คชสีห์๙บารมี๙บารมี๙แผ่นดินหลวงปู่หมุนเสก

จองครับ

 

จัดส่ง

EK 7757 8483 6 TH ปากเกร็ด

EK 7757 8484 0 TH บางนา

ขอบคุณครับ

 

วันนี้โอนเงิน 450 บาทให้แล้วครับ เวลา 8.00 น. ขอบคุณครับ

 

ได้โอนเงิน ๑๐๕๐บ. เมี่อ ๒๑ พค. เวลาประมาณ๐๙.๕๗ น. เป็นค่าพระ๑.รูปหล่อลป.สายวัดดอนกระต่ายทองรุ่นแรก ที่อยู่ ดูในpmครับ

 

ตะกรุดโค๊ดเสือ หลวงพ่อชำนาญ ....เนื้อตะกั่ว วัดบางกุฎีทอง ปทุมธานี


ให้บูชา 450 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

 

ประวัติ หลวงปู่จันทร์แรม เขมสิริ วัดเกาะแก้วธุดงคสถาน
"หลวงปู่จันทร์แรม เขมสิริ" หรือพระครูเขมคุณโสภณ วัดเกาะแก้วธุดงคสถาน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระวิปัสสนาจารย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากสาธุชนเป็นอย่างมาก
อัตโนประวัติหลวงปู่จันทร์แรม มีนามเดิมว่า จันทร์ ร้อยตะคุ เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 17 เมษายน 2465 ที่บ้านปะหลาน ต.ปะหลาน อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม เป็นบุตรของนายอ่อนสีและนางแก้ว ร้อยตะคุ ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา
พออายุได้ 17 ปี บิดามารดาได้ให้บุตรชายบวชเรียนเป็นสามเณร ณ วัดสระทองนพคุณ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม โดยมีพระครูจันทรศรีธีรคุณ เจ้าคณะอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย เป็นพระอุปัชฌาย์ ในช่วงเป็นสามเณร ท่านสามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท และเอก ตามลำดับ ครั้นพออายุครบ 20 ปี ท่านได้ลาสิกขาเดินทางกลับบ้าน ช่วยงานงานรับจ้างปลูกพืชผักสวนครัว นำไปขายได้เงินเลี้ยงครอบครัว
ต่อมาท่านเกิดความเบื่อหน่ายในการครองชีวิตฆราวาสหลายครั้งหลายครา อันเป็นสาเหตุทำให้เกิดความสลดสังเวชใจ จนกระทั่งถึงกาลเวลาแห่งบารมีธรรม ท่านจึงตัดสินใจเป็นแน่วแน่ว่าจะบวช
เมื่อตัดสินใจบวช โยมบิดามารดาได้นำไปฝากเป็นนาคที่วัดกระดึงทอง ซึ่งขณะนั้นมีพระอาจารย์แก้วเป็นผู้ปกครอง ในสมัยนั้น การบวชเป็นพระสายธรรมยุตเป็นเรื่องที่ยากลำบากพอสมควร จะต้องเดินทางไปเป็นแรมคืน เพราะในแถบจังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ ที่เป็นวัดธรรมยุตมีพัทธสีมา สามารถให้การอุปสมบทได้ มีเพียงวัดเดียวเท่านั้นคือ วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์
ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบูรพาราม เมื่อปีพ.ศ.2488 โดยมีพระครูรัตนากรวิสุทธิ์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูคุณสารสัมปัน (หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน) วัดวชิราลงกรณวราราม อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า เขมสิริ
ถึงแม้หลวงปู่จันทร์แรมจะไม่ได้อยู่อุปัฏฐาก พระอุปัชฌาย์ในฐานะที่เป็นสัทธิวิการิก แต่ท่านก็ยึดถือปฏิปทาของพระอุปัชฌาย์เป็นแบบอย่างในการปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่ท่านเป็นพระที่พูดน้อย แต่เคร่งครัดในการปฏิบัติ ยึดมั่นในพระธรรมวินัยเป็นหลักตามแบบฉบับของหลวงปู่ดูลย์ สิ่งเหล่านี้ หลวงปู่จันทร์แรมได้ยึดถือเป็นแบบปฏิบัติ ดังปรากฏเป็นคติสอนศิษยานุศิษย์เรื่อยมาจวบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
ครั้นบวชได้ 4 พรรษา วันหนึ่ง หลวงปู่จันทร์แรม ได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับพระอาจารย์มั่น โดยพระอาจารย์มั่นได้ให้โอวาทกับหลวงปู่จันทร์แรม ว่า "การภาวนาอย่านอน 3 ทุ่ม 4 ทุ่มจึงนอน นอนตื่นเดียวไม่ให้นอนซ้ำ เมื่อตื่นขึ้นให้ภาวนาต่อ ก่อนภาวนาต้องมีสติ เอาใจใส่ต่องานที่เราทำ อย่าทำแบบลวกๆ กลางวันอย่านอน ให้เดินจงกรมนั่งสมาธิ ให้ไปทำหลังวัดที่เป็นป่ากระบาก
นอกจากนั้นให้ไปที่ถ้ำพระบ้านนาใน เป็นถ้ำที่มีเสือเดินผ่าน ด้วยความกลัวจะทำให้จิตเป็นสมาธิเร็ว อย่าขี้เกียจ" โอวาทธรรมที่หลวงปู่จันทร์แรมได้รับจากท่านพระอาจารย์มั่นในครั้งนั้น เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่หลวงปู่จันทร์แรมมีโอกาสได้รับธรรมะโดยตรงจากพระอาจารย์มั่น เป็นที่ปลื้มปีติและซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งจนถึงทุกวันนี้ในเมตตาธรรมของครูบาอาจารย์
ทั้งนี้ หลวงปู่จันทร์แรม เป็นพระนักปฏิบัติที่มีความเชี่ยวชาญในด้านวิปัสสนากัมมัฏฐานเป็นอย่างดี ยิ่ง มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของศิษย์ยานุศิษย์มากมาย ทั้งนักการเมือง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักธุรกิจ พ่อค้า และประชาชนทั่วไปทั่วทุกภาคของประเทศ และต่างประเทศ
ในช่วงบั้นปลายชีวิต หลวงปู่จันทร์แรม เริ่มอาพาธด้วยโรคหัวใจ ต้องเข้ารับการรักษาและดูแลจากคณะแพทย์อย่างใกล้ชิด กระทั่งเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 29 พฤศจิกายน 2552 หลวงปู่จันทร์แรม กำลังฉันภัตตาหารเพล เกิดหมดสติล้มฟุบลงกับพื้น คณะศิษย์ที่อยู่บริเวณนั้นต่างช่วยกันรีบนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนบุรีรัมย์
ครั้นมาถึงโรงพยาบาลเอกชนฯ คณะแพทย์ช่วยกันปั๊มหัวใจ กระทั่งหลวงปู่จันทร์แรมหัวใจทำงานอีกครั้ง แต่หลวงปู่จันทร์แรมยังไม่รู้สึกตัว จึงได้นำตัวหลวงปู่จันทร์แรม ส่งไปรักษาต่อที่ห้องไอ.ซี.ยู. โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์
จากนั้น หลวงปู่จันทร์แรม มีสภาพเหมือนคนนอนหลับ ไม่รู้สึกตัว โดยคณะแพทย์ได้ใส่เครื่องช่วยหายใจและให้น้ำเกลือ กระทั่งเวลา 01.20 น. วันที่ 8 ธันวาคม 2552 หลวงปู่จันทร์แรม ได้มรณภาพลงอย่างสงบ สร้างความโศกสลดให้แก่ศิษยานุศิษย์เป็นอย่างมาก
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลอย่างสูงครับ

พระผงรูปเหมือนหลวงปู่จันทร์แรม

ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

 

ประวัติพระเกจิอาจารย์หลวงพ่อจวน เวโรจโน (พระครูวิโรจน์ ธรรมรัตนฺ) วัดบ้านสร้าง

หลวงพ่อจวน เวโรจโน (พระครูวิโรจน์ ธรรมรัตนฺ) มีนามเดิมว่า จวน ไวยสุภีร์ เกิดวันพุธที่ ๓

กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๕ บ้านเลขที่ ๒ หมู่ที่ ๔ บ้านวังคุ้งแมว ตำบลลำตาเสา อำเภอวังน้อย

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บิดาชื่อนายอ่อง ไวยสุภีร์ มารดาชื่อ นางแห ไวยสุภีร์

(สกุลเดิมเลขยันต์) หลวงพ่อจวนมีพี่น้องร่วมสายโลหิต ๕ คน

ในสมัยเยาว์วัย หลวงพ่อจวน ท่านมาอาศัยวัดอยู่ และได้ศึกษาเล่าเรียนที่ วัดบ้านสร้าง จนจบ

ประถมศึกษาปีที่ ๔ เมื่อโตขึ้นท่านก็ยังอาศัยอยู่ที่วัด ปฏิบัติพระไปตามหน้าที่ของศิษย์วัด เมื่อ

ถึงฤดูทำนาท่านก็ไปช่วยครอบครัวทำนา เมื่อสิ้นฤดูทำนาหลวงพ่อจวนก็จะศึกษาหาความรู้กับ

ครูบาอาจารย์วัดบ้านสร้าง เป็นประจำ จึงเริ่มมองเห็นความเจริญทางโลกและทางธรรม ก็เริ่ม

ศึกษาเรื่อง สมาธิภาวนาทำให้หลวงพ่อเกิดความปิติยินดีในพระพุทธศาสนามายิ่งขึ้น จึงขอให้

บิดา มารดา บวชให้ซึ่งขณะนั้นหลวงพ่อมีอายุได้ ๒๒ ปี หลังจากผ่านการเกณฑ์ทหารแล้ว ได้

อุปสมบทเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ณ วัดบ้านสร้าง ตำบลบ้านสร้าง อำเภอบาง

ปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีพระครูนิเทศน์ธรรมกถา (หลวงปู่พัน ธมฺมทินโชติ) อดีต

เจ้าอาวาสวัดบ้านสร้างและเจ้าคณะแขวงอำเภอ เป็นพระอุปชฌาย์ เจ้าอธิการออด ธมฺมทินโน

(พระครูสันทัตธรรมคุณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านช้าง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสมุห์ปลอด

ฐิตธมฺโน วัดบ้านสร้าง เป็นอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายานามว่า “เวโรจโน ภิกขุ”

ตลอดระยะเวลาที่จำพรรษา หลังจากได้เป็นพระภิกษุแล้ว หลวงพ่อได้ศึกษาเรียนรู้พระธรรมวินัย

การปฏิบัติธรรม ควบคู่ไปกับด้านพระปริยัติธรรม จนสอบได้นักธรรมโท – เอก เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๒

เพราะความสามารถและเฉลียวฉลาดของหลวงพ่อจวน ทำให้พระครูนิเทศน์ธรรมกถา เจ้าอาวาส

วัดบ้านสร้าง เห็นแววว่าหลวงพ่อจะเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาได้ดี จึงได้สั่งสอนแนะนำวิชา

คาถาอาคม ที่เรียกว่า วิชาทางไสยเวทหรือไสยศาสตร์ เช่น เสกแป้ง ทำน้ำมนต์วิเศษ ดูฤกษ์ยาม

ทางโหราศาสตร์ ตลอดจนตำรายาสมุนไพรแผนโบราณส่วนวิชาเมตตามหานิยม ได้รับความเมตตา

จากพระครูสันทัตธรรมคุณ (หลวงพ่อออด ธมฺมทินโน) ถ่ายทอดวิชาความรู้เกี่ยวกับมหาอุตม์ อยู่ยง

คงกะพันชาตรี แคล้วคลาด เมตตามหานิยม มีโชคลาภ ป้องกันภูตผีปีศาจ และป้องกันคุณไสยให้

มากเป็นพิเศษ เนื่องจากพระครูสันทัตธรรมคุณ (หลวงพ่อออด ธมฺมทินโน) มีชื่อเสียงด้านนี้มาก

ในปี พ.ศ.๒๕๑๗ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านสร้าง

ใน ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ เป็นพระอุปัชฌาย์

ในปี พ.ศ.๒๕๑๙ เป็นประธาน อ.ป.ต.บ้านสร้าง

ในปี พ.ศ.๒๕๒๓ เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรชั้นตรี

ในปี พ.ศ.๒๕๒๗ เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรชั้นโท

ในปี พ.ศ.๒๕๓๖ เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรชั้นเอก

ในช่วงที่หลวงพ่อเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านสร้าง หลวงพ่อเป็นนักปกครองพระภิกษุสามเณรในแบบ

ประชาธิปไตย แล้วยังได้บบูรณะปฏิสังขรณ์ พัฒนาวัดวัดจนเจริญรุ่งเรืองแล้ว หลวงพ่อจวนเป็น

พระผู้ใหญ่ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จึงทำให้ประชาชนเลื่อมใสศรัทธา เคารพนับถือท่านมากและ

มีลูกศิษญมากมาย นอกจากนี้ยังมีความเชี่ยวชาญด้านวิทยาอาคมเกี่ยวกับมหาอุตม์ อยู่ยง

คงกะพันชาตรี แคล้วคลาด เมตตามหานิยม มีโชคลาภ ป้องกันภูตผีปีศาจ และป้องกันคุณไสย

ต่อมาหลวงพ่อได้สร้างวัตถุมงคล เช่น พระเครื่องหลายรุ่น แต่ละรุ่นล้วนมีคุณค่าทางจิตใจ ทำให้

ประชาชนทั้งไกลใกล้เข้ามาหาท่านและขอเช่าพระจากท่าน และเป็นเพราะหลวงเป็นพระเกจิ

อาจารย์ที่เคร่งครัดในศีลธรรมพระเครื่องที่หลวงสร้างขึ้นจึงมีความศักดิ์ และมีอานุภาพมาก ผู้ใด

มีไว้ครอบครองจะประสบความสำเร็จตามต้องการหรือแคล้วคลาดจากสิ่งอันตรายทั้งปวง

พระเครื่องที่หลวงปู่พัน และหลวงพ่อจวน ร่วมกันทำพิธีพุทธาภิเษก ณ อุโบสถวัดบ้านสร้าง

อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ดังนี้

พ.ศ. ๒๕๓๙ สร้างสมเด็จเนื้อผงใบลานเนื้อผงขาวดำรุ่น ๕ พระนางพญารุ่น ๒ เนื้อผงใบลาน

ขาว- ดำ พระบูชาหลวงพ่อจวนรุ่นแรกพระเนื้อผงขาวดำจำลองแบบพระ ประธานพระเนื้อผง

พุทธคุณ

พ.ศ. ๒๕๓๘ สร้างสมเด็จเนื้อผง พุทธคุณรุ่น ๔ ที่ระลึกบำเพ็ญกุศลฉลองอายุ ๘๔ ปี สร้าง

หล่อรูปเหมือนเล็กกับจำลองแบบพระประธานเหรียญทองแดงรุ่นแรก

พ.ศ. ๒๕๓๗ สร้างพระสมเด็จรุ่นที่ ๓ เนื้อผง เนื่องในงานฉลองสมณศักดิ์พระครูชั้นเอก

พ.ศ. ๒๕๓๔ พระกริ่งชัยวัฒน์ (รุ่นแรก) “รุ่นกตัญญู” มีเนื้อเงิน เนื้อโลหะผสมทอง/ฝาบาตร

และบูชากลวงปู่พัน ธมฺมโชติ

พ.ศ. ๒๕๒๗ สร้างเหรียญที่ระลึกในงานฉลองสมณศักดิ์พระครูชั้นโท ลักษณะเหรียญรูปไข่

เนื้องทองแดงเนื้องทองแดงกะไหล่ทอง รุ่น ๔

พ.ศ. ๒๕๒๓ สร้างเหรียญที่ระลึกในงานทอดผ้าป่าสามัคคี ลักษณะเหรียญรูปใบเสมาคว่ำ

เนื้องทองแดง แต่มีขนาดเล็กกว่ารุ่นแรก รุ่น ๓

พ.ศ. ๒๕๒๑ สร้างเหรียญที่ระลึกในงานทอดผ้าป่าสามัคคี ลักษณะเหรียญรูปใบเสมาคว่ำ

เนื้องทองแดงพระสมเด็จเนื้อผงว่าน รุ่น ๒ สมเด็จพิมพ์เล็กรุ่นแรก พระ

นางพญาเนื้อผงรุ่นแรก

พ.ศ. ๒๕๑๓ สร้างเหรียญที่ระลึกในงานทำบุญอายุ ๖๐ปี ลักษณะเหรียญรูปใบเสมาคว่ำ

เนื้องทองแดงกับ พระสมเด็จเนื้อผงรุ่นแรก เป็นต้น

ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

อ่านประวัติท่านก่อนครับ เดี่ยวจะเปิดกรุหลวงพ่อจวน วัดบ้านสร้างล้วนๆครับ มีอยู่ 20กว่าองค์........เก่าเก็บครับ


พระสมเด็จยุคแรกหลวงพ่อจวนครับ ยุคนี้หลวงพ่ออดวัดบ้านช้างอาจารย์ท่านร่วมเสกด้วย วัตถุมงวคลหลวงพ่อออดเป้นที่นิยมอย่างสูงในถิ่นวังน้อยท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ร่วมพิธีจตุรพิธพรชัยที่หลวงปู่ดู่แนะนำในพิธีนี้และหลวงพ่อกวย
วัดบ้านแคบอกกับลูกศิษย์ว่าพระวัดบ้านช้างปลุกเสกจนอักระเฑาะลอยออกมาจากปาก ข้อมูลจากหนังสือพระเก่าๆครับ

พระสมเด็จยุคแรก มี 3 องค์

ให้บูชาองค์ละ 500 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

องค์ที่ 1



องค์ที่ 2


องค์ที่ 3

 

ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลอย่างสูงครับ
เหรียญรุ่นแรกรุ่นเดียวหลวงพ่อแช่ม วัดหนองกรับสภาพสวยเดิมๆเก่าเก็บ
มี3เหรียญครับ..........เลือกตามที่ชอบครับ
ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

เหรียญที่1



เหรียญที่2
/mNbTpr.jpg[/img]

เหรียญที่3
/o1Gx91.jpg[/img]

 

หรียญหลวงพ่อสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ปี 2519 พิมพ์ห้าเหลี่ยมเล็กเนื้อทองแดงสภาพสวยเดิมๆ เป็นเหรียญพิมพ์ทรงห้าเหลี่ยม จัดสร้างเมื่อเดือน ธ.ค. ๒๕๑๙ วัตถุประสงค์เพื่อตอบแทนแก่ผู้ร่วมทำบุญในการบูรณะปฏิสังขรณ์โสนาสนะ และสมทบทุนก่อสร้างฌาปนสถานของวัดศาลาลอย ดำเนินการสร้างโดย ผู้ใหญ่นุกูล พงษ์วีระพัฒน์ หลวงพ่อสงฆ์ได้ปลุกเสกให้ถึง ๓ คืน ๓ วัน มี ๒ ขนาด คือ เหรียญใหญ่สำหรับผู้ชายและเหรียญเล็กสำหรับผู้หญิง

เหรียญเล็กสวยเดิมๆครับ

ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

 

เป็นเหรียญที่มีพิธีพุทธาภิเสกดี มีประวัติถูกบันทึกไว้เป็นที่แน่นอน เนื่องจากการเสด็จพระราชดำเนินของพระมหากษัตริย์ในงานครานั้นด้วย พระเกจิที่เข้มขลังในพุทธาคมที่ร่วมปลุกเสกเท่าที่ผมรู้จักและจำได้มี หลวงปู่โต็ะวัดประดู่ฉิมพลี หลวงปู่หน่ายวัดบ้านแจ้ง หลวงพ่อถิรวัดป่าเรไร หลวงพ่อสิมมาวัดบ้านหมอ หลวงพ่อย้อยวัดอัมพวัน หลวงพ่อบางวัดหนองพลับและอีกหลายองค์ หลังจากพุทธาภิเสกแล้วหลวงพ่อแพได้ปลุกเสกเดี่ยวอีกครั้งด้วย
--อภินิหารเป็นที่ประจักษ์เริ่มตั้งแต่พิธีพุทธาภิเสกกันเลยทีเดียว คือในขณะที่พระผู้เรืองอาคมกำลังปลุกเสกกันอยู่นั้น พานแก้วหน้าหลวงพ่อย้อยวัดอัมพวันขยับลั่นแล้วลอยขึ้นระเบิดเปรี้ยงเสียงดังสนั่น เหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นเศษแก้วที่ควรกระจายจากการระเบิดนั้น กลับร่วงลงมากองรวมอยู่ที่เดิมไม่ได้กระจายออกไปให้เป็นอันตรายแม้แต่ชิ้นเดียว อัศจรรย์ครั้งนั้นเป็นที่เล่าลือเล่าขานทราบกันดีทั่วอ.ท่าเรือ เหรียญรุ่นนี้ชาวท่าเรือจึงเรียกกันว่าเหรียญหลวงพ่อโตรุ่นพานแตก หลังจากเหรียญออกมาราว10ปี มีการไปลองยิงปรากฏว่านัดที่1ไม่ออก นัดที่2ไม่ออก คนที่ยิงก็เกิดป๊อดขึ้นมา(หลวงพ่อโตนั้นชาวท่าเรือนับถือกันมาก คนทำผิดปากแข็งให้สาบานอย่างอื่นเขาอาจจะยอมสาบานแต่ถ้าให้สาบานกับหลวงพ่อโต ไม่มีใครกล้าครับ)เมื่อคนที่ลองยิงกดไปสองนัดไม่ออกเกิดกลัวขึ้นมา บอกว่ากูไม่เอาแล้ว เพื่อนอีกคนก็ด่าว่า...ป๊อดไปได้ ว่าแล้วคว้าปืนจากมือเพื่อนจ่อเข้าไปไกล้ๆเหรียญแล้วเหนี่ยวไก...ตูม!...ลำกล้องแตก กระดูกข้อมือแตก เมื่อข่าวนี้ถูกเล่าขานกันออกไป เหรียญรุ่นนี้ก็ถูกเรียกว่าเหรียญรุ่นปืนแตกมาตั้งแต่ราวปี30กว่าๆเป็นตั้นมา เมื่อมาถึงราวปี50 หลวงพ่อย้อยวัดพวันสระบุรีซึ่งปลุกเสกเหรียญรุ่นนี้จนพานแก้วแตกระเบิด เริ่มโด่งดังขึ้นมามากพระเครื่องของท่านราคาขยับขึ้นมากและเป็นที่ต้องการของนักสะสม ก็เป็นเหตุให้เหรียญหลวงพ่อโตวัดไก่จ้นนี้มีผู้หันกลับมาเรียกว่าเหรียญรุ่น"พานแตก"เหมือนเดิมอีก

วัดไก่จ้น 18 กรกฎาคม 2521 พิเศษเฉพาะกรรมการ ในงานนี้ในหลวงเสด็จด้วยตนเองพี่ธีปลุกเสก­ใหญ่มีหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เป็นประธาน หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน เสาไห้ สระบุรี ร่วมปลุกเสก และมีคณาจารย์มีมากมาย รุ่นนี้จึงน่าเก็บเพราะรวมหลายอาจารย์เด็ด­ๆ หลวงพ่อย้อย ปุญญมี วัดอัมพวัน เสาไห้ สระบุรี พระอริยะสงฆ์แห่งลุ่มน้ำป่าสัก ซึ่งท่านเก่งและมีชื่อเสียงเรื่องดำน้ำทำต­ระกรุดใต้น้ำ และเป็นที่กล่าวขานแห่งความสุดยอดคืองานปล­ุกเศกวัดไก่จ้นปี 2521 ที่ ในหลวงรัชกาลปัจจุบัน เสด็จพระราชดำเนินยกช่อฟ้าและตัดลูกนิมิตอ­ุโบสถวัดไก่จ้น ในงานนี้ในหลวงเสด็จด้วยตนเองพี่ธีปลุกเสก­ใหญ่มีหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เป็นประธาน หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน เสาไห้ สระบุรี ร่วมปลุกเสกวัตถมงคล และมีคณาจารย์มีมากมาย ในงานนี้มีผู้อยากลองวิชาหลวงพ่อย้อย หลวงพ่อย้อยจึงสอนมวยกลับโดยการเพ่งพานแก้­วใส่หญ้าคาสำหรับพรมน้ำมนต์ที่วางหน้าท่าน­­­แตกต่อหน้าคุณปู่คำ ไชยรัตน์และคุณสิงห์ชัย-ท่าเรือซึ่งเป็นผู­้เล่าให้ฟังว่าเห็นกับตาตนเอง พานแก้วแตกระเบิดต่อหน้า หลังจากเสร็จพิธีระหว่างหลวงปู่โต๊ะ เดินผ่านหลวงพ่อย้อย ได้กล่าวชมหลวงพ่อย้อยว่า"ท่านเก่งนะ­"(หลวงปู่โต๊ะพูดหมายถึงหลวงพ่อย้อยเ­ก่งนะ)หลัง­­จากนั้นหลวงพ่อย้อยไม่รับนิมน­ต์ไปปลุกเสกที่ไหน ชอบอยู่แบบสงบดีว่ามาให้เขาลองวิชากัน ไม่ดีมันเป็นอวิชา ซึ่งหลังจากวันนั้นท่านผู้ว่าราชการหลายจั­งหวัดท่านนัฐ ศรีวิหค ซึ่งเป็นชาวท่าเรือและหลานหลวงพ่อย้อย ได้สงสัยถามตอนหลังเรื่องพานแก้วแตก หลวงพ่อย้อยได้พูดกับท่านผู้ว่าฯ ว่ามีคนมาลองของของวิชาท่าน ท่านจึงทำให้เห็น ซึ่งท่านไม่อยากทำอย่างนั้นมันไม่ดีแต่ต้อ­งทำเมื่อมีคนมาลอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าท่านไม่ชอบโอ้อวดวิชาเล­ย หลังจากนั้นหลวงพ่อย้อยไม่รับนิมนต์ไปปลุก­เสกที่ไหนนอกสถานที่ที่ไหนอีกเลย ชอบอยู่แบบสงบดีกว่ามาให้เขาลองวิชากัน

ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ


เหรียญสมเด็จโต วัดไก่จ้น อยุธยา รุ่นพานแตก เป็นวัตถุมงคลรุ่นเดียวที่หลวงพ่อย้อย
เมตตาไปเสกนอกวัดหลังจากนั้นท่านไม่ไปเสกที่ไหนอีกเลย และหลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลีได้กล่าวชมหลวงพ่อย้อยว่าเก่ง.

เหรียญนี้พิมพ์เล็กกะไหล่ทองหายากกว่าทองแดงรมดำธรรมดา

ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ(ปิดรายการ)

 

เหรียญรุ่น M-150 เนื้อทองเหลือง สร้างปี 2532 ตอนที่หลวงพ่อมาอยู่ที่ วัดศรีทรงธรรมหลวงพ่อได้สร้างพระเครื่องหลายรุ่น มี ทั้งเหรียญ พระเนื้อผง รูปหล่อ ตะกรุด เครื่องราง และอื่น ๆ อีก แต่ที่โด่งดังมาก ก็คือ เหรียญ M-150 แต่เดิมเหรียญรุ่นนี้มีชื่อว่ารุ่นมีไว้รวย แต่เนื่องจากท่านั่งของท่านถือเครื่องดื่ม M-150 อันเป็นเรื่องบังเอิญ ตอนที่ทางคณะศิษย์ตกลงทำรุ่นนี้ เพื่อที่จะทำเป็นของขวัญแจกญาติโยมที่จะมาทอดผ้าป่าให้ จึงได้ส่งช่างภาพไปถ่ายภาพของท่าน เพื่อที่จะนำภาพมาแกะบล็อก บังเอิญตอนที่ช่างถ่ายภาพจับภาพท่านได้ เป็นท่าที่ท่านกำลังยกขวด M-150 ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ท่านชื่นชอบพอดี พอเอาฟิล์มไปล้างก็ปรากฎว่า ภาพที่ถือขวด M-150 เป็นภาพที่ชัดที่สุด จึงนำภาพนี้ไปให้ช่างแกะบล็อก เมื่อช่างแกะบล็อกเสร็จก็นำไปให้คณะศิษย์ดูที่วัดศรีทรงธรรม ต่างก็พากันหัวเราะและเห็นว่าเป็นท่าที่แปลกดี คณะศิษย์จึงไม่สั่งเปลี่ยนบล็อก และให้ปั๊มออกมาแบบนั้นแหละ พอปั๊มออกมาแล้ว ก็เห็นว่าไหน ๆ รูปเหมือนของท่านก็ปรากฎในท่าแปลกดี จึงได้ใช้โลโก้ M-150 เป็นโค๊ดตอกเหรียญ และเรียกเหรียญรุ่นนี้ว่า รุ่น "เอ็ม 150" หลวงพ่อสุพจน์ได้นำเอาเหรียญรุ่นนี้ไปแจกแก่ญาติโยมปรากฏว่าได้เกิดเหตุปาฏิหาริย์จนเป็นที่ร่ำลือกันหลายต่อหลายครั้งโดยเฉพาะในทาง" แคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพัน มหาอุตม์และด้านโชคลาภ" บล็อกแรกนิยม ยันต์ใหญ่ สร้างปี 2532 จำนวน 2,000 เหรียญ จะมีเหรียญชุบทองลงยาอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งสร้างน้อยมากๆ จำนวน 600 เหรียญ แจกเฉพาะศิษย์ใกล้ชิดมีสามสี คือ สีแดง สีเหลือง และ สีน้ำเงินอมฟ้า สีละ 200 เหรียญ

ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ(ปิดรายการ)

 

เหรียญครูบาชัยวงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม หลังเจดีย์ชเวดากอง

ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

 

เหรียญหลวงปู่ชม วัดป่าสามัคคีธรรม พระป่าสายหลวงปู่มั่นครับ

ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

 

พระอาจารย์บาง

ตอน ทหารมอญกู้ชาคิ

เมื่อปี2533 ทหารมอญกู้ชาติกับพม่า รบกันเป็นการใหญ่ คนไทยเชื่อสายมอญ เกิดความสงสารทหารมอญกู้ชาติ ซึ่งบางทีก็มีเด็กหนุ่มๆวัยเรียนเข้าร่วมรบ ทั้งๆที่เขาเหล่านั้นควรจะมีอนาคตที่สดใส ชาวบ้านชาวมอญพระประแดง จึงคิดกันสร้างเหรียญขึ้นมารุ่นนึงเพื่อมอบให้กับทหารมอญ ต่อสู้กับพวกพม่า และพระที่ชาวมอญให้ความเคารพนับถืออย่างสุงสุด ก็คือ พระอาจารย์บาง หรือ"หลวงพ่อบาง วัดสโมสร"

เจ้าขอตำรับผ้าขอดแดงอันลือลั่น หลวงพ่อบางไม่ใช่พระเกจิที่เหมือนพระทั่วๆไป หากแต่ท่านเป็นพระที่ ชาวรามัญให้ความนับถือสักการะประดุจเทพเจ้าของชาวมอญ และหากมีพิธีปลุกเสกพระจากชาวมอญเมื่อใด ชาวบ้านต้องนิมนต์หลวงพ่อบางมาร่วมด้วยเสมอ มิฉะนั้นเขาก็จะไม่กล้าแขวนพระนั้นๆกัน แม้แต่เจ้าของตำรับกระตุดอันโด่งดังของสายนนทบุรี เวลาจะปลุกเสกจะต้องนิมนต์หลวงพ่อบางด้วยทุกครั้ง การสรางเหรียญนี้ได้แจ้งความจำนงแก่หลวงพ่อว่า เพื่อเอาไปแจกทหารมอญกู้ชาติ และเพื่อรบกับพม่า ที่มักจะยกพลเข้ามาห่าปล้นข่มขืน ชาวมอญที่กระจัดกระจายอยู่ตามเขตรอยต่อระหว่างประเทศ หลวงพ่อบาง ปลุกเสกเหรียญนี้อยู่ถึง7คืน ซึ่งหลวงพ่อบางท่าน ไม่เคยปลุกเสกพระนานขนาดนี้มาก่อน หลังจากนั้น ก็ได้มีการนำเหรียญนี้ไปแจกทหารมอญส่วนนึง

จนทำให้ทหารพม่าถึงกับเข็ดขยาดทหารมอญไปเนื่องจากเมื่อรบกัน แบบตัวต่อตัว ทหารพม่าซึ่งเคยได้เปรียบด้านยุทธปัจจัยและยุทธวิธี กลับปราชัยทหารมอญกู้ชาติอย่างย่อยยับ จนในที่สุดเมื่อปี2536 พม่าได้เปลี่ยนจากการรบมาเป็นการเจรจา และกระทำการอันน่าอับอาย โดยใช้เงินซื้อตัวหัวหน้ากองทัพมอญกู้ชาติ เรื่องนี้ไปหาอ่านได้จากเรื่องราวเกี่ยวกับหารมอญกู้ชาติได้ครับ

เหรียญหลวงปู่บาง วัดสโมสรรุ่นแรก

ให้บูชา 1500 บาทครับ

 

จ

จองครับ

 

จองครับ

 

หรียญหลวงพ่อสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ปี 2519 พิมพ์ห้าเหลี่ยมเล็กเนื้อทองแดงสภาพสวยเดิมๆ เป็นเหรียญพิมพ์ทรงห้าเหลี่ยม จัดสร้างเมื่อเดือน ธ.ค. ๒๕๑๙ วัตถุประสงค์เพื่อตอบแทนแก่ผู้ร่วมทำบุญในการบูรณะปฏิสังขรณ์โสนาสนะ และสมทบทุนก่อสร้างฌาปนสถานของวัดศาลาลอย ดำเนินการสร้างโดย ผู้ใหญ่นุกูล พงษ์วีระพัฒน์ หลวงพ่อสงฆ์ได้ปลุกเสกให้ถึง ๓ คืน ๓ วัน มี ๒ ขนาด คือ เหรียญใหญ่สำหรับผู้ชายและเหรียญเล็กสำหรับผู้หญิง

เหรียญเล็กสวยเดิมๆครับ

ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

 

พระปิดตาเงินล้านวัดซับลำใย หลวงปู่หมุนเสกและครูบาอาจารย์อีกหลายท่าน พิธีใหญ่

ให้บูชา 450 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

 

ประวัติพระครูจันทโพธิ์คุณ หรือหลวงพ่อโทน เจ้าอาวาสวัดเชิงหวาย เกิดเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ.2466 ได้อุปสมบทที่วัดเชิงหวายเมื่อ พ.ศ.2491 และได้แต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดเชิงหวายเมื่อปี 2497 จนถึงปัจจุบัน รวมอายุ 89 ปี 64 พรรษา หลวงพ่อโทนเป็นลูกศิษย์ของ หลวงพ่อกริ่ม วัดกลางกับหลวงพ่อสาย วัดทองคุ้ง เจ้าตำหรับแหวนพิรอด และได้เรียนรักษาจากพระเขมรอยู่ 2 ปี ซึ่งออกวัตถุมงคลที่โด่งดังที่สุดคือเหรียญหลวงพ่อโทนใส่แวนเนื้อนิเกิลและพิมพ์ไม่ใส่แว่น และพระสมเด็จขี่หลังหมู เพราะหลวงพ่อโทนท่านเกิดปีกุน ซึ่งน้ำมนต์ของหลวงพ่อโทนโด่งดังทั่วประเทศอยู่ที่ไหนๆ ก็มาขอน้ำมนต์ที่เชื่อว่ามีสรรพคุณทางด้านเมตตา มหานิยม ค้าขาย และรักษาโรค

หลวงพ่อโทน มีภูมิปัญญาอันน่าทึ่งด้านเภสัชกรรมแผนโบราณ เปิดรักษาผู้ป่วยมานานกว่า 50 ปีแล้ว โดยศึกษาค้นคว้าจากตำราขอม และพระไตรปิฏก เพื่อให้รู้ถึงปฐมเหตุ ปฐมจินดา ก่อนจะพัฒนาไปถึงการบำบัดรักษาโรคต่างๆ ด้วยสมุนไพรไทย สรรพคุณสูง โดยเฉพาะโรคร้ายๆ รักษาหายเฉลี่ยแล้ว 100 ราย เสียชีวิตไม่ถึง 10 ราย กระทั่งอายุ 24 ปี ได้เริ่มรักษาผู้ป่วย จนเป็นที่เคารพและศรัทธา ต่อมาพัฒนาไปถึงยารักษาโรคมะเร็ง และโรคเอดส์ จนมีชื่อเสียง กระทั่งปี พ.ศ.2538 ศูนย์กามโรคและโรคเอดส์เขต 1 รวมทั้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอ่างทอง เข้ามาขอความร่วมมือตั้งคลินิกนิรนามเพื่อเป็นที่พึ่งและช่วยเหลือบรรเทาโดยใช้ยาสมุนไพรบำบัดบรรเทาผู้ป่วยจนได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง พร้อมยกย่องหลวงพ่อว่าเป็นพระแพทย์แผนโบราณสำคัญในภาคกลาง

ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
ข่าวสด

เหรียญรุ่น๑หลวงพ่อโทน ไม่ใส่แว่น รุ่นนี้มีประสบการณ์ด้านมหาอุตย์แคล้วคลาดนักการเมืองนิยมครับ

ให้บูชาเหรียญละ 800 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

 

วันนี้โอนเงิน 950 บาทให้แล้วครับ เวลา 11.40 น. เหรียญหลวงพ่อโต 400 บาท, เหรียญหลวงพ่อสุพจน์ 500 บาท ส่งที่เดิมครับขอบคุณ