คลิปการเสวนาเรื่อง ..คาดการพิบัติภัยไทยกับการเตือนภัยและสร้างที่หลบภัยครั้งสุดท้าย

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย apichayo, 18 กันยายน 2012.

  1. apichayo

    apichayo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    488
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,936
    เชื่อว่า..ในภายภาคหน้า เงินทอง วัตถุ ข้าวของต่างๆ แทบไม่มีความหมายเท่าข้าวปลาอาหาร

    ต้องเอาชีวิตให้รอดไว้ก่อน ...ทรัพย์สินเงินทองที่หากันมาแทบตาย ไม่มีความหมายใดๆเลย...

    ช่วยอะไรแทบไม่ได้เลย ...หลังจากเกิดเหตุแล้ว เชื่อว่าคนคงเหลือน้อย พื้นที่ทำกิน ที่อยู่อาศัย

    มีมากมายเพียงพอให้ผู้คนที่ยังเหลืออยู่....เพียงแต่เราจะปรับตัวปรับใจ ให้อยู่รอดกันได้อย่างไร..

    ในภายภาคหน้าแทบจะไม่มีการซื้อขาย ทุกอย่างต้องสร้างต้องหาด้วยตัวเอง หรือรวมกลุ่มกันทำ

    คนจะรวมตัวกันเพื่อพึ่งพิงพึ่งพาซึ่งกันและกัน และให้ความสำคัญของจิตใจ เหนือกว่าสิ่งอื่นใด...

    เป็นยุคแห่งการพัฒนาจิตใจ.....แต่กว่าจะถึงวันนั้น จะมีสักกี่คนที่อยู่ถึงวันนั้น ไม่มีใครบอกได้เลย...

    เพียงแต่ทราบจากครูบาอาจารย์หลายๆท่าน บอกกล่าวตรงกันว่า คนดีมีศีลธรรมเท่านั้น ที่จะอยู่รอดได้
     
  2. apichayo

    apichayo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    488
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,936
    บทกลอนฝากเตือนจากหลวงปู่เทพโลกอุดร

    ..แจ้งไว้แก่หลวงปู่ภารตะฤาษี(บัวขาว)


    ... เริ่มจากปี พ.ศ. ๒๕๔๙ จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ...

    ขอยกกลอน สอนใจ ในยามยาก ช่วงลำบาก ไว้เป็น อุทาหรณ์

    โลกทั้งโลก กำลัง จะสั่นคลอน เพื่อสะท้อน ผลกรรม คนทำมา

    จากวันนี้ ต่อไป ภายภาคหน้า ในไม่ช้า วิบากกรรม วิ่งเข้าหา

    ให้โหยหวน คร่ำครวญ แสนเวทนา คนทั่วหล้า ต่างล้มหาย ตายเป็นเบือ

    <O:p</O:p
    หากไม่เชื่อ ให้เผ้าดู จะรู้สึก ต้องสะอึก เมือ่ไม่มี สิ่งใดเหลือ

    ทุกวันนี้ มีใช้ อย่างเหลือเพือ จะไม่เหลือ ให้ใช้ ในบัดดล

    คนหลายคน วกวน เพื่อเสพสุข ไม่เคยทุกข์ ร้อนใจ ให้ขัดสน

    เฝ้าเอาเปรียบ เบียดเบียน หมู่ผู้คน ไม่เคยสน เวรกรรม มันมีจริง

    ไม่ว่าใคร ใดใด ในโลกนี้ ชั่วหรือดี ทุกเยาว์วัย ชายหรือหญิง

    สัจธรรม เท่านั้น คือความจริง ทุกสรรพสิ่ง หนีไม่พ้น ผลของกรรม

    คนคิดดี ทำดี ย่อมมีสุข พ้นกองทุกข์ ชีวี ไม่แปรผัน

    <O:p
    พาพ้นทุกข์ สิ้นวิบัติ ในฉับพลัน บุญเท่านั้น ที่หนุนนำ คนทำดี

    ผิดกับคน ที่ทำผิด และทำพลาด ต้องถึงฆาต บาปกรรม ซ้ำเป็นผี

    ครั้งอยู่ดี มีสุข ไม่ใฝ่ดี พอจะม้วย ชีวี แล้วใฝ่บุญ

    กุศลหนุน บุญใด ไหนจะช่วย มีแต่ซวย เท่านั้น ที่เกื้อหนุน

    เกิดเป็นคน ไม่เคยคิด ตอบแทนคุณ จะเอาบุญ ที่ไหน มานำพา

    อีกไม่นาน ก็ถึง กึ่งพุทธะ เป็นจังหวะ รอยต่อ ศาสนา

    สิ่งทุกสิ่ง ย้อนกลับ สู่เวลา ทรัพย์ไร้ค่า คนยึดจิต อภิญญา

    ถิ่นกาขาว ยาวนาน จะผันผ่าน พระศรีอารย์ อริยะเมตไตร เข้ามาหา

    ศรีวิไล ใฝ่ธรรม ทุกเวลา เทวดา ปกป้อง ตลอดกาล

    อยากอยู่ดี มีสุข ถึงยุคนั้น ต้องช่วยกัน สร้างกรรมดี ไว้สืบสาน

    ภัยวิบัติ โลกสลาย อีกไม่นาน สิ้นคนพาล เหลือคนดี ไม่กี่คน

    คำยืนยัน ปู่ฤาษี ภารตะ ให้สละ อย่ายึดมั่น อย่าสับสน

    ให้รู้ไว้ ภัยจะถึง ทุกตัวตน ให้ทุกคน หลบลี้ หนีออกมา

    การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จะบังเกิด จำไว้เถิด จะสิ้นยุค กลุ่มเศรษฐี

    ที่คดโกง ฉกฉวย จนได้ดี จะสิ้นที หมดท่า พาตรอมตรม

    บาปและกรรม ตามซ้ำ ไม่ย่อหย่อน กินหรือนอน เดินนั่ง ช่างขื่นขม

    ถึงรวยทรัพย์ เคยยิ่งใหญ่ ยิ่งระทม ก็จะล้ม จมดิ้น สิ้นกันไป

    จากสี่เก้า เข้าถึง ปีหกสอง ฟ้าจะร้อง คำราม สุดหวั่นไหว

    ธรณี จะโกรธ เป็นพื้นไฟ พระพรายไซร์ จะถามโถม โจมดีเรา

    พระคงคา จะไหลบ่า หุ้มเปลือกโลก ดาวนอกโลก พุ่งชน คนอับเฉา

    ให้รีบลุก และตื่น เถิดพวกเรา รีบเดินหน้า ถึงธรรม ค้ำชีวา

    ภาคกลางหนึ่ง ใต้หนึ่ง พีงจำไว้ จมอยู่ใต้ คงคา แน่นักหนา

    ผืนแผ่นดิน คลุมด้วยน้ำ สุดลูกตา ชาวประชา ไร้แผ่นดิน สิ้นชีพวาย

    เหนืออีสาน ตอนล่าง ต่างรันทด แผ่นดินลด หดหู่ ไม่รู้หาย

    เหลือก็น้อย คนบุญ ที่รอดตาย นอกนั้นไซร์ ไร้ชีวิต วิบัติภัย

    บนท้องฟ้า มืดมน ฝนห่าใหญ่ ห่อหุ้มไว้ เจ็ดราตรี อรุณฉาย

    สัตว์เล็กใหญ่ ดับดิ้น แทบวอดวาย ที่ไม่ตาย กลายเป็นพิษ ปลิดชีพกัน

    พายุลม สลาตัน นับว่าร้าย ก็ไม่ว่าย ต้องแพ้ ลมกรรมหันต์

    ฝนที่ไหน พัดที่ใด ตายฉับพลัน ไม่มีควัน มีแต่พิษ ชีวิตวอดวาย

    พลังจากนั้น คนที่เหลือ จะแปรเปลี่ยน บำเพ็ญเพียร ภาวนา ไม่ขาดสาย

    ทุกข์และโศก โลกมนุษย์ จะผ่อนคลาย ศรีอริยะเมตไตร จะบรรเจิด เกิดขึ้นพลัน

    สร้างมนุษย์ สร้างโลก ให้ผุดผ่อง ตามครรลอง ศรีวิไล ให้เฉิดฉันท์

    สิ้นทุกข์โศก โรคภัย ไม่โรมรัน จิตเท่านั้น ที่วัดใจ ให้อยู่ยืน

    ทรัพย์เงินทอง ก่ายกอง เต็มไปหมด ช่างรันทด ไม่มีค่า เท่าผ้าผืน

    สิ่งที่หา และใฝ่ ทุกวันคืน ที่ยั่งยืน คือจิต ผ่องอำไพ

    อาศัยกรรม ทำดี ช่วยชูค้ำ ให้ได้นำ สู่ภิญญา น่าสดใส

    ทั้งอิ่มเอิบ อิ่มกาย อิ่มจิตใจ พระยาธรรม นั่นไซร์ คือกฏเกณฑ์

    หากไม่เชื่อ สิ่งที่กล่าว ชาวโลกเอย จำไว้เลย นี่คือแท้ แน่นักหนา

    เฝ้าติดตาม การเปลี่ยนแปลง ทุกเวลา จะรู้ว่า เริ่มตั้งเค้า เข้าสู่กาล

    หายุโหม น้ำท่วม แผ่นดินไหว โลกทั้งใบ ไม่แน่น ไร้แก่นสาร

    ธาตุดินน้ำ ลมไฟ ถูกรุกราน จากวิญญาน กาลอดีต กรีดทำลาย

    คนทั่วโลก จะพบ ภัยพิบัติ สารพัด ปัญหา ให้แก้ไข

    ทั้งเรื่องโลก เรื่องคน จนวุ่นวาย แก้อย่างไร ก็ไร้ค่า พาล้มครืน

    เป็นด้วยเหตุ อาเพศ โลกใบนี้ ถูกย่ำยี จากมนุษย์ สุดทนฝืน

    มุ่งทำลาย ล้างผลาญ ทุกค่ำคืน ไม่อาจฝืน ขืนปล่อยไว้ ใจโลกตรม..

    มอบให้เหล่าท่านทั้งหลายได้พิจารณา เห็นอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ด้วยสติปัญญาของตนเอง...

    <O:p
    จากหลวงปู่ ภารตะ ฤาษี (บัวขาว)
     
  3. apichayo

    apichayo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    488
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,936
    หลวงปู่เทพโลกอุดร พยากรณ์ภัยพิบัติ ..

    ..มวลมนุษย์ ภัยพิบัติ น้ำจะท่วมโลก แผ่นดินจะไหว มนุษย์ที่ดีถึงจะรอด หมู่ชนควรทำดี ให้มนุษย์มีการปฏิบัติ มวลชนทุกหมู่เหล่าต้องปฏิบัติ... เวลานั้นใกล้เข้ามา มนุษย์เท่านั้น ที่จะช่วยตัวเองได้ จงทำตัวเองให้ดี จงมีจิตที่ดี จึงจะรอดพ้น ไม่มีใครช่วยใครได้ แผ่นดินจะกลืนกิน มิรู้สิ้นชีวิตเท่าใด ผู้ที่จะรอดปลอดภัย ต้องอยู่ในศีลธรรม

    พึงรักษาชีวี อย่าคิดว่าตายแล้วดีกว่าอยู่ ต้องอดทน ผู้รอดจากภัยพิบัติ คือ ผู้ที่ต้องอยู่ต่อ เป็นผู้ที่ต้องช่วยกัน ปรับสภาพจากเหตุการณ์ ที่ผ่านพ้นแต่กว่าจะถึงตอนนั้น มนุษย์ก็แสนสาหัส ทุกข์ยากอดอยาก ยากไร้ปางตาย ไร้ความทรงจำก็มี เพราะขาด การเตรียม ด้วยความไม่รู้ มนุษย์ต้องพบ วิบากกรรมชีวิต ทุกชีวิตที่อาศัย อยู่บนโลกลำบาก มนุษย์เป็นผู้ทำทุกสิ่งด้วยมือ ของมนุษย์ทั้งสิ้น ไม่มี ไม่ใช่ ใครที่ไหนทำ เวลาใกล้เข้ามา ทุกขณะความตาย กำลังเข้ามาใกล้ตัว

    ก่อน ถึงเวลา ก่อนถึงวันนั้น มนุษย์ผู้ซึ่งกระทำการทำลาย มนุษย์ด้วยกัน มันต้องพินาศเช่นกัน การกระทำของมันผู้นี้ ทำให้มนุษย์ จำนวนมากมายสิ้นชีวิต คล้ายใบไม้ร่วง มันหวังว่าจะได้เป็นใหญ่ ในแผ่นดินทั่วโลก แต่แล้วความหายนะ เข้ามาครองโลกแทน ความพินาศเต็มไปหมด ความหวังย่อยยับ ปฐพีเต็มไปด้วยเลือด ศพกลาดเกลื่อนเลือดทาแผ่นดิน ชีวิตสูญสิ้น สิ้นไร้ผู้คน มีแต่ความตาย ที่เห็นชัดความดับสูญครั้งใหญ่ ของมวลมนุษย์และสัตว์ในโลก

    ความตายเป็นผู้ชนะ ผู้แพ้คือผู้กระทำความชั่วร้าย ผู้ที่ตายทั้งหมดเป็นผู้โชคดีกระนั้นหรือ ผู้ที่รอดเป็นผู้โชคดีกระนั้นหรือ มิใช่ทุกอย่างคือ กฎแห่งกรรม วิถีแห่งกรรม มาจากที่ใด ทำไม มวลมนุษย์จึงต้องรับความดับสูญ เพราะชีวิตกับความตายเป็นสิ่งที่คู่กัน ไม่อาจหลีกเลี่ยง ไม่มีทางหนีพ้น โอกาสผู้ที่รอด หมายถึง ผู้อยู่ต่อ เพื่ออนาคตโลก ผู้ทำลายดับสิ้นสูญ โลกร้อนระอุ มีแต่ไฟ เถ้าถ่านท่วมท้นแผ่นดิน น้ำเป็นพิษ สารเคมีท่วมท้น เชื้อโรคสารพัดชนิด กัดกินผู้คน ผู้ที่รอดแสนสาหัส ทุกข์ยากรอความตาย

    ผู้มีบุญจะออกมาช่วย รักษาชีวิต ผู้คนมากมาย จะรอดชีวิตจากโรคร้าย การรักษา ไม่ต้องใช้ยา เป็นวิชา ไม่มีใครรู้จัก คนผู้นี้ รักษาผู้คน ไม่หวังสิ่งใด เพราะเป็นหน้าที่ก่อนเกิด การรักษา ไม่ต้องมาพบตัวผู้ป่วยอยู่แห่งใด รักษาได้ ไม่ต้องมา ถึงเวลาไม่ต้องค้นหา โรคจะหายเอง

    เศรษฐกิจตกต่ำ ต้องการผู้แก้ไข ทั่วโลกวุ่นวาย ขาดอาหาร น้ำตาเนืองนอง ศพลอยฟูฟ่อง เพราะน้ำหลากมา น้ำตาไหลริน ไม่มีใครได้กินอิ่ม

    มีแต่ความทุกข์ ความเศร้าโศกครอบคลุม คนทั่วโลกไม่ต่างกัน ทุกที่มีแต่ความเศร้า การสูญเสีย ของมวลมนุษย์ แต่ก็มีบางประเทศ ฟื้นตัวเร็ว การฟื้นตัวของบางประเทศรวดเร็ว เป็นประเทศเล็กๆ ประเทศที่เคยยิ่งใหญ่สูญเสียหนัก การพัฒนา เริ่มขึ้นอีกครั้ง แต่ช้า ทุกอย่างจึงกลับกัน ประเทศที่เคยเป็นมหาอำนาจ กลายเป็นผู้ยากไร้ แทบไม่น่าเชื่อ เคยมีเงินเหลือเฟือ ต้องฝืดเคือง ยิ่งกว่ากินเกลือ โลกไม่พ้นวิกฤต ความทุกข์ยังครองเมือง

    ผู้อ่อนแอจะไม่รอด อากาศหนาว หิมะถล่ม น้ำแข็งละลาย น้ำป่าหลาก ความทุกข์ยากทับถม คนตายเพราะความหนาวทุกข์ทับถมทวี กว่าจะรู้ ความดื้อรั้น ความเชื่อยาก ทำให้มนุษย์ ได้รับบทเรียน แต่ไม่เข้าใจ เพราะความตายมาเร็วเกินไป ไม่ทันรู้ตัว มนุษย์ไมทันได้คิด ไม่มีโอกาส เข้าใจ ทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะไม่บรรลุธรรม ต้องมีชะตากรรม เวียนว่ายตายเกิด อยู่เช่นนี้ ทุกชีวี ผู้รู้เหตุการณ์ รอเวลามีน้อย ความไม่แน่นอน

    ความไม่มั่นใจ คิดว่าไม่เกิด จึงทำให้ การเตรียมตัวไม่พร้อม

    อาหารไม่พอ น้ำดื่มไม่มี หมอก็ป่วย คนไข้มากมาย โรคที่เป็นก็หายยาก พุพองทั่วร่างกาย โรคร้ายทั้งสิ้น เกาะกินร่างกายกัมมันตภาพรังสี สารเคมี เชื้อโรคมากมี ทำร้ายร่างกาย อาหารเป็นพิษ ยาปฏิชีวนะ ช่วยไม่ได้ โรคระบาด ทุกหย่อมหญ้า ชีวิตร่วงเหมือนผักปลา ไม่มีเวลา มีแต่ชีวิตที่สิ้นไป กว่าเถ้าจะมอด กว่าน้ำจะลด กว่าเชื้อโรคจะหมดสิ้น ชีวิตสิ้นไปไม่รู้เท่าไหร่ ความอดทนต้องสูงสุด ไม่มีเสียงนกร้อง มีแต่เสียงโอดครวญ ความเจ็บปวด ครองเมือง

    การครั้งนี้ กว่าจะสิ้นสุด ไม่มีใครล่วงรู้ ความไม่แน่นอน เที่ยงที่สุด ทุกชีวิต กว่าจะผ่านพ้น เหตุการณ์ สุดแสนลำบาก นอกจาก ผู้คนจำนวนหนึ่งหยั่งรู้ เตรียมรับสถานการณ์ ผู้คนเหล่านั้น มีโอกาส เป็นผู้อยู่รอด ชาวโลก กว่าครึ่งโลก ที่ล้มหายตายจาก ล้วนแล้วแต่ กรรม ฟ้าจะใสอีกครั้ง เมื่อฤดูฝนร่วงหล่น ละลายสิ่งต่างๆ ฝนจะชุ่มโชก สิ่งที่ร้ายจะกลายเป็นดี แต่ก็ต้องใช้เวลา พลิกฟื้นขึ้นมาใหม่
    ช่วยกันทำนุบำรุงรักษาทุกประเทศต้องพัฒนา เหมือนยุคเก่าย้อนมา แต่เจริญรุ่งเรือง กลายเป็นโลกยุคใหม่ วิทยาศาสตร์ล้ำหน้า ชาวประชาหน้าใส คนที่เหลือจากเหตุการณ์ มีความคิดเปลี่ยนไป ไม่มีแล้วความคิดเก่าๆ ทุกอย่างเปลี่ยนไป แม้แต่ความคิดของคน เปลี่ยนแปลงไปหมด ลดทิฐิ จิตใจดี มีเมตตาช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การแก่งแย่งชิงดี แทบสิ้นไป มนุษย์ จิตใจร้ายยังมีอยู่ ความเมตตาค้ำจุนโลก ทุกข์สร่างโศรก

    ผู้มีเมตตาธรรมปรากฏ เพื่อนนุษย์ีช่วยเหลือกัน บำรุงรักษา ผู้มีจิตเมตตา เปิดโฉมหน้า แต่ไม่ปรากฏตัว ได้ยินแต่ข่าว ร่ำลือไปทั่ว เพื่อนมนุษย์ ทั่วโลก ต่างยินดีชื่นชม เหมือนพระเจ้ามาโปรด คนทั่วโลก ต้องการหมอรักษา หาหมอ ไม่ได้ โรคที่ระบาด ไม่มีในตำรา และไม่มียา แก้โรคที่ระบาด ความตาย มาเยือน ชีวิตมนุษย์ ได้สำนึก กว่าจะรู้ตัว เกือบจะรู้ตัว เกือบจะตาย ผู้ที่ตายไม่ได้รู้ตัว สำนึกในบาป

    คนที่เหลือ ล้วนคิดได้ ความตาย ผ่านพ้นไป ผู้มีบุญ ช่วยเหลือผู้อื่น ไม่กลัวเหนื่อย ไร้การแบ่งชั้น ทุกคนเสมอภาค ความดี ความพยายาม ผู้สร้างโลก ไม่ปล่อยให้ มนุษย์ ทุกข์ทรมานสู้กับความตาย นิมิตรหมายใหม่ ประกอบกรรมดี ละเว้นความชั่ว รักษาความดี อยู่ในศีลธรรม ตั้งมั่นในการปฏิบัติ อย่าเห็นแก่ตัว ทางสายกลาง ช่วยเหลือผู้อื่น จงมองตนเอง อย่ามัวรอเวลา ความว่าง (สุญญตา) จิตตั้งมั่น ปล่อยใจวาง จิตเป็นหนึ่ง มีสติ

    คนที่สามารถทำได้เช่นนี้ ทางสายใหม่ คือการหลุดพ้น ผู้ที่ทำได้ ไม่ต้องมาเกิด ตามวัฎจักร ทางสายนี้มีมานาน ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ผู้ที่รู้ และเข้าใจ พยายามศึกษา ผิดบ้างถูกบ้าง เพื่อหาทางหลุดพ้น จากกิเลส พระเจ้าเบื้องบน เฝ้ามองดู ใครทำอะไร ไม่รอดพ้นสายตา การกระทำ ทุกสิ่งทุกอย่าง อยู่ในสายตา มีการบันทึก ผู้ที่รอดตาย ต้องมีจิตใจเข้มแข็ง อดทนต่อสถานการณ์ ไม่ใช่ง่าย สิ่งที่เลวร้าย มนุษย์ ต้องอดทนให้ได้

    กาลเวลาผ่านไป ผลที่ได้รับต่างทุกข์ถ้วนหน้า จิตใจสำคัญที่สุด เมื่อเวลานั้นมาถึง สภาวะคับขัน ผู้เข้มแข็ง จะรอดพ้น ความอดอยาก ความพลัดพราก คืบคลานเข้ามาความลำเค็ญ ผู้คนโอดครวญ ชีวิตทุกผู้ทุกนาม รอความหวัง อย่างสิ้นหวัง แต่ก็รอ สภาวะเช่นนั้น ใครทนได้ ยอดคน ชีวิตมืดมนต์ ยิ่งกว่าความมืด หนทาง มองไม่เห็น

    สิ่งลี้ลับ เริ่มปรากฏ ผู้คนแตกตื่น ได้ยินเรื่องราว อันมหัศจรรย์ ความมหัศจรรย์นั้น ไม่เคยปรากฏ ตั้งแต่สมัยพุทธกาล มาสู่ยุคปัจจุบัน มนุษย์จะได้พบ สิ่งมหัศจรรย์ ในยุคนี้ ผู้ซึ่งไม่เคยได้พบเห็น ความมหัศจรรย์ จะมีโอกาส ได้เห็น


    มงคล กริชติทายาวุธ
    ประธานชมรมศาสนาและการกุศล
    สารชมรมศาสนาและการกุศล<!-- google_ad_section_end -->


    http://palungjit.org/threads/ศาสตร์...ทางโลกและทางธรรม-หลวงปู่ดู่-พรหมปัญโญ.362660/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 ตุลาคม 2012
  4. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    จริงๆเรื่องความรุนแรงของภัยพิบัติปี 2012 นี้

    มีข่าวออกมากันหลายกระแสมากมาย
    อ่านไปอ่านมาจะเกิดความสับสน มึนตึ๊บ
    สมองบวมถึงขั้นสติแตกได้ง่ายๆ นะครับ

    Nirvana เฝ้าติดตามมา 5 ปี สรุปก็คือ เชื่อครูบาอาจารย์ พระอริยะเจ้า ครับ
    ส่วนข้อมูลจากทางอื่นเช่น ของกัปตัน บิล ก็เอามาประกอบการพิจารณาเฉยๆ รอดูว่าจะเป็นจริงอย่างที่น้า Mythi บอกหรือไม่

    สรุปของที่สุดแห่งข้อสรุปก็คือ....
    เหล่ายอดวิชา 21/12/2012 นี้ คงไม่มีใครนอนรอดูเหตุการณ์ใน กทม. หรอกครับ
    เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้นคือ Sudden Death คือ ตายแหงแก๋ สถานเดียว

    ที่เหลือก็แล้วแต่บุญกรรมของแต่ละบุคคลนั่นแหละ ครับ
    โลกนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ทุกสิ่งที่เหตุการณ์มีปัจจัยในอดีตมาด้วยกันทั้งสิ้น
    ขึ้นอยู่กับสติปัญญาในปัจจุบันและบุญสัมพันธ์ในอดีต

    ดังคำโบราณที่ว่า "รู้รักษาตัวรอด เป็นยอดดี"
    ลองไปพิจารณาดูดีๆ คำๆนี้ไม่ได้หมายความว่า เอาแต่ตัวเองรอด นะครับ
     
  5. apichayo

    apichayo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    488
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,936
    ท่าน Nirvana ครับ ..อยากฟังเรื่องราวการเตรียมพร้อม ในด้านสถานที่และด้านอื่นๆที่ท่านเห็นว่าจะมีประโยชน์กับสมาชิก(เป็นวิทยาทาน)

    หลายๆท่าน(ผมด้วย) จะได้ลอกแนวท่านไปใช้บ้าง เอาไปปรับให้ดีขึ้นบ้าง เพราะทราบว่าท่าน มาปักหลักที่เมืองน้ำดำ ดินแดนอุดมสมบูรณ์

    ของพืชพรรณและธัญญาหารของภาคอิสาน.. และเตรียมความพร้อมเกือบสมบูรณ์แล้ว ..สาธุครับ :cool:


    http://palungjit.org/threads/ศาสตร์...ทางโลกและทางธรรม-หลวงปู่ดู่-พรหมปัญโญ.362660/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 ตุลาคม 2012
  6. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    จริงๆส่วนตัวเป็นผู้บรรยายเรื่องภัยพิบัติมา 2 ครั้ง

    มีผู้เข้าฟังรวมกันเป็นร้อยท่าน แถมยังมีมิตรรักแฟนเพลงชาวไทยในต่างแดน
    เข้ามาสอบถามอยู่บ่อยครั้ง ไม่นับที่มาปรึกษาทางโทรศัพท์อีกด้วย

    แต่ทั้งหมดนี้มีผู้ที่สนใจและตั้งใจจริงที่จะอพยพโยกย้ายถิ่นฐานน้อยมาก
    อาจจะเนื่องด้วยสาเหตุและข้อจำกัดของแต่ละคน เช่น ตัวเองจะไปแต่ครอบครัวไม่ไปด้วย เป็นต้น

    ถึงชั่วโมงนี้ทุกท่านที่ได้อ่านกระทู้นี้ควรทราบว่า หมดเวลาที่จะมาสัมนากันอีกต่อไปเพราะเวลาเหลือไม่ถึง 90 วัน จะเร่งคิดอ่านอย่างไรก็เร่งมือเถอะ ครับ
    อย่ามัวเป็นนักศึกษาวิ่งฟังการบรรยาย ถามติวเตอร์อยู่เลย กลับไปดูแลครอบครัวคนที่เรารักดีกว่า หมดเวลาดูวีดีโอแล้ว

    ถ้าท่านไหนยัง 50/50 ว่าจะเกิดภัยพิบัติขึ้นจริงหรือไม่
    ก็ลองจินตนาการดูว่า ถ้าวันนึงท่านออกจากบ้าน ไม่มีเนทใช้ ไม่มีสัญญานมือถือ กด เอ.ที.เอ็ม. ไม่ได้ แบงก์เบิกเงินไม่ได้ โลกนี้จะเป็นอย่างไร

    นี่ยังไม่ได้พูดถึงไฟฟ้าไม่มีใช้ น้ำท่วม แผ่นดินไหว จราจลทั้งแผ่นดิน

    สิ่งทั้งหลายที่กล่าวมานี้ แฝงอยู่ในคำพยากรณ์ของพระอริยะเจ้าและผู้รู้ทุกสาย นี่ไม่นับรวมคำเตือนจากนอกโลกของน้า Mythi นะครับ

    ถ้าจะกล่าวถึงพื้นที่ปลอดภัยทุกจังหวัดในภาคอีสานมีหลายแห่ง สุดแต่บุญและวาสนาของท่านจะพัดพาท่านไปที่ใด จากนั้นก็ให้ใช้สามัญสำนึกและคำบอกเล่าของเจ้าของพื้นที่เป็นตัวพิจารณา ครับ
     
  7. apichayo

    apichayo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    488
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,936
    ขอบคุณท่าน Nirvana ครับ..เสียดายไม่ได้ไปฟังบรรยาย..ผมโชคดีอยู่บ้างที่ปักหลักถิ่นฐานอยู่แดนอิสานเมืองพระธาตุพนม

    ก็ได้เตรียมตัวในเรื่องอาหารการกิน โดยได้ปลูกข้าวประมาณห้าหกไร่ ศึกษาเรียนรู้ในกระบวนการปลูกจนครบวงจร(ไม่เคยทำนา)

    เพื่อให้มีความรู้และประสบการณ์ สามารถทำเองได้เป็นที่พึ่งตนเองได้ ศึกษาเรียนรู้ศาสตร์ต่างๆในการดำรงชีพ โดยเรียนรู้

    จากภูมิปัญญาชาวบ้านในยุคโบราณเมื่อร้อยปีมาแล้ว ในการการกิน อยู่ อาศัย หลับนอน การรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ

    เพื่อจะได้นำไปใช้ในยามวิกฤติ ..ส่วนที่สำคัญที่ขาดไม่ได้คือการพัฒนาจิตใจ(ทาน ศีล ภาวนา)เพื่อเป็นเสบียงบุญหนุนนำชีวิตเรา

    และยังต้องทำต้องเตรียมไปเรื่อยๆ ครับ..ยังไม่สมบูรณ์ในหลายๆอย่าง ยังต้องใช้เวลา ..แต่ก็ทำใจไว้แล้ว ได้แค่ใหนก็แค่นั้น

    พอใจเท่าที่ทำได้ และที่สำคัญคือจะเน้นการปฏิบัติภาวนาเป็นหลักไว้ก่อนครับ เพราะบางครั้งหากจิตใจไม่พร้อม

    แม้นจะรอดจากภัยพิบัติได้ โอกาสที่จะเสียสติก็มีสูง...ต้องทำไปควบคุู่กันครับ

    (ผมสังเกตุดูผู้คนแถบที่ผมอยู่ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยทราบ มีอยู่น้อยรายจริงๆ ที่ทราบข้อมูลและเตรียมความพร้อม)


    http://palungjit.org/threads/ศาสตร์...ทางโลกและทางธรรม-หลวงปู่ดู่-พรหมปัญโญ.362660/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 ตุลาคม 2012
  8. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    อนุโมทนา...สาธุ ครับ

    ท่านเป็นผู้มีต้นทุนบุญกุศลสูง ครับ ถึงได้มาอยู่เมืองธาตุ
    Nirvana เพิ่งไปนมัสการและเวียนเทียนเมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง

    จริงๆตอนแรกว่าตั้งใจจะมาปักหลักที่นครพนมเหมือนกัน เพราะมีรุ่นพี่ที่รู้จักนับถือกันเป็นผู้กว้างขวางที่นั่น แถมตอนนี้ผู้ว่าฯก็ยังเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันซะอีก.....อิอิอิอิ :cool:

    แต่ด้วยกระแสบุญได้นำพามาตกอยู่แถวเมืองน้ำดำ ก็คงจะต้องอยู่ไปตามวาระเสียก่อน ส่วนจะไปไหนอีกหรือไม่....ยังไม่ทราบ ครับ
     
  9. apichayo

    apichayo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    488
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,936
    ท่านผู้ว่า เป็นเจ้านายผมซะด้วย อย่างนี้ต้องใช้เส้นท่าน Nirvana ซะแล้ว 5555...:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 ตุลาคม 2012
  10. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    โห.....ได้โอกาสเข้าฮอส ซะง้าน...555555:cool:

    ไม่ต้องใช้เส้นทางของ Nirvana หรอกครับ
    หาเรื่องไปคุยกับท่านเรื่องพระเครื่องวัตถุมงคล โดยเฉพาะพระกรุเมืองสุโขทัย

    เท่านี้ชีวิตราชการท่านรับรองไป....โลด..เด้...55555 :cool:
     
  11. apichayo

    apichayo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    488
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,936
    ผมพูดแซวท่านเล่นๆนะครับ...จริงๆแล้ว ผมไม่ชอบเอาใจผู้ใหญ่ ผมทำงานของผมไปเรื่อยๆให้คุ้มกับเงินเดือนที่เราได้รับก็พอแล้วครับ และสำคัญคือเน้นหลักศีลธรรม โดยเฉพาะศีล5 ซึ่งผมถือเคร่งครัด ..ผมจึงเป็นสิ่งที่แปลกแยกกับระบบ กับคนส่วนใหญ่ในสังคม แต่ก็ไม่ไปขวางไปขัดอะไรระบบเขา เพียงแต่มีจุดยืนของเราให้ชัด และประคับประคองไปให้ดีที่สุด พยายามปรับตัวให้กลมกลืนกับสังคมให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ โดยไม่ให้เสียจุดยืนของเรา ..

    เพราะเมื่อเรามาถึงจุดนี้แล้ว ก็จะเห็นได้ชัดว่าโลกนี้เป็นเพียงแค่มายาเท่านั้น ไม่มีสาระให้มาแก่งแย่งชิงดีกันดีเลย(ไม่ได้พูดให้สวยหรู แต่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ)..เรามาอยู่อาศัยเพียงชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น มีเพียงบุญกุศล และบาปกรรมเท่านั้นที่จะติดตัวเราไปได้...แล้วจะมัวมาสะสมกิเลส สะสมบาปกรรมให้ติดตัวกันไปทำไม คนในโลกส่วนใหญ่ยังสาละวนกับสิ่งเหล่านี้ ยังติดข้องอยู่ในทรัพย์สินเงินทอง และยศถาบรรดาศักดิ์ จนยอมทำผิดศีลธรรม และเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพื่อสิ่งเหล่านี้..

    สำหรับการเตรียมพร้อมทางโลกในด้านต่างๆ ก็เพื่อจะรับกับวิกฤที่จะเกิดขึ้น เพราะเป็นห่วงคนรอบข้าง ครอบครัว ญาติมิตร ส่วนตัวเองไม่ห่วงอะไรมาก แต่ก็ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะสุดท้ายแล้วก็อยู่ที่วิบากกรรม และบุญกุศลของแต่ละคน เพียงแต่ทำให้ดีที่สุด และต้องวางอุเบกขาให้ได้...เพราะเมื่อถึงจุดนั้น ผู้คนมากมายที่ต้องล้มตาย การถืออุเบกขา และการปล่อยวาง เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด..

    ยินดีที่ได้รู้จักกัลญานมิตรอย่างท่าน Nirvana ครับ ..ญาติภรรยาผมอยู่กมลาไสย ผมไปเยี่ยมท่านอยู่บ่อยๆครับ(ท่านอยู่ในศีลในธรรม) .. กาฬสินธ์น่าอยู่ครับ น้ำท่าบริบูรณ์ พืชพรรณอาหารก็อุดมสมบูรณ์ ผู้คนส่วนใหญ่จิตใจดีงาม ครับ..
     
  12. KOOKKAI R

    KOOKKAI R เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +222
    เรียนถามผู้รู้ครับ

    แผนดินไหวขนาดใหญ่ บางประเทศจม จนทำให้เกิด คลื่นซึนามิ สูง
    โลกหยุดหมุน หนึ่งกึก
    วันฟ้าดับ
    สงครามโลก

    รบกวนผู้รู้ช่วย ลำดับการเกิดเหตุการเหล่านี้ให้ทราบหน่อยครับ/ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
     
  13. apichayo

    apichayo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    488
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,936
    บันทึกคุณลุงคนเชียงใหม่ เรื่องภัยพิบัติ(แทรกบทวิเคราะห์)

    เรียนสมาชิกทุกท่านครับ

    หลังจากไตร่ตรองอยู่หลายวัน ผมตัดสินใจนำบันทึกทั้งหมดของหลวงลุงออกมานำเสนอก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติมากเกินไปกว่าที่จะคาดเดาได้ของมนุษย์ชาติ ในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย โดยที่ผมมีส่วนได้เห็นคำบันทึกอันเนื่องมากจากญานทัศนะของหลวงลุง โดยหากผมไม่ได้นำมาเสนอให้มีการเตรียมการกัน จะเป็นบาปติดอยู่ในใจผม ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์แบบในบันทึกที่หลวงลุงได้เขียนไว้ แม้นว่าตัวผมเองจะได้วางอุเบกขา แต่ว่าถ้าไม่ได้เผยแพร่ออกไปจากผม สิ่งนี้ถือว่าผมขาดเมตตา จะเชื่อหรือไม่เป็นเรื่องของบุญกรรมของท่าน ในส่วนตัวผมเองถือว่าได้เผยแพร่สิ่งที่ติดค้างในใจของผมแล้ว ผมขอแบ่งบันทึกออกเป็น 4 ตอนนะครับ....ส่งข่าวโดยหลานวิกรม

    1. เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันฟ้าดับ

    2. เรื่องราวที่จะเกิดตามมาหลังวันฟ้าดับ 3 วัน

    3. เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นหลัง จากวันฟ้าดับ

    4. ชาวไทยจะเผชิญกับสิ่งใดบ้าง


    1.เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันฟ้าดับ

    วิกรมหลานลุง หลังจากลุงได้แจ่มชัดในญาณทัศนะในสิ่งที่จะเกิดขึ้นแล้ว ทำให้จิตใจของลุงเองเศร้าหมอง จนไม่อาจข่มจิตให้เป็นอุเบกขา ว่ามนุษย์ทุกคนล้วนมีกรรมเป็นของตัวเอง การเข้าไปก้าวล่วงในกรรมของผู้อื่นนั้น ผู้ที่เข้าไปเปลี่ยนแปลงนั้นจะต้องเป็นผู้แบกรับกรรมนั้นๆไว้ ลุงจึงขอแจ้งสิ่งต่างๆที่ได้เห็นมาเล่าสู่กัน โดยถือว่าลุงได้ทำหน้ารายงานข่าวเท่านั้น ใครได้พบแล้วจะเชื่อไม่เชื่อนั้นเป็นเรื่องของผู้อ่านจะใช้ดุลวินิจเอง หลังจากเขียนบันทึกนี้แล้วลุงตัดสินใจที่จะออกบวช เรื่องราวที่ได้มีการเตรียมการกันไว้นั้น ฝากให้หลานดูแล ประสานกับคุณลุงประสิทธิ์ และกลุ่มบ้านพุทธบุตร เพื่อช่วยเหลือกันตามกำลังบุญต่อไป

    เรื่องราวที่ลุงบันทึกทิ้งไว้ให้หลานนี้ ทั้งหมดเพื่อไม่ให้หลานและคณะเกิดความประมาท ในสิ่งที่จะเกิดขึ้น ทั้งในด้านการเตรียมการภายนอกและการเตรียมการภายใน เน้นย้ำเรื่องการฝึกตายก่อนตาย เพื่อให้จิตคุ้นเคยกับอาสัญกรรมในทางสว่าง ให้กับน้องๆ และหลานๆทุกคนด้วย เพราะกุญแจดอกแรกที่จะเปิดเข้าไปในโลกแห่งวิญญานนั้น

    กรรมที่แรงสุดคืออาสัญกรรม เพราะถ้าจิตผูกยึดกับสิ่งใดในขณะที่ขาดห้วงลมหายใจสุดท้ายนั้น ถ้าหากมีเพียงแค่เสี้ยวอึดใจ อาจจะถลำลงสู่อบายภูมิถ้าจิตเป็นอกุศล หมั่นทำทานในสิ่งที่ยากๆ เพื่อไม่ให้ตนติดยึดกับคนสัตว์สิ่งของใดๆ อันจะเป็นแรงเหนี่ยวรั้งเรา ไปสู่การเกิดที่ไม่เป็นกุศล หมั่นเจริญมรณานุสสติ เรื่องราวที่ลุงได้บันทึกไว้ให้หลานนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดจากญาณทัศนของลุง เพื่อให้หลานจะได้เตรียมตัว เตรียมใจ วันเวลาอาจจะมีการคลาดเคลื่อนบ้าง ตามเหตุและปัจจัย แต่เรื่องราวที่จะเกิดขึ้น สิ่งเตือนของวันเกิดภัยพิบัตินั้น ไม่เปลี่ยนแปลง

    เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นนั้น ลุงขอเรียกว่าวันฟ้าดับก็แล้วกัน เพราะในยามนั้นสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกด้านมืดสนิท (ซีกโลกที่ประเทศไทยตั้งอยู่จะมืด 6 วันก่อนโลกจะย้ายขั้ว ส่วนพื้นที่โซนมหาสมุทรแอตแลนติกจะสว่างตลอดเวลา เป็นพื้นที่ดาวหางดวงใหญ่กว่าโลก 4 เท่า Planet X มีมวลมากกว่าโลก 23 เท่า ดูดตรึงกับรอยแยกกลางมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้ ที่มีสนามแม่เหล็กเข้ม ทำให้โลกค่อยๆหมุนรอบตนเองช้าลงจนหยุดหมุน 6 วัน...ส่วน 3 วันฟ้าดับที่หลวงลุงเล่าไว้ เป็นตอนแรกในช่วง Severe Wobble แล้วต่อมาพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกอีก 6 วัน) แม้แต่ในยามที่เราหลับตายังมีความสว่างมากกว่าเสียอีก

    ลุงบันทึกหลังจากอธิษฐานไปยังวันก่อนหน้า ที่จะเกิดภัยพิบัติแก่บ้านเรา 3 วันเจ็ดวัน ก่อนหน้านั้น ลุงเห็นคนที่มีจิตเป็นอกุศลกรรม ได้มีการฉลอง จุดพลุ ร้องเพลงปีใหม่และนับถอยหลังในวันสิ้นปี (ลุงจึงคาดว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นหลังงานฉลองสิ้นปีใหม่) (ในประเด็นนี้อาจเป็นกรณีของน้องปลาบู่เตือนไว้ แผ่นดินไหวและเขื่อนพัง หากโลกได้รับผลกระทบจาก PX Retrograde ใกล้ครบ 180 องศา ชี้ขั้วเหนือเฉียดมายังโลก มีบางท่านกล่าวว่าเดือนมีนาคม 55 ก็จะเริ่มต้นมีเหตุการณ์ให้เห็นกันแล้ว อาจหมายถึง Planet X มาให้เห็นด้วยตาเปล่า ก่อนมีนานิดหนึ่ง PX ได้มาปรากฏโฉมอยู่เหนือตำแหน่งดาวศุกร์เล็กน้อย ฟ้าจะมืดไป 3 วันตามช่วงเวลาของ Secklendorf CC โลกส่วนเหนือเส้นศูนย์สูตรจะมืด 3 วันราวปลายเดือนสิงหาคมต่อกับต้นเดือนกันยายน) ลุงเห็นดาวเหนือเปลี่ยนไป ในลักษณะที่อธิบายไม่ถูก แต่มีความแตกต่างและเห็นได้เจนทั้งขนาดและความสว่าง (จุดนี้น่าจะเป็นสัญญานเตือนให้มีการเตรียมการกันนานหลายวัน) ....Venus Looming เริ่มแล้วก่อนเดือนมีนาคม 2555....หลังจากดาวศุกร์หายหน้าไป โลกจะอยู่ต่อหน้า PX

    (ปัจจุบันผู้ที่เฝ้าสังเกตการณ์การปรากฏตัวของดาวศุกร์ก็พบว่าเดินแปลกๆ หรือบางโอกาสหายหน้าไปเลย...ย้ายวงโคจร.... สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต้องเคลื่อนย้ายเตรียมสถานที่หลบภัยล่วงหน้า เช่นผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มเจ้าพระยาที่กำลังทรุดตัว ถูกแนวเขาทั้งด้านตะวันออกและตะวันตกบีบกดตลอดเวลา และจะเกิดน้ำทะเลท่วมภายในเวลาเพียงชั่วโมงเดียว หลังจากประเทศอินโดนีเซียจมลงไปเต็มพิกัด 80 ฟุตที่ปลายใต้สุดประเทศติดต่อกับประเทศออสเตรเลีย

    ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นก่อนโลกย้ายขั้ว...คนไทยและชาวเอเชียบนแหลมอินโดจีน จะจมน้ำทะเลนับร้อยล้านชีวิต จึงจะเกิดเป็นข่าวช๊อคโลก ที่คุณ Zeta พยากรณ์เอาไว้ล่วงหน้า....ผู้ที่พำนักอยู่บนพื้นที่เสี่ยงต่างๆรวมทั้งในภาคใต้ตลอดแนวชายฝั่งทะเล ต้องพิจารณาเอาชีวิตรอดในช่วงเหตุการณ์ 7/10 ก่อนหน้าโลกย้ายขั้วให้ได้ก่อน จึงจะมีโอกาสอยู่เผชิญเหตุการณ์โลกย้ายขั้ว ที่ปรากฏขึ้นในญาณทัศนะของหลวงลุง ลูกศิษย์องค์หนึ่งของหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร ที่คุณวิกรม กรุณานำมาเปิดเผยในเว็บพลังจิต)

    ในวันฟ้าดับ ก่อนหน้านั้นจะมีฝนตกต่อเนื่องกันหลายวัน แล้วในวันนั้นไร้ฝน ฟ้าหม่นหมองยิ่งนัก ใบไม้เงียบจนไม่พลิกใบ ฝูงสัตว์เลี้ยง สัตว์ป่า จะครวญครางแอบหมอบ ลุงเห็นฟ้าสว่างโร่อย่างไม่เคยเห็นมาก่อน (ทำให้ลุงนึกถึงเรื่องราวที่คนเล่าถึงแสงสว่างจากระเบิดปรมาณู) ในยามที่เกิดแสงสว่างลุงเตือนหลานและทุกคนอย่าพยายามที่จะมองหาต้นทางของแสง เพราะหลังจากนั้นลุงเห็นภาพคนที่ตามืดบอดเนื่องจากแสงจักรวาลที่ฟาดลงมาแทงทำลายตาของเขา (สุริยจักรวาลและโลกเดินมาถึงจุดที่ส่งพลังงานจากขอบกาแลกซี่ทางช้างเผือกทาบต่อกับกาแลกซี่ไตรแองกุลัม ตรงไปยังกาแลกซี่อันโดรเมดาที่ครอบอีกสองกาแลกซี่อยู่ จึงถูกพลังงานโต้กลับมาจากอันโดเมดาอันใหญ่โต สว่างไปทั่วจักรวาลต่างๆสว่างวาบขึ้นพร้อมๆกัน....รอดูคงได้เห็นแม้โซนประเทศไทยระหว่างโลกหยุดหมุนรอบตนเองแล้วจะอยู่ซีกมืดก็ตาม)

    แต่หลังจากเกิดแสงนี้แล้วหลานยังมีเวลาเตรียมตัว ในช่วงนี้เองสัตว์ต่างๆจะตื่นกลัววิ่งหนีแบบไม่มีทิศทาง บ้านเราถ้ามีสัตว์ใดขอให้หลานอย่าได้กักขังเขา เพราะจะเป็นอันตราย แม้แต่สัตว์ที่เชื่องที่สุดก็ตาม แต่ก็มีบางตัวที่จะรอดนั้นจะหมอบตัวสั่นใกล้ๆกับมนุษย์

    ในยามนี้ขอให้หลานได้เข้าไปยังสถานที่ ที่มีการเตรียมการและปิดให้มิดชิด อาหาร น้ำ ยา และชุดยังชีพให้ทุกคนแยกติดตัวไว้ อย่าเอามารวมกันเพื่อจะแบ่งกัน เพราะอาจจะลำบากมาก ในการติดต่อแม้แต่อยู่ใกล้ๆกัน

    ส่วนการย้ายเข้าที่ปลอดภัย และที่มีมีการเตรียมการอพยพขอให้หลานๆได้เตรียมตัวกันเต็มที่หลังจากที่เห็นดาวเหนือเปลี่ยนไป หลังจากที่มีแสงจักรวาลเข้ามาแล้วอีกไม่นานนัก ลุงเห็นภาพคนกำลังทานข้าวกันอยู่ จะเกิดเหตุการณ์โลกเราเหมือนกับชนกับอะไรซักอย่าง คนที่อยู่บนผืนดิน เหมือนคนที่อยู่บนรถขนาดใหญ่ที่มีการชนกัน ภาพคนคนล้มไถล ไปกับพื้น ตึกพังทลายราบลงมาทันที (เป็นลักษณะอาการที่โลกได้ย้ายขั้วแล้ว 90 องศาแล้วหยุด หลังจากมืดผ่านมา 6 วัน ต้องเตรียมนาฬิกาแบบไขลานแล้วบันทึกเวลาเอาไว้ระหว่างที่โลกเริ่มมืด ไม่สว่างอีกนั้น หรือโลกหยุดหมุนรอบตนเอง จะได้ทราบกำหนดเวลาที่โลกกำลังจะย้ายขั้ว เพื่อเตรียมหลบเข้าที่ปลอดภัยที่เตรียมไว้ล่วงหน้า และหากมีโดมพีระมิดที่พระอาจารย์รัตน์เพิ่งค้นพบได้ไม่นานติดตั้งเอาไว้ด้วย จะช่วยให้ปลอดภัยยิ่งขึ้นระหว่างที่โลกย้ายขั้ว)

    ยังไม่ทันได้ตั้งตัว จะมีเสียงดังเหมือนวัวยักษ์ครางอือๆๆๆๆๆ (เสียง Earth moaning แมกม่าไหลเสียดสีกับเปลือกโลก) ขอให้หลานและทุกคนในห้องมั่นคงของเรา หรือคนที่อยู่นอกพื้นที่ให้เข้าไปยังที่มีหลังคาแข็งแรงและปิดหูด้วยอุปกรณ์ป้องกันเสียงที่ลุงได้ให้เตรียมไว้แล้ว เพราะพอเสียงวัวยักษ์ร้องเงียบลง ไม่กี่อึดใจ ลุงเห็นภาพผู้คนวิ่งออกจากตึกเพราะกลัวแผ่นดินไหวที่จะตามมา หลังจากนั้นจะมีเสียงดังที่สุด ซึ่งลุงก็บอกไม่ได้ว่ามันดังแค่ไหน แต่หลังจากนั้นลุงเห็นผู้คนเลือดออกจากรูหูนอนกลิ้งเกลือกไปตามพื้น ตาเถลือกถลน คนที่เอามืออุดหูทันนั้น ก็ยังไม่สามารถป้องกันได้ เพราะลุงเห็นคนที่พยายามสื่อสารกัน แต่เหมือนกับว่าคนในโลกนี้แก้วหูขาดไปหมดสิ้นแล้ว เสียงตะโกนโหวกเหวก แต่ต่างคนต่างไม่รู้เรื่อง

    ลุงจึงขอย้ำเตือนหลานตรงนี้เรื่องการจัดหาอุปกรณ์ป้องกันหู ให้ดีที่สุด อาจจะทำให้หนักเป็นเบาได้ (ในเรื่องนี้คุณ Zeta ได้เตือนเรื่องเสียงดังจนหูอื้อ ให้เตรียมปลั๊กยางอุดหูไว้ใช้ส่วนตัวกันหูอื้อ ได้ซื้อเอาไว้เพียง 2 ชุด จะต้องไปหาซื้อจากร้านขายยาเพิ่มเติม แต่คุณ Zetaไม่ได้เล่าอาการที่รุนแรงเช่นในนิมิตของหลวงลุง.....ได้ลองใช้ปลั๊กอุดหูของ 3Mได้ลองใช้ลดเสียงลงได้ 50-60 % จะลองชนิดครอบหูแบบใช้ยิงปืนดู น่าจะลดเสียงได้มากกว่าลูกยาง)

    หลังจากนั้นลุงเห็นภาพที่ทุกคนกลับมาตื่นกลัวอีกครั้งจากแผ่นดินไหวรุนแรง และสั่นต่อเนื่องกัน ผิดจากครั้งแรกที่เหมือนจะชนโครมเดียวแล้วหยุด แต่คราวนี้เป็นเหมือนมีคนจับเราอยู่ในกระด้งแล้วเคาะขอบมันอย่างแรงอย่างต่อเนื่อง เสียงหวีดร้องตื่นกลัวดังไประงม แต่ในยามนั้นนิมิตลุงอาจจะมีเพียงลุงในจุดนั้นที่ได้ยินเสียง เพราะภาพคนที่วิ่งไปมามีเลือดไหลออกจากหู ช่างเป็นภาพที่น่าเวทนาที่ลูกหลานที่พ่อแม่หอบออกมาจากอาคารบ้านเรือนที่กลัวแผ่นดินไหว มาเจอเสียงดังก็วิงกลับไปในที่คิดว่าปลอดภัย และพอแผ่นดินไหว ก็พากันวิ่งกระเซอะกระเซิงออกมาอีก (คุณ Zeta พยากรณ์ล่วงหน้าว่า แผ่นดินไหวช่วงโลกย้ายขั้วอยู่ในระดับ 10-15 ริกเตอร์ ที่หลบภัยจึงต้องบุผนังกันกระแทกเอาไว้ด้วย มีผู้คิดถึงอยู่บนเปลญวนก็น่าจะดี สวิงไปมาระหว่างที่ถูกลากไปซ้ายขวาและขึ้นลง แต่อย่าขึงสูงนักหากเปลขาดจะได้ตกไม่เจ็บนัก)

    หลานวิกรม... ลุงเห็นภาพที่สร้างความน่าเวทนาสงสารสรรพสัตว์ทั้งหลาย ว่าชีวิตมนุษย์มีเพียงแค่นี้เอง ยังไม่จบสิ้นแค่นี้นะ ภาพผู้คนที่วิ่งหลบแผ่นดินไหวออกมา นั่งกอดกันร้องไห้เป็นกลุ่มๆ มีควันไฟ ที่เกิดจากไฟไหม้ลอยคละคลุ้งไปหมด หลายคนที่เสียสติเริ่มต้นร้องไห้ ภาพพ่อแม่พยายามค้นหาลูกหลานที่ติดอยู่ในซากปรักหักพัง ต่างคนต่างฟูมฟายร้องไห้ ไม่มีใครสามารถช่วยใครได้

    ในตอนค่ำลุงเห็นคนมารวมกันมีการก่อกองไฟ อากาศหนาว แต่ลมสงบนิ่ง ตอนนี้ลุงเห็นขอบฟ้าแดงจ้าจนน่ากลัว แล้วสิ่งที่ลุงเรียกว่าวันฟ้าดับก็เกิดขึ้น ลุงเห็นมีแสงสีแดงพุ่งมาจากพระอาทิตย์ วาบหนึ่งจากนั้นแสงทั้งหมดก็จะม้วนเข้าไปในรูปทรงกลม ลุงไม่รู้จะเรียกอะไร น่าจะเป็นพระจันทร์ดำ เพราะเป็นสีดำๆเหมือนจันทรุปราคาที่มาบดบังพระอาทิตย์แต่เล็กกว่ามาก (น่าจะเป็นส่วนหางของดาวหาง PX ยิงตรงออกมาจากขั้วเหนือแม่เหล็ก โดย PX อยู่ทางขวาของดวงอาทิตย์และลอยอยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ขยะส่วนหาง PX ซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่นสนิมเหล็กพิษสีแดง มีเศษขยะหินขนาดตั้งแต่เม็ดทรายจนถึงเท่ารถบรรทุก 10 ล้อจะแถมลงมาด้วย ส่วนอากาศเปลี่ยนเป็นหนาวเย็นนั้น พื้นที่ประเทศไทยได้ย้ายไปอยู่ใกล้กับขั้วโลกใต้ใหม่แล้ว ระหว่างที่โลกหยุดกึ๊ก อากาศจะหนาวเย็นคล้ายๆเมืองคุณหมิงในปัจจุบัน)

    แต่ตอนนั้นพระจันทร์ก็ยังเห็นอยู่ แล้วบรรยากาศที่เหมือนเราดับเทียนในห้องมืดที่สุดก็เกิดขึ้น พรึบเดียวแสงทั้งหมดจะหายไป แม้แต่ดวงดาวและพระจันทร์ก็ไม่สามารถมองเห็นได้ ความมืดในขณะนั้นลุงเห็นคนพยายามยกมือของตนเองขึ้นมาดูก็ยังไม่สามารถเห็นได้ (โลกยังหยุดหมุนรอบตนเอง ประเทศไทยยังอยู่ในซีกด้านมืดอยู่ ยังไม่เริ่มหมุนรอบตนเองใหม่อีกครั้ง) ความตื่นกลัวก็เกิดโกลาหลอีกครั้ง คนจะกอดคนที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วร้องไห้ระงม คนที่อยู่ห่างจากคนอื่นแม้แต่วาใกล้นิดเดียวก็ไม่สามารถหากันเจอ จนกว่าจะคลำหากันเจอ ช่างเป็นภาพที่น่าอเนจอนาถมาก คนส่วนใหญ่ ที่หูจะแตกดับ หรือคนที่อุดหูทันก็จะมีอาการหูอื้ออึงอยู่ (เสียงดังจากฟ้าผ่าฟ้าร้องจะดังมากผิดปกติ ในท้องฟ้ามีประจุไฟฟ้าอยู่มากรับมาจากดาวหาง PX ที่คุณ Zeta เตือนให้เตรียมลูกยางอุดหูไว้ ใช้ป้องกันหูอื้อ) แต่ก็พอยังมองเห็นกัน แต่ในยามมืดสนิทแล้ว

    เสียงคนพยายามตะโกนหากัน เสียงหวีดร้อง โหยหวนด้วยความกลัว แต่คนส่วนใหญ่จะไม่ได้ยิน ได้แต่สะเปะสะปะไขว่คว้าหากัน อย่างนี้เองลุงถึงได้ย้ำกับหลานว่าให้แยกเป้ที่จัดเตรียมไว้เฉพาะคน และเมื่อเข้าไปอยู่ในที่ห้องปลอดภัยที่ได้เตรียมสร้างไว้ ขอให้หลานสร้างตามแปลนที่ลุงได้เขียนไว้ให้ ตู้คอนเทนเนอร์ที่เตรียมทั้งตู้อาหาร ตู้ปลอดภัย และโรงพยาบาลเคลื่อนที่ด้วย (หากใช้ตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็น เป็นที่หลบภัย จะต้องสร้างฐานยึดตัวตู้ให้มั่นคง ป้องกันตู้พลิก ระหว่างที่เกิดแผ่นดินไหวในขนาด 9-15 ริกเตอร์ และต้องทำร่องระบายน้ำดาษด้วยคอนกรีตรอบตู้เอาไว้ด้วย เนื่องด้วยจะมีฝนตกหนักมากกว่าปกติหลายวัน หรือหลายสัปดาห์ ซึ่งจะสร้างปัญหาให้กับแปลงสวนครัว ที่ต้องมีหลังคาป้องกันฝน)

    ตอนนี้ดึกมากแล้ว ลุงง่วงแล้ว แต่ยังอยากบันทึกให้หลานไว้ให้เสร็จก่อนที่จะเดินทางไปหาพระอาจารย์

    ภาพที่ปรากฏขึ้นนั้น ลุงรู้สึกเศร้าใจกับญาณทัศนะที่ลุงได้เคลื่อนไปในยามที่เด่นชัดกับเจอภาพภัยพิบัติที่หนักหนาสาหัตกว่าที่ลุงเตรียมการไว้ จนเกิดเวทนาในสัตว์โลก และเห็นการคร่ำครวญของคนที่ไม่เคยศึกษาทางธรรม และไม่ได้เตรียมตัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น และเตรียมฝึกมรณาสติไว้เลย ในส่วนที่ลุงบันทึกนี้คนที่มีกรรม และไม่เคยฝึกสมถะกรรมฐานผ่านในขั้นรูปญาณและอรูปญาณ 4 นั้น หลานอย่าไปอธิบายเขาเลย เพราะจิตเขาหยาบกว่าที่จะเข้าใจ

    ในวันฟ้าดับยังมีเรื่องอเนจอนาถซ้ำเติมมนุษย์ ที่ไม่ได้เตรียมการอีก หลังจากที่มืดมิดแล้วลุงยังเห็นภาพคนคลานหนีหรือกอดกันร้องไห้ เพราะยังมีอาการแผ่นดินไหวเป็นระยะๆ มากบ้างน้อยบ้าง ภาพเพดานสิ่งของเท่าที่คนไปแอบซุกอยู่หล่นลงมา มีคนตายคนเจ็บร้องครวญคราง (เมื่อโลกย้ายขั้วได้หยุดลงแล้ว เปลือกโลกส่วนที่ถูกย้ายมาไว้ที่ตำแหน่งใหม่เช่นขั้วเหนือใหม่ จะถูกแผ่นอื่นที่ตามมาชน เกิดอาฟเตอร์ช๊อคอีกหลายสัปดาห์ หรือหลายๆเดือนหลายสิบปี กว่าเปลือกโลกจะจัดเรียงตัวได้เรียบร้อย เช่นพื้นที่ทวีปอเมริกาเหนือ ถูกส่วนอเมริกาใต้พุ่งเข้ากระแทก ทำให้อเมริกากลางหรือแถบแคริเบียนถูกกดให้มุดเข้าไปใต้แผ่นอเมริกาเหนือ

    ประเทศอินเดียทั้งประเทศที่ตั้งอยู่บนแผ่น อินโด-ออสเตรเลีย ถูกแผ่นฮิมมาลาย่ากดให้มุดเข้าข้างใต้ จมลงทั้งประเทศ ร่วมกับปลายแผ่น อินโด-ออสเตรเลีย รวมพื้นที่จมประมาณ 16 ล้านตารางกิโลเมตร เป็นเหตุให้น้ำจากมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย เคลื่อนตัวเข้ามาเติมที่ว่าง กวาดเอาสิ่งกีดขวางทุกอย่าง บนพื้นที่แหลมอินโดจีนทั้งหมด และฟิลิบปินส์ บรูไนล์ ชาวเกาะมาเรียน่า ถูกคลื่นยักษ์พัดพาไปยังที่ว่างเหนือประเทศอินเดีย ที่จมลึกหลายร้อยเมตร คลื่นยักษ์เดินทางผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง เหลือทิ้งไว้แต่พื้นดินเปล่าๆ อินเดียทั้งประเทศจมลงระหว่างที่โลกย้ายขั้ว ภายหลังจากชะตากรรมของชาวที่ราบลุ่มเจ้าพระยาที่ถูกน้ำทะเลไหลเข้าท่วมมาก่อนหน้านี้ ภายหลังจากประเทศอินโดนีเซียจมลงเต็มพิกัด 80 ฟุต ที่ปลายใต้สุดประเทศติดกับประเทศออสเตรเลีย)

    แต่วิกรม...ยังมีสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ คนที่รอดตายขณะนั้นจะตายมากขึ้นอีก ลุงเห็นภาพน้ำแข็งก้อนเท่าทีวี เท่าบาตร หรือบางก้อนขนาดเท่าตู้เย็นเล็ก ทะยอยตกลงมาจากฟ้า ส่วนก้อนขนาดเท่ากำปั้น ตกกระจายไปทั่ว คนที่หลบหนีหลังคาที่หักโครมครามออกมาท่ามกลางความมืดนั้น มาอยู่ในที่โล่ง ต้องมาตายกับฝนลูกเห็บยักษ์ที่มีความเย็นจัดมาก เพราะลุงเห็นภาพคนแข็งตายอยู่กราดเกลื่อนเต็มไปหมด (ปรากฏการณ์ตรงนี้ จะเป็นข้อมูลการบ้านสำหรับการออกแบบเสาและหลังคาอาคารที่หลบภัยได้อย่างดี รวมทั้งกระแสลมแรงผิดปกติอีกด้วย)

    แต่ภาพที่เกิดหลังจากนี้ที่หลานคงคิดว่ามนุษย์ชาติจะอยู่อย่างไร เมื่อลุงอธิษฐานไปยังหลังจากนี้แล้ว กลับยิ่งอเนจอนาตยิ่งกว่า ลุงจะได้พยายามทบทวนเรียบเรียงสิ่งที่ลุงเห็นมา บันทึกไว้ให้หลานๆได้นำไปเตรียมตัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด ในสิ่งที่ลุงเห็นมานั้น ไม่เคยแจ่มชัดเท่านี้มาก่อน แต่สิ่งที่ลุงได้อธิษฐานว่าถ้าลุงมีบารมี และมีบุญที่เกี่ยวเนื่องกับพระอาจารย์โสณะ ขอโปรดเมตตาให้ญาณทัศนะของลุงชัดเจนแจ่มใส จนได้เห็นภาพเหล่านี้ขึ้นมา ขอพระบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอริยะสงฆ์ทุกพระองค์ได้โปรดเมตตาสรรพสัตว์ และหลานๆด้วย



    http://palungjit.org/threads/ศาสตร์...ทางโลกและทางธรรม-หลวงปู่ดู่-พรหมปัญโญ.362660/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 ตุลาคม 2012
  14. apichayo

    apichayo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    488
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,936
    (ต่อ)
    2. เรื่องราวที่จะเกิดตามมาหลังวันฟ้าดับ 3 วัน

    วิกรม...ที่ลุงฝากบันทึกนี้ให้หลานเพราะ ลุงคาดว่าต้องใช้เวลาสองสามวัน ที่จะบันทึกให้เสร็จหมด เพราะพิมพ์ได้ช้ามาก และที่มอบให้หลาน เพราะหลานเป็นญาติเพียงคนเดียวที่สามารถแยกกายจิต รวมทั้งฝึกสมถะกรรมฐานได้ในระดับที่จะสามารถสื่อสารทางจิตกับลุงได้ แม้ตอนนี้จะยังไม่สามารถจะไปหน้าหรือย้อนกลับในเรื่องราวของตนเองได้ดี แต่ขอให้หลานตั้งใจฝึกฝน รายชื่อพระอาจารย์ที่หลานควรจะเดินทางไปฝึกฝนต่อไป

    บันทึกในส่วนนี้ลุง ขอเล่าในเรื่องหลังจากผ่านคืนฟ้าดับมาแล้ว เพื่อให้หลานๆได้เตรียมตัว บันทึกเมื่อคืนก่อนแม้ลุงจะไม่ได้บันทึกละเอียดได้เท่าที่ลุงเห็นมา แต่ภาพรวมก็คงไม่ขาดไปมาก ที่ลุงต้องรีบบันทึกเพราะวันที่ 17 นี้ ลุงจะเดินทางตามพระอาจารย์ไปยังหลวงน้ำทา ประเทศลาวตอนบน วิกรม...ในส่วนของพื้นที่ๆได้มีการจัดเตรียมไว้นั้น ที่ลุงประสิทธิ์เสนอย้ายให้ไกล้ลงมานั้นและรับคนในหมู่บ้านให้มากเพิ่มขึ้นนั้น ลุงขอเล่าเรื่องที่ลุงเห็นมา จะตัดสินใจอย่างไรแล้วแต่หลานๆจะร่วมกันพิจารณา บันทึกในส่วนก่อนลุงเล่าถึงเรื่องมีก้อนน้ำแข็งที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ทำให้อากาศหนาวเย็นและลมแรงมาก ในส่วนของตู้คอนเทนเนอร์ที่นำมาสร้างห้องมั่นคงนั้น ขอให้ใช้ตู้เหล็กขนาดใหญ่ที่ลุงสั่งมา และให้เร่งเสริมเหล็กกันกระแทกด้านบนและด้านข้าง ให้เลือกที่เป็นตู้ที่ใช้สำหรับห้องเย็น เพราะจะช่วยเรื่องอากาศหนาวเย็น หลังจากมีก้อนน้ำแข็งตกลงมาจากฟ้าได้ดี

    ในส่วนของตู้สำหรับบรรจุอาหารนั้น ถ้าสามารถรวบรวมเงินได้ ก็ให้เปลี่ยนเป็นตู้แบบตู้ห้องเย็นให้หมด ก็จะปลอดภัยมากขึ้น

    เหตุผลที่ไม่ควรย้ายลงมาเพราะว่า ภาพที่ลุงเห็นถัดไปก็คือ หลังจากที่มีการหยุดของโลกกึ๊กหนึ่งนั้น ภาพน้ำข้ามภูเขามาจำนวนมากมาย ลุงเห็นภาพกรุงเทพจมหายไปกับสายน้ำ ภาพเขื่อนภูมิพล และหลายๆเขื่อนลุงไม่แน่ใจว่าอะไรบ้าง บิดร้าว ตัวเขื่อนแม้ไม่แตกสลายแต่ ขอบๆเขื่อนที่เป็นภูเขาเป็นดิน มีรอยร้าว และมีน้ำกัดเซาะเข้าไป จนน้ำทะลุภูเขาไปอีกด้านจนสุดท้ายภูเขาก็แบ่งออกเป็นสองซีก ลุงเห็นภาพน้ำกวาดบ้านไปเหมือนของเล่น

    ที่เชียงใหม่บ้านเราได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวมากไม่น้อยกว่าทีอื่นๆ แต่เรื่องน้ำนั้น เขื่อนแม่งัดแม่กวงแตกพังทะลาย น้ำที่แตกมาจากเขื่อนจะกวาดบ้านเรือน ที่อยู่ในส่วนตอนล่าง ลุงเห็นภาพเจดีย์ขาวที่อยู่หน้าเทศบาล ที่ติดแม่น้ำปิงเห็นแต่ตัวยอดนิดเดียว ฝากหลานไปบอกให้เจ้านิดหน่อยกับลูกๆและแฟนเขา ย้ายบ้านมารวมกับหลาน แบ่งพื้นที่หลังบ้านในส่วนของลุงยกให้นิดเลยก็ได้ หรือถ้าไม่อยากสร้างใหม่ก็มาอยู่ที่บ้านหลังเล็กของลุงเลย เพราะแถวแม่ริมนี้จะได้รับผลกระทบจากการพังของเขื่อนน้อย ก็เป็นเพียงแต่น้ำเอ่อล้นแผ่ออกมา แต่คาดว่าแผ่มาแต่ไม่ท่วมถึงหน้าวัดบ้านเราหรือว่าขึ้นมาก็คงไม่สูงมากเพราะปริมาณน้ำในเขื่อนแม่งัดน้อยกว่าเขื่อนแม่กวง

    ภาพที่ลุงเห็นในเมืองเชียงใหม่ ตึกรามบ้านช่องที่พังทะลายจากก่อนหน้านั้น ผู้คนออกมาในคืนฟ้าดับนั้น กลับโดนกวาดไปกับสายน้ำ ที่บ้านเราจะรุนแรงและต่อเนื่องกันเพราะเขื่อน บ้านเราอยู่ใกล้เขื่อนน้ำเดินทางเพียงสองสามชั่วโมงเท่านั้นเอง คนแถวสันทราย ดอยสะเก็ด ช่อแล คงเลี่ยงหนีไม่พ้น มวลน้ำทั้งหมดจะกวาดไปผ่านลำพูน ไปทั้งหมด แต่ด้วยระยะทางของน้ำก็จะเสียหายน้อยกว่าแถวสันทราย เมืองสันกำแพง แถวอำเภอบ้านธิ ลำพูน ลุงจะเตือนป้าแดงของหลาน และญาติของเราแล้วแต่เขาเคยฝึกจิต และเชื่อเรื่องการเปลี่ยนของโลกได้อย่างไร คงแล้วแต่บุญกรรมของเขา

    แต่การสูญเสียแถบบ้านเราก็น้อยกว่า พื้นที่เขื่อนใหญ่ๆ ที่มีมวลน้ำจำนวนมาก อย่างเทียบกันไม่ได้ ลุงเห็นภาพเจดีย์วัดอรุณฯ เห็นเพียงยอดฉัตรเท่านั้น หมายถึงกรุงเทพ คงไม่มีที่แห้งให้ยืน ลุงย้ำตอนนี้ ขอให้เลือกพื้นที่ อย่างไรก็ให้อยู่ตอนเหนือของเขื่อนหรือหลานจะแนะนำใคร ที่จะย้ายออกมา เพราะเชียงใหม่เองก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัยทั้งหมด ในยามที่โลกมืดมิดมองไม่เห็นอะไรนั้น พ้นจากแผ่นดินไหวแล้ว สายน้ำก็กวาดลงมาอีก จะมีใครซักกี่คนหนอที่จะรอดผ่านไปได้ ถ้าไม่มีการเตรียมการก่อนล่วงหน้า รวมทั้งการเลือกพื้นที่ๆปลอดภัยก่อน เพราะในยามนั้นไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว อดคิดถึงเชียงราย พะเยา ไม่ได้ ถ้าน้ำจากเขื่อนที่ประเทศจีนสร้างหลายเขื่อนปิดกั้นสาขาต่างๆของแม่โขงไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่ หากแตกลงมา ที่ว่าเป็นเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็หมายถึงมีการกักน้ำได้มากที่สุด จะทะลักมาตอนนั้นอีกมากเท่าไหร่ หลานอย่าแปลกใจเลยที่จุดปลอดภัยของเชียงรายอยู่ที่ดอยตุง

    (นอกจากน้ำหลากมาจากเขื่อนต่างๆทั้งในประเทศ และจากต่างประเทศ เช่นจีน และจากลาวแล้ว ทำเลประเทศไทยที่เป็นส่วนหนึ่งของคาบสมุทรอินโดจีน ตลอดจนสุดประเทศอินโดนีเซีย ล้วนตั้งขวางทางเดินของน้ำจากมหาสมุทรแปซิฟิก ที่เดินทางเป็นแนวคลื่นสูงใหญ่ 600-700 ฟุตหรือสูงกว่า 200 เมตรดังในพระพุทธทำนายนั้น จะ Tidal Bore ไต่ข้ามสันเขาของประเทศเวียตนาม ผ่านเข้าพื้นที่ประเทศลาว แล้วเดินทางผ่านที่ราบอิสานมุ่งตรงไปทางตะวันตกสู่พื้นที่ประเทศอินเดีย ที่จมลงไปในเพียงพริบตาพร้อมกับพื้นที่ปลายแผ่น อินโด-ออสเตรเลีย ประมาณ 16 ล้านตารางกิโลเมตร วิบัติกาลจากน้ำทะเลมหาสมุทรแปซิฟิก เดินทางผ่านประเทศต่างๆที่กล่เพียงไม่กี่ชั่วโมง น้ำก็ลดลงทะเลไปหมดเหลือเอาไว้เพียงผืนแผ่นดินว่างเปล่า เป็นการจมน้ำตายหมู่รอบสอง หลังจากอินโดนีเซียได้จมไปรอบแรกก่อนโลกจะย้ายขั้ว)

    มีเรื่องที่หลานต้องเตรียมไว้ด้วยนะว่า ในช่วงของการที่มีความมืดมิดของโลกนั้นใช่ว่าจะเป็นความมืดแบบไม่มีแสงใดๆ คงไม่ใช่ แต่จะมีฟ้าแลบ ฟ้าผ่า ลงมาเสียงฟ้าผ่าที่ดังกว่าเสียงระเบิด เปรี้ยงๆๆพอๆกับเสียงระเบิดหิน เป็นเวลาก่อนที่ก้อนน้ำแข็งจะร่วงลงมาจากฟ้า เพราะฉะนั้นเวลาที่มืดมิดแล้วเริ่มเห็นแสงขึ้นมาอย่าออกจากห้อง เพราะมันจะเป็นแสงฟ้าแลบ และจะตามมาด้วยก้อนน้ำแข็ง ขอให้หลานๆอย่าได้พยายามที่จะเปิดอุปกรณ์ใดที่เป็นแสงเพราะจะเกิดการผ่าเข้ามาที่บริเวณนั้น แต่ว่าในห้องสามารถที่จะใช้เส้นเรืองแสงที่ลุงให้เตรียมไว้ ในกรณีที่ต้องรักษาอาการบาดเจ็บของคน แต่ต้องปิดประตูให้มิดชิด ให้อยู่ในห้องมั่นคงนั้นอีก 3 วัน หรือจนกว่าอาหารในเป้ ที่เตรียมไว้สำหรับทุกคนหมด...ที่เตรียมไว้ 4 วัน

    จึงออกมาจากห้องมั่นคงได้ ในช่วงที่อยู่ในห้องมั่นคง ขอให้หลาน นำน้องๆและลูก สวดบทสวดมนต์ที่ลุงได้บังคับท่องให้ขึ้นใจ ไม่ต้องกลัวว่าใครจะได้ยิน เพราะตอนนั้นคนส่วนใหญ่จะหูแตกหรือยังอื้ออึงอยู่ แต่จะช่วยป้องกันอมนุษย์ หรือสิ่งที่หลุดออกมาจากโลกที่ต่างมิติออกไปเข้ามา หลานเคี่ยวเข็ญให้ยายจุ๊กจิ๊ก กับหนูบ๊วย สวดด้วยอย่างน้อยต้องสวดบทชินบัญชรต้องได้ วิกรม อย่าลืมน้ำผึ้งที่ลุงสั่งไว้ที่ฟาร์มผึ้งสุภาพเอามาเก็บไว้ในห้องด้วย เพราะจะช่วยเด็กๆไม่ต้องทานอาหารแห้งๆอย่างไร้รสชาติไปหลายๆวัน

    ย้ำเรื่องการออกจากห้องมั่นคง อย่าออกจนกว่าจะเห็นแสงอาทิตย์จากข้างนอก หลังจากนั้น หลานอย่าได้รอที่จะย้ายขึ้นไปรวมกับลุงประสิทธิ์ แต่ต้องรอสังเกตให้ฟ้าสว่างชัด ถ้าขอบฟ้ายังเป็นสีเหลืองอมฟ้า อย่าได้รีบเคลื่อนย้าย ระวังอย่าให้ทุกคนหรือเด็กๆโดนฝนเป็นอันขาด เพราะในก้อนน้ำแข็งที่หล่นมาจากฟ้านั้นมีเชื้อโรค ที่ยาในรายการที่ลุงเตรียมไว้ให้หามาไว้ในห้องยาของเราไม่ครอบคลุม ลุงได้ตรวจสอบกับครูบาอาจารย์แล้ว ตรงกันก็คือวันฟ้าดับนั้นประมาณ 3 วัน (หากดับ 3 วัน เป็นเวลาโลกนอนลงหลังจาก เกิด Severe Wobble อยู่ 9 วัน มีแผ่นดินไหวขนาด 8-10 ริกเตอร์ต่อเนื่องทั่วโลก โดยแผ่นเปลือกโลกแผ่นต่างๆเคลื่อนตัวถึงกันหมด แกนพลังงานโลกแกว่งเป็นรูปเลข 8 วันละ 2 ครั้งพื้นที่ชายทะเลจะมีคลื่นสูง 100-200 ฟุตเกิดขึ้นเป็นเครื่องสังเกต โดยดาวหาง PX ลงมาอยู่ใกล้โลกมาก)

    ซึ่งหลานอย่าได้กังวลเกี่ยวกับวันเวลาเพราะ ในสิ่งที่ลุงไปเห็นมา มันมืดจนแยกเวลาไม่ออกอยู่แล้วว่าผ่านไปเทียบกับกี่วันในเวลาโลกปกติ ในส่วนที่อื่นๆหลานอย่ารู้มากกว่านี้เลย เพราะจำทำให้จิตใจเศร้าหมองกับการจากไปของญาติพี่น้องคนที่รู้จักมากมาย ขอให้หลานอย่าได้หยุดตั้งใจฝึกจิตของหลานให้มีร่างจิตสามารถสื่อสารได้ และสามารถแยกจิตออกจากร่างกายจนชำนาญนั้นก็จะช่วยให้หลานเป็นที่พึ่งของคนอื่นๆได้ วันนี้คงได้แค่นี้สายตาลุงชักจะไม่ใหวแล้ว

    ในส่วนของบัญชีเงินฝากของลุง ที่มีในธนาคาร กรุงเทพ กรุงไทย และกสิกรไทย ลุงได้เซ็นใบถอนทิ้งไว้แล้ว หลานเบิกและย้ายมารวมกันในบัญชีธนาคารกรุงไทย ที่ลุงให้หลานใช้ในการซื้อของจัดเตรียมสร้างตู้คอนเทนเนอร์ให้หมด จะได้สะดวกในการทำงาน เพราะถ้าหลังจากนี้ลุงบวชเงินก้อนนี้ก็คงไม่จำเป็นสำหรับลุงแล้ว

    3. เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นหลัง จากวันฟ้าดับ

    วันนี้วันที่ 15 แล้ว ลุงมีเวลาอีกสองวันที่จะบันทึก ก่อนที่จะเดินทางไปตามกำหนดที่ได้นัดหมายกับพระอาจารย์ไว้ ลุงจะพยายามบันทึกสิ่งที่มีประโยชน์กับหลาน และคณะที่เตรียมการกันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และความสามารถและสายตาลุงสามารถทนได้กับจอคอมพิวเตอร์นี้ วิกรม...ที่ลุงต้องรีบให้หลานอพยพหลังจากที่ฟ้าสว่างแล้วนั้น เพราะหลังจากนั้นอีกไม่เกิน 10 วันศพคนตายที่มีจำนวนมากได้เริ่มเน่าเหม็น แม้ส่วนใหญ่สายน้ำจะได้พัดพาไปด้วยแล้ว แต่มีอีกเป็นจำนวนมาก ที่เสียชีวิตเนื่องจากหนาวตายจากอุณภูมิที่ก้อนน้ำแข็งได้ตกมาจากฟ้าและไม่ได้เตรียมการเอาไว้ อย่าห่วงของที่เหลือเพราะในหมู่บ้านที่มีการเตรียมการไว้แล้วนั้นมีอาหารเพียงพอสำหรับสมาชิกที่เคลื่อนขึ้นไปทานอย่างประหยัดสามารถอยู่ได้นานกว่าสองปี ซึ่งเมื่อถึงวันนั้น แกนโลกก็คงสมดุลและคนอื่นๆก็คงสามารถปรับตัวได้

    ในระหว่างเดินทางนั้น ให้สวมชุดที่ใช้สำหรับการควบคุมโรคไข้หวัดนก ที่ลุงได้ซื้อเตรียมไว้และเมื่อไประหว่างทางเจอฝนให้ใช้ผ้ายางปันโจ กางอีกครั้งอย่าให้เด็กๆลุยฝน ในช่วงหลังจากนี้วิกรมพาน้องๆ หลานๆไปออกกำลังโดยการเดินทุกวัน เพื่อในยามที่ต้องเดินเท้าจะได้ไม่ลำบาก ลุงทดลองเดินสบายๆโดยไม่หยุดเลย ออกจากบ้านแม่ริมตอนเช้า ไปถึงหมู่บ้านเรายังไม่ค่ำนัก ถ้าจำเป็นก็แบกเจ้าตัวเล็กๆ แล้วใช้ตัวลาก บรรทุกของเป๊ แบบล้อสูง ก็คงไม่ทุลักทุเลนัก แต่แน่นอนทางเสียหายหมด แต่เส้นทางที่เดินไปหลานเดินทางไปบ่อยๆ

    ถึงจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็คงไม่คลาดเคลื่อนมากนัก ในระหว่างทางถ้ามีการขออาหารหรือสิ่งของก็ให้ไปอย่าขัดขืน แต่ต้องรีบเดินทางให้ถึงก่อนค่ำ เพราะในยามค่ำคืนนั้น มีอมนุษย์ที่หลงหลุดมาจากต่างมิติ ที่คุ้นเคยกับความมืด จะมารบกวนเด็กๆได้ ลุงเล่าเรื่องที่ลุงเห็นผ่านญาณทัศนะให้หลานเตรียมตัวในช่วงนี้ จะได้ประมาณสถานการณ์ได้ ลุงเห็นผู้คนในเมืองที่เสียสติเที่ยวไปคุ้ยเขี่ยหาอาหาร มีการปล้นฆ่ากัน ซากศพก็มีกองระเกะระกะ มีทหารถือปืนเสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่งไม่มีสภาพทหารออกมาปล้น โรงพยาบาลที่ลุงเคยทำงาน ตึกใหญ่ล้มพังเกลื่อนลงมา ถนนหนทางที่เราเคยไป ถนนคนเดินกัน แทบไม่เหลือสภาพให้จำได้ ลุงกำหนดจิตไปที่กรุงเทพ เป็นภาพที่อเนจอนาถใจมากกว่า น้ำยังไม่ลดลงมากเท่าไร แต่สิ่งที่ลอยเกลื่อนคือซากศพคนตาย มีฝูงจระเข้ที่ภูเขาทอง

    ลุงเห็นภาพคนที่แก่งแย่งกัน ค้นหาปล้นอาหาร ที่เป็นซากห้างใหญ่ ลุงเห็นภาพซากเขื่อน ที่จังหวัดตากแตก กวาดน้ำไปตามเส้นทาง แทบไม่เหลือสภาพว่านี้เคยเป็นเมืองที่เคยมีผู้คนอยู่มากมาย ลุงเห็นภาพผู้คนที่รอดมาแต่คงอดอาหารบางคนยังใส่สูทอยู่เลย แต่รวมตัวกันไปปล้นแย่งอาหารของคนที่รอดตายคนอื่นๆ มีการฆ่ากัน ภาพคนเสียสติเดินไปเดินมาร้องไห้ หัวเราะ ตีอกชกตัวกันเต็มไปหมด(คุณ Zeta พยากรณ์เอาไว้ล่วงหน้าว่า ในจำนวนผู้ที่รอดชีวิต 10 % จะมีคนเสียจริตปนอยู่ด้วย 4.3 % )

    ลุงเห็นภาพพระ 2 รูป องค์หนึ่งหน้าตามีเมตตา ขาวๆอายุประมาณ 4-50 ปี อีกองค์ อ้วนๆคล้ำๆนิดหนึ่ง อายุกะไม่ถูก พร้อมกับลูกศิษย์นับร้อย ๆ คน เดินทางลงจากเขาลูกเตี้ยๆ มีวัดอยู่ข้างบน ลุงไม่แน่ใจว่าที่ไหนนะ ช่วยกันฝังศพ และสวดศพตามมีตามเกิด แต่ที่น่าสนใจคือเขาเป็นชาวบ้านธรรมดาแต่รอดชีวิตมาได้อย่างไร มีการเตรียมการกันอย่างไร โดยที่ไม่แสดงอาการหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย สิ่งที่ลุงพบในร่างจิตนั้น ขนาดชาวบ้านก็ยังรู้ว่าลุงผ่านไป

    หลายคนยิ้มให้แสดงว่า มีระดับจิตที่สูงมาก คงเป็นจังหวัดที่ลุงเคยทำงาน ที่มีภูเขาเตี้ยๆละมีวัดบนภูเขา ก็น่าจะแถวนครสวรรค์หรือ ลพบุรี อะไรแถวนั้น เพราะญาณทัศนะของลุงนั้นจะกำหนดจิตไปยังพื้นที่ๆกายเนื้อเคยผ่านมาแล้ว ภาพจะชัดเจนที่สุด ลุงเสนอให้หลานเดินทางไปกราบพระอาจารย์ทั้งสององค์ และหาหมู่บ้านที่มีการฝึกจิตระดับสัมผัสกับญาณทัศนะของคนอื่นที่ผ่านมาได้หวังว่าหลานจะชวนน้องกิ๊บที่ทำงานกรุงเทพให้ลาออกกลับมาทำงานที่เชียงใหม่ได้ ที่เหลือก็คงเป็นภาพคล้ายๆกัน ถึงความสูญเสีย ขอหลานได้เตรียมใจในส่วนของการสูญเสียคนที่หลานรักด้วย ลุงไม่อาจบอกได้ว่าเป็นใคร แต่หลานต้องเตรียมพร้อมกับการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปของสังขารทุกคน ที่เกิดมาร่วมกัน

    4. ชาวไทยจะเผชิญกับสิ่งใดบ้าง

    บันทึกหน้าสุดท้ายที่จะเขียนถึงหลานก่อนที่พรุ่งนี้ลุงจะออกเดินทางไปเพื่อติดตามพระอาจารย์โสณะ ซึ่งถ้าได้รับอนุญาตจากพระอาจารย์ ลุงคงบวช ตามที่ตัดสินใจไว้ล่วงหน้าก่อนนี้แล้ว ลุงคงไม่มีภาระในทางโลกมากเหลืออยู่แล้วเพราะคุณป้าของหลานได้ลาโลกนี้ไปนานหลายปีแล้ว วันเวลาที่ผ่านมาลุงก็พอมีความสุขทางโลกกับลูกๆหลานๆ และช่วยเหลือคนไข้ไปตามประสา จนสามารถที่จะมีเวลาในการศึกษาในทางธรรมจนชีวิตก้าวมาถึงจุดนี้

    บันทึกนี้ลุงบันทึกไว้เพื่อให้ลูกหลานได้ระลึกถึงลุง เพราะหลังจากลุงบวชแล้ว ต้องติดตามพระอาจารย์โสณะ เท่าที่ได้กราบพระอาจารย์พระอาจารย์จะธุดงค์เป็นส่วนใหญ่ และลุงเชื่อมั่นว่าพระอาจารย์จะมีอายุขัยมาหลายร้อยปีมาแล้ว เพราะลุงได้กราบถามพระอาจารย์ว่าพระอาจารย์ทำไมพูดได้หลายภาษา พระอาจารย์ยิ้มๆแล้วบอกว่า เมื่อจิตฝึกมาดีแล้วและมีเวลาศึกษาอะไรนานๆก็ไม่ยากที่จะเข้าใจหลายๆภาษา และถ้าไม่อยากศึกษาก็สามารถสื่อสารกันด้วยจิต

    ลุงได้ถามว่าพระอาจารย์ชื่อพ้องกับพระในคณะพระที่เดินทางมาจากอินเดียในสมัยพระเจ้าอโศก เพื่อมายังสุวรรณภูมิ พระอาจารย์ยิ้มๆ บอกว่าทำไมคิดว่าพ้องล่ะ ลุงเลยบอกว่าเพราะพระที่มาจากอินเดียรูปนั้น ถ้ายังอยู่อายุคงเป็นพันกว่าปีแล้ว พระอาจารย์ไม่ตอบ แต่เบี่ยงไปว่า ในดินแดนจาตุมหาราชิกา หรือรอยต่อนั้น พรรษาหนึ่งกับบ้านเรานานกว่านั้นแล้วนะ และที่ลุงมั่นใจเพราะว่าระดับจิตเจโตของลุงไม่สามารถเทียบเคียงกับจิตของพระอาจารย์ได้ ที่สูงกว่าพระที่มีชื่อเสียงในบ้านเราที่ลุงไปกราบมาแล้วตั้งมากมาย จึงคาดว่าอาจจะได้พบกับหลาน หรือว่าไม่มีโอกาสอีกเลยก็ได้ แต่หวังว่าหลานจะฝึกจิตจนร่างจิตสามารถที่จะติดต่อกับลุงได้ในที่สุด

    วิกรม... สิ่งที่ลุงได้บันทึกเล่านี้เป็นการบันทึกที่ผ่านญาณทัศนะของลุงในระดับจิตที่ลุงมีอยู่ สามารถเดินหน้าถอยหลังชัดเจนในพื้นที่ๆกายเนื้อของลุงเคยไปสัมผัสในบริเวณนั้นๆ แต่ที่ผ่านมาลุงมีโอกาสได้เดินทางไปเกือบทั่วทุกจังหวัด เพราะไปทั้งราชการและป้าของหลานเป็นคนชอบเที่ยว ทำให้การผูกจิตเข้ากับจุดที่กายเนื้อผ่านไป มีความชัดเจนในภาพรวมที่พอจะช่วยหลานได้พอสมควร

    สุดท้ายที่ลุงจะบอกกับหลานก็คือ ต่อไปประเทศไทยหลังวันที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ลุงไม่แน่ใจว่าในญาณที่ลุงผ่านไปนั้น ลุงเห็นพระอาทิตย์ขึ้นทางดอยสุเทพ หรือขึ้นผิดทาง ที่เราเคยเห็นมาโลกคงเปลี่ยนไปมากทีเดียว ลุงใช้เวลาหลายคืนในระยะที่ผ่านมาเพื่อกำหนดยังที่ต่างๆ หลานจะได้เห็นประเทศไทยเปลี่ยนไป เหนือกับอีสานยังพอมีเหลือคนไทยอยู่มาก น่าสงสารคนภาคใต้ ที่โชคร้าย ที่น้ำทะเลสูงเท่าตึก 5 ชั้น 7ชั้น กวาดเข้ามาในแผ่นดินตอนที่โลกเหมือนจะชนกับอะไรซักอย่างที่ลุงเล่าให้ฟังแล้ว จนคนที่รอดตายเหลือน้อยอยู่แล้วก็จะมาตายกับลูกเห็บยักษ์อีก หลังจากนั้นลุงเห็นคนที่รอดตาย กำลังจะไปหาอะไรทานเพราะความหิว กลับถูกน้ำทะเลมากวาดคนลงไปให้ปลา กินเป็นอาหารอีกมากมาย ภาคใต้คนจะเหลือน้อยจริงๆ

    ในส่วนของเมืองกรุงเทพของเราก็คงจะจมลงในน้ำที่เกิดจากเขื่อนพัง มีคนตายมากมาย และกว่าน้ำจะลดลง จำนวนคนตายมากจนคนไม่กล้ามาอยู่ เพราะวิญญาณที่ไม่รู้ว่าตัวเองตายแล้ว วนเวียนหาคำตอบให้ตัวเองมากมายไปหมด ใครที่เข้ามาโดยจิตที่อ่อนแอแล้ว จะถูกดวงวิญญาณเหล่านี้พยายามที่จะเข้ามาหาคำตอบ น่ากลัวจนคนไม่กล้ามาจนกลายเป็นเมืองร้าง คนที่มีมากที่สุดแต่กลับเดือดร้อนที่สุดกับคนภาคอีสาน เพราะขุดบ่อน้ำตรงไหนก็เจอแต่หิน บ่อที่เคยมีน้ำ กลับกินไม่ได้เลยกลายเป็นน้ำที่เค็มกว่าทะเล (ระหว่างที่โลกกำลังจะย้ายขั้ว แมกม่าใต้โลกได้ขับดันเกลือทะเลใต้แผ่นดินขึ้นมาปนกับแหล่งน้ำ และอาจมีโลหะหนักเป็นพิษปนเปื้อนอยู่ด้วย โดยคุณ Zeta ให้ดื่มน้ำกลั่น ให้สร้างหม้อกลั่นน้ำเอาไว้)

    ลุงเห็นภาพคนเป็นหมื่นเป็นแสนเดินไปอยู่ริมน้ำโขงมากมาย และสุดท้ายคนอีสานข้ามไปอยู่ฝั่งน้ำโขงไปอยู่ประเทศลาว มีพระอาจารย์ที่หูเป็นปานพาชาวบ้านเดินข้ามน้ำไปทางเหนือของเรา อาหารการกินถ้าไม่ได้มีการกักเก็บไว้ล่วงหน้าจะเจอกับปัญหา เพราะอากาศจะหนาวมาก ลุงกำหนดจิตไปที่ภูเขา เจอหิมะบนยอดเขา ตอนแรกคิดว่าอธิษฐานผิดที่ไปเมืองนอก แต่กลับไม่ใช่ ลุงเห็นภาพพระธาตุดอยตุง ตั้งอยู่กลางหิมะขาวโพลน กว่าจะปรับตัวกันได้ ก็คงจะลำบากหน้าดู แต่อย่างไรก็ตาม ลุงโซ๊ะที่ปลูกพืชเมืองหนาวมาตลอดชีวิตน่าจะช่วยให้คำแนะนำหลานได้ อีกอย่างโรงเขี่ยเชื้อเห็ด เพาะเห็ด ที่ให้พะดีดูแลอยู่ก็น่าจะช่วยเรื่องอาหารได้ นานพอสมควร ที่หลานๆจะได้ปรับตัวกันได้

    หวังว่าสิ่งที่ลุงบันทึกนี้ จะเป็นประโยชน์กับหลาน ไม่มากก็น้อย ในการเตรียมการ ส่วนอุปกรณ์ที่ลุงได้เตรียมให้พวกเราไว้ทั้งเป้อุปกรณ์ยังชีพ วิทยุสื่อสาร ชุดป้องกันโรค และอื่นๆขอให้หลานได้ตรวจสอบตามวงรอบที่ลุงได้ทำแผ่นบันทึกให้ตรวจสอบและสับเปลี่ยนยา อาหารหลอดในเป้ รวมทั้งชุดป้องกันเชื้อ ส่วนอาวุธปืน มีดสนาม ขอให้รักษาให้ดี ปืนนั้นทะเบียนเป็นชื่อลุง ก็คงไม่เป็นไร เอาไว้ป้องกันตัวจากสัตว์ร้าย ขอหลานได้ตั้งใจฝึกจิตและพาน้องๆหลานๆฝึกด้วยกับหลาน ส่วนเจ้าตัวเล็กๆทั้งหลายให้ฝึกสวดมนต์ในบทที่ลุงเตรียมไว้ให้ ลุงเขียน Username และ Password ไว้ที่หน้าจอแล้ว ถ้าไม่ลำบากคิดจะทำบุญก็ให้หลานไปตามข้อมูลและติดตามข่าวจากในเว็ปพลังจิตก็จะได้ประโยชน์จากการหาของที่จำเป็นและวิธีการในการเตรียมความพร้อม ขอคุณพระศรีรัตนตรัยได้คุ้มครองหลานๆด้วย สิ่งใดๆที่ลุงได้ล่วงเกินหลานๆและทุกคน โปรดเมตตาอโหสิกรรมลุงด้วย

    ลุงหมอของหลานๆทุกคน
    ................................................................................................................................................................................................................

    คุณวิกรม หลานพระคุณลุงคนเชียวใหม่ ผู้โพสต์บทความ

    ทีมา http://ainews1.com/article488.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 ตุลาคม 2012
  15. pegaojung

    pegaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +9,448
    ที่นครพนมมีพื้นที่ของคุณปุณะเตรียมพร้อมรับภัยไว้ให้อยู่ ชื่อ ฮ่มภะโคสีรห์ อยู่ติดสนามบินนครพนม ถ้าว่างๆไปแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณปุณกะได้นะคะ
     
  16. apichayo

    apichayo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    488
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,936
    องค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ
    <O:p</O:p
    แสงสว่างที่ปลายทางรอด : พลังพีระมิด
    <O:p</O:p
    องค์ความรู้ ของ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นในปลายปี พ.ศ. 2555 นั้น มีรายละเอียดแทบทุกอย่างเหมือนกับความรู้ที่ปรากฏอยู่ในกระทู้ของคุณลุงคน เชียงใหม่ ในเว็บพลังจิต (เว็บบอร์ด พลังจิต ดอทคอม) ซึ่งให้ข้อมูลโดย “คุณวิกรม หลานของพระคุณลุง” และหลายท่านคงพร้อมที่จะเชื่อ เพื่อรักษาชีวิตของตนเองและครอบครัว ฉะนั้น หากมีความเชื่อแล้วควรเจาะลึกลงไปในหลายๆ รายละเอียด หาข้อมูล เหตุ และผล ของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และสลาย ของแต่ละเหตุการณ์อย่างถี่ถ้วน รอบคอบ

    องค์ความรู้ของ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้กล่าวถึงมหันตภัยโลกครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ว่า เป็นปรากฏการณ์ของการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลก ที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดา เมื่อเวียนมาครบรอบ 13,000 ปี นั่นหมายความว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไปประมาณ 13,000 ปี โลกเราจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกายภาพใหม่กันอีกครั้ง และเป็นเช่นนี้เสมอ ไม่ใช่เป็นเหตุการณ์ประหลาด และจำเพาะจะต้องเกิดขึ้นในยุคนี้เท่านั้น มหันตภัยที่จะเกิดขึ้นเปรียบเหมือนกับการรื้อบ้านหลังเก่าทิ้ง เพราะใช้อยู่อาศัยมานาน จนเสา พื้น ฝ้า เพดาน หลังคา ผุ รั่ว เกินความสามารถที่จะซ่อมแซมให้ดีได้ดังเดิม การรื้อและสร้างใหม่จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

    ผู้ที่จะก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในแต่ละครั้ง ต้องอาศัย “แสงสว่าง” ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิด

    1. แสงแห่งธรรม หมายถึง การบรรลุธรรม บุคคลผู้สามารถเข้าถึงแสงสว่างของจิตได้แล้ว บุคคลผู้นั้นย่อมพ้นทุกข์ ก้าวผ่านมหันตภัยครั้งยิ่งใหญ่นี้ได้อย่างแน่นอน

    2. แสงสว่างที่ปลายทางรอด เป็นเทคนิคของการแสวงหาทางรอดของครู อาจารย์ ผู้รู้ แต่ละท่าน ที่จะช่วยเหลือลูกศิษย์ ด้วยการให้ปัญญา แนวทางเพื่อรักษาชีวิต และการอยู่รอด ด้วยวิธีการที่แตกต่างกันตามความชำนาญ ความเป็นเลิศ ของแต่ละองค์ แต่ละท่าน สำหรับพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ท่านได้แนะนำการใช้ “พลังพีระมิด” มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 นับเป็นเวลาร่วม 15 ปีแล้วที่พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณได้บอกถึง “เหตุ” การเปลี่ยนแปลงของระบบสุริยจักรวาลมาโดยตลอด และ “เหตุ” สุดท้ายของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เกิดจากการเรียงตัวของดาวทุกดวงในสุริยจักรวาล รวมทั้งดาวอาคันตุกะ จากนอกระบบสุริยจักรวาล ซึ่งเดินทางมาเยือนในทุกๆ รอบ 13,000 ปี ดาวอาคันตุกะดวงนี้มีมวลขนาดใหญ่มาก ใหญ่กว่าดาวพฤหัสหลายเท่าตัว เป็นดาวเคราะห์สีแดงลักษณะกลมรี คล้ายลูกรักบี้ และในอนาคตจะโคจรเข้ามาเรียงตัวอยู่ติดกับโลกของเราเลยทีเดียว

    [​IMG]

    </O:pปรากฏการณ์เรียงตัวของดวงดาว 12 ดวงนี้ จะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 55 – 14 ก.พ. 56 ซึ่งหมายความว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว พลังงาน แรงดึงดูด จากดาวทุกดวง จะมีมากที่สุด จนถึงขั้นสามารถทำให้แกนขั้วโลกจากทิศเหนือ-ใต้ พลิกเปลี่ยนเป็นชี้ไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก และ ในอนาคตเราจะเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแทนทิศตะวันออก

    ขอเรียนย้ำอีกครั้งว่า การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลกจนถึงขั้นเปลี่ยนขั้วโลกใหม่ได้นั้น ไม่ได้จำเพาะว่าจะต้องเกิดขึ้นในวันที่ 21 ธ.ค. 55 เพียงวันเดียว แต่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัน ระหว่างวันที่ 21ธ.ค.55 จนถึงวันที่ 14ก.พ.56 (56วัน) กำหนดวันเกิดเหตุที่แน่นอน พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ จะติดตามและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของพลังงานอย่างต่อเนื่อง จึงจะสามารถระบุวันเกิดเหตุได้อย่างแม่นยำอีกครั้ง

    แต่ในอนาคตเมื่อใกล้กับวันเกิดเหตุการณ์จะมีสิ่งบอกเหตุที่สำคัญคือ หากมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้านทิศเหนือ มนุษย์จะเห็นว่าตำแหน่งของดาวเหนือเปลี่ยน ราวกับว่าอยู่ไกลออกไปมากกว่าแต่ก่อน จึงพลอยทำให้แสงสว่างของดาวเหนือลดลงด้วย ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วดาวเหนือยังคงอยู่ที่เดิม แต่แกนขั้วโลกต่างหากที่กำลังเปลี่ยนทิศ ซึ่งสื่อความหมายว่า ขั้วโลกพร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนขั้วจากเหนือ-ใต้ เป็นขั้วตะวันออก-ตะวันตก


    แสงสว่างที่ปลายทางรอด : พลังพีระมิด

    พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้เผยแพร่ความรู้ของชาวแอตแลนตีสเกี่ยวกับการใช้พลังพีระมิด ด้วยจุดมุ่งหมายหลักที่สำคัญคือเป็นการเตรียมความพร้อม ให้มนุษย์รู้จักการปรับโครงสร้างเซลล์ เนื่องจากทั้งในภาวะก่อนจะเกิดมหันตภัยอย่างน้อย 5 ปี ซึ่งเป็นช่วงการเกิดวิกฤตพลังงานจากพายุสุริยะ และ ช่วงเวลารับผลกระทบสูงสุดจากพลังงานย้อนกลับซึ่งเป็นพลังงานลบจาก กาแลคซี่อันโดรเมดาในวันที่เปลี่ยนชะตาดาวเคราะห์โลก ที่เปลี่ยนขั้วโลกจากทิศเหนือภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้างเผือก เข้าสู่ขั้วโลกตะวันออกภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม เป็นเวลาประมาณ 13,000 ปี

    ในทั้งสองช่วงเวลาที่กล่าวมา มนุษย์จะได้รับพลังงานเสียเข้าสู่ร่างกายจากปริมาณน้อยไปหามากตามลำดับของ วิกฤตพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงการย้อนกลับของพลังงานลบจากกาแลคซี่ อันโดรเมดาที่ส่งแรงปะทะอย่างมหาศาล พุ่งเข้าหาพลังงานบวกของดวงอาทิตย์ ทำให้จุดดับใน ดวงอาทิตย์เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง และ ทวีความถี่มากยิ่งขึ้นตามลำดับ โลกเป็นแหล่งรับมวลสารพิษและพลังงานแม่เหล็กโลกที่มีค่าเป็นลบซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาดวงอาทิตย์ และส่งไปถึงดวงจันทร์ ตามลักษณะของแรงดึงดูดระหว่างดวงดาวที่มีต่อกัน

    ในเส้นทางการย้อนกลับของแรงดึงดูดจากดวงจันทร์มายังโลกอีกครั้งเช่นนี้ โลกได้รับโมเลกุลสีแดงอมม่วงของน้ำจากดวงจันทร์ซึ่งมีมวลที่หนักกว่าน้ำใน โลก และโมเลกุลสีแดงอมม่วงเหล่านี้จะแทรกซึมลงในทุกส่วนของโลกที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบ เช่น ถ้ารวมตัวกับเมฆฝน จะทำให้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะแถบชายทะเล จนทำให้ฤดูกาลเปลี่ยน คือมีแต่ฤดูฝน ไม่มีฤดูหนาว ถ้าฝังตัวลงในน้ำ จะสามารถ ยก ดัน น้ำให้สูงขึ้น จึงเป็นสาเหตุทำให้พื้นที่ริมชายทะเลมีน้ำท่วมสูง ซึ่งการท่วมสูงเช่นนี้มิได้เกิดจากการหนุนของน้ำทะเล หากโมเลกุลสีแดงอมม่วงเหล่านี้แทรกซึมเข้าสู่เซลล์ที่ประกอบด้วย น้ำ เลือด และน้ำเหลือง ทำให้มนุษย์มีปัญหาด้านสุขภาพ เป็นสาเหตุของความเจ็บป่วยที่รักษาได้ยากยิ่งขึ้น เริ่มจากอาการปวด เมื่อย ถ้าไปถึงสมองจะมีอาการมึนงง หากปริมาณโมเลกุลของน้ำเพิ่มมากขึ้น จะมีอาการท้องเสีย ท้องเดิน เรื้อรัง รักษาไม่หายขาด และในที่สุดเซลล์จะเน่า เป็นการเน่าจากภายในเนื้อเยื่อก่อนและเน่าลามออกมาที่ผิวหนังออกสีแดงอมม่วง

    (องค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ แนะนำการใช้หลอดแกนพีระมิด ชนิดเจาะ 4 รู เพื่อดึงพลังปราณช่วยดันและละลายโมเลกุลน้ำสีแดงอมม่วงจากดวงจันทร์ออกจากร่างกาย) ยิ่ง ไปกว่านั้น หากโครงสร้างเซลล์ มืด ดำ คล้ำ ร่างกาย จะดูดซับสารพิษจากพลังงานเสียได้มากและรวดเร็วกว่า ทำให้เสียชีวิตได้เร็วเกินคาด สำหรับบุคคลที่เคยฝึกจิตเรียนรู้หลักธรรมของศาสนา (ทาน ศีล สมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน) และรู้หลักการใช้พลังพีระมิดจะได้รับผลพลอยได้อย่างยิ่งยวด คือ ได้ทำความสะอาด ฟอก และซ่อมแซมเซลล์อยู่เป็นประจำ กระทั่งกลายเป็นเซลล์ใส จึงดูดซับสารพิษได้น้อย และยังสามารถพื้นฟูเซลล์ ดันสารพิษเหล่านั้น ออกจากร่างกายได้อย่างรวดเร็ว จึงยังคงรักษาชีวิตให้รอดอยู่ได้

    และในครานี้มนุษย์บางคน บางกลุ่ม จะรู้ซึ้งถึงอานิสงส์ของแสงสว่างแห่งธรรม สำหรับผู้ที่ยังไม่เข้าถึง “ธรรม” คงต้องอาศัยแสงสว่างจากพลังมโนธาตุในพีระมิดของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ช่วยให้พลังดุจดังเกราะกำบังประคองจิตให้เป็นปกติ ไม่เสียสติไปกับความโหดร้ายรุนแรงของภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน หลายอย่าง แต่ละอย่างล้วนแต่ไม่เคยเจอมาก่อน เช่น แผ่น ดินไหวอย่างรุนแรง เสียงแผดร้อง คำรามอย่างบ้าคลั่งของฟ้า ลมพายุ แผ่นน้ำแข็งที่เกิดจากคาร์บอนมอนนอกไซด์ หล่นจากฟากฟ้า และในท้ายที่สุดคือ การเกิดน้ำท่วมใหญ่กวาดล้างสรรพสิ่งโสโครก ปฏิกูล ผลพวงจากโลกใบเก่าทิ้งไปกับน้ำ ถึงจุดสิ้นสุดวิวัฒนาการที่เกิดจากน้ำมัน หรือฟอสซิลดำ

    มนุษย์จะมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายไม่มีการใช้อุปกรณ์ใดๆ ที่เกี่ยวเนื่องด้วย “ไฟฟ้า” อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหม่ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานดี จิตใจโอบอ้อมอารี แบ่งปันกันใช้ เงินตราหมดค่า และเริ่มมีวิวัฒนาการใหม่ไปตามลำดับ โดยเน้นเรื่องของ “จิต” เป็นหลัก กล่าวได้ว่าเป็นอีกยุคสมัยหนึ่งที่การฝึกปฏิบัติธรรมจะกลับมาเฟื่องฟู มนุษย์จะได้ศึกษา ปฏิบัติตามแก่นธรรมที่แท้จริงของพระพุทธองค์ เนื่องจากมีความเหมาะสมหลายๆอย่างเป็นองค์ประกอบ เช่น พลังงานปราณ พลังมโนธาตุ สมบูรณ์ เหลือแต่ผู้มีศีลธรรม ไม่ต้องดิ้นรนแสวงหาทรัพย์ อากาศเย็นสบาย เพราะขั้วโลกเปลี่ยนทิศ ประเทศไทยจึงอยู่ในเขตอบอุ่นไม่ใช่เขตร้อน ดังแต่ก่อน ฯลฯ

    วิธีป้องกันและแก้ไข

    มนุษย์มีหลายทางเลือกเพื่อรักษาชีวิต องค์ความรู้ของ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ เสนออีกหนึ่งทางเลือก เพื่อถนอมรักษาชีวิตที่มีค่าไว้ด้วยวิธีปฏิบัติตัวตลอดช่วงเวลา 3 วัน 3 คืน วาระแห่งการปรับโครงสร้างของโลก และสุริยจักรวาล ซึ่งมีผลสืบเนื่องมาจากสาเหตุ 2 ประการ คือ การทำหน้าที่ของ ดาวถ่วงดุล และ การเรียงตัวของดาวทั้ง 12 ดวง ผนึกพลังงานบวกอัดแน่นเข้าด้วยกัน เมื่อพลังงานรวมตัวจนถึงอัตราสูงสุด จะเกิดการรีดตัวเป็นเส้นตรง พุ่งออกจากกาแลคซี่ทางช้างเผือก ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตรงเข้าหาพลังงานลบของกาแลคซี่อันโดรเมดา ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ากาแลคซี่ทางช้างเผือกหลายพันเท่า การ พุ่งปะทะของพลังงานบวกกับพลังงานลบ และการพลิกวงโคจรของดาวถ่วงดุลในครั้งนี้ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ของ แสง เสียง การสั่นไหว และน้ำในโลก ดังรายละเอียดต่อไปนี้

    1. ในเวลาประมาณบ่ายสามโมง (15.00 น.) จะมีแสงสว่างวาบมาจากท้องฟ้า เป็นแสงมหัศจรรย์ มีประกายเจิดจ้าอย่างไม่มีประมาณ ไร้สิ่งเปรียบเทียบ เพราะเป็นแสงที่เกิดจากการปะทะ พุ่งชน เสียดสีของพลังงานบวกกับพลังงานลบจากสองกาแลคซี่ ทั้งดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ ต่างได้รับแสงสว่างนี้ถ้วนทั่วกัน รวมทั้งมนุษย์ในโลก เสียงโจษขานอึงคะนึงจากกลุ่มคนทั่วทิศทาง ถามไถ่กันขรมว่าเป็นแสงอะไร หากได้ยินเช่นนี้แล้วให้รีบหลับตาหลบอยู่ในที่พักอาศัย ไม่ต้องติดตามมวลชนออกไปเพื่อหาต้นกำเนิดของแสงบาดตาที่มีอานุภาพทำให้ตาบอด ได้ทันที

    2. ถัดมาในตอนกลางคืนเวลาประมาณสามทุ่ม ( 21.00น. ) ถึงวาระที่ดาวอาคันตุกะหรือดาว ถ่วงดุลจะได้ทำหน้าที่ถ่วงดุลโดยมิได้ตั้งใจ หากแต่เป็นเพราะ ถึงเวลาต้องโคจรออกจากระบบ สุริยจักรวาลแล้ว ดาวถ่วงดุลจึงโคจรเคลื่อนที่ออกจากแนวเรียงตัวทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่วงโคจรเดิม คือมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ด้วยมวลขนาดมหึมาและเข้ามาเรียงชิดติดกับโลกซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาด เล็กกว่ามาก จึงส่งอิทธิพลแรงดึงดูดอย่างมหาศาลต่อโลก สามารถ ดึง เบียด และ พลิกแกนขั้วโลกที่ชี้ทิศเหนือ ให้หันไปทางทิศตะวันออกได้ทันที กระบวนการ ดีดตัว พลิกตัว ของดาวถ่วงดุล และการพลิกเปลี่ยนทิศของแกนขั้วโลก ทำให้เกิดเสียงดังกึกก้องกัมปนาท เป็นพลังงานเสียงที่มีอัตราความดังสูงเกินพิกัด เสียงคำราม แผดก้อง เขย่าขวัญ เกินประมาณดังมาจากทั่วสารทิศ ทำให้แก้วหูแตกได้ฉับพลัน จึงควรหาอุปกรณ์สำหรับอุดหูเพื่อป้องกันแก้วหูแตก หรือขวัญผวาไปกับการได้ยินสรรพสำเนียง แปลกประหลาดที่บาดหู บาดใจ เหล่านั้น

    3. การปะทะกันของพลังงานบวกกับพลังงานลบ ทำให้แสงมีคลื่นความถี่สูง การพลิกวงโคจรของดาวถ่วงดุลและแกนโลก ทำให้มีอัตราความดังของเสียงอย่างไม่มีประมาณพุ่งเข้ามาในโลกเต็มชั้น บรรยากาศ แผ่นดิน ผืนน้ำ แผ่นหินเปลือกโลก เป็นสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง โลกตกอยู่ในความมืดสนิทอย่างไม่รู้วันรู้เวลา ถึงนาทีชีวิตที่ต้องพึ่งพลังพีระมิดจากหลอดแกนชนิดเจาะ 4 รู ซึ่งนอกจากช่วยขับโมเลกุลสีแดงอมม่วงของน้ำจากดวงจันทร์ออกจากร่างกายแล้ว ในวาระนี้ยังทำหน้าที่เป็นแกนพลังงานให้จิตเกาะเกี่ยว ไม่เสียสติไปในช่วงที่มีแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงเกินมาตรวัด

    4. ถึงเวลาของคลื่นความถี่สูง ที่เกิดจากการปะทะของพลังงานบวกกับพลังงานลบ รวมทั้งการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง จะส่งผลกระทบต่อแผ่นน้ำแข็งที่เกิดจากคาร์บอนมอนนอกไซด์ ซึ่งสามารถแก้ไขและป้องกันโดยใช้พลังพีระมิดจัดเรียงเป็น เครื่องสลาย เมฆ หมอก ฝน หิมะ (A DEVICE TO MELT CLOUDS, DISINTEGRATE FOG AND THAW SNOW.) ใช้ประโยชน์ได้ไกลในรัศมีโดยรอบประมาณ 5 กม. เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฝนตก ฟ้าผ่า และการหล่นจากท้องฟ้าของแผ่นน้ำแข็งที่เกิดจากคาร์บอนมอนนอกไซด์ กระแทกกระหน่ำซ้ำเติม ทำให้การเผชิญสถานการณ์ของมวลมนุษยชาติเลวร้ายยิ่งขึ้นอีก

    5. เตรียมอาหารเสริมพลังพีระมิด รัดเก็บติดไว้กับตัวเพื่อประทังชีวิตยามรู้สึกหิว ทานอย่างน้อยวันละ 3 เวลา ตลอดช่วงเวลา 3 วัน 3 คืน และดื่มน้ำให้มาก พลังมโนธาตุและพลังปราณในอาหารเสริมพลังพีระมิดเป็นพลังงานละเอียดที่จำเป็น ต่อการดำรงอยู่ของจิตและกาย ในภาวะคับขันเป็นอย่างยิ่ง

    หากเตรียมตัวพร้อมและปฏิบัติตนด้วยความไม่ประมาท จะสามารถรักษาชีวิตรอดไว้ได้ มีโอกาสเริ่มชีวิตใหม่กันอีกครั้งกับขั้วโลกตะวันออก

    ตลอดระยะเวลาประมาณ 13,000 ปี ในอนาคตข้างหน้า “พีระมิด” ซึ่งมีรากฐานมาจากอารยธรรมของชาวแอตแลนตีส จะถูกนำมาใช้เป็นวิชาหรือศาสตร์พื้นฐานที่สำคัญของวิวัฒนาการทางจิต หรือวิทยาศาสตร์ทางจิตอีกครั้ง และหากเมื่อถึงปลายยุคหน้า เมื่อวิทยาศาสตร์ทางจิตเริ่มก้าวสู่จุดอิ่มตัวและจุดเสื่อม เหตุการณ์การเรียงตัวของกลุ่มดาวในระบบสุริยจักรวาลจะเกิดขึ้นอีกครั้ง และแกนขั้วโลกตะวันออกจะหันหลับไปหาขั้วโลกทางทิศเหนือ เป็นการรื้อบ้านหลังเก่าที่ผุพังทิ้งและสร้างบ้านหลังใหม่กันอีก สลับไปมาเช่นนี้เป็นรอบๆ ดังความรู้ที่ปรากฏเป็นหลักฐานในปฏิทินมายัน ซึ่งเป็นปฏิทินทางดาราศาสตร์ ที่บอกเล่ารายละเอียดถึงเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ระบบสุริย จักรวาลโคจรเคลื่อนที่ผ่านทั้ง 3 กาแลคซี่ในรอบเวลา 1 วันจักรวาล หรือ 26,000 ปี ตามเวลาของโลก

    มนุษย์ในยุคพลังงานน้ำมันนี้ มีโอกาสดีที่ได้ร่วมรับรู้ และมีส่วนร่วมในประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะเรียบเรียงได้ทั้งหมด เป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าแก่การจดจำ จารึก และจะกล่าวขานเป็นตำนานอีกครั้ง ตามกาลเวลาที่ผ่านไปเนิ่นนาน เฉกเช่นเดียวกับตำนานของมหาอาณาจักรแอตแลนตีส ที่ล่มสลายไปเมื่อ 13,000 ปีที่ผ่านมา และทุกท่านคงจะเห็นพ้องต้องกันแล้วว่า “สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา ตามกาละของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ สลาย” วนไปมาเป็นรอบๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุดตลอดไป

    เรียบเรียงโดย จีรพันธุ์ ประศาสน์วุฒิ
    9 พฤศจิกายน 2554

    ..........................................................................................................................................
    ข้อมูลพระอาจารย์รัตน กับพระคุณลุงคนเชียงใหม่ บอกถึงเหตุการณ์และปรากฏการที่เกิดขึ้นได้อย่างสอดคล้องไปในแนวเดียวกัน องค์ความรู้พระอาจารย์รัตนยังกล่าวถึง อิทธิพลของ PX หรือดาวอาคันตุกุะที่ทำให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ลองอ่านและพิจารณาเทียบเคียงกันดู ครับ..

    ...........................................................................................................................................<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 ตุลาคม 2012
  17. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649

    ลองอ่านกระทู้...นี้ครับ

    บันทึกของพระคุณลุงคนเชียงใหม่ถึงหลานๆ เรื่องภัยพิบัติ



    .
     
  18. apichayo

    apichayo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    488
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,936
    ติดตามข้อมูลท่านปุณะมาพอสมควรแล้ว จะหาโอกาสไปเยี่ยมสักครั้งครับ
    อยู่ไม่ไกลกันเท่าไร ประมาณ 20 กิโลเมตร จากตัวเมืองนครพนม

    ขอบคุณครับ


    http://palungjit.org/threads/ศาสตร์...ทางโลกและทางธรรม-หลวงปู่ดู่-พรหมปัญโญ.362660/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 ตุลาคม 2012
  19. apichayo

    apichayo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    488
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,936
    รวมคำทำนาย ภัยพิบัติครั้งใหญ่

    สรุปคำทำนาย ภัยพิบัติ (2012 -2013)

    1.) บันทึกของพระคุณลุงคนเชียงใหม่ถึงหลานๆ เรื่องภัยพิบัติ
    (รายละเอียด ตามกระทู้ด้านบน หน้าที่ 5 )

    2.) หลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูล

    พูดถึงภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่นานนี้...
    ประมาณ ปี 2541 หลวงปู่สรวง ท่านแวะมาที่วัดของ หลวงพ่อลมัย ในช่วงเข้าพรรษา และก่อนท่านจะจากไปท่านพูดเป็นภาษาเขมรกับหลวงพ่อลมัยว่า

    "พ.ศ. 2550 ถึง 2555 หางนาคกวาดน้ำให้โลกมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว กำลังจะกวาดน้ำขึ้นมาล้างโลก จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ คนไม่ดีไม่มีศีลธรรมจะล้มตายมาก ส่วนคนดีมีศีลธรรม จะอยู่รอดปลอดภัยได้"

    หลวงพ่อลมัย ได้ถาม หลวงปู่สรวง ว่าถ้าน้ำท่วมมากขนาดนั้นคนดีก็คงไม่รอดเหมือนกันจะให้ทำอย่างไร หลวงปู่สรวงบอก 'คาถาเป่าน้ำ' ให้ไม่ท่วมร่างกายแก่หลวงพ่อลมัยว่า

    "อุ้ม เกรอะ เกรอะ เกรอะ เตียงตึ๊ก เกรอะ ตึงได อุมสติสวาหะ"

    ต่อไปเป็นบทคัดลอกตอนที่ หลวงพ่อลมัย พูดถึงภัยพิบัติตามคำบอกเล่าจาก หลวงปู่สรวง

    ถาม (ทีมงานลานโพธิ์) - หลวงปู่สรวง เคยสอนวิชาอะไรให้หลวงพ่อมั้ย ?

    ตอบ (หลวงพ่อลมัย) - เคยสอน แต่โยมจะได้มั้ย เคยสอนว่า ต่อไปนะ เผาของหลวงพ่อสามวันสามคืนไม่หมด พวกยา พวกอะไร หลวงพ่อให้ก็รับ เผาโยนใส่กองไฟ ให้อะไรก็รับ แล้วก็เผา ตอนหลวงพ่อมา มีคนมาถวายเสื้อ ถวายทรัพย์ เผาหมด เขาว่ายั่งงี้ ..

    ต่อไปนี้ พ.ศ. 2555 คนเก่ง(พวกกบฏต่อพระเจ้าแผ่นดิน)อยู่ในเมืองไทย อยู่ที่ไหนก็ตามแต่ มุมไหนก็แล้วแต่ พ่อ - แม่ - ญาติพี่น้อง ไม่ต้องสู้ จะตายหมด น้ำทะเลตีข้างล่างได้ครึ่งโลกแล้ว ไม่ใช่ครึ่งประเทศนะ ครึ่งโลกแล้ว มาบอกให้หยุดนะ ไม่ต้องอยากชนะกันให้ออกไป อย่ามีเวร อย่ามีกรรม

    ครั้งที่สองบอกอีก เป็นภาษาเขมรว่า ให้ออกก่อน

    "พวกที่ทำลายศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้ออกไปก่อน นางนาคเป่าน้ำน้ำทะเลเต็มไปหมด"

    ให้มันไปแต่พวกนี้ ประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ กลับเข้ามาก็ตีท่วมภูเขา มีทั้งดินมีทั้งโคลน

    "พวกทำไม่ดีตายหมด" แกว่า...เทวดาตัดสินเอง เจ้ากรรมนายเวรตัดสินเอง หลวงพ่อไม่กลัว(ลป.สรวง) แล้วก็ไม่หนีด้วย หลวงพ่อนี่ในตัวสังขละ ท่านสร้างมาหลายวัดเหมือนกัน ไปอยู่ที่นั่นเขาเอาระเบิดเข้าไป สามปีมอบตัวกันหมด ที่ถนนดินแดงหลวงพ่อก็ไป

    ถาม - ที่ หลวงปู่สรวง พูดหมายความว่ายังไง ?

    ตอบ - แปลว่า ไม่ต้องกลัว 2555 นางนาคเป่าน้ำ ท่วมทั้งน้ำทั้งดิน ตายวอดวาย คนที่ไม่ดีตายหมด คนดีไม่ตาย

    "คนดีมันเป็น ไม่ตายจะรอด"

    ท่านบอกให้คอยดู แต่มาเป่านี่มันปี 2547 - 2550 ไม่ใช่สึนามินะ นางนาคสิเป่า ปี 55 แถวเราน้ำไม่มี เขาว่านางนาคเอาขึ้นข้างบน สามวันสามคืนก็เป็นลูกเห็บ ลูกที่หนึ่ง ลูกที่สอง ถูกใครตายระเนระนาด อย่าให้ถึงขนาดนั้น "คนดีไม่ตาย"

    แกว่างั้นนะ ถ้าคนมีศีลห้าไม่ถูก ก็เรา ไม่ได้กบฎพระเจ้าอยู่หัว คนที่กบฎ คนที่อยากชนะ ผืนแผ่นดินนี้ตายแน่ จะยึดแผ่นดินเป็นหลักแค่นั้นแหละ ...


    3.) ปู่อินทร์ตาทิพย์ (เขาตำแย)

    คำเตือนน้ำท่วมภาคกลาง +กรุงเทพจากปู่อินทร์ตาทิพย์แห่งเขาตำแยอ.ปักธงชัยเมืองโคราช อายุ 113 ปี (พ.ศ.2555)

    ปู่บอกว่าภัยพิบัติจะเกิดตามหนังสือพุทธทำนายไว้จะแรงบ้างหรือเบาบ้างขึ้นอยู่กับว่าครูบาอาจารย์ได้ช่วยไว้หรือไม่แต่ปลายปี 2555 ต่อเนื่องปี 2556 เหตุการณ์จะรุนแรงมากด้วยเหตุ3 อย่างหรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ประการแรกบ้านเมืองจะลุกเป็นไฟหาก.....ละสังขาร ประการสองพายุจะถล่มเมืองไทยและที่อื่นๆ ประการสามน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดในโลกหลายๆประเทศจะต้องเกิดเหมือนกันจะรุนแรงไปเรื่อยๆผู้คนจะตายมากเป็นประวัติการณ์ผู้คนจะเหลือแค่ 30% ของประชากรที่นั้นๆ

    ปัจจุบันนี้ผู้คนไม่มีศีลธรรมไม่ละอายแก่บาปเบียดเบียนซึ่งกันและกันไม่ใช่กรรมของใครๆแต่นี่คือวัฎฎจักรของโลกบ้านเมืองเจริญขึ้นแต่จิตใจมนุษย์เจริญลงนี่แหละกลียุคตามคำทำนายขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าพุทธโคดมเหตุดังกล่าวจะเบาลงและสิ้นสุดปี 2560 ผู้คนที่รอดพ้นจากภัยพิภัยคือผู้ที่ดำรงชีวิตอยู่ในศีลธรรมกตัญญูต่อบิดามารดาละอายแก่บาปจงเป็นผู้รู้ในกิเลสและผู้ตื่นจากกิเลสสุดท้ายก็ไกลจากกิเลส

    ภัยพิบัติที่จะเกิดเมืองไทยจะมีการเตือนภัยล่วงหน้าจากในหลวงของเราและท่านสมิทธธรรมสโรช (พูดแบบภาษาธรรมพระองค์ท่านในหลวงและคุณสมิทธมีสื่อจากผู้ดูแลมนุษย์ในโลกนี้จะบอกกล่าวล่วงหน้าให้ผู้คนเตรียมตัวหนีจากภัยที่จะเกิด) ส่วนเส้นทางหลบหนีปู่บอกว่าผู้คนจะหนีมุ่งหน้าไปทางถนนมิตรภาพและรถจะติดมากผู้คนต่างแย่งกันกุลาหนน่าดูและสุดท้ายหางแถวจะหนีไม่รอดนั้นเองสระบุรีตั้งที่องค์พระนั่งสูงตรงนั้นแผ่นดินจะยุบตัวลงเพราะข้างล่างใต้บาดาลเป็นน้ำวนกว้างมากๆ

    ส่วนถนนที่พอจะรอดก็คือกบินทร์-นครราชสีมา,นครนายกหรือ เส้นทางอื่นๆที่ไม่ใช่มิตรภาพแต่ส่วนมากผู้คนส่วนมากจะเลือกเดินทางเส้นถนน มิตรภาพมากเพราะไปได้ทั้งเหนือและอีสานขอเตือนไม่จำเป็นจะต้องไปอีสานอย่าง เดียวนะครับภาคเหนือก็ไปได้ส่วนน้ำท่วมนั้นท่วมแน่นอนครับทุกภาคทุกพื้นที่แล้วแต่จะหนักหรือเบาส่วนมากเมืองพญานาคทั้งหลายแห่งจะรอดมากกว่าที่อื่นๆแต่ก็ไม่เสมอไปหากละแวกของเมืองนั้นมีแต่คนไม่มีศีลธรรมก็ตายอยู่ดี

    (ปู่บอกแล้วเตือนแล้วจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่บุญของเขาแต่ผู้ที่ปฎิบัติธรรมส่วนมากจะรอดแม่บอกอย่างนี้)......


    ท่านได้เตือนเพิ่มเติมว่า ในปี 2555 ภัยเศรษฐกิจโลกจะแย่มากและซ้ำร้ายหนักในอีกปลายปี 2555 ต่อ 2556 ที่ปู่เห็นคือภัยพิบัติจากธรรมชาติที่รุนแรงมาก

    โดยในประเทศไทยภัยหนักที่ปู่เห็นชัดเจนคือน้ำท่วมแถบโซนจังหวัดภาคกลางโดยเฉพาะกรุงเทพและปริมณฑลโดยรอบเป็นบริเวณกว้างกินพื้นที่ติดต่อกันหลายจังหวัดหลายวันหนักมากกว่าทุกครั้งที่ประเทศไทยเคยประสบมาอุทกภัยที่เกิดขึ้นจากทั้งน้ำทะเลหนุน,น้ำป่าไหลหลากจากทางภาคเหนือมาสมทบแม่น้ำเอ่อท่วมฝนตกติดต่อกันหลายวันแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเมื่อไหร่

    แล้วระดับน้ำท่วมจะสูงขึ้นมากเรื่อยๆอย่างรวดเร็วจนอยู่กันไม่ได้หนีตายกันอลหม่านรถติดกันเป็นทางยาวทั่วทุกสายต้องหนีเพื่อเอาตัวรอดวุ่นวายไปหมด

    ที่เดือดร้อนมากคือจังหวัดที่ติดชายทะเล ,รวมทั้งจังหวัดที่ติดแม่น้ำสายใหญ่เช่นนนทบุรี ,สมุทรปราการ,สมุทรสงคราม,สมุทรสาคร,นครปฐม, ปทุมธานี ,อยุธยา, อ่างทองและอื่นๆอีกมาก

    ผู้คนส่วนใหญ่จะหนีมาที่ภาคอีสานเพราะเป็นที่ราบสูงน้ำท่วมไม่ถึง

    ท่านเตือนว่าถ้าจะหนีอย่าหนีออกมาที่เส้นมิตรภาพโคราช-สระบุรีเพราะผู้คนส่วนใหญ่จะหนีมาที่เส้นนี้เป็นหลักให้เลี่ยงไปทางนครนายกหรือสระแก้วปราจีนจะพอเอาตัวรอดได้

    ท่านเตือนว่า!!! ก่อนที่ช่วงเวลานั้นมาถึงให้ตระเตรียมเงินสดทองคำของมีค่าไว้ใช้ยามฉุกเฉินและเก็บรักษาไว้ให้ดีเพราะยามนั้นเงินทองเป็นของหายากคนก็เห็นแก่ตัวกันมากโจรผู้ร้ายชุกชุมเพราะต่างเอาตัวรอดเช่นเดียวกัน

    ซึ่งสอดคล้องกับคำทำนายของหลวงปู่สังวาลเขมโกวัดทุ่งสามัคคีธรรมจ.สุพรรณบุรี


    4.) หนังสืออินตก

    คอยดูในปีมะโรง คนจะเดินโก่งโค คลาน ผู้ใดอยากพบผู้มีบุญชื่อพระยาธรรมิกราชให้ภาวนา ให้หมั่นรักษาศีล สดับรับฟังพระธรรมเทศนา คอยดูปีมะเส็งตลิ่งจะพัง มหาสมุทรจะชอกช้ำ อย่าเที่ยวไปกลางแจ้ง ท่านเข้ามาปีกุน เดือน 8 เป็นเที่ยงแท้ ผู้ใดไม่เชื่อจะรับอันตราย คอยดูในปีจอ คนจะพ้นภัย


    5.) องค์ความรู้พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ

    องค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้กล่าวถึงมหันตภัยโลกครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ว่า เป็นปรากฏการณ์ของการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลก ที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดา เมื่อเวียนมาครบรอบ 13,000 ปี นั่นหมายความว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไปประมาณ 13,000 ปี โลกเราจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกายภาพใหม่กันอีกครั้ง และเป็นเช่นนี้เสมอ ไม่ใช่เป็นเหตุการณ์ประหลาด และจำเพาะจะต้องเกิดขึ้นในยุคนี้เท่านั้น มหันตภัยที่จะเกิดขึ้นเปรียบเหมือนกับการรื้อบ้านหลังเก่าทิ้ง เพราะใช้อยู่อาศัยมานาน จนเสา พื้น ฝ้า เพดาน หลังคา ผุ รั่ว เกินความสามารถที่จะซ่อมแซมให้ดีได้ดังเดิม การรื้อและสร้างใหม่จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

    ผู้ที่จะก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในแต่ละครั้ง ต้องอาศัย “แสงสว่าง” ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิด

    1. แสงแห่งธรรม หมายถึง การบรรลุธรรม บุคคลผู้สามารถเข้าถึงแสงสว่างของจิตได้แล้ว บุคคลผู้นั้นย่อมพ้นทุกข์ ก้าวผ่านมหันตภัยครั้งยิ่งใหญ่นี้ได้อย่างแน่นอน

    2. แสงสว่างที่ปลายทางรอด เป็นเทคนิคของการแสวงหาทางรอดของครู อาจารย์ ผู้รู้ แต่ละท่าน ที่จะช่วยเหลือลูกศิษย์ ด้วยการให้ปัญญา แนวทางเพื่อรักษาชีวิต และการอยู่รอด ด้วยวิธีการที่แตกต่างกันตามความชำนาญ ความเป็นเลิศ ของแต่ละองค์ แต่ละท่าน สำหรับพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ท่านได้แนะนำการใช้ “พลังพีระมิด” มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 นับเป็นเวลาร่วม 15 ปีแล้วที่พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณได้บอกถึง “เหตุ” การเปลี่ยนแปลงของระบบสุริยจักรวาลมาโดยตลอด และ “เหตุ” สุดท้ายของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เกิดจากการเรียงตัวของดาวทุกดวงในสุริยจักรวาล รวมทั้งดาวอาคันตุกะ จากนอกระบบสุริยจักรวาล ซึ่งเดินทางมาเยือนในทุกๆ รอบ 13,000 ปี

    [​IMG]

    ดาวอาคันตุกะดวงนี้มีมวลขนาดใหญ่มาก ใหญ่กว่าดาวพฤหัสหลายเท่าตัว เป็นดาวเคราะห์สีแดงลักษณะกลมรี คล้ายลูกรักบี้ และในอนาคตจะโคจรเข้ามาเรียงตัวอยู่ติดกับโลกของเราเลยทีเดียว

    ปรากฏการณ์เรียงตัวของดวงดาว 12 ดวงนี้ จะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 55 – 14 ก.พ. 56 ซึ่งหมายความว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว พลังงาน แรงดึงดูด จากดาวทุกดวง จะมีมากที่สุด จนถึงขั้นสามารถทำให้แกนขั้วโลกจากทิศเหนือ-ใต้ พลิกเปลี่ยนเป็นชี้ไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก และ ในอนาคตเราจะเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแทนทิศตะวันออก

    ขอ เรียนย้ำอีกครั้งว่า การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลกจนถึงขั้นเปลี่ยนขั้วโลกใหม่ได้นั้น ไม่ได้จำเพาะว่าจะต้องเกิดขึ้นในวันที่ 21 ธ.ค. 55 เพียงวันเดียว แต่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัน ระหว่างวันที่ 21ธ.ค.55 จนถึงวันที่ 14ก.พ.56 (56วัน) กำหนดวันเกิดเหตุที่แน่นอน พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ จะติดตามและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของพลังงานอย่างต่อเนื่อง จึงจะสามารถระบุวันเกิดเหตุได้อย่างแม่นยำอีกครั้ง

    แต่ในอนาคตเมื่อใกล้กับวันเกิดเหตุการณ์จะมีสิ่งบอกเหตุที่สำคัญคือหากมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้านทิศเหนือ มนุษย์จะเห็นว่าตำแหน่งของดาวเหนือเปลี่ยน ราวกับว่าอยู่ไกลออกไปมากกว่าแต่ก่อน จึงพลอยทำให้แสงสว่างของดาวเหนือลดลงด้วย ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วดาวเหนือยังคงอยู่ที่เดิม แต่แกนขั้วโลกต่างหากที่กำลังเปลี่ยนทิศ ซึ่งสื่อความหมายว่า ขั้วโลกพร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนขั้วจากเหนือ-ใต้ เป็นขั้วตะวันออก-ตะวันตก

    (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ในบทโพสต์ก่อนหน้านี้)


    อัพเดท - ข้อมูลจากพระอาจารย์รัตน์

    ตอนนี้สามกาแลคซี่ ได้หมุนไปทางเดียวกันแล้ว คือ ตามเข็มนาฬิกา
    (ทางช้างเผือก ไตรแองกูลั่ม แอนโดรเมดร้า) ตั้งแต่วันพฤหัสที่แล้ว 14 กรกฎาคม 2554 จะทำให้พลังงานไปทางเดียวกัน และพลังงานเสริมกัน ทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้ถี่ และแรงขึ้น และภูเขาไฟจะเริ่มปะทุกันมากขึ้น

    ส่วนพลังงานที่จะเปลี่ยนแปลง คือ ช่วงเวลา 21 ธันวาคม 2555 - 14 กุมภาพันธ์ 2556 เราจะเข้าพลังงานดี เป็นของไตรแองกูลั่ม เป็นช่วงที่ความเจริญทางจิตจะเกิดขึ้น เป็นยุคเริ่มต้นของวิทยาศาสตร์ทางจิต คนจะมีอภิญญากันง่าย และจะบรรลุธรรมกันง่ายและมากขึ้น

    ข่าวจากพระอาจารย์รัตน์

    พระ อาจารย์ยังยืนยันว่าอิลินิน คือ ดาวถ่วงดุลย์ในปฏิทินมายัน เป็นดาวที่ให้คุณ ตอนนี้เค้าโดนความว่างของดวงอาทิตย์กลืนอยู่ (จากการโคจรเข้าไปใกล้ดวงอาทิตย์และธาตุลบของอิลินินปะทะกับธาตุลบของดวง อาทิตย์จนกลายเป็นความว่าง) แต่จะกลับมาให้เห็นอีกในกาลหน้า ส่วนนิบิรูพระอาจารย์ยังไม่ให้ความสำคัญในตอนนี้

    ส่วน วันที่ 21 ธันวาคม 2012 ช่วงนั้นจะยังไม่มีอะไรหนักๆ ให้เห็น แต่พระอาจารย์ ให้ช่วงเวลานั้นปลายปี 2012 ถึง กุมภาพันธ์ 2013 ซึ่งตอนนั้นจะมีทั้งแกนโลกพลิก ภัยธรรมชาติใหญ่ๆ มากมาย และผู้คนจะล้มตายกันมาก

    ตอนนี้ พลังงานที่อยู่กาแลคซี่ของเราถูกบีบอัด ดาวต่างๆ ในระบบสุริยะเปรียบเสมือนพายเรือในอ่าง ข้ามขอบไปไม่ได้ เพราะพลังจากกาแลคซี่ใหญ่อันโดรเมดร้าเบียดอยู่ จะเป็นอย่างนี้เรื่อยๆ จนในที่สุดกาแลคซี่เราจะถูกเบียดจนไปอยู่ในกาแลคซี่ไตรแองกูลั่ม (ซึ่งวงโคจรของระบบสุริยะเราคือ 26,000 ปี เราจะไปอยู่ไตรแองกูลั่ม 13,000 ปี และกลับมาอยู่ทางช้างเผือก 13,000 ปี) ซึ่งพวกเราจะอยู่ในระดับพลังงานที่ดี และจะมีความเจริญทางจิตมาก ปฏิบัติธรรมก็จะได้ผลเร็ว เป็นต้น

    ในช่วงปลายปี 2012-กุมภา 2013 ทางกายภาพของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะแรงอัด อีกพร้อมทั้งทางด้านพลังงาน พลังงานที่ไม่ดีจะเข้ามามาก คนไหนที่จิตใจมีพลังงานเป็นสีดำพลังงานก็จะเข้ามารวมและทำให้เสียชีวิตในที่ สุด ส่วนจิตใจของคนที่เป็นสีขาวพลังงานลบอาจทำอะไรไม่ได้หรือทำได้ก็เล็กน้อย อาจมีการบอบช้ำบ้างแต่ก็จะมีโอกาสรอดได้มาก

    วงโคจรของดวงจันทร์ผิดเพี้ยนไป ตรงนี้มีผลโดยตรงกับน้ำที่มีต่อโลก

    ส่วน ดวงอาทิตย์ พวกเราอาจจะมีโอกาสเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก ก่อนหน้าที่จะมีเหตุการณ์ใหญ่ (การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพครั้งใหญ่) ให้สังเกตดีๆ ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนไปเรื่อยๆ จนในที่สุดจะขึ้นทางทิศตะวันตก

    ข่าวสารพระอาจารย์รัตน(โดยคุณ Falkman 28-02-2011)

    เมื่อวันเสาร์ได้มีโอกาสไปกราบพระอาจารย์รัตน์ ได้มีโอกาสสนทนาและท่านได้เมตตาตอบคำถามที่พวกเราถามกัน

    ท่านบอกว่า ท่านเคยบอกลูกศิษย์ของท่านไว้ตั้งแต่ทองบาทละ 4,200 บาท ให้เก็บทองไว้ เพราะทองจะขึ้นถึง สองหมื่น และเมื่อทองแตะสองหมื่น คือ จะมีเหตุการณ์หลายๆ อย่างเกิดขึ้น ท่านบอกว่าตอนนี้ทองแตะสองหมื่นหรือยัง? เห็นไหมมันมีเหตุการณ์หลายๆ อย่างในหลายประเทศ แล้วท่านก็ถามว่าทองแตะสองหมื่นเมื่อไหร่ เลยตอบท่านว่าประมาณต้นปี (นี่คือจุดเริ่มแล้ว)

    แล้วท่านเสริมว่าให้ดูราคาน้ำมันนะ เป็นอีกจุดสังเกตหนึ่ง คือ ถ้าราคาน้ำมันไปแตะที่ 150 ดอลล่าร์/บาร์เรล ตอนนั้นเศรษฐกิจโลกจะพังคลืน ให้จับตาดูไว้จะได้ไหวตัวทัน

    ถามท่านว่า แล้วพระอาจารย์คิดว่า เมืองไทยจะเกิดภัยจากสงคราม(ทะเลาะกัน) หรือภัยพิบัติจะมาก่อน ท่านบอกว่า อาตมาคิดว่ามันมาพร้อมกัน คือ มีสองฝ่ายทะเลาะกันอย่างแรง แต่ฝ่ายหนึ่งคิดว่าตัวเองกำลังชนะ ยื้อกันไปมา แล้วอีกแป๊ป แผ่นดินยุบลงไป คนลงไปตาย ที่เหลือเห็นด้งนั้นเลิกทะเลาะกันทันที กลับตัวได้

    แล้วท่านก็เสริมว่า อาตมาก็คิดๆ นะว่า คนกรุงเทพเค้าก็ทำบุญกันมาเยอะ บุญจะไม่ช่วยเค้าเชียวหรือ แล้วท่านก็เห็นว่าถึงแม้จะมีกรรมแต่ก็มีบุญดีที่มาช่วยคือ เช่น ถ้าน้ำจะท่วมกรุงเทพถาวร จะมีของเทียมมาก่อน เช่น จะมีน้ำท่วมหลอกๆ ขังไว้ระยะหนึ่งแล้วลด แล้วคนกรุงเทพจะรู้ว่า อือ อยู่ไม่ได้แล้วนะ ต้องเตรียมอพยพ แล้วของจริงจึงจะตามมา

    ท่านบอกว่า ตอนนี้อาตมาทำเครื่องเรียกฝน ปรับอากาศ แต่ตอนนี้ยังไม่เป็นที่เผยแพร่เท่าที่ควร อาตมาทำแล้วได้ผลดีไปขอดูได้ มีติดตั้งไว้หลายที่ แต่ยังขาดคนช่วยเผยแพร่ อาตมาเป็นพระลำบากที่จะไปเผยแพร่ ท่านทำหน้าที่ของท่านแล้วโดยการคิดค้นเครื่องมือ อยากให้ผู้คนไปช่วยเผยแพร่ จะได้ช่วยลดมลภาวะ (ช่วยๆ กันหน่อย อันนี้เติมเอง )

    ถามท่านว่า ที่ท่านเคยบอกว่า จะมีลูกน้ำแข็งใหญ่ๆ หล่นมาจากฟ้า มันจะเกิดเพราะอะไร เป็นอย่างไร ท่านตอบว่า ตอนนี้บรรยากาศมีละองน้ำมันลอยอยู่ (คาร์บอนมอนน๊อกไซด์) แล้วพอเกิดกระทบกับคลื่นความถี่สูง (ไม่แน่ใจว่าเป็นพวกรังสีแกมม่าหรือเปล่า อันนี้เดาเอา) ท่านบอกว่าอาตมาไม่รู้ว่าอะไร แต่รู้ว่าเป็นคลื่นความถี่สูง เมื่อมากระทบกับไอพวกนี้ ก็จะจับตัวกันเป็นก้อนน้ำแข็งแล้วหล่นมาเป็นลูกๆ เลย (ใหญ่มาก)

    อีกเรื่องคือ ถามท่านเรื่องตอนนี้มีน้ำท่วมอินโดอย่างไร้ฝน และมีเสียงแผ่นดินไหวคำรามจากใต้ดิน ท่านบอกว่า ตรงใต้อินโดมีหลุมขนาดใหญ่ที่เกิดจากเส้นแรงแม่เหล็กตี อินโดอาจจะหล่นไปในหลุมนี้ได้ ให้สังเกตแก๊สด้วย ถ้าตรงไหนมีหลุมมีกลิ่นแก๊สให้รีบย้ายออก มันเกิดขึ้นที่ทะเลด้วย เลยทำให้ปลาตายจำนวนมาก แล้วปลามันก็หนีมาที่อ่าวไทย มาตายกันตรงนี้

    เลยเล่าให้ท่านฟังเรื่องปลาตายจำนวนมากที่ระนองปลายปีที่แล้ว ที่ชาวประมงดำน้ำลงไปจับปลาแล้วน้ำร้อนขึ้นมาทำให้ดำลงไปไม่ได้ แล้วเจอฟองอากาศปุดๆ มาจากใต้ทะเล และมีกลิ่นแก๊สด้วย หลังจากนั้นปลาก็ตายจำนวนมาก ท่านบอกว่านั่นแหล่ะแสดงว่าข้างล่างมีหลุมใหญ่อยู่



    6) หลวงปู่สังวาล เขมโก

    ข้อความที่เกี่ยวเนื่องกับคำทำนายเรื่องภัยพิบัติที่หลวงปู่สังวาลย์เขมโกบอกหลวงพ่อสนองกตปุญโญไว้มีดังนี้

    “อาตมาไม่เคยคิดจะอยู่ที่เจริญมาอยู่สังฆทานกะว่าอายุ 45 ปีจะเข้าป่าวางแผนไว้อย่างดีเดี๋ยวทำเสร็จยังกับตัวเองเนรมิตได้อายุ 45 ปียังไม่มีอะไรทำมา 45 ปีวัดเจริญฉันไปแล้วมันไปไม่ได้เราคนหมู่มากต้องสงเคราะห์ญาติไปก็ต้องเอากันไปให้หมดภัยมาเราไม่ปกป้องคนเขาลงเราต้องปกป้องหลวงปู่สังวาลย์ท่านพยากรณ์ไว้ที่จริงอาตมาไม่อยากออกทีวีหรอกเพราะเดี๋ยวคนจะตื่นตัวแต่ก็ดีแล้วพวกที่คนทั้งหลายมันหลงมันจะได้เบาลงแต่ว่าบางทีอาจจะด่าเราก็ได้ว่าหลวงพ่อเพ้อเจ้อ.. หลวงปู่สังวาลย์พูดให้ฟังบอก...สนอง...ไม่ช้าพวกเราก็ตายแล้วแต่โลกนี้จะเดือดร้อนแต่ถ้าเราอยู่ถึงก็จะเห็นภัย 3 อย่าง

    น้ำจะท่วมภาคใต้ฝั่งตะวันตกตายกันเยอะครั้งที่1
    แล้วก็ตายไม่เท่าน้ำท่วมกรุงเทพกรุงเทพนี่น้ำท่วมมากท่วมตึก 4 ชั้นเลยสนอง...เตรียมน้ำมันรถไว้ให้ดีนะเตรียมรถให้ดีอย่าใช้รถเก่านะถ้ามันท่วมกรุงเทพเนี่ยฝนจะตก 7 วัน 7คืนฟ้าจะมืดหมดไม่มีแสงอาทิตย์แสงตะวันแล้วไฟดับหมดเงินไม่มีค่าเงินไม่มีความหมายเอาข้าวตากไว้ดีกว่าตอน 7วัน 7คืน

    ..อาตมาอดได้ไม่ตายหรอกแต่คนอื่นจะตายหรือเปล่าเพราะอาตมาเคยอดมาตั้ง19 วัน 15 วันอดได้มีน้ำอยู่ได้เพราะผ่านวิกฤตินี้มาแล้วแต่พวกคนไม่เคยอดกิน 3 มื้อนี่วันจะตายหรือเปล่าจะท่วมกรุงเทพคนจะตายกันเยอะท่านบอกเราที่วัดอีกครั้งหนึ่ง เวลาฝนตก 7 วัน 7 คืนถ้าน้ำท่วมมาถึงชลบุรีโกยเลยนะไปโน้นเลยสระบุรีไปเขาใหญ่เลยจะไม่ตาย...

    เราจะโกยไปทำไมคนเดียวล่ะคลื่นยักษ์มาถึงชลบุรีท่วมภูเขามาเลยท่วมไปถึงวัดทุ่งน่ะวัดทุ่งนี่เรานั่งพื้นน้ำเปียกหัวเรือเลยนะน้ำไปสุดนครสวรรค์...เราบวชมานานเชื่อเราสิ

    แล้วก็จะเกิดสงครามพระสงครามพระจะไปลุกทุกหย่อมหญ้าเลยสงครามพระจะเกิดเชื่อเราไหมก็ยังไม่เห็นเชื่อก็ไม่ได้จะไม่เชื่อก็ไม่ได้นั่งเฉยก่อนเรากรรมฐานมานานท่านบอกว่ามันเป็นกรรมของคนไทยไปดูสิเดี๋ยวเราตายวัดทุ่งก็เหมือนกับวัดหลวงพ่อสำเภาที่ลพบุรีน่ะเมื่อตอนหลวงพ่อเภาอยู่นี่เจริญมากคนกรุงเทพขึ้นอุดมสมบูรณ์มากทุกวันนี้วัดเงียบเลยอยู่ที่ลพบุรีเราอยากจะพาพวกลูกศิษย์ไปดูตอนที่หลวงปู่สังวาลย์อยู่อุดมสมบูรณ์เราอยากจะพาไปดูมันจะได้รู้ว่าสิ้นเราแล้วเนี่ยสุนัขก็อดข้าว...ท่านพูดไว้นะ

    หลวงปู่สังวาลย์พูดเรื่องอนาคตให้ฟังต่อไปว่าให้เตรียมตัวไว้นะเราก็ถามว่าหลวงพ่อแก้ไม่ได้เลยเหรอพอไม่นานน้ำก็ท่วมท่วมภาคใต้เกิดสึนามิตอนนั้นอาตมากลับมาจากต่างประเทศมีเงินแค่ 4,000 บาทบอกให้บัญชีดูเงินว่ามีเงินพอไหมไม่ใช่เงินในธนาคารนะเงินอยู่ในตู้บริจาคน่ะมีแค่ 4,000 บาทเอา 4,000 บาทไปซื้องของเลยเอารถบัสไปเลยซื้อของแล้วซื้อแก๊สไปช่วยภาคใต้คลื่นสึนามิบ้านช่องหายหมดแล้วคนก็ไม่มีบ้านบ้านก็ไม่มีคนบอกกันว่าอยู่ที่วัดบ้านน้ำเค็มเราก็ส่งของไปอีกก็หาเอาเงินซื้อพอไปถึงที่ก็จริงอย่างหลวงปู่ว่าคนจะตายกันเยอะเคยเล่าไปแล้วไม่เล่าต่อแล้วนี่คือคำพยากรณ์ของครูบาอาจารย์

    เหลืออีกสองอย่างที่ยังไม่จริงยังไม่ถึงศึกพระกับน้ำท่วมกรุงเทพคนจะตายกันเยอะตายมากกว่าคราวนี้ท่านไม่บอกปีนะท่านเตือนบอกให้ระวังตัวเตือนเราว่าให้ดูฝนตก 7วัน 7คืนฟ้ามืดไฟจะดับหมดสงสัยจะมีพายุอย่างแรงไฟฟ้าสงสัยจะดับหมดแต่อาตมาจะมีวิธีไปเดี๋ยวจะพาไปไม่ตื่นตูมเป็นคนไม่ตื่นตูมเชื่อก็เชื่อแต่ไม่ตกใจจะไปอย่างสวยๆถ้าจะตายก็ตายอย่างเตรียมตัวตายก่อนตายยิ้มตายอาตมาจะไม่ร้องไห้

    เพราะฉะนั้นคนเรานะมันต้องตายวิบัติมันเกิดขึ้นเราไม่อยากให้เกิดวิบัติวิบัติอย่างนี้เราไม่อยากได้แต่ว่าป้องกันไม่ได้

    มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลวงปู่สังวาลย์ เขมโก วัดทุ่งสามัคคีธรรม ได้บอกกล่าวกับฆราวาสกลุ่มหนี่งว่า น้ำจะท่วมใหญ่ให้รีบทำบุญ

    "เมื่อน้ำท่วมจะมีกองถั่วอยู่ 4 กอง กองที่ 1 จะไหลไปกับน้ำอย่างรวดเร็ว หายไปเลย กองที่ 2 จะไหลไปกับน้ำ บางเมล็ดก็จะสามารถเกาะเกี่ยวอยู่ได้รอดจากน้ำ แต่ก็ร่อแร่เต็มที กองที่ 3 จะกระทบเพียงเล็กน้อย เพราะสงสารกองที่ 2 เลยต้องอาสา กองที่ 4 ไม่กระทบกระเทือนใดๆ เลย"

    "หลวงปู่กำลังหมายถึงว่ากองถั่วนั้นคือคนใช่ไหม"

    "ใช่ "

    "กองที่ 1 ไปทั้งคนทั้งบ้าน ทั้งรถ ทุกอย่างจมหายไปเลย"

    "กองที่ 2 ไปบ้าง ก็รอดบ้างหรือคะ"

    "ใช่ กองที่ 3 คือคนที่ปฏิบัติธรรม มีศีลธรรม กระทบเพียงเพื่อส่งสาร ขอความช่วยเหลือเขา ส่งข้าวส่งน้ำเท่านั้น"

    "ถ้าอย่างนั้นกองที่ 4 ก็คือพระอริยเจ้าหรือเจ้าคะ"

    "ถูกต้อง ไม่กระทบเลย แม้แต่ใจก็ไม่กระทบ"

    ท่านว่าอย่างนั้น และเมื่อก่อนจะเกิดสึนามิ ท่านก็ยังบอกด้วยว่าเมื่อมารวมตัวเลย ในการเคยสร้างความชั่วเอาไว้ ก็จะเกิดขึ้นด้วยการรับกรรมร่วมกันอีกต่อไป

    ท่านบอกต่อไปว่า ให้ท่องคาถา "วิรูปักเข" เอาไว้มากๆ มันเป็นทีของพวกสัตว์มีเขี้ยวทั้งหลาย งู ตะขาบ แมงป่อง ฯลฯ ท่านว่าอย่างนั้น มีพระอีกหลายรูปที่ท่านพูดเอาไว้ ส่วนใหญ่เป็นพระอริยะทั้งสิ้น จึงเชื่อ เพราะเห็นมากับตาแล้วมากมาย


    7) หลวงปู่ประเสริฐ

    พระผู้มีอภิญญาฤทธิ์นามว่า"หลวงปู่ประเสริฐ" สำนักสงฆ์ของท่าน อยู่ติดกับ "วัดซับปลากั้ง" ลำพญากลาง ต.ลำสมพุง, อ.มวกเหล็ก, จ.สระบุรี ท่านฝากเตือนมาว่าเวลาของโลกมนุษย์เหลือน้อยแล้ว น่าสงสารสัตว์โลก

    "หลวงปู่ประเสริฐ" ท่านมีอภิญญาสูง มีฤทธิ์มาก เมย์เห็นมากับตาหลายครั้ง และลูกศิษย์ ก็เห็นมาหลายคน

    เมย์ ไปพบท่านเมื่อไม่นานมานี้เอง ไปกับกลุ่มของเพื่อนคุณพ่อ วันนั้นไปกันราว 10 คน พวกเรานั่งรถตู้ของเพื่อนคุณพ่อเมย์ นั่งรถตู้จากกรุงเทพ 8.00 น. กว่าจะถึง สำนักสงฆ์ของท่าน ก็เกือบเที่ยง เส้นทางวกวน เหมือนเขาวงกต เพราะสำนักสงฆ์อยู่บนเขาสูง (แถวนั้นเรียกว่า "ลำพญากลาง") สูงจากพื้นดินมาก เพราะทุกคนในรถตู้รู้สึก "หูอื้อ" ทุกคน พอไปถึงก็ยังไม่พบท่านเพราะท่านอยู่ใน กุฏิ ด้านหลัง ซึ่งห้ามไม่ให้ใครเข้า สภาพของสำนักสงฆ์เรียบง่าย มีกุฏิ 2 หลัง, มีวิหารเล็กๆ 1 หลัง, มีโรงครัวเล็กๆ 1 หลัง, มีห้องน้ำราว 10 ห้อง ทั้งหมดมาจากเงินจากผู้บริจาค ของผู้ที่มากราบท่านทั้งสิ้น

    เพราะ หลวงปู่ท่านเคยเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า ท่านมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ พ.ศ. 2502 มาตั้งแต่ที่นี่ยังเป็นป่าอยู่เลย ยังไม่มีอะไรเลย มีแต่ป่าทั้งนั้น พอท่านอยู่ไปก็มี ผู้คนไปกราบไหว้ รวมคนที่ไปกราบท่านจนถึงปัจจุบันก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 100,000 คน

    แล้ว หลวงปู่ท่านก็เดินลงมา แล้วตรงมาที่กลุ่มของเมย์ หลวงปู่ท่านอายุน่าจะ 80 ปีได้ค่ะ รูปร่างสูงสง่างาม (น่าจะสูงเกิน 180 ซม.) ดูท่านใจดี ลักษณะการเดินของท่านดูสูงส่งมาก (เดินสง่างาม น่าเลื่อมใส อธิบายไม่ถูก) น้ำเสียงที่นุ่มนวล ท่านบอกกับทุกคนว่า "เอาล่ะนะ" ถึงเวลาที่ชั้นจะบอกเรื่องสำคัญล่ะนะ ทุกคนตั้งใจฟังให้ดีๆ แล้วไปเตือนผู้คน และคนอื่นๆ

    ท่าน ก็เริ่มเทศนาว่า... แท้จริง ประเทศไทย และ ทุกประเทศทั่วโลก น่าจะพบกับความหายนะครั้งใหญ่ จากภัยธรรมชาติใหญ่ ซึ่งผู้คนต้องตายเกือบหมดโลก ตั้งแต่ พ.ศ. 2545 แต่ที่มันไม่เกิด ก็เพราะว่า มีพระผู้ทรงอิทธิฤทธิ์หลายท่าน รวมไปถึงเทวดาผู้รักษาโลกมนุษย์ ช่วยกัน อธิษฐานจิต ให้เหตุการผ่านพ้นไปก่อน ซึ่งในความเป็นจริง มันได้แค่เลื่อนออกไปเท่านั้น ยังไงๆเหตุการณ์ภัยธรรมชาตใหญ่ิ และความหายนะครั้งใหญ่ ต้องเกิดขึ้นแน่นอน

    นับ แต่เวลานี้ (พ.ศ. 2552) แรงอธิษฐานมันหมดกำลังลงแล้ว และจะไม่สามารถอธิษฐานเลื่อนได้อีกแล้ว ต่อจากนี้ไป ภัยธรรมชาติ และความหายนะครั้งใหญ่ จะค่อยๆปรากฏตัวเพิ่มมากขึ้นๆมากขึ้นๆ โดยเริ่มทีละน้อยจาก พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป จะค่อยๆทวีความรุนแรงขึ้นๆ สารพัดภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว, พายุ, ภูเขาไฟระเบิด, น้ำทะเลสูงท่วมแผ่นดิน, หมู่เกาะทั้งหมดจะจมใต้ทะเลทั้งหมด และสารพัดอย่างจะประดังเข้ามา ฯลฯ

    ทุกอย่าง จะจบสิ้นก่อนปี พ.ศ. 2560 มนุษย์ที่ศีลไม่ครบ จะถูกภัยธรรมชาติใหญ่ คร่าชีวิตทั้งหมด และมนุษย์ที่รอดชีวิตนั้นมีไม่กี่คนเท่านั้น และคนที่รอดชีวิตส่วนมาก จะเสียสติไปเลย เพราะตกใจกับเหตุการณ์แบบสุดชีวิต หลวงปู่บอกว่า เอายังงี้ละกันนะ คนจะตายกันเกือบหมดโลกเลย แต่ประเทศไทยจะเหลือมากที่สุด คือรอดประมาณ 20-30 % ของประชากรไทย ไปคำนวณกันเอาเอง พูดง่ายๆ ตายเกือบหมดประเทศนั่นแหละ จะเหลือแค่คนมีศีลธรรมจริงๆเท่านั้นเอง
    <O:p</O:p
    หลัง ปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป มนุษย์ชาติจะเข้าสู่ยุคใหม่ เรียกว่ายุคศิวิไลซ์ เนื่องจากคนไทยจะเหลือมากที่สุด (20-30 %) ต่อไปประเทศไทยจะได้เป็น มหาอำนาจ และเป็นศูนย์กลางของโลก เมื่อเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ ผู้คนยุคนั้นจะเปลี่ยนทัศนะคติ ในการดำเนินชีวิตใหม่ทั้งหมด ในยุคนั้น ผู้คนจะไม่สนใจเงินทองอีกเลย แต่จะมาแข่งขันในเรื่องของการ บำเพ็ญบุญ-กุศล

    ท่าน ว่าเวลาของโลกมนุษย์เหลือน้อยแล้ว เหตุการณ์มันกำลังจะมาถึงแล้วนะ จะทำอะไรก็รีบๆทำ เลิกใช้ชีวิตแบบโง่เขลาเบาปัญญาเสียที สิ่งที่จะติดตัวเราไปมีเพียง บุญ-บาป เท่านั้น จำไปบอกต่อๆกันด้วยนะ ลูกหลาน ขอให้เอาชีวิตรอดให้ได้นะ ชั้นก็มีเรื่องจะบอกเท่านี้แหละนะ เจริญพร.......ทุกคนก็กราบท่าน ด้วยความกลัว ใจหวิวๆ บอกไม่ถูกค่ะ
    (ข้อมูลจากนางสาว เปรมสุดา... เมย์ )


    8) หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ

    เตือนภัยพิบัติเรื่อง

    1.น้ำท่วม

    2.โรคปากแห้ง(อดอยาก ขาดแคลนข้าวปลาอาหาร ปล้นฆ่ากัน)

    3.โรคระบาดที่มาทางอากาศเกี่ยวกับทางเดินหายใจ

    หลวงปู่หงษ์เมตตาบอกว่า ให้ถือ ศีลห้า ให้ได้แล้วทุกคนที่ถือได้จะมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติ

    เพราะว่าไม่มียาชนิดใดรักษาได้ สาธุช่วยกันนำไปเผยแพร่สำหรับลูกศิษย์ผู้ที่ศรัทธาในองค์หลวงปู่กันครับ

    สำหรับใครที่ไม่เชื่อเรื่องที่หลวงปู่ท่านเมตตาเตือนก็ไม่ต้องไปเตือนหรอกครับเดี๋ยวจะเป็นบาปที่ไปปรามาสหลวงปู่ท่านครับ

    สำหรับเรื่องที่หลวงปู่เมตตาเตือนนั้นท่านเตือนตั้งแต่กลางปี 2553 แล้วว่าประมาณต้นปี 2554 จะเกิดการนองเลือด(เกิดแล้วไม่บอกนะครับว่าเรื่องอะไร) และตอนปลายปีจะเกิดน้ำท่วมกรุงเทพ ได้เกิดแล้ว ซึ่งครั้งนี้แค่มาเตือนยังมีครั้งใหญ่ที่จะตามมาอีกซึ่งถ้าเกิดครั้งนี้ก็คงอยู่ไม่ได้แล้วต้องหนีอย่างเดียว

    น้ำจะท่วมกรุงเทพสูง 5 เมตร และน้ำจะไม่ลดเลย และเมื่อประมาณกลางปี 2554 หลวงปู่ยังเมตตาเตือนอีกว่าซื้อเรือรึยัง (หลังจากนั้นไม่กี่เดือนน้ำก็เริ่มท่วมเลย)

    และเมื่อตอนปลายปี 2554 หลังจากที่น้ำเริ่มลดแล้ว หลวงปู่หงษ์ เมตตาเตือนอีกว่า ของกินของใช้ที่เก็บไว้อย่าพึ่งเลิกเก็บเพราะว่าเดี๋ยวจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่อีกและล่าสุดที่ท่านเตือนอยู่ทุกวันคือให้ลูกศิษย์ตัดผมให้สั้นทั้งชายและหญิงซึ่งท่านเมตตาเตือนครั้งนี้ ท่าทางจะหนักหนาสาหัสสากรรจ์มากๆเลย

    สอดคล้องกับคำเตือนหลวงปู่แฟ๊บ วัดป่าดงหวาย สกลนคร ที่ท่านเตือนศิษย์ที่อยู่กรุงเทพฯบอกว่าให้กลับบ้านเรา(อิสาน) เพราะอีกหน่อยน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ ท่านเตือนก่อนปี 2554 แล้วก็เกิดน้ำท่วมกรุงเทพฯและภาคกลางจริงๆ

    9) หลวงปู่เพ็ง พุทธธัมโม

    เป็นพระลูกชายของหลวงปู่บัว สิริปุณโณ

    ท่านพูดว่า "น้ำจะท่วมเมืองทั่วโลก เพราะเขาเริ่มคัดคน มันเป็นทีของพวกนาคแล้ว ทีใครทีมัน เมื่อก่อนหากมีเรื่องใครตาย ใครเป็น ใครเจ็บ จะมีลมพัดมาเรียกว่า ลมส่า (ภาษาอีสานเรียกว่าส่า ภาษาไทยหมายถึง ลมกระพือข่าว) คือเทวดาเขาส่งข่าว และถ้าดีเทวดาก็จะดูแลรักษา แต่ไม่ดีก็ไม่รักษา

    แต่คนปัจจุบันนี้หาดียากมากและไม่ค่อยสนเทวดา มันว่ามันเก่งกว่าเทวดา เทวดาเลยไม่สนคนเหมือนกัน เรื่องของมึงเรื่องของกู ทีนี้คนก็เป็นเหมือน "คน" จริงๆ คนกันอยู่นั่นแหละ คนเท่าไหร่ก็ไม่ทั่ว มีแต่เรื่องราวให้ตีแตกแยกแยะกัน พวกมึงเร่งทำบุญภาวนาเข้า พวกมึงจึงจะรอด"

    "ต้องทำยังไงบ้างหลวงปู่"

    "มันจะยากอะไรก็ให้รักษาศีล ข้อไหนที่มันขาดก็เอาใหม่ เริ่มต้นเสียแต่เดี๋ยวนี้ ข้อไหนพร่องหย่อนยานไปก็ให้ดึงให้มันตึงเข้าไว้ ในที่สุดมันก็จะเข้าใจและรักษาได้สบายๆ แล้วก็ทำบุญไป อย่าไปขัดบุญใคร บุญเราก็เร่งทำของเราไป ภาวนาไปด้วย"

    "ภาวนาอย่างไรบ้างปู่ อยากได้แบบลัดๆ"

    "คนสมัยนี้ความดีมันไม่ค่อยอยากทำ แต่พออยากได้ มันก็อยากได้ลัดๆ เลย"

    "ก็มันไม่มีเวลาแล้ว ขอได้ไหมปู่"

    "มึงพอไหว เริ่มเข้าเดี๋ยวนี้ ชำระสิ่งชั่วจากใจเดี๋ยวนี้เลยนะ รู้ไหมว่าจะมีน้ำท่วมใหญ่ เขาคัดคน เขาบอกว่าโลกจะแตกนั้น มันไม่ใช่แตกดังโป๊ะเหมือนลูกโป่งนะ มันค่อยๆ แตกทีละน้อยๆ คือเลือกคนนั่นแหละ"

    "คนที่ทำบุญจะรอดไหมปู่"

    "รอด คนมีศีลมีธรรมเท่านั้นจึงจะรอด พยายามกันเข้า มันจะแย่ไปเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่คนนั้นขึ้นครองเมือง การสู้รบตบมือมากมาย และมันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ให้ดูไว้นะ ข้าวจะยากหมากจะแพง...จนถึงปี 2555 วิกฤติสุด"

    ตอนนั้นผู้เขียนไม่อยากจะเชื่อ จนกระทั่งมีช่วงหนึ่งอาหารการกินขึ้นราคาแพงหมด ท่านพยากรณ์เอาไว้ก่อนท่านมรณภาพ 2 ปี หลังจากนั้นก็เป็นตามที่ท่านพูดทุกอย่าง และตอนนั้นท่านพูดถึงการบาดเจ็บของหลวงพ่อคูณด้วย และก็เป็นจริงว่าหลวงปู่จะถูกรถชน (รถชนกัน หลวงพ่อคูณอยู่ในรถตู้) ก็รถชนกันจริงๆ ซึ่งถือว่าท่านมีญาณอนาคตบอกลูกหลาน


    10) คำเตือนจากครูอาจารย์ ท่านหนึ่ง


    ภัยพิบัติในครั้งนี้เป็นกรรมของมนุษย์โลก ไม่มีใครช่วยได้ สิ่งที่ช่วยได้คือตัวเราต้องรู้จัก ศีล สมาธิ ปัญญา หมั่นทำทาน รักษาศีล เจริญพระกรรมฐาน รู้จักเกรงกลัวต่อบาปกรรมครับผม เพราะมีท่านอาจารย์ท่านหนึ่งท่านได้พยากรณ์ไว้แล้วครับ ว่ามันต้องเกิดขึ้นแน่เพราะต่อไปพระอริยะสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจะล่ะสังขารลงเรื่อยๆแล้ว ส่วนการอธิษฐานจิตนี่เขาอธิษฐานกันมานานแล้ว อธิษฐานมาตั้งแต่ปี 2552 แล้ว แต่มันเคลื่อน เพราะบารมีพระมหาโพธิสัตว์ของไทย(พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) และพระเสื้อเมืองพระทรงเมืองอธิษฐานพระอริยะสงฆ์พระอรหันต์ในป่าร่วมกันภาวนายับยั้งไว้ไม่ให้เกิด มันเลยคลาดเคลื่อน

    ตั้งแต่ 2555 เป็นต้นไปจะเริ่มหนักหนามาก เพราะถึงเวลามนุษย์ต้องชดใช้กรรมเพราะมันเป็นวิบากกรรมการกระทำกรรมของสัตว์โลก แต่จำไว้ให้ดีนะ ต่อไปนี้จะเกิดอะไรขึ้นรอดูปี 2555 และภัยภิบัติที่จะเกิดขึ้น มันจะเกิดจากอารมณ์ของคนก่อน และภัยพิบัติมากวาดต้อนไปเลย ใครอยู่ประเทศไทยโชคดีไป

    หลังจากช่วงภัยพิบัติเริ่มเกิดขึ้นก็จะมีท่านหนึ่งออกมาช่วยเหลือคนก่อนภัยพิบัติจะมา แต่ไม่บอกว่าเป็นใครเพราะเขาอยู่แบบสมถะ ไม่ยุ่งกับใคร เขาช่วยเหลือเสร็จก็ไม่มีใครรู้จักเขาเพราะเขามาช่วยงานพระศรีอริยะเมตตรัย เพราะท่านจะลงมาจุติในอีก 6 ปี ข้างหน้าที่เทือกเขาแถวพม่า นี่ไม่ได้ลงมาสร้างศาสนานะ อย่าเข้าใจผิดแค่ลงมาเกิดบำเพ็ญเพียรภาวนา แต่ไม่มีใครสามารถพบได้ พระศรีอริยะเมตตรัยจะมีผู้มีบุญท่านหนึ่ง ช่วยงานแทนท่าน บอกวิธีการรักษาโรคให้ และเขาก็จะออกมาช่วยเหลือมนุษย์โลก แต่พวกเราจะไม่ได้เจอเขาเพราะเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร

    หลังจากภัยพิบัติกวาดเสร็จแล้ว ศาสนาพุทธจะรุ่งเรืองมาก คนทั่วโลกจะศรัทธาเพราะประเทศไทยเหลือคนมาก (โดยเฉพาะภาคเหนือ พม่า ลาว เวียตนาม ภาคอีสาน) กว่าประเทศอื่น เลยศรัทธาเพราะคนเหลือมากกว่าเขานิดหน่อย

    ส่วนเรื่องอาหารการกินคือกินมังสวิรัติ เพราะต่อไปเนื้อสัตว์มนุษย์จะไม่กล้ากินเพราะมันตายเกลื่อนกลาดในน้ำมันเห็นแล้วสมเพศเวทนา เพราะเงินทองเทคโนโลยีข้าวของมันก็มีไม่มากเพราะคนฉลาดตายหมด เหลือแต่พวกหัวโบราณอยู่ปลูกอยู่กินนั่นรอด นี่ให้คอยดูเอา ภัยพิบัติไม่ค่อยเท่าไหร่ คอยดูสงครามนิวเคลียร์และอาวุธเคมีชีวภาพเอาไว้นั่นแหล่ะหายนะภัยพิบัติ

    ต่อไปคนจะไม่มีเวลากินข้าวนะ เพราะมันต้องหลบระเบิดต้องกินข้าวแบบโบราณข้าวแห้งข้าวปิ้งเผือกมันเพราะไม่ทันหุงข้าวระเบิดก็ข้ามบ้านไปแล้ว

    หลังปี 2555 ทั่วโลกจะเกิดเหตุการณ์แปลกแม้แต่ประเทศไทยหิมะก็จะตก ไม่ต้องไปแล้วที่เมืองนอก ได้เห็นกันแน่หลัง 2555 นี่ขึ้นไป

    ไม่ต้องไปภาคเหนือเพราะต่อไปเหนือทุกภาคแต่มันเหนือความตายหรือไม่นั่น คอยดูเอาเอง ในภาคไหนมีภูเขาไอ้ภูเขาไฟมันก็ระเบิดแผ่นดินหยุบลง อย่าดีใจไป

    พวกอยู่น้ำโขงเตรียมตัวสบายเพราะน้ำเหลือกินเหลือใช้เพราะเขื่อนแปดทิศเขาแตกท่วมเมืองเขาเอง เหลือจนล้นเข้ามาท่วมบ้านเมืองสักพัก ก็ดีกลับมาปกติ

    โรคที่อันตรายนี่คืออาหารการกินนะ 2555 นี่สัตว์ที่พวกเอ็งชอบไก่ หมู ปลา อะไรก็แล้วแต่ จะตายมากเพราะ คนเอาไปลองอาวุธเคมีชีวภาพสัตว์ตายแบบไม่ทราบสาเหตุนี่คอยดู

    สารพิษที่อยู่ใต้ดินมันก็จะละเหยผสมกับแม่น้ำทะเลปลาหรือสัตว์ไหนลอยอาศัย อยู่ในน้ำก็จะติดเชื้อโรคเข้ามาสู่คนเพราะคนไปกินพวกมันเอง ขนาดตัวมันยังไม่รู้เลยว่ามันเกิดโรค

    หลังปี 2555 ประเทศที่เป็นเกาะนี่ต้องระวังมันจะจมหายแบบไม่รู้เรื่องมาก่อนเลยว่ามันจะจม

    ฉะนั้นให้พวกเอ็งเฝ้ารอระวังดูภูเขาแต่ล่ะภาคว่ามันจะเคลื่อนไหวหรือเกิดภูเขาไฟที่ไหนนี่ต้องระวังตัว ภัยพิบัติครั้งนี้มันไม่ล้างโลก แค่ทำความสะอาดโลกให้เฉยๆพระศรีอาริย์มาเกิดเมื่อไหร่นั่นแหล่ะพวกไม่มีศีลไม่เหลือแน่ เพราะมันกวาดเพราะกรรมการกระทำมนุษย์เอง ฉะนั้นพวกเอ็งคอยดู

    จำไว้นะว่าเมืองหลวงของประเทศไทยต่อไปคือ จากหมวกเหล็กจนถึงโคราช นั่นเป็นพื้นที่เมืองหลวง อย่าไปหวังกรุงเทพเลยนะ เพราะว่าอะไร?.. สมัยก่อนมันเป็นทะเล และหากมันจะเป็นทะเลอีกครั้งมันจะเป็นอะไรไป แต่จำไว้นะหลังจากเกิดภัยพิบัติ พวกทุศีลผิดศีลก็ยังมี แต่น้อยนะ มันต้องมีมารมาผจญ แต่จำไว้ว่า คนที่มันเหลือเขาจะไม่สร้างอะไร เพราะคนมันเหลือเพียงร่มโพธิ์นิดๆหน่อยๆ

    ลูกหลานพระบรมโพธิสัตว์จะออกมาแนะนำพวกเอ็งเอง ให้พวกเอ็งรอดู ของปลอมก็มีนะ แต่พวกเอ็งคิดว่าของจริง แต่ของบ้าๆบอแบบพวกเอ็งมองว่าปลอมนั่นแหล่ะมันคือของจริง

    ให้เอ็งดูการปฏิบัติอย่าไปดูอะไรมากนะ คนนี้ไม่มีปาฏิหาริย์แต่เขามีบุญฤทธิ์เมตตามากคนนี้นี่แหล่ะคือลูกหลานพระบรมโพธิสัตว์ที่จะมาช่วยพวกเอ็งต่อไป แต่หากใครได้เจอก็ถือว่าเป็นวาสนาในชีวิตของพวกเอ็งแล้วกันที่ได้เจอ

    จำไว้นะ นี่ไม่ใช่ยุคพระศรีอาริย์ แต่ลูกหลานพระบรมโพธิสัตว์สมถะจะลงมาช่วยเหลืองานพระพุทธเจ้า เสร็จแล้วเข้าก็จะไม่ออกมาอีก นี่คอยโมทนาเอาเอง

    ให้เตรียมกันไว้นะเวลาเหลือไม่มากแล้ว หมั่นสร้างความเพียรไว้เรื่อยๆ อย่าไปอยากหยุด ให้พักได้ และต้องไปต่อนะ เพียรเท่านั้นถึงจะหลุดพ้น ตอนนี้พระศรีอาริย์ยังไม่ลงมานะต้องรออีก 6 ปี แต่ลูกหลานพระบรมโพธิสัตว์ลงมาแล้วนะ แต่ฉันคงไม่บอกหรอก เพราะหากบอกฉันก็เป็นกรรม ให้พวกเอ็งคอยสังเกตดูดี ดูการปฏิบัติของท่าน ลูกหลานพระบรมโพธิสัตว์คนนี้มีเพียงแต่บุญฤทธิ์

    เพราะเขามีหน้าที่มาช่วยศาสนาและเยียวยาจิตใจคน มาสั่งสอนธรรมะ หลังจากนั้นท่านก็เข้าสู่ดินแดนที่ดับหมดแล้วซึ่งกิเลส เพราะท่านติดอยู่เพียงอย่างเดียว

    คำพยากรณ์ของสมเด็จพุฒาจารย์โตนี่ พยากรณ์ไว้ล่วงหน้าดีแท้ เพราะยุคศรีวิไล นี่มาหลังภัยพิบัติจบสิ้นลงดีแท้

    ตอนนี้พระโพธสัตว์ก็ลงมาช่วยคนเยอะนะ แต่ช่วยไม่ได้มากเพราะมันเป็นกรรมของสัตว์โลก ทำอะไรไว้ย่อมรับผลกรรมนั้น

    ขอให้ทุกท่านมีสติและพิจารณาในการอ่านนะ สาธุ

    (เป็นข้อมูลที่เซฟเก็บไว้นานแล้ว หาที่มาไม่เจอ เห็นว่าประโยชน์ จึงนำมาลงให้พิจารณาดู)


    11) ปีมะโรง(พ.ศ.๒๕๕๕)"คนจะเปลี่ยนสภาพจากเดินเป็นคลาน"

    ถ้าเรานำข้อมูลจากพุทธทำนาย และข้อมูลเรื่องของดาวนิบิรุที่กำลังโคจรมาใกล้โลก มาวิเคราะห์และประมวลเหตุการณ์เข้าด้วยกันแล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่ในปีมะโรง พ.ศ.2555 ที่จะถึงนี้ "คนจะเปลี่ยนจากสภาพเดินเป็นคลาน" เพราะแรงดึงดูดอันมหาศาลของดาว นิบิรุ ที่กระทำต่อโลกนั้นอาจทำให้โลกหมุนช้าลง ทำให้คนบนโลกถูกแรงดึงดูดของโลกมากขึ้น จนไม่สามารถจะเดินแบบปกติได้

    และเมื่อนำคำทำนายของหลวงปู่สรวง(เทวดาเล่นดิน) เรื่องพญานาคจะกวาดหางนำน้ำทะเลขึ้นมาล้างโลกในปี พ.ศ.2555 ก็จะเข้ากันได้พอดีกับเรื่องดาวนิบิรุโคจรมาใกล้โลกนี้ จนสามารถดึงดูดน้ำทะเลให้ขึ้นสูงอย่างมากมาย ถึงกับมากวาดล้างโลกนี้ได้ครับ

    เมื่อศาสนาของอาตมาล่วงมาได้ ๒๕๐๗ (ปีมะโรง) คนเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน
    ปี ค.ศ.2012 ตรงกับปีพุทธศักราช 2555 ถ้าเราลดจำนวนปีลง 48 ปีให้ตรงกับความเป็นจริงในพุทธทำนาย ก็จะตรงกับปี พ.ศ.2507 (ปีมะโรง) ซึ่งมีคำทำนายเอาไว้ว่า "คนจะเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน" ซึ่งแปลความหมายออกมาได้เป็นหลายอย่าง

    เช่น ในปี ค.ศ.2012 ขั้วแม่เหล็กโลกอาจจะเกิดการพลิกกลับขั้วอย่างรุนแรง ทำให้พลังงานไฟฟ้าขัดข้องไปทั่วโลก เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ ที่ให้ความสะดวกสบายทุกอย่างบนโลกนี้ใช้การไม่ได้ เครื่องจักรกลทุกอย่างหยุดทำงาน เพราะความแปรปรวนของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ผู้คนบนโลกนี้จะเกิดความโกลาหล ปั่นป่วนกันไปหมดทั้งโลก ฯลฯ...


    http://palungjit.org/threads/ศาสตร์...ทางโลกและทางธรรม-หลวงปู่ดู่-พรหมปัญโญ.362660/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 ตุลาคม 2012
  20. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    ครับ...ท่านก็มีอะไรคล้ายๆ Nirvana นั่นแหละ ครับ

    อนุโมทนา...สาธุ ที่ท่านสามารถถือศีล ๕ ได้ครบไม่ด่างพร้อยแม้อยู่ในชีวิตราชการ เพราะสิ่งแวดล้อมในวงการนี้ก็ทำให้เขวได้ง่ายๆและอาจจะไม่ค่อยมีเพื่อนมีสังคม คงต้องประคับประคองตัวเองให้ไปรอด อย่าเพิ่งไปเจอะกับข้าราชการทรชน นะครับ

    ท่านคิดได้ว่าเรามาอยู่บนโลกนี้เพียงชั่วคราว ก็ถูกต้องครับ ร่างกายมนุษย์เราก็เช่าพระแม่ธรณีมาเกิดเป็นรูปร่าง จึงควรภาวนามรณานุสติให้มาก จิตใจจะสบายรู้เท่าทันโลก ไม่วิตกกังวลในเรื่องที่ไม่ควรจะไปยึดถือ มนุษย์เรามีบุญกรรมเป็นเผ่าพันธุ์นำทางของเราให้ไปในที่ต่างๆสุดแต่จะผจญกรรมกันไป

    กาฬสินธุ์เป็นเมืองที่น่าอยู่อย่างที่ท่านว่า กมลาไสยเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำของจังหวัดนี้ ที่นี่เค้าทำนาปีละ 2 ครั้งเกือบทั้งอำเภอ ท่านมีญาติที่เป็นผู้มีคุณธรรมนับว่าโชคดีอย่างยิ่ง แต่ข่าวเมื่อวานซืนก็มี ขรก. ในรพ.แถวนั้นโดนไล่ออกไป ข้อหาอะไรผู้คนรู้กันทั่ว นะครับ จึงเชื่อได้ว่าคนดีคนเลวมีปะปนคละเคล้ากันไป

    แนะนำให้เพื่อนราชการทุกท่านอาจจะต้องทำใจ เพราะอาจเป็นไปได้ที่พวกท่านอาจจะต้องตกงานพร้อมกันทั่วประเทศ ถ้าเกิดมหาภัยพิบัติในครั้งนี้เนื่องจากระบบและการสั่งการทุกสายทุกหน่วยงานล่มสลาย ถึงวันนั้นปัจจัยสี่ + 1 จะเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งยวดของทุกท่านแหละครับ ทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีอะไรยืนยงถาวรเพราะในไตรลักษณ์มีไม่ความแน่นอนเป็นที่ตั้ง ถูกผิดอย่างไร Nirvana ขอน้อมรับไว้ ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...