คุณคือ ชาวพุทธที่ไหว้ พระอิฐ พระปูน อยู่หรือเปล่า

ขนาดกล้ากล่าวว่าพระสารีบุตรท่านสอนผิดได้ก็แสดงว่าท่านกล้าหาญมากครับ...

พระสารีบุตรอยู่ยุคเดียวกันกับพระพุทธเจ้าเลยนะ....แล้วตอนนี้ล่วงเลยมาสองพันกว่าปี คุณคิดว่าพระที่คุณเชื่อถือนั้นท่านไม่ได้สอนผิดเลยเหรอครับ...

 

ว๊าว....เถียงกันยังกะจะแก้มาตรา 112 เรย...เจ้าของกระทู้นี่ต้องบอกว่า เหมือนนิติราษฏร์เลยละครับ 55555+++

ผมคนรู้น้อย...ไม่เก่ง ไม่ฉลาดอะครับ เลยอยากให้คนเก่งตอบที
...ไหนๆๆ ลองบอกทีสิ ในหลวงรัชกาลที่ 9พระองค์นี้...ที่สร้างพระ สร้างแม้กระทั่งพระเครื่อง ที่เค้าเรียกว่ารุ่นอะไรน๊าาาาา...อ๋อ รุ่นสมเด็จจิตรลดา....ไง......

ช่วยตอบทีสิว่าในหลวง...ทำผิด ในหลวงจะต้องลงนรก ในหลวงสร้างพระแล้วจะตกนรก....อยากให้คุณเจ้าของกระทู้บอกมาทีเร๊ววววว....อยากเห็นคนลองดีมาตรา 112 อะ มามะๆๆ มาโพสเร็วๆ ด่าผมเยอะๆนะ เพราะผมยึดแนวทางในหลวงท่านในการดำรงชีวิต ในการปฏิบัติตน....ถ้าคุณเห็นว่ามันผิด พิมพ์ตอบมาเลย.....ไม่ได้ท้านะจ๊ะ....แค่อยากลองดี 55555++ บ้าเลือดแระ

 

คุณจะด่าว่าผมไงก็ได้เน้อ...ผมไม่ถือ...แต่ผมอยากป่วนกระทู้คุณอะ มีไรป่าว....ผมอันธพาล ...ชอบระรานบางเวลา.....อุ๊ย จะเจอตัวผมเหรอ ผมไม่เจอคุณหรอก เดี๋ยวโดนดักตีหัว...อิอิ ตอบเร็วๆๆๆอยากเห็นคำตอบ...

 

กระทู้แบบนี้ มีไว้ป่วนดีมะเนี่ย.. คนดีไม่ตีใคร...แต่ถ้าไม่ไหว กรูก็ขอสักที !!!!!!!!

 

พระพุทธแก่นจันทร์แดง ในครั้งพุทธกาล ก็มี มหาชนกราบไหว้ แม้พระพุทธองค์เองก็ยังแสดงการปฎิสันฐานด้วย ไม่รู้คนสร้างในครั้งนั้น กับคนกราบจะตกนรก หรือ มีบาปหรือเปล่าหนอ
คนกราบไหว้พระเจดีย์ อันบรรจุพระพุทธรูป และ พระบรมสารีริกธาตุ คงตกนรกกันทั่วเมืิงไทย
ไอ้ที่เหลือมาเกิดในปัจจุบันนี้ ผมว่าคงจะไม่ได้กราบพระพุทธรูปกันมาก่อน จึงมาเกิดทันให้ความโง่กินกันตรึม ( ประชดนะครับ )

 

ถ้าลองคิดว่ามีคนเอารูปถ่ายของคุณพ่อคุณแม่ของ จขกท ไปฉีก กระทืบ ทำลาย ไม่ว่าจะโดยเหตุผลใด สมควรแก่เหตุหรือไม่อย่างไรก็ตาม คิดว่าจะวางเฉยอยู่ได้หรือเปล่า ไม่ต้องยึดติดกับกระดาษ

เราต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ถึงคุณค่าภายในของวัตถุนั้นๆ อย่าไปคัดลอกเอาประโยคที่เราอาจไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้มาเกิดวิวาทะกันเลย แม้แต่คำสนทนาเหล่านั้น ประโยคเหล่านั้น คุณแน่ใจได้อย่างไรว่าของจริง! แปลมาอย่างถูกต้อง! และตีความแบบที่คุณคิด!

มองที่แก่นธรรมดีกว่าไหม

 

เอ้า....พ่อคนฉลาด พ่อหมาจำเริญ ว๊ายๆๆ พิมพ์ผิด มหาจำเริญ....มาตอบๆๆ มาด่าๆๆๆ มาประชดๆๆๆ มาแดกดันหน่อยเร๊ว คนดีๆ เค้าไม่กล้ามาเกลือกกลั้วกะคนอย่างคุณหรอก ต้องแบบข้าพเจ้านี่ 55555+++ มาๆๆ พ่อคนบรรลุธรรม....พ่อคนยึดถือพระไตรปิฏก....พ่อไม้บรรทัด.....ไม่มาตอบ ไม่มาด่า พ่อจะป่วนมันให้กระเจิงเร๊ยไอ้กระทู้แบบนี้

 

ที่ จขกท นำมาแสดง นั้น แสดงว่าท่าน ได้หลุดพ้นแล้ว ใช่หรือไม่ ? ถึงได้ไม่ต้องกราบไหว้ สิ่งของหรือวัตถุที่เป็นสัญลักษณ์ ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าหลุดพ้นแล้วก็ขออนุโมทนา สาธุการด้วย แต่ตัวข้าพเจ้ายังไม่อาจไปถึงจุดหมายอันสูงสุดจึงต้องมีสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ ของพระพุทธองค์ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ขัดเกลา จิตใจ และกำลังใจ ไปพร้อมกับการปฏิบัติ เพื่อการบรรลุธรรม

 

ต้นไม้ที่ไม่มีเปลือก ไม่มีกระพี้ มีแต่แก่น จะตั้งอยู่ได้นานหรือ ?

ฉันใดก็ฉันนั้น ในศาสนาเองก็เช่นกัน จำเป็นที่จะต้องมีทั้งแก่น กระพี้ และเปลือก

จึงจะดำรงอยู่และเป็นที่พึ่งอาศัยของหมู่สัตว์ทั้งหลายได้เป็นระยะเวลานาน

จริงอยู่ที่พระพุทธเจ้าไม่ใช่พระพุทธรูป และพระพุทธรูปก็ไม่ใช่พระพุทธเจ้า

แต่การกราบไหว้พระพุทธรูปแล้วทำให้จิตผู้กราบไหว้นั้นจะน้อมไปสู่การไหว้พระพุทธเจ้า

อันจะเป็นหนทางเริ่มต้นของการเข้าถึงธรรมะของพระพุทธเจ้านั้น มันเสียหายตรงไหนอย่างไร

ทิฏฐิในใจของตัวเองนั้นละที่ควรจะหัดแผ้วถางและทำลายลงให้สิ้นซาก

อย่ามัวมาเสียเวลากับการมองทิฏฐิจิตของคนอื่นอยู่เลย เพราะไม่ได้ช่วยให้กิเลสของคุณน้อยลงแต่ประการใด

แต่กลับกลายเป็นการเพิ่มกิเลสความยึดติด ว่าตนนั้นถูก ตนนั้นแน่เหนือใครเข้าไปอีก

เอาเวลาไปปฏิบัติเถิด.......

 

ว่างจัง...ไม่มีไรทำ

 

" ทิฏฐิในใจของตัวเองนั้นละที่ควรจะหัดแผ้วถางและทำลายลงให้สิ้นซาก
อย่ามัวมาเสียเวลากับการมองทิฏฐิจิตของคนอื่นอยู่เลย เพราะไม่ได้ช่วยให้กิเลสของคุณน้อยลงแต่ประการใด... เอาเวลาไปปฏิบัติเถิด....... "

โมทนาสาธุ ท่าน "โพธิ์แก้ว" ขอบพระคุณที่ทำให้นึกได้

 

อเสวนาจะพาลานังปูชาจะปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง.

 

รูปนี้รู้สึกคุ้นๆจังน่อ...

 

เก่งพระไตรปิฎกเหลือเกิน คนสมัยนี้ เก่งแต่ตำรา

 

จขกท.คุณไปบอกคนในครอบครัวหรือญาติพี่น้องคุณให้ครบทุกคนก่อนเรื่องที่คุณกำลังบอกคนทั้งหลายอยู่เนี่ย ให้คนใกล้ชิดคุณยึดถือปฏิบัติตามคุณก่อน แล้วค่อยมาเผยแผ่ต่อสาธารณะชน ลองหันไปดูคนที่บ้านคุณรึยังว่ายังกราบไหว้บูชาพระพุทธรูปอยู่หรือเปล่า ถ้าไม่อยากกราบไหว้บูชาก็บอกนะ จะไปขนมาบูชา ดู้ซิว่าจะตกนรกอเวจีอะไรนั่นมั้ย ผมมันคนยึดติดวัตถุ

 

อันไหนที่กวนมาไม่ตอบนะครับ

สรุปว่าการกราบพระอิฐพระปูนของคุณ ลงนรกหรือเปล่า

คิดดูนะครับเชื่อเเบบผิดๆ ทำผิดๆ ปฎิบัติผิดๆ ==>จะมีผลอย่างไรอันนี้ก็เเล้วเเต่ครับ

อันนี้ก็เเล้วเเต่สติปัญญาของบุคคลครับ

คำตอบของเจ้าของกระทู้ จะบอกว่ายกเว้นพระอริยสงฆ์ที่กราบพระอิฐพระปูนที่ไม่ต้องลงนรกหรือครับ ?


พระอริยสงฆ์ เช่น พระเดชพระคุณหลวงตามหาบัว จะไม่บอกลูกศิษย์เลยหรือครับ ว่าอย่าไปกราบพระอิฐพระปูน นะเดี๋ยวลงนรก


.[/QUOTE]
งั้นผมถามหน่อยซิครับ ว่า พระอริย ใช่พระพุทธเจ้าไหม ในสมัยพุทธกาลก็มีพระอริยสงค์ที่ทำผิดเลย เเล้ว พระอริยสงค์กับพระพุทธเจ้าคุณจะเชื่อใครอันนี้ก็เเล้วเเต่ปัญญานะครับ
มีเรื่องของพระปิณโฑลภารทวาชซึ่งเป็นพระอรหันตสาวกในระดับ "อสีติมหาสาวก" ได้ทำความผิดและถูกพระพุทธ เจ้าตำหนิหนักอยู่พอสมควรเรื่องนี้อยู่ที่เล่ม 9 หน้า 13
สมัยต่อมา ปุ่มไม้แก่นจันทน์มีราคามาก ได้บังเกิดแก่เศรษฐีชาวเมืองราชคฤห์ ราชคหเศรษฐีได้คิดว่า "ถ้ากระไรเราจะให้กลึงบาตรด้วยปุ่มไม้แก่นจันทน์นี้ ส่วนที่กลึงเหลือเราจักเก็บไว้ใช้ และเราจักให้บาตรเป็นทาน" หลังจากนั้น ท่านราชคหเศรษฐีให้กลึงบาตรด้วยปุ่มไม้แก่นจันทน์นั้น แล้วใส่สาแหรกแขวนไว้ที่ปลายไม้ไผ่ผูกต่อๆ กันขึ้นไป แล้วกล่าวอย่างนี้ว่า"สมณะหรือพราหมณ์ผู้ใด เป็นพระอรหันต์และมีฤทธิ์ จงปลดบาตรที่เราให้แล้วไปเถิด."
ขณะนั้น ปูรณกัสสป (เป็นเจ้าลัทธิๆ หนึ่งในยุคนั้น) เข้าไปหาท่านราชคหเศรษฐีแล้วกล่าวว่า "ท่านคหบดี อาตมานี้แหละเป็นพระอรหันต์และมีฤทธิ์ ขอท่านจงให้บาตรแก่อาตมาเถิด" ท่านเศรษฐีตอบว่า "ท่านเจ้าข้า ถ้าพระคุณเจ้าเป็นพระอรหันต์และมีฤทธิ์ ก็จงปลดบาตรที่ข้าพเจ้าให้แล้วนั่นแลไปเถิด"
ต่อมา ท่านมักขลิโคสาล ท่านอชิตเกสกัมพล ท่านปกุธกัจจายนะ ท่านสัญชัยเวลัฏฐบุตร ท่านนิครนถ์นาฎบุตร (ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเจ้าลัทธิๆ หนึ่งในยุคนั้น) ได้เข้าไปหาท่านเราชคหเศรษฐีแล้วกล่าวว่า "ท่านคหบดี อาตมานี้แหละเป็นพระอรหันต์ และมีฤทธิ์ ขอท่านจงให้บาตรแก่อาตมาเถิด" ท่านเศรษฐีตอบว่า "ท่านเจ้าข้า ถ้าพระคุณเจ้าเป็นพระอรหันต์และมีฤทธิ์ ก็จงปลดบาตรที่ข้าพเจ้าให้แล้วนั่นแลไปเถิด."
สมัยต่อมา ท่านพระมหาโมคคัลลานะกับท่านพระปิณโฑลภารทวาชะ ครองอันตรวาสกในเวลาเช้าแล้ว ถือบาตรจีวร เข้าไปบิณฑบาตในเมืองราชคฤห์อันที่แท้ ท่านพระปิณโฑลภารทวาชะ เป็นอรหันต์และมีฤทธิ์ แม้ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ก็เป็นพระอรหันต์และมีฤทธิ์ ท่านพระปิณโฑลภารทวาชะ ได้กล่าวกะท่านพระมหาโมคคัลลานะว่า "ไปเถิด ท่านโมคคัลลานะ จงปลดบาตรนั้นลง บาตรนั้น ของท่าน" แม้ท่านพระโมคคัลลานะก็กล่าวกะท่านพระปิณโฑลภารทวาชะว่า "ไปเถิด ท่านภารทวาชะ จงปลดบาตรนั้นลง บาตรนั้นของท่าน" จึงท่านพระปิณโฑลภารทวาชะเหาะขึ้นสู่เวหาส(อากาศ) ถือบาตรนั้นเวียนไปรอบเมืองราชคฤห์ ๓ รอบ.
ครั้งนั้น ท่านราชคหเศรษฐีพร้อมกับบุตรภรรยา ยืนอยู่ในเรือนของตน ประคองอัญชลีนมัสการ กล่าวนิมนต์ว่า "ท่านเจ้าข้า ขอพระคุณเจ้าภารทวาชะ จงประดิษฐานในเรือนของข้าพเจ้านี้เถิด" จึงท่านพระปิณโฑลภารทวาชะ ประดิษฐานในเรือนของท่านราชคหเศรษฐี
ขณะนั้น ท่านราชคหเศรษฐีรับบาตรจากมือของท่านพระปิณโฑลภารทวาชะ แล้วได้จัดของเคี้ยวมีค่ามาก ถวายท่านพระปิณโฑลภารทวาชะ ท่านพระปิณโฑลภารทวาชะได้รับบาตรนั้น ไปสู่พระอาราม ชาวบ้านได้ทราบข่าวว่า ท่านพระปิณโฑลภารทวาชะ ปลดบาตรของราชคหเศรษฐีไปแล้ว และชาวบ้านเหล่านั้นมีเสียงอึกทึกเกรียวกราว ติดตามพระปิณโฑลภารทวาชะไปข้างหลังๆ
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงสดับเสียงอึกทึกเกรียวกราวนั้น ครั้นแล้วตรัสถามพระอานนท์ว่า "อานนท์ นั่นเสียงอึกทึกเกรียวกราว เรื่องอะไรกัน"ท่านอานนท์กราบทูลว่า "พระพุทธเจ้าข้า ท่านพระปิณโฑลภารทวาชะ ปลดบาตรของท่านราชคหเศรษฐีลงแล้ว พวกชาวบ้านทราบข่าวว่า ท่านพระปิณโฑลภารทวาชะปลดบาตรของท่านราชคหเศรษฐีลง จึงพากันติดตามท่านพระปิณโฑลภารทวาชะมาข้างหลัง ๆ อย่างอึกทึกเกรียวกราว พระพุทธเจ้าข้า เสียงอึกทึกเกรียวกราวนี้ คือเสียงนั้น พระพุทธเจ้าข้า."
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามท่านพระปิณโฑลภารทวาชะว่า "ภารทวาชะ ข่าวว่า เธอปลดบาตรของราชคหเศรษฐีลง จริงหรือ"
ท่านพระปิณโฑลภารทวาชะทูลรับว่า "จริง พระพุทธเจ้าข้า"
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงติเตียนว่า "ภารทวาชะ การกระทำของเธอนั่นไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ ไฉนเธอจึงได้แสดงอิทธิปาฎิหาริย์ ซึ่งเป็นธรรมอันยวดยิ่งของมนุษย์ แก่พวกคฤหัสถ์ เพราะเหตุแบ่งบาตรไม้ ซึ่งเป็นดุจซากศพเล่า มาตุคาม (ผู้หญิง) แสดงของลับเพราะเหตุแห่งทรัพย์เป็นดุจซากศพแม้ฉันใด เธอก็ฉันนั้นเหมือนกัน
ได้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ซึ่งเป็นธรรมอันยวดยิ่งของมนุษย์ แก่พวกคฤหัสถ์ เพราะเหตุแห่งบาตรไม้ซึ่งเป็นดุจซากศพ การกระทำของเธอนั่นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส . . .
ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ ซึ่งเป็นธรรมอันยวดยิ่งของมนุษย์ แก่พวกคฤหัสถ์ รูปใดแสดง ต้องอาบัติทุกกฏ"
*****คำที่พระพุทธเจ้าสอนไม่ให้เป็นความลับ ให้เปิดเผยคำสอนทั้งหมดทุกขั้นตอนทุกคำสอนอย่างเปิดเผย ผู้ใดสอนแบบมีความลับผู้นั้นคือผู้สอนผิด และตัวผู้สอนแบบลับก็ผิด
แม้แต่ผู้สอนแบบเปิดเผยแล้วไม่แนะผู้เรียนให้กระทำอย่างถูกต้องเหมาะกับคนแต่ละคน ผู้สอนจนหมดนั้นก็ยังเป็นผู้สอนแบบมีความลับอยู่ยังเป็นผู้ผิด ผู้เรียนเรียนลัดขั้นตอนก็ผิด ศึกษาลัดก็ผิด กระทำลัดก็ผิด ผู้สอนจึงควรให้การควบคุมแก่ศิษย์ให้ถูกต้องอย่างเปิดเผย ทั้งผู้เรียนทั้งผู้สอนควรค้นดูคำสอนที่พุทธะสอนไว้อย่างถ้วนทั่ว ไม่งั้นอาจทำลายคำสอนทั้งๆที่หวังดี
ต่อผู้เรียนและหวังดีต่อศาสนาก็ตาม ถ้าเรียนและสอนไม่ทั่วถึงก็เข้าสู่การทำลายศาสนาได้ง่ายๆ
แม้แต่พระอรหันตสาวกกล่าวผิดก็คือผู้ทำลายศาสนา แม้ว่าโดยไม่เจตนาก็ตาม เพราะทำให้ผู้เรียนนำไปกระทำแบบผิด แม้ความผิดของผู้สอนเป็นอโหสิกรรม แต่ผู้เรียนย่อมเป็นวิบากกรรมไปนานแสนนาน พระอรหันต์ทั้งหลายควรคำนวณผู้ศึกษาว่าเขามีภัยอยู่แน่นอน พระอรหันต์ทั้งหลายไม่ควรคำนวณจิตของตนแล้วสอนเพราะบริสุทธิ์แล้ว พระอรหันต์ไม่ควรพาผู้เรียนกระทำผิดวินัยที่พุทธบัญญัติไว้ พระอรหันต์เป็นอโหสิกรรม ต่ำกว่านั้นเป็นวิบากกรรมแน่นอน พระอรหันต์พาทำผิดธรรมวินัยแล้วบอกว่ารับผิดชอบก็ตาม บาปย่อมไม่ยกเว้นผู้เรียนอยู่ที่ยังไม่พ้นอย่างแน่นอน

 

<TABLE id=post5663741 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>เมื่อวานนี้, 02:59 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#
ที่อาเฮียถามคุณยังตอบไม่ตรงคำถามเลย ว่าท่านอยู่ไหน
แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่า ถ้ากราบไหว้พระพุทธรูปแล้วจิตใจระลึกถึงพระพุทธเจ้ามันจะลงนรก
ไม่เคยได้ยินคำว่ายึดสมมุติเพื่อละสมมุติเหรอ ไอ้น้อง...




</TD></TR></TBODY></TABLE>
ท่าน จะอยู่ไหน นั่นไม่สำคัญ หรอกครับ ถ้า ท่านเป็นพระอรหัต จริง ท่านก็ไปนิพพานซิครับ ท่านไม่ต้อง ไปเกิดที่ไหนเเล้วขนาดพระสารีบุตรยอดสาวกผู้เลิศด้านปัญญายังสอนผิดได้ เเล้วจะอะไรกับพระอรหัตสมัยนี้ละครับ เเต่ถ้าเราเชื่อเเบบผิดๆ ใครละครับที่จะได้ผลนั้น เเล้ว คำว่ายึดสมมุติเพื่อละสมมุติ มันอยู่ส่วนไหนของพระไตรปิฏกครับ ช่วยบอกผมหน่อย



</TD></TR></TBODY></TABLE>






สรุปว่าการกราบพระอิฐพระปูนของคุณ ลงนรกหรือเปล่า


คำตอบของเจ้าของกระทู้ จะบอกว่ายกเว้นพระอริยสงฆ์ที่กราบพระอิฐพระปูนที่ไม่ต้องลงนรกหรือครับ ?


พระอริยสงฆ์ เช่น พระเดชพระคุณหลวงตามหาบัว จะไม่บอกลูกศิษย์เลยหรือครับ ว่าอย่าไปกราบพระอิฐพระปูน นะเดี๋ยวลงนรก


.<!-- google_ad_section_end -->


</TD></TR></TBODY></TABLE>
ผมขอสรุปคำตอบของเจ้าของกระทู้ก็คือ

พระอริยสงฆ์ กราบพระอิฐพระปูนไม่ต้องตกนรก

ชาวพุทธทั่วไป กราบพระอิฐพระปูนต้องตกนรก

แต่มันน่าแปลกนะครับ พระอริยสงฆ์ตั้งแต่สมัยสุโขทัย ,อยุธยา-ปัจจุบัน

ทำไมไม่สอนให้ชาวบ้านเลิกกราบไหว้พระอิฐ เลิกสร้างพระปูน ปล่อยให้ชาวบ้านลงนรกตั้งหลายร้อยปี !!!

 

การกราบไหว้ คือ อะไร ..?

การกราบไหว้ก็คือ การแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นการแสดงความเคารพ

อยู่ในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ เพราะฉะนั้น การกราบไหว้ถึงได้บุญ ตัวอย่างเช่น

หลวงพ่อปานกราบศพ หลวงพ่อฤาษีเล่าให้ฟังว่า เห็นหลวงพ่อปานกราบศพสามครั้ง

ท่านก็กราบตาม กราบเสร็จด้วยความสงสัยจึงถามหลวงพ่อปาน

หลวงพ่อปานเล่าว่า ที่ท่านกราบในงานศพนั้น ท่านกราบสามครั้ง แต่เป็นการกราบพระรัตนตรัย

ส่วนชาวบ้านจะเห็นว่าท่านกราบศพก็เป็นเรื่องของเขา เขาไม่ถามท่านก็ไม่อธิบาย

เพราะฉะนั้น การกราบไหว้อะไรก็ตาม สำคัญที่เจตนา ไม่ใช่ท่าทางของร่างกาย

เจตนาแสดงความเคารพ เจตนาแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน

ย่อมเป็นปัจจัยให้เกิดกุศลและผลบุญแน่นอนอยู่แล้ว

 

เมตตาในอุเบกขา กรุณาในอุเบกขา มุทิตาในอุเบกขา และอุเบกขาในอุเบกขา....ตถตา นี่เอง.....วางลง ปลงได้ สบายดี....จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้ หยั่งถึง....เอวัง

 

ขอบคุณมากครับที่แนะนำนะครับ....เอาเป็นว่าผมพร้อมที่จะปฏิบัติผิด แต่การปฏิบัติผิดของผมตามที่คุณกล่าวนั้น ผมจะขอปฏิบัติผิดตามแบบของพระไตรปิฏกแล้วกันครับ.....