คชสีห์๙บารมี๙บารมี๙แผ่นดินหลวงปู่หมุนเสก

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 30 สิงหาคม 2010.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงพ่อเณร หลวงตาจวนวัดไก่เตี้ย สุพรรณบุรี

    ลวงตาจวน วัดไก่เตี้ย ท่านเป็นหนึ่งในพระเกจิเมืองสุพรรณฯ วัตถุมงคลของท่านหลายรุ่นมีลงในหนังสือพระเครื่องเมืองสุพรรณฯ ของท่านอาจารย์มนัส โอภากุล (หนังสือพระเครื่องที่ดี และสมบูรณ์ที่สุดของเมืองสุพรรณฯ ) ลองหาอ่านดูครับปัจจุบันหนังสือเล่มนี้หายากอยู่เหมือนกันเพราะพิมพ์เมื่อ 10 กว่าปีก่อน

    พระเครื่องของท่านมีหลายรุ่น หลายพิมพ์ แต่พิมพ์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดคือพิมพ์ " พระเณรสุพรรณ " หรือหลวงพ่อเณร พิมพ์หลวงพ่อเณรรุ่นแรกสร้างเมื่อปี 2497 จำนวน 90 กว่าองค์ นับว่าสุดยอดหายากยิ่ง
    ต่อมาได้ทำอีกหลายสิบรุ่น แต่รุ่นหลังๆที่นิยมได้แก่รุ่น เนื้อดินลงรักปิดทอง , รุ่นตะกั่วสองหน้า ครับ

    มูลเหตุที่สร้างเป็นพระลักษณะไม่มีเกศคือ
    เพราะว่าสมัยเมื่อปี 2490 กว่าๆ เจดีย์เก่าแก่สมัยอยุธยาหรืออู่ทองที่วัด( ผมจำสมัยของเจดีย์ไม่ค่อยได้) ได้ทรุดโทรม บางส่วนทลายลงมา และชาวบ้านได้รับพระเครื่องเนื้อตะกั่วเป็นพระพิมพ์ไม่มีพระเกศ เหมือนอย่างพระพุทธ ซึ่งคล้ายเณร ไปจำนวนไม่กี่สิบองค์ และมีเหลือที่เป็นพระชำรุดอีกหลายสิบองค์ หลวงตาจวนจึงนำเอาพระชำรุดนั้นมาหล่อหลอมรวมกันแล้วสร้างเป็นพระขึ้นมาเป็น ลักษณะพระไม่มีเกศ ซึ่งเหมือนพระกรุที่พบ แล้วเรียกว่า " พระเณรสุพรรณ " แต่ชาวบ้านเรียกสั้นๆว่า " หลวงพ่อเณร "

    ซึ่งมีพุทธคุณด้านมหาอุตแคล้วคลาดปลอดภัยครับ เพราะสมัยตอนแจกพระสมัยก่อน หลวงตาจวนได้โยนพระลงไปใต้ถุนกุฏิ แล้วให้คนที่จะเอาพระลงไปเก็บพระ พอคนที่จะเอาพระลงไปเก็บพระใต้กุฏิ พอมือกำพระเท่านั้นแหละครับ หลวงตาจวนก็ได้ เขวี้ยงหอกลงใส่คนนั้นเต็มๆ แต่หอกนั้นไม่เข้าเนื้อหนังมังสาของคนที่รับพระ เหตุที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อเป็นการลองของ ว่าพระของท่านแน่จริงๆ


    หลวงตาจวนท่านเคยบอกว่า "พระของฉันไม่มีคุณวิเศษอะไร ใครทำดีก็ได้ดี ใครทำไม่ดีก็ไม่ดีเอง" แต่เท่าที่ปรากฏมา คงกระพันชาตรีเป็นเลิศ นักเลงแถวศรีประจันต์นิยมกันนัก
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความอยู่สูงครับ
    ลงรักปิดทองเดิมเก่าๆ ศิษย์สายนี้เก็บกันเงียบ พุทธคุณล้วนๆครับ

    ใครเคยพบเจอเห็นท่านจะเมตตามากๆ ท่านจะล้อมรั้วเล็กๆไว้บริเวณท่านลองหาอ่านประวัติปฎิปทาท่านดูครับพระบ้านนอกบ้านนาที่กราบได้สนิทจจริงครับ
    แล้วจะนับถือท่านด้วยใจ
    พระหลวงพ่อเณร หลวงตาจวน วัดไก่เตี้ย ลงรักปิดทองเดิมๆครับ
    ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่ง EMS 50 บาทครับ
    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2011
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงพ่อผิว วัดสง่างาม ปราจีนบุรี

    เมื่อเยาว์วัยได้ช่วยมารดา-บิดาประกอบอาชีพในการทำนา การศึกษาเล่าเรียนในสมัยนั้น ก็อาศัยเรียนกับพระที่วัด หลวงพ่อได้เรียนกับพระที่วัดเลียบ ตำบลท่างาม อำเภอเมือ จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ใกล้บ้าน จนมีความรู้อ่านออกเขียนได้ ทั้งหนังสือไทยและหนังสือขอม ซึ่งเรียกว่า อักขรสมัย จนถึงอายุ 21 ปี จึงได้อุปสมบท ณ วัดเลียบแห่งนี้ ในสมันนั้นนิยมบวชเมื่ออายุได้ 21 ปี อุปสมบทเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2456 ณ พัทธสีมาวัดเลียบ อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี โดยมีพระครูปราจีนมุนี (หลวงพ่อทอง) เจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี วัดหลวงปรีชากูล เป็นพระอุปัชฌาย์ เจ้าอธิการหร่ำ วัดเลียบเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า สีลสิสุทฺโธ เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาพร้อมทั้งได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดเลียบ เป็นเวลา 10 พรรษา จนถึง พ.ศ. 2466 หลวงพ่อจึงย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสง่างาม ตำบลบางบริบูรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี เป็นวัดซึ่งอยู่มาทางทิศตะวันออกของวัดเลียบคนละฝั่งแม่น้ำระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสง่างามตั้งแต่ พ.ศ. 2466 เป็นต้นมา จวบจนกระทั่งมรณภาพ พ.ศ. 2528 นับได้ 62 ปี


    หลวงพ่อมีคุณวิเศษอย่างหนึ่งคือ หลวงพ่อเป็นผู้มีเมตตาธรรมสูงได้ช่วยเหลือสงเคราะห์ อนุเคราะห์แก่ผู้ที่เจ็บป่วย เช่น แขนหัก ขาหัก กระดูกหักต่าง ๆ ท่านช่วยรักษาให้หายได้อย่างน่าอัศจรรย์ แม้กระทั่งนายแพทย์บางคนที่สำเร็จการศึกษามาทางวิทยาศาสตร์แขนหักยังต้องมา ให้หลวงพ่อรักษาต่อกระดูกให้ก็เคยมี ท่านรักษาโดยใช้น้ำมันมนต์และวิธีเคาะต่อกระดูกให้ติดกันได้ตลอดจนกระทั่ง วัว ควาย ช้าง สัตว์เลี้ยงขาหัก ท่านก็รักษาให้หายได้มาแล้วจนนับไม่ถ้วน ผลงานพิเศษอีกด้านหนึ่งที่ทำให้หลวงพ่อเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปคือการไปใน พิธีพุทธาภิเษก ซึ่งมีหลายต่อหลายแห่งด้วยกัน แม้แต่ในระยะหลังนี้ถึงแม้หลวงพ่อจะชราภาพลงไปมากแล้วตามก็ยังมีผู้มานิมนต์ ท่านอยู่เสมอๆ และมีครั้งหนึ่งที่เป็นเกียรติประวัติ หลวงพ่อได้รับฎีกาเข้าไปในพิธีพุทธาภิเษกในพระบรมหาราชวัง ในงานฉลองวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อปี พ.ศ. 2525


    เหรียญรุ่นนี้สโมสรไลอ้อนสรางครับ สวยคมชัดครับ

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG]

    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->

    เหรียญหลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน ปราจีนบุรี สโมสรไลอ้อนส์ปราจีนบุรีสร้าง

    ถวาย สภาพสวยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2011
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงพ่อบุญมี วัดเขาสมอคอน ลพบุรี

    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">ประวัติ หลวงพ่อบุญมี อิสโร วัดเขาสมอคอน </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top>ประวัติ หลวงพ่อบุญมี อิสโร วัดเขาสมอคอน
    พระครูอาทรสิกขกิจ (หลวงพ่อบุญมี อิสโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาสมอคอน จ.ลพบุรี เดิมชื่อ บุญมี จันทร์แจ่ม เกิดที่บ้านเขาสมอคอน อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๒ (ตรงแรม ๙ ค่ำ เดือน ๓ ปีกุน) บิดาชื่อ ผู้ใหญ่ต้น มารดาชื่อ นางทองม้วน มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๖ คน หลวงพ่อบุญมีเป็นบุตรคนที่ ๒ ปฐมวัย บิดาและมารดาได้นำไปฝากเรียนหนังสือและอักขระขอมกับ หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง วัดเขาสมอคอน ซึ่งเป็นสำนักศึกษาพระปริยัติธรรม
    ต่อมา หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง ได้บวชให้เป็นสามเณร และให้อยู่รับใช้อย่างใกล้ชิด โดยได้รับการถ่ายทอดวิชาการต่างๆ รวมทั้งได้ติดตามหลวงพ่อออกธุดงค์ เพื่อแสวงหาความสงบ และเจริญสมาธิอยู่เป็นประจำ
    เมื่ออายุครบ ๒๑ ปีบริบูรณ์ จึงได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดมุจรินทร์ ต.โคกสลุด อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๔๖๓ โดยมี พระครูสังวรโสภณ (หลวงพ่อสาย) วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการผ่อง วัดมุจรินทร์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการแขก วัดหนองมนต์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "อิสโร"
    หลังจากอุปสมบทแล้ว หลวงพ่อบุญมี ได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเขาสมอคอน เพื่อปฏิบัติกิจตามหน้าที่ของศิษย์ ที่มีต่อพระอาจารย์ คือ หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง ด้วยความเคารพยิ่ง ท่านจึงได้รับการถ่ายทอดคุณสมบัติและปฏิปทาจากหลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋งไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
    หลวงพ่อบุญมี บวชได้ ๕ พรรษา หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง ก็ได้มรณภาพลง หลวงพ่อบุญมี จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา หลังจากนั้น หลวงพ่อบุญมี ได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ เพิ่มเติมกับ หลวงพ่อสาย วัดเสือ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน และยังได้ไปศึกษากับหลวงพ่ออุปัชฌาย์วัดบาง ซึ่งเป็นศิษย์ผู้พี่ จากนั้นได้ศึกษาเพิ่มเติมกับ หลวงพ่อแขก วัดหนองมนต์ ซึ่งเป็นพระอนุสาวนาจารย์ของท่าน
    ส่วนอาจารย์ที่เป็นสายฆราวาส หลวงพ่อบุญมีได้ศึกษากับ ผู้ใหญ่บุญรอด จันทร์แจ่ม ซึ่งเป็นพี่ชายของท่านเอง เรื่องของ วัตถุมงคลหลวงพ่อบุญมี ท่านได้สร้างเอาไว้หลายอย่าง ซึ่งล้วนมีประสบการณ์ทั้งสิ้น คนที่มีอยู่มักจะหวงแหนกันมาก จึงไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก นอกจากลูกศิษย์สายตรงของหลวงพ่อเท่านั้น
    วัตถุมงคลในยุคแรกๆ คือ มีดหมอ หลวงพ่อได้เรียนวิชานี้จาก หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง โดยตรง (คนละสายกับของ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ) หลวงพ่อบุญมีได้สร้างมีดหมอมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๐ เนื่องจากชาวบ้านแถววัดถูกผีเข้าบ่อยๆ ญาติจึงพามาหาหลวงพ่อ รักษาด้วยการรดน้ำมนต์ ซึ่งก็หายกลับไปทุกคน
    ต่อมามีคนเป็นกันบ่อย หลวงพ่อบุญมี จึงได้ทำมีดหมอขึ้นมาเพื่อแจกชาวบ้าน ไว้ใช้ป้องกันภูติผีปิศาจ และสัตว์ร้ายต่างๆ เมื่อชาวบ้านนำไปใช้ได้ผลดี จึงได้บอกกล่าว ปากต่อปาก ทำให้มีดหมอของท่านมีกิตติคุณเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายออกไป
    ต่อมา พ.ศ.๒๔๙๗ หลวงพ่อบุญมี ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นประทวน จึงได้สร้าง เหรียญรุ่นแรก ขึ้นเพื่อแจกเป็นที่ระลึก เป็นเหรียญปั๊มแบบโบราณ ลักษณะเหรียญด้านหลังเป็นท้องกระทะ ด้านหน้านูน เป็นเหรียญปั๊มหูในตัว ตัดขอบแบบโบราณ ห่วงเชื่อม เป็นเหรียญเนื้อทองแดงกะไหล่ทอง เพียงเนื้อเดียว ลักษณะบล็อกตื้น (นูนต่ำ) สวยงามมาก ด้านหน้า เป็นรูปหลวงพ่อห่มคลุมครึ่งองค์ มีตัวหนังสือเขียนว่า "พระครูบุญมี ฉัยยาติสสะโร วัดเขาสมอคร" (ตัวหนังสือคำว่า "พระ" สระอะจะปั๊มไม่ค่อยติด และคำว่า "สมอคร" ใช้ "คร" ไม่ใช่ "คอน")

    ต่อมา พ.ศ. ๒๕๐๗ หลวงพ่อบุญมี ได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบล จึงได้สร้างรูปเหมือนปั๊ม เนื้อทองแดงอย่างเดียว ด้านหน้าตรงฐานเขียนว่า หลวงพ่อบุญมี มียันต์ตรงสังฆาฏิ (ยันต์เฑาะว์) และในปีเดียวกันนี้ ได้มีคณะลูกศิษย์จัดสร้าง รูปเหมือนปั๊ม เนื้อทองเหลืองกะไหล่ทอง ด้านหน้ามีตัวอักษรเขียนว่า หลวงพ่อมี มี ๒ พิมพ์ คือ พิมพ์จีวรตรง และ พิมพ์จีวรโค้ง ด้านหลังมียันต์ มะ อะ อุ เป็นตัวนูน ใต้ฐานเป็นรอยวงเดือน
    พ.ศ. ๒๕๐๙ หลวงพ่อบุญมี ได้รับตำแหน่งเป็นรองเจ้าคณะอำเภอท่าวุ้ง จึงได้สร้างเหรียญที่ระลึกขึ้น เป็นเหรียญปั๊มรูปไข่ขนาดเล็กกะทัดรัด มีทั้งเนื้อทองแดงผิวไฟ เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง และเนื้อเงิน
    พ.ศ.๒๕๑๗ หลวงพ่อบุญมี อายุครบ ๗๗ ปี คณะศิษย์ได้จัดงานทำบุญขึ้น จึงได้สร้าง พระพิมพ์สมเด็จ เนื้อเทียนชัย ขึ้น เพื่อแจกเป็นที่ระลึก ด้านหน้าเป็นรูป หลวงพ่อสัมฤทธิ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ในโบสถ์ ศิลปะเชียงแสน
    พระพิมพ์สมเด็จ เนื้อเทียนชัย แบ่งออกเป็น ๒ พิมพ์ คือ พิมพ์หน้าใหญ่ และพิมพ์หน้าเล็ก ด้านหลัง เป็นรูปหลวงพ่อ เหนือขึ้นไปมีตัวหนังสือเขียนว่า "ที่ระลึกงานทำบุญอายุ ๗๗ ปี" ใต้รูปหลวงพ่อเขียนว่า "หลวงพ่อมี วัดเขาสมอคอน" เป็นพระเนื้อผงน้ำมันผสมเทียนชัย (พิมพ์หน้าเล็ก หลวงพ่อจะหันหน้ามาทางขวามือเรา พิมพ์หน้าใหญ่ หันหน้าไปซ้ายมือเรา) พระพิมพ์สมเด็จนี้ชาวบ้านส่วนมากจะเรียกว่า "พระสมเด็จรุ่นมีฤทธิ์" เนื่องจากมีประสบการณ์มากมาย และเป็นพระพิมพ์สมเด็จรุ่นแรก
    วัตถุมงคลหลวงพ่อบุญมี ยังมีอีกมากมายหลายรุ่นหลายแบบ เท่าที่มีหลักฐานชัดเจนพอที่จะรวบรวมเป็นหมวดหมู่ได้ มีดังนี้
    ชุดเหรียญ
    ๑.เหรียญรุ่นแรก พ.ศ.๒๔๙๗
    ๒.เหรียญรุ่น ๒ ทรงเสมา ปี ๒๕๐๐ ๓.เหรียญรุ่น
    ๓ พิมพ์รูปไข่ ห่มคลุม ปี ๒๕๐๙ เนื้อทองแดงผิวไฟ และทองแดงกะไหล่ทอง
    ๔.เหรียญปี ๒๕๑๒ พิมพ์สามเหลี่ยมหน้าจั่ว หลวงพ่อนั่งขัดสมาธิเต็มองค์ เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง
    ๕.เหรียญงานพุทธาภิเษก ปี ๒๕๑๓ ทรงอาร์มมี ๒ พิมพ์ คือ พิมพ์หน้าตรง และพิมพ์หันข้าง เนื้อชุบนิกเกิล เนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อเงินหน้าทอง และเนื้ออัลปาก้า
    ๖.เหรียญปี ๒๕๑๗ รูปไข่ สร้างน้อย เนื้อทองแดงรมดำ
    ๗.เหรียญปี ๒๕๑๙ รูปไข่ เนื้อทองแดงผิวไฟ และเนื้อทองแดงกะไหล่ทอง
    ๘.เหรียญปี ๒๕๒๐ รุ่นตัวหนังสือตลก เป็นเหรียญรูปไข่ขนาดใหญ่ หันข้าง เนื้อทองแดง
    ๙.เหรียญปี ๒๕๒๑ เรียกกันทั่วไปว่า "รุ่นตาฉิ่งยิงเด็ก" เป็นเหรียญทรงใบสาเก หันข้าง เนื้อทองแดง
    ๑๐.เหรียญปี ๒๕๒๑ รุ่นเสาร์ ๕ เป็นเหรียญทรงเสมา หน้าตรง เนื้อทองแดงรมดำ
    ๑๑.เหรียญปี ๒๕๒๒ รุ่นแจกผ้าป่า เป็นเหรียญทรงหยดน้ำ ข้างกนกมีเนื้อเงิน เนื้อทองแดงลงยาสีต่างๆ และแบบมีปีกไว้แจกกรรมการ และเหรียญล้อแม็กซ์
    ๑๒.เหรียญรุ่นลายฉลุหันข้าง
    ๑๓.เหรียญใบโพธิ์เนื้อทองแดง
    ๑๔.เหรียญสร้างมณฑป ปี ๒๕๒๕
    ชุดรูปเหมือนปั๊ม
    ๑.รูปเหมือนปั๊ม ยันต์ฐาน ใต้ฐานมียันต์ มะ อะ อุ มี ๒ พิมพ์คือ พิมพ์จีวรโค้ง และจีวรตรง
    ๒.รูปเหมือนปั๊มยันต์สังฆาฏิ ถือว่าเป็นรูปเหมือนปั๊มที่ออกแบบมาได้คล้ายกับองค์หลวงพ่อมากที่สุด ที่สังฆาฏิจะมียันต์ เฑาะว์
    ๓.รูปเหมือนปั๊มค่อมใหญ่
    ๔.รูปเหมือนปั๊มค่อมเล็ก
    ๕.รูปเหมือนปั๊มพนักอิง

    ชุดเครื่องราง
    ๑.ผ้ายันต์ เสื้อยันต์ ธงแม่ทัพ ๒.มีดหมอ ยุคต้น เป็นด้ามไม้ ฝักไม้ ใบเหล็ก พัฒนามาเป็นใบสแตนเลส ด้ามงาฝักงา ด้ามงาฝักไม้ ๓.มีดปากกาปาร์กเกอร์ ยุคต้น ๔.ตะกรุดโทน ๕ นิ้ว ๕.ตะกรุด ๑๐๘ สามกษัตริย์ ๖.ตะกรุดสาลิกา ๗.ลูกอม ๘.แหวน ๙.เขี้ยวเสือ เสืองาแกะ สิงห์งาแกะ ๑๐.สีผึ้ง
    ชุดพระบูชา พระผง มีทั้งพระบูชารูปหลวงพ่อสัมฤทธิ์ พระบูชารูปหลวงพ่อบุญมี ส่วนพระเนื้อผงมีพระพิมพ์สมเด็จหลวงพ่อสัมฤทธิ์ หลังหลวงพ่อบุญมี เนื้อเทียนชัย สร้างปี ๒๕๑๗
    ชุดรูปถ่าย ล็อกเก็ต
    ๑.รูปถ่ายหลังจารมือ รูปถ่ายหลังตะกรุดสามกษัตริย์ ๒.ลอกเก็ตขนาดต่างๆ พิมพ์กลม และพิมพ์รูปไข่ ๓.แหนบเสาร์ ๕ ๔.แหนบรุ่นฟ้าผ่า ๕.รูปถ่ายขนาดบูชา ในชุดนี้ประกอบด้วย รูปถ่ายปี ๒๕๐๙ งานฉลองตราตั้ง พัดยศ รูปถ่ายนกคุ้ม และรูปถ่ายนั่งธรรมมาสน์ ฯลฯ

    หลวงพ่อบุญมี ได้เริ่มอาพาธด้วยโรคชรา ระบบการทำงานของหัวใจล้มเหลว ได้มรณภาพเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๒๕ สิริอายุรวม ๘๔ ปี ปัจจุบันสรีระของท่านได้บรรจุอยู่ในหีบแก้ว เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ และผู้ที่เคารพนับถือ ได้สักการบูชา อยู่ที่หอสวดมนต์ วัดเขาสมอคอน อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความอย่างสูงครับ

    เหรียญสวยเดิมๆครับได้มาแบบนี้พร้อมซองเดิมๆดูสภาพซองได้ครับคนลพบุรี

    ยุคเก่าๆรู้จักวัดเขาสมอคอนทั้งนั้นครับ ทหาร ตำรวจ ศฺลปิน ดารา นักแสดงนัก

    ร้อง ถ้าทางใต้มีเขาอ้อ เป็นตักศิลา อยุธยามีสายวัดประดู่ทรงธรรม ลพบุรีก็เขา

    สมอคอนนี้หละครับ ...พระหลวงพ่อที่สุดของการแสวงหาของคนลพบุรี

    ที่สุดของประสบการณ์ มีดหมอหลวงพ่อมี ก็มีราคาไล่ตามหลังหลวงพ่อเดิม

    แล้วครับ.......เหรียญสร้างแจกที่ระลึกธนาคารกรุงเทพ มาพร้อมซองเดิมๆครับ

    ให้บูชา 600 บาทค่าจัดส่ง EMS 50 บาทครับ สวยเดิมๆ
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี

    เหรียญหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี หลังหนุมาน เหรียญนี้แถบไม่เคยเห็น

    พระหลวงพ่อแพที่จะออกแนวบู๊ ส่วนมากพระท่านจะทางด้านเมตตามหานิยม

    น่าจะมีรุ่นเดียวที่หลังหนุมานครับ

    เหรียญหลวงพ่อแพหลังหนุมานพร้อมล็อคเก็ตโบราณหน้าหนุ่มสภาพเดิมๆ

    ให้บูชา 450 บาทค่าจัดส่ง EMS 50 บาทครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว นครสวรรค์

    รูปถ่ายหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว นครสวรรค์ ศิษย์เอกหลวงพ่อเดิมครับ

    ตามสภาพครับกระดาษเก่าถึงยุคครับ

    ให้บูชา 100 บาทคาจัดส่งEMS 50 บาทครับ(ปิดรายการ)
    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2011
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    ลพ.เคน วัดเขาอีโต้ ปราจีนบุรี

    รูปลพ.เคน วัดเขาอีโต้ ปราจีนบุรี ครูบาอาจารย์อาวุโส ที่มีชื่อเสียงและอายุยืน

    ของปราจีนบุรีครับ ตามสภาพครับ สายวิชาของท่านที่ทำให้ท่านมีคนรูจักไซ

    ดักทรัพย์เรียกทรัพย์ นกสาลิกา

    ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ(ปิดรายการ)

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2011
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงพ่อแล วัดพระทรง เพชรบุรี

    เหรียญหลวงพ่อแล วัดพระทรง เพชรบุรี หลังหนุมาน ครูบาอาจารย์ทางด้านสัก

    ยันต์ครับ หลวงพ่อเป็นศิษย์หลายสายมากๆครับหลวงพ่อเดิม หลวงพ่อแช่ม

    เรียกว่าครูบบาอาจารย์ยุคเก่าๆนั้นหลวงพ่อเป็นศิษย์หลายท่านครับและทุกท่าน

    ก็มีชื่อเสียงอย่างมากครับให้บูชาคู่กันรูปถ่ายพร้อมเหรียญ หลังหนุมานหาวเป็น

    ดาวเป็นเดือน

    300 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ(ปิดรายการ)

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2011
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงพ่อจ้อย วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ สุราษฎธานี

    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="85%" height="100%">[​IMG]

    หลวงพ่อจ้อย ฐิตปุญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ และ อดีตเจ้าคณะอำเภอดอนสัก
    วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี


    ที่มาจาก http://www.muangkondee.com/index.php?topic=263.0

    ท่านเจ้าคุณ พระกิตติมงคลพิพัฒน์ ท่านมีนามเดิมว่า จ้อย นามสกุล พันธุ์อุดม ต่อมาท่าน พระครูวอน (ไม่ทราบฉายา) ผู้เป็นอา ได้เปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น ไกรวงศ์ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ.2448 ตรงกับวันพุธ ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 4 ปีมะเส็ง ณ บ้านหัวรอ ตำบลม่วงงาม อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา เป็นบุตร นายนวล - นางห้อง พันธุ์อุดม มีอาชีพกสิกรรม ท่านเป็นบุตรคนเดียวของพ่อแม่

    การศึกษาท่านได้รับการศึกษาที่ วัดมะขามคลาน ตำบลม่วงงาม อำเภอเมืองสงขลา มีท่านพระครูวอน พุทธสโร เป็นผู้สอน ท่านมีความสนใจใฝ่รู้เป็นอย่างมาก และท่านได้ศึกษาวิชาความรู้ต่าง ๆ เช่น วิชาภาษาไทย ภาษาบาลี อักษรขอม เวทมนตร์ คาถาอาคม โหราศาสตร์ และแพทย์แผนโบราณ

    ชีวิตในวัยหนุ่มของท่านท่านตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี เนื่องจากพ่อไปมีภรรยาใหม่ และท่านได้หลงผิดไประยะหนึ่ง จนถึงกับได้กระทำกรรมที่ไม่ดี จนถึงกับทำให้พ่อแม่ญาติมิตรเดือดร้อนไปด้วย บิดาจึงส่งให้ไปอาศัยกับน้าสาวที่อำเภอดอนสัก ด้วยอำนาจบุญกุสลบารมีที่ท่านเคยสั่งสมไว้จึงทำให้ท่านได้พบกัลยาณมิตรแนะนำ จนกระทั่งเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ท่านจึงได้กลับไปอุปสมบทที่จังหวัดสงขลา จนกระทั่งครบ 1 พรรษา ท่านจึงลาสิกขากลับมาอยู่ที่ดอนสักตามเดิม และต่อมาท่านได้แต่งงานกับ นางสาวพัว อยู่ครองชีวิตสร้างฐานะครอบครัวจนกระทั่งมีบุตรธิดาด้วยกัน 9 คน ท่านประกอบอาชีพทำนา ทำสวน และเผาถ่าน ต่อมาได้เป็นแพทย์ประจำตำบลดอนสัก

    ต่อมาได้รับการอุปสมบทเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นการบวชแก้บน ที่วัดดอนยาง หมู่ที่ 7 ตำบลท่าทอง อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีพระอธิการเริ่ม ฐานิโย เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูประจักษ์วรคุณ เจ้าอาวาสวัดประสพ ตำบลท่าทอง อำเภอกาญจนดิษฐ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์, พระอธิการวัด วัดนทีวัฒนาราม ตำบลชลคราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า จิตปุญฺโญ

    ท่านบวชเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2490 โดยท่านเล่าให้ศิษยานุศิษย์ฟังว่า ในระหว่างที่บวชอยู่นั้น ท่านคิดจะลาสิกขาถึง 2 ครั้ง แต่ในที่สุดท่านได้พิจารณาเห็นว่า เมื่อได้หลีกออกจากเครื่องพันธนาการในเพศคฤหัสถ์แล้ว ไม่สมควรที่จะวิ่งกลับเข้าไปหาเครื่องพันธนาการ คือกิเลสตัณหาอีก จึงได้ตัดสินใจอยู่ครองสมณเพศ บำเพ็ญประโยชน์ทั้งส่วนตน ส่วนพระพุทธศาสนา ส่วนสังคมและท้องถิ่นอย่างสมบูรณ์ตลอดมา นับว่าเป็นการเจริญตามรอยบาทพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ในฐานะที่ท่านเป็นพระภิกษุสงฆ์ในบวรพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง

    ผลงานการพัฒนาท้องถิ่นของท่านท่านเจ้าคุณ "พระกิตติมงคลพิพัฒน์" ท่านได้ดำเนินการพัฒนาท้องถิ่นมีเป็นจำนวนมาก จนสามารถกล่าวได้อย่างสนิทใจ และภาคภูมิใจว่า ดอนสักทั้งดอนสัก เจริญรุ่งเรืองเป็นดอนสักได้นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานที่หลวงพ่อจ้อยได้สร้างแทบทั้งสิ้น เพื่อให้เห็นประจักษ์แจ้ง จึงขอจำแนกเป็นด้านต่าง ๆ ดังนี้

    1. ถนน ได้ดำเนินการตัดถนนสายต่าง ๆ ในอำเภอดอนสักหลายสาย โดยท่านเป็นผู้อำนวยการในการตัดถนน และประสานงานกับเจ้าของที่ดิน โดยไม่ต้องมีการเวนคืน เช่น ถนนสายดอนสัก - ขนอม ถนนสายดอนสัก - บ้านใน ถนนสายสวนมะพร้าว - ท้องอ่าว ฯลฯ

    2. การไฟฟ้า ท่านเป็นผู้ริเริ่มนำเครื่องปั่นไฟมาใช้ในบ้านดอนสัก และได้ประสานงานกับหน่วยงานและส่วนราชการต่าง ๆ จนในที่สุดมีไฟฟ้าใช้ทั่วทั้งสุขาภิบาลอำเภอดอนสัก

    3. การประปา ท่านได้ติดต่อประสานงานกับหน่วยเจาะบาดาล กระทรวงมหาดไทย ต่อมาได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่ง ให้ดำเนินการเรื่องน้ำให้กับชาวดอนสัก จนทำให้ชาวดอนสักมีน้ำประปาใช้มาจนถึงปัจจุบันนี้

    4. สิ่งก่อสร้างภายในวัด ได้แก่ สร้างกุฏิ จำนวน 9 หลัง สร้างศาลาการเปรียญ จำนวน 1 หลัง สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม จำนวน 1 หลัง สร้างหอฉัน จำนวน 2 หลัง สร้างอุโบสถ จำนวน 1 หลัง สร้างเมรุ จำนวน 1 หลัง สร้างเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุ สร้างอนุสาวรีย์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต

    การได้รับเลื่อนสมณศักดิ์หลวงพ่อจ้อย ท่านได้สร้างคุณูปการทั้งแก่พระพุทธศาสนา ประเทศชาติ สังคม และประชาชนมากมาย จนชื่อเสียงเกียรติคุณของท่านได้รับการเลื่องลือกล่าวสรรเสริญไปทั่วทุกสารทิศ จนถึงกับได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เพื่อเป็นเกียรติ บูชาคุณงามความดีของท่านตามลำดับ ดังนี้

    28 มีนาคม 2500 เป็นพระใบฎีกาจ้อย
    1 มกราคม 2504 เป็นพระครูใบฎีกาจ้อย
    5 ธันวาคม 2514 เป็นพระครูสุวรรณประดิษฐการ เจ้าคณะตำบลชั้นตรี ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
    5 ธันวาคม 2527 เป็นพระครูสุวรรณประดิษฐการ เจ้าคณะตำบลเอก ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
    5 ธันวาคม 2530 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ "พระกิตติมงคลพิพัฒน์" พระเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งตามที่ปรากฏและท่านเป็นที่

    ทราบกันโดยทั่วไปขณะนั้นว่า ท่านเป็นพระเถระ ระดับเจ้าคณะอำเภอเพียงรูปเดียวเท่านั้นในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นถึงชั้นพระราชาคณะ

    พ่อหลวงจ้อยกับราชวงศ์ในช่วงระยะเวลา 46 ปีที่พระกิตติมงคลพิพัฒน์จำพรรษาอยู่ ณ วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ บารมีของท่านเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ได้เสด็จมาประกอบพิธีต่าง ๆ ดังนี้

    1. วันที่ 21 - 23 มีนาคม พ.ศ.2513 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต เสด็จมาเยี่ยมราษฎร ณ วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ เป็นครั้งแรก

    2. วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ.2513 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงยกช่อฟ้าพระอุโบสถ

    3. วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ.2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้ง 2 พระองค์ เสด็จมาทรงเปิดประปา และทรงพระราชทานธงลูกเสือชาวบ้าน

    4. วันที่ 20 กันยายน พ.ศ.2526 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาทรงวางศิลาฤกษ์ และยกฉัตรทองคำพระเจดีย์จตุรมุขบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

    5. วันที่ 26 เมษายน พ.ศ.2528 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ มาประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและยกช่อฟ้า นอกจากนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ มาทรงเยี่ยมพระกิตติมงคลพิพัฒน์

    6. วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2540 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนิน อย่างเป็นทางการมาเป็นองค์ประธานในการบรรจุศพ และเททองหล่อรูปเหมือนพระกิตติมงคลพิพัฒน์ (พ่อหลวงจ้อย)

    ท่านเจ้าคุณ " พระ กิตติมงคลพิพัฒน์" ได้มรณภาพลงด้วยอาการอันสงบ ซึ่งเป็นธรรมชาติของสังขาร เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2536 อายุ 89 ปี พรรษา 46 ซึ่งคณะศิษยานุศิษย์ทุกระดับชั้น ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ได้จัดบำพ็ญบุญกุศลถวายท่านอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความกตัญูกตเวที ความสำนึกมั่นในอุปการคุณและคุณูปการที่ท่านมอบไว้ให้เป็นมรดกแก่อนุชนรุ่น หลังอย่างมากมายเหลือที่จะพรรณนาให้หมดได้



    พระเจดีย์วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ สูงสง่างดงาม
    ตั้งอยู่บนยอดเขา บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้มาจากวัดพระเกียรติ อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่
    หลวงพ่อจ้อย เกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งภาคใต ้เป็นผู้บุกเบิกสร้างขึ้นตั้งแต่ ปี พ.ศ.2525

    ต่อมา คณะศิษยานุศิษย์ทั่วทุกสาระทิศ ได้ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมทุนกันจัดสร้าง "มณฑปหลวงพ่อจ้อย" ไว้เป็นอนุสรณ์สถาน เพื่อให้ทุกท่านได้สักการะบูชาที่ "วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์" ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในอันที่จะสรรค์สร้างคุณงามความดี เจริญรอยตามจริยาอันดีงามของท่าน ซึ่งปัจจุบันมีศิษญานุศิษย์ ข้าราชการ พ่อค้า และประชนหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสาระทิศมาสักการะบูชาอยู่ทุกวัน จนแทบจะกล่าวได้ว่า "กลิ่นธูป แสงเทียน ไม่เคยขาดหายไปจากมณฑปหลวงพ่อจ้อย" อย่างแท้จริง

    ปัจจุบันนี้ ถึงแม้ว่าร่างกายของท่านเจ้าคุณพระกิตติมงคลพิพัฒน์ (จ้อย ฐิตปุญฺโญ มหาเภระ) จะได้มรณภาพไปแล้วตามธรรมชาติของสังขาร แต่คุณงามความดี บารมีธรรม ผลงานที่ท่านได้สร้างไว้ให้เป็นมรดกของชาวดอนสัก ชาวสุราษฎร์ธานี ของชาวพุทธทั่วทั้งโลกทั้งหมดนั้น ล้วนแล้วแต่ยังคงจารึกมั่นอยู่ในความทรงจำ ในจิตใจ ของประชาชนชาวสุราษฎร์ธานี และของชาวพุทธทั้งโลกอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย

    รวบรวมและเรียบเรียงโดย

    พระมหาบุญโฮม ปริปุณฺณสีโล(ไชยฤทธิ์)
    ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าไทร
    พระเปรียญและพระบัณฑิตอาสพัฒนาจังหวัดสุราษฎร์ธานี
    เลขานุการเจ้าคณะภาค ๑๖


    </TD></TR><TR><TD class=mediumtext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2>ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความและที่มาอย่างสูงครับ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เหรียญหลวงพ่อจ้อย ออกวัดกล้วย นนทบุรีครับ พิธีใหญ่ แต่ลำพังหลวงพ่อ

    จ้อยก็เป็นที่เคารพบูชาอย่างสูงแล้วครับ เหรียญสวยสภาพเดิๆครับ

    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่ง EMS 50 บาทครับ(ปิดรายการ)

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2011
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    พระอาจารย์บุญ ชินวังโส สกลนคร

    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="85%" height="100%">สัมมาสมาธิ...เป็นอย่างไร?



    ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าหลายต่อหลายครั้งผู้เขียนพยายามที่จะเน้นให้เห็นว่า ศาสนาพุทธของเรานั้นมุ่งเน้นไปในเรื่อง การขัดเกลา ‘จิต’ ของตนเป็นสำคัญด้วยประโยคที่ว่า ‘จิตเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน’ คือทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยจิตทั้งสิ้น

    ไม่ว่า ‘ดี’ หรือ ‘ชั่ว’ อยู่ที่มโน คือใจเป็นประการแรก

    จิตกับใจ... ‘ปรุงแต่ง’ เห็นดีเห็นงาม... ‘กาย’ จึงกระทำ

    โบราณาจารย์ทั้งหลายกล่าวไว้ว่า จิตเดิมแท้ของมนุษย์เป็นของพิสุทธิ์สว่างไสว

    ดังคำพูดที่ว่า...

    ‘มนุษย์มาจาก ‘อาภัสรพรหม’ คือพรหมผู้มีแสงสว่าง’ นั่นเอง

    หากใจปัจจุบัน จิตอันเป็นประภัสสรสว่างไสวนั้น ถูกกิเลส ตัณหาและอวิชชา...ห่อหุ้มไว้ กิเลสคือเครื่องเศร้าหมอง ตัณหาเป็นยางเหนียว และอวิชชาคือความไม่รู้ สามสิ่งนี้ทำให้เหล่าอาภัสรพรหมยึดติดในวัฏฏะด้วยความ อยากได้ อยากมี อยากเป็นจวบจนบัดนี้ และอีกนานนับกัปกัลป์ด้วยหลงใน ‘อุปาทาน’ นั้น

    ดังนั้น การก้าวสู่มรรค-ผล-นิพพาน จึงมิต่างจากการพยายามลอกเปลือกแห่ง ‘อวิชชา’ ลอกตัว ‘ตัณหากิเลส’ ออกจากจิต...จนเกิด ‘รู้’ ในธรรม อันหมายถึง ‘ความถูกต้อง’ แท้จริง!

    สิ่งที่เป็นสัจจะเป็นความถูกต้องเรียกว่า ‘พระธรรม’



    การลอกเปลือกแห่ง ‘ตัณหาและอวิชชา’ นั้นมีขั้นตอนสั่งสอนจิตอยู่สามระดับ... ระดับแรกคือ ‘ศีล’ ศีลเป็นกฎเกณฑ์เพื่อความไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นในสังคม ศีลระงับกิเลสตัณหาอย่างหยาบ มิให้เกิดกรรมอันเป็นส่วนของ ‘กายะกัมมัง’ กรรมอันเกิดแต่กายหยาบ...

    สองคือ ‘สมาธิ’ โดยใช้การตั้งมั่นแห่งจิตใจด้วย ‘สติ’ เพื่อให้จิตเกิดสัมปชัญญะ คือความถึงพร้อมแห่งภาวะจิตมีความมั่นคงไม่โยกคลอนไปตาม ‘ธรรมารมณ์’ คือสิ่งเร้าทุกประการจากภายนอกเข้ามาปรุงแต่ง ‘จิต’ ให้ฟุ้งซ่านเป็นอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง ทั้งสี่ประการนี้แลที่ทำให้เราเกิดอุปาทานถืออัตตาเป็น‘ตัวกู-ของกู’ สิ่งนี้เรียกว่า ‘การยึดมั่นถือมั่น’

    ทั้งที่...ความจริง...ทุกสิ่งอันมิใช่ตัวตนของตนแม้แต่น้อย...

    ประการสุดท้ายคือ ‘ปัญญา’ ปัญญาในที่นี้มิใช่ปัญญาปกติแบบทางโลก หากปัญญาในความหมายของพุทธศาสนาคือ ‘การรู้เท่าทัน’ รู้เท่าทันความเป็นจริงของโลก ของธรรม และของจิต

    รู้...เช่นนี้ คือ ‘พุทโธ’ อันหมายถึง การตื่นจากตัณหา อวิชชา...เบิกบานจิตใจ ไม่มัวหมองด้วยกิเลสตัณหาและความไม่รู้ตลอดกาล

    เมื่อกล่าวถึงจิต...ก็ต้องยกตัวอย่างให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น ถ้าไม่ยกตัวอย่างเช่นนั้นก็ยากจะทำความเข้าใจได้...ด้วย ‘จิตเป็นภาวะนามธรรม’ เป็นสิ่งที่มิอาจจับต้องได้นอกจากความรู้สึกของตนเท่านั้น

    ‘จิต...คล้ายกับน้ำ...’ เป็นคำกล่าวของพระครูวิมลญาณวิจิตร (พระอาจารย์บุญ ชินวังโส) จะดื่มกินก็ได้ จะรดต้นไม้ก็ได้ ถ้านำน้ำไม่สะอาดเช่นน้ำทะเล จะเอามารดต้นไม้ก็ไม่ได้เช่นกันเพราะมันเค็ม...มันไม่สะอาด จิตของมนุษย์ก็เช่นกันถ้าไม่สะอาดคือกิเลสเป็นเครื่องเจือปน ทำให้น้ำจิตของเราไม่สะอาดไปตามอำนาจกิเลสแล้ว จะไปใช้ประโยชน์อะไรก็ไม่ได้

    เช่นนี้ท่านจึงแนะนะให้เราหาหนทางชำระจิตให้ผ่องใสด้วยการรักษาศีลและการเจริญภาวนาสมาธิ

    ท่านพระอาจารย์บุญ ชินวังโส กล่าวว่า การภาวนานั้นเป็นการควบคุมไม่ให้จิตแส่ส่ายหลงใหลไปตามอารมณ์ เหมือนสำลีหรือนุ่นที่เป็นของเบา ต้องคอยมีอะไรรักษาไว้ มิฉะนั้นจะลอยไปตามลม (กิเลส-ตัณหา) จิตของเราก็เช่นกัน ต้องควบคุมด้วยการภาวนาตรวจค้นจิตเรา โดยการน้อมเข้ามาในตน ทบทวนเข้าหาจิตของเราแล้วตรวจตราอยู่เสมอ ให้รู้ผิด รู้ถูก รู้ดีชั่วของจิต...ค้นคิดในสิ่งผิด ในสิ่งหลง ในสิ่งเมา เมื่อเมาในกายก็ต้องให้เห็นตามความเป็นจริงว่า แท้จริงกายคือซากอสุภะ เป็นของสกปรก กายสร้างขึ้นได้ด้วยการเสพการดูดซากอสุภะมาหล่อเลี้ยงเอาไว้

    ถ้าเราหลงในวัตถุสิ่งของ ก็ต้องใช้ธรรมเข้าพิจารณา ธรรมอันเที่ยงแท้ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สรรพสิ่งต่างมีขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปในที่สุด พิจารณาให้เห็นจริงว่า

    แท้จริงไม่มีอะไรในโลกเป็นของเราเลยในที่สุด!

    เมื่อเป็นเช่นนั้นจะมัวหวงมัวหลงอยู่ทำไม?

    ในมรรคมีองค์ ๘ อันเป็นหนทางพิสุทธิ์เพื่อการขจัดทุกข์นั้น ข้อสุดท้ายคือ ‘สัมมาสมาธิ’ ซึ่งถือเป็นข้อสำคัญที่สุด เป็นข้อปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้นจากเครื่องข้องเกี่ยวที่เรียกว่า ‘วัฏฏะ’ โดยตรง



    เมื่อกล่าวถึง ‘สัมมาอาชีพ’ ทุกคนเข้าใจง่าย...กับคำว่าอาชีพอันถูกต้อง คือการประกอบอาชีพโดยสุจริตไม่เบียดเบียนคดโกงทำร้ายใคร

    “แล้วสัมมาสมาธิล่ะ?” หลายท่านอาจถามอย่างนั้น

    ก็คงต้องขออนุญาตหยิบยกโอวาทธรรมของพระอาจารย์บุญ ชินวังโส ขึ้นมากล่าวอ้างอีกวาระหนึ่ง คือท่านได้ยกพุทธดำรัสแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ประทานแก่มวลหมู่พระพุทธสาวกว่า

    “กูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สมาธิของพระอริยะอันมีเหตุมีองค์ประกอบ คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ เป็นไฉน...

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ที่จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง ประกอบด้วยองค์เจ็ดเหล่านี้แลเรียกว่าสัมมาสมาธิ ภิกษุในวินัยนี้สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลกรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก วิจาร มีปีติ และสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เธอบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตใจ ภายในเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะวิตกวิจารสงบไปและสุขเกิดขึ้นแต่สมาธิอยู่ เธอมีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่าผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข เธอบรรลุจตุตถฌานไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุข ละทุกข์ และดับโสมนัส โทมนัสก่อน ๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ อันนี้เรียกว่าสัมมาสมาธิ”

    ครับ...ด้วยพุทธดำรัสผ่านโอวาทธรรมโดยพระอาจารย์บุญ ชินวังโส ดังกล่าวคงเป็นคำตอบ และเป็นแนวทางอย่างดีสำหรับเราชาวพุทธทั้งหลายนำเอาไปปฏิบัติตนเพื่อบรรลุถึงการ ‘พ้นทุกข์’ ได้ในวันข้างหน้า!

    ขอบคุณเนื้อหาจากเว็บธรรมะ5นาทีดอทคอมอย่างสูงครับ


    </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่นครับ เหรียญสวยสภาพเดิมๆครับ รุ่น2 ของท่านครับ ท่านสรางพระไม่กี่รุ่นครับหาไม่ยากครับแต่ก็ไม่ง่ายสภาพเหรียญสวยๆ

    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ
    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2011
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงพ่อศรีทัติ วัดพระธาตุสามหมื่น ชัยภูมิ

    หลวงพ่อศรีทัติ วัดพระธาตุสามหมื่น ชัยภูมิเหรียญสวยสภาพเดิมๆ 44 ปีแล้ว

    ครับ

    ให้บูชา 400 ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,971
    ค่าพลัง:
    +5,386
    เหรียญหลวงพ่อจ้อย ออกวัดกล้วย นนทบุรีครับ พิธีใหญ่ แต่ลำพังหลวงพ่อ

    จ้อยก็เป็นที่เคารพบูชาอย่างสูงแล้วครับ เหรียญสวยสภาพเดิๆครับ

    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่ง EMS 50 บาทครับ

    [​IMG]
    ขอจองครับ
     
  12. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,971
    ค่าพลัง:
    +5,386
    หลวงพ่อแล วัดพระทรง เพชรบุรี<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->เหรียญหลวงพ่อแล วัดพระทรง เพชรบุรี หลังหนุมาน ครูบาอาจารย์ทางด้านสัก

    ยันต์ครับ หลวงพ่อเป็นศิษย์หลายสายมากๆครับหลวงพ่อเดิม หลวงพ่อแช่ม

    เรียกว่าครูบบาอาจารย์ยุคเก่าๆนั้นหลวงพ่อเป็นศิษย์หลายท่านครับและทุกท่าน

    ก็มีชื่อเสียงอย่างมากครับให้บูชาคู่กันรูปถ่ายพร้อมเหรียญ หลังหนุมานหาวเป็น

    ดาวเป็นเดือน

    300 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    ขอจองครับ
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงปู่เปลือง วัดบางแก้วผดุงธรรม พัทลุง

    [​IMG]
    หลวงปู่เปลื้อง ปัญญวันโต
    อริยสงฆ์ผู้อธิษฐานไม่นอนตลอดชีวิต


    “เหนือลิขิต ประกาศิตฟ้าดิน” ฉบับนี้จะพาท่านผู้อ่านไปพบพระเถระผู้อยู่เหนือธรรมชาติ คือ ไม่นอนตลอดชีวิต เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นได้แต่ก็เป็นไปแล้ว และปรากฏเป็นจริงจนเป็นที่กล่าวขวัญกันตลอดมา

    นาวาอากาศเอกอภิชัย ศักดิ์สุภา แห่งกองทัพอากาศเล่าว่า เมื่อครั้งที่ไปรับตำแหน่งผู้บังคับกองทัพทหารอากาศโยธินกองบิน ๕๖ กองพลบินที่ ๔ จังหวัดสงขลา ได้พบพระเถระผู้ทรงศีลเป็นเลิศท่านหนึ่ง ชื่อ “หลวงปู่เปลื้อง ปัญญวันโต” ท่านเป็นพระเถระที่อธิษฐานจิตไม่นอนตลอดชีวิตมุ่งนั่งบำเพ็ญเพียรภาวนาตลอดเวลาจนบรรลุธรรมชั้นสูง มีอยู่ครั้งหนึ่ง นาวาอากาศเอกอภิชัย ศักดิ์สุภา เล่าว่า

    เรื่องที่ผมประสบด้วยตัวเองก็คือ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ ผมได้พาภรรยากับน้องชายของภรรยาไปกราบ หลวงปู่เปลื้อง ปัญญวันโต ที่วัดบางแก้วผดุงธรรม เนื่องจากเมื่อวานผมได้ไปงานทอดกฐินสามัคคีที่วัดนาทวี อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา ก็ได้ถ่ายรูปไว้จำนวนหนึ่ง คาดว่าคงจะถ่ายได้อีกสัก ๑๒ รูป ซึ่งผมก็ได้ถ่ายรูปอิริยาบถต่างๆ ของหลวงปู่เปลื้องไว้ ก็ไม่เห็นท่านว่าอะไร

    พอผมเข้าไปขออนุญาตให้ภรรยากับน้องชาย นั่งด้านล่างที่พื้นข้างหน้าท่านเพื่อถ่ายรูป ท่านกลับทักผมว่า “มันจะติดหรือ? มันไม่มีไอ้นั่นน่ะ” ผมก็เข้าใจว่าไอ้นั่นที่พูดถึงคือแฟลช ผมจึงตอบท่านว่า “ติดครับ แต่อาจจะไม่ชัดนัก” แล้วผมก็ถ่ายรูปไว้ ๑ รูป จากนั้นผมก็ให้ภรรยามาเป็นคนถ่ายรูปให้ผมบ้าง ซึ่งท่านก็ทักอีกเป็นครั้งที่ ๒ ว่า “มันจะติดหรือ?” ผมกับภรรยาก็ยืนยันว่าติดแน่นอน ภรรยาของผมจึงถ่ายรูปไว้อีก ๑ รูป

    หลังจากที่ออกจากวัดบางแก้วผดุงธรรมแล้ว ผมได้พาภรรยากับน้องชายไปเที่ยวน้ำตกโตนงาช้าง โดยผมให้กล้องถ่ายรูปไปด้วย พร้อมบอกว่าให้ถ่ายรูปให้ฟิล์มหมดม้วนไปเลย ส่วนผมของีบในรถ ครึ่งชั่วโมงต่อมาภรรยากับน้องชายก็กลับมา และบอกว่าถ่ายไปประมาณ ๑๐ รูป แล้วฟิล์มยังไม่หมดสักที

    ผมรับกล้องมาด้วยความสงสัย จึงเปิดฝาหลังกล้องดู ปรากฏว่าไม่มีฟิล์มอยู่ในกล้อง! ผมกับภรรยาถึงกับหัวเราะกันยกใหญ่ หัวเราะที่ว่าหลวงปู่ท่านก็ทักแล้วถึง ๒ ครั้ง ผมยังดันทุรังถ่ายรูปอยู่ได้

    นาวาอากาศเอกอภิชัย เล่าว่า เป็นเรื่องที่หลวงปู่ล่วงรู้ได้เหมือนตาเห็น และอีกเรื่องหนึ่งคือ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘ ทอ. ได้ย้ายเครื่องบิน T-๓๓ ทั้งหมดมาประจำการที่ กองบิน ๕๖ฯ จังหวัดสงขลา เนื่องจากเครื่องบิน T-๓๓ มีอายุการใช้งานมานาน สภาพและสมรรถนะของเครื่องยนต์ก็เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ถึงแม้ว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างฯ จะทำการบำรุงรักษาและซ่อมให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้อย่างดีที่สุดแล้วก็ตาม ยังปรากฏว่าเครื่องบิน T-๓๓ มักจะประสบอุบัติเหตุบ่อยๆ ทำให้นักบินต้องเจ็บ-ตายไปหลายคน

    ในปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ทางกองบิน ๕๖ฯ จึงได้นิมนต์หลวงปู่เปลื้องจากวัดบางแก้วผดุงธรรม มาทำพิธีและพรมน้ำมนต์ให้กับเครื่องบิน T-๓๓ นอกจากนี้ทางกองบิน ๕๖ฯ ยังขอเส้นเกศาของหลวงปู่เปลื้องมาติดไว้ในห้องนักบินทุกเครื่อง เพื่อเป็นสิริมงคลและรอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งปวง และที่น่าทึ่งเป็นที่สุดก็คือ หลังจากหลวงปู่เปลื้องไปทำพิธีและติดเส้นเกศาของท่านในเครื่องบิน T-๓๓ แล้ว ไม่เคยปรากฏว่ามีเครื่องบิน T-๓๓ ประสบอุบัติเหตุตกอีกเลย จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ทอ. จึงได้ปลดประจำการเครื่องบิน T-๓๓ นี้จนหมดสิ้น รวมอายุการใช้งานใน ทอ. ไทยก็ ๔๐ ปี พอดี

    หลวงปู่เปลื้อง ปัญญวันโต หรือพระครูวิจิตรกิตติคุณ นามเดิมท่านชื่อ เปลื้อง มุสิกอุปถัมภ์ บิดาชื่อ นายอ้น มุสิกอุปถัมภ์ มารดาชื่อ นางเอี่ยม มุสิกอุปถัมภ์ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง ตรงกับวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๔๖ ที่อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง

    เมื่ออายุ ๕-๖ ขวบ ได้เรียนหนังสือที่วัดห้วยลึก อำเภอปากพะยูน เรียนอยู่ปีเศษก็สามารถอ่านและเขียนได้หมด ตอนเด็กๆ ท่านลำบากมาก ตัวเล็กและขี้โรค พอท่านโตขึ้นมาก็ยังเจ็บป่วยบ่อยๆ เป็นโรคนานาชนิด ไม่คิดว่าจะอายุยืนถึง ๓๐ ปี แต่เวลาเจ็บป่วยครั้งใด จะมีเทวดามาบอกยาให้ไปทำกิน แล้วจะหายทุกครั้ง ยาที่เทวดาบอกมี ๒-๓ ขนาน (ส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรมีพิษ)

    เมื่ออายุ ๑๙ ปี ได้บวชเป็นสามเณรที่วัดโตนด อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง และเมื่ออายุ ๒๐ ปี ก็ได้ญัตติเป็นพระภิกษุ โดยมีพระธรรมจักรราม เป็นพระอุปัชฌาย์ อยู่วัดประดู่หอม ท่านบวชอยู่ ๒ พรรษา สอบได้นักธรรมตรี แต่ไม่ได้ปฏิบัติ ท่านขยันเรียนมาก แต่ไม่มีที่เรียนต่อใกล้ๆ ต้องไปเรียนกรุงเทพฯ จึงได้สึกออกมา เมื่ออายุ ๒๔ ปี มารดาจัดให้แต่งงาน มีบุตร ๓ คน

    ขณะที่เป็นฆราวาสท่านชอบถือศีล ๘ เป็นคนใจบุญสุนทาน ชอบไปวัดไปช่วยงานสัปเหร่อเผาศพ คอยพลิกศพ สมัยนั้นเขาจะพลิกศพบนกองฟอน ต้องมีคนคอยพลิกศพไปมา ศพจะได้ไหม้ทั่วๆ จนหมด

    ท่านฝึกพูดแต่คำจริงอยู่ ๒๐ ปี ถึงจะสมบูรณ์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ คือทุกอย่างที่พูดออกมาเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น ดั่งภาษิตที่ท่านบอกว่า ของดีหาได้ยากในโลกมี ๔ อย่าง คือ

    “ช้างเผือกในป่า สมณะนอกวัฏ”

    “ผู้สมบูรณ์คุณสมบัติ คฤหัสถ์พูดจริง”

    เมื่อภรรยาอายุ ๕๒ ปี ได้ถึงแก่กรรมลง ท่านจึงออกบวชครั้งที่สองที่วัดท่ามะเดื่อ ตำบลท่ามะเดื่อ อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๖ โดยมีพระราชธรรมมุนี (เปลื้อง จัตตาวิโล) เจ้าคณะจังหวัดภูเก็ต (ในขณะนั้น) เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาท่านได้มาพำนักอยู่ที่วัดบางแก้วผดุงธรรม และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส จนกระทั่งเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโทที่ พระครูวิจิตรกิตติคุณ

    ในช่วงที่ท่านบวชครั้งที่สอง ท่านเล่าให้ฟังว่า “อาตมาบวชเมื่ออายุล่วงกาลผ่านวัยมามาก เมื่อบวชแล้วได้เพียรพยายามประพฤติปฏิบัติอย่างจริงจังไม่ท้อถอย มีความตั้งใจมั่นคงในชีวิตพรหมจรรย์” อย่างที่ท่านกล่าวว่า อุรทตวา ถวายกายตั้งสัจจาธิษฐานเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

    เมื่อท่านบวชได้ ๕ ปี ท่านได้เดินทางไปยังวัดเสนหา จังหวัดนครปฐม ท่านไปพักอยู่กับพระครูวิบูลย์ศีลขันธ์ (เทศน์ นิเทสโก) ในตอนกลางคืนท่านเฝ้าสังเกตอยู่ว่า เวลาท่านตื่นขึ้นมาทีไรก็จะเห็นท่านพระครูวิบูลย์ศีลขันธ์นั่งสมาธิอยู่ทุกครั้ง ด้วยความสงสัยจึงได้ถามท่านพระครูถึงเหตุที่ท่านนั่งสมาธิอยู่ทุกคืน โดยที่ท่านพระครูไม่นอน ท่านพระครูจึงบอกว่า “ผู้ปฏิบัติต้องนอนน้อย” ท่านจึงคิดว่าการนอนน้อยทำความเพียรคงเป็นสิ่งที่ดี และท่านรู้สึกประทับใจในพระครู จึงเป็นมูลเหตุให้ท่านถือเนสัชชิกธุดงค์ในภายหลัง

    เมื่อบวช ๑๐ ปี มีอยู่วันหนึ่งท่านง่วงนอนมาก จึงคิดว่า “เมื่อไม่นอนกลางวัน แต่มันอยากจะนอนมากนัก ก็ไม่นอนกลางคืนด้วยเสียเลย” ท่านบอกว่าได้อธิษฐานไว้แล้วว่าจะไม่นอน ถ้าชาตินี้ไม่จริง ชาติหน้าก็ไม่จริง ถ้าจะตายก็ให้ตายไปเลย ท่านจึงไม่ยอมนอน

    หลวงปู่เปลื้อง ปัญญวันโต มรณภาพเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ รวมอายุได้ ๙๔ พรรษา ในวันฌาปนกิจศพท่านมีผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายสงฆ์และฝ่ายฆราวาสมาร่วมงานอย่างคับคั่ง หลังจากไฟมอดแล้ว พวกเจ้าหน้าที่ที่เป็นศิษย์ของท่านก็ทำการเก็บอัฐิและเถ้าอัฐิจนหมดเกลี้ยง สำหรับผู้ที่ต้องการไปกราบและชมอัฐิของหลวงปู่เปลื้อง ขอเชิญได้ที่ วัดบางแก้วผดุงธรรม อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง


    ประวัติและปฏิปทา
    หลวงปู่เปลื้อง ปัญญวันโต


    วัดบางแก้วผดุงธรรม
    ต.ท่ามะเดื่อ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง



    “หลวงปู่เปลื้อง ปัญญวันโต” หรือ “พระครูวิจิตรกิตติคุณ” อดีตเจ้าอาวาสวัดบางแก้วผดุงธรรม มีนามเดิมว่า เปลื้อง มุสิกอุปถัมภ์ เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน พุทธศักราช 2446 ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 10 ปีมะโรง ณ อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายอ้น และนางเอี่ยม มุสิกอุปถัมภ์

    ท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุครั้งแรกเมื่ออายุได้ 20 ปีบริบูรณ์ แล้วลาสิกขาออกมามีครอบครัว แต่ในขณะเป็นฆราวาสท่านก็ปฏิบัติอยู่จนภรรยาของท่านถึงแก่กรรม และท่านก็รอให้ลูกๆ ของท่านโตก่อนจึงได้อุปสมบทอีกครั้งเมื่ออายุได้ 60 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2506 ในช่วงอุปสมบทครั้งที่ 2 ท่านเล่าไว้ว่า

    “อาตมาบวชเมื่ออายุล่วงกาลผ่านวัยมามาก เมื่อบวชแล้วได้เพียรพยายามประพฤติปฏิบัติอย่างจริงจังไม่ท้อถอย มีความตั้งใจมั่นคงในชีวิตพรหมจรรย์อย่างที่ท่านกล่าวว่า อุรํ ทตฺวา ถวายกายตั้งสัจจาอธิฐานเป็นเดิมพันเพื่อพิสูจน์หลักคำสอนในพระพุทธศาสนา เมื่อปฏิบัติไปก็ได้ผลจริง...”

    โดยการปฏิบัติของท่านอย่างหนึ่งก็คือท่านจะถือเนสัชชิกธุดงค์ คือการถือไม่นอนเป็นวัตร อันมีมูลเหตุที่ว่า เมื่อบวช 10 ปี มีอยู่วันหนึ่งท่านง่วงนอนมากจึงคิดว่า

    “เมื่อไม่นอนกลางวัน แต่มันอยากนอนมากนัก ก็ไม่นอนกลางคืนด้วยเสียเลย”

    ท่านจึงตั้งสัจจะไว้ไม่นอน 3 เดือน เมื่อตั้งสัจจะได้เพียง 7 วัน ท่านป่วยกระทันหัน มีอาการเส้นท้องตึงแข็ง และมีโรคแทรกซ้อนสารพัด หมอ พระเณรต้องขอให้ท่านนอนถึงจะหาย ท่านบอกว่าได้อธิฐานไว้แล้วจะไม่นอน ถ้าชาตินี้ไม่จริง ชาติหน้าก็ไม่จริง ถ้าจะตายก็ให้ตายไปเลย ท่านจึงไม่ยอมนอนต้องนั้งรักษากันไป อาการป่วยก็เป็นมากขึ้น ท่านต้องคลานไปคลานมาในกุฏิ ทรมาน 2 เดือนกว่า มีหมอนวดมานวดเส้นจนถูกเส้นท่านเข้า ท้องหย่อนนิ้มลง หายเป็นปกติรวมถึงโรคสารพัดที่ท่านเคยเป็นอยู่ หลังจากนั้นท่านก็ตั้งสัจจะจะไม่นอนตลอดชีวิต

    ดังที่ท่านได้เขียนไว้เป็นคำกลอนว่า

    ถือธุดงค์ ข้อสิบสาม ตามคำสอน
    ตัดการนอน ผมทนนั้ง จนหลังแข็ง
    วันที่แปด ธันวา ผมแสดง
    พ.ศ.แจ้ง สองห้าหนึ่งสี่ ตอนปีปลาย
    หลักการสอน ตัดการนอน คือตัวทุกข์
    ของเป็นสุข ยังตัดได้ ไม่ขัดขืน
    สละสุข ทุกข์ดับ สุขกลับคืน
    จิตชุ่มชื่น อยู่ในธรรม ประจำวัน
    ผมผู้เขียน ขอแนะนำ ทำมาแล้ว
    จิตผ่องแผ้ว สุขสบาย ไม่ใช่ฝัน
    ยังปฏิบัติ ฝึกหัดตน จนทุกวัน
    จิตตั้งมั่น อดทน จนวันตาย
    เว้นไว้แต่ ประสบยาม ความอาพาธ
    พญามัจจุราช สั่งงด หมดความหมาย
    ถึงหมดแรง หมดฤทธิ์ จิตไม่คลาย
    รักษาไว้ ซึ่งความสัตย์ ปฏิญาณ


    ท่านพูดเป็นคำคมว่า “คนทั่วไปนอนแล้วสบาย พระปฏิบัติไม่นอนแล้วสบาย”

    คำกลอนหลวงปู่เกิดขึ้นเนื่องมาจากการปฏิบัติ เมื่อธรรมะเกิดขึ้นท่านจะเขียนจดไว้ตามเศษกระดาษหรือสมุดใกล้ตัวท่าน แล้วศิษย์จึงรวบรวมพิมพ์เป็นเล่มขึ้นมา ปัจจุบันองค์ท่านหลวงปู่ได้มรณะภาพแล้วเมื่อไม่นานมานี้ เกศาของท่านกลายเป็นพระธาตุมีลักษณะเป็นทองคำ

    .............................................................

    ขอบคุณที่มาอย่างสูงครับและท่านเจ้าของบทความทั้งหมดครับ

    คัดลอกบางตอนมาจาก ::
    หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 21 มิถุนายน 2551

    สายพระปฎิบัติดีปฎิบัติชอบท่านปฎิบัติธรรมขั้นอุกฤติเอาเป็นเอาตายครับ

    เหรียญท่านหาไม่ยากนะครับแต่คนตามเก็บกันเยอะครับสายปฎิบัติ

    ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    พระอาจารย์วัน อุตโม สกลนคร

    เหรียญสวยเดิมๆครับสายหลวงปู่มั่น ถ้ารูจักท่านทราบประวัติปฎิปทาท่านจะ

    อยากบูชาพระท่านแน่นอนครับ วัตถุมงคลท่านสร้างมากมายหลายรุ่นมีเหตุมี

    ผลแน่นอนครับ ยุคนั้นไม่ใช้ยุคนี้แต่คนรูได้เปรียบครับ

    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2011
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงพ่อบุญ ปัญญาวุฑโฒ อุดรธานี

    เหรียญรุ่นแรกของท่านครับ พระป่าสายหลวงปู่มั่นครับ เดิมๆครับ

    ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ
    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาละวัน นครราชสีมา

    สายพระป่าหลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นครับท่านอยู่กับทั้ง 2 องค์ครูบาอาจารย์ใหญ่

    เหรียญหลังยันต์ประจำองค์ท่านครับ แตกต่างไปจากครูบาอาจารย์สายพระป่า

    ท่านอื่นๆครับ

    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ
    [​IMG]


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    เหรียญหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี หลังหนุมาน เหรียญนี้แถบไม่เคยเห็น

    พระหลวงพ่อแพที่จะออกแนวบู๊ ส่วนมากพระท่านจะทางด้านเมตตามหานิยม

    น่าจะมีรุ่นเดียวที่หลังหนุมานครับ

    เหรียญหลวงพ่อแพหลังหนุมานพร้อมล็อคเก็ตโบราณหน้าหนุ่มสภาพเดิมๆ

    ให้บูชา 450 บาทค่าจัดส่ง EMS 50 บาทครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก กุยบุรี ประจวบคีรีขันธ์

    [​IMG]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=utTk6eFGQ9U"]YouTube - ????????????? 2-3.avi[/ame]

    ลองเข้าไปดูครับ เสกปลัดขิกลุกขึ้นตั้งเป็นยังไหง

    เหรียญหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก กุยบุรี ประจวบคีรีขันธ์

    เหรียญสวยเดิมๆครับทหารสร้าง

    (ปิดรายการ)

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2011
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปู่ขาว อนาลโย

    เหรียญ2ครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่นครับศิษย์อาวุโสในองค์หลวงปู่มั่นครับ

    ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ
    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    พระธาตุจอมกิตติ

    เหรียญพระธาตุจอมกิตติหลังพระพุทธรูปเชียงแสน รุ่นแรก 2517

    สภาพสวยเดิมๆครับ

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่ง EMS50 บาท
    [​IMG]


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2011

แชร์หน้านี้

Loading...