ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

การทำงานกับระบบ ระบบจะชี้ให้เห็น ว่าตรงไหนเป็นจุดอ่อนของเรา พอเราผ่านด่าน

ระบบไปได้ 1 ด่าน เราจะมีภูมิคุ้มกันขึ้นมาอีกนิด ไม่ประมาทในการดูที่ขันธ์5

ของตนเองเป็นหลักสำคัญ มากกว่าคำสรรเสริญเยินยอ ซึ่งไม่ใช่ทางที่ถูก

และมุขนี้ของระบบ คงใช้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะเราจะมีภูมิต้านทานไม่หลงคารม

ที่น่าพอใจ ที่น่าชื่นใจ อย่างง่ายๆอีก

 

ชมภาพนิทรรศการ มหกรรมทรัพยากรธรณีและซากดึกดำบรรพ์ ที่Siam Discovery กันต่อครับ

ไดโนเสาร์ตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายในห้าง

 

การทำนายมรรคผลในพระพุทธศาสนาเป็นการไม่สมควร

 

ข้างบนนี่อิน ยิ่งกว่าคนของเขากะลาซะอีกนะนี่

 

มีหินแปลกๆมาแสดงให้ดูและนำกลับบ้านได้ด้วย

 

เว็บสโนว์ติดประชุมกับมนุษย์ต่างดาวที่ศูนย์เตือนภัยนอกกาแลคซี่ เดี๋ยวคงมา เพราะตะกี้ยายผีป่าชวนแวะที่ดาวหางดวงหนึ่งทานเบียร์ที่เพื่อนต่างดาวเอามาให้ดื่ม บอกว่าไม่ผิดศีลหรอก ให้แยกน้ำกับแอลกอร์ฮอร์ออกจากกัน ฮ่า ๆ

 

ข้อความข้างต้น ล๊อเล่งนา....ไปแระ นัดตีกอล์ฟกับเจ้าจักรวานแห่งดาวคู่ขนานอีกกาแลคซี่หนึ่ง เดี๋ยวไปสาย

โอ้ย...ไปไหนไม่ได้แล้ว

ต้องส่งกำลังใจไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมทางภาคใต้ ไปเองไม่ไหว ไม่มีค่าเดินทาง

......................................ตะแง้ว

 

มีพื้นที่ให้เด็กๆมาขุดหาซากไดโนเสาร์เล่นด้วย

 

เรียนคุณ firstman ที่นับถือ

ได้โปรดใจเย็นลงก่อน โปรดระงับไฟโทสะในดวงจิตของท่านลงก่อน คุณสุดใจ กับผมได้พบกันครั้งแรก เมื่อตอนที่กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ ได้เริ่มรวมตัวกันใหม่ๆ เมื่อประมาน 3-4 ปีที่แล้ว โดยคุณสุดใจได้เมตตามาให้ความรู้เรื่องของภัยพิบัติและเรื่องของมนุษย์ต่างดาว กับทางกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ และได้ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือในกิจกรรมต่างๆ ของทางกลุ่มพลังจิตเสมอมามิได้ขาด ทำให้ผมได้รู้ถึงอุปนิสัยและความมุ่งมั่นของคุณสุดใจมาโดยตลอดว่า คุณสุดใจ ไม่ใช่คนหน้าไหว้หลังหลอกอย่างที่คุณ firstman เข้าใจผิดแต่อย่างใด

การทำงานช่วยเหลือผู้อื่น เพื่อที่จะช่วยให้เพื่อนมนุษย์ได้รอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้ ไม่ใช่เรื่องที่ใครนึกอยากจะทำก็ทำได้ง่ายๆ ต้องใช้ความเสียสละอย่างสูง ต้องสละความสุขส่วนตัวทุกอย่าง ต้องอดทนต่อคำดูหมิ่นเหยียดหยามต่างๆ นาๆ ซึ่งผมก็ได้ประสบพบเจอมากับตัวเองแล้ว จึงได้รู้ซึ้งถึงความยากลำบากที่คุณสุดใจและหมู่คณะต้องพบเจอในครั้งนี้

การที่เราจะตัดสินว่าใครดีใครชั่ว ต้องดูว่าเขาได้เคยทำงานเพื่อส่วนรวมอย่างไรมาบ้าง หรือเคยคดโกงอะไรกับใครมาบ้างหรือเปล่า ไม่ใช่เพียงได้ฟังคำพูดของคนที่ไม่เข้าใจในระบบการทำงานกับเพื่อนต่างดาว ก็รีบด่วนสรุปตัดสินไปโดยทันที โดยไม่ยอมฟังเหตุผลของฝ่ายที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด ซึ่งเป็นการตัดสินโดยอคติ ไม่ได้ใช้ปัญญาไตร่ครองให้ถ่องแท้เสียก่อน

ผมไม่ทราบว่าทำไมคุณ firstman ถึงได้แสดงอาการโกรธแค้นชิงชังกับทางกลุ่มเขากะลา มากมายถึงเพียงนี้ ราวกับว่าโกรธแค้นกันมาเป็นร้อยๆ ปี ถ้าคุณ firstman ไม่ชอบใจวิธีฝึกจิตของทางกลุ่มเขากะลา ที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ คุณ firstman ก็เพียงถอยออกมาดูอยู่ห่างๆ และคอยดูการทำงานของทางกลุ่มเขากะลาต่อไป ว่าจะทำงานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้จริงอย่างที่ได้บอกเอาไว้หรือเปล่า ถ้าเมื่อถึงเวลาที่เกิดภัยพิบัติขึ้นมาจริงๆ แล้ว ทางกลุ่มเขากะลาไม่สามารถทำได้จริงอย่างที่พูดเอาไว้ ตอนนั้นคุณ firstman ค่อยออกมาประณามว่าเป็นพวกลวงโลกมันก็ยังไม่สายไม่ใช่หรือครับ

แต่ถ้าเมื่อตอนเกิดภัยพิบัติแล้วทางกลุ่มเขากะลา เขาเกิดสามารถพาคนไปหลบภัยได้จริงอย่างที่พูดเอาไว้ในตอนนี้ แล้วคุณ firstman จะทำอย่างไร จะไปขอโทษว่าผมผิดไปแล้ว ได้โปรดยกโทษให้กระผมด้วยเถิดกระนั้นหรือ? คุณ firstman จะไม่รู้สึกกระดากใจตัวเอาดอกหรือ ว่าเราไม่น่าไปประณามด่าว่าพวกเขากะลา อย่างมากมายถึงเพียงนี้เลย......

 

5 5 5 +++ ขอหัวเราะเป็นภาษาฝรั่งเศสด้วยคนนะคุณยาย

 

ผมต้องขอกราบอนุโมทนา และขอขอบพระคุณพี่เกษมเป็นอย่างยิ่งนะครับที่ได้กรุณาเข้าใจวิธีการฝึกจิต และการกระชากอัตตาตัวตนของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ซึ่งถึงแม้ว่าอาจจะมีเพียงท่านเดียวจริงๆ ที่เข้าใจ แต่นั่นก็หมายถึงกำลังใจอันใหญ่ยิ่ง สำหรับผู้ที่ยังต้องทนทำงานที่สวนทางกับกระแสโลกที่กำลังไหลเชี่ยวไปด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ สุข

บทเรียน และการฝึกจิตจากมนุษย์ต่างดาวในลักษณะเช่นนี้ มิได้เป็นเรื่องใหม่ หรือของแปลกสำหรับบุคคลที่ได้เข้าร่วมฝึกตั้งแต่ในครั้งเมื่อกว่าสิบปีที่แล้วเลย ดังที่ผมเคยเล่าเรื่องขั้นตอนการฝึกไว้ในกระทู้นี้ตั้งแต่ประมาณหน้าที่ 16 เป็นต้นมาแล้ว และพยายามชักชวนเพื่อนๆ สมาชิกที่เพิ่งเข้ามารู้จักกันใหม่ๆ ให้กรุณาเปิดกลับไปอ่านดู แต่ก็ยังมีหลายท่านที่กล่าวกันว่าเป็นคนระบบ หรือเป็นเด็กนักเรียนของมนุษย์ต่างดาว กลับไม่ได้เห็นความสำคัญว่าการที่จะมาร่วมทำงานกับมนุษย์ต่างดาวเพื่อที่จะเป็นตัวแทนของมนุษย์ด้วยกันในการช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่ใครนึกอยากจะมาทำก็เข้ามาทำได้ง่ายๆ ใครนึกอยากจะเลิกก็เลิกไปได้ง่ายๆ ไม่มีการล้อเล่น ไม่มีการอลุ่มอล่วยในเงื่อนไขของการที่จะต้องเสียสละจริง มีรายการวัดใจกันจริงๆ และไม่มีคำว่า "ตีกรอบ"

มนุษย์ต่างดาว หรือที่ใช้คำเพื่อมิให้ยึดมั่นถือมั่นเพื่อจะหาตัวครูผู้สอนที่เรียกกันว่า "ระบบ" นั้น จะสอน หรือให้ประโยชน์ตนอย่างจริงจัง และเข้มงวดก็แต่เฉพาะบุคคลผู้ที่ผ่านการคัดกรองในเบื้องต้นมาแล้ว และบุคคลผู้นั้นก็มีความสมัครใจเข้ามาในหมู่กลุ่มด้วยตนเองเท่านั้น โดยจะได้รับหมายเลขประจำตัวกันทุกคน

ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนตามใจลูกแล้วลูกได้ดี ไม่มีครูบาอาจารย์ที่ไหนตามใจศิษย์ให้ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วศิษย์จะได้ดี ซึ่งบทเรียนเมื่อกว่าสิบปีก่อนนั้นอาจกล่าวได้ว่ายากกว่าปัจจุบันเยอะ แต่จะอย่างไรก็ตามในช่วงที่ต้องฝึกกันเป็นปีนั้น ไม่มีคำว่าตามใจ มีแต่ขัดใจผู้เรียนอยู่แทบตลอดเวลา แต่นักเรียนร่วมห้องในครั้งนั้นที่ปัจจุบันยังเห็นหน้าเห็นตากันอยู่ ต่างก็ทราบกันดีว่าความเปลี่ยนแปลงในทางสภาวะจิตของแต่ละคนที่ได้ร่วมฝึกกันมาตั้งแต่ในครั้งนั้น แล้วยังได้รับการอธิบายขยายระบบอย่างต่อเนื่องมาจนถึงบัดนี้ สภาวะจิตย่อมต้องมีการพัฒนาขึ้นมาบ้างแล้วแน่ๆ

ผมเองก็ในฐานะที่เป็นนักเรียนเหมือนกันก็ขอเอาใจช่วยเพื่อนๆ นักเรียนผู้ร่วมชั้นทุกๆ ท่านนะครับ ให้ได้พัฒนาความสามารถในการเห็นความว่าง เพื่อการรักษาประโยชน์ตนให้ได้มากที่สุดในเบื้องต้น ส่วนประโยชน์ท่านนั้นถึงเวลาจริงก็เอาไว้ค่อยว่ากัน ขออนุโมทนาครับ

 

สิ่งที่เราเห็น มันไม่ต่างกัน จริงๆ แล้ว ทุกชีวิต ได้ ถูกทดสอบมากันทุกๆ คน ตั้งแต่เกิด
ลองอ่านเว็ปไซด์นี้ ผิดถูกประการใด ติติงด้วยจ้า แต่ถ้าช่วยใขความกระจ่างได้ และเป็นแนวทางที่ดี ก็ยินดี ด้วย เราได้ทำหน้าที่แล้ว <meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 11"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 11"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} a:link, span.MsoHyperlink {color:blue; text-decoration:underline; text-underline:single;} a:visited, span.MsoHyperlinkFollowed {colorurple; text-decoration:underline; text-underline:single;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->[FONT=&quot]http://www.morelifeinc.net/bible/secretofheaven.html[/FONT]

 

กราบเรียนด้วยความเคารพนักปฏิบัติธรรมทุกท่าน..
ผมขอแสดงความรู้สึกที่มีต่อเหตุการณ์ที่กำลังเกิดบนกะทู้เขากะลาแห่งนี้และเหมือนว่าไม่มีแนวโน้มที่จะยุติลงง่ายๆ ความขัดแย้งต่างๆซึ่งเกิดจากเหตุผลที่ไม่ลงรอยกันของแต่ละคนโดยที่ต่างคนต่างก็มีเหตุผลมาอ้างอิงโดยที่ไม่รู้ว่าจะลงเอยกันอย่างไร และด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่เหตุการณ์นี้สามารถหยุดที่ตัวของเราเองได้ โดยที่ไม่นำฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดหรือถูกโดยที่ไม่นำตัวเราเข้าไปตัดสินหาความถูกต้องของแต่ละฝ่าย ขอความกรุณาช่วยหยุดเถอะครับเพื่อความสงบแก่ส่วนรวม
ผมขออ้างอิงจากประสบการณ์ของผมนะครับ โดยที่ผมไม่มีเจตนาอย่างอื่นแอบแฝงและก่อให้เกิดข้อพิพาธ ซึ่งผมเองและภรรยาก็เคยฝึกอยู่ที่เขากะลาเมื่อ10กว่าปีก่อนผมยอมรับว่าหนักมาก ต้องละทิ้งการงาน ครอบครัวและเพื่อนฝูง ไปอดๆอยากๆอยู่บนเขาเป็นแรมปีเพื่อฝึกจิตกับมนุษย์ต่างดาว ต้องทนกับคำครหา คำด่า ต่างๆนานา ว่าเป็นพวกเพี้ยน พวกบ้า ทำอะไรไม่เข้าท่าเข้าทาง จนตัวเองเกิดสภาวะทุกข์ กดดัน แต่ทำอย่างไรได้ก็ในเมื่อตัวเองและภรรยาของผมสมัครใจเข้ามาอยู่ในกลุ่มเขากะลาแล้ว ก็ลองดูสักตั้งว่าการฝึกจิตกับมนุษย์ต่างดาวเป็นอย่างไร ตอนนั้นทุกคนในกลุ่มไม่มีเงินสักบาทเดียว
มีแต่ ญาติๆของทางพี่สุดใจบริจาคให้เป็นข้าวสารบ้าง กะปิ น้ำปลาบ้าง ก็กินแบบตามมีตามเกิด แต่การฝึกก็ให้สังเกตุ"ทุกข์"ของตัวเองเป็นหลัก ซึ่งตอนนั้นผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าหน้าตาของ"ตัวทุกข์"
เป็นอย่างไรและในเวลานั้นคนธรรมดาอย่างผมยังไม่รู้จักคำว่า"ธรรมะ"อย่างแท้จริง แต่พอฝึกไปเรื่อยๆก็พอที่จะเริ่มเข้าใจใน"ธรรมะ"ขึ้นมาบ้าง(แค่เอาตัวรอด)แต่กลไกการฝึกจิตกับมนุษย์ต่างดาวก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงวาระที่ต่างคนต่างแยกย้ายกลับไปทำหน้าที่การงานของแต่ละคน ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่มีกลุ่มเขากะลาอีกเลย จนมาถึงปี2547ผมคนแรกที่นึกถึงเขากะลาก็เลยชวนภรรยากลับมาระลึกความหลังเมื่อครั้งที่เคยอยู่เขากะลา เลยโทรหาพี่สุดใจ พี่แกก็ดีใจที่ได้เจอสมาชิกเก่าๆ พี่สุดใจก็เลยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากที่ผมและภรรยาและสมาชิกในกลุ่มแยกย้ายกันกลับไป พี่สุดใจและคนในครอบครัวก็กลับมาฝึกกันต่อที่บ้านและเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม ผมเลยคิดว่าทำไมมนุษย์ต่างดาวไม่ปล่อยให้อยู่อย่างสบายบ้างทุกข์มาตั้งแต่อยู่บนเขาแล้ว กลับลงมาน่าจะให้ถูกหวยรางวัลที่1สักงวด จะได้สบายกัน แต่กลับไม่เป็นอย่างที่ตัวเองคิดกลับหนักยิ่งกว่าเก่าเสียอีก
แต่ตัวผมก็ได้รับการขยายระบบหลายครั้งจนตัวเองเข้าใจ เพราะผมได้พื้นฐานจากการฝึกบนเขามาบ้างแล้ว เรื่องราวการฝึกในอดีตจนถึงปัจจุบันของผมนั้นไม่ใช่การยกยอปอปั้น"กลุ่มเขากะลา"แต่อย่างใด แต่เป็นประสบการณ์ตรงจากตัวของผมและภรรยาที่ได้เคยสัมผัสกลุ่มๆนี้ ผมคิดว่าถ้าคนกลุ่มนี้คิดที่จะสร้าง"สถานที่ปฏิบัติให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา"คงจะดำเนินการตั้งแต่แรกเริ่มที่ก่อตั้งกลุ่มขึ้นมา หาผู้ใจบุญเข้ามาบริจาค แต่นี่เป็นแค่เนินเขาเล็กๆ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรเลยจะหาความสบายก็ไม่มี
แถมขึ้นเขายังลำบากอีก
ถ้ามองแล้วเขากะลาก็เป็นแค่เนินดินมันก็อยู่ของมันมานานนับสิบปี ใครจะด่าจะว่าอะไรก็ไม่เคยสะทกสะท้าน เพราะมันเป็นแค่เนินดินไม่มีความรู้สึกอันใด ใครจะเกลียดจะชังก็รับฟังโดยไม่โต้แย้งเพราะเนินดินพูดไม่ได้ ทำได้อย่างเดียวคือมันอยู่นิ่งๆให้มันเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติของมันเอง อีกหน่อยเขากะลาลูกนี้มันก็กลายเป็นตำนานให้ผู้คนกล่าวถึงไปเองนะครับ...ขออนุโมทนาทุกท่าน.

 

ดูตน ดูขันธ์ห้า ออกมาเป็นผู้ดู

ข้อมูลจากสิ่งมีชีวิตดาวพลูโตผ่านพี่สุดใจ บอกว่ารูปขันธ์ทำงานภายใต้การกำกับของแค่สารเคมี ชอบใจหรือไม่มันก้ดำเนินไป เราจึงควรแค่ดูเพื่อไม่เกิดทุกข์แก่ตน (โอ๊ย ข้อความหลุดโลก)

แต่ข้อมูลเชิงประสาทวิทยาการแพทย์กล่าวว่า สมองชั้นในสุดทำหน้าที่เพื่อความอยู่รอด ไม่มีอารมณ์ผูกพัน อารมณ์ความรู้สึกอยู่ที่สมองส่วนกลาง วิวัฒนาการของสมองส่วนกลางเริ่มเกิดในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เรียกว่าระบบลิมบิก อมิกดาลาเป็นส่วนหนึ่งของระบบลิมบิกนี้ ถ้าเราเห็นเสือแต่ไม่มีความรู้สึกกลัว ก็คงจะถูกมันจับกิน กลไกในสมองจึงถูกสร้างให้ใช้ความเร็ว เมื่อแสงจากเสือระทบจอตา (จักขุวิญญาณ) กระแสประสาทจะถูกส่งไปสมองส่วนท้ายทอยทันที จากนั้นกระแสประสาทจะถูกส่งไปที่ทาลามัส ซึ่งเป็นประตูรับส่งกระแสประสาทจากทั่วสมอง ปรกติกระแสประสาทจากทาลามัสจะถูกส่งไปที่คอร์เท็กซ์ด้านบน (เปลือกสมอง)ที่รับรู้ (หรือวิญญาณ)แต่เพื่อความรวดเร็วถ้ามีการจดจำว่าเป็นสิ่งควรกลัว (สัญญา) เช่น พ่อแม่สอนให้กลัวเสือ เมื่อเห็นภาพเสือระแสประสาทจะถูกส่งจากทาลามัสไปอมิกดาลาโดยตรงเพื่อไม่ต้องผ่านการรับรู้โดยคอร์เท็กซ์ จากนั้นกระแสประสาทจะถูกส่งไปที่ก้านสมองไปบอกระบบประสาทอัตโนมัติให้เร่งเครื่อง

ประสาทอัตโนมัติมีฝ่ายเร่ง (ซิมพาเทติก) กับผ่ายเบรค (พาราซิมพาเทติก) อารมณ์กลัวเสือไปกระตุ้นระบบประสาทให้หลั่งสารเร่ง (อะดรีนาลิน)
ออกมา ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันเลือดเพิ่ม กล้ามเนื้อตึงตัวเพิ่มพลัง เพื่อเตรียมพร้อมให้สามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วและรุนแรง ไม่ว่าจะสู้หรือหนีล้วนต้องใช้พลังงานอย่างมากทั้งสิ้น สมองส่วนประเมินและตัดสินใจจะประเมินสถานการณ์ เช่นขนาดเสือ ความห่าง อยู่หลังกรงหรือไม่ การตัดสินใจเป็นไปตามการประเมิน ถ้าประเมินถูกตัดสินใจถูกก็อาจจะรอด

เวลาเกิดความกลัว ความเกลียด ความโกรธ แล้วสารอะดรีนาลีนจะหลั่งมากไป เวลามีอารณ์จึงใจสั่น กล้ามเนื้อตึงตัว มนุษย์ปัจจุบันมักไม่พบเสือ แต่พบปัญหาการอยู่ร่วมกันในสังคม การจราจรติดขัด เงินไม่พอใช้ เจ้านายจุกจิก คนในชาติในเว็ปแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย*********โคลนข้อมูลเข้าหากันไม่สามารถใช้ปัญญาพิจารณาได้ว่าผู้ใดถูกผิด กลไกร่างกายยังเหมือนเดิมแบบมนุษย์ผู้ล่า คือเมื่อพบปัญหาอะดรีนาลีนหลั่งออกมาเยอะ ทำให้หัวใจเต้นเร็ว กล้ามเนื้อตึงตัว แต่ไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อแก้ปัญหา มันจึงตึงตัวค้างฟรีๆ นั่นแหละคือความเครียด

การออกกำลังกายลดความเครียดได้ เพราะช่วยระบายพลังออกไปจากกล้ามเนื้อที่ตึงตัวแต่ไม่ได้ใช้งาน การเจริญสติเจริญสมาธิก็ไปลดความเครียดได้ เพราะหนทางดังกล่าวไปควบคุมอมิกดาลาไม่ให้ตื่นตัวเกินไป เมื่อมีอารมณ์โกรธให้เอาจิตไปไว้กับลมหายใจ หายใจเข้ายาวออกยาวสักพักหนึ่ง ปรากฏว่าอารมณ์โกรธอารณ์กลัวจะหายไป

พระพุทธองค์สมณโคดมสอนให้ละจากการล่วงเกินตนเองทั้งทางกาย วาจา ใจ เราไปทุบตีเขาสารอะดรีนะลีนของเขาหลั่ง ตอนนั้นเราโกรธจัดอะดรีนะลีนของเราก็หลั่งด้วยมากมาย เราไปว่าเขาสารอะดรีนาลีนของเขาก็หลั่ง ของเราก็หลั่งแถมหลั่งเยอะด้วย พูดกันในเน็ตนี่คนเขียนข้อความก็หลั่งอะดรีนะลีนขณะเขียน คนอ่านสองร้อยคน ถ้าอ่านแล้วมีอารมณ์ข้ามลู่เกิดความเครียดก็หลั่งอะดรีนะลีนสองร้อยคน เขาถึงว่าวาจาทางอินเตอร์เน็ตเป็นกรรมติดจรวด ได้ทั้งแง่บวกและลบ ข้อความเป็นกุศลเกิดสารความสุขเอ็นดอร์ฟินหลั่งในผู้อ่านสองร้อยคนช่วยกันอนุโมทนาชุ่มชื่นใจ เชิงความคิดนั้นแค่คิดไม่ดีกับเขาสารอะดรีนะลีนของเราก็หลั่ง ทำร้ายตนเองทุกวันทีละนิด ท้ายที่สุดเมื่อมีความเครียดสะสมรูปขันธ์รับไม่ไหวเกิดโรคหัวใจ ความดันเลือดสูง โรคมะเร็ง ฯลฯ แล้วทุกข์ไหม รูปขันธ์เป็นทุกข์ คนอ่านถ้าเขาไม่มาอ่านไม่มีอะดรีนะลีน คนคิดคนเขียนนี่รับไปแล้วเต็มๆ รูปขันะ์เป็นทุกข์จะมามีใจละสัญญาและขันธ์อื่นอยู่หรือ อกุศลกรรมบทสิบทำลายตัวเราก่อนเพื่อน

เคยช่วยงานภัยพิบัติภายนอกที่เกิดไปแล้วก็ทุกข์ เคยช่วยเตรียมคนรับภัยที่ยังไม่เกิดก็ทุกข์ ไม่มีอะไรช่วยปลดทุกข์ดังกล่าวเศร้าหมองไม่สิ้น มาฟังธรรมะที่กระทู้นี้และที่ผ่านปากพี่สุดใจ เห็นความจริงตามข้อมูลช่วยให้วางทุกข์ได้ กระทู้นี้เหมือนภาพยนต์ ใครหลงมาชมไม่ถูกจริตขอความกรุณาอย่าพูดวิจารณ์เสียงดังในโรงภาพยนต์รบกวนผู้ชมท่านอื่นที่ยังได้รับอรรถประโยชน์อยู่บ้าง ให้ส่งไปรษณียบัตรออกความเห็นไปยังผู้อำนวยการสร้าง กรุณาลงนามด้วยค่ะ ผู้ร่วมแสดงก็ได้ค่าตัวไปแล้ว คือทุกข์ที่เบาบางลงระหว่างร่วมงานอยู่ในกองถ่าย จะแสดงนานหรือเลิกเลยก็แล้วแต่ท่าน

ท่านใดที่ชมแล้วไม่พอใจก็ย้ายไปชมหนังรัก หนังตลกได้นะคะ ที่ฉายอยู่นี่หนังซีเรียสมากๆค่ะถ้าชมแล้วทุกข์อย่ามาชมเลย รับข้อความมาถ้าไม่เป็นผู้ดูลงไปร่วมคลุกอารมณ์ก็ทำลายตัวเองด้วย ไม่ต้องเรียกหาภัยพิบัติจากแผ่นดินไหว น้ำท่วมใดๆ

แจ้งเพื่อทราบ

อ้างอิงส่วนหนึ่งจาก ประเวศ วะสี (๒๕๕๒) วิธีแก้เซ้งสร้างสุข ภาค ๒ นิตยสารหมอชาวบ้าน ปีที่ ๓๑ ฉบับที่ ๓๖๗ หน้า ๖๓-๖๗

 

อยากรู้จริงๆไม๊ ครับ ระหว่างที่ความเข้าไจไม่ตรงกัน ได้ถูกบริภาษซะยกใหญ่ ไม่มีความเคืองแค้น หรือโกรธ อันนี้แปลกสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเพราะอยากชี้แจงตามความเห็นที่เป็นจริง และอิงตามคำสอนของพระพุทธองค์เป็นที่ตั้งเท่านั้น ใครที่แย้งตรงข้ามแม้นอกเหนือจากคุณ ก็ไม่โกรธ เพระการโต้แย้งกันเป็นเรื่องให้ปัญญากัน นี่คือความเห็นที่ตรงไปตรงมา ซึ่งในสังคมเรานั้นมีคนโกรธง่ายเพราะคิดไม่ตรงกัน ซึ่งน่ากลัวกว่าภัยที่จะเกิดซะอีก มันถึงทำให้สังคม และโลกเรานี้ไม่เป็นสุข และสงบอย่างที่ควรจะเป็น ผมเคยถึงขั้นจะหนีออกจากสังคมไม่พบใครเลย แต่ก็ต้องรับความจริงที่เกิดขึ้นว่า ทุกสิ่งเป็นบททดสอบชีวิตให้ก้าวไปข้างหน้า จบการสอบแล้ว ก็จะมีบทเรียนใหม่ (อันนี้หมายถึงกฎแห่งกรรม นะครับ อย่าเอาไปแปลเป็นเรื่องอื่น เพราะความเชื่อต่างกันก็ไม่เป็นไร) ให้แต่ละคนต้องก้าวพ้น เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือหลุดพ้นทุกข์ และนิพพาน อยู่ที่ใครจะเร็วใครจะช้า ครับ
คำถามบางครั้งก็มีแรง ยั่วให้ฉุกคิด ซึ่งเราต่างก็ต้องฝึกการรับฟังเห็นต่างผุ้อื่น
ไหน ก็ขอชี้แจงตามนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เคยถือเคือง อย่างดีก็ถอยห่าง ไม่สังคมด้วย แต่ถ้ามีแต่เรื่องดีดี ก็ยังรับฟังไปเรื่อยเช่นกัน เพราะทุกคนต่างมีกรรม (และร่วมกัน มาก่อนเก่าอยู่แล้ว) สุดท้ายก็ต้องไปตามวิถึ สุดแต่ใครจะเห็นทางแสงสว่างเร็วกว่ากันเท่านั้น .. คุณว่าจริงไม๊
ที่สุดแล้ว...ผมถือคำสอนองค์พระรัตนตรัยเป็นที่สูงสุด แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสมอไม่แปรเปลี่ยน ทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะหลุดพ้นวัฏฏะสังสารนี้ ต่อไป
และ..เช่นกัน หากการใดที่ได้สร้างความไม่สบายใจ กระเทือนใจ หมู่มวลสมาชิกแล้ว หรือผู้อ่านแล้วเกิดความขุ่นใจ ทุกข์ใจ แล้ว กระผมก็ขอกล่าวคำอโหสิกรรม มา ณ ที่นี้ ด้วย ใจจริง ขอให้ทุกคนพ้นทุกข์กันเร็ว ๆ

 

จะเรียกว่า เป็นวิธียืมคำสอนที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ (ซึ่งเป็นบุคคลที่เกิดบนพิภพนี้แท้ ๆ) มาแปลงคำให้เป็นของกลุ่ม ทุกอย่างอิงพุทธ "คล้ายแต่ไม่ใช่" "เหมือนแต่ไม่จริง" ดังนั้น หากจะศึกษา ย่อมได้ แต่อย่างน้อยต้องมีภูมิคุ้มกันกับตัวเองก่อนเข้ามาศึกษาว่า.... พื้นฐานศาสนาพุทธเรามีคุณอะไรกับเรากับโลกเรา และกับวิทยาศาสตร์....เสียก่อน ไม่ใช่เพื่อว่าของใหม่ดีกว่าเก่าหรือเปล่า หากเป็นคนชอบเรียนรู้ ก็ทำเลย ซึ่งจริงๆ ศาสนาพุทธของโลกเรา ได้แจกแจงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาสองพันกว่าปีแล้ว เราต่างหากที่ลืมศึกษาแก่นแท้ และไม่จริงจังกับวิชาที่พระพุทธองค์ประทานให้ ซึ่งใช้ทางโลกก็ได้ ทางธรรมก็ได้ สุดแต่ใครอยากกลับหรือไม่อยากกลับ (คงเข้าใจนะ) เพราะเราต่างเข้าใจเพียงกระพี้ และไขว้เขว้ จนวันนึงมาพบวิชาอีกวิชานึงแล้วอาจทึกทักว่า เหล่านี้จะช่วยให้เราหลุดพ้น ก็อาจจริง แต่ที่สุดหรือเปล่า ไม่รับรอง.. แต่ถ้าพอใจเท่านั้นก็ต้องปล่อยไม่มีข้อแม้ แต่ผมยังเชื่อว่าคำสอนพระพุทธองค์ได้ค้นพบทุกสรรพสิ่งที่สามารถนำมาสอนมนุษย์โลกให้พ้นทุกข์ และไม่อยากพ้นทุกข์ ได่น่าจะเพียงพอแล้ว เพราะไปศึกษาจริง ๆ การถอดจิต หรือมีพลังจิต แม้พระพุทธองค์ไม่สอนตรง ๆ แต่ก็มีพระอภิญญาหลายองค์ท่านก็ได้นิมิตให้เห็นอยู่บ่อย ๆ ถึงแม้ภัยพิบัติจะเกิดในอีกปีหรือสองสามปีข้างหน้า หากเราปฏิบัติตามคำสอนได้อย่างถูกต้อง ตรงตามกฎเกณฑ์แล้ว ไซร์ ......แม้ต้องตายวันนั้นผมว่า เราก็หยิ่งทนงพอที่จะตายโดยไม่เสียจริต ถึงวันนั้น อบายก็คงปิดประตูรับเรา เพราะต่างมีสติทั่วพร้อมที่จะไปยังภพภูมิที่สูงขึ้น จงเลือกโลดแล่นในโลกได้ โดยรู้เท่าทันทุกข์ ได้อย่างแท้จริง อยู่ที่เราเลือกแล้ว ผมเคารพทุกสรรพวิชา หากแม้นใช้ยังประโยชน์กับเราไม่ได้ก็วาง..ลง ไม่วางเฉย หากเกิดโทษในกาลข้างหน้าไม่ทางใดก็ทางนึง ก็ต้องใช้ปัญญาว่าจะแบกต่อไปหรือเปล่า

((ที่จริงก็ทุกศาสตร์นะแหละ) เพราะสรรพวิชาต่าง ๆที่เกิดบนโลกนี้หากไม่เป็นไปเพื่อความจริง สัจจะและการหลุดพ้นทุกข์แล้ว นั่น ถือเป็นเดียรฉานวิชาทั้งสิ้น (อันนี้จำมาจากบทความในโหราศาสตร์ ซึ่งค่อนข้างเห็นด้วย) เนื่องจากทุกวิชาเป็นวิชาเพื่อแสวงสุข..เพื่อ..โลกียะ เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อเข้าสู่โลกุตตระ) อย่ามาโกรธผมอีกนะ..สวัสดี

 

เฮ้ย...ปู่ NINE ผู้ปลุกกระแสมนุษย์ต่างดาว คู่ปรับ "ช่างไฟ" หายไปไหนแล้ว แว่วๆ มาว่า ตายเพราะโรคชราไปแล้ว เว็บสโนว์ช่วยใช้พลังทิพย์ที่มีคืนชีพให้ปู่ไนน์ NINE ผู้บุกเบิกห้องวิทยาศาสตร์ทางจิตตั้งแต่เริ่มต้นได้ไหมเนี่ย เดี๋ยวยายผีป่าจะไปเชิญเรียกวิญญาณเขามาสิงให้มาโพส เขานี่ติดต่อมนุษย์ต่างดาวประจำ

ขาดเขาแล้วเราเหง้าเหงา

ย้ำนะคะ


"เว็บพลังจิต เปิดเวทีให้ท่านมารวมกลุ่มตามความสนใจของแต่ละกลุ่ม ท่านสนใจแนวไหน เข้าสนทนาแนวนั้น ไม่ได้ถือว่า ท่านที่ได้อยู่ห้องแนะนำ หรือตั้งเป็นกลุ่มจนดังแล้ว เว็บพลังจิตรับผิดชอบ"

ทำไมยายผีป่าจึงไม่ยอมเป็นทีมงานดูแลเว็บบอร์ด ทั้งๆ ที่อยากจะได้ตำแหน่งอะไรก็ย่อมได้ แม้กระทั่งไอ้ตัวหนังสือดำๆ ที่มาตราหน้าว่า "ผู้สนับสนุนกิตติมศักดิ์" นี่ มันหาใช่สิ่งที่บอกว่า ยายผีป่ามีอภิสิทธิ์อะไรนอกเหนือจากสมาชิกท่านอื่น ๆ โพสไม่ดีก็โดนด่า โพสดีมากก็โดนอิจฉา โพสผิดบิดเบือน ก็อาจดีกับคนที่หลงเชื่อ อาจไม่ดีกับคนที่ไม่เชื่อ แต่ถ้าบิดเบือน อย่างไรๆ ก็ไม่ดี


เมื่อคืนลูกสาวคนที่สามดูทีวี น้ำท่วม ดินโคลนทับผู้คน บ้านเรือน ทุกอย่างเต็มไปด้วยน้ำที่มากเกินไป ภัยธรมชาติที่เราหนีมันไม่พ้น ลูกสาวถามว่า

"แม่ๆ...พระพุทธเจ้า พระเยซู พระอัลเลาะห์ ท่านทำไมปล่อยให้น้ำท่วม"


เราก็เออ..เด็กสมัยนี้เขาคิดว่า พระศาสดา พระเจ้านั้นมีฤทธิ์มาก สามารถบันดาลให้ทุกอย่างดีไปหมด เขาจึงยึดเกาะอย่างไม่มีปัญญา

แต่ถ้าเขามีปัญญา เขาจะศึกษาความเป็นธรรมะที่ท่านตรัสไว้

โดยเฉพาะธรรมะของพระพุทธองค์


ท่านสอนเรื่องจริง เรื่องธรรมดาของธรรมชาติ


ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติ เราก็เข้าใจโลก เข้าใจธรรม


พระพุทธเจ้าท่านสงสารพวกเรา จึงป่วยให้ดูเป็นตัวอย่าง ว่า ชีวิตนี้ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่มีบารมีมากมาย อิทธิฤทธิล้ำเพียงไร หาได้หนีความเจ็บป่วยไม่ ยอมรับกฎของการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ช้าไม่เรวมันก็ต้องเกิด ท่านตายให้ดู เพื่อให้รู้ว่า การมีสังขารอมตะหาใช่สิ่งที่เป็นเครื่องยืนยันว่าท่านเจริญแล้วไม่


ท่านสอนให้รู้ว่า วันเวลาที่มีอยู่ จงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา เมื่อใดจิตละสังขาร ท่านจะเข้าถึงพระนิพพานด้วยประการละฉะนี้แลฯ


เจิรญธรรม เจิรญสุข

หยุดความโล่เสียที (คำพระท่านว่า สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนเต็มไปด้วยอวิชชา หลักธรรมนั้นเปิดตาให้กระจ่าง จงตามธรรมอันเจริญแล้วเถิด)

ทีนี้จะเล่าให้ฟัง พอเข้านอน ตั้งจิตไปทัวร์กับครูทิพย์ข้างบน ไปเสวนาธรรมหาความรู้เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว


สักพักได้พบผู้มาจากดาวอะไรจำไม่ได้ มาหาสามท่านแล้วทำสัมมาคารวะต่ออาจารย์ใหญ่ของยายผีป่าที่พาไปรอพวกเขา เราก็แสดงสัมมาคาระต่อกันโดยไม่จำเป็นต้องวางท่าเลย


สักพักท่านเหล่านั้นก็พูดสรรเสริญพระพุทธเจ้าสมณโคดม ว่า ประเสริฐแล้ว จงสรรเสริญท่านเป็นที่สุดเถิดฯ


นี่คือคำตอบว่า แม้มนุษย์ต่างดาวยังสรรเสริญพระพุทธเจ้า เราต้องเชื่อมั่นในพระพุทธเจ้าเราสิคะ...พระพุทธเจ้าอุบัติในชมพูทวีป หรือโลกที่มีผู้คนที่ปนไปทั้งสุขและทุกข์เท่านั้น ไม่มีอุบัติที่ดาวดวงไหนๆ พระพุทธเจ้าในดาวดวงอื่นๆ นั้นเป็นความเชื่อของพุทธกลายพันธุ์ หรือลัทธิอื่นๆ ที่เอาผสมอีรุงตุงนั้ง ซึ่งเหมาะกับคนยุคกลียุคนี้นักแล

..............................


บางครั้งทุกท่านเชื่อมั่นว่าตนถูกต้อง แม้กระทั่งยายผีป่าอาจคิดเช่นนี้ว่าดีแล้ว แค่ท่านที่รู้แตกต่างอาจมองว่า

โอ... อนิจจา...น่าสงสารยายผีป่าเหลือเกิน ช่างเป็นผู้เสมือนกบในกะลาครอบเสียจริง การปฏิบัติเวียนว่ายตายเกิดมาตั้งหลายอสงขัยแสนกัปกัลป์ได้เพียงเท่านี้หรือ หาได้ส่งให้รุ้มากไปกว่านี้หรือ

เอาเป็นว่า ยายผีป่ายอมให้ทุกคนมองว่า เป็นเต่าล้านปี เพราะธรรมะแห่งพระโพธิญาณ ไม่ว่าจะกี่แสนล้านกัปกัลป์ กี่ล้านพระพุทธเจ้า หลักธรรมนั้นๆ หาได้เปลี่ยนแปลง ล้วนมาจากฐานแห่งศีลธรรมเดียวกัน เพียงแต่ต่างวาระเท่านั้นเอง

...................................................

หลวงพี่ที่ยายผีป่านับถือ ท่านเคยเตือนยายผีป่าว่า


"จงอย่าไปดึงคนที่เขามีศรัทธารุนแรงให้เชื่อตามเรา เขาจะหาว่าเราเป็นมารขวางกั้นทางบรรลุธรรมของเขา แต่เมือใดที่เขาตาสว่าง จงเปิดรับเขาด้วยน้ำใจ ให้แนวทางที่เรารู้ดีแล้วว่าดีเพื่อเขาจะได้เป็นคนที่มีสติต่อไป หรือไม่ก็มองดูอย่างมีสติ"

 

น้ำท่วม เพราะมีการตัดไม้ทำลายป่ากันมาก (ยายผีป่าเองยังมีส่วนทำลย เพราะไปซื้อไม้มาเป็นส่วนประกอบการสร้างบ้าน) มีการทำลายกำแพงกั้นแนวลม แนวน้ำไหลกันมาก ด้วยการเอาหิน ปูน ทราย มาทำบ้านอาคาร สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อสนองกิเลสมนุษย์ เขามันอยู่ของมันดีๆ ก็ไปตัดไม้ ถล่มหิน ไปก่อสร้างนั่นี่ทดแทน ธรรมาติขาดสมดุล เราคือผู้ทำร้ายตัวเราเอง เราต้องมีสำนึกปลูกต้นไม้ทดแทน ไม่รุกที่เขตป่าเขาอีก ตรงไหนเสื่อมโทรม จงไปบำรุงรักษาช่วยกัน อย่างภาคใต้ภูมิประทศเขานั้นมันง่ยต่อการเกิดภัย น้ำ ลม พายุต่างๆ เข้ามาทีทางใต้เจอทุกกรณี

ขนาดภาคใต้เต็มไปด้วยเขาปละป่ายาง ป่าต่างๆ ยังเอาไม่อยู่ เพราะอะไรหน่ะรึ เพราะว่าเราปลูกสร้างบ้านเรือน สร้างตัวเมือง แบบไม่มีการวางผังที่ถูกต้อง ไม่เรียนรู้เส้นทางการไหลของน้ำ การพัดผ่านของแงลม และผลกระทบจากสภาวะต่างๆ



วันที่ไปสัมนามัคุเทศน์ท้องถิ่น วิทยากรสาวปริญญาโทหลายใบ แต่อ่านภาษาอังกฤาคำว่า HEART ว่า เฮิร์ท เราก็เออ...สงสัยเขาใช้สมองคิดในใจมากกว่าใช้จริง หรือตื่นเต้นไม่รู้

เขาเล่าเรื่องภัยภิบัติว่า "น้องชายเขาเรียนสภาปนิคที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพ บอกว่า ต่อไปคนเขาจะไม่ปลูกบ้านมีเสาติดดินแล้ว เพราะน้ำจะท่วมโลก ต้องทำบ้านแบบแพ(ความคิดของยายผีป่าเสนอไปนานแล้ว แต่บอกไม่หมดว่าต้องสร้างอย่างไร) ยายผีป่าจึงคิดว่ เออ..สงสัยน้องของวิทยากรคนนี้คงเป้นสมาชิกหมวดพลังจิตพิชิตภัยพิบัติเนาะ

เลยยอกตัวอย่างให้น้องวิทยากรฟังว่า

"การที่น้ำจะท่วมโลกนั้น มันยากกว่าน้ำหลากท่วมเกินลิมิตทุกปี ที่ใดที่หนึ่ง ขอบอกว่าเกิดมา ๔๑ ย่าง ๔๒ (ไม่ได้บอกหวยนะ) หนีน้ำท่วมมาไม่รู้กี่หน เดินไปเรียนนี่น้ำแค่เอว ถลกชายกระโปรงหนีน้ำกันจนผู้ชายรู้ว่าเราใส่กางเกงในสีอะไร พายุพัดบ้านเรือนพังไม่รู้กี่หน เกือบตายเพราะต้นไม้จะล้มทับตอน การที่จะทำบ้านเป็นแพนั้นเหมาะมาก แต่ต้องมีระบบควบคุม ไม่ใช่ทำแบบแพแล้ว แต่ยึดไว้แน่นกับหมุดหรือเสา หรือต้นไม้ มัดตึง พอน้ำมาฉุกเฉิน ระดับน้ำมันเกิน แพไปไม่ได้เพราะโดนตรึงไว้ต่ำกว่าะดับน้ำ จึงจมหรืออับปาง ยกตัวอย่างตอนเขื่อนปล่อยน้ำมากเกินไป ชาวบ้านผูกแพไว้ แม้จะเผื่อเชือกไว้มากพอที่จะคาดว่าแพคงพ้นน้ำ ที่ไหนได้ แพจมน้ำก็มีนะคะ ทีนี้แก้ได้อย่างไร และต่อให้แพลอยตามน้ำไป เราจะควบคุมแพได้อย่างไร ไม่ให้ไปชนสิ่งกีดขวางจนพัง เพาะกระแสน้ำนั้นย่อมมาแรงและเร็ว และถามว่า เราจะอยู่แต่ในที่ๆ ปลอดภัยตลอดเวลาเท่านั้นหรือ ไม่ออกไปทำมาหากิน ไม่ไปเที่ยว ไปเรียนหรืออย่างไร ดังนั้น การมีสติ การมีสัญชาตญาณระมัดระวัง เหมือนนกรู้จะดีกว่านะคะ"

 

เรียนพี่สุดใจค่ะ

เรื่องในอดีตไม่ควรเอามาอ้างอีกต่อไป ให้ทำในปัจจุบัน คือเรื่องที่สำคัญมากคือ เรื่องบัญชีเงินทำบุญต่างๆ ที่ควรทำจะดีกว่าไม๊คะ และที่ดร.กัลยาต้องการเงินทั้งหมดคืน และตอนนี้วรรณก็ออกจากระบบ ระบอบอะไรของทางกลุ่มเขากะลาแล้ว มันคนละประเด็นแล้วค่ะ


ในอดีตที่ผ่านมายอมรับค่ะว่าศรัทธาพี่สุดใจมาก และเห็นใจที่ไม่มีรายได้อะไร และ วรรณกลัวเรื่องภัยพิบัติ ขณะทีววรรณอยู่อเมริกาด้วยความศรัทธาจึงได้โทรหาพี่สุดใจอยู่เนืองๆ เพราะอยากพ้นจากทุกข์ ไม่อยากเกิด อยากก้าวหน้าในเรื่องของธรรมะ และถูกขยายระบบจนกระทั่งได้รับการประกาศภายในจากพี่ว่า เป็น โซดา

ด้วยวิชากลลวง ทฤษฏีระบบของคุณวาสนาผ่านมาทางพี่สุดใจ มันยาวเกินกว่าจะเล่าในที่นี้ (ใครอยากทราบยินดีเล่าค่ะ) ขณะที่พิมพ์อยู่นี้ก็เศร้านะคะ ว่าหลวงปู่ หลวงพ่อ หลวงพี่ ที่เรา เคยศึกษาธรรมะของท่านทั้งหลาย แต่เรากลับทิ้งเลย แต่มาหันมาปฏิบัติตามระบบ ตามเวฟของทางกลุ่มเขากะลา ว่าตัวเราไม่ใช่เรา เป็นร่างกายที่ระบบจัดสรรมาตามบุพกรรม เป็นหุ่นที่จะมาทำงานเมื่อยามเกิดภัยพิบัติ มีอุปกรณ์ในการช่วยเหลือมนุษย์ติดตั้งในตัว ความคิด ความอ่าน การกระทำต่างๆ สคริปนอก สคริปใน ระบบโฟ เป็นเวฟทั้งนั้น และเวฟก็กลับไป กลับมา แล้วก็ยังบอกอีกว่าไม่ต้องไปเชื่อเวฟ อะไรต่างๆ เหล่านี้ ยังมีอีกมากเหลือเกิน ฯลฯ............งง ไป งง มา ไม่รู้จะเอายังไงดี

พอได้สติรู้สึกตัวและ ได้รับคำปรึกษาจากครูบาอาจารย์ หลวงพี่ และน้องสาว เกี่ยวกับการปฏิบัติตามทฤษฎีนี้ ทฤษฎีระบบจากต่างดาวที่คุณวาสนาอ้างมาผ่านทางพี่สุดใจถึงดิฉันนั้น ไม่ทำให้ออกจากทุกข์ได้จริง หรือละวางตัวตนได้จริง กอร์ปกับการกระทำส่วนตัวของกลุ่มที่ขัดแย้งกันกับคำว่า การละวาง ดิฉันพิจารณาแล้ว ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับผู้ที่ให้ทฤษฎีจากต่างดาวนี้ ซึ่งไม่ตรงกับคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จึงได้ออกจากกลุ่มเขากะลาตั้งแต่วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๒ เป็นต้นมาค่ะ

วันนี้ถ้ามีเวลาช่วงบ่าย จะเข้ามาเล่าอีกค่ะ

 

ดอกบัวตองกำลังบาน อากาศกำลังดี

ท่านที่จะเดินทางไปร่วมกิจกรรมที่ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ใน 14 -15 พย. 2552 นี้ อย่าลืมนะครับ และขอให้ติดเครื่องกันหนาวไปด้วยเพื่อความไม่ประมาท

รถที่จะเดินทางออกจากกรุงเทพฯ มีจำนวน 2 คัน

1. รถของคุณอ้วน พร้อมผู้โดยสารอีก 5 ท่าน (ป้าแพท จารยูคริน จารหนุ่ย จารแตง และจารเม้าท์) รถออกหน้าร้านแพทโปสเตอร์ เวลา 07.30 น.
2. รถของคุณศรุต พ้อมผู้โดยสารอีก 4 ท่าน (คุณแขก คุณ A.41 คุณกุ๊ก และป้าสิ) รถออกหน้า Big King บางใหญ่ เวลา 08.00 น.

ขอความกรุณาตรงต่อเวลาด้วย เนื่องจากระยะทางจากกรุงเทพฯไปลำปาง ประมาณ 600 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7-8 ชั่วโมง