คำแจ้งเตือนวันชำระล้างโลก (พ.ศ.2549-2562)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย เกษม, 3 มิถุนายน 2010.

  1. moderntof

    moderntof Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +81
    อย่างไรก็ตาม คิดในแง่ดีไว้ก่อนดีกว่า พวกเราไม่กลัวอยู่แล้ว ธรรมชาติไม่ได้โหดร้ายเรย... พยามที่จะสร้างสรรค์เพื่อพวกเราจะได้พัฒนาจิตวิญญาญกันใหม่ ไปสู่อารยธรรมใหม่ โดยธรรมชาติเป็นผู้ยกระดับเราเอง ไม่เหนื่อยดีแฮะ!
     
  2. texsum

    texsum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +1,511
    อ่านแล้วกลัวมากครับ จะเร่งทำความให้มากกว่าเดิมครับ อนุโมทนากับสิง่ดีๆที่แบ่งปันด้วยครับ
     
  3. นัทชี่

    นัทชี่ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +62
    " พุท ธะ สัง วิ หะ ระ ตัง ปุญ ญัง วะ ทา มิิิ "

    ด้วยอานุภาพแห่งการนอบน้อมในพระพุทธเจ้า
    พระสัจจธรรม และพระอริยสงฆ์ ขอให้จิตของข้าพเจ้า
    จงเป็นวิหารที่สถิตซึ่ง พระพุทธบารมี พระธรรมบารมี
    และพระสังฆบารมี อันไม่มีประมาณด้วยเทอญ...
     
  4. นคราชอีสาน

    นคราชอีสาน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2009
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +24
    พุทธโธ ธรรมโม สังโฆ
    ทุกคนจงเร่งสะสมบุญไว้เถิด
     
  5. jia aran

    jia aran สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +3
    ต้องรีบสะสมบุญคับ
     
  6. 1redstar

    1redstar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +1,366
    คราวก่อน อ. ปริญญา ผู้สื่อกับ จิตจักรวาล (อาจจะเปนผู้มีอารยธรรมสูง ในจักรวาล)
    บอกว่าวันชำระโลก จะเริ่มในช่วง พ.ศ. ๒๕๔๓
     
  7. บัวเกี๋ยง

    บัวเกี๋ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    549
    ค่าพลัง:
    +431
    สู้ๆๆปฏิบัติเพื่ออยู่รอดใช่ว่าจะจบเลยที่เดียว
     
  8. poplight

    poplight Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    206
    ค่าพลัง:
    +84
    สาธุ สวดมนต์ไหว้พระ ปฏิบัติธรรม ให้จิตใจสงบ ดีกว่าครับ อนุโมทนา....
     
  9. ooghost

    ooghost เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2010
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +119
    วันนี้เรามาทำความดีกันเถอะครับ

    แม้ว่าพึ่งจะเริ่มก็ยังไม่สายครับ
     
  10. อิ๊คคิวซัง

    อิ๊คคิวซัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +22
    ถ้า หลวงพ่อ ท่านกล่าวไว้ ผมว่ามันน่าจะเป็นจริงนะครับ

    :z17
     
  11. Nantnapas P

    Nantnapas P เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    287
    ค่าพลัง:
    +902
  12. ไผ่มรกต

    ไผ่มรกต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,896
    สภาวะอันเป็นไปของโลก โดยท่านพระคุณเจ้าดาบส สุมโน

    นะโม ตัสสะ ภควโตฯ ณโอกาศนี้จะได้กล่าวสภาวะอันเป็นไปของโลก คือยุคศรีวิไลย์ คำว่ายุคศรีวิไลย์คือเป็นชื่อของกาลเวลาชั่วระยะหนึ่ง ยุคศรีวิไลย์กาลเวลาที่จะบังเกิดตามชื่อนี้ ก็จะสิ้นระยะกาลรัชสมัยหนึ่งๆ หรือช่วงพระเจ้าแผ่นดินองค์หนึ่งๆ ของเมืองไทย เมืองไทยซึ่งได้สร้างเมืองมา ตั้งแต่ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ซึ่งเป็นองค์ปฐมแห่งพระเจ้าแผ่นดิน ในวงค์นี้คือวงค์รัตนโกสินทร์ ก็พระเจ้าแผ่นดินองค์แรก ชั่วระยะพระเจ้าแผ่นดินทรงครองราษฎสมบัติอยู่ องค์ต้นก็เรียกว่ายุคที่๑ องค์ที่๒ก็เรียกว่ายุคที่๒ องค์ที่๓ก็เรียกว่ายุคที่๓ ก็เมื่อองค์ที่๔มาสืบแทน องค์ที่๔สิ้นไปองค์ที่๕ก็มาสืบแทน สืบกันไปเรื่อยๆอย่างนี้ ชื่อว่ายุคหนึ่งนั้นมีเจ้าผู้ครองแผ่นดิน ของประเทศไทยแต่ละองค์ๆ ชื่อว่ายุคในที่นี้ก็มีหลายยุคด้วยกัน มีถึง๑๐ยุค ๑๒ยุค คือนับตั้งแต่ยุคต้น ยุคต้นเรียกว่ายุคมหากาฬ ยุคที่สองเรียกว่าภารยักษ์ ยุคที่๓ ยุคที่๔ที่๕ ก็มีชื่อเรียกกันไปตามลำดับ คือภารยักษ์ รักมิตร สถิตธรรม จำแขนขาด ราษฎโจรัญ ทันทุกข์ ยุคทมิฬ ถิ่นกาขาว ชาวศรีวิไลย์ ไทยมหารัฐ แล้วก็จักรพรรดิราษฎ ก็ท่านกล่าวกันไว้เป็นยุคๆ ดังที่ท่านพระคุณเจ้ากล่าวมานี้ ถามว่าในปัจจุบันนี้เป็นยุคอะหยั๋ง ก็มีคำตอบว่า ยุคถิ่นกาขาว ยุคถิ่นกาขาวเป็นอย่างไร ก็ได้แก่รัชสมัยพระภูมิพลอดุลยเดช องค์ปัจจุบัน ที่ครองราษฎสมบัติอยู่ในประเทศไทย อันนี้ได้แก่ถิ่นกาขาว ยุคถิ่นกาขาวก็ดูเหมือนกับว่า ถูกต้องตามรูปเรื่อง หรือความเป็นมาของแต่ละยุค แต่ละยุค ถิ่นกาขาวหรือถิ่นตาขาว อันนี้ก็คือมีคนเข้าวัดปฎิบัติธรรม นุ่งขาวห่มขาว รู้จักหันมาสวดมนต์ภาวนา เจริญกรรมฐานทุกชั้นทุกเพศทุกวัย อันนี้ท่านเรียกว่าถิ่นกาขาว หรือถิ่นขาวสะอาดก็ได้เหมือนกัน ขาวสะอาดก็คือ หันเข้ามาปฎิบัติในทางศีล ทางธรรมนั่นเอง เข้าวัดเข้าวา รู้จักบำเพ็ญตน เจริญศีลเจริญภาวนา ก่อนหน้านี้คือคนไทย ก็น้อยนักที่จะรู้จักหันเข้ามา เจริญศีลธรรมกรรมฐาน ไม่เคยรู้ว่าภาวนามันเป็นอย่างไร กรรมฐานมันเป็นอย่างไร ก็เพราะว่าคนนอกทั่วๆไป ไม่ได้ยินมาก่อนไม่รู้เรื่องมาก่อน แต่เข้ามาในรัชสมัยเรานี้ ดังที่ได้กล่าวก็รู้สึกว่า มีประชาชน ได้รู้จักกรรมฐานภาวนา รู้จักมานุ่งขาวห่มขาวปฎิบัติธรรม รู้จักถือศีล๘รู้จักงดเว้นปลาเนื้อ นี่ก็คือเข้าลักษณะที่เรียกว่า ถิ่นกาขาวหรือถิ่นขาวสะอาด ถิ่นขาวสะอาดก็บังเกิดขึ้นในประเทศไทยราว ๓๐-๔๐ ปีมานี้ แต่ก่อนนี้ก็ไม่ค่อยจะรู้กัน แล้วยุคนี้จะดำรงค์อยู่ หรือมีชื่อไปจนถึงรัชกาลองค์ใหม่ รัชกาลองค์ใหม่ก็จะเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนยุคมาเป็นยุคชาวศรีวิไลย์ แล้วจะเป็นอย่างไรอันนี้ก็จะขอนำมาแสดงต่อไปข้างหน้า ทีนี้จะขอย้อนกล่าวถึงเรื่องการที่จะเปลื่ยนแปลงยุคหรือที่จะถึงยุคใหม่มันก็มักจะมีอะำำไรบันดลบันดาล หรือที่เรียกว่า ธรรมดาตกแต่่งให้เป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้เปลื่ยนแปลงเป็นยุคขึ้นมาใหม่หรือเป็นสมัยขึ้นมาใหม่ ก็เพราะว่าก่อนที่จะถึงเป็นสมัยขึ้นมาใหม่ มันจะต้องเปลื่ยนแปลง หรือมีอะไรที่ทำให้สูญเสียไป เหมือนกับคำทำนายที่กล่าวกันไว้ หรือคำพยากรณ์ หรือคำบอกเล่าที่เป็นสิ่งที่น่าหวั่นวิตกอยู่มากๆ อันจะมีมาในระยะใกล้ๆนี้ สิ่งที่ท่านพระคุณเจ้าก็ได้นำมาเล่า เมื่อศีลที่แล้วมานี้ ก็เป็นคำพยากรณ์ หรือคำบอกเล่าของท่านผู้รู้ๆหลายๆท่าน ว่าภัยพิบัติิอันจะเกิดขึ้นแก่มนุษย์โลก หรือแผ่นดินหรือโลกมนุษย์นี้ในระยะใกล้ๆนี้ คือคนส่วนมากที่เหลืออยู่นั้น ก็ส่วนมากก็มีเป็นคนที่อยู่ในศีล ในธรรม ส่วนคนที่ไม่มีศิลไม่มีธรรมนั้น คนที่เป็นสัตว์นรกมาเกิด คนชั่ว คนร้าย ก็จะมีอันเป็น จะมีอันหมดไปจากแผ่นดิน ท่่านผู้ฟังทั้งหลาย อันนี้ก็คือว่าเป็นคำเล่า คำเล่าอันนี้ก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นคำที่รุนแรง จึงทำให้คนฟังแล้วไม่น่าเชื่อ ที่ว่าไม่น่าเชื่อคือที่ว่ามัีนไม่น่าจะเป็นไปได้ ตามความเห็นของพระคุณเจ้า พระคุณเจ้าก็ว่าไม่น่าเชื่อเหมือนกัน พระคุณเจ้าก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ก็เชื่่อเป็นบางส่วนแต่ไม่เชื่อเป็นบางส่วน ที่จะไม่เชื่อเป็นบางส่วนนั้นนะ ก็คือมันไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะว่าใน ๑๐๐ ปี ๑๐,๐๐๐ ปี ๑๐๐,๐๐๐ ปี มันไม่เคยมีในประเทศไทยเรา แต่ประเทศอื่นๆที่เขามีกัน มันก็เป็นธรรมดา อย่างภูเขาไฟระเบิดขึ้น พ่นไฟขึ้นมาจนบ้านเมืองเสียหาย ถล่มทะลาย บ้านไม่เป็นบ้าน เมืองไม่เป็นเมือง อพยพทันก็รอด หนีทันก็ทัน หนีไม่ทันก็ล้มตาย กันระเนระนาด แต่ก็เป็นธรรมดาในประเทศอื่นเมืองอื่น นี้ก็เป็นธรรมดา ที่เกิดขึ้นเรื่อยๆแต่ในประเทศไทยเรานี้ไม่เคยมี ประเทศไทยเรานี้มันอาจจะมีบ้าง แต่นิดๆ หน่อย แต่จะเป็นถึงขนาดนั้นมันก็คงไม่อาจเป็นอย่างนั้น เพราะประเทศไทยเป็นเมืองที่งอกออก คือ มีท้องทะเลตื้นๆ เรียกว่าเป็นอ่าวเล็ก ไม่เหมือนกับเมืองใหญ่ๆ ที่มีทะเลมหาสมุทรกว้างๆ เมืองเล็กทะเลเล็ก ทะเลตื้นอย่างนี้ คือ มันจะเป็นไปได้หรือจะจมหายไปเป็นเมืองๆ เป็นส่วนๆนั้นนะคงจะเป็นไปได้ยาก เพราะตามที่่รู้ที่เห็นมา เมืองตื้นๆอย่างนี้ มีแต่จะงอกออกไป งอกกว้างออกไปๆ เป็นหาดทราย นานไปก็มีต้นไม้ มีบ้านมีเรือน มีไร่มีนาขยายออกไป คือบ้านเมืองไทยเรานี้มันเป็นอ่าวเล็ก อ่าวตื้น มันมีแต่จะงอกออกไปแต่เมืองอื่นไม่อาจจะรู้ได้ ทีนี้มันจะถล่มทลายเป็นบางส่วนเล็กๆน้อยๆ อันนี้มันอาจจะมี เป็นคลื่นเป็นลมเป็นธรรมดา แต่จะถึงกับใหญ่โตหายไปเ็ป็นเมืองๆอย่างนี้ ก็ไม่น่าเชื่อ กรุงเทพฯจะหายไปเ็ป็นท้องทะเลอย่างนี้ ก็ไม่น่าเชื่อเพราะมันไม่เคยมี มันจะมีมันต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยๆ แต่ที่กรุงเทพฯทรุดนั้นก็ทรุดจริงอยู่ เพราะมันทรุดมานานแล้ว อันนี้มันก็ไม่มีข้อน่าคิดอะไร เพราะกรุงเทพฯนี้เป็นเมืองที่อยู่ในแหลมที่ยื่นออกไปในน้ำ แล้วก็สร้างบ้านสร้างเมืองขึ้นมาสร้างตึกที่มีน้ำหนักมาก แล้วอีกประการหนึ่ง ก็เอาน้ำในบาดาลสูบขึ้นมา สูบขึ้นมาใช้เป็นน้ำประปา มันก็ทำให้พื้นแผ่นดิน นั้นกลวง แล้วก็มีแต่น้ำคววมๆอย่างนี้ มันก็ยุบลงไปได้ ทรุดลงไปได้ทีละน้อยๆ ปีหนึ่งก็ยุบลงไปที่หนึ่งๆ ยิ่งมีน้ำท่วมมากอย่างนี้ด้วยแล้วก็ยิ่งทรุดลงไปมาก ท่านผู้ฟังทั้งหลาย อันนี้ก็เป็นธรรมดา อันนี้แผ่นดินทรุดก็ทรุดจริงอยู่แต่จะทรุดหายไปเป็นเมืองๆนั้น จมหายไปทันทีทันใดนั้นคงจะไม่มีอย่างนั้น แต่ทุกวันนี้คนกรุงเทพฯเราหวนไปหาอดีตกาล เพราะอดีตกาล ไม่ค่อยเดือดร้อนเหมือนในปัจจุบันนี้ สมัยปัจจุบันนี้ มันทำให้คนกรุงเทพฯค่อนข้างรู้สึกว่าไม่ค่อยจะม่วน อากาศก็ไม่ค่อยจะดี น้ำก็ท่วมบ่อยๆ อย่างนี้ ก็แสดงว่าแผ่นดินมันต่ำลง มีฝนตกมาหน่อยหนึ่งน้ำก็ท่วม ไม่อาจที่จะแก้ไขได้ อันนี้แผ่นดินทรุดมันไม่ใช่จะทรุดไปทีเีดียว อย่างที่ท่านว่า ทีนี้การที่ค่อยๆทรุดนี้มันเป็นไปได้ ท่านผู้ฟังทั้งหลาย การที่ทรุดลงไปมันก็อาจจะมีโอกาสที่จะงอกขึ้นสูงขึ้นเหมือนกัน เราไม่อาจจะรู้ได้ เพราะโลกนี้มันไม่เที่ยง แต่ถ้่่าเป็นสมัยเจริญยุคศรีวิไลย์หรือยุคต่อๆไป มันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีก็ได้ อาศรมไผ่มรกต ท่านพระคุณเจ้าดาบส สุมโน เทศนาในวันพระขึ้น ๑๕ค่ำ 12ก.พ.2542
     

แชร์หน้านี้

Loading...