ศาสนาพุทธไม่ยั่งยืน แต่ว่าการบรรจุลงไปแบบนี้

อาจทำให้เกิดมหาสงครามก็เป็นได้

มีหลายประเทศให้ลองคิดพิจารณาดู

แต่ก็ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งได้

ผมก็เพียงแต่เตรียมตัวพร้อมรบไว้ก็เท่านั้นเอง