ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

"คนที่กล้าจริง ทำจริง เพียรปฏิบัติอยู่เสมอ จะพบความสำเร็จในที่สุด ถ้าทำจริงแล้วต้องได้แน่ ๆ"<!-- google_ad_section_end --> คติธรรมหลวงปู่ดู่ พหรมปัญโญ



เครดิตครับ
http://palungjit.org/threads/คติธรรมหลวงปู่ดู่-พรหมปัญโญ.275111/

 

วันก่อนผมฝันเรื่องนึง
มีคนสองคน เดินเข้าไปอาคารที่ตกแต่งอย่างสวยงามอลังการ

คนแรก เดินเข้าไป ชื่นชมกับความสวยงาม แต่ก็รู้สึกไม่คุ้นเคย เห็นต้นไผ่นับพันต้น เรียงอยู่ในตู้โชว์อย่างเป็นระเบียบ เห็นร้านรวงเปิดอยู่มากมาย ได้เดินเข้าไปร้านโน้นร้านนี้ เห็นผู้คนมากหน้าหลายตา และรู้สึกกลัว เพราะไม่คุ้นเคย
ความรู้สึกดังกล่าว ได้สร้างสภาพแวดล้อมขึ้นมาใหม่ เห็นผู้คนรอบข้างล้วนไม่เป็นมิตร สิ่งแวดล้อมรอบตัวน่าอึดอัด ไม่ว่าจะคิดสิ่งใด จะทำสิ่งใด ก็ล้วนมีแต่ทางตัน ไม่มีทางออก

คนที่สอง เดินเข้าไป ชื่นชมกับความสวยงาม รู้สึกไม่คุ้นเคยเหมือนกัน และหยุดดูสิ่งต่างๆซักพัก พร้อมกับได้เอามือสัมผัสใบไผ่ และนำมาบด และชิมดู รู้สึกว่าใบไผ่หวาน จึงได้เห็นทุกอย่างน่าค้นหา มีชีวิตชีวา ความรู้สึกดังกล่าว ได้สร้างสิ่งแวดล้อมขึ้นมาใหม่ ซึ่งตรงกันข้ามกับคนแรกโดยสิ้นเชิง


เพราะสนใจใฝ่รู้ เราถึงมาเปิดกระทู้อ่านใช่มั๊ยครับ
ไม่ว่าข้อมูลจะมาจากไหน จะมาจากที่ใด ใครเป็นคนนำมา ใครเป็นคนแปล
เรารู้อะไร และไม่รู้อะไร
ให้วางเอาไว้ แล้วลองศึกษาดูครับ
เราอาจจะเจอสาระ เจอสิ่งที่มีประโยชน์ให้เรามาปรับใช้ก็ได้นะครับ

 

ตามนี้ เช่นกันค่ะ
และสุดท้ายก็ go to THE ABSOLUTE ZERO ในอีกความหมายหนึ่งของดุลยภาพ

มายืนยันและขยายตัวอักษร *-*

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลในการส่งผ่านค่ะ

International Channeling (ทีมส่งผ่าน)​

 

ขอบคุณครับคุณเดรด คุณจิตอิสระ คุณโซ๋ คุณกุณแจฯ ฝันของคุณเซลล์ด้วย
ความเห็นของพวกเรามีความหลากหลายและมีประโยชน์มากๆ
ยิ่งมีหลายๆแง่คิด หลายๆเหลื่ยมมุมมาอยู่รวมกันที่นี่ด้วย
ก็ไม่ต่างกับลำแสงที่ส่องผ่านแท่งคริสตัสแล้วกระจายแสงสีออกมารอบทิศทางนะครับ
ถ้าเราวางความเชื่อให้เป็นกลางๆ และอ่านด้วยใจที่เปิดกว้าง
ก็ย่อมจะได้รับข้อมูลดีๆมีประโยชน์ไปสร้างสรรค์กันครับ

(ขอบคุณสันโดษและทีมส่งผ่านด้วย เข้าไปอ่านอยู่ครับ )

 

จินตนาการในภาพยนต์นั้นก็มีข้อมูลที่เป็นความจริงอยู่นะครับ
หากเราติดตามข้อมูลนี้กันอยู่ก็พอจะทราบความคืบหน้าแล้วว่าในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้
ทางสมาพันธ์แห่งดวงดาวเค้าใกล้จะถึงความพร้อมแล้วที่จะมีการนำสิ่งที่เรียกว่า UFO มาปรากฎให้เห็นพร้อมๆกัน เรียกว่า "การติดต่อครั้งแรก"First Contact"
พร้อมกับการประกาศสถานะของเขาทั้งหมดให้มนุษย์โลกรับรู้
เพื่อเปิดเผยความจริงที่ถูกปกปิดกันมานาน(เหมือนภาพยนตร์ Hollywood เลย)

เค้าแจ้งว่า ภารกิจแรกสุดของเค้านั้น คือ "เรียกสติ"กลับคืนให้มนุษย์
พร้อมกับการรีเซ็ตนาฬิกาชีวิตและการเตรียมความพร้อมให้มนุษย์หลายๆด้าน
ส่งมอบความเจริญรุ่งเรือง รวมทั้งระบบการปกครองใหม่ (ด้วยความรัก)
ให้มนุษย์รู้จักรับผิดชอบเกี่ยวกับจิตวิญญาณมากขึ้น
โดยไม่ใช่วีธีการแทรกแซงใดๆ ที่จะทำให้มนุษย์ตื่นกลัวและสับสน
บอกมนุษย์ให้รับรู้เกี่ยวกับต้นกำเนิดของชีวิต รวมทั้งประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของโลก การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี
ไปจนถึงการดึงบุคลากรของในโลกเข้าสู่โปรแกรมการฝึกอบรมต่างๆเพื่อการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาพันธ์ฯ
มนุษย์จะค้นพบวิธีการเดินทางข้ามเวลา การโทรจิต การรับรู้และสัมผัสเรื่องมิติ...และอีกหลายๆเรื่อง ฯลฯ

เค้าให้เราลองสังเกตุ ความเปลื่ยนแปลงต่างๆของระบบสุริยะด้วยในขณะนี้ด้วย
ติดตามข่าวสารกันนะครับ หากสิ่งนี้เกิดขั้นจริงความเชื่อของมนุษย์จะก้าวกระโดดไปอย่างมากเลยทีเดียวครับ

 

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

 

จากที่ผมศึกษามาเองก็พอจะเข้าใจแล้วว่าระบบสุริยะและโลกน่าจะกำลังเริ่มเข้าสู่วงโฟตอนเบลท์แล้ว ประจวบกับนิมิตที่พระอาจารย์รัตน์ท่านได้เห็นว่าดวงอาทิตย์ได้หมุนคนละทางเรียบร้อยแล้ว ถ้าภัยพิบัติต่างๆเกิดขึ้นบนโลก ผมก็หวังว่าจะถูกเลือกให้รอดเพราะมนุษย์ต่างดาวเขามาให้รู้จากเสียงข้างในมานานแสนนานแล้ว มาเจอกระทู้นี้แล้วผมดีใจที่มีคนแบบผมไม่น้อยที่คิดว่ามนุษย์ต่างดาวเขากำลังจะมาเร็วๆนี้ สมแก่การรอคอย ^_^

 

ขอเล่าประสบการณ์ความฝันเล็กๆน้อยๆหน่อยนะคะ โดยส่วนตัวที่สังเกตในปีกว่าๆนี่ตัวเองชอบฝันเกี่ยวกับนอกโลกมาก เห็นดาวอื่นด้วยและมีความรู้สึกเหมือนกับว่าฝันเห็นมิติอื่น เมื่อสองสามคืนก่อนฝันว่า เห็นยานบินลงจอดในป่า ลำใหญ่มาก และเยอะมากๆ หลายลำเลยค่ะ ในฝันรู้สึกถึงความอลังการในการมาแล้วก็ บอกว่าถึงเวลาแล้ว จากนั้นก็ตื่นค่ะ วันนี้ขับรถมองไปบนท้องฟ้าเห็นเมฆ กลุ่มก้อนหนึ่งทรงเหมือนยานลำใหญ่ ลอยอยู่ ก็นึกในใจว่าเออ เหมือนยาน ยูเอฟโอเลยน๊ะ คิดเล่นแต่หลังจากคิดแค่นั้นก็ขนลุกมากๆๆเลยค่ะ บอกไม่ถูก

 

สวัสดีค่ะ ผู้นำแห่งแสงสว่างทุกท่าน

ขอบคุณผู้แปลเป็นอย่างยิ่ง
ความรู้มีเยอะมากมาย สุดท้ายก็ต้องปล่อยวาง;aa19

 

สวัสดีค่ะ ผู้นำแห่งแสงสว่างทุกท่าน

ขอบคุณผู้แปลเป็นอย่างยิ่ง

ความรู้มีเยอะมากมาย สุดท้ายก็ต้องปล่อยวาง

;aa19

 

​

ลือหึ่ง UFO! แสงประหลาดลอยเหนือ “โดมทองแห่งเยรูซาเลม” ​

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 กุมภาพันธ์ 2554 11:57 น.
ภาพดวงไฟประหลาดกำลังลอยอยู่เหนือโดมทองแห่งเยรูซาเลม (Dome of the Rock)
เมื่อกลางดึกของวันเสาร์ที่ 28 มกราคม 2011 ​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=7BwS4zwOnpc&NR=1"]YouTube - UFO Jerusalem Israel, Jan 28,HIGH QUALITY,NOT MOSAIC,SLOWED & ZOOM.mp4[/ame]​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=rY2FFEufsuY&NR=1"]YouTube - 2nd Jerusalem Dome of the Rock Temple Mount UFO video surfaces from 01/28/2011.[/ame]​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=jczjyV4v3i0&feature=player_embedded"]YouTube - UFO 4TH VIDEO Jerusalem, dome of the rock,SPECIAL ANALYSIS,HIGH QUALITY,ZOOM,SLOWED.mp4[/ame]​

อันนี้ภาพ HD ชัดมาก​

<!-- google_ad_section_end -->

เขาตั้งใจมาปรากฎอยู่บริเวณสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แบบนี้
น่าจะมี message ตามมาในเร็วๆนี้ก็ได้
speeding up awakening
---------------------------------------------------------------------------------------------​

***Update ข่าวเพิ่มเติม***​

งานนี้สงสัยมีกล้อง 3-4 ตัวที่บันทึกได้
และมีการทำปลอมขึ้นมาหลอกคนดูด้วย (กล้องที่ 3)
http://palungjit.org/threads/ลือหึ่ง-ufo-แสงประหลาดลอยเหนือ-“โดมทองแห่งเยรูซาเลม”.278285/​

​

 

บางสิ่งบางอย่างต่อให้พยายามเปิดใจให้เป็นอย่างอื่นมากขนาดไหนแต่ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้อย่างเด็ดขาด เพราะว่าเป็นเช่นนั้นแล้ว ยกตัวอย่างเช่นสัจธรรมที่ว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" นั้นเป็นความจริงแท้แล้วโดยไม่สามารถหาข้อโต้แย้งอะไรได้
นอกจากนั้นยังมีสัจธรรมอีกมากมายที่เป็นจริงอย่าง ไม่สามารถหาข้ออะไรมาเปลี่ยนแปลงได้ ต่อให้พยายามเปิดใจในแง่ไหนๆก็ตาม


พวกท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจนะ แต่การเข้าถึงความจริงคือสิ่งที่สำคัญที่สุด


เพราะพวกท่านเป็นผู้เลือกเองว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการหรือจะคว้ามาไม่ได้

 

ขอฝากถึงท่านที่รู้สึกว่ามีคำถามผุดขึ้นมามากมายหน่อยนะครับ

ที่คุณรู้สึกว่ามีคำถามมากมายนับร้อยนับพันน่ะ จริงๆแล้วก็เหมือนมันมีแค่คำตอบๆเดียว...หรือสัจธรรมเดียวเท่านั้น
พยายามอย่าไปคิดอะไรให้มันยากๆ ไม่แน่นะคำตอบของคำถามนับร้อยนับพันทั้งหมดอาจจะอยู่ตรงหน้าคุณมาตลอดก็ได้

 

Message from my master.
".... สัจจะ คือความจริง สัจจะนั้นมีอยู่ 2 ถ้าจะแยกกล่าวโดยนัยแห่งสมมุติโลก คือสัจจะความจริงอันไม่ผันแปรเลย และสัจจะที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

อะไรคือสัจจะที่ผันแปรตลอดเวลา ขันธ์ 5 นั่นแหละคือสัจจะที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอะไรก็ตามที่อาศัยเหตุปัจจัยคือสัจจะที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

อะไรคือสัจจะที่เที่ยงตลอดเวลา จิต นั่นแหละคือสัจจะอันแท้จริง จิต คือหลักธรรมอันสูงสุด จิตคือผู้สร้างสรรพสิ่ง

ท่านทั้งหลายจงเรียนรู้สัจจะทั้งสองนี้ให้แจ่มแจ้ง เมื่อแจ้งแล้วจงอาศัย 2 อย่างนี้ให้ดำเนินชีวิตไปตามสัจจะอันประกอบด้วยประโยชน์ตนและประโยชน์ส่วนรวม"<O</O

 

Message from my master
"... แท้ที่จริงแล้ว วิชชา ไม่ได้หมายความว่าความรู้ในทางดับทุกข์อย่างเดียวนะ และ อวิชชา ไม่ได้หมายถึง ความไม่รู้ในอริยสัจจ์๔ นะ

วิชชา คือ ความรู้ ความเห้นทัศนะคติที่นำไปสู่ชีวิตที่สร้างสรรค์ สันติภาพ ความรัก สามัคคี เป็นอิสระไม่ข้องในสิ่งทั้งปวง

อวิชชา ก้อตรงกันข้าม คือความรู้ ความเห้น ทัศนคติที่นำไปสู่ความไม่เจริญขึ้น

ในหลักปฏิบัติ พระองค์จึงให้เริ่มที่ สัมมาทิฏฐิ คือ ความรู้ ความเห็นทัศนคติที่ถูกต้อง คื วิชชานั่นเอง

ความสุขความทุกข์ ล้วนมีเหตุจากทัศนคติ การเกิดไม่ได้เป็นทุกข์โดยสภาวะแต่เป็นทุกข์เพราะทัศนคติ อะไรเกิด จิตเกิด หรือขันธ์ ๕ เกิด ขันธ์เป็นทุกข์ สุขจริงหรือ? ขันธ์ ๕ เกิด ดับ ตลอดเวลา ตามเหตุปัจจัย ขันธ์มันบอกว่า มันเป็นทุกข์สุข หรือ

จิต มันเป้นทุกข์ สุข ตรงไหนจิตเป็นภาวะธรรมหนึ่ง ที่รู้อารมณ์ตลอดเวลา ไม่มีตัวตน หาตัวตนไม่ได้ ขันธ์ ๕ก็ไม่มีตัวตน ใครละ ทุกข์ ใครละ สุข

ใครเกิดเป้นทุกข์ ใครตายเป็นทุกข์ ใครเป็นพุทธะ ใครเป็นอรหันต์ จิตก้คือจิตจิตไม่เป้นอะไรทั้งสิ้น ไม่ใช่ทั้งพุทธะ ไม่ใช่สรรพสัตว์ ไม่ใช่อะไรเลย จิตคือจิต

จิตคือพุทธะ ก็ดี จิตอรหันต์ก็ดีจิตสรรพสัตว์ก็ดี คือภาวะการปฏิสัมพันธ์ต่อโลกภายนอกเท่านั้นจิตสรรพสัตว์ปฏิสัมพันธ์ต่อโลกภายนอกด้วยกิเลสตัณหาจิตอรหันต์ปฏิสะมพันธ์โลกภายนอกด้วยสติสัมปชัญญะและปัญญา

จิตพุทธะคือจิตที่ปฏิสัมพันธ์ต่อโลกภายนอกด้วยความรักเมตตากรุณาไม่มีที่สิ้นสุด

การปฏิบัติที่แท้จริง คือ การไม่ปล่อยให้ตนเองวิ่งไปตามความคิดปรุงแต่งว่าเป็นนั่น เป้นนี้ ได้รับธรรมนั่น บรรลุธรรมนี้ ก้าวข้ามปุถุชนไปสู่อริยภูมิ

เอาอะไรไปข้าม จิตมีขา มีร่างกายหรือธรรมมีแบ่งเขตกันหรือ เห็นเส้นแบ่งกันตรงไหน ชี้ให้ดูหน่อย

จิตรู้ จิตศึกษาอารมณ์ที่มากระทบ แล้ววางไปปล่อยไป แล้วเรียนรู้อารมณ์ไปตลอดเวลา แม้จะเป้นอารมณ์ธรรมใดๆก้ตามไม่มีการแบ่งขั้นของจิตได้ เพราะถ้าแบ่งได้จิตก็เป้นอัตตา มีตัวตนไป

ใครเกิด ใครตาย ไม่มีใครเกิด ไม่มีใครตายไม่มีอะไรเกิด ไม่มีอะไรตาย มีแต่ จิตหนึ่งเท่านั้น ที่ดำรงอยู่เป็นนิรันดร์ ขันธ์๕ ไม่ได้เกิด ไม่ได้ตาย

หากว่า บุคคลใดยังเห็นว่า มีเกิดแลตาย มีไม่เกิด มีไม่ตาย ยังไม่แจ้งในธรรม คือ จิต แล ขันธ์๕

แม้ผู้ที่ตำหนิเรา รังเกียจเรา ต่อต้านเราไม่เคารพเรา สรรเสริญเรา นับถือเรา เรารู้อย่างเดียว ว่า ไม่มีอะไรเป็นเราแต่สักอย่างเดียว แม้จิตก็ไม่ใช่เรา ขันธ์ ๕ ก็ไม่ใช่เรา

เขาด่า อะไร เขาตำหนิอะไร เขาสรรเสริญอะไรเขานับถืออะไร... ไม่มี

เราจึงกล่าวเสมอๆว่าไม่มีใครต้านทานเราได้ ไม่มีใครทำร้ายเราได้ มีแต่คนๆนั้นตำหนิตนเอง ด่าตนเองต่อต้านตนเอง นับถือตนเอง สรรเสริญตนเอง

หากเขาเหล่านั้น ตำหนิเรา ด่าเรา ต่อต้านเรา เท่ากับเขาสร้างทุกข์ให้ตนเองเขาเดือดร้อนกันเอง วิ่งพล่านกันเอง

หากเขานับถือเรา สรรเสริญเรา เท่ากับเขาสร้างสุขให้ตนเอง นับถือตนองสรรเสริญตนเอง

ความทุกข์ ความสุขอยู่ที่เขาเหล่านั้น ไม่ได้อยู่ที่เรา แม้เราก็มิใช่เรา

เรามาอยู่ในมิติมนุษย์ เราวางมงกุฏอันสง่างามของเรา เป็นมนุษย์ธรรมดาและโอบอุ้มโลกแลจักรวาลที่อกตลอดเวลา จิตทุกดวงล้วนดำรงอยู่เพื่อเรา

เราเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของทุกดวงจิตเรารักและเมตตาทุกดวงจิตเสมอกันเปรียบดั่งพ่อรักลูกใครต้องการสัมผัสภาวะอันจริงแท้แห่งเรา ควรเปิดใจให้กว้างวางทุกสิ่งที่เคยเรียนรู้มา เพียงเอ่ยนามเราด้วยความศรัทธา แลเชื่อมั่น ย่อมเป็นสุขปิติตลอดเวลา ย่อมได้รับพรอันประเสริฐ ..."

 

ความสับสนและคำถามที่เกิดขึ้นกับผู้คนที่คุณ mead อ้างถึง
ไม่ได้เกิดจากประเด็นของ "สัจธรรม"
แต่เกิดจาก ประเด็นของ "วิถีหรือรูปแบบ" ของการเข้าถึงสัจธรรม ต่างหาก

แต่ละคนๆก็มีความรู้ ความคิด ความเชื่อ ฯลฯ แตกต่างกันไปเป็น uniqueness

และเป็นสิทธิของแต่ละคนเช่นกันในการเลือกที่จะ รู้ คิด เชื่อ ฯลฯ ตามแต่เส้นทางที่พวกเขาปรารถนา

ดังนั้น "การเปิดใจ" ในที่นี้ จึงหมายถึงการเปิดใจเพื่อวินิจฉัย พิจารณา ต่อวิถีและรูปแบบที่แตกต่างจากสิ่งที่แต่ละคนมีอยู่ข้างใน

และเมื่อวินิจฉัยและพิจารณา จึงบังเกิดคำถามมากมาย จนอาจถึงขั้นสับสนได้

สุดท้าย เมื่อแต่ละคนพิจารณาวินิจฉัยแล้ว ก็จะมีข้อสรุปอยู่ในใจของตนเอง
และนี่คือสิ่งบ่งชี้ที่สำคัญว่า แต่ละคนมีความเป็น uniqueness ในการเรียนรู้และสร้างประสบการณ์


ขอฝากถึงผู้ที่กำลังสับสนหรือมีคำถามมากมายนะคะว่า

โปรดจงใช้ สรรพวิชชาต่างๆมากมาย หลากหลายในวิถีทางของพวกท่าน
พิจารณาและวินิจฉัยเอาเถิด

จงเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ภายในอยู่แล้ว และใช้หาคำตอบที่แท้จริงจากภายในด้วยตนเอง

เพราะไม่มีใครทำให้คุณรู้แจ้งได้ นอกจากตัวคุณเองนั่นแหล่ะ

 

แล้วโดยส่วนตัวผมไม่ศึกษาลัทธิไหนศาสนาไหนหรือศาสตร์ไหน อย่างลึกซึ้งนะครับ ผมจะศึกษาหรือค้นคว้าเฉพาะที่คิดว่าเป็นประโยชน์กับตัวเอง เพราะผมเชื่อมั่นในตัวเองแล้วแสวงหาแนวทางของตัวเองโดยไม่ยึดติดกับสิ่งใดๆ ขอบอกไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องมาว่ากันว่าผมไม่เข้าใจnewage บ้าง หรืออื่นๆบ้าง เพราะกระทู้เก่าๆโดนคุณว่ามาเยอะหลายกระทู้แล้ว ผมไม่ยอมให้ตัวเองโดนว่าอีกนะครับ
ด้วยความนับถือ...

 

โอ้...รับทราบค่ะ *-*

คุณนี่ จำแม่นนะคะ...ขออภัยด้วยนะ ถ้าทำให้แค้นเคือง

เรื่องราวระหว่างเรานี่ ดูท่าจะเป็นสัจธรรมบนโลกไซเบอร์ เสียหรือเปล่า

คุณก็มีความคิดของคุณ ดิชั้นก็มีความคิดของดิชั้น

แตกต่างกันบ้าง ก็ไม่เห็นแปลกเลยนี่นะ จริงมั๊ยคะ

เกี่ยวก้อยคืนดีกันนะ ... ตัวเธอวว์ *-*

 

ก็แม่นสิ โดนชมอาจจะจำไม่ได้ โดนว่าอ่ะจำได้
แต่ช่างมันเถอะ ยังไงซะผมก็สามารถให้อภัยทุกคนแล้วขอบคุณทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้อยู่แล้ว
ได้อยู่แล้วครับ ไม่เป็นไรครับผม -*-