ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 30 มิถุนายน 2010.

  1. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    การตระหนักรู้แบบควอนตั้ม เหรอครับ
    ถ้าหมายถึงทำอย่างไรถึงจะก้าวไปสู่ตรงนั้นก็พอจะพูดถึงได้น่ะครับ เช่น การเชื่อมต่อสติ การเจริญเติบโตของความรู้ การเปิดมิติเปิดมุมมองใหม่ๆ ในแง่ความเข้าใจและภูมิปัญญาของเราเองที่เราคุ้นเคยกันอยู่ แต่ถ้าเป็น กระบวนการตื่นรู้แบบควอนตัมนี่ มันอาจต้องอธิบายเป็นภาษาวิทยาศาสตร์กันเลยทีเดียว

    สมมุติว่าเรายืนอยู่ ตรงจุดกลมๆจุดหนึ่ง ที่มันมี ระยะทาง-ช่องว่าง-และกาลเวลา เป็นอุปสรรคที่ยากลำบากหรือเป็นสิ่งกีดขวาง การที่เราจะก้าวกระโดดจากระบบย่อยไปสู่ระบบใหญ่อื่นๆได้ เราต้องพยายามทอดสะพานออกไปหาครับ โดยอาศัยการเชื่อมต่อกับเวลาสากลของจิตให้ได้ ซึ่งสะพานที่ว่านี้ก็คือ การนอนหลับ-การฝัน หรือการทำสมาธิ ไปสู่ระดับที่สูงขึ้นของการดำรงอยู่แบบมีสติน่ะครับ มันจะทำให้เราค้นพบตัวตนที่สูงกว่าหรือต่ำกว่าได้ (ในลำดับชั้นทางจิตวิญญาณ) เป็นการสร้างความสัมพันธ์ชั่วคราวทางจิตวิญญาณด้วยครับ

    และจักรวาลก็อาจไม่บอกหรือตอบกลับอะไรกับเราเลย หากเราไม่ระบุความตั้งใจที่ชัดเจนลงไป จนกว่าเราจะเลือกและตัดสินใจบางอย่างซะก่อน เนื่องจากเรามีความทรงจำเก่าๆก่อนหน้านี้ติดมาด้วย ทำให้มันขาดอิสระภาพที่แท้จริง เราจะต้องยอมรับความต่อเนื่องกับจักรวาลที่ไร้ขีดจำกัดนี้ด้วย ซึ่งเป็นกฎข้อหนึ่ง เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของตัวเองด้วยน่ะครับ

    เท่านี้ก่อนครับ ใครมีอะไรมาเสริมตรงนี้ได้ ก็ช่วยครับ
    ต้องออกไปรับเพื่อน.. K-Vking แวะมาเยื่ยมน่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2011
  2. ผ่านมาจริงๆ

    ผ่านมาจริงๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    502
    ค่าพลัง:
    +635
    อ่านทวนหลายรอบเลยค่ะ ทั้งๆที่คิดว่าพอจะเข้าใจ แต่ก็กลัวว่าความ
    เข้าใจของตัวเองจะไม่พอ ขอไปใคร่ครวญต่อในฝันนะคะ
    ขอมหาเทพ มาเข้าฝันข้าพเจ้าทีเถ๊อะ rabbit_sleepy
     
  3. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ดีครับทำให้สำเร็จนะครับ สโลว์บัทชัวร์
    การร้องขอนั่นล่ะครับคุณฐนา
    เท่ากับเราได้ส่งความปรารถนาที่จะเชื่อมต่อกับจิตวิญญาณผู้นำทางของเราครับ
    ส่วนข้อมูลจะมาในรูปแบบไหน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ
    เทคนิคง่ายๆก่อนนอน หรือการจ่าหน้าซองส่งไปษณีย์
    ก็เพียงแค่ใส่ข้อมูลที่เราต้องการรู้ ลงไปบนตาที่สาม..จอจ่อไปเรื่อยๆ
    แล้วก็หลับไปอย่างมีสติน่ะครับ
     
  4. LadyOfLight

    LadyOfLight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    755
    ค่าพลัง:
    +2,472
    อืมมม...ไม่รู้จะพูดอย่างไรเหมือนกันนะ
    ...ขอพูดตามความเข้าใจส่วนตัว ณ ขณะนี้ ก็แล้วกันนะคะ *-*

    ง่ายๆเลย คือ คุณต้อง connect/contact/relate/touch...etc.(แนวๆนี้) กับจิตวิญญาณภายในของตัวเองให้ได้ก่อน

    วิธีการก็มีมากมายตามแต่จริตที่คุณปฏิบัติแล้วรู้สึกสบายทั้งใจและกาย
    พร้อมทั้งไม่สร้าง negativity ไม่ว่าด้านไหนออกมา ทั้งกับตนเองและผู้อื่น
    (และแม้จะมี negative จากภายนอกเข้ามากระทบ
    เราก็ "ต้องสามารถ" ดำรงความสุขใจ ความเข้าใจความเป็นไปของผู้อื่น ไว้ได้ด้วย
    เน้นว่า "ไม่ใช่การบังคับตน" ความสงบ ความเยือกเย็นที่แท้จริง จะเกิดขึ้นเองภายในโดยอัตโนมัติเมื่อเรา "ทำได้" จริงๆ)

    ถ้าทำการ connect...ฯลฯ สำเร็จ จะมีความจริง ความรู้ หลั่งไหลเข้ามาจากภายใน ไม่ว่าจะทางไหน เช่น ฝันหรือตื่น หรือ มีสติยามฝัน หรือฝันแล้วไม่รู้ตัวแต่ได้เรียนรู้ฯลฯ

    แต่ละคนก็จะมีช่วงเวลาแบบเส้นตรงของตัวเอง ที่จะย่อยความจริงจากภายในเหล่านั้น
    ดังนั้น แต่ละคนจึงใช้เวลาแบบเส้นตรงไม่เท่ากันในการควบรวมความจริงกับภายนอก

    ความจริงจะเพิ่มขึ้นออโต้อยู่ภายใน โดยที่ไม่เกี่ยวกับการคิดวิเคราะห์จากข้อมูลได้รับจากอายตนะทั้ง 5 ของกายภายนอกเลย
    แต่มันจะเสริมให้การคิดวิเคราะห์แบบภายนอก กระจ่างขึ้น แจ้งขึ้น

    ความจริงเหล่านี้ จะมีลักษณะแบบประมาณว่า multi-dimensional layers
    มันจะผสม ผสาน รวม...ฯลฯ(ประมาณนี้) อยู่ภายใน ทำให้การถ่ายทอดเป็นถ้อยคำของภายนอก
    ไม่สามารถนิยามความจริงจากภายในเหล่านี้ได้ตรง 100%

    ดังนั้น การใช้การเปรียบเทียบ+ภาพ+สัญญลักษณ์ของคุณสมบัติหรือคุณลักษณะใดๆ
    จึงใช้ทำให้ผู้อ่าน/ผู้รับข้อความ สามารถย่อยได้ง่ายขึ้น

    แม้กระทั่งสิ่งที่โซ่กำลังพูดอยู่นี่ ก็ไม่ตรงเท่ากับที่ผู้อ่าน อ่านแล้วรู้สึกว่ามันเป็นอย่างไรจริงๆในภายในของตนเอง

    ......

    และเป็นธรรมดาที่ผู้ซึ่งรู้สึกถึงความจริงเหล่านั้น ต้องการถ่ายทอดออกมาให้ผู้อื่นได้รับรู้
    แต่นี่คือ จุดสำคัญ ที่ผู้ถ่ายทอดต้องระมัดระวังอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของตัวเองให้จงหนัก
    หากผลตอบรับที่ตามมากลายเป็นเรื่อง negative ไปเสียได้

    เพราะความจริงเหล่านี้ มันเป็นภาพรวม ทุกlayers ทุกมิติ ทุกอย่าง เพราะมันคือ ปรมัตถ์(ความจริงอันเป็นที่สุด)
    มันมี range ที่ infinite
    พอมันถูกสำแดงออกมาในสนามที่จำกัด(finite)อย่างมิติที่มีแค่ 3
    มันจึงสามารถถูกหักเหเปลี่ยนแปลงไปได้มากมายโดย ความเป็นทุกอย่างที่อยู่ภายนอกของผู้อ่าน/ผู้รับ

    .....

    สำหรับด้านผู้รับแล้ว...
    มันจึงเป็นสาเหตุที่ open mind คือสิ่งจำเป็นอันดับแรกๆเมื่อต้องการ อ่าน/ฟัง/รับ
    แล้วการ วินิจฉัยแยกแยะ ก็จำเป็นเป็นอันดับต้นเช่นกัน

    ดังนั้น อารมณ์ความรู้สึกนึกคิด/อคติ(ความลำเอียงเข้าข้างตัวเอง)ที่เกิด ของผู้รับ
    จึงเป็นตัววัดค่าได้คร่าวๆว่าเรามี ความจริงที่แท้/ความเข้าใจของทุกสรรพสิ่งอย่างถ่องแท้อยู่ เพียงไรแล้ว

    ........


    แต่อย่างไรก็ดี เมื่อเรายังเป็นมนุษย์ ความเป็นมนุษย์และข้อจำกัดต่างๆของ 3 มิติ
    จึงอยู่กับเราอยู่แล้ว
    และเป็นไปตาม soul purpose/contract และอิสระแห่งความปรารถนา


    .....

    เริ่มไปต่อไม่ถูกละค่ะ 5555+ ว้า...แย่จังง

    เอาเป็นว่า การตระหนักรู้เชิงควอนตัม มันก็คล้ายกับเราได้ multi-dimensional layers of Truth มา

    .......

    ตอบยาวมากกกก...*-* ไม่รู้จะไร้สาระไปหรือเปล่านะคะ
    และขออภัยมาตรงนี้ล่วงหน้าเลย หากผู้ใดอ่านแล้วเกิด negative ขึ้นในจิตใจ
    มิได้มี "เจตนา" ล่วงเกินใดๆเลยค่ะ *-*
    และสิ่งที่โซ่กล่าว ก็มิใช่ความจริงอันเป็นที่สุดหรือคำสอนใดๆ
    เพียงเป็นแค่การพูดคุยและบรรยายถึงความเข้าใจของตนเองในตอนนี้เท่านั้นค่ะ
    โปรดใช้วิจารณญาณในการรับด้วยนะคะ *-*

    rat_wting
     
  5. ผ่านมาจริงๆ

    ผ่านมาจริงๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    502
    ค่าพลัง:
    +635



    อ่านทุกถ้อยคำ อยากขีดเส้นใต้หลายประโยค

    ขอบคุณค่ะ ;aa17
     
  6. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ไม่ยาวไปหรอกครับ น้องโซ่
    ถ้าเราเข้าถึงมิติทางพลังงานหรือกลายเป็น"แสงสว่าง"ที่มีคุณสมบัติเป็นกลางได้ล่ะก็
    เราจึงจะสัมผัสถึงได้ทุกระนาบที่เป็นคลื่นความถี่เลยนะครับ
    การตระหนักรู้แบบควอนตัม น่าจะหม่ายถึงการเปลี่ยนแปลงความถี่ในการสั่นสะเทือนให้สูงขึ้น
    ด้วยการดำรงอยู่ในความรัก ความอิ่มเอมใจ-ความสุข ความกลมเกลียวและสันติภาพนั่นเองครับ
    ถ้าทำได้เช่นนี้กันมากๆ ตัวเราและสังคมโลกก็จะพากันตื่นขึ้น และ ตื่นขึ้น.....


    วันนี้ได้รับข้อมูลจากอาจารย์ชิงไห่ มาชุดหนึ่ง (คุณ Veggies Guy ส่งมาให้)
    เกี่ยวกับ ประตูพระพรทางจิตวิญญาณ และประตูมิติ
    สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า จำนวนเส้นพระพรในแต่ละประเทศ..
    การเลื่อนระดับขึ้นของโลก โลกเก่า-โลกใหม่
    โหลดไปอ่านกันได้นะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    คุณ Sunju นี่สุดยอดเลยนะครับ ยิงคำถามสั้นๆง่ายๆมาแต่ละคำถามนี่
    เล่นเอาทีมแปลวุ่นกันไปหมดเลย..ผมเองก็อึ้งไปอยู่หลายวันเลยทีเดียว

    เพราะว่าคำถามของคุณนั้นหนะ พวกเราเองก็สงสัยในคำจำกัดความของมันอยู่เหมือนกัน
    แต่โดยส่วนตัวแล้ว ยังไม่ได้นั่งคิดหาคำอธิบายของมันจริงๆจังๆซะที
    แม้ว่าจะเจอมันอยู่ตลอด โดยเฉพาะในข้อความของท่านเมตาตรอนและครายออนก็ตาม
    แต่ก็เพราะว่ามันพอจะเข้าใจกล้อมแกล้มไปได้บ้าง ก็เลยไม่ได้คิดมากหนะนะครับ
    แต่พอจะหาคำอธิบายแบบจริงๆจังๆแล้ว ก็นึกไม่ออก เพราะเหมือนกับว่า
    ตัวเราเองก็ยังไม่กระจ่างชัดในเรื่องนี้นัก..ก็เลยขอเก็บไปคิดเงียบๆคนเดียวก่อนหนะนะครับ

    เมื่อวานนี้ตอนเย็นๆ ตอนนั่งสมาธิอยู่ ก็แอบเอาคำถามนี้ออกมาคิดดู และประกอบกับ
    ได้ลองนึกย้อนหลังไปถึงข้อความต่างๆที่กล่าวถึงคำๆนี้ ก็เลยคิดว่าน่าจะพอมีคำตอบสั้นๆ
    ให้กับคำถามสั้นๆนี้แล้วหละครับ..

    ซึ่งคำตอบนี้ ก็อาจจะไม่แตกต่างจากที่คุณ mead และคุณโซ่ตอบไปแล้วสักเท่าไหร่หรอกนะครับ
    แต่อาจจะกระชับกว่าเท่านั้นเองครับ

    ตามความเข้าใจของผม "การตระหนักรู้แบบควอนตัม" ก็คือ

    "การตระหนักรู้ที่อยู่นอกเหนือขอบเขตของความเป็นทวิภาวะ
    ที่อยู่นอกเหนือขอบเขตของม่านพรางตา หรือมายาการของมิติที่ 3 นี้"


    สั้นๆครับ..แต่ทำได้ยาก และลึกซึ้งเอาการทีเดียว
    เพราะว่า ถ้าคุณจะเทียบเคียงกับศัพท์ทางศาสนาหละก็
    ผมเข้าใจว่า มันก็หมายถึงคุณต้องบรรลุธรรมขั้นใดขั้นหนึ่งไปแล้วโน่นแหละ
    คุณถึงจะมีมุมมอง มีความตระหนักรู้ และมีความเข้าใจในธรรมชาติของสรรพสิ่ง
    อย่างที่มันเป็นจริงๆแบบนี้ได้

    เพราะว่าอย่างที่คุณโซ่และคุณ mead ตอบไปแล้วนั่นแหละครับว่า
    ธรรมชาติของสรรพสิ่ง มันเป็นของหลากมิติ มันมีเส้นทางแห่งความเป็นไปได้นับอนันต์

    "ควอนตัม" คือสภาวะหลากมิติ คือของหลากมิติ ไม่ได้มีพฤติกรรมแบบเป็นเส้นตรง
    หรือตรงไปตรงมาในแบบที่พวกเราที่อยู่ในมิติที่ 3 นี้คิดกันแต่อย่างใดเลย
    เพราะว่าถ้าเรามัวแต่มองมันอยู่แบบเป็นเส้นตรง มันก็จะอยู่นอกเหนือความเข้าใจของเรา
    แต่มันก็เป็นของมันอยู่แบบนั้นจริงๆ..ซึ่งเราจะปฏิเสธไม่ได้เลย
    เพราะมีหลักฐานและผลการทดลอง รวมถึงทฤษฎีและการประยุคใช้งานมัน
    ที่เราได้นำมาใช้แล้วมากมายในโลกปัจจุบันนี้ นั่นคือ ควอนตัมฟิสิกส์

    แต่ถ้าในแง่ของความตระหนักรู้ และ เรื่องของจิตแล้ว ก็ต้องเป็นไปแบบเลยพ้นขอบเขต
    ของความเป็นเส้นตรง เลยพ้นขอบเขตของมายาการของมิติที่ 3 ไปโน่นแหละครับ

    วิธีการหนะหรือ? หลายท่านอาจจะพอนึกออกบ้างแล้ว เพราะว่าเคยทำแล้ว หรือกำลังทำอยู่
    หรือว่าทำได้แล้วก็ตาม แต่ผมจะขออนุญาตสรุปสั้นๆจากความคิดและความเข้าใจของผมเองเอาไว้สักหน่อยนะครับ

    โนวาอนาลัย ใช้คำว่า "จิตวิญญาณประสานกาย"
    ต่างมิติบางท่านใช้คำว่า "กาย-จิต-และวิญญาณ ต้องประสานให้เป็นหนึ่งเดียว"


    ซึ่งตรงนี้มันเป็นเรื่องของการ "เชื่อมต่อ" หรือการ "ประสาน" หนะนะครับ
    อย่างที่คุณโซ่ได้กล่าวถึงไปแล้ว..เชื่อมต่อกับอะไร?

    ก็เชื่อมต่อกับร่างกายของตัวเอง เชื่อมต่อกับตัวตนที่สูงส่งกว่าของตัวเอง
    เชื่อมต่อกับพระเจ้า หรือ พุทธจิต หรือ จิตเดิมแท้ ในตัวเองหนะแหละครับ
    เพราะว่าจิตเดิมแท้ของเรานั้นประภัสสร และ รู้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว
    เพียงแต่ถูกม่านมายาแห่งมิติที่ 3 นี้บดบังเอาไว้เท่านั้นเอง

    ทำไงหละถึงจะเป็นแบบนั้นได้ ทำไงกาย-จิตและวิญญาณถึงจะประสานกันเป็นหนึ่งเดียวได้
    ทำไงสติถึงจะมาจดจ่ออยู่กับ "ร่างกาย" - "จิตใจ" - "ความรู้สึกนึกคิด" ของตนเองได้
    ทำอย่างไรถึงจะ "มีสติอยู่กับทุกสิ่งทุกอย่างของความเป็นตัวของตัวเอง ได้ตลอดเวลา"

    คำตอบท่านรู้อยู่แล้วว่าคือ "วิปัสนา - กรรมฐาน" ซึ่งต่างมิติหลายๆท่าน แทบจะทุกท่านหนะแหละ
    ก็พูดอยู่ตลอด ย้ำอยู่ตลอดเวลา ว่าให้จดจ่ออยู่กับปัจจุบันขณะนะ อะไรแบบนั้น

    แต่ว่าด้วยความที่สติเราจะไม่อาจเข้มแข็งไปได้เลย จะมาจดจ่อกับตัวเองอยู่ได้ไม่ดีเลย
    ถ้าสติเรายังทื่อหรือทู่อยู่ เพราะว่าเราถูกห่อหุ้ม หรือ ห้อมล้อม ไปด้วยสิ่งสกปรกอยู่มากมาย

    ซึ่งสิ่งสกปรกที่ว่านี้ก็คือ "ขยะ" แห่งอารมณ์ความรู้สึกด้านลบ ที่เกิดจากตัวเองและผู้อื่นผลิตขึ้น
    ขยะแห่งพลังงานด้านลบจากสิ่งแวดล้อม จาก "จิตมาร" จาก "วิญญาณกาฝาก"
    จากการโจมตีทางจิตของผู้อื่น หรือของรูปธรรมชีวิตชั้นต่ำบางประเภท
    หรือขยะทางพลังงานจากการถูกรบกวนด้วยประจุไฟฟ้า หรือแหล่งกำเนิดพลังงานอื่นๆ
    ที่มีผลต่อความเสียหาย หรือการฉีกขาดของสนามพลังออร่าของเราเอง

    ทั้งหมดทั้งปวงเหล่านี้ เราจะต้องสะสางพวกมันออกไป ไม่เว้นแต่ละวัน
    รวมถึงเราจะต้องรู้จักป้องกันไม่ให้พวกมันกลับเข้ามาใหม่ได้อีก
    หรือให้มันกลับเข้ามาใหม่ให้น้อยที่สุดหรือยากที่สุด

    วิธีการชำระสะสางพวกมันออกไป ก็คือ "สมาธิ" ซึ่งท่านก็รู้คำตอบแล้วเช่นกัน

    ซึ่งสมาธิที่ว่านี้ เอาเลยครับ เลือกเอาตามใจชอบของแต่ละท่าน เพราะมันมีสอนอยู่แล้วมากมาย

    และเมื่อเราปฏิบัติเช่นนี้เป็นประจำแล้ว พัฒนาการของการตระหนักรู้ที่ "มุ่งสู่"
    "การตระหนักรู้แบบควอนตัม" นั้น ก็จะค่อยๆเกิดขึ้น จะค่อยๆมีขึ้นเรื่อยๆ

    ความหมายสั้นๆ และวิธีการที่ท่านรู้อยู่แล้ว ผมก็ได้กล่าวถึงไปแล้วนะครับ
    ตอนนี้มาที่ "เทคนิก" กันบ้าง

    กุญแจสำคัญ ที่สำคัญยิ่ง และสำคัญตลอดกาล ของทางสายนี้ก็คือ

    "ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข" ครับ

    หรือถ้าทางพุทธเราก็อาจจะถูกใจคำว่า "ความรักความเมตตา" ซะมากกว่า
    ซึ่งก็แล้วแต่ว่าท่านจะชื่นชอบคำไหนหนะนะครับ..ไม่ว่ากัน

    ความหมายของผมก็คือ ไม่ว่าท่านจะกำลังทำวิปัสนา หรือ สมาธิ หรือ ดำรงชีวิตอยู่ตามปกติ
    หรือทำอะไรอยู่ก็ตาม ท่านจงเพียรพยายามที่จะทรงอารมณ์ความรู้สึกนั้นไว้ให้ได้เนืองๆ
    คือความรู้สึกรักและเมตตา อย่างน้อยก็ต่อตนเองหละ แล้วค่อยไปต่อผู้อื่นเป้นลำดับถัดไป

    จงรู้จักขอบคุณและชื่นชมความงดงามที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง ที่มีอยู่ในทุกๆคน
    และที่มีอยู่ในทุกๆสถานการณ์ อย่างเป็นธรรมชาติ คือทำจนเป็นวสี ทำจนเป็นนิสัยปกติของท่านหนะนะครับ

    คือการที่จะมองเห็นความดีงามของอะไรต่อมิอะไร อย่างที่ผมว่ามานั้นได้
    ก็แปลว่าท่านจะต้อง "ลด" หรือ "เลิก" มองอะไรแบบโลกๆซะทีหนะนะครับ
    มองข้ามความ..ความอะไรดีหละ..ความคิดแบบโลกๆซะที..ต้องมองให้ไกลกว่านั้น
    อันนี้ผมไม่อธิบายดีกว่า..เพราะผมว่าท่านคงเข้าใจกันดีแล้วหละ..ใช่ไหมครับ

    สรุปว่า..เห็นไหมหละครับว่า..ไปๆมาๆ..วิธีการ..เทคนิก..และอะไรต่ออะไร
    มันก็เกี่ยวข้องโยงใยกันอยู่นี่แหละ..แบบแยกกันไม่ออกเลย..และไม่รู้ด้วยซ้ำว่า
    อะไรมาก่อนมาหลัง เพราะมันเป็นส่วนประกอบซึ่งกันและกัน

    อ้อ..ลืมจุดหนึ่งไปว่า..กาย-จิตใจ-วิญญาณ..นอกจากจำเป็นจะต้องได้รับการชำระสะสางให้สะอาดแล้ว
    ยังจำเป็นจะต้องได้รับการ "ฟื้นฟู" และ "พัฒนา" ด้วยนะครับ เพราะประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
    เพื่อเข้าถึงสภาวะแห่งการตระหนักรู้แบบควอนตัมได้เร็ว และดียิ่งขึ้น

    และอีกครั้งหนึ่ง..วิธีการฟื้นฟู และ พัฒนา "กาย - จิตใจ - วิญญาณ" นั้น
    ผมว่าท่านก้คงรู้อยู่แล้วเช่นกันใช่ไหมครับ..เพราะเราก็อ่าน ก็เรียนรู้
    และก็ถูกสอนกันมาเยอะแล้ว..ไม่ว่าจะเป็นที่นี่ หรือ ที่ไหนก็ตามแต่
    เลือกเอาตามจริตของท่านเองเถอะนะครับ...

    ยาวไปไหมเนี่ย...555
    ;aa44

    ...................................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2011
  8. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อันนี้ไม่รู้ว่าผมอุปทานไปเองหรือเปล่านะครับ
    คือเท่าที่สังเกตดูตัวเอง จะพบว่า ช่วงไหนท่านบอกว่า
    ระดับพลังงานกำลังเพิ่มมากขึ้นแล้วนะ สูงเป็นพิเศษแล้วนะ อะไรแบบนั้น

    ผมสังเกตดู "ร่างกาย" และ "อารมณ์-ความคิด-ความรู้สึก" ของตัวเอง
    แล้วพบว่าช่วงเวลาเหล่านั้น หลายครั้งผมจะมีอาการไม่ค่อยสบายทางกาย
    และจะมีอาการทางอารมณ์-ความรู้สึกที่เข้มข้นและรุนแรงกว่าปกติจนสังเกตได้ชัด

    อย่างเช่น เมื่อประมาณหลายวันก่อน ก่อนที่คุณเดรดจะมาแจ้งข้อความนี้ซะอีก
    ก็รู้สึกว่าร่างกายดู "หนัก - แน่น - ทึบ - ตัน" หรือมันไม่โปร่ง ไม่โล่ง ไม่เบาสบายหนะนะครับ
    มันยังไงไม่รู้ เหมือนจะไม่สบาย แต่ก็ไม่เป็นอะไรมาก แต่ก็ไม่สบายๆ

    ส่วนอารมณ์ความรู้สึก ก็จะออกไปในแนวๆ โรแมนติก "รัก" หรืออะไรทำนองนั้น มากกว่าปกติ

    แต่พอเมื่อวานนี้ เอาอารมณ์ความรู้สึกกลับมาที่ "ความรักแบบไม่ค่อยมีเงื่อนไข" ได้แล้ว
    ปล่อยวางลง ให้อภัยไป และ วางใจให้เป็นความเมตตาได้ระดับหนึ่งแล้ว
    รู้สึกได้ทันทีเลยว่า ร่างกายก็เบาขึ้นมาบ้างแล้ว

    คือตั้งแต่ตอนเย็นวานมานี้ มันมีความรู้สึกเหมือนมีดอกไม้บานอยู่ในใจลึกๆไงไม่รู้
    คิดอะไร ทำอะไร ความรู้สึกข้างใน มันก็จะออกแนว "จั๊กจี้" หรือ "ขำๆ" อยู่ลึกๆคนเดียวยังงั้นแหละ

    มีใครเข้าใจที่ผมพูดถึงบ้างไหมเนี่ย?? เพราะว่าผมเองก็ไม่เข้าใจ
    ว่ามันเป็นยังไงไอ้ความรู้สึกจั๊กจี้ หรือ ขำๆอยู่ในใจเนี่ย..

    ..แต่มันเป็นคล้ายๆอย่างนั้นแหละครับ..

    555

    :cool::cool::cool:

    .................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2011
  9. tangOAH

    tangOAH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,183
    ค่าพลัง:
    +5,528
    คือ ไม่ทราบว่ารู้สึกไปเองรึเปล่า ตั้งแต่วันศุกร์ก็ทานอะไรไม่ค่อยลง
    ไม่อยากทานขึ้นมาเฉยๆ ธรรมดาทานเก่งมากๆ ส่วนความรู้สึกต่างๆนาๆ
    ก็มีเข้ามาเต็มไปหมด รู้สึกมากกว่าปกติจนรู้สึกตกใจตัวเองอยู่ลึกๆ
    กลัวความรู้สึกตัวเองขึ้นมาทีเดียว แต่พอเมื่อคืนปรับสภาพใจให้เข้าไป
    รู้สึกถึงความรักที่ไร้เงื่อนไข(ซึ่งเป็นสิ่งที่เราตั้งใจมากที่จะทำในช่วงนี้)
    ก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ปลดภาระในใจไปทุกอย่าง ก็จะรอดูว่าจะเป็น
    อย่างไรต่อไป (ก็ตื่นเต้นดีนะคะทำให้ชีวิตมีอะไรให้คอยติดตามมากยิ่งขึ้น) :cool::cool::cool:
     
  10. Senju

    Senju Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +94
    ขอบคุณทุกคำตอบเลยน่ะครับ ^^ ขอบคุณทีมงานทุกคนด้วยน่ะครับ ^^
     
  11. Vking

    Vking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2011
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +1,555
    คือตั้งแต่ตอนเย็นวานมานี้ มันมีความรู้สึกเหมือนมีดอกไม้บานอยู่ในใจลึกๆไงไม่รู้
    คิดอะไร ทำอะไร ความรู้สึกข้างใน มันก็จะออกแนว "จั๊กจี้" หรือ "ขำๆ" อยู่ลึกๆคนเดียวยังงั้นแหละ

    มีใครเข้าใจที่ผมพูดถึงบ้างไหมเนี่ย?? เพราะว่าผมเองก็ไม่เข้าใจ
    ว่ามันเป็นยังไงไอ้ความรู้สึกจั๊กจี้ หรือ ขำๆอยู่ในใจเนี่ย..

    ..แต่มันเป็นคล้ายๆอย่างนั้นแหละครับ..

    555

    ................................................
    อาการแบบนี้...ที่เค๊าเรียกว่า "เส้นตื้น" ใช่มั๊ยคะ... คุณchayutt

    ตัวเองก็เป็นเหมือนกัน... เป็นมาก ๆ ด้วย

    ยิ่งช่วงนี้... อยากจะทำอะไรแผลง ๆ แสบ ๆ ประหลาด ๆ

    ซึ่งก่อนหน้านี้... คงไม่กล้าทำ คงจะรุู้สึกผิดมาก ๆ ด้วย

    แต่ตอนนี้... ไม่มีการรู้สึกผิดเกิดขึ้น

    แม้บางครั้งก็คิดอยู่ว่าถ้ามีใครรู้อาจถูกประณามได้

    แล้วก็จะ... เก็บมาขำหรือยิ้มอยู่คนเดียว

    บางทีก็ต้องเหลือบมองซ้ายขวาบ้าง... เพราะกลัวคนจะหาว่าบ้า

    มันเป็นอะไรของมัน เดี๋ยวก็ยิ้ม เดี๋ยวก็หัวเราะอยู่คนเดียว :p

    ....มีสีสันและตื่นเต้นด้วย... ก็สนุกดีนะ...



    oishi_



     
  12. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    สักวันคงได้ย้ายไปทำงานเป็นผู้อำนวยการต่างมิติกับเขาแน่เลยครับ คุณชยุต
    ตอบได้ครอบคลุมและกระจ่างแจ้งดี

    เชื่อว่าเราทุกคนก็มีอาการคล้ายๆคุณชยุตเหมือนกันนะครับ
    กับความรักไร้ที่เงื่อนไขเนี่ย บ่อยครั้งเราก็ตกม้าตายเอาได้ง่ายๆ
    เพราะมันมีหลุมพรางและกับดักให้เราคอยหลบหลีกอยู่ในนั้นด้วย

    เราอยู่ในโรงเรียนชีวิตแบบ Full time
    ในแต่ละวันเรามีโอกาสได้เรียนรู้อะไรทั้งเก่าทั้งใหม่
    บางบทเรียนก็เป็นบทเรียนเดิมๆ แต่ก็เปลี่ยนรูปแบบเข้ามาหา
    หากเราเคยทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง ก็ให้เข้าใจเถอะครับว่ามันไม่ใช่ความผิดใดๆ
    แต่มันคือ "บทเรียน"ที่เข้ามาทดสอบน่ะครับ

    และถ้าหากว่าความ Error เหล่านั้นคือ "การทดลอง"อย่างหนึ่ง
    ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการทดลองนั้น ก็คืองานชนิดหนึ่งเหมือนกัน
    บทเรียนมันก็จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกว่าเราจะได้เรียนรู้และเข้าใจมันได้ทั้งหมด
    เพื่อจะก้าวไปเรียนรู้บทเรียนในลำดับต่อไป ซึ่งมันจะมาในหลายรูปแบบและไม่มีวันจบ


    แต่เราก็มีเครื่องมือและอุปกรณ์ให้เลือกใช้มากมายเท่าที่เราต้องการ
    เราจะทำอย่างไรต่อไป มันก็ขึ้นอยู่กับเราแล้วนะครับ เพราะทางเลือกเป็นของเรา
    คำตอบมันก็นอนรออยู่ภายในตัวเรานี่แหละ สิ่งที่เราต้องทำก็คือ "ฟังและเชื่อมั่น"
    (เสียงจากภายใน ที่ไม่ใช่ความคิด)
    ความตื่นเต้นดีใจ ที่มันวูปวาบเหล่านี้ มันก็จะกลายเป็นเป็นความรู้สึกเบิกบาน สดใส หรือความมีชัวิตชีวา
    และความใส่ใจดีๆต่อกันน่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2011
  13. vijit_j

    vijit_j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    739
    ค่าพลัง:
    +2,866

    หลังจากนักฟุตบอลชื่อดังสองคนของไทย เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง (ซิโก้) กลับจากการขุดทองที่เวียตนาม และตะวัน ศรีปาน (แบน) กลับจากการไปขุดทองที่สิงค์โปร

    เมื่อเพื่อนได้มาเจอเพื่อนจึงเกิดคำถามขึ้น
    ตะวัน : โก้ เป็นไงบ้างเพื่อนไปคราวนี้กลับมาร่ำรวยเลยนะ
    เกียรติศักดิ์ : ก็ได้หลายล้านอยู่ แล้วแบนละ ไปสิงค์โปร คงร่ำรวยน่าดูเหมือนกัน

    ตะวันทำหน้าเศร้าๆ แล้วตอบว่า

    ตะวัน : ไม่เหลือเลยว่ะ กลับมาแต่ตัว
    เกียรติศักดิ์ : อ้าวทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ
    ตะวัน : ก็อีกตอนเล่นบอล ไปบ้วนนำลายในสนามนะซิ ตำรวจเขาจดไว้หมด ตอนกลับไทย ตำรวจสิงค์โปร เขาเอาค่าปรับมาแจ้ง หมดตัวเลยว่ะ


     
  14. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    อืมนะ ช่วงนี้ วันๆนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวตั้งหลายหน แบบว่าพอคิดเรื่องเก่าๆ หรืออะไรที่อยู่ไม่ค้่อยสุข มันขำๆ ฮาๆ อยู่ข้างใน
     
  15. Vking

    Vking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2011
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +1,555
    หลังจากนักฟุตบอลชื่อดังสองคนของไทย เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง (ซิโก้) กลับจากการขุดทองที่เวียตนาม และตะวัน ศรีปาน (แบน) กลับจากการไปขุดทองที่สิงค์โปร

    เมื่อเพื่อนได้มาเจอเพื่อนจึงเกิดคำถามขึ้น
    ตะวัน : โก้ เป็นไงบ้างเพื่อนไปคราวนี้กลับมาร่ำรวยเลยนะ
    เกียรติศักดิ์ : ก็ได้หลายล้านอยู่ แล้วแบนละ ไปสิงค์โปร คงร่ำรวยน่าดูเหมือนกัน

    ตะวันทำหน้าเศร้าๆ แล้วตอบว่า

    ตะวัน : ไม่เหลือเลยว่ะ กลับมาแต่ตัว
    เกียรติศักดิ์ : อ้าวทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ
    ตะวัน : ก็อีกตอนเล่นบอล ไปบ้วนนำลายในสนามนะซิ ตำรวจเขาจดไว้หมด ตอนกลับไทย ตำรวจสิงค์โปร เขาเอาค่าปรับมาแจ้ง หมดตัวเลยว่ะ
    ............................................................................................

    ชอบ คุณvijit_j จังเลยน่ะ :cool:

    มีอารมณ์ขัน... จริง... จริ๊ง...

    ตกลง... แบบนี้... ถึงกับหมดเนื้อหมดตัวเลย

    ใช่มั๊ยเนี่ย..... :z7

    ...ขออนุญาตแจกเพลงรักหน่อยนะคะ....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2011
  16. เรอเน่

    เรอเน่ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +8
    วันนี้ผมเข้ากระทู้นี้..เพราะเพลงนี้เพลงเดียวนะฮะ.. 55+ (แด๊นซ์กระจาย55+)ชอบมากๆ ขอบคูณมากๆเลยครับบ
    น่ารักจริงๆ แปะเพลงถูกใจ ...
     
  17. เรอเน่

    เรอเน่ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +8
    ผมก็มีอาการแบบนี้ล่ะฮะ ..บางครั้งอยากทำอะไรให้มันสะใจไปเลย.. เอาแบบหลุดโลกกันไปเลย.. ไม่ต้องสนกฏ.. ระเบียบอะไรทั้งสิ้น ประมาณตัวเองเก็บกดน่ะฮะ (ไม่ทราบเก็บกดอะไร? งงๆเหมือนกัน55+)
     
  18. Vking

    Vking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2011
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +1,555
    คุณเรอเน่คะ... เคยอ่านเรื่องของคุณอยู่นะ
    ก็นึกอยู่ว่า... ประสบการณ์ชีวิตเนี่ย... โชกโชนมาพอกันเลยแฮะ...
    ...แถมยังเกิดราศีเดียวกันซะด้วย...

    ขอบคุณค่ะที่มาเชียร์... นึกว่าจะไม่มีเพื่อนซะแล้ว... :VO
     
  19. vijit_j

    vijit_j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    739
    ค่าพลัง:
    +2,866
    เป็นอารมณ์ขันเมื่อหลายปีก่อน

    มาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเห็นอะไรก็ขำได้ เช่น

    ตาบุญมีแห่งบ้านหนองยายโต๊ะ เป็นสามีของนางบุญมา วันหนึ่งตาบุญมีต้องไปเข้าในตัวเมืองเพื่อหาหมอที่โรงพยาบาล

    ก่อนทำการรักษาก็ถูกซักประวัติ อยู่นาน ด้วยความไม่รู้หนังสือ แกก็ตอบผิดๆ ถูกๆ จนเจ้าหน้าที่ก็อืมระอา ด้วยความที่ไม่รู้หนังสือของแก

    เมื่อกลับมาบ้านยายบุญมาจึงถามว่า
    ยายบุญมา : ตา แกเป็นยังไงบ้างไปโรงพยาบาลน่ะ
    ตาบุญมี : อีพวก เจ้าหน้าที่ กับหมอมันซักไซร์ไล่เลียงกูจัง มันพูดเหมือนกับว่า กูน่ะการศึกษาน้อย แต่กูก็ยังพออ่านหนังสือออกนะโว้ย

    กูรู้ด้วยว่ามันเขียน รถพยาบาล ที่หน้ารถมันผิด หลับหน้ากลับหลัง กูอยากหัวเราะ ความซื่อบื่อของมันจริงๆ
     
  20. เรอเน่

    เรอเน่ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +8
    55+ เอ่อ...คือ ว่า ผมงงอ่ะครับ..คุณรู้จากไหนฮะ? ว่าผมเกิดราศีอะไร? เอ..เราเคยรู้จักกันมาก่อนป่าวฮะ? ผมคุ้นๆคุณอยู่น่า 555+

    แต่ที่แน่ๆ วันนี้ผมแด๊นซ์ กระจายกับเพลงของคุณ55+ ฟังตั้งหลายรอบแร่ะ ทั้งเพราะ ทั้งสนุกครับ..5555+วันหลังขอแบบนี้อีกนะฮะ (ถ้าไม่เป็นการรบกวนกระทู้จนเกินไป) ขอบคุณ..สำหรับเพลงเพราะๆ จังหวะหัวใจ..
    .(ผมขาแด๊นซ์นะฮะ บอกไว้ก่อน 55+)
     

แชร์หน้านี้

Loading...