ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    เมื่อมีอุจจาระในลำไส้.....หมายถึงการมีปัจจัยแล้ว......ก็จะ เกิดอาการปวดท้องถ่าย......คืออาการของใจที่อยากทำทาน เรียกว่าจาคะ.......

    จึงหาที่ถ่ายอุจจาระออก โดยไม่หวังผลได้อะไรคืนมาจากการถ่ายอึนี้เลย
    .....คือมีใจคิดแต่จะให้อย่างเดียว ไม่หวังสิ่งใดๆตอบแทนกลับมา จากการให้นี้เลย.......
    และเมื่อถ่ายเสร็จแล้ว ก็คงไม่มีใครหวง ขี้ของตนไว้อีก
    ....ก็เมื่อเราให้เขาไปแล้ว ก็ไม่มีใจตามรู้ตามดูว่า เขาจะเอาปัจจัยของเราไปทำอะไรอีก....

    นี้แลคือการทำ “ให้หมด-ให้มาก” อันเกิดมาจากใจของเราเอง.....


    ที่มา
    www.yokeedam.com
     
  2. พงศ์กฤต

    พงศ์กฤต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    5,699
    ค่าพลัง:
    +33,737
    เรียน คุณ พงศ์กฤต อนุรักษ์วงศ์ศรี
    เรื่อง แจ้งผลการทำรายการโอนเงินต่างธนาคารแบบออนไลน์ (สำเร็จ)
    ตามที่ท่านได้ทำรายการโอนเงินต่างธนาคารแบบออนไลน์ ผ่านบริการ K-Cyber Banking ตามรายละเอียด ดังนี้


    วันที่ทำรายการ : 20/04/2010 12:57:34 PM.
    หมายเลขอ้างอิง : KBKR100420975229
    โอนเงินจากบัญชี : xxx-x-93765-4
    ธนาคารของบัญชีผู้รับโอน : BANK OF AYUDHAYA
    เพื่อเข้าบัญชี : 348-1-23245-9 ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร
    ชื่อเจ้าของบัญชีในฐานข้อมูล : PRATOM F.
    จำนวนเงิน (บาท) : 1000.0
    ค่าธรรมเนียม (บาท) : 25.0
    บันทึกช่วยจำ : ทำบุญสงฆ์อาพาธ


    ร่วมทำบุญ1,000 บาทครับ กราบอนุโมทนาทุกท่านครับ
     
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ข้อความเดิม

    ขอประชาสัมพันธ์กิจกรรมงานบุญที่ รพ.สงฆ์สักหน่อยครับ กิจกรรมประจำเดือนนี้เป็น วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2553 ครับ จึงขอแจ้งให้ผู้ที่สนใจได้ทราบทั่วกัน โดยในวันพรุ่งนี้ ผมและนายสติจะได้เบิกเงินจากบัญชีของทุนนิธิฯ มาเพื่อเตรียมบริจาค ตามประมาณการดังนี้


    1 รพ.สงฆ์
    - ถวายค่าสังฆทานอาหาร 6,000.- (ประมาณการพระสงฆ์ไว้ 200 รูป)
    - ถวายค่าเวชภัณฑ์ส่วนกลาง 5,000.-
    - ถวายค่าโลหิต 5,000.-
    รวม 16,000.-

    2 รพ.ภูมิภาค
    - รพ.แม่สอด จ.ตาก 6,000.-
    - รพ.สมเด็จพระยุพราช (ปัว) 8,000.-
    จ.น่าน
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย 5,000.-
    จ.เลย
    - รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ 5,000.-
    - รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 8,000.-
    - รพ.50 พรรษาฯ จ.อุบล 5,000.-
    - รพ.สงขลา จ.สงขลา 8,000.-
    - รพ.ปัตตานี จ.ปัตตานี 5,000.-
    รวม 50,000.-

    3. เงินบริจาคพิเศษ

    -เงินบริจาคพิเศษเพื่อจัดการในงานศพให้แก่พระภิกษุสนอง พบพวก ที่มรณภาพในขณะที่ได้รับการรักษา ณ หอผู้ป่วยหนัก รพ.แม่สอด จ.ตาก ตามยอดเงินจริงที่ได้รับแจ้ง จาก จนท.พยาบาลหอสงฆ์อาพาธ เป็นเงิน 8,000.-


    โอนเงินไปเดือนที่แล้ว ลืมส่งหลักฐานมาให้ทราบครับ

    [​IMG]


    เงินบริจาคพิเศษตามข้อ 3 และเงินบริจาคให้
    รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย จ.เลย

    [​IMG]


    เงินบริจาคสำหรับ รพ.ปัตตานี จ.ปัตตานี
    และ รพ.แม่สอด จ.ตาก

    [​IMG]


    เงินบริจาคเพื่อ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น
    และ รพ.สงขลา จ.สงขลา

    [​IMG]


    เงินบริจาคเพื่อ รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่,
    รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว จ.น่าน
    และ รพ.50 พรรษามหาวชิราลงกรณ
    จ.อุบลราชธานี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2010
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    บางส่วนของใบอนุโมทนาบัตรทั้งของเก่าและใหม่ที่เพิ่งได้รับมาครับ

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2010
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    สำหรับงานกิจกรรมประจำเดือนเมษายน ที่กำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2553 นี้ มีประมาณการ การใช้งบประมาณที่ได้เบิกจากบัญชีของทุนนิธิฯ มาแล้ว และได้ทยอยโอนเงินไปยัง รพ.ภูมิภาคต่างๆ แล้วดังนี้


    1 รพ.สงฆ์

    - ถวายค่าสังฆทานอาหาร 6,000.- (ประมาณการพระสงฆ์ไว้ 200 รูป)
    - ถวายค่าเวชภัณฑ์ส่วนกลาง 5,000.-
    - ถวายค่าโลหิต 5,000.-
    รวม 16,000.-

    2 รพ.ภูมิภาค

    - รพ.แม่สอด จ.ตาก 6,000.-
    - รพ.สมเด็จพระยุพราช (ปัว) 8,000.-
    จ.น่าน
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย 5,000.-
    จ.เลย
    - รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ 5,000.-
    - รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 8,000.-
    - รพ.50 พรรษาฯ จ.อุบล 5,000.-
    - รพ.สงขลา จ.สงขลา 8,000.-
    - รพ.ปัตตานี จ.ปัตตานี 5,000.-
    รวม 50,000.-

    รวมประมาณการค่าใช้จ่ายในเดือนเมษายน 2553 นี้ 66,000.-ถ้วน

    3. กิจกรรมเสริมเฉพาะในงาน

    3.1 รับแจกวัตถุมงคลที่อธิษฐานจิตโดยหลวงปู่เครา ฟรี
    3.2 ให้บูชาล๊อคเก็ตหลวงปู่เคราเพื่อสมทบทุนสร้างที่พักโยมบนเขาพระไตรลักษณ์
    3.3 ให้บูชาเหรียญพรหม 4 หน้า ของหลวงพ่อลำใยเพื่อสมทบทุนเข้าทุนนิธิฯ

    จึงแจ้งมาให้ทราบโดยทั่วกันครับ


    พันวฤทธิ์
    20/4/53

    หลักฐานการโอนเงินไปยัง รพ.ภูมิภาคทั้ง 8 แห่ง


    [​IMG]



    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2010
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    ดูเอาครับคุณพงษ์กฤต พระวังหน้าราคา 50.-กรอบพุกทองคำ 2 บาทกว่าไม่รวมสร้อย ลูกแก้วอุกามณี (พิธีเสาร์ห้าใหญ่) และลูกแก้วกระป๋องสีที่อธิษฐานจิตโดยหลวงปู่เครา แขวนแค่นี้ล่ะ
    (ขออภัยนักพระเครื่องนิยมตามมาตรฐานวงการด้วยครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2010
  7. พิมาน

    พิมาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2009
    โพสต์:
    828
    ค่าพลัง:
    +3,953
    ต้องขอโทษด้วยที่เข้าใจผิดว่ามีเหรียญพระศรีอริยเมตไตย
    ส่วนตัวผมไปกราบหลวงพ่อลำไยบ่อยๆ ได้รับพระเครื่องจากหลวงพี่ที่ดูแลหลวงพ่อลำไยเสมอๆทุกครั้งที่ไป
    เพียงแต่ไม่มีเหรียญนี้เท่านั้น โดยส่วนตัวไม่ชอบเรื่องเหนียวคงกระพันที่หลวงพ่อท่านชำนาญ แต่กับเหรียญนี้กับรู้สึกชอบเป็นพิเศษ จึงเกิดความอยากได้
    ถ้ามีโอกาสจะไปร่วมทำบุญด้วยครับ ชอบสะสมวัตถุมงคลเป็นพิเศษครับ
     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    อ่ะ ชอบมาก็ดีแล้ว เล่าต่ออีกนิดนึง วันนั้นพอรับเหรียญมาจากมือท่านแล้ว ก็ถามท่านว่าหลวงพ่อครับ เหรียญพรหมสี่หน้านี้ดีอย่างไร ท่านบอกว่า ความหมายของพรหมก็คือพรหมวิหาร 4 อันประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา นำขึ้นมาก่อน แล้วตามด้วยสิ่งที่ผมขอให้ทำเป็นพิเศษคือขอให้ผู้ที่ครอบครองได้พบพานแต่สิ่งที่ดีจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เท่านั้นเอง โดยก่อนอธิษฐานจิต ท่านพลิกดูเหรียญไปที่ด้านหลังที่มีรอยจาน ท่านบอกอ้อ! พระของหลวงตาดำ ดังนั้น เหรียญพรหมรุ่นนี้จึงมีทั้งสองอาจารย์คือ หลวงตาดำ และหลวงตาลำใย อธิษฐานจิตให้ และต้องมีรอยจานทุกเหรียญครับ
     
  9. พงศ์กฤต

    พงศ์กฤต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    5,699
    ค่าพลัง:
    +33,737
    [​IMG]


    สวยครับพี่ กราบกราบกราบ :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2010
  10. jirautes

    jirautes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +575
    สวัสดีครับวันนี้ครอบครัวผมได้ใอนเงินร่วมทำบุญสงฆ์อาพาธ
    จำนวน500บาทครับ *21/04/10*เวลา17:17น.
     
  11. san02

    san02 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +145
    เมื่อวานนี้ 21/04/53 ได้โอนเงินร่วมทำบุญ จำนวน 500 บาท
     
  12. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    [​IMG]

    โมทนาบุญกับทุกๆ ท่านครับ
    หากมีโอกาสว่าง ๆ ยามเช้าวันอาทิตย์ที่ 25 นี้ขอเชิญร่วมทำบุญด้วยกันครับ


    สาธุ สาธุ สาธุ
    Narongwate
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 เมษายน 2010
  13. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ ปุ๊กก้า พี่ groly ร่วมบุญด้วยค่ะ

     
  14. thow

    thow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +418
    เช้านี้ 23/04/53 เวลา 6:37 น. ผมได้โอนเงินร่วมทำบุญจำนวน 500 บาทครับ
    อนุโมทนาครับ
     
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    พระเครื่องประจำตัว
    “บุเรงนอง” กษัตริย์แห่งพม่า

    ใช่เพียงแต่คนไทยที่ มีความเชื่อถือในเครื่องรางของขลังเท่านั้น คนพม่าก็มีความเชื่ออย่างเดียวกัน หลักฐานที่แน่นอนอย่างหนึ่ง คือ เมื่อคราวที่ พระเจ้าบะยิ่นเนาน์ (บุเรงนอง) มหาราชผู้ชนะได้ทั้งสิบทิศแห่งกรุงหงสาวดี กษัตริย์พม่ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุทธยา เมื่อ 400 กว่าปีก่อน ได้ให้พระมหาฤาษีภูภูอ่อง ซึ่งมีตำแหน่งเป็นพระมหาราชครูในราชสำนัก จัดสร้างและปลุกเสกพระเครื่องขึ้น ให้มีพุทธาภินิหารในทางแคล้วคลาดคงกระพันชาตรีอย่างเยี่ยมยอด สมกับเป็นพระที่จักรพรรดิ์จัดสร้างขึ้นแจกแก่ทวยทหารกล้า เพื่อไปออกรบในหัวเมืองน้อยใหญ่ต่างๆ และตรงนี้เองจึงเป็นที่มาของชื่อ “พระยอดขุนพล บุเรงนอง” จักรพรรดิ์พระเครื่องในตำนานของพม่า

    หลวงพ่ออุตตมะก็ยังได้เคยเล่าให้เฉพาะศิษย์ที่ใกล้ชิดฟังว่า

    “อันพระบุเรงนองนี้ พระฤาษีภูภูอ่อง ได้บรรจุไว้ที่ถ้ำแถวเมืองมะละแหม่ง (บ้านเกิดของหลวงพ่ออุตตมะ) ใกล้ชายแดนไทย-พม่า อยู่ 2 ถ้ำด้วยกัน คือ “ถ้ำผาบง” และ “ถ้ำผาพะ” แต่ท่านก็ไม่ทราบว่า อันถ้ำทั้ง 2 นั้น อยู่ที่ไหนกันแน่....”

    และคงจะเป็นด้วย “บุรพกุศล” ที่หลวงพ่ออุตตมะคงจะเคยได้สร้างสมร่วมกับพระมหาฤาษีภูภูอ่องมาแต่ปางก่อน ในที่สุด ก็มีเหตุให้หลวงพ่ออุตตมะบังเอิญได้ “รู้แหล่ง” ที่เก็บซ่อน “พระยอดขุนพล บุเรงนอง” จักรพรรดิ์พระเครื่องอันดับหนึ่งแห่งลุ่มแม่น้ำอิระวดีในวันหนึ่งจน ได้...ไม่ใช่เกิดจากเหตุแห่ง “อภินิหาร” หรือ “เทวดาบอก” แต่อย่างไรทั้งสิ้น แต่เกิดจากอำนาจแห่ง “เมตตาบารมี” ของหลวงพ่ออุตตมะเองล้วนๆ เลยทีเดียว..! นั่นก็คือ

    ในสมัยที่ หลวงพ่ออุตตมะได้ออกธุดงค์ และได้บังเอิญช่วยรักษาโรคร้ายให้หัวหน้ากระเหรี่ยงคริสต์คนหนึ่ง จนหายเป็นปกติ ทำให้กระเหรี่ยงคริสต์คนนี้ นับถือหลวงพ่ออุตตมะ เป็นอย่างยิ่ง วันหนึ่ง ได้มาเล่าให้หลวงพ่อฟัง (ราวปีพ.ศ. 2490) ความว่า

    “มีลูกน้องของตนหมู่หนึ่ง ถูกทหารพม่าตามไล่ล่า จนกระทั่งหนีมาหลบซ่อนในถ้ำๆ หนึ่งแถวเมืองมะละแหม่ง โดยภายหลังจากที่ได้เฝ้าคุมเชิงตั้งแต่เช้าจนพลบค่ำ บรรดากระเหรี่ยงคริสต์ก็ไม่ยอมตีฝ่าวงล้อมออกมา ท้ายสุด ทหารพม่า เลยเอาปืนกลและอาวุธสงครามขนาดหนักยิงจากปากถ้ำนับไม่ถ้วน นับเป็นพันๆ หมื่นๆ นัด จึงเลิกทัพกลับไป

    ครั้งตอนรุ่งเช้า บรรดาลูกน้องของตน ซึ่งไม่ได้รับอันตรายใดๆ ก็ออกจากที่ซ่อนในถ้ำมาสังเกตการณ์ดู เห็นปลอกกระสุนและลูกปืนตกระจายอยู่บริเวณปากถ้ำเกลื่อนไปหมด แต่ไม่มีกระสุนแม้แต่เพียงนัดเดียว ที่จะวิ่งผ่านเข้ามาถึงข้างในได้ ก็แปลกใจ เลยคิดว่า ในถ้ำแห่งนี้คงต้องมีของวิเศษอยู่แน่ๆ พวกลูกน้องข้าเลยเข้าไปสำรวจในถ้ำดู พลันก็ได้เจอ “ภูเขาต๊กตา” ขนาดย่อมๆ กองอยู่ หยิบขึ้นมาดูก็ไม่รู้จักว่า นี่เป็นรูปตุ๊กตาอะไร ข้าเลยเอามาให้หลวงพ่อดูนี่แหละ....”

    เมื่อได้เห็น “ตุ๊กตา” ที่หัวหน้ากระเหรี่ยงคริสต์เอามาให้พิจารณาดูเพียงเท่านั้น หลวงพ่ออุตตมะก็อุทานขึ้นมาทันที เพราะนั่นคือ พระยอดขุนพล 400 กว่าปี สมัยพระเจ้าบะยิ่นเนาน์ (บุเรงนอง) ที่ตามหาอยู่

    และนี่เอง คือ “ปฐมเหตุ” แห่งการ “แตกกรุ” อย่างเป็นทางการของ “พระยอดขุนพล บุเรงนอง” ที่ปัจจุบัน นับเป็นของดีที่หาได้ยากยิ่ง และเป็นที่ใฝ่ฝันนักหนาของบรรดา “ศิษย์ใกล้ชิด” ของหลวงพ่ออุตตมะทุกๆ ท่าน รวมทั้งผู้ที่ “รู้ประวัติ” ความเป็นมาที่ยากจะหาใดเปรียบได้ตราบเท่าถึงบัดนี้..........


    คัดย่อมาจาก
    http://phuttawong.net
     
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    แนะนำพระเครื่องดีสัปดาห์นี้ลองดูครับ

    เหรียญพระแก้วมรกตรุ่น "หมดห่วง"

    1.เหรียญพระแก้วหมดห่วงรุ่นแรกเนื้อนวโลหะ พื้นเรียบซ้ายมือ(หลวงปู่ดู่อธิษฐานจิต) 2.เหรียญพระแก้วหมดห่วงรุ่นสองเนื้อนวโลหะพื้นมีดอกไม้ ด้านขวามือแม้เหรียญนี้จะไม่ทันหลวงปู่ดู่แต่ก็มีศิษย์ที่หลวงปู่ดู่วางใจ อธิษฐานจิตปลุกเสกให้ คือหลวงพ่อลำใย สัญญโม เมื่อหลวงปู่ยังมีชีวิต ท่านให้หลวงพ่อใยเสกพระของท่านไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น หลวงปู่ดู่ท่านมั่นใจในหลวงพ่อลำไยมากครับ (เนาว์ นรญาณ เพื่อนที่เป็นคนสร้างพระได้บอกผมเสมอว่าถ้าเก็บพระเพื่อแขวนให้เก็บเนื้อ นวโลหะไว้ แต่ถ้าเก็บโชว์หรือขายก็เนื้อเงิน เนื้อทองคำไป เพราะนวโลหะคนสร้างจะใส่ชนวนมวลสารแผ่นยันต์มากที่สุดส่วนเนื้อเงินเนื้อ ทองคำจะใส่ได้ไม่เยอะเพราะจะทำให้เงินหรือทองคำเปลี่ยนสภาพไป ดังนั้นผมจึงชอบเก็บพวกเนื้อนวโลหะ หรือเนื้อชนวนครับแต่เนื้อเงินหรือเนื้อทองคำก็เก็บครับแต่ไม่ค่อยจะมีเก็บ)


    [​IMG]


    [​IMG]

    ประวัติการสร้างเหรียญพระแก้วมรกตรุ่นแรก รุ่นหมดห่วง สร้างโดยคุณสุธันย์ สุนทรเสวี พ.ศ.2522-2523
    เนื้อเงิน สร้าง 19 เหรียญ
    เนื้อนวะโลหะ สร้าง 59 เหรียญ
    เนื้อชุบนิเกิ้ล สร้าง 100 เหรียญ
    เนื้อทองแดง สร้าง 3,999 เหรียญ โดยคุณสุธันย์ ได้รวบรวมชนวนโลหะและแผ่นยันต์ต่างๆที่ได้เก็บรวบรวมไว้จำนวนมากหลายร้อย แผ่นที่ลงอักขระเลขยันต์โดยเกจิที่มีชื่อเสียงทั่วประเทศ นำชนวนโลหะทั้งหมดมาหลอมรีดเป็นแผ่นก่อนนำมาปั๊มเป็นเหรียญพระแก้วมรกต ไม่มีห่วง (เอาเคล็ดว่าหมดห่วง)รายการชนวนจากแผ่นกระดาษพิมพ์ดีดของคุณสุธันย์
    1.ทอง ชนวนพระกริ่ง สำนักวัดสุทัศน์ กรุงเทพ
    2. ทองชนวนพระกริ่ง อรหัง วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่
    3. ทองชนวนพระกริ่ง ชินบัญชร วัดละหารไร่ ระยอง
    4. ทองชนวนพระกริ่ง ช่องลม วัดช่องลม สมุทรสาคร
    5. ทองชนวนพระกริ่ง ถ้ำแก้ว วัดถ้ำแก้ว เพชรบุรี
    6. ทองชนวนพระกริ่งสังวรวิมล วัดประดู่ฉิมพลี กทม.
    7. ทองชนวนพระชัยวัฒน์ ท่านเจ้ามา วัดจักรวรรดิราชาวาส กทม.
    8. ทองชนวนพระชัยวัฒน์ เจ้าคุณผล วัดหนัง กทม.
    9. ทองชนวนพระชัยวัฒน์ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม
    10.ทองชนวนพระ พุทธชินราชจำลอง สำนักวัดสุทัศน์ กรุงเทพ
    11.ทองชนวนรูปเหมือนพระเจ้าตาก กรมอู่ทหารเรือ กทม.
    12.โลหะทองจังโก บุพระธาตุองค์สำคัญ
    13.โลหะทอง ระฆัง วัดช่องแค นครสวรรค์
    14.โลหะทองยอดเจดีย์ สมัยเชียงแสน
    15.ตะกรุด พระเถราจารย์ไม่ทราบสำนักจำนวนมาก
    16.แผ่นพระยันต์ คาถาศักดิ์สิทธิ์จากพระเถราจารย์ 65 องค์ ได้แก่ หลวงปู่โต๊ะ,หลวงปู่ธูป,หลวงพ่ออุตตมะ,หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิต,หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว,หลวงปู่เหมือน วัดกำแพง,หลวงพ่อเส็ง วัดบางนา,พระญาณโพธิ(เข็ม) วัดสุทัศน์,หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางฯ,หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม,หลวงปู่เริ่ม วัดจุกกะเฌอ,หลวงปู่หล้า วัดป่าตึง,หลวงปู่สิม,หลวงพ่อสงฆ์,หลวงพ่อผาง,หลวงปู่แหวน,หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ,หลวงปู่กินนรี,หลวงปู่นิล วัดครบุรี,หลวงปู่ตื้อ,หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ,หลวงพ่อแจ้ง วัดใหม่สุนทร,หลวงปู่จันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ,หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง,หลวงพ่อมุ่ย วัดบางบูชา,หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค,หลวงพ่อโอด วัดจันเสน,หลวงปู่หนูจันทร์ วัดพัทธเสมา,หลวงพ่อเส็ง วัดหงนา ปทุมธานี,หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช,หลวงพ่อทองอยู่ วัดเกยชัย นครสวรรค์,หลวงพ่อบุญทา วัดดอนตัน น่าน,หลวงพ่อบุญเทียม วัดลาดหลุมแก้ว,พ่อท่านนำ วัดดอนศาลา,พ่อท่านหมุน วัดเขาแดงตะวันตก,พ่อท่านเล็ก วัดประดู่เรียง,หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ,หลวงพ่อคร่ำ วัดวังหว้า,หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่,หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า,หลวงปู่ศรี มหาวีโร ร้อยเอ็ด,หลวงปู่ทองมา วัดสว่างท่าสี,หลวง ปู่บุญ วัดวังมะนาว,หลวงปู่หนู วัดทุ่งแหลม,หลวงพ่อเกษม เขมโก ลำปาง,ครูบาชุ่ม วัดวังมุย,ครูบาพรหมา วัดพระบาทตากผ้า,หลวงปู่ศรีจันทร์ วัดสุทธาวาส, หลวงปู่หลุย วัดถ้ำผาปิ้ง,หลวงปู่คำดี วัดถ้ำผาปู่,หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี,หลวงพ่อแก้ว วัดสุทธิวาตาราม,หลวงพ่อผัน วัดราษฎร์เจริญ,หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองอนงค์,หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม,หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง,หลวงพ่อหง วัดหนองพลับ,หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง, หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล,หลวงปู่อ่อน วัดนิโครธาราม,หลวงปู่เครื่อง วัดเทพสิหาร,พระราชอุทัยกวี(พุฒ) วัดมณีสถิตย์ อุทัยธานี,พระสุธรรมญาณเถร(วีระ) วัดจันทาราม อุทัยธานี,หลวงพ่อโทน วัดบูรพา อุบลธานี,และหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ได้เมตตาลงแผ่นยันต์และตะกรุดพระมหาจักรพรรดิตราธิราช จำนวน 9 แผ่น
    ด้าน หลังเหรียญเป็นยันต์องค์พระ ซึ่งเป็นของเก่าผูกยันต์โดยพระเจ้าน้องยาเธอ กรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ จากนั้นจึงนำเหรียญพระแก้วมรกตไปเข้าพิธีมหาพุทธาภิเษกและนำไปให้พระเกจิ อาจารย์ที่มีชื่อเสียงปลุกเสกเดี่ยว ดังนี้
    • เข้าพุทธาภิเษกนั้นมี 2 แห่ง คือที่ วัดเฟื้อสุธรรม จ.เพชรบุรี วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2523 และที่วัดพระบาทมิ่งเมือง จ.แพร่ วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2523

    จากนั้นก็เริ่มการเสกเดี่ยวตลอดทั้งปี
    • 1. พระครูเนกขัมมาภินันท์ หรือหลวงพ่อบุญหา วัดดอนตัน อ.ท่าวังผา จ.น่าน เสกในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2523 ท่านองค์นี้เป็นที่เชื่อถือของชาวทหารมาก ขนาดว่ารถจิ๊ปถูกทิ้งระเบิดใส่นายทหารกระเด็นกระดอนเหมือนจับขว้าง ไม่เป็นอะไรเลย ไม่ตาย ไม่บาดเจ็บ ผมเห็นรูปถ่ายของรถและคนแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะรอดได้ คนในรถมีผ้ายันต์กับเหรียญท่านติดตัวคนละชุดครับ
    • 2. พระพุทธมนต์โชติคุณ (ยศ) วัดศรีบุญเรือง จ.น่าน เสก 22 กุมภาพันธ์ 2523
    • 3. พระเทพวงศาจารย์ หรือหลวงปู่อินทร์ วัดยาง จ.เพชรบุรี เสกวันที่ 14 มีนาคม 2523 หลวงปู่อินทร์นี้ อาจารย์ผมก็เป็นลูกศิษย์ท่าน อาจารย์ผมก็เป็นลูกศิษย์ท่าน อาจารย์เล่าว่าหลวงปู่เก่งไล่ผีถอนคุณไสยมาก และวิชาไม้สะแกกันภัยของท่านนี่ชั้นหนึ่งลงว่าบ้านใครได้ฝังไม้สะแกของท่าน ละก็ฟืนไฟไม่ได้ไหม้ ขโมยไม่ได้ขึ้นแน่นอน
    • 4. พระครูภาวนาวัชโรภาส (แผ่ว ปัณฑิโต) วัดโตนดหลวง จ.เพชรบุรี เสกวันที่ 15 มีนาคม 2523 หลวงพ่อแผ่วท่านเป็นศิษย์ผู้พี่ของอาจารย์ผม เพราะท่านเป็นศิษย์ร่วมสำนักในหลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง เหมือนกัน หลวงพ่อแผ่วเก่งมาก อาจารย์ผมว่ายังงั้น
    • 5. พระครูฌานาภิรัต (ฉิน) วัดชะอำคีรี จ.เพชรบุรี เสกวันที่ 15 มีนาคม 2523
    • 6. หลวงพ่อไท สุนทโร วัดบางทะลุ จ.เพชรบุรี เสกวันที่ 15 มีนาคม 2523
    • 7. พระครูมงคลธรรมสุนทร หรือหลวงปู่เส็ง วัดบางนา จ.ปทุมธานี เสกวันที่ 18 ถึง 28 มีนาคม 2523 รวม 11 วัน ท่านองค์นี้เก่งตะกรุดโทน และของแปลกคือ พญาครุฑมหาอำนาจ เคยเอาพญาครุฑท่านไปผูกไม้จี้ใส่งู ปรากฏว่างูไม่ฉกเลย นอนเฉยเหมือนหมดแรง ท่านขลังใช่เล่น หมูทองแดงก็เป็นเครื่องรางหนึ่งที่หนุนชื่อท่านให้ลือไปไกล
    • 8. หลวงปู่แก้ว สุทโธ วัดดอยโมคคัลลาน์ จ.เชียงใหม่ อธิษฐานจิตวันที่ 2 ถึง 4 เมษายน 2523 รวม 3 วัน หลวงปู่แก้วได้รับคำชมจากหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ มากมาย โดยเฉพาะข้อที่ว่าไม่ต้องมาหาเรา ไปหาหลวงปู่แก้ว ดอยโมคคัลาน์ เหมือนเราทุกอย่าง เหมือนดังหลวงปู่แหวนว่าไม่ใช่หน้าตาก็แล้วกัน
    • 9. หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา อธิษฐานจิตวันที่ 6 ถึง 11 เมษายน 2523 รวม 6 วัน หลวงปู่ดู่เป็นพระที่ผมไม่จำเป็นต้องเล่าอะไรอีก นอกจากจะบอกว่า ท่านคือสุดยอดโดยแท้ และถ้าหาพระเครื่องของท่านไม่ได้ เหรียญพระแก้วหมดห่วงไม่แพ้รุ่นใด ๆ ของท่านแน่นอน• 10. หลวงปู่สี พิณทสุวัณโณ วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เสกวันที่ 12 เมษายน 2523 หลวงปู่เป็นลูกศิษย์ผู้พี่ของหลวงปู่ดู่ในอาจารย์เดียวกันคือ หลวงพ่อกลั่น ธัมมโชโต วัดพระญาติการาม และเป็นพระที่ขลังสุด ๆ ขนาดคนสักยันต์อะไรก็ตามเดินผ่านหน้ากุฏิท่าน ของเหล่านั้นยังมาขึ้นที่ท่านน่าอัศจรรย์แท้ ใส่พระอะไรท่านก็รู้ได้โดยไม่ต้องเอาออกจากเสื้อ ท่านบอกว่าวิชาที่พระอาจารย์เหล่านั้นเสกจะมาปรากฏขึ้นที่จิตท่านเอง เสกให้เป็นไปทางไหนก็รู้ เสกด้วยพระคาถาอะไรก็รู้ และสวดให้ฟังได้ทันที ทั้งที่ท่านไม่เคยเรียนมาก่อน อู๊ย เก่งจนน่าขนลุก
    • 11. พระญาณโพธิ (เข็ม) วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ เสกวันที่ 13 ถึง 16 เมษายน 2523 รวม 4 วัน ได้วิชาในสายวัดสุทัศน์ฯ มาประจุก็ครั้งนี้ เพราะท่านเป็นศิษย์ในสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสสเทโว)
    • 12. พระมหาเมธังกร (รส) วัดหนองม่วงไข่ จ.แพร่ เสกถึงวันที่ 18 ถึง 20 เมษายน 2523 รวม 3 วัน
    • 13. ครูบาแก้ว อินทจักโก วัดเขื่อนคำลือ จ.แพร่ เสกวันที่ 22 ถึง 24 เมษายน 2523 รวม 3 วัน
    • 14. พระครูบริรักษ์ธรรมากร หรือหลวงพ่อบุญเทียม ภูริปัญโญ วัดลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เสกวันที่ 26 เมษายน 2523 ถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 2523 รวม 10 วัน ท่านองค์นี้เป็นสหธรรมิกกับอาจารย์ของผม หลวงพ่อบุญเทียมท่านเป็นพระที่ขลังองค์หนึ่งเหมือนกัน โดยเฉพาะตะกรุดหนังเสือ เป็นที่ยอมรับ และแสวงหากันมากในหมู่ศิษย์ ท่านเคยนั่งทางในดูบ้านให้ศิษย์คนหนึ่ง ซึ่งมาเล่าให้ท่านฟังว่า มันช่างร้อนรุ่ม อยู่ไม่ได้ มีแต่เรื่องตลอดเวลา ท่านดูแล้วเสกข้าวตอกดอกไม้ให้ สั่งว่าเอาไปโปรยให้ทั่วบนบ้าน ทิ้งไว้สักชั่วโมง คอยกวาดออก เธอคนนั้นก็ทำตาม ปรากฏว่าพื้นดินใต้ถุนบ้าน ซึ่งยกสูงเกิดปริแยกออกจากกัน แล้วตอไม้ใหญ่อันหนึ่งก็ค่อย ๆผุดขึ้นมาน่าอัศจรรย์ ไปกราบเรียนท่าน ท่านจึงว่านี่แหละอย่าปลูกเรือนคร่อมตอ มันไม่ดีอย่างนี้ โอ้ ขลังจริง ๆ
    • 15. พระครูสุวรรณศีลาจารย์ หรือหลวงพ่อทอง สุวัณโณ วัดก้อนแก้ว อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา เสกวันที่ 10 ถึง 14 พฤษภาคม 2523 รวม 5 วัน หลวงพ่อทองนี่เป็นสุดยอดพระภาคตะวันออกองค์หนึ่งเลย วัตถุมงคลท่านช่วยชีวิตคนแปดริ้วมากต่อมาก เรื่องอยู่มีดอยู่ปืนนี่เป็นเอกลักษณ์ในของขลังแห่งท่านไปแล้ว ตอนคุณสุธันย์ไปถวาย ท่านถามว่า เอาคืนเมื่อไร คุณสุธันย์เรียนท่านว่า นิมนต์เสกตามอัธยาศัยเลยครับ ท่านก็ให้ยกเข้าไปวางหน้าโต๊ะพระ คุณสุธันย์นำลังเล็กบรรจุพระวางลงบนพื้น หลวงพ่อท่านรีบบอกว่า ไม่ได้ ๆให้วางบนเก้าอี้สูง ๆ มิฉะนั้นตอนท่านนั่งสมาธิ ท่านจะนั่งบนอาสนะ และจะเป็นเหตุให้ท่านนั่งสูงกว่าเหรียญ ท่านใส่ใจดีจริง ๆ
    • 16. พระเทพวราลังการ หรือหลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ วัดเลยหลง อ.เมือง จ.เลย อธิษฐานจิตวันที่ 17 พฤษภาคม 2523 หลวงปู่เป็นศิษย์รุ่นใหญ่องค์หนึ่งในท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และเป็นพระมหาเถระที่ทำให้ผมหายซื่อบื้อไปได้เยอะ เมื่อสมัยที่ผมยังเข้าใจว่า ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ เป็นพระภิกษุรูปเดียวในโลกที่สามารถนั่งฟังเทศน์ และอธิษฐานจิตวัตถุมงคลได้ตลอดรุ่ง หรืออย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ในแต่ละคราวได้อย่างมหัศจรรย์สุดแสน ทั้งนี้โดยไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว หรือเปลี่ยนอิริยาบถเลยแม้แต่น้อย แล้ววันหนึ่งในปี พ.ศ. 2518 เมื่อวัดศรีสุทธาวาส หรือวัดเลยหลง ของท่านเองกรรมการวัดได้ขอร้องท่านทำแหรียญรุ่นแรกอย่างเป็นทางการ และจัดพุทธาภิเษกแบบยิ่งใหญ่ หลวงปู่ศรีจันทร์เป็นองค์ประธานแล้วท่านก็กระทำมหาอภินิหาร นั่นคือ นั่งบนธรรมาสน์ จับสายสิญจน์สงบจิตสู่องค์ฌาน ตั้งแต่ 6 โมงเย็นวันนี้ จนกระทั่ง 6 โมงเช้ารุ่งขึ้น รวมเวลา 12 ชั่วโมงเต็ม โดยไม่ขยับสรีระใด ๆ เลย สมาธิจิตอันแข็งแกร่งเยี่ยงนี้แหละที่ท่านได้ถ่ายทอดไว้แล้วในเหรียญหมดห่วง รุ่นนี้
    • 17. หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย อธิษฐานจิตวันที่ 17 พฤษภาคม 2523 คงไม่ต้องบรรยายถึงพระอรหันต์ผู้เป็นที่เคารพยิ่งในหมู่เทวดา ขนาดหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย ยังปรารภเบา ๆว่า “เทวดารักท่านชอบมาก อันที่จริงจะมากกว่าท่านพระอาจารย์มั่นด้วยซ้ำไป”
    • 18. พระครูญาณทัสสี หรือหลวงปู่คำดี ปภาโส วัดถ้ำผาปู่นิมิตร อ.เมือง จ.เลย อธิษฐานจิตวันที่ 17 พฤษภาคม 2523 หลวงปู่คำดีเป็นศิษย์ในท่านพระอาจารย์มั่นที่มีบารมีมาก ทราบมาว่าคุณลุงคนหนึ่งบ้านอยู่ใกล้วัด เป็นศิษย์ที่นับถือหลวงปู่คำดีสุดหัวใจ ขนาดที่ว่ากระโถนบ้วนน้ำหมาก น้ำลาย และล้างมือของหลวงปู่ คุณลุงคนนี้ก่อนลากลับบ้านจะยกขึ้นดื่มกินจนหมดอย่างไม่รังเกียจ ใครๆก็พากันขนลุกกับการกระทำของแก วันหนึ่งแกถูกดักทำร้าย ทั้งมีดทั้งปืนแกกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่ตัวแกมิได้แขวนพระใดๆทั้งสิ้น นี่เป็นเรื่องมหัศจรรย์จริง ๆ อำนาจอย่างนี้ก็มีอยู่ในเหรียญหมดห่วงแล้วไม่ต้องสงสัย
    • 19. หลวงปู่กินรี จันทิโย วัดกันตศิลาวาส จ.นครพนม อธิษฐานจิตวันที่ 19 พฤษภาคม 2523 หลวงปู่กินรีเป็นศิษย์ในท่านพระอาจารย์มั่นอีกองค์หนึ่ง ที่เป็นพระมหานิกายนับต่อได้จากหลวงปู่ทองรัตน์ กันตสีโล และเป็นอาจารย์องค์ที่สามของหลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง หลวงปู่กินรีเป็นพระที่ชอบสันโดษ มักอยู่ลำพังองค์เดียวเงียบ ๆ แต่คนตาดีก็ยังอุตส่าห์ไปหาท่าน เห็นเงียบอย่างนี้ จิตตานุภาพท่านไม่เงียบด้วยนะ เห็นกันจะๆเมื่อไฟไหม้บ้านศิษย์คนหนึ่งของท่านจนหมดสิ้น ยังเหลือแต่หน้าต่างไม้บานหนึ่งไม่ไหม้ไฟ เพราะแปะผ้ายันต์ที่ท่านเขียนไว้ให้ส่วนว่าแล้วทำไมไฟยังไหม้บ้าน บอกได้อย่างเดียว วิบากกรรมนั่นแล
    • 20. พระครูสังวรพุฒิคุณ (ทองสุข) วัดอัมพวัน จ.นครพนม อธิษฐานจิตวันที่ 19 พฤษภาคม 2523
    • 21. พระครูพนมสมณกิจ หรือหลวงปู่บัว เตมิโย วัดหลักศิลามงคล จ.นครพนม อธิษฐานจิตวันที่ 19 พฤษภาคม 2523 ท่านองค์นี้เก่งมาก ทั้งด้านวิปัสสนา และสมถที่เป็นบ่อเกิดของอภินิหารทั้งปวง วัตถุมงคลท่านก็หายากพอสมควร
    • 22. พระอาจารย์สนธิ์ เขมิโย วัดอรัญญานาโพธิ์ จ.นครพนม อธิษฐานจิตวันที่ 20 พฤษภาคม 2523
    • 23. พระครูสันติวรญาณ หรือหลวงป่สิม พุทธาจาโร วัดสันติสังฆาราม จ.สกลนคร อธิษฐานจิตวันที่ 21 พฤษภาคม 2523 กิตติคุณในหลวงปู่สิม ผมคงไม่ต้องกล่าวอะไรอีก
    • 24. หลวงปู่ผาง จิตตคุตโต วัดอุดมคงคาคีรีเขต อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น อธิษฐานจิตวันที่ 22 พฤษภาคม 2523 หลวงปู่ผางเป็นศิษย์ในท่านพระอาจารย์มั่นองค์หนึ่งที่มีอภินิหารมากมายเหลือ จะกล่าว ขนาดจระเข้ในวัด ท่านยังทำให้เชื่องได้ เดินเหยียบหัวมันทีละตัว ข้ามไปอีกฝั่งหนองได้สบาย ๆ เคยพบภูตผีเทวดาสิ่งลึกลับในป่ามากต่อมาก ท่านมีบารมีมิใช่น้อย วัตถุมงคลที่เป็นของท่านมีประสบการณ์อย่างโชกโชนทีเดียว ใครเก็บได้รีบเก็บเถิด แต่อย่าไปเอาเหรียญรุ่นแรกนะแพงหูดับเลยละ
    • 25. หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ วัดสระแก้ว อ.เมือง จ.นครราชสีมา อธิษฐานจิตวันที่ 14 มิถุนายน 2523 ถึงวันที่ 4 กรกฎาคม 2523 รวม 21 วัน สำหรับหลวงพ่อพุธ พระมหาเถระที่เคยตัดต้นมะพร้าวเป็นสามท่อนด้วยอำนาจจิต คงไม่เป็นการยาก หากจะทำเหรียญตรงหน้าให้เปี่ยมพลานุภาพ และท่านยังสรรเสริญหลวงพ่อคูณด้วยว่า “ถ้าเรื่องเหนียวล่ะก็ หลวงตาคูณนี่แน่นอนนัก”
    • 27. พระญาณสิทธาจารย์ (สิงห์ สุนทโร) หรือหลวงปู่เมตตาหลวง วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา อธิษฐานจิตวันที่ 5 ถึง 18 กรกฎาคม 2523 รวม 14 วัน ท่านเป็นศิษย์ในท่านพระอาจารย์มั่นที่ได้สืบทอด “พระคาถาเมตตาหลวง” ต่อจากหลวงปู่ขาว อนาลโย เพียงองค์เดียว เพราะเหตุนี้สานุศิษย์จึงได้กล่าวนามท่านโดยเคารพว่า หลวงปู่เมตตาหลวง ด้วยท่านจะให้ศิษย์ทุกคนสวดพระคาถาเมตตาหลวงเป็นประจำ และพิมพ์แจกเป็นธรรมทานเสมอ ประสบการณ์ในของ ๆ ท่านก็มีไม่น้อยเลย
    • 28. พระราชวุฒาจารย์ หรือหลวงปู่ดูลย์ อนุโล วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ อธิษฐานจิตตลอดไตรมาสระหว่างเข้าพรรษา คือ ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2523 ถึงวันที่ 25 ตุลาคม 2523 รวมเวลา 3 เดือน หลวงปู่ดูลย์เป็นพระมหาเถระรุ่นใหญ่ของท่านพระอาจารย์มั่น และแม้ท่านจะเป็นพระที่ชื่อว่าไม่มาเกิดอีกก็ตาม แต่เมื่อดำรงขันธ์อยู่นั้นท่านก็เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในวิชามหัศจรรย์อยู่ไม่ น้อย และท่านเป็นพระมหาเถระรูปเดียว ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ทรงใช้น้ำพระพุทธมนต์ที่หลวงปู่ดูลย์อธิษฐานพรทูลเกล้าฯ ถวายล้างพระพักตร์ทุกวัน ที่สุดก่อนเข้าสู่นิพพาน หลวงปู่ได้ทำแผ่นเงิน 9 แผ่น จารึกอักขระขอมด้วยพระพุทธมนต์ทูลเกล้าฯ ถวายเป็นวาระสุดท้าย ถวายพระพรว่า เมื่อนำลงแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ตลอดคืน น้ำนั้นจะเป็นน้ำพระพุทธมนต์มีอานุภาพดุจเดียวกับที่หลวงปู่อธิษฐานถวายทุก ประการ แม้อานุภาพเช่นนั้น จะไม่ปรากฏในเหรียญนี้ด้วยเป็นของเฉพาะ แต่เชื่อเถิดว่าตลอดไตรมาสสามเดือน กำลังฤทธิ์แห่งพระอรหันตเจ้าเช่นท่านย่อมไม่ทำให้เหรียญพระแก้วมรกตนี้เป็น อธิษฐานจิตธรรมดาแน่นอน• 29. หลวงปู่สาม อกิญจโน วัดป่าไตรวิเวก อ.เมือง จ.สุรินทร์ อธิษฐานจิตวันที่ 26 ตุลาคม 2523 ถึงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2523 รวม 22 วัน ด้วยเวลาเกือบเดือนสำหรับพระมหาเถระที่อัฐิกลายเป็นพระธาตุอย่างหลวงปู่สาม คงไม่ต้องถามว่าเหรียญพระแก้วหมดห่วงนี้ จะดีวิเศษแค่ไหน ลำพังของที่ทำไม่กี่นาทีจากหลวงปู่ยังปรากฏอภิหารให้คนวิ่งหากันจ้าละหวั่น ก็ไม่ต้องสงสัยกับ 22 วันแห่งเหรียญที่วางอยู่ข้างที่นอน
    • 30. พระโพธิญาณเถระ หรือหลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี อธิษฐานจิตวันที่ 18 พฤศจิกายน 2523 ถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2523 รวม 18 วัน รู้ ๆกันอยู่ว่า หลวงพ่อชาเป็นครูบาอาจารย์ของครูอำพลและครูอำพลก็เคยเขียนประวัติพร้อมบุญญา ภินิหารในหลวงพ่อชาลง “ศักดิ์สิทธิ์” มาแล้วอย่างไม่มีที่ไหนทำมาก่อน เชื่อว่าหลายท่านอาจรู้จักหลวงพ่อดี ผมจึงขอผ่าน แนะนำสักนิดว่าถ้ากลัวกับเหรียญรุ่นแรกที่ปลอมชนิด “เซียนตาย” แขวนเหรียญนี้ไปเถิด นอกจากหลวงพ่อจะอธิษฐานพรให้ตลอด 18 ราตรีแล้ว เรายังได้พระสุปฏิปันโนรูปอื่น ๆ มาเสริมพลังให้ยิ่งๆขึ้นไป มองไม่เห็นเลยว่า ไม่คู่ควรจะแขวนกับชาวเราชาวท่านที่ตรงไหน• นี่ยังไม่นับถึงสุดยอดพระอย่าง หลวงปู่แหวน สุจิณโณ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่ ที่เมตตาอธิษฐานจิตให้ถึง 10 ครั้ง ด้วยกันยังมีพระสุพรหมญาณเถร หรือครูบาพรหมา พรหมจักโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ที่ตลอดการอธิษฐานจิต 3 วาระ จำทำให้คุณสุธันย์ตื่นใจไปกับนัยน์ตาที่เปลี่ยนเป็นสีฟ้าไปได้หมด ทั้งลูกตาดำ พอเป่าพ้วงลงที่ลังใส่พระ ดวงตาท่านก็คืนสภาพเป็นปรกติ
    • และหลวงพ่อเกษม เขมโก สำนักสุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง พระอรหันต์แห่งเขลางค์นคร ยังเมตตามนต์ให้เป็นกรณีพิเศษ ถึง 10 ครั้ง หลวงพ่อแช่มเมตตาอธิษฐานจิตให้อีก 10 ครั้งด้วยกันอะไรจะดีอย่างนี้อีกข้อมูลจากหนังสือ“ศักดิ์สิทธ์” ฉบับ 280 วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2537

    คัดลอกข้อมูลมาจาก ข้อเขียนอาจารย์อำพล เจน ,กระทู้ในสวนขลังดอทคอม,กระทู้ของคุณต๊อก และกระทู้ของคุณalphascan

    บทความจาก

    อุดร 108.คอม
     
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พรุ่งนี้วันทำกิจกรรมของทุนนิธิฯ ที่ รพ.สงฆ์ มีพระสงฆ์ที่อาพาธที่จะถวายสังฆทานภัตตาหารเช้าทั้งสิ้น 150 รูป และหากท่านใดไม่ติดภารกิจการงานใดๆ เวลา 7.30 น.-8.00 น. เจอกันที่โรงอาหารของ รพ.ด้านซ้ายมือจากประตูทางเข้าสุดทางครับไปช่วยกันถวายสังฆทาน ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งพระเครื่องที่แจกให้ฟรีครับ

    พันวฤทธิ์
    24/4/53
     
  18. แมงกะพรุน

    แมงกะพรุน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,267
    โอนเงินร่วมทำบุญแล้ว สำหรับเดือนนี้ วันที่ 24/04/53 เวลา 14.11 เงิน 500 บาทครับ
     
  19. นนทไพลิน

    นนทไพลิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +398
    เมื่อวานนี้ได้โอนเงินร่วมบุญสำหรับเดือนนี้จำนวน 100 บาทครับ
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    :: บิดาผู้ยิ่งใหญ่ ของปวงชนชาวไทย ::<!-- google_ad_section_end -->

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> <!-- google_ad_section_start -->
    ".... ผมเคยอยู่มาแล้วหลายแผ่นดิน แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวแผ่นดินใดที่คนทั้งเมืองเขาเป็นเจ้าเข้า เจ้าของ ให้ความเคารพบูชาอย่างสนิทสนมอย่างทุกวันนี้ ...พระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลก่อน ๆ ทรงครองแผ่นดิน แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลนี้ทรง "ครองใจคน.."


    หม่อม ราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช


    <center></center><center>[​IMG]</center><center> </center><center></center><center></center>
    เรื่อง "เดิมพันของเรา"

    ครั้ง หนึ่ง เมื่อหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า "เคยทรงเหนื่อย ทรงท้อบ้างหรือไม่"​

    ครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสตอบว่า​

    "ความจริงมันน่าท้อถอยหรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือบ้านคือเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ"

    ข้อมูล จาก ไทยรัฐ ฉบัย 5 ธ.ค.32
    [​IMG]


    <center></center><center></center><center></center><center></center>
    เรื่อง "ราษฎรยังอยู่ได้"



    ปีพุทธศักราช 2513 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ที่จะเสด็จพระราชดำเนินไป เยี่ยมราษฎรในตำบลหนึ่งของอำเภอเมืองพัทลุง อันเป็นแหล่งที่ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ปฏิบัติการรุนแรงที่สุดในภาคใต้ เวลานั้น ​

    ด้วยความห่วงใยอย่างยิ่งล้น ทางกระทรวงมหาดไทยได้กราบบังคมทูลขอให้ทรงรอให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่าที่เป็น อยู่เสียก่อน แต่คำตอบที่ทางกระทรวงมหาดไทยได้รับก็คือ​

    ราษฎรเขาเสี่ยงภัยยิ่งกว่าเราหลาย เท่า เพราะเขาต้องกินอยู่ที่นั่นเขายังอยู่ได้ แล้วเราจะขลาดแม้แต่จะไปเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของเขาเชียวหรือ

    ข้อมูลจากคำอภิปรายเรื่อง "พระบิดาประชาชน" ​


    <center>[​IMG]</center><center> </center><center></center><center></center>
    และมีอีกหนึ่งพระกระแสพระราชดำรัสที่เป็นคำตอบว่าเหตุใดจึง ไม่อาจหยุดทรงงานได้​



    "...คนเราจะอยู่สุขสบายแต่คนเดียวไม่ได้ ถ้าคนที่อยู่ล้อมรอบมีความทุกข์ยาก ควรต้องแบ่งเบาความทุกข์ยากของเขาบ้าง ตามกำลังและความสามารถเท่าที่จะทำได้"


    <center> </center><center>[​IMG]</center><center> </center><center></center>
    "ดอกไม้จากหัวใจ"



    ที่นครพนม บนเส้นทางรับเสด็จตรงสามแยกชยางกูร-เรณูนคร บายวันที่ 13 พ.ย. 2498 อาณัติ บุนนาค หัวหน้าส่วนช่างภาพประจำพระองค์ ได้บันทึกภาพในวินาทีสำคัญที่กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ภาพหนึ่งของประเทศ
    [​IMG]

    ภาพที่พูดได้มากกว่าคำพูดหนึ่งล้านคำ

    วันนั้นหลังจากทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารเสร็จสิ้นในช่วงเช้าแล้ว ทั้ง 2 พระองค์ได้เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งกลับไปประทับแรม ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ราษฎรที่รู้ข่าวก็พากันอุ้มลูก จูงหลานหอบกันมารับเสด็จที่ริมถนนอย่างเนืองแน่น ​

    ดังเช่นครอบครัวจันท์นิตย์ ที่ลูกหลายช่วยกันนำ แม่ตุ้ม จันทนิตย์ วัย 102 ปี ไปรอรับเสด็จ ณ จุดรับเสด็จห่างจากบ้าน 700 เมตร โดยลูกหลานได้จัดหาดอกบัวสายสีชมพูให้แม่เฒ่าจำนวน 3 ดอก และพาออกไปรอที่แถวหน้าสุดเพื่อให้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทที่สุด​

    เปลงแดดร้อนแรงตั้งแต่เช้าจนสาย เที่ยงจนบ่าย แผดเผาจนดอกบัวสายในมือเหี่ยวโรย แต่หัวใจรักภักดีของหญิงชรายังเบิกบาน เมื่อเสด็จฯ มาถึงตรงหน้า แม่เฒ่าได้ยกดอกบัวสายโรยราสามดอกนั้นขึ้นจบเหนือศีรษะแสดงความจงรักภักดี อย่างสุดซึ้ง พระเจ้าแผ่นดินทรงโน้มพระองค์อย่างต่ำที่สุด จนพระพักตร์แนบชิดกับศีรษะของแม่เฒ่า ทรงแย้มพระสรวลอย่างเอ็นดู พระหัตถ์แตะมือกร้านคล้ำของเกษตรกรชราชาวอีสานอยางอ่อนโยน​

    เป็นคำบรรยายเหมือนไม่จำเป็น สำหรับภาพที่ไม่จำเป็นต้องบรรยาย ไม่มีใครรู้ว่าทรงกระซิบคำใดกับแม่เฒ่า แต่แน่นอนว่าแม่เฒ่าไม่มีวันลืม

    เช่น เดียวกับที่ในหลวงไม่ทรงลืมราษฎรคนสำคัญที่ทรงพบริมถนนวันนั้น หลานและเหลนของแม่เฒ่าเล่าว่า "หลังจากเสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯ แล้ว ทางสำนักพระราชวังได้ส่งภาพรับเสด็จของแม่เฒ่าตุ้ม พร้อมทั้งพระบรมรูปหล่อด้วยปูนพลาสเตอร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแผ่นมาทางอำเภอพระธาตุพนมให้แม่เฒ่าตุ้มไว้เป็นที่ระลึก​

    พระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ อาจมีส่วนชุบชูชีวิตให้แม่เฒ่ายืนยาวขึ้นอีกด้วยความสุขต่อมาอีกถึงสามปี เต็ม ๆ​

    แม่เฒ่าตุ้ม จันทนิตย์ ราษฎรผู้โชคดีที่สุดคนหนึ่งในรัชกาลที่ 9 สิ้นอายุขัยอย่างสงบด้วยโรคชราเมื่ออายุได้ 105 ปี​

    ข้อมูลจาก "แม่เฒ่าตุ้ม จันทนิตย์" ภาคพิเศษโดย คุณหญิงศรีนาถ สุริยะ วารสารไทย ​


    <center> </center><center> </center><center>[​IMG]</center><center> </center><center> </center><center></center><center></center>
    "เขาเดินมาเป็นวัน ๆ"



    "...มีอยู่ ครั้งนึง ข้าพเจ้าอายุ 18 ปี ได้ตามเสด็จ...ตอนนั้นเป็นช่วงหลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษ เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรทุกจังหวัดและอำเภอใหญ่ ๆ ก็เสด็จฯ ประมาณ 9 โมงเช้า เสด็จออกทรงเยี่ยมราษฎรมาเรื่อย ๆ ​

    ทีนี้ ข้าพเจ้าก็รู้สึกว่า แหม นานเหลือเกิน ตอนนั้นยังไม่กางร่ม ตอนนั้นยังไม่ค่อยกลัวแดด ไม่ใส่หมวก ก็รู้สึกแดดเปรี้ยง หนังเท้านี้รู้สึกไหม้เชียว ก็เดินเข้าไปกระซิบท่านว่า พอหรือยัง ก็โดนกริ้ว​

    นี่เห็นไหมราษฎรเขาเดินมาเป็น วัน ๆ เพื่อมาดูเราแม้แต่นิดเดียว แต่นี่เรายืนอยู่ไม่เท่าไรล่ะ ตอนนี้ทนไม่ไหวเสียแล้ว..

    พระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ วันที่ 11 ส.ค. 2534 ​


    <center>[​IMG]</center><center> </center><center></center><center></center>
    "ต่อไปจะมีน้ำ"



    บทความ "น้ำทิพย์สาดเป็นสายพรายพลิ้วทิวงาม ทั่วเขตคามชื่นธารา" เขียนโดย มนูญ มุกข์ประดิษฐ์ ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 5 ธ.ค.2528 ได้เล่าให้ผู้อ่านชาวไทยได้ประจักษ์ถึงเรื่องอัศจรรย์ของ "ในหลวง" กับ "น้ำ" ที่เกิดขึ้นในคำวันหนึ่งของเดือน ก.พ.2528​

    ด้วยความทุกข์ที่เปี่ยมล้นใจอันเนื่องมาจากต้องเผชิญความแห้ง แล้งอย่างหนัก หญิงชราคนนึ่งที่มาเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จได้คลานเข้ามากอดพระบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กราบบังคมทูลด้วยน้ำตาอาบแก้ม ขอพระราชทานน้ำ

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบว่า ​

    ยายไม่ต้องห่วงแล้วนะ ต่อไปนี้จะมีน้ำ เราเอาน้ำมาให้

    แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระดำเนินกลับ ไปยังรถพระที่นั่งซึ่งจอดห่างออกไปราว 5 เมตร ปรากฎว่าท่ามกลางอากาศที่ ร้อนแล้ง จู่ ๆ ก็เกิดฝนตกลงมาเป็นครั้งแรกในรอบปี ทำให้ผู้ตามเสด็จและ ราษฎรในที่นั้นถึงกับงุนงงไปตาม ๆ กัน ​

    [​IMG]

    <center> </center><center></center>
    "เก็บร่ม"



    การเสด็จพระราชดำเนินทุกครั้ง แม้จะต้องเผชิญกับแดดร้อนหรือลมแรง ราษฎรก็ไม่เคยย้อท้อที่จะอดทนรอรับเสด็จให้ถึงที่สุด แม้ฝนจะตกหนักแค่ไหนก็ไม่มีใครยอมกลับบ้าน ​

    ร้อย เอกศรีรัตน์ หริรักษ์ เล่าไว้ในบทความ "พระบารมีปกเกล้าฯ ที่อำเภอท่ายาง" ตีพิมพ์ในหนังสือ "72 พรรษาราชาธิราชเจ้านักรัฐศาสตร์" ว่า ครั้งหนึ่งที่โครงการห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฎว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก ราษฎรและข้าราชการที่มาเข้าแถวรอรับเสด็จต่างเปียกปอนกันหมด แต่ก็ยังตั้งแถวเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่อย่างนั้น ​

    เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ นายตำรวจราชองค์รักษ์ที่ตามเสด็จได้เข้าไปกางร่มถวาย ทรงทอดพระเนตรเห็นบรรดาข้าราชการและราษฎรที่มายืนตั้งแถวรอรับเสด็จอยู่ต่าง ก็เปียกฝนโดยทั่วกัน ​

    "จึงมีรับสั่งให้นาย ตำรวจราชอครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงพระดำเนินเยี่ยมข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเสด็จ โดยทรงเปียกฝนเช่นเดียวกับข้าราชการ และราษฎรทั้งหลายที่ยืนรอรับเสด็จในขณะนั้น"


    <center>[​IMG]</center><center></center>
    "สิ่งที่ทรงหวัง"



    ครั้งหนึ่งขณะเสด็จฯ เยี่ยมเยียนราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้สื่อข่าวต่างประเทศคนหนึ่งได้ขอพระราชทานสัมภาษณ์ และได้กราบบังคมทูลถามว่า การที่เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรและมีโครงการตามพระราชดำริเกิดขึ้นมากมายนั้น​

    ทรงหวังว่าจะให้คอมมิวนิสต์น้อยลงใช่หรือไม่

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรบสั่งตอบว่า มิได้ทรง สนพระทัยว่าคอมมิวนิสต์จะน้อยลงหรือไม่ แต่ทรงสนพระทัยว่าประชาชนของพระองค์จะหิวน้อยลงหรือไม่

    [​IMG]

    <center> </center><center></center>
    "รักถึงเพียงนี้" และ "จุดเทียนส่งเสด็จ"



    บทความชื่อ "แผ่นดินร่มเย็นที่นราธิวาส" ตีพิมพ์ในนิตยสาร "สู่อนาคต" ฉบับพิเศษเนื่องในวันเฉลิมฯ ได้เล่าย้อนให้เราได้เห็นภาพความยากลำบากในการเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรทางภาใต้เมื่อหลายปีก่อน​

    โดยเฉพาะ ช่วงก่อนสร้างพระราชตำหนักทักษิณราชนิเวศน์นั้น เป็นที่รู้กันว่าจังหวัดนราธิวาสชุกชุมไปด้วยโจรร้าย โจรปล้นสะดมและพวกโจรเรียกค่าไถ่ ถึงขนาดที่ในหลาย ๆ หมู่บ้านนั้น แม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐก็ไม่กล้าย่างกรายเข้าไป​

    ทว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักในทุกข์อันลึกล้ำของ ชาวบ้านที่ทั้งทุกข์เพราะยากจนและทุกข์เพราะภัยคุกคาม จึงได้เสด็จฯ ลงไปเยี่ยมเยียนเป็นขวัญกำลังใจให้ราษฎรของพระองค์โดยไม่ทรงหวาดหวั่น บางวันถึงกับเสด็จฯ เป็นการส่วนพระองค์โดยปราศจากกำลังอารักขา และบางหมู่บ้านตำรวจเพิ่งถูกคนร้ายแย่งปืนแล้วยิ่งตายก่อเสด็จไปถึงเพียงไม่ กี่ชั่วโมง​

    ทรงรักราษฎรถึงเพียงนี้ จึงไม่แปลกที่หญิงชราคนหนึ่งในหมู่บ้านหนึ่งของอำเภอรือเสาะจะ .."เข้ามา เกาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวร้องไห้แล้วบอกว่า ไม่นึกเลยว่าพระเจ้าอยู่หัวเป็นคนไทยชาวพุทธ จะมารักมุสลิมได้ถึงขนาดนี้"..

    บทความเดียวกันได้เปิดเผยต่อไปอีกว่า ที่อีกหมู่บ้านหนึ่งในอำเภอเดียวกันนั้น "โต๊ะครูได้พาพรรคพวกมายืนรอรับเสด็จแล้วพูดขึ้นว่า ..รายอกลับไปเถอะ ประไหมสุหรีกลับไปเถิด ประเดี๋ยวพวกโจรจะลงจากเขา..."

    และเมื่อถึงเวลาเสด็จฯ กลับที่มืดสนิทอย่างน่ากลัว โต๊ะครูกับชาวบ้านก็พากันมาจุดเทียนส่งเสด็จตลอดเส้นทางอันตราย ด้วยความห่วงใยใน "รายอ" และ "ประไหมสุหรี" หรือ พระราชาพระราชินีของพวกเขาอย่างสุดซึ้ง ​


    <center>[​IMG]</center><center> </center><center></center>
    "รถติดหล่มกับถนนสาย นั้น"



    หากย้อน กลับไปค้นหาจุดเริ่มต้นของพระราชกรณียกิจในด้านการพัฒนาแล้ว ชื่อของ "ลุงรวย" และ "บ้านห้วยมงคล" คือสองชื่อที่ลืมไม่ได้​

    เรื่องราวของ "ลุงรวย" เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2495 หรือมากกว่าห้าสิบปีล่วงมาแล้ว ที่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กใน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ​

    บ้านห้วยมงคลนี้อยู่ ทั้ง "ใกล้และไกล" ตลาดหัวหิน ใกล้เพราะระยะทางที่ห่างกันนั้นไม่กี่กิโลเมตร แต่ไกลเพราะไม่มีถนน หากชาวบ้านจะขนพืชผักไปขายที่ตลาดต้องใช้เวลาเป็นวัน ๆ ​

    ห่างไกลความเจริญถึงเพียงนี้ แต่วันหนึ่งกลับมีรถยนต์คันหนึ่งมาตกหล่มอยู่ที่หน้าบ้านลุงรวย เมื่อเห็นทหารตำรวจกว่าสิบนายระดมกำลังกันช่วยรถคันนั้นขึ้นจากหล่ม ลุงรวยผู้รวยน้ำใจสมชื่อก็กุลีกุจอออกไปช่วยทั้งงัด ทั้งดัน ทั้งฉุด จนที่สุดล้อรถก็หลุดจากหล่ม​

    เมื่อรถขึ้นจาก หล่มแล้ว ลุงรวยจึงได้รู้ว่ารถคันที่ตัวทั้งฉุดทั้งดึงนั้นเป็นรถยนต์พระ ที่นั่งและคนในรถนั้นคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระราชินีนาถ

    แม้จะตื่นเต้นตกใจที่ได้ เฝ้าฯ ในหลวงอย่างไม่คาดฝัน แต่ลุงรวยก็ยังจำได้ว่าวันนั้น "ในหลวง" มีรับสั่งถามลุงว่า หมู่บ้านนี้มีปัญหาอะไรบ้าง..

    ลุงได้กราบบังคมทูลว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดคือไม่มีถนน จึงนอกจากจะโชคดีได้รับพระราชทาน "เงินก้นถุง" จำนวน 36 บาท ซึ่งลุงนำไปเก็บใส่หีบบูชาไว้เป็นสิริมงคลจนถึงทุกวันนี้แล้ว

    อีกไม่นานหลังจากนั้น ลุงรวยก็ได้เห็นตำรวจพลร่มกลุ่มหนึ่งเข้ามาช่วยกันไถดินที่บ้านห้วยมงคล และเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ชาวบ้านก็ได้ถนนพระราชทาน

    ถนนห้วยมงคลที่ทำให้ชาวไร้ห้วยมงคลสามารถขนพืชผักออกมา ขายที่ตลาดหัวหินได้ภายในเวลาเพียง 20 นาที


    <center> </center><center>[​IMG]</center><center> </center><center></center>
    "สามร้อยตุ่ม"



    มีหลายหนที่ทรงงานติดพันจนมืดสนิท ท่ามกลางฝูงยุงที่รุมตอมเข้ามากัดบริเวณพระวรกาย รอบพระศอ พระกร พระพักตร์ รวมทั้งแมลงตาง ๆ ที่เข้ามารุมรบกวนพระองคื

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะยังทรงทอดพระเนตรแผนที่ อยู่ภายใต้แสงไฟฉายที่มีผ้ส่องถวายอยางไม่สะดุ้นสะเทือน อย่างมากที่ทรงทำคือโบกพระหัตถ์ปัดไล่เบา ๆ เท่านั้น

    ครั้งหนึ่งทรงมีรับสั่งเล่าเรื่อง "ยุง" ด้วยพระอารมณ์ขันว่า

    "..ที่บางจาก แต่ไม่มีจากหรอกนะ ยุงชุมมากเลย ไปยืนดูแผนที่ เลยโดนยุงรุมกัดขาทั้งสองข้าง กลับมาขาบวมแดง ไปสกลนครกลับมาแล้วถึงได้ยุบลง มองเห็นเป็นตุ่มแตง ลองนับดูได้ข้างละร้อยห้าสิบตุ่ม สองข้างรวมสามร้อยพอดี.."


    <center><center> </center></center>
    [​IMG]


    "น้ำท่วมครั้งนั้น"

    วัน ที่ 7 พ.ย. 26 ขณะที่ชาวกรุงเทพมหานครส่วนหนึ่งกำลังทนทุกข์หนักกับสภาพน้ำท่วมขัง น้อยคนที่จะรู้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกำลังทรงพยายามหาหนทางบรรเทา ทุกข์ให้พวกเขาอยู่อย่างเงียบ ๆ

    วันนั้นรถพระที่นั่งแวน แวคคอนเนียร์ แล่นออกจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ราวบ่ายสองโมงเศษ สู่ถนนศรีอยุธยาเลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรบุรี มุ่งสู่ถนนบางนาตราด

    ไม่มีหมายกำหนดการ ไม่มีการปิดถนน แม้แต่ตำรวจท้องที่ก็ไม่ทราบล่วงหน้า

    รถยนต์พระที่นั่ง ชะลอเป็นระยะ ๆ เพื่อทรงตรวจดูระดับน้ำ จนเมื่อถึงคอสะพานสร้างใหม่ที่คลองลาดกระบัง จึงเสด็จลงจากรถยนต์พระที่นั่งเพื่อทรงหารือกับเจ้าหน้าที่ที่ตามเสด็จ

    ทรงฉายภาพด้วยพระองค์เอง ทรงกางแผนที่ทอดพระเนตรจุดต่าง ๆ จนถึงเวลาบ่ายคล้อย รถยนต์พระที่นั่งจึงแล่นกลับ เมื่อถึงสะพานคลองหนองบอน รถพระที่นั่งหยุดเพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉายภาพบริเวณน้ำท่วม และทรงศึกษาแผนที่ร่องน้ำอีกครั้ง

    ปรากฎว่าชาวบ้านทราบข่าว ว่า "ในหลวงมาดูน้ำท่วม" ต่างก็พากันมาชมพระบารมีนับร้อย ๆ คน จนทำให้การจราจรบนสะพานเกิดการติดขัด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต้องทรง โบกพระหัตถ์ให้รถขบวนเสด็จผ่านไปจนเป็นที่เรียบร้อยด้วยพระองค์เอง


    <center>[​IMG]</center>
    "เชื่อมั่น"

    เย็นย่ำ แล้วแต่ขบวนรถยนต์พระที่นั่งยังไม่หมดภารกิจ เมื่อรถวิ่งกลับมาทางถนนพัฒนาการ ทรงแวะฉายภาพบริเวณคลองตัน ทอดพรเนตรระดับน้ำแล้วทรงวกกลับมาที่คลองจิก

    เวลานั้น ฟ้ามืดแล้วเพราะเป็นเวลาจวนค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงนำไฟฉายส่วนพระองค์ออกมาส่องแผนที่ป้องกัน น้ำท่วมและแนวพนังกั้นน้ำอยู่เป็นเวลานาน

    กลายเป็นอีก ภาพหนึ่งที่สร้างความตื้นตันใจแก่ประชาชนชาวกรุงเทพฯ อย่างยิ่ง

    ประชาชนคนหนึ่งในละแวกเคหะนคร 1 แขวงบางบอน เขตประเวศ บอกว่า "รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่ทรงห่วงใยทุกข์ของราษฎร เสด็จฯ มาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมด้วยพระองค์เอง พวกเราถึงจะทนทุกข์เพราะน้ำ ท่วมขังเน่ามาเป็นเวลานานก็เชื่อมั่นว่าพระองค์ทรงช่วยพวกเราได้อย่างแน่ นอน"


    <center>[​IMG]</center>

    "ฉันทนได้"

    ในเดือน หนึ่งของปี 2528 พระทนต์องค์หนึ่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหักเฉียดโพรงประสาทฟัน พระทนต์องค์นั้นต้องการการถวายการรักษาเร่งด่วน แต่ขณะนั้นกรุงเทพฯ ก็กำลังประสบปัญหาอุทกภัย ต้องการการบรรเทาทุกข์เร่งด่วนเช่นกัน

    เมื่อทันตแพทย์เข้ามาถวายการรักษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งถามว่า "จะใช้เวลานานเท่าใด"

    ทันตแพทย์กราบบังคมทูลว่า อาจต้องใช้เวลา 1-2 ชม.
    พระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า

    "ขอรอไว้ก่อนนะ ฉันทนได้ วันนี้ขอไปดูราษฏรและช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำท่วมก่อน"

    [​IMG]

    <center> </center>"คำสอนประโยคเดียว"

    เมื่อ นิตยสาร "สไตล์" ฉบับปี 2530 ได้ตั้งคำถามกับ ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล ถึง "คำสอน" ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ประทับอยู่ในหัวใจ ดร.สุเมธ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการ กปร. ตอบว่า คำสอน "ประโยคเดียวก็เกินพอนั้นคือพระราชดำรัสที่ว่า



    "มา อยู่กับฉันนั้น ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากความสุขที่จะมีร่วมกันในการทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น" <center> </center><center>[​IMG]</center>

    "ดีใจ ที่สุด"

    สำหรับผู้ที่ตกอยู่ในความทุกข์มืดมน พระบรมฉายาลักษณ์ไม่เพียงเป็นรูปเคารพบูชา แต่ยังเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของความศรัทธาที่ช่วยให้มีแรงต่อสู้กับความทุกข์ ต่อไปได้ ดัง คุณยายละเมียด แสงเนียมวัย 72 ปี ชาวจังหวัดชุมพร ผู้ที่เผชิญกับอุทกภัยภาคใต้ในปี 2540 น้ำท่วมบ้านสูงมากจนอยู่อาศัยไม่ได้

    "อยู่ ๆ น้ำก็ท่วมมาเร็วมาก ยายต้องไปขออาศัยบ้านคนอื่นเขาอยู่ ต่อมาก็ขึ้นไปอยู่ชั้นบน ออกไปไหนไม่ได้เลย

    ...พอดีที่บ้าน นี้เขาปลูกมะละกอ ต้นมันสูงมาถึงหน้าต่างเราก็เอื้อมถึงพอดี เลยได้กินข้าวกับมะละกอ ก็กินมาสามวัน มาเมื่อวานผู้ใหญ่บ้านมาบอก มูลนิธีในหลวงจะเอาของมาแจกยายคิดเลยว่า ไม่อดตายแล้ว ทุกครั้งที่คนไทยเดือดร้อน ในหลวงจะให้ความช่วยเหลือทุกครั้ง

    ของ ที่ยายได้มา ที่ดีใจที่สุดคือมีรูปของท่านมาด้วย ที่บ้านเสียหายหมดแล้ว ยายจะเอารูปท่านไว้บูชา

    ยายพูดแล้วก็ก้มลงกราบพระบรม ฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยความจงรักสุดหัวใจ


    <center>[​IMG]</center>

    "ทุกข์บรรเทา"

    การ "ประทับอยู่ในบ้านเมือง" ดังพระราชดำรัสนั้น ในเวลาต่อมาก็เป็นที่รู้กันว่ามิได้หมายถึงการประทับอยู่ในเมืองหลวงเท่า นั้น แต่ยังเสด็จฯ เยี่ยมเยียนราษฎรของพระองค์จนแทบจะทั่วทุกตารางนิ้วที่พระบาทจะย่างไปถึงได้

    ทรงวิทย์ แก้วศรี ผู้เรียบเรียงบทความ "บรมบพิตรพระราชสมภารเจ้าผู้ทรงพระคุณธรรมอันประเสริฐ" บันทึกไว้ว่า วันที่ 13 ก.ย 2497 ขณะที่ทรงมีพระชนมายุ 26 พรรษา และทรงครองราชย์เป็นปีที่ 8

    ปรากฎว่าเกิดเหตุการณ์อัคคีภัยครั้งร้ายแรงขึ้นที่อำเภอบ้านโป่ง จ.ราชบุรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยือนราษฎรขาว บ้านโป่งผู้ประสบภัยในพื้นที่ ทรงทอดพระเนตรบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้และพระราชทานสิ่งของบรรเทาทุกข์

    ทุกข์ในยามยากเพราะสิ้นเนื้อประดาตัวจากภัยเพลิงนั้นมากล้น แต่ เมื่อ ได้รู้ว่ายังมีใครสักคนคอยเป็นกำลังใจ ทุกข์สาหัสแค่ไหนก็ยังพอมีแรงกายลุกขึ้นสู้ต่อได้

    การ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรผู้ประสบภัยในครั้งนั้น นับได้ว่าเป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรต่างจังหวัดเป็นครั้งแรกใน รัชกาล


    <center>[​IMG]</center>

    "141 ตัน"

    เป็นที่รู้ กันดีว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเริ่มเสด็จฯ พระราชทานปริญญาบัตรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 และหลังจากนั้นบัณฑิตทุกคนก็เฝ้ารอที่จะได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระ หัตถ์อย่างใจจดใจจ่อ

    ภาพถ่ายวันรับพระราชทานปริญญาบัตรกลาย เป็นของล้ำค่าที่ต้องประดับไว้ตามบ้านเรือนและเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จ ของหนุ่มสาวและความภาคภูมิใจของบิดามารดา

    จน 29 ปีต่อมามีผู้คำนวณให้ฉุกใจคิดกันว่าพระราชภารกิจในการพระราชทานปริญญาบัตร นั้นเป็นพระราชภารกิจที่หนักหน่วงไม่น้อย หนังสือพมพ์ลงว่าหากเสด็จฯพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับครั้งละราว 3 ชม. เท่ากับทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทานใบปริญญาบัตร 470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมดที่พระราชทานมาแล้ว 141 ตัน

    ไม่เพียงเท่านั้น ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ยังเล่าเสริมให้เห็น "ความละเอียดอ่อนในพระราชภารกิจ" ที่ไม่มีใครคาดถึงว่า

    .."ไม่ได้พระราชทานเฉย ๆ ทรงทอดพระเนตรอยู่ตลอดเวลา โบหลุดอะไรหลุดพระองค์ท่านทรงผูกโบว์ใหม่ให้เรียบร้อย บางครั้งเรียงเอกสารไว้หลายวัน ฝุ่นมันจับ พระองค์ท่านก็ทรงปัดออก"


    <center>[​IMG]</center><center> </center>
    "สุขเป็นปี ๆ"

    ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้กราบบังคมทูลขอพระราชทานให้ทรงลดการเสด็จฯ พระราชทานปริญญาบัตรลงบ้าง โดยอาจงดเว้นการพระราชทานปริญญาบัตรในระดับป.ตรี คงไว้แต่เพียงระดับปริญญาโทขึ้นไป

    พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวกลับมีพระราชกระแสรับสั่งตอบว่า พระองค์เองเสียเวลายื่นปริญญา บัตรให้บัณฑิตคนละ 6-7 วินาทีนั้น แต่ผู้ได้รับนั้นมีความสุขเป็นปี ๆ เปรียบกันไม่ได้เลย

    ที่สำคัญคือ ทรงเห็นว่าการพระราชทานปริญญาสำหรับผู้สำเร็จป.ตรี นั้นสำคัญ เพราะบางคน อาจไม่มีโอกาสศึกษาชั้นปริญญาโทและปริญญาเอก ดังนั้น "จะพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตปริญญาตรีไปจนกว่าจะไม่มีแรง.."


    [​IMG]

    "พระมหากษัตริย์"


    เมื่อ มีผู้สื่อข่าว bbc ขอพระราชทานสัมภาษณ์เพื่อประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Soul of Nation ในปี 2522 โดยได้กราบบังคมทูลถามถึงพระราชทัศนะเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของพระมหากษัตริ ยไทย พระองค์ได้พระราชทานคำตอบว่า

    "การที่จะอธิบายว่า พระ มหากษัตริย์ คืออะไรนั้น ดูเป็นปัญหาที่ยากพอสมควร โดยเฉพาะในกรณีของข้าพเจ้า ซึ่งถูกเรียกโดยคนทั่วไปว่า พระมหากษัตริย์ แต่โดยหน้าที่ที่แท้จริงแล้ว ดูจะห่างไกลจากหน้าที่ที่พระมหากษัตริย์ที่เคยรู้จักหรือเข้าใจกันมาแต่ก่อน

    หน้าที่ของข้าพเจ้าในปัจจุบันนั้น ก็คือทำอะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์ ถ้าถามว่า ข้าพเจ้ามีแผนการอะไรบ้างในอนาคต คำตอบก็คือไม่มี เราไม่ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เราก็จะเลือกทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เพียงพอแล้วสำหรับเรา

    [​IMG]

    เคยเห็นรึยัง ทะเบียนรถในหลวง

    อ่านเรื่องราวดีๆ ของพ่อเราได้ที่
    ในหลวงดอทคอม

    ไม่เข้าไปดูแล้วจะเสียใจ โดยเฉพาะคลิป ร.8 ทรงพระเยาว์ ได้เห็นเป็นบุญตาบุญใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...