ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    บทความและรูปภาพข้างต้นทั้งหมดสร้างสรรค์โดยคุณลูกโป่งแห่งเวบ
    ขอขอบคุณเป็นอย่างสูงครับ
     
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เรื่องเล่าของพระกรรมฐาน

    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    [​IMG]

    <!-- .jpg [ 15.36 KiB | เปิดดู 114 ครั้ง ] -->

    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนเคยได้รับฟังเรื่องราวอันแปลกประหลาดจากหลวงปู่ชอบ ฐานสโม เกี่ยวกับภูตผีวิญญาณ ท่านจึงมีเมตตานำมาบันทึกไว้ในหนังสือของท่านที่ชื่อว่า "ปฏิปทาพระธุดงคกรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถร" ใจความว่า
    <!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">--> <!--คำอธิบาย: หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
    --> หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
    [​IMG]

    <!-- .jpg [ 17.27 KiB | เปิดดู 115 ครั้ง ] -->

    "...ขอย้อนกลับมาดำเนินเรื่องอาจารย์องค์ที่ยังค้างอยู่ต่อไป(หลวงปู่ชอบ) คือท่านพักอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ การบำเพ็ญธรรมรู้สึกสะดวกมาก รู้สึกเห็นสิ่งต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกมากมายกว้างขวางผิดกับที่ทั้งหลายอยู่มาก เห็นเป็นโอกาสดีท่านจึงพักบำเพ็ญอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหลายเดือน การพิจารณาแจ่มแจ้งดีทั้งกลางวันกลางคืน อากาศก็ดี ถ้ำก็อยู่เปิดเผย รับลมได้ดีตลอดเวลา จึงไม่มีปัญหากับดินฟ้าอากาศ เย็นสบายสม่ำเสมอ

    แต่ ที่นั่นรู้สึกมีอะไรพิเศษอยู่บ้าง ทั้งภายในภายนอกเกี่ยวกับด้านสมาธิภาวนา เวลาพิจารณาภายในใจก็สงบได้อย่างละเอียดมาก เวลาออกเดินทางปัญญาก็คล่องแคล่วไม่อืดอาดล่าช้า อันเป็นลักษณะเกียจคร้านเข้าแอบแฝง ท่านว่าที่นั่นเทวดามักมาเยี่ยมเสมอ หลายชั้นหลาย ภูมิ ทั้งเบื้องบนเบื้องล่างไม่ค่อยขาด เรื่องเหล่านี้ท่านถือเป็นธรรมดา

    ที่แปลกอยู่บ้างก็คือ พวกผีพากันย้ายบ้านเรือนครอบครัวจากแถบบ้าน…. บ้าน…..ฯลฯ ใกล้ ภูเขา….. จังหวัด….. ทางภาคอีสาน ไปอยู่ ภูเขาทางจังหวัดเชียงใหม่กันมากมาย มีทั้งขี่ม้า ขี่วัว อุ้มลูก หาบกระบุงตะกร้าขนครอบครัวผ่านไปหน้าบริเวณที่ท่านพักอยู่ พอไปถึงหน้าบริเวณนั้นหัวหน้าผีพาบริษัทบริวารเข้าไปกราบไหว้ท่าน

    ท่านถาม : การไปมาของผีเหล่านั้น ได้รับคำตอบจากเขาว่า กำลังพากันย้ายครอบครัวลูกหลานมาจากบ้านนั้น ๆ ดังกล่าวแล้ว มาอยู่ ภูเขา.…. จังหวัดเชียงใหม่

    โดยพวกผีบอกว่า : ทางโน้นอดอยากกันดารมาก ผู้คนไม่มีศีลธรรม มีแต่ฉกลักปล้นขโมยและฆ่าฟันรันแทงกันไม่เว้นแต่ละเวลา ผีก็มีนิสัยคล้ายกันกับมนุษย์ คือกลายเป็นผีไม่มีศีลธรรมไปตามมนุษย์ เบียดเบียนกันทำลายกันเหมือนมนุษย์ ทำให้เกิดความเดือดร้อนระส่ำระสายอยู่ไม่เป็นสุขเหมือนแต่ก่อน ทราบจากญาติ ๆ เขามาเยี่ยมบอกว่าทางเชียงใหม่นี้มีความผาสุข มนุษย์ก็มีศีลธรรมดีกว่าที่อื่น ๆ สัตว์จำพวกมนุษย์ไม่รู้จักดังพวกผมนี้ที่เชียงใหม่ก็ดี และมีศีลธรรมดี มีความร่มเย็นเป็นสุขดีกว่าที่อื่น ๆ จึงได้พากันย้ายครอบครัวมาตามคำญาติเล่าให้ฟัง (คำว่าญาติกรุณาทราบว่าเป็นผีเช่นกัน)

    ท่านถามเขาว่า : คำว่าอดอยากกันดารนั้นอดอยากกันดารอย่างไร เพราะไม่ได้อาศัยข้าวปลาอาหาร บ้านเรือน เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มใช้สอยเหมือนมนุษย์ จะต้องปลูกสร้างขวนขวายให้ลำบากและมีการเบียดเบียนแย่งชิงกันกินเหมือน มนุษย์

    เขาตอบว่า : ขึ้นชื่อว่าสัตว์ที่มีวิบากกรรมติดตัวอยู่แล้ว จะไปเกิด จะไปอยู่ที่ไหนก็มีวิบากกรรมเป็นเครื่องสนับสนุนและบีบคั้นราวีเหมือนกันหมด จะเกิดเป็นรูปร่างวัตถุหรือร่างใดไม่สำคัญหรอกท่าน มันสำคัญอยู่ที่กรรมดีชั่วมีอยู่กับตัวเท่านั้น ไปเกิดไปอยู่ในกำเนิดใดที่ใดก็คือผู้นั้นอยู่นั่นเอง สำหรับความสุขทุกข์ที่จำต้องอาศัย ฉะนั้นคำว่า อดอยากและสมบูรณ์จึงมีได้ในสัตว์ที่มีกรรมดีชั่วหนักเบาไปตาม ภูมิของตน

    ท่านถาม : ที่ว่าผีมีศีลธรรมและไม่มีศีลธรรมนั้นเป็นอย่างไร ผีก็รู้จักศีลธรรมเช่นมนุษย์ทั้งหลายเหมือนกันหรือ ?

    เขาตอบ : คำว่าศีลธรรมนั้นมีอยู่ทั่วไป ไม่เพียงแต่มนุษย์อย่างเดียว ความดีและความสุขในหลักธรรมชาตินั้นสัตว์รู้กันทั้งโลก แต่ชื่อนั้นอาจรู้หรือไม่รู้ก็ได้ เพราะไม่สำคัญเท่าธรรมชาติที่สัตว์ทั้งหลายชอบและจำต้องอาศัยโดยทั่วกัน ความดีนั่นแลคือศีลธรรม สุขที่เกิดจากความดีนั่นแลคือศีลธรรมอีกเหมือนกัน แต่เป็นฝ่ายเหตุกับฝ่ายผล ต่างกันเพียงเท่านั้น

    ที่ว่าผีมีศีลธรรม คือผีผู้ดี มีนิสัยดี กิริยาที่แสดงออกต่อเพื่อนผีด้วยกันดี ที่ว่าผีไม่มีศีลธรรมก็คือผีผู้ไม่ดี มีนิสัยไม่ดี กิริยาที่แสดงออกทุกอาการต่อเพื่อนผีด้วยกันไม่ดี เช่นเดียวกับมนุษย์ผู้ดีและมนุษย์ผู้ไม่ดีแสดงออกต่างกันนั่นแลฉะนั้น ศีลธรรมมีอยู่ที่ไหนที่นั้นร่มเย็น ขาดศีลธรรมที่ไหนที่นั่นจึงร้อน

    ท่านถาม : คำว่าญาตินั้นหมายความว่าอย่างไร และเคยเป็นญาติกันมาแต่เมื่อไร ?

    เขาตอบ : ญาติผีกับญาติคนก็เหมือนกัน คือเวลาตายไปกลับได้มาเกิดเป็นผีด้วยกัน คือแต่เมื่อครั้งเป็นมนุษย์เคยเป็นพี่เป็นน้องกันอย่างสนิทติดจมเช่นเดียว กับมนุษย์เป็นกัน เวลาตายไปกลับได้มาเกิดเป็นผีด้วยกัน และต่างคนยังจำกันได้อย่างถนัดชัดเจน จึงเป็นญาติกันโดยสายโลหิตมาแต่มนุษย์จนปัจจุบันอย่างแยกไม่ออก นอกจากกรรมจะแยกให้ไปเกิดในต่างกันจึงสุดวิสัยที่จะจำ

    ท่านถาม : เวลามาอยู่เชียงใหม่แล้วจะไม่คิดถึงบ้านเก่าที่เคยอยู่มา เช่นมนุษย์ย้ายบ้านใหม่แล้วยังคิดถึงบ้านเก่าละหรือ ?

    เขาตอบ : ไม่มีอะไรให้คิดถึง เพราะผีไม่มีไร่นาสาโทบ้านช่องแบบมนุษย์ มีแต่สิ่งละเอียดติดตัวเท่านั้น จึงไม่คิดถึง

    ท่านถาม : กระบุงตะกร้าที่พากันหาบพะรุงพะรังมานี้ เอามาทำไมกัน ม้า วัวเหล่านั้นเอามาทำไม ทิ้งไว้โน้นไม่ได้หรือ ?

    เขาตอบ : ก็เครื่องใช้ของผี สมบัติของผี ผีต้องนำติดตัวไปด้วย หรือจะว่าวิบากกรรมของผี วิบากกรรมของคน สมบัติของผี สมบัติของคนก็ไม่ผิด เมื่อวิบากกรรมมีอยู่กับตัว

    ท่านถาม : การอยู่ทางโน้นก็ดี การมาอยู่เชียงใหม่ก็ดี ต้องมีบ้านเรือนอยู่และมีหมู่มีเพื่อนอยู่ด้วย หรือต่างคนต่างอยู่ ?

    เขาตอบ : ต้องมีบ้านเรือนและมีหมู่เพื่อนลูกหลาน เช่นเดียวกับมนุษย์และสัตว์อื่น ๆ นั่นแลท่าน เพราะพวกนี้ก็เป็นสัตว์ประเภทหนึ่งเช่นเดียวกับสัตว์ทั้งหลาย เป็นแต่มีรูปกายไม่ปรากฏในสายตามนุษย์และสัตว์บางจำพวกเท่านั้น แต่เปิดเผยในจำพวกกายทิพย์ด้วยกัน ความสุขความทุกข์มีเหมือนกัน เพราะใจผีกับใจสัตว์ทั้งหลายมีกรรมและวิบากเหมือนกัน จะเกิดในภพกำเนิดใดอยู่ที่ใดจึงมีวิบากกรรมเป็นเครื่องเสวยเหมือนกัน

    ท่านว่า : เวลามองพวกผีที่หอบขนครอบครัวผัวเมียลูกหลานผ่านมาเป็นจำนวนมากนั้น ไม่ผิดอะไรกับมนุษย์เราย้ายครอบครัวเหย้าเรือน ลักษณะการไปที่เต็มไปด้วยภาระแบกหามต่าง ๆ ย่อมแสดงให้เห็นความทุกข์ความกังวลหม่นหมอง เช่นเดียวกับมนุษย์ย้ายครอบครัว และสัตว์บางจำพวก เช่น มดขนไข่จากที่นี่ไปอยู่ที่นั้นนั่นแล ทำให้คิดในธรรมบทว่า…..

    กรรม จำแนกแจกสัตว์ให้เป็นต่าง ๆ กันและเสวยผลต่าง ๆ กันตามวิบากของตนที่ทำไว้ ใครเกิดเป็นอะไร อยู่ที่ใด ย่อมตกอยู่ในอำนาจแห่งกรรมดี ชั่ว สุข ทุกข์ด้วยกัน ไม่มีพิเศษจากกรรมต่างกันอะไรเลย ผู้ทำดี ผลที่สนองตอบก็เป็นสุข ผู้ทำชั่ว ผลนั่นก็เป็นทุกข์

    คำว่าสุขหรือ ทุกข์มีได้ในสัตว์ทั่วไปไม่นิยม แล้วก็คือเรือนร่างแห่งความสุขทุกข์เราดี ๆ นี่เอง จึงไม่ควรตื่นเต้นในการเกิดซึ่งเท่ากับการตายในขณะเดียวกัน ผู้ไม่อยากตาย แต่ยังปรารถนาอยากเกิดเป็นนั่นเป็นนี่อยู่ก็เท่ากับปรารถนาความตายอยู่นั่น เอง..."


    นวรัตน์ดอทคอม
     
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เมื่ออ่านเรื่องนี้แล้วคุณคิดว่าบาปหรือบุญมีจริงหรือไม่ ถ้ามีคนอยู่ตรงไหน? ฝั่งบาป หรือฝั่งบุญ? ทุนนิธิฯ ไม่เลือกแืทงกั๊ก แต่ขอแทงตรงฝั่งบุญอย่างเดียว สะสมเอาไว้วันละ 5 บาท 10บาท หยอดกระปุกไว้ ถึงเดือนแคะออกมาที จะบริจาคหรือทำบุญที่ไหนก็ได้ อยู่ฝั่งบุญทั้งนั้น อย่างน้อยก็น่าจะได้อยู่ในวิมานต้นไม้ก็ยังดีกว่าอยู่ในขุมต่างๆ ในฝั่งบาป วิมานฝั่งบุญไม่มีให้เช่าเหมือนคอนโดในโลกมนุษย์นา... ต้องสร้างเอง หาเองตอนที่ยังมีลมหายใจอยู่นี่ละ...หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ท่านบอกไว้ "หมดลมแล้วก็หมดท่าเลยทีเดียว" ถึงแม้จะเกิดเป็นเทวดาแล้วไม่ใช่ว่าจะรอด ถ้าเจอขาใหญ่ที่มีบุญเยอะกว่า ก็คงเป็นเช่นท่านรุกขเทวดาในเรื่องนี้
    รุกขเทวดาที่วัดราชาธิวาส



    <!--คำอธิบาย: พระอุโบสถวัดราชาธิวาส
    --> พระอุโบสถวัดราชาธิวาส
    [​IMG]
    <!-- .jpg [ 49.36 KiB | เปิดดู 242 ครั้ง ] -->


    วัดราชาธิวาสเป็น วัดเก่าแก่ที่ตั้งมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย จากหลักฐานทางโบราณคดีที่กรมศิลปากรค้นพบ วัดนี้เป็นวัดหลวงเพราะพระองค์เจ้ารัชกาลที่ 3 และพระราชโอรสของรัชกาลที่ 3 ทรงเคยผนวชที่นี่ สังเกตได้จากกุฏิไม้แบบปั้นหยาโบราณ นอกจากนี้พระองค์ยังได้พระราชทานไม้สักทองเพื่อสร้างเป็นกุฏิ จัดได้ว่าเป็นกุฏิที่สร้างจากไม้สักทองใหญ่ที่สุดในโลก วัดราชาธิวาสตั้ง อยู่ใกล้ ๆ กับมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาและสวนดุสิต หากมีจิตศรัทธาจะเดินเที่ยวชมความงาม และดูการซักซ้อมของทหารเรือฝีพาย ก็ขอเชิญได้ทุก ๆ วัน

    เป็นที่แน่นอนอย่างหนึ่งว่า "พระอารามหลวง" ย่อมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองมากมาย แต่ใครเลยจะคิดว่าวัดราชาธิวาสจะมีเทวดามากมายขนาดไม่มีวิมานจะอยู่ อาจารย์ท่านเจ้าคุณพระเทพวิสุทธิกวีได้ กรุณาเล่าให้ฟังว่า มีคราวหนึ่งท่านเจ้าพระคุณฯ เจ้าอาวาส มีรับสั่งให้คนงานวัดไปตัดต้นโพธิ์น้อยที่ขึ้นที่ริมกำแพง เพราะเกรงว่าต้นโพธิ์จะโตขึ้นและชอนไชรากทำลายกำแพงเก่าเสีย คนงานรับพระบัญชาก็เดินไปตัดตามรับสั่ง แต่พอตัดเสร็จ...ผู้โดยสารเรือซึ่งกำลังนั่งรอเรือโดยสารอยู่ที่ท่าน้ำหน้า วัดก็เกิดอาการชักดิ้นชักงอตาเหลือก เป็นที่ตระหนกตกใจแก่ผู้คนในบริเวณนั้น ครู่หนึ่งผู้โดยสารคนนั้นก็ผุดลุกขึ้นนั่ง ก้มหน้านิ่ง แล้วกล่าวว่า

    "ไปเรียกท่านเจ้าอาวาสมาหน่อย"

    ผู้อยู่ในเหตุการณ์จึงพูดว่า "เรียกมาทำไมท่านเป็นพระเถระ เอ็งสิต้องไปหาท่าน"

    "บอกให้เรียกก็เรียกสิ เร็ว ๆ"

    เมื่อถูกขู่ปนตะคอกเช่นนี้ พระในวัดก็ต้องรีบไปหน้ากุฏิเจ้าพระคุณฯ ทูลว่า มีคนเรียกให้ไปหาที่ท่าน้ำ เจ้าพระคุณบอกว่า

    "ฉันไม่ว่างต้องทำงาน ไปเรียกเขามาสิ"

    พระ ลูกวัดต้องย้อนกลับไปที่ท่าน้ำอีกหน คนที่ถูกผีสิงก็ยังยืนยันว่า ให้เรียกท่านเจ้าอาวาสมา ลงท้ายท่านเจ้าพระคุณฯ ต้องเดินทางไปที่ท่าน้ำหน้าวัดด้วยองค์เอง เมื่อพบหน้าก็ตรัสถามว่า

    "มีอะไร ?"

    "ท่านเจ้าพระคุณรับสั่งให้คนทำลายที่อยู่ของผมใช่หรือไม่ ?" คนที่ถูกผีสิงย้อนถามกลับ

    ท่านจึงตรัสตอบว่า "เรากับท่านไม่เคยรู้จักกัน เราเคยบอกให้คนไปทำลายที่อยู่ของท่านงั้นหรือ ?"

    "ท่านรับสั่งให้ไปตัดต้นโพธิ์ที่ขึ้นที่ริมกำแพงวัดใช่หรือไม่ ? ท่านทำลายที่อยู่ของผม"

    ท่าน เจ้าพระคุณฯ เข้าใจทันทีว่า ดวงวิญญาณที่สิงอยู่ในร่างของชายผู้นี้คือเทวดาผู้มียศศักดิ์น้อย ต้องสิงสู่ในต้นไม้เล็ก ๆ เพียงเท่าลำแขน จึงตรัสว่า

    "แล้วทำไมท่านไม่ไปสิงอยู่ที่ต้นโพธิ์ลังกาสองต้นหน้าโบสถ์ล่ะ"

    เขาตอบว่า "ไม่ได้ขอรับ ที่นั่นมีเทพมเหสักข์อยู่กันจนแออัด กระผมไม่สามารถสิงอยู่ได้"
    <!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">--> <!--คำอธิบาย: กุฏิสงฆ์และหมู่ต้นพิกุลหน้ากุฏิ
    --> กุฏิสงฆ์และหมู่ต้นพิกุลหน้ากุฏิ
    [​IMG]
    <!-- .jpg [ 71.95 KiB | เปิดดู 246 ครั้ง ] -->


    ท่านเจ้าพระคุณฯ จึงลองถามว่า "แล้วต้นพิกุลในวัดมีตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่สิงล่ะ"

    "ต้นไม้เหล่านั้นก็มีแล้วขอรับ"

    "แล้วเมื่อก่อนท่านสิงอยู่ที่ไหน ?"

    "สิงอยู่ที่ต้นพิกุลริมน้ำขอรับ"


    "แล้วทำไมท่านต้องย้ายหนีล่ะ ?"

    "ต้นพิกุลต้นนั้นมีเทพยดามเหสักข์อยู่ กระผมเพียงอาศัยเขาอยู่ เขาให้กระผมบอกหวยชาวบ้านที่มาขูดขอเลขครับ"

    "แล้วบอกมั๊ยล่ะ"

    "ไม่ ถูกขอรับ เขาเลยอัปเปหิกระผมจากวิมานนั้น เร่ร่อนไปจนเห็นต้นโพธิ์เล็กนั่นที่ริมกำแพง เลยสร้างวิมานที่นั่นขอรับ ตอนนี้วิมานของกระผมไม่มีแล้ว"
    เทพผู้ไร้บ้านเล่าพร้อมโอดครวญ ท่านเจ้าพระคุณฯ จึงบอกว่า

    "อ๋อ ถ้าเช่นนั้นอาตมาขออภัยโยมด้วย ท่านจงไปอยู่ที่ต้นกระเบา หน้ากุฏิท่านพระครูฯ เถอะ"

    เขาพูดอย่างดีใจในทันทีว่า "ถ้าหลวงพ่ออนุญาตแต่แรก กระผมก็ไม่ต้องเร่ร่อนหรอกขอรับ ขอบพระคุณมากครับ"

    พูด เสร็จร่างทรงก็ล้มตึงลง สักพักจึงงัวเงียขึ้นมา เขาแปลกใจที่ทำไมมีคนมามุงดูมากมาย พอทราบเรื่องก็ยิ่งกลัวเกรง นับแต่นั้นวัดราชาธิวาสจึงเป็นที่พึ่งพิงทางใจของประชาชนมากยิ่งขึ้นหลังจาก ที่ทราบว่าในวัดมีเทวดาอยู่มากมายและผีก็มีมากเช่นกัน โดยเฉพาะกุฏิพระองค์เจ้า ว่ากันว่าหากใครไปทำอะไรไม่ดีไว้หรือแอบไปงีบใกล้ ๆ กุฏิ ไม่ว่าจะเป็นพระเณรหรือทหารเรือมักจะเจออะไรบางอย่างที่หาคำตอบไม่ได้ เช่น ผีอำ หรือเสียงเดินลึกลับ บ้างก็เห็นผู้หญิงผมยาวใส่ชุดขาวลอยผ่านไป ได้ยินว่าเทวดาไม่ต้องการให้สามัญชนไปกร้ำกรายกุฏิพระองค์เจ้าฯ

    กุฏิ หลังนั้นจึงถูกใช้เป็นที่เก็บของสำคัญ ๆ แทน นอกจากนี้บางคราวหากมีการจัดอบรมพระในตอนกลางคืน จะมีคนหลายคนใส่ชุดขาว เดินทางมาขอยืมเสื่อช่างก่อสร้างที่มาทำงานในวัด พวกเขาบอกว่าจะไปฟังธรรม คนงานก่อสร้างก็ให้ไป แต่เมื่อแอบเดินไปดูที่ห้องประชุมกลับไม่พบใครเลยนอกจากพระที่อบรม เล่นเอาขนลุกไม่กล้านอนตลอดคืน รุ่งเช้าก็เจอเสื่อทุกผืนที่ถูกยืมไปเหน็บเอาไว้ที่ต้นโพธิ์หน้าวัด จึงทราบว่าเทวดามาฟังธรรม
    <!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">--> <!--คำอธิบาย: ศาลาการเปรียญวัดราชาธิวาส
    --> ศาลาการเปรียญวัดราชาธิวาส
    [​IMG]
    <!-- .jpg [ 27.66 KiB | เปิดดู 239 ครั้ง ] -->


    หากท่านต้องการความสงบร่มรื่น เหมาะแก่การผ่อนคลายจิตใจ ในวัดยังมีสวนหย่อมขนาดใหญ่ไว้ผ่อนคลาย ขอเชิญได้ที่วัดราชาธิวาสครับ


    ขอขอบอีกครั้งสำหรับเรื่องดีๆ จาก
    เนาวรัตน์ดอทคอม
     
  5. winner_n

    winner_n สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +6
    หากผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับพึ่งสมัครใหม่
    หากมีโอกาสจะไปร่วมทำบุญที่ รพ.สงฆ์ ด้วยครับ
    187 ม.3 ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 10270
    จองรับพระเป็นคิวที่ 22 นะครับ
    แล้วจะส่งซองไปตามที่อยู่ที่แจ้งมานะครับ

    โมทนาบุญครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2010
  6. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    คติธรรมหลวงปู่มั่น : คนดีมีศีลธรรม<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>

    [​IMG]
    คนดีมีศีลธรรม หายากยิ่งกว่าเพชรนิลจินดาทำให้โลกร่มเย็นและยั่งยืน

    หาคนดีมีศีลธรรมในใจหายากยิ่งกว่าเพชรนิลจินดา ได้คนเป็นคนดีเพียงคนเดียวย่อมมีคุณค่ามากกว่าเงินเป็นล้าน ๆเพราะเงินล้านไม่สามารถทำความร่มเย็นให้แก่โลกได้อย่างถึงใจเหมือนได้คนดีมาทำประโยชน์คนดีแม้เพียงคนเดียวยังสามารถทำความเย็นให้แก่โลกได้มากมายและยั่งยืน เช่นพระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งหลายเป็นตัวอย่างคนดีแต่ละคนมีคุณค่ามากกว่าเงินเป็นก่ายกองเป็นคุณค่าแห่งความดีของตนที่จะทำต่อไปมากกว่าเงินแม้จะจนก็ยอมจนขอแต่ให้ตัวดีและโลกมีความสุข <O:p></O:p>


    แต่คนโง่ชอบเงินมากกว่าคนดีและความดีขอแต่ได้เงินแม้ตัวจะเป็นอย่างไรไม่สนใจคิด สนใจดูถึงจะชั่วช้าลามกหรือแสนโสมมเพียงไรไม่หลีกห่างขนาดยมบาลเกลียดกลัวไม่ยอมนับเข้าบัญชีผู้ต้องหากลัวจะไปทำลายสัตว์นรกด้วยกันให้เดือดร้อนขอแต่ได้เงินก็เป็นที่พอใจส่วนจะผิดถูกประการใดเขาไม่ยุ่งเกี่ยว<O:p></O:p>


    คนดีกับคนชั่ว สมบัติเงินทองกับธรรมะ คือ คุณความดี ผิดกันอย่างนี้แลใครมีหูมีตาก็คิดแก้ไขเสียแต่บัดนี้ อย่าให้สายเกินแก้ฉะนั้นสัตว์โลกจึงต่างกันทั้งภพ กำเนิด รูปร่างลักษณะ จริตนิสัย ดีชั่ว สุขทุกข์เพราะกฎของกรรมหรือกฎของตัวเองที่ทำขึ้น มิใช่กฎของใครไปทำให้ตัวทำเอาเอง<O:p></O:p>
     
  7. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2010
  8. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    โอวาทหลวงปู่มั่น





    "คนไม่สนใจธรรม ธรรมก็ไม่เข้าถึงใจคน

    จึงกลายเป็นคนก็สักว่าคน ธรรมก็สักว่าธรรม

    ไม่อาจยังประโยชน์ให้สำเร็จได้ แม้คนจะมีจำนวนมาก

    และแสดงธรรมให้ฟังทั้งพระไตรปิฎก

    จึงเหมือนเทน้ำใส่หลังหมา มันสลัดออกเกลี้ยงไม่มีเหลือ

    ธรรมจึงไม่มีความหมายในใจของคน เหมือนน้ำไม่มีความหมาย

    บนหลังหมา..ฉันนั้น"


    โมทนาบุญกับทุกท่านครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ
    ขอขอบคุณ
    http://www.watdonthat.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2010
  9. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    โอวาทธรรม
    ของ
    พระครูวิเวกพุทธกิจ (กนฺตสีโล เสาร์)

    [​IMG]


    ให้พากันละบาปและบำเพ็ญบุญ
    อย่าให้เสียชีวิตลมหายใจไปเปล่า
    เพราะได้มีวาสนาเกิดมาเป็นคนแล้ว



    เขาสิเชื่อความดีที่เฮาเฮ็ด
    หลายกว่าคำสอนที่เฮาเว้าเฮาสอน


    ข้อยเฮ็ดให้เบิ่งยังบ่เบิ่ง
    เทศน์ให้หมู่เจ้าฟัง หมู่เจ้าสิฟังอยู่บ๊อ


    ปฏิบัติให้เบิ่งอยู่ทุกมื้อ
    เฮ็ดหยังคือ บ่เฮ็ดตาม


    ดีก็รู้อยู่แล้ว ชั่วก็รู้อยู่แล้ว
    จะเอาอิหยังมาว่ามาสอนอีก


    ดีกับชั่วมันมีอยู่ในโลกนี้
    หนีไปจากโลกสงสารนี้แล้วกะไม่มีดีไม่มีชั่ว


    เกิดมาเป็นคน
    อย่าเอาคลองสัตว์มาประพฤติ
    เพราะ เฮาจะตกต่ำกว่าสัตว์ไปอีก
    อย่าพากันทำ


    อย่าเฮ็ดความชั่ว
    ให้ทำความดี
    นั่งสมาธิ เดินจงกรม ปฏิบัติเจ้าของ


    จะให้ทานมากหลายท่อใด๋
    กะสู้บวชเป็นชีเป็นขาวรักษาศีลอุโบสถบ่ได้


    รักษากายให้บริสุทธิ์
    รักษาวาจาให้บริสุทธิ์
    รักษาใจให้บริสุทธิ์ เด้อ หมู่เจ้าทั้งหลายทุกคน

    ให้ภาวนา "พุทโธ" - "พุทโธ"

    ให้พากให้เพียรกับเจ้าของ

    ตั้งใจให้ดี ตั้งสติให้ดี
    เกิดกับตายเป็นของคู่กัน
    อย่าลืมตาย


    อันใด๋ที่เฮาเฮ็ด
    มันมีน้ำหนักกว่าคำเว้า

    ขนฺติ อด
    ขนฺติ ทน
    เป็นไฟเผาบาป


    ขอขอบคุณ
    http://watdonthat.igetweb.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2010
  10. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    <TABLE border=0 cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>การทำบุญตักบาตร



    </TD></TR><TR><TD vAlign=top>
    [​IMG]

    การตักบาตร เป็นการทำบุญที่ชาวพุทธทั่วไปรู้จักและปฏิบัติมากกว่าการทำบุญประเภทอื่น ๆ การตักบาตรนั้น
    ยังถือว่าเป็นการทำบุญประจำวันของชาวพุทธ และชาวพุทธไทยเชื่อว่า การออกบิณฑบาตของพระสงฆ์เป็นการช่วย
    โปรดสัตว์ที่อยู่ในอบายภูมิ เช่น เปรตวิสัย ให้ได้รับส่วนบุญ ด้วยเหตุผลทางจิรยธรรม ในการทำบุญตักบาตรนั้น พอ
    สรุปได้ดังนี้

    ๑.เป็นการสั่งสมบุญในแต่ละวัน เพราะการสั่งสมเป็นเหตุนำความสุขมาให้
    ๒.เป็นการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการทำบุญทำให้จิตใจแจ่มใส เพื่อให้มีกำลังใจที่เข้มแข็ง เพราะผู้ที่ไม่มีบุญ
    เกื้อหนุนอยู่ในใจ ย่อมพ่ายแพ้ต่อบาปได้ง่าย
    ๓.เป็นการทำที่พึ่งคือบุญให้แก่ตนเองในอนาคตถ
    ๔.เป็นการช่วยรักษาพุทธประเพณี เพราะพระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีตและที่จะมาตรัสรู้ในอนาคต
    ด้วนแต่ดำรงพระชนม์ชีพด้วยอาหารบิณฑบาต
    ๕.เป็นการช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนา เพราะพระสงฆ์เป็นผู้ศึกษา ปฏิบัติพระธรรมวินัย
    แล้วนำมาสั่งสอนให้ประชาชนไดรับรสแห่งพระธรรมด้วย อีกทั้งยังดำรงตนเป็นตัวอย่างด้านความประพฤติิดีงามของสังคม

    ฉะนั้น ชาวพุทธควรทำบุญตักบาตรเป็นประจำทุกวัน เพื่อเป็นการสั่งสมบุญให้แก่ตนเอง
    ที่จะต้องนำไป ดุจเสบียงเดินทาง ในการท่องเที่ยวเวียนเกิดและเวียนตายอยู่ในวัฏฏสงสาร อันไม่ปรากฏเบื้องต้นและที่สุด และบุญที่สั่งสมไว้นี้ จะช่วยเกื้อกูลให้พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้

    อนึ่ง ประโยชน์ส่วนรวมที่จะเกิดขึ้น คือ เป็นการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา เพระพระสงฆ์ซึ่งเป็น ผู้นำของพุทธบริษัท ที่เป็นฐานกำลังสำคัญแห่งกองทัพธรรมนั้น ท่านดำรงชีพอยู่ได้ด้วยปัจจัยที่คฤหัสถ์จัด
    ถวาย ท่านจึงสามารถมีกำลังกาย กำลังใจที่จะศึกษาพระพุทธพจน์ คือ พระไตรปิฎก ให้เข้าใจ ทรงจำ นำมาประพฤติปฏิบัติ และกล่าวสอนมวลมนุษย์ได้


    การทำบุญตักบาตรจะสมบูรณ์ได้ต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญดังนี้

    ๑.ต้องเตรียมใจให้พร้อม ข้อนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะบุญที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ใจของผู้ถวาย ท่านแนะนำให้รักษาเจตนาให้บริสุทธิ์ทั้ง ๓ ขณะ คือ

    ๑.๑ ก่อนถวาย ตั้งใจเสียสละอย่างแท้จริง
    ๑.๒ ขณะถวาย ก็มีใจเลื่อมใส ถวายด้วยความเคารพ
    ๑.๓ หลังจากถวายแล้ว ต้องยินดีในทานของตัวเองจิตใจเบิกบานเมื่อนึกถึงทานที่ตนเองได้ถวายไปแล้ว

    การทำใจให้ได้ทั้ง ๓ ขณะดังกล่าวนี้ นับว่ายากมาก เพราะมีเหตุปัจจัยหลายอย่างที่อาจทำให้จิตใจของเราเศร้าหมองในขณะใดขณะหนึ่งได้

    ๒.ผู้รับ คือ พระภิกษุสามเณร เป็นผู้สำรวมระวัง มีข้อวัตรปฏิบัติที่ดีงามตามพระธรรมวินัย ใฝ่ศึกษาเล่าเรียนพระพุทธพจน์ ทรงจำ นำมาบอกกล่าว สั่งสอนได้ และเป็นผู้ประพฤติปฏิบัติเพื่อบรรเทาราคะ โทสะ โมหะจนสามารถละขาดได้อย่างสิ้นเชิง

    ๓.สิ่งของที่ถวาย จะต้องได้มาด้วยวิธีที่สุจริต ไม่เบีดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อน และที่สำคัญคือสิ่งนั้นต้องเหมาะสมแก่พระภิกษุสามเณรด้วย

    ทำบุญตักบาตรให้หมั่นอธิษฐาน

    เมื่อองค์ประกอบ ๓ อย่างข้างต้นบริบูรณ์ สิ่งที่จะต้องทำก่อนตักบาตร คือ "การอธิษฐาน" การอธิษฐานนี้นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง เพราะจะทำให้บุญของเราหนักแนน่ ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นมากขี้น และยังทำให้เราทราบเป้าหมายในการทำบุญด้วย นอกจากนี้ การอธิษฐานยังสามารภสร้างพลังขึ้นในจิตใจให้มากขึ้น เป็นการสั่งสมกำลังแห่งความ
    บากบั่น อดทน เพื่อเป็นพื้นฐานที่สำคัญให้เราก้าวไปสู่สิ่งที่ปรารถนาได้ การอธิษฐานในขณะที่บำเพ็ญบุญนั้น ผลบุญย่อมหนุนส่งให้สำเร็จตามที่ปรารถนาไว้ ถึงแม้จะขึ้นอยู่กับเวลาและโอกาสบ้างก็ตาม แต่ความดีที่ทำไว้ย่อมไม่เสียหายไป

    ฉะนั้น ก่อนตักบาตร ควรอธิษฐานโดยนั่งหรือยืนก็ได้ แล้วแต่สถานที่จะอำนวย ยกสี่งของที่จะถวายขึ้นเสมอหน้าผาก แล้วอธิษฐานตามที่ต้องการที่ชอบธรรมเป็นภาษาใดก็ได้ จะว่าในใจหรือออกเสียงเบา ๆ ก็ได้ จากนั้นจึงถวายอาหารบิณฑบาตด้วยความเคารพ ถ้ามีดอกไม้ธูปเทียนให้ถวายหลังจากที่ถวายอาหารบิณฑบาตเสร็จแล้ว ถ้าเป็นสตรี
    ให้วางดอกไม้ธูปเทียนไว้บนฝาบาตร เมื่อพระท่านปิดบาตรแล้ว

    คำอธิษฐานก่อนตักบาตร

    ตามหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา มีเป็นหมายเพื่อให้มนุษย์ปลดเปลื้องตนเองจากทุกข์ มีจิตใจเป็นอิสระเหนือทุกข์ทุกอย่าง (พระนิพพาน) หลักการดำเนินชีวีตของชาวพุทธนั้นต้องสอดคล้องกับเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งพระโบราณาจารย์ท่านจึงบัญญัติคำ อธิษฐานที่เป็นสากลนิยมไว้ว่า

    อิทัง ทานัง สีละวันตานัง ภิกขูนัง นิยยาเทมิ สุทินนัง วะตะ เม ทานัง นิพพานะปัจจะโย โหตุ อะนาคะเต กาเล ฯ ข้าพเจ้าขอน้อมถวายทานนี้แด่พระสงฆ์ผู้มีศีล ขอท่านที่ข้าพเจ้าถวายดีแล้ว จงเป็นเหตุให้ถึงพระนิพพาน ในอนาคตกาล เบื้องหน้าโน้นเทอญ ฯ
    อีกบทหนึ่งเป็นคำอธิษฐานถึงพระสังฆรัตนะ ว่า นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง, สังโฆ เม สะระณัง วะรัง, เอเตนะ สังจะวัชเชนะ, โสตถิ เม โหตุ สัพพะทา ฯ ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระสงฆ์เป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า ด้วยคำสัตย์ นี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ข้าพเจ้าในกาลทุกเมื่อ เทอญ ฯ



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    โมทนาบุญกับทุก ๆท่านครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ

    ขอขอบคุณ
    http://www.dhammadelivery.com/teaching-detail.php?tea_id=178
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2010
  11. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    ชนะ

    [​IMG]

    พึงชนะคนพูดปดด้วยความจริง
    ความยินดีในธรรม ย่อมชนะความยินดีทั้งปวง
    ความสิ้นตัณหา ย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง
    ความชนะที่กลับแพ้ได้ ไม่ดี
    ความชนะที่ไม่กลับแพ้ เป็นดี
    พึงชนะคนโกรธด้วยความไม่โกรธ
    พึงชนะคนไม่ดีด้วยความดี
    พึงชนะคนตระหนี่ด้วยการให้
    ผู้ชนะ ย่อมก่อเวร
    การให้ธรรม ย่อมชนะการให้ทั้งปวง
    รสแห่งธรรม ย่อมชนะรสทั้งปวง

    โมทนากับทุกท่านครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ


    http://www.oknation.net/blog/print.php?id=105527
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2010
  12. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    กุศลกรรมบถ 10

    [​IMG]

    จัดเป็นกายกรรม 3 อย่าง

    1 ปาณาติปาตา เวรมณี เว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง
    2 อทินนาทานา เวรมณี เว้นจากถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ ด้วยอาการแห่งขโมย
    3 กาเมสุมิจฉา จารา เวรมณี เว้นจากประพฤติผิดในกาม

    จัดเป็นวจีกรรม 4 อย่าง

    1 มุสาวาทา เวรมณี เว้นจากพูดเท็จ
    2 ปิสุณาย วาจาย เวรมณี เว้นจากพูดส่อเสียด
    3 ผรุสาย วาจาย เวรมณี เนจากพูดคำหยาบ
    4 สัมผัปปลาปา เวรมณี เว้นจากพูดเพ้อเจ้อ

    จัดเป็นมโนกรรม 3 อย่าง

    1 อนภิชฌา ไม่โลภอยากได้ของเขา
    2 อพยาบาท ไม่พยาบาทปองร้ายเขา
    3 สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบตามคลองธรรม

    กรรม 10 อย่างนี้เป็นทางบุญ ควรดำเนิน

    โมทนากับทุก ๆ ท่านครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ

    ขอขอบคุณ
    http://www.oknation.net/blog/print.php?id=105527
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2010
  13. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

    [​IMG]

    ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
    ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำ ดีกว่า
    สิ่งที่ทำแล้วทำคืนไม่ได้
    ทำกรรมใดแล้วร้อนใจภายหลัง กรรมที่ทำแล้วนั้นไมดี
    ทำกรรมใดแล้วไม่ร้อนใจภายหลัง กรรมที่ทำแล้วนั้นแลเป็นดี

    http://www.oknation.net/blog/print.php?id=105527
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2010
  14. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    ภัยอันเกิดขึ้นกับพรหมจรรย์

    [​IMG]

    ครั้งหนึ่งพระองค์ทรงอุปมาภัยที่จะเกิดขึ้นกับพรหมจรรย์ ว่าเหมือนกับภัยอันเกิดจากปลาฉลาม จระเข้ น้ำวน คลื่นในมหาสมุทร
    ภัยจากปลาฉลาม คือ มาตุคาม ได้แก่ การถูกยั่วยวนจากเพศตรงข้าม
    ภัยจากน้ำวน คือ กามคุณห้า รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส หาเงินหาทองมาได้ก็วนไปหาซื้อรูปสวย ๆ เสียงเพราะ ๆ กลิ่นหอม ๆ รสอร่อย ๆ สัมผัสนุ่มนวล

    ภัยจากจระเข้ ก็คือกินตะพึดตะพือ จระเข้โยนอะไรไปก็หายตะพึด
    ภัยอันเกิดจากคลื่น คือ ทนความยั่วให้โกรธไม่ได้ มีอะไรมายั่วให้โกรธ ก็โกรธได้ง่าย นี้เป็นภัยของผู้ประพฤติพรหมจรรย์ สี่ประการนี้พระองค์ทรงเน้นย้ำแล้วย้ำอีก

    ขอขอบคุณ
    www.watkoh.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2010
  15. jirautes

    jirautes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +575
    สวัสดีคัรับผมขอรับพระด้วยครับคิวที่23แล้วจะส่งซองไปตามที่อยู่ที่แจ้งมานะครับ
     
  16. chanayut

    chanayut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    384
    ค่าพลัง:
    +1,671
    ขอรับด้วยคนครับ
    ลำดับที่ 24
    นายวีรวิทย์ ศศิภีมพล

    470 ถ.พระพันวษา ต.ท่าพี่เลี้ยง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
    72000
    ผมจะรีบส่งซอง ไปให้นะครับและจะขอร่วมทำบุญด้วยนะครับ
    ขออนุโมทนาบุญให้เจริญทั้งทางโลกและทางธรรมนะครับ

    กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงนะครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  17. jirautes

    jirautes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +575
    สวัสดีปีใหม่ทุกๆท่านครับ*88888*
    วันนี้ครอบครัวผมใอนเงินทำบุญสงฆ์อาพาธ
    (500 บาท 09/01/10 เวลา 14:42 น.)
     
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พระคาถาศักดิ์สิทธิ์จากวิปัสสนาญาณ
    ของ คุณแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม
    วัดอาวุธวิกสิตาราม บางพลัด กรุงเทพ


    <!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">--> [​IMG]
    <!-- (นั่งประสานมือ).jpg [ 9.83 KiB | เปิดดู 1003 ครั้ง ] -->


    พระคาถาพระฉิม

    ๏ นะชาลีติ ฉิมพาลี จะ มหาเถโร สุวรรณะมามา โภชนะมามา วัตถุวัตถามามา พลาพลังมามา โภคะมามา มหาลาโภมามา สัพเพชะนา พหูชะนา ภวันตุเม ฯ.


    พระคาถานี้คุณแม่บุญเรือนได้จากสมาธิเมื่อวันศุกร์ที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ ท่านให้สวดตามกำลังวันเพื่อบูชาพระสิวลีมหาเถระหรือพระฉิมพลีจะเป็นมหาลาภ มหาโชค มหาโภคทรัพย์อย่างยิ่ง

    กำลังวันมีดังนี้ วันอาทิตย์ ๖ วันจันทร์ ๑๕ วันอังคาร ๘ วันพุธ ๑๗ วันพฤหัสบดี ๑๙ วันศุกร์ ๒๑ และวันเสาร์ ๑๐

    เนาวรัตน์ดอทคอม

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2010
  19. ไวยวัฒน์

    ไวยวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +887
    อนุโมทนาครับจะนำไปสวดครับผม
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระวังหน้ากรุวัดพระแก้ว (วัดพระศรีฯ) นิดนึงครับ โดยเมื่อวานนี้ ผมและครูอาจารย์ในสังกัดได้พานักเรียนจากโรงเรียนที่ผมบริหารอยู่ ที่ จ.ระยอง ไปลงนามถวายพระพรในหลวง ที่ศิริราช ขากลับเลยถือโอกาสพาไปชมความงามของและกราบไหว้ต่อองค์พระแก้วมรกตที่วัดพระแก้ว โดยคืนก่อนหน้าได้ปรารภกับพี่ใหญ่ว่า กลัวฝนจะตกที่แถวศิริราชกับสนามหลวงในช่วงเช้าถึงบ่ายสามโมง พี่ใหญ่เลยบอก เอ็งบอกท่าน (พระแก้ว) ซิว่าจะพานักเรียนไปเอาบุญ ไปกราบท่าน พี่ช่วยผมด้วยนา..ผมบอกต่อ..ผลก็คือฝั่งพระนครแถวปิ่นเกล้าช่วงที่ไปศิริราชจนถึงวัดพระแก้วไม่มีฝน แต่ฝั่งธนฯ ยันบ้านผมที่พระประแดง เรียบร้อย ตกจนน้ำขัง ก่อนไปเที่ยววัดครั้งนี้ผมได้ทำหนังสือติดต่อทางท่านเลขาธิการพระราชวังเพื่อใ้ห้ช่วยจัดจนท.นำชมและคอยให้ความรู้ไว้เรียบร้อย พอไปถึงท่านก็ทำหน้าที่นำนักเรียนที่พาไปกว่า 250 คน ชมวัดเป็นอย่างดีเป็นกันเอง และใจเย็นเป็นที่สุด สิ่งที่ไม่เคยรู้ได้รู้ สิ่งไม่เคยเห็นก็ได้เห็น ผมเองเกิดมาก็ปานนี้ อายุก็ปานนี้ (เกือบจะ 50) บอกได้เลยว่าสิ่งมงคลล้ำค่าในวัดพระแก้วที่เราไม่เคยได้เห็นและไม่เคยได้รู้ยังมีอีกมากมาย เช่น ท่านได้พาไปดูที่ประทับหรือบ้านของ ร.1 ซึ่งแต่เดิมตอนสร้างวัดเป็นเพียงแค่หลังคามุงจาก แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นพระที่นั่งจนถึงปัจจุบัน ซึ่งความสำคัญของบ้านหรือพระที่นั่งแห่งนี้เป็นที่ประทับตั้งแต่ ร.1-5 (ก่อนที่จะสร้างเป็นพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท)และเป็นที่สวรรคตของ ร.6 ท่านพาไปดูเครื่องทรงขององค์พระแก้วมรกตที่ถอดเก็บไว้ในที่ที่หวงห้ามและมีมูลค่าในปัจจุบันกว่า 70 ล้านบาท โดยได้ดูแบบใกล้ชิดห่างเพียงเมตรกว่าๆ และเครื่องทองต่างๆ รวมทั้งเครื่องรางของขลังของอาถรรพ์ต่างๆ ของบุรพกษัตริย์ของเราในสมัยก่อนท่านใช้ในการออกศึก เช่นตะกรุด พิสมร หินมงคล ฯลฯ ซึ่งจริงๆ แล้วเข้าไปดูได้ (ดูห่างจากสายตาแค่ฟุตเดียว) แต่คนนอกไม่รู้ที่เข้าจึงเสียโอกาสที่จะเข้าไปดู และนับว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง แวบนึงในการสนทนาเลยถามเรื่องการบูรณะเจดีย์เมื่อปี พ.ศ.2525 ท่านเลยกรุณาเล่าให้ฟังว่า มีการนำพระออกมาจริงและมาก กว่าจะรู้กันก็เกือบหมด ผมถามไปว่าแล้วพระสมเด็จแบบหลายสีมีออกมามั๊ย ท่านบอก อ๋อ..พระสมเด็จสายรุ้งที่โรยทองหรือครับ มี และมีมากด้วย ของดีทั้งนั้น ทองที่โรยองค์พระน่ะ ทองคำแท้น๊ะคุณ ผมเองยังเก็บไว้เยอะด้วย หลายคนในนี้ที่รู้ัก็เก็บกันหมด เพราะทุกคนรู้ค่า ท่านยังชี้เจดีย์ที่มีพระชุดนี้บรรจุอยู่เลย แถมเล่าประวัติให้ฟังอีก ท่านบอกพระชุดนี้น่ะ พวกเซียนมันไม่ชอบเพราะทำให้ราคาพระมันตก แต่คนที่รู้เค้าแขวนกัน แล้วท่านก็บอกพระนี้สร้างเมื่อวังหน้าเมื่อ ร.5 เสกโดยหลวงปู่โลกอุดร และสมเด็จโตฯ ผมกับท่านก็เลยคุยกันสนุกไป คุยกันถูกคอ ท่านก็เลยพาไปเที่ยวข้างในที่ไม่ค่อยให้คนไปดูอีกหลายที่ กลุ่มนักเรียนที่ตามผมไป เลยโชคดีได้เห็นของที่เกิดมาไม่เคยเห็นพร้อมกับคำอธิบายแบบรู้จริงอีกมาก ใครที่เคยไปวัดพระแก้วแล้วไปเพียงแค่กราบพระแก้วมรกตแล้วไม่ได้เข้าไปในเขตพระราชฐานชั้นกลางแล้ว เสียดายมากจริงๆ และนี่ก็เป็นเครื่องยืนยันถึงการมีจริงของพระสมเด็จกรุวัดพระแก้วมรกต (ไม่ใช่วัดพระแก้ววังหน้าข้างโรงละครแห่งชาติในปัจจุบัน) และพระสมเด็จสายรุ้ง หรือพระสมเด็จปัญจสิริที่โรยผงทอง โดยเป็นคำยืนยันจาก จนท.ของสำนักเลขาพระราชวังที่ทำงาน ภายในวัดพระแก้ว ที่นิยมชมชอบและรู้ค่าในพระสกุลนี้ และทันได้เก็บพระสกุลนี้ไว้มากทีเดียวเช่นกัน(ในภาพด้านล่างเอาแค่ความงามด้านหลังองค์พระมาให้ชม ส่วนด้านหน้าขอสงวนสิทธิโดยมีไว้สำหรับผู้ที่ไปร่วมกิจกรรมทำบุญทุกเดือนได้ชมและได้ศึกษากันเท่านั้นครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...