ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    ภาพกิจกรรมของทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อาจารย์ประถม อาจสาคร ประจำเดือนกรกฎาคม 2551

    น้องchaipatได้ลงรูปล่วงหน้าไปบางส่วนให้ได้ชมกันเกือบครบถ้วนแล้ว ต่อจากนี้จะขอลงรูปที่เป็นภาพพระอาพาธที่รอเราท่านสงเคราะห์ ณ โรงพยาบาลสงฆ์ ท่านเป็นเนื้อนาบุญดุจดังอุปฐากพระพุทธเจ้าครับ
    [​IMG]


    [​IMG]
    [​IMG]

     
  2. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    ประธานและรองประธานทุนนิธิฯ ได้แจ้งยอดบริจาคให้ทุกท่านที่มาในวันนั้นได้โมทนากันหลังจากถวายอาหารเสร็จ
    [​IMG]
    [​IMG]

    ผู้มาร่วมทำบุญได้สนทนาธรรมและพี่ปุ๊ได้สอนเคล็ดลับการดูพระวังหน้า พระสมเด็จพิมพ์ต่างๆ ให้กับทุกท่านที่สนใจ

    [​IMG]

    [​IMG]


     
  3. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    น้องท่านนี้มีตาในดี สามารถพิจารณาพระพิมพ์ได้ เป็นผลของความสามารถในอดีตชาติรวมถึงการฝึกปฐวีกสิณ จนเห็นนิมิตต่างๆของพระแต่ละองค์ได้ จนพี่ๆสนใจกลายเป็นดาวล้อมเดือนครับ

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  4. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    พี่ปุ๊ได้มอบเงินค่าอาหารถวายพระแก่เจ้าของร้าน โดยพี่เจ้าของร้านนี้มีส่วนสำคัญให้เราได้รับความสะดวกในการทำบุญที่โรงพยาบาลสงฆ์นี้ คณะกรรมการขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

    [​IMG]

    หลังทำบุญเสร็จ ได้ไปส่งพี่ใหญ่ที่บ้าน พอดีเหลือบไปเห็นกล้วยไม้กำลังออกดอก สวยงามมากจึงนำมาให้ชมกัน ส่วนพี่ปุ๊อย่าลืม เหลืองจันทบูร ฝากพี่ใหญ่นะ

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  5. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    คณะกรรมการทุนนิธิฯ ขอกราบขอบพระคุณ และโมทนาบุญ กับทุกๆท่านที่ได้สละเวลาอันมีค่า มาร่วมกันสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ โดยครั้งล่าสุดได้มากันอย่างล้นหลามเกินคาด มีหลายท่านที่เป็นผู้มีความสามารถทางจิต สนใจภาวนา เป็นการรวมตัวกันของผู้มีใจเป็นกุศลที่มีสายบุญร่วมกันแต่อดีต

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  6. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099

    นั่นแหละ เขาเก่งจริง

    แต่ประโยคที่เริ่มต้น

    "ไม่รู้นะพี่ หนูเห็นแบบนี้ ......................"

    เป็นประโยคปฏิเสธ ก่อน แล้วก็มาจริงๆ ครับ


    ยังมีพี่อีกท่าน

    ทำบุญกับทุนมาหลายครั้งแล้ว

    ชักชวน เชื้อเชิญ มาพบกับพี่ใหญ่

    สักพัก ตอบไม่รู้จะถามอะไร

    แล้วก็ทำบุญ แต่ไม่มา

    ที่สำคัญ เขาก็คุย .... แบบที่พี่ใหญ่ทำได้ด้วยครับ


    ของจริง นิ่งๆ เลย


    กลับมามองตัวเองเลยครับ เปื้อยจริงๆ ครับ

    โลกทางใจกว้างจริงๆ ครับ

    เดินตามทางที่พี่สอน พิจารณาด้วยใจที่ตรงด้วยครับ

    สาธุครับ
     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    น้องตาดีคนนี้ได้ตาในเพราะสำเร็จปฐวีกสิณ สามารถมองเห็นรังสี มองเห็นพลังงานที่อยู่ในองค์พระหรือสถานที่ที่เสกพระ หรือยันต์ที่ใช้เสกได้ เช่น พระพิมพ์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรพิมพ์นะเอกลักษณ์ ที่ให้ตรวจในวันนั้น จะเห็นตัว "นะ" สีทองลอยเด่นขึ้นมา แต่น้องไม่รู้จัก เลยอธิบายให้ฟัง วันนั้นน้องตรวจไปประมาณ 20 องค์ บอกว่าร้อนไปทั้งตัว หรือหากเจอพระที่องค์ผู้เสกมีกระแสรุนแรง ก็จะตัวสั่นถึงขั้นหงายหลังเลย เช่นตรวจพระปรกใบมะขามของหลวงปู่แหวนที่ทุนนิธิฯ แจกให้ในครั้งแรกที่คุณโสระเช่าจากวัดสัมพันธวงศ์ องค์ละ 20.- เจอรังสีหลวงปู่แหวนปะทะเข้าเต็มหน้าถึงกับหงายหลังไปเลยเป็นต้น และหากกลับไปบ้าน อักขระยันต์จะขึ้นตามตัวเต็มไปหมด สันนิษฐานว่าชาติก่อนเคยเป็นฤาษี สำเร็จปฐวีธาตุ มาชาตินี้ได้ครูอาจารย์ดีเปิดจิตให้ เลยทำให้ได้เห็นและได้รู้สิ่งแปลกๆ มากขึ้น ซึ่งตอนได้แรกๆ น้องบอกว่าเหมือนคนสติแตกคือรู้ไปหมด ตอนหลังชำนาญขึ้นควบคุมได้ แต่ก็ยังไม่เข้าที่เพราะยังมีความขี้เกียจมากกว่าขยันแต่ก็นับว่าดีมากแล้ว น้องยังบอกว่า การตรวจพระก็เป็นการเพิ่มพลังจิตขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง เพราะพลังจิตของผู้อธิษฐานหรือเสกไว้จะเข้าไปกระตุ้นพลังในตัวให้มีความแข็งแกร่งขึ้นอีก น้องคนนี้เพิ่งเป็นสมาชิกประจำและต่อไปก็คงจะได้เจอน้องอีกทุกครั้งที่มีกิจกรรมครับ ใครสนใจด้านนี้ก็ลองมาทดสอบกันได้ ของงี้แลกเปลี่ยนกันก็จะมีความรู้มากขึ้น
     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เช่นเดียวกัน บางท่านอาจจะบอกว่าแล้วจะเชื่อได้ยังไง ก็ต้องบอกว่า งานนี้พี่ใหญ่เป็นคนตรวจทานน้องอีกที เช่นน้องบอกว่าแรงอย่างนี้ แต่พี่ใหญ่ที่รู้มากกว่าก็จะอธิบายเพิ่มว่าที่รู้น่ะถูกต้องแล้ว และได้บอกสิ่งที่ไม่รู้ว่านอกจากกระแสความแรงแล้วมีใครเสกบ้าง หรือเป็นพระที่เชิญญาณรู้ท่านมาเสกหรือองค์ท่านเป็นผู้เสกเองได้อีก ยกตัวอย่างพระสมเด็จปูนสอพิมพ์อะระหัง ซึ่งเป็นปูนสอพิมพ์อสนีบาตในวันนั้น ที่น้องบอกว่าตรวจแล้วแรงที่สุดในกลุ่มของพระปูนสอ โดยน้องจะนำพระมาเรียงกันตามความแรงของกระแสพลัง พี่ใหญ่ก็จะบอกว่า องค์ที่แรงสุด เป็นองค์ที่ได้รับกระแสพลังโดยตรงไม่มีอะไรมาปิดกัน ส่วนองค์อื่นอาจจะอยู่ในที่บรรจุพระพิมพ์ หรืออยู่ด้านล่างๆ หรือเสกต่างกรรมต่างวาระกัน จึงทำให้ความแรงของพระย่อหย่อนไปบ้าง แต่ก็สรุปว่าเหลือกินทุกองค์ เพราะผ่านการเสกจากท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ กรมพระปวเรศฯ ท่านปิลันท์ ท่านเจ้ามา ฯลฯ จึงทำให้พระชุดนี้แรงกว่าและรัศมีเกริกไกรกว่าวัดระฆังที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ เสกเพียงองค์เดียวนั่นเองครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2008
  9. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    สวัสดีครับพี่พันวฤทธิ์ครับ
    ก่อนอื่นขอโมทนาบุญกับพี่และทุกๆท่านด้วยนะครับ
    ผมอ่านข้อความด้านบนจะขอความกรุณาพี่อธิบายข้อความนี้เพิ่มเติมได้ไหมครับ
    "มาชาตินี้ได้ครูอาจารย์ดีเปิดจิตให้"

    ขอบคุณครับ
    น้องเอ


     
  10. 16

    16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    351
    ค่าพลัง:
    +419
    ฝากเงินไปร่วมบุญกับมูลนิธิ เมื่อวานนี้ครับ จำนวน 100 บาท เดือนหน้าคงได้มีโอกาสไปร่วมถวายพร้อมกับมูลนิธิครับ สาธุ
     
  11. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    910
    ค่าพลัง:
    +4,284
    ทางคณะกรรมการทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม ขอกราบขอบพระคุณ และโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ได้สละเวลาอันมีค่า มาร่วมงานบุญเมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ก.ค. 2551 ที่ผ่านมา ส่วนท่านที่ไม่ได้มาร่วมงานก็ขอได้ตั้งจิตน้อมโมทนาบุญตามด้วยนะครับ
    โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ

    ในงานวันอาทิตย์ที่ 27 ก.ค. 2551 ที่ผ่านมานี้ได้มีผู้ฝากเงินมาทำบุญกับทางทุนนิธิฯมาด้วยผมได้นำไปเข้าบัญชีของทุนนิธิฯเรียบร้อยแล้วดังมีรายนามต่อไปนี้ครับ

    28 ก.ค. 2551
    *น้องสาวคุณโสระและคณะ 5400 บาท
    *คุณ Narongwateและคณะ 1498 บาท
    *คุณแม่จุไร จันทโร 500 บาท
    *คุณธนิดา พูลเจริญและครอบครัว 200 บาท

    29 ก.ค. 2551
    *คุณชนะพันธ์ นาคศิลป์ธนัตและครอบครัว 2200 บาท
    *คุณวิภานันท์ ฉวีพัฒน์วรภาและครอบครัว 300 บาท
    *คุณแม่แจ้ คุณอรสา คุณอณาธร 320 บาท
    *คุณอนุพงษ์ สงวนทรัพยากร 500 บาท
    *คุณกรกนก ทรัพย์เจริญและครอบครัว 800 บาท
    *คุณดิเรก ศรีเจริญ 500 บาท
    *คุณChaipat และคณะ 6400 บาท
    *คุณOnimaru_u 200 บาท
    *คุณMEA 300 บาท
    *คุณอิศิเวทย์+อารยา เหล่ามีผลและครอบครัว 500 บาท
    *คุณแม่แจ้ คุณอรสา คุณอณาธร 320 บาท

    *ไม่ทราบนาม 100 บาท

    รวมเงินบริจาคทั้งสิ้น 19,718 บาท

    ยอดเงินคงเหลือจากค่าภัตตาหารถวายพระสงฆ์ 450 บาท
    รวมยอดเงินทั้งหมด 20,168 บาท


    โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ



    หมายเหตุ : ยอดเงินบริจาคที่ประกาศในวันที่ 27 ก.ค.ว่าเป็นเงิน 21,618 บาท นั้น ต้องหักออก 1,900 บาท เนื่องจากเป็นเงินที่ถูกฝากมากับคุณโสระที่นำเงินเข้าบัญชีมาเมื่อวันที่ 26 ก.ค. จำนวน 8,000 บาท เรียบร้อยแล้วจึงเหลือจำนวนเงินที่ฝากเข้าบัญชีเพียง19,718 บาท จึงเรียนมาเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกันด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2008
  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เรื่องการเปิดจิตไม่มีใครตอบดีเท่ากับตัวผู้ถูกเปิดคือน้องตาดีเอง แต่เท่าที่ถามดูน้องคนนี้มีอาจารย์เป็นฆราวาสอยู่แถวฝั่งธน โดยอาจารย์ได้ท่องคาถาเพื่อเปิดจิตให้น้อง แล้วลองให้น้องหัดเพ่ง หัดท่องคาถากำกับเอง โดยกรรมฐานที่อาจารย์คัดให้ก็คือปฐวีกสิณ เพื่อไปกำหนดเอง มิใช่เลือกเองตามความชอบ และคาถากำกับมีคำภาวนาอย่างไร ในเรื่องนี้ คราวหน้าจะลองให้น้องเข้ามาอธิบายเองครับ เพราะทราบจากน้องเหมือนกันว่าทำไมอาจารย์ถึงเลือกปฐวีให้ แต่เพื่อความถูกต้องก็คงต้องให้เจ้าตัวเค้ามาอธิบายเอง ส่วนคำว่า"เปิดจิต" ตามความหมายของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย ก็จะเป็นไปตามข้างล่างนี้ครับ


    คำแห่งหลวงพ่อพุธ ฐานิโย
     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    และจากข้างต้นถ้าจะให้เดาก็ขอเดาว่าการเปิดจิตของน้องนั้น เนื่องจากอาจารย์ได้ทราบว่าน้องมีของเก่าอยู่บ้างแล้ว จึงใช้พลังจิตของอาจารย์ช่วยในการตั้งอารมณ์แห่งอารมณ์กรรมฐานของปฐวีกสิณให้ อุปมาดั่งพ่อแม่หัดลูกให้เดิน โดยพิจารณาเห็นแล้วว่าทางเดินปฐวีกสิณเป็นทางเดินที่ง่ายที่สุด ตรงกับจริตที่สุด และเข้าถึงง่ายที่สุดสำหรับน้อง ซึ่งเมื่อครั้งพุทธกาลก็มีตัวอย่างให้เห็นได้ดังนี้

    สมัยพุทธกาล ศิษย์สาวกของท่านพระสารีบุตร รูปหนึ่ง พิจารณาให้ถึงซึ่งความเบื่อหน่ายโลกีย์
    ได้โดยยาก ได้เข้าเฝ้าพระพุทธองค์... ทรงประทาน ดอกบัวสีแดง ให้
    พร้อมรับสั่งให้ไปบริกรรมว่า โลหิตัง ๆ .. แปลว่า สีแดง ๆ

    สาวกนั้น บริกรรมอยู่ พิจารณาอยู่ แรก ๆ ก็ยังสีแดง ตามที่บริกรรม
    นานวันไป หลายวันไป ดอกบัวไม่สีแดงแล้ว เปลี่ยนแปลงไปตามกฎอนิจจัง

    กระทั่งเฉาไป หมองไป ไร้สิ้นซึ่งสีแดง ไม่เป็นสีแดงตามที่บริกรรมแล้ว
    เห็นแจ้งสัจธรรม ไม่เที่ยง ต้องแปรปรวนไป เสื่อมไป สิ้นไป..

    บังคับให้คงที่ คงอยู่ ตามใจต้องการหาได้ไม่..
    ท่านถึงความสลดจิต สังเวชใจ หน่ายโลกีย์ จนบรรลุธรรม...
     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ก่อนที่จะจบเรื่องการตรวจพระในครั้งนี้จากน้องตาดีเท่าที่เดินดู จะเห็นได้ชัดว่าในกลุ่มพระพิมพ์สมเด็จนั้นพระพิมพ์สกุลวังหน้าที่เรียงตามลำดับกระแสพลังที่แรงและรัศมีเป็นสีทองที่เป็นรังสีแห่งบรมครูเทพโลกอุดรเช่นพระพิมพ์รูปเหมือนที่ทุนนิธิฯ แจกให้ฟรี พระพิมพ์สมเด็จปี 2408 พิมพ์ปัญจสิริ พระพิมพ์สมเด็จเนื้อผงยาวาสนา นั้นเป็นพระพิมพ์ที่มีกระแสพลังแรงที่สุด รองลงมาเป็นพระพิมพ์สกุลสมเด็จเจ้าฟ้า คือกลุ่มพระพิมพ์ปูนสอพิมพ์อัสนี อันมีพิมพ์อัสนีอะระหัง พิมพ์วัดกลางคลองข่อย พระพิมพ์อัสนีพิมพิมพ์สมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ พระพิมพ์หลวงพ่อโตวัดป่ามะม่วง มีกระแสพลังรองลงมา ส่วนที่รองลงมาอีกก็คือพระพิมพ์สกุลสมเด็จเจ้าคุณกรมท่าบางพิมพ์ พระพิมพ์สมเด็จวัดระฆังพิมพ์กลักไม้บีด และตามมาด้วยพระพิมพ์สมเด็จปีระกา และสุดท้ายก็คือพระคณาจารย์ต่างๆในปัจจุบัน แต่ทั้งหมดก็มิได้ตายตัวเสมอไป เช่นพระพิมพ์ที่เสกโดยหลวงปู่ใหญ่บางพิมพ์แต่เช็คแล้วไม่มีพลังเช่นพิมพ์ซุ้มไทรย้อย หรือพิมพ์พรหมชินะปัญชระ โดยน้องสันนิษฐานว่าอาจจะเก็บไว้ในที่ไม่ดีมาก่อน จึงทำให้ตรวจพลังไม่ขึ้น แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ พระที่ตรวจทั้งหมดผ่านการอธิษฐานจิตเรียบร้อย ใครที่ปรมาสไว้ว่าพระกิ๊กกีอก พระเก๊ รับรองแย่แน่ เพราะใช้แว่นอย่างเดียวไม่มีความรู้ทางด้านนาม งานนี้ตัวใครตัวมันรอรับผลแห่งการปรมาสท่านก็แล้วกัน ขอจบเรื่องการตรวจพระเพียงแค่นี้ครับ เพราะเดี่ยวจะกลายเป็นกระทู้อภินิหารไป เอาแค่พอประมาณดีกว่าครับ และหวังว่าคงไม่มีใครถามมาอีก...
     
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE borderColor=white cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=2><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 4 เมษายน 2551 0:27:55 น.-->พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๓๓ : ทรงสดับพิณสามสาย
    <!-- Main -->[SIZE=-1]พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๓๓ : ทรงสดับพิณสามสาย

    ทรงสดับพิณสามสายพระอินทร์ดีดพิณถวายข้ออุปมา

    เมื่อพระพุทธองค์ทรงทดลองดูแล้วด้วยความเพียรอยู่ถึง 6 ปี ก็ทรงประจักษ์ความจริงว่าวิธีบำเพ็ญทุกกรกิริยานี้ ไม่ใช่ทางที่จะทำให้สามารถตรัสรู้ได้จึงเลิกปฏิบัติเสีย ขณะนั้น สมเด็จอมรินทราธิราชทรงทราบข้อปริวิตกของพระมหาบุรุษ ดังนั้นจึงทรงซึ่งพิณทิพย์สามสายมาดีดถวายพระมหาบุรุษ สายหนึ่งตึงนัก พอดีดไปหน่อยก็ขาด สายหนึ่งหย่อนนัก ดีดเข้าก็ไม่บันลือเสียง อีกสายหนึ่ง ไม่ตึงไม่หย่อนพอปานกลาง ดีดเข้าก็บันลือเสียงไพเราะเจริญใจ พระมหาบุรุษได้สดับเสียงพิณทรงหวนระลึกถึงพิณที่เคยทรงมาแต่ก่อน ก็ทรงตระหนักแน่ ถือเอาเป็นนิมิต ทรงพิจารณาเห็นแจ้งว่า ทุกกรกิริยามิใช่ทางตรัสรู้แน่ ทางแห่งพระโพธิญาณที่ควรแก่การตรัสรู้ ต้องเป็นมัชฌิมาปฏิปทา บำเพ็ญเพียรทางจิต ปฏิบัติปานกลาง ไม่ตึงนักไม่หย่อนนัก จึงใคร่จะทรงตั้งปณิธานทำความเพียรทางจิต แต่ทรงเห็นว่าความเพียรทางจิตเช่นนั้น คนซูบผอมหากำลังมิได้เช่นนี้ ย่อมไม่สามารถจะทำได้ จำจะหยุดพักกินอาหารข้น คือ ข้าวสุก ขนมสด ให้มีกำลังดีก่อน ครั้นตกลงพระทัยเช่นนั้นแล้ว ก็กลับเสวยพระอาหารตามเดิม


    [​IMG]
    พระอินทร์ทรงซึ่งพิณทิพย์สามสายมาดีดถวายพระมหาบุรุษ

    การที่พระมหาบุรุษทรงเลิกละทุกกรกิริยา เปลี่ยนมาทำความเพียรทางจิตนั้น ได้ทรงดำริเปรียบเทียบอุปมา ๓ ข้อ ซึ่งพระองค์ไม่เคยสดับ ไม่เคยดำริมาก่อนเลย ด้วยพระปรีชาญาณของพระองค์อย่างแจ่มแจ้งว่า
     
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ดูจิตดูใจกันเน้อ.....



    [​IMG]


    ดูจิต ...! (ตอน ๑)


    @ อยากจะพูดเรื่อง"จิต"สักนิดหนึ่ง
    จิตคล้ายซึ่ง คนทั่วไป อาศัยบ้าน
    บ้านของจิต นั้นหรือ คือวิญญาณ
    เพื่ออาศัย ทำงาน ประสานมิตร

    มิตรก็คือวิญญาณด้านภายนอก
    วิญญาณบอกมีห้ามาสู่จิต
    วิญญาณห้าคืออะไรในความคิด
    จะถูกผิดไตร่ตรองลองใคร่ครวญ

    ตาเห็นรูปยังไงก็ได้เห็น
    แต่จะเป็นรูปอะไรอย่าได้ด่วน
    ไปวิเคราะห์ปรุงแต่งแห่งสำนวน
    เห็นก็ควรเห็นมันเท่านั้นพอ

    หูฟังเสียงยังไงได้ยินแน่
    เสียงดังแค่ไหนนั้นอย่าพลันต่อ
    หูเพียงแค่แต่ฟังประดังคลอ
    ยังไม่ก่อให้ฝืนเป็นอื่นใด

    จมูกดมกลิ่นได้ในทุกกลิ่น
    แต่อย่ายินดีลงหรือหลงไหล
    กลิ่นคือกลิ่นที่รู้อยู่แก่ใจ
    โดยที่ไม่แปรกลิ่นไปยินดี

    ลิ้นลิ้มรสทุกรสรู้หมดสิ้น
    แต่เพียงลิ้นรู้รสทั้งหมดนี้
    อย่าไปแยกแยะกลิ่นทั้งสิ้นมี
    ไม่ต้องชี้กลิ่นใดให้คล้อยตาม

    กายสัมผัสจัดว่ามาสัมผัส
    จะกอดรัดหรือไม่อย่าได้ถาม
    เพียงสัมผัสกายกันสัมพันธ์ความ
    อย่าพยายามรับรู้อยู่ฝ่ายใด

    การปรุงแต่งแห่งจิตมิตรทั้งห้า
    จะถือว่าถูกผิดกับมิตรใหม่
    ตรงนี้แหละคือจุดเปลี่ยนหมุนเวียนไป
    จิตจะเอียงข้างไหนให้ระวัง




    ขอขอบคุณ

    http://www.dhammathai.org/kaveedhamma

     
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ความพอดีของชีวิต

    <!-- Main -->[SIZE=-1]<STYLE>body{background: black}></STYLE>[/SIZE]



    [SIZE=-1]<CENTER><EMBED src=http://www.leiyu668.com/flash/material/scenery/scenery_079.swf width=500 height=400 type=application/x-shockwave-flash border="0" wmode="transparent"> <CENTER>[/SIZE]

    [SIZE=-1]คนทุกคนมีความทะเยอทะยานเหมือนกันหมด...
    หากต่างกันก็คงเพียงแค่...ใครจะมากใครจะน้อยกว่ากันเท่านั้น...

    ความทะเยอทะยานที่ว่าน่าจะหมายถึง...
    ความคิดที่อยากจะนำพาชีวิตไปสู่จุดที่สูงที่สุด...ดีที่สุด
    ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็แล้วแต่

    บางครั้งความทะเยอทะยานที่ว่า ก็กลายเป็นกิเลส
    ที่ทำให้คนเราอยากได้อยากมี
    เมื่อได้แล้ว เมื่อมีแล้ว ก็อยากได้ อยากมีอีก ไม่มีความพอดีในชีวิต

    ไม่มีคำว่าดีที่สุด...อะไร ๆ ก็ไม่สมบูรณ์แบบสำหรับชีวิตเสียที...

    แทนที่ความทะเยอทะยาน จะช่วยเป็นแรงขับให้ชีวิตเดินทางไปถึงเป้าหมาย..
    เป็นยานพาหนะ ที่จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จของชีวิต...

    กลับกลายเป็นหอกที่คอยทิ่มแทง ชีวิตให้ทุกข์ทรมาน
    ให้เจ็บปวด ให้ชีวิตต้องดิ้นรนอยู่ตลอดเวลา...
    เพราะความอยากที่คอยจะทะยานอย่างไม่มีที่หยุด

    ลองย้อนกลับไปมองต้นทุนของชีวิตคนเรา...

    แท้จริงแล้วเราก็ตัวเปล่าเล่าเปลือยมาตั้งแต่เกิด
    สิ่งที่ติดตัวมาก็เป็นเพียงวัตถุนอกกาย ที่สักวันก็ต้องสูญสลายหายไป
    หรือตัวเราเองนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายจากลาวัตถุเหล่านั้น
    โดยไม่มีวันกลับมาชื่นชมมันอีก

    หากเราไม่ยึดติดอยู่กับความสะดวกสบาย...
    และไม่ยึดติดอยู่กับจำนวนเงินตราที่เราต้องหามาเพิ่มมากขึ้น ๆ ทุกวัน ...

    จนทำให้เราหลงคิดว่า...สิ่งเหล่านี้จะบันดาลให้เราเป็นพระเจ้าได้
    ทำให้เราอยู่เหนือคนอื่นและทำให้เราเป็นผู้ยิ่งใหญ่...

    เราจะค้นพบว่าจริง ๆ แล้วเราก็แค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
    ที่มีความสุขในชีวิตได้ ใช้ชีวิตที่เรียบง่ายได้...
    ทานอาหารแต่ละมื้อ ได้อย่างอิ่มหนำสำราญ
    มีเวลาได้ดูหนังดี ๆ มีโอกาสฟังเพลงเพราะ ๆ
    มีห้วงเวลาที่ได้อยู่กับคนที่เรารัก ได้ทำอะไรดี ๆ แก่เขา
    ได้สังสรรค์กับครอบครัว ทำให้คนในครอบครัวมีความสุข
    และไม่ต้องใช้ชีวิตด้วยการวิ่ง วิ่งและก็วิ่งเร็วขึ้นไปเรื่อย ๆ

    หากวันนี้เราต้องเหนื่อยกับการวิ่งอยู่ตลอดเวลา
    ลองแวะพักเพื่อให้ตัวเองได้ชื่นชมสิ่งต่าง ๆ เสียบ้าง
    เราจะได้มีเวลาเป็นของตัวเองมากขึ้น

    ไม่ต้องกังวลและเป็นทุกข์เป็นร้อน
    ที่จะต้องรีบไปให้ถึงปลายทาง..
    ปล่อยใจเพลิดเพลิน ไปกับการหาความสุขของชีวิตจะดีกว่า

    เมื่อเรามีความสุขแล้ว เราก็จะพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่
    เมื่อเราพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ เราก็จะเห็นตัวตนของตัวเองได้ชัดเจนขึ้น...

    มีความสนุกกับการใช้ชีวิตมากขึ้น
    เมื่อนั้นเราก็จะได้ไม่ต้อง วิ่ง วิ่ง วิ่งให้เหนื่อยแรง
    และทุกข์อก ทุกข์ใจเหมือนที่เคยเป็นมา...

    "ความรักจะสมบูรณ์แบบได้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับคนสองคน
    ชีวิตจะสมบูรณ์แบบได้...ก็ต้องอยู่ที่ความพอดีของการใช้ชีวิต.."


    ว่ากันว่า...
    "บางทีความสมบูรณ์แบบของชีวิต ก็ไม่ได้อยู่ที่ความเร็วของการเดินทาง
    แต่อยู่ที่เราสนุกกับการเก็บเกี่ยวความสุข ระหว่างการเดินทางต่างหาก..."


    แหล่งที่มา : ทำดีดอทเน็ต
    </CENTER></CENTER>


    ขอขอบคุณ

    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?





    <CENTER>

    </CENTER>
    [/SIZE]<!-- End main-->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2008
  18. tanya123

    tanya123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +544
    :)Sawadee Ka :)
    :)On 28-07-08 I and my family Transfer money 400 to tumboon:)
    :)111358 28/07/08 1702 8157A 348-1-23245-9= 400 B.:)
    Every body sa tue boon with us na ka,we also sa tue boon wish every body too ka.and wish every body happy and good luck ka:)

    :)Tanya Klyne and family:)
     
  19. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    ขอบคุณครับพี่พันวฤทธิ์ครับ
     
  20. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ที่ผ่านมาสองครั้ง ผมได้บอกถึงประสบการณ์ที่ได้ พบกับพี่และน้องที่มี

    ความสามารถพิเศษ ที่พิจารณาพระพิมพ์ได้ ครั้งนี้มาเล่าต่อสักนิดละกัน



    แรกๆ ของการบอกบุญนั้น เราเองนั้นก็ทราบเรื่องราวบางอย่าง ที่ควรบอก

    ให้เป็นพี่ๆ น้องๆ ทราบเป็นอุทาหรณ์ เขาจะได้มีหลักปฏิบัติกำกับใจ

    ทำบ่อยๆ ตัวเองก็รู้สึก ชักจะกระหยิ่มยิ้มย่องใจ

    และผมเองก็จับมันได้ ใจมันไปอย่างนั้น

    และเราก็ทราบเองว่า ตัวเองมันก็หางอึ่ง ไม่ได้ดีกว่าใครหรอก

    แค่รู้ แต่คนอื่นไม่รู้เท่านั้นเอง



    หลังจากที่เห็นพี่ และน้องนี้ ผมเองไม่ได้ตาร้อนกับเขานะ ไม่มีจริงๆ

    แต่ขณะที่เรากำลังเดินทางไปสู่นั้น เราเห็นเขาทำได้

    แต่เราทำไม่ได้ มันก็เหมือนที่เขานั้นกำลังกินข้าวที่อร่อยหวาน

    เขาย่อมรู้และพิจารณาเองว่า อร่อยจริง ไม่จริง

    แต่ผมเองได้แต่มอง เขากำลังกินข้าวอร่อย

    ผมก็กลับมามองตัวเองนะ เราก็อยากกินข้าวอร่อยเหมือนกับเขาบ้าง



    ที่สำคัญของสมาธิที่ดีถึงขั้นนี้ ทำให้หูตาสว่างมากขึ้น และไปบอกเล่ากับใคร

    ก็เล่าได้อย่างจริงๆ เพราะทำได้ลิ้มรสลองแล้ว

    แต่ถ้าไม่ทำสมาธิ ไม่ทำ ไม่มี ก็ไปเล่ากับใคร มันก็ไม่เต็มที่

    ที่เล่าเพราะมาจากประสบการณ์รับฟังมา และวิเคราะห์ สังเคราะห์ จึงมาเล่า



    ท่านที่สมาธิดี ที่เห็นมา เขามักจะเห็นชอบเสมอ หรือ 100 % ที่คนจะทำดี

    ทำความดีกันทั่วหน้า เขาไม่ร้อนรน เรียบง่าย สบายๆ อยู่ใกล้ก็สบาย

    เขาไม่เห็นด้วยเสมอ ถ้าเห็นคนอื่นเดือนร้อนจากการกระทำของตังเอง

    แม้ว่าคนอื่นๆ จะผิดก็ตาม เพราะคนนั้นคิดไม่เหมือนกัน กรรมมันเกิดตามธรรมชาติอยู่แล้ว

    และท่านที่สมาธิดีๆ เขาก็จะไม่ไปแกล้งใครๆ เขาครับ เพราะไม่อยากทำกรรม




    กรรม กับบุญนั้น ความหนักเบามาดังนี้

    1. คิด (จิตใจ)
    2. วาจา
    3. กระทำ

    องค์ประกอบ 3 อย่างนี้ ครบองค์ ก็หนักเลย แบบไหนละก็คิดเอา



    กลับมาที่การทำสมาธิ ก็เป็นทางเดียวที่เราจะเห็นได้อย่างที่พี่ และน้องในรูปต้นๆ

    เขาทำได้ แต่สมาธิ ต้องคู่ไปกับธรรม เพราะจะทำให้ จิตใจ เป็นสุข

    การรู้เห็นหลายสิ่งอย่าง แต่ตัดไม่ได้ ใช้ความสามารถพิเศษนี้

    ถ้าไม่ถูกทางก็จะแย่กับตัวเอง


    ในกฏของธรรมชาติ ท่านที่ได้สมาธิดี เขาจะอยู่ในจิตภูมิที่ดี

    และถ้าเรารู้ว่าเราน้อยกว่าด้วยกว่า หรือคนที่ด้อยกว่า

    เราก็ไม่ควรไปกดใครๆ เขาครับ อันนี้ปู่สอนผมไว้ครับ

    เพราะเรานั้นดูใน ของใครไม่ได้ ตาถั่วๆ ของเราจะไป

    ทำกรรมให้เกิดแก่เราไม่รู้ตัว เอาใจจับเสมอ

    วางใจดีๆ จับอารมณ์ดีๆ พิจารณาดี

    ให้มีความสามารถพิจารณาได้ จะรู้จริง บอกใครๆ ได้จริง

    สมเหตุผล สมความ ที่เราต้องการรู้

    แต่ไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้นะ



    พุทธศาสนา ท่านสอนอะไร

    กลับไปที่ตรงนั้น กลับไปที่จุดหมาย

    เพื่อหลุดออกจากวัฏฏะ

    สิ่งที่เล่ามา ก็เป็นทางเดินที่ให้เห็น ให้พิจารณา และละวางครับ

    สาธุครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...