ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. โบราณMAN

    โบราณMAN Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2008
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +56
    มนุษย์โบราณคนนี้ขอนุโมทนากับทุกๆท่านด้วยครับ

    มนุษย์โบราณ
     
  2. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    918
    ค่าพลัง:
    +4,293
    มิลินทปัญหา
    ปัญหาที่ 11
    ถามลักษณะวิริยะ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    918
    ค่าพลัง:
    +4,293
    การเจริญวิปัสสนา เพื่อมีดวงตาเห็นธรรม ๗ (เจ้าคุณโชดก)

    <!--Main-->[SIZE=-1]</B>๗. ความโลภ โกรธ หลง เบาบาง

    กิเลิสของคนเรา เมื่อสรุปลงแล้ว ก็คือ โลภ โกรธ และหลง สามประการนี้ทำให้โลกหรือสังคมมนุษย์ปั่นป่วนเดือดร้อนและยุ่งเหยิง ไม่มีที่สิ้นสุด แต่คนเป็นจำนวนมาก ไม่รู้สึกตัวว่า ตัวโลภ โกรธ หรือหลง หรือถึงแม้บางทีรู้แต่ก็ไม่สามารถจะหักห้ามตัว ไม่ให้โลภ ไม่ให้โกรธ ไม่ให้หลงได้ ต้องตกเป็นทาสของความโกรธ ความหลง อยู่ตลอดไป แต่ถ้าได้มาปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า จะสามารถมีดวงตาเห็นธรรม คือ บรรลุมรรคผลแล้ว โลภ โกรธ หลง อื่นๆ ซึ่งเป็นกิเลสที่ยังไม่ดับก็จะลดน้อยถอยลง เมื่อโลภก็รู้ว่าโลภ เมื่อจะโกรธ ก็รู้ว่าโกรธ เมื่อจะหลง ก็รู้ว่า หลง และก็จะระงับยับยั้งได้ หรือสะกดให้เพลาลงมาได้ เพราะมีสติรู้อยู่


    ๘. มั่นอยู่ในศีลห้าตลอดชีวิต

    ตามปกติพุทธศาสนิกชนธรรมดาก็อาจจะรักษาศึลห้าได้ตลอดชีวิต แต่ต้องตั้งเจตนาไว้ว่า จะทำเช่นนั้น และอาจจะละเจตนาเสียได้ถ้าศรัทธาหย่อนลง แต่ผู้ที่ปฏิบัติธรรมจนได้ดวงตาเห็นธรรมนั้น จะมีศีลห้าอยู่ในดวงจิตติดเป็นประจำอยู่จนชั่วชีวิต โดยไม่ต้องตั้งเจตนาก็เป็นไปเอง และไม่อาจสลัดให้ออกไปจากดวงจิตได้ ถึงแม้ว่าอยากจะลองละเมิดศีลห้าข้อใดข้อหนึ่ง ก็ไม่อยากลอง เช่นเดียวกับสีของดอกไม้ ซึ่งมีประจำดอกไม้อยู่ จะทำอย่างไร สีนั้นก็ไม่ตก ไม่จางหายไป โดยประการฉะนี้ บุคคลผู้บรรลุธรรมวิเศษแล้วนับตั้งแต่ขั้นแรกไป ย่อมเว้นจากการเบียดเบียน การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การประทุษร้ายต่อทรัพย์สิน ร่างกายและชีวิต การละเมิดลูกเมียผู้อื่น การพูดปด และการดื่มสุราเมรัย ตลอดชั่วอายุขัย



    ปัญหามีว่า
    ความยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส และการสัมผัสอันเป็นโลกียสุขนั้น จะลดน้อยลงไปน้อยมากประการใด ชีวิตจะอับเฉาแห้งแล้ง เป็นที่น่าเบื่อหน่ายอย่างไรหรือไม่ และทะเยอทะยานในชีวตจะเสื่อมสิ้นไป จนไม่อาจทำประโยชน์อันใดให้แก่ประเทศชาตได้หรือไม่


    อันความยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส และการสัมผัสนั้นเป็นกิเลสแรงอย่างหนึ่งเรียกว่า
    "กามราคะ" กิเลสชนิดนี้จะไม่มีในผู้ที่ได้บรรลุ อนาคามิมรรค อนาคามิผล และมีอยู่แต่บางเบาในผู้ที่ได้บรรลุสกทาคามิมรรค สกทาคามิผล แต่สำหรับผู้ที่ได้บรรลุโสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล เป็นพระโสดาบันนั้น กิเลสชนิดนี้ยังมีอยู่ แต่ไม่มากเหมือนปุถุชนคนธรรมดา เมื่อเป็นเช่นนี้ บางท่านอาจจะเห็นว่า ชีวิตคงจะแห้งแล้งและเป็นที่น่าเบื่อหน่ายไม่มีความสุขอันสมบูรณ์ เพราะโลกียสุขได้ลดน้อยลงไป แต่อย่าลืมว่าความยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส อันมีกามารมณ์เป็นยอดของความยินดีนั้น เป็นกิเลสที่ทำให้ใจกระวนกระวาย มัวเมา หลงใหล เดือดร้อน และเป็นทุกข์ในที่สุด แม้จะให้ความสุข แต่ก็เป็นความสุขชั่วขณะ และไม่จีรังยั่งยืน ถ้ากิเลสชนิดนี้เบาบางลงได้ ความมัวเมาหลงใหล และความเดือดร้อนใจตลอดจนความทุกข์ก็จะลดน้อยลง ใจก็จะสงบ ความมีใจสงบ นี่แหละเป็นความสุขที่แท้จริง พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า "ความสุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี" คือ ไม่มีความสุขใดๆ อีกแล้ว ที่จะเป็นสุขยิ่งไปกว่าความสงบ ฉะนั้น แม้ว่า ยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส จะลดน้อยลงไป แต่ความสุขใจจะมีมากขึ้น ชีวิตของผู้ที่บรรลุมรรคผล จึงไม่แห้งแล้งหรือเป็นที่น่าเบื่อหน่ายแต่ประการใด[/SIZE]
    [SIZE=-1][/SIZE]
    [SIZE=-1][/SIZE]
    [SIZE=-1][​IMG]<!--End Main-->

    [/SIZE]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    918
    ค่าพลัง:
    +4,293


    สุขภาพของคุณพันวฤทธิ์ ช่วงนี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆประมาณว่าอาทิตย์หน้านี้คงจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้วละครับ ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เป็นห่วงนะครับ อีกสัก 2 วันคุณโสระก็จะกลับมาจากแสวงบุญที่อินเดีย ก็คงจะมีอะไรมาเล่าสู่กันฟังพร้อมนำเสนอรูปภาพสถานที่ต่างๆที่ได้ไปกราบตามรอยพระบาทพระพุทธองค์มาให้ชมกัน

    ส่วนเรื่องการทำบุญกับพระภิกษุสงฆ์อาพาธประจำเดือนนี้คงจะเป็นวันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม นี้ล่ะครับ ตอนนี้ก็ยังเปิดรับบริจาคอยู่เหมือนเดิมนะครับ ก็ขอเรียนเชิญทุกท่านนะครับ ถ้ามีเวลาว่างในวันดังกล่าวก็ไปร่วมกันทำบุญประเคนอาหารเลี้ยงพระภิกษุสงฆ์อาพาธด้วยมือของท่านเองเลยนะครับ(ประมาณ 7.00 น.) อิ่มบุญและเกิดปิติณ.ตอนนั้น (ตอนพระท่านให้พร) เป็นความสุขที่ไม่สามารถบอกหรือบรรยายให้ใครฟังได้จริงๆ
    ต้องทำเอง รู้เอง (ปัจจตัง)

    สาธุ สาธุ สาธุ


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • _____10.jpg
      _____10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.8 KB
      เปิดดู:
      645
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2008
  5. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2008
  6. kittipongc

    kittipongc เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +3,648
    วันนี้ผมได้ร่วมทำบุญ โดยโอนเงินเข้าบัญชีเป็นจำนวน 860 บาทครับ
    ซึ่งได้รวบรวมเงินจากหลายๆท่านมาร่วมทำบุญ ถึงแม้จะมีจำนวนไม่มากแต่ก็เป็นเงินบริสุทธิ์ที่แต่ละท่านทำงานแลกมา และได้บริจาคร่วมบุญด้วยความตั้งใจจริงครับ ก็ขออนุโมทนาด้วยครับ

    1.นายสมศักดิ์-อุไร ฉิมทับ จำนวน 500 บาท
    2.นายกิตติพงศ์-สิริรัตน์ ฉิมทับ จำนวน 300
    3.นายสุวรรณนุกูล ฉิมทับ จำนวน 20 บาท
    4.นายวันชัย อ่ำแดง จำนวน 20 บาท
    5.คุณพรรณทิภา มหาสมิติ จำนวน 20 บาท

    ขอให้พระภิกษุสงฆ์ที่อาพาธทั้งหลายมีความสุข มีสุขภาพแข็งแรง และเร่งปฎิบัติความเพียรเพื่อให้หลุดพ้นจากวัฏฏสงสารโดยเร็วเถิด สาธุ ...

    และขอให้พี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ชาวเว็บพลังจิต ทุกๆท่าน มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ อย่าเจ็บ อย่าไข้ ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2008
  7. คุณแดง

    คุณแดง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +40
    ร่วมทำบุญด้วยค่ะ วันนี้โอนเงินแล้วจำนวน 300 บาทค่ะ ขออนุโมทนาบุญด้วยน่ะค่ะ
     
  8. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    918
    ค่าพลัง:
    +4,293
    กราบขอบพระคุณและโมทนาบุญกุศลทั้ง คุณkittipongc และ คุณแดง
    ด้วยนะครับ ในอาทิตย์หน้าผมจะแจ้งกำหนดการไปทำบุญและแสดงบัญชี Update ยอดเงินที่ทุกๆท่านได้บริจาคส่งมานะครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  9. kittipongc

    kittipongc เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +3,648
    ถ้ากำหนดการไปทำบุญเป็นช่วงเช้า วันธรรมดาผมกับภรรยาคงมีโอกาสไปร่วมทำบุญด้วยด้วย แต่ถ้าเป็นเสาร์-อาทิตย์ จะส่งใจไปช่วยน้า ;)
     
  10. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    918
    ค่าพลัง:
    +4,293
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=big2 vAlign=bottom height=35>ดื่มสุรา=เสพกาม+ผิดศีลข้อ 3 !!??!!

    การดื่มสุราเมรัยอนุโลมเข้าในกาเมสุมิจฉาจาร และอกุศลกรรมบถได้

    การเสพสุรา ได้แก่เจตนาที่เป็นเหตุแห่งการดื่มสุรา พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติเป็นศีลข้อหนึ่งในจำนวนศีล ๕ ข้อ แล้วได้แสดงถึงโทษเอาไว้อย่างหนักมากเพียงใด ในอังคุตตรพระบาลีว่า

    " สุราเมรยปานํ ภิกขเว อเสวิตํ พหุลีกตํ นิรยสํวตฺตนิกํ ติรจฺฉานโยนิสํวตฺตนิกํ เปตฺติวิสยสํวตฺตนิกํ โย จ สพฺพลหุโก สุราเมรยปานสฺส วิปาโก โส มนุสฺสภูตสฺส อุมฺมตฺตกสํวตฺตนิโก โหติ
     
  11. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    โมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ได้ร่วมกับทางทุนนิธิฯ ช่วยสงฆ์อาพาธครับและโมทนากับพี่ๆน้องๆกัลยาณมิตรทุกๆท่านที่นำข้อมูลความรู้ที่ดีเกี่ยวกับธรรมะมาลงในกระทู้ให้ได้เกิดปัญญาเป็นธรรมทานครับ

    เมื่อคืนกลับจากการตามรอยบาทพระพุทธองค์ที่อินเดียแดนพุทธภูมิสู่ดินแดนสุวรรณภูมิมีเรื่องราวและรูปภาพที่จะนำมาบรรยายให้เห็นการเดินทางแสวงบุญ11วันในดินแดนพุทธภูมิไว้จัดสรรเรื่องต่างๆแล้วรอรับชมกันครับ

    ส่วนเรื่องการขอรับพระพิมพ์ที่แจกฟรีขอเวลาเช็คยอดการขอ และเช็คยอดพระที่เหลือ ว่าสามารถส่งให้ได้เท่าไร ไว้จะรีบแจ้งให้ทราบครับ
     
  12. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    918
    ค่าพลัง:
    +4,293
    โมทนาบุญกับคุณโสระที่นำบุญจากแดนพุทธภูมิมาสู่พวกเราด้วยครับ
    ก็คงจะมีอะไรดีๆมานำเสนอกันล่ะครับ เมื่อตอนเที่ยงผมได้ไปโอนเงินของผมและพรรคพวกที่ทำงานเข้าทุนนิธิ เป็นจำนวนเงิน 600 บาท ก็ขอให้ร่วมกันโมทนาบุญกันด้วยนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • logo13.gif
      logo13.gif
      ขนาดไฟล์:
      6.9 KB
      เปิดดู:
      1,318
  13. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    918
    ค่าพลัง:
    +4,293
    หลวงปู่มั่นท่านสอนว่า....

    สิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรทำความผูกพัน

    สิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรทำความผูกพัน เพราะเป็นสิ่งที่ล่วงไปแล้วอย่างแท้จริง

    แม้กระทำความผูกพันและมั่นใจในสิ่งนั้นกลับมาเป็นปัจจุบันก็เป็นไปไม่ได้

    ผู้ทำความสำคัญมั่นหมายนั้นเป็นทุกข์แต่ผู้เดียว โดยความไม่สมหวังตลอดไป

    อนาคตที่ยังมาไม่ถึงนั้นเป็นสิ่งไม่ควรไปยึดเหนี่ยวเกี่ยวข้องเช่นกัน

    อดีตปล่อยไว้ตามอดีต อนาคตปล่อยไว้ตามกาลของมัน

    ปัจจุบันเท่านั้นจะสำเร็จประโยชน์ได้ เพราะอยู่ในฐานะที่ควรทำได้ ไม่สุดวิสัย


    การบำเพ็ญจิตให้สงบ

    การบำเพ็ญจิตให้สงบจนเกิดกำลังแล้ว ก็ไม่ควรที่จะทำความสงบอย่างเดียว

    เพราะถ้าทำแต่ความสงบ ไม่พิจารณาทุกขสัจจ์ ก็จะเป็นเฉพาะฌาน

    ก็จะเป็นมิจฉาสมาธิ เป็นสมาธิผิด ไม่พ้นทุกข์

    ต้องพิจารณาทุกข์ จึงจะพ้นทุกข์


    การตำหนิติเตียนผู้อื่น

    ถึงเขาจะผิดจริงก็เป็นการก่อกวนจิตใจตนเองให้ขุ่นมัวไปด้วย

    ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดตำหนิผู้อื่นจนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น

    นักปราชญ์ถือเป็นความผิดและบาปกรรม ไม่มีดีเลย

    จะเป็นโทษให้ท่านได้สิ่งไม่พึงปรารถนามาทรมานอย่างไม่คาดฝัน

    การกล่าวโทษผู้อื่นโดยขาดการไตร่ตรอง

    เป็นการสั่งสมโทษและบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์

    จึงควรสลดสังเวชต่อความผิดของตน งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย

    ความทุกข์เป็นของน่าเกลียดน่ากลัว แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ทำไมพอใจสร้างขึ้นเอง


    การปฏิบัติธรรม

    เป็นการทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

    ทรงตรัสสอนเรื่องกาย วาจา จิต มิได้สอนเรื่องอื่น

    ทรงสอนให้ปฏิบัติฝึกหัดจิตใจ ให้เอาจิตพิจารณากาย เรียกว่า กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน

    หัดสติให้มากในการค้นคว้า เรียกว่า ธัมมวิจยะ พิจารณาให้พอทีเดียว

    เมื่อพิจารณาพอจนเป็นสติสัมโพชฌงค์ จิตจึงจะเป็นสมาธิรวมลงเอง

    การประกอบความพากเพียรทำจิตให้ยิ่ง เป็นการปฏิบัติตามคำสอนของ

    พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน

    ความยิ่งใหญ่ คือ ความไม่ยั่งยืน

    ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือ ชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู

    ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่

    แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น


    กรรม จำแนกสัตว์ให้ทรามและประณีตต่างกัน

    ผู้สงสัยกรรม หรือไม่เชื่อกรรมว่ามีผล คือ ลืมตนจนกลายเป็นผู้มืดบอดอย่างช่วยไม่ได้

    แม้เขาจะเกิดและได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่มาเป็นอย่างดี เหมือนโลกทั้งหลายก็ตาม

    เขาก็มองไม่เห็นคุณของพ่อแม่ว่าได้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูตนมาอย่างไรบ้าง

    แต่เขาจะมองเป็นเฉพาะร่างกายเขาที่เป็นคนหนึ่งกำลังรกโลกอยู่โดยเจ้าตัวไม่รู้เท่านั้น


    ความทุกข์ทรมาน ความอดทน

    ทนทานต่อสิ่งกระทบกระทั่งต่างๆ ไม่มีอะไรจะแข็งแกร่งเท่าใจ

    ถ้าได้รับความช่วยเหลือถูกทาง ใจจะกลายเป็นของประเสริฐ

    ให้เจ้าของได้ชมอย่างภูมิใจต่อเรื่องทั้งหลายทันที

    ***พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส สกลนคร***
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff><!-- [​IMG] -->[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ขอขอบคุณเว็บพุทธวงศ์ที่เอื้อเฟื้อข้อมูล
    http://www.phuttawong.net
     
  14. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    กำหนดการทำบุญที่โรงพยาบาลสงฆ์คงเป็นวันอาทิตย์ที่27มกราคม ขอเชิญทุกท่านที่มีจิตศัทธาไปร่วมกันถวายอาหารพระสงฆ์และบริจาคให้กับทางโรงพยาบาลครับ
     
  15. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    [​IMG]

    ตามรอยบาทพระพุทธองค์ ประสบการณ์11วันในแดนพุทธภูมิ

    ข้าพเจ้าขออนุญาตินำเรื่องราวพุทธประวัติโดยย่อประกอบภาพสถานที่จริงในปัจจุบันให้เห็นถึงกฎของ อนิจัง ทุกขัง อนัตตา คือความเกิดมา ตั้งอยู่ และดับไปเสื่อมไปเป็นธรรมดา รวมถึงเกร็ดความรู้ต่างๆในดินแดนภารตระชน และการนำพระพุทธศาสนาในประเทศไทยไปสู่พุทธภูมิในปัจจุบัน โดยแบ่งเป็น 4 ส่วนคือ ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนาและการเผยแพร่ ปรินิพพาน เป็นตอนสุดท้าย

    หากแม้นข้อมูลใดผิดพลาดคลาดเคลื่อน ข้าพเจ้ากราบขอขมาพระรัตนตรัยและกัลยาณมิตรทั้งหลายด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN0895.jpg
      DSCN0895.jpg
      ขนาดไฟล์:
      156.7 KB
      เปิดดู:
      3,068
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 มกราคม 2008
  16. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    ประสูติ
    พระราชบิดาของพระพุทธองค์คือพระเจ้าสุทโธทนะ กษัตริย์ศากยะวงศ์แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ ส่วนพระราชมารดานามว่าพระนางสิริมหามายาราชธิดาแห่งกรุงเทวทหะ โดยประเพณีสมัยโบราณเมื่อหญิงใดตั้งครรภ์มักจะกลับไปสู่บ้านเกิดของตน เพื่อให้มารดาผู้เป็นเพศหญิงเหมือนกันคอยดูแล พระนางสิริมหามายาก็เช่นกัน เมื่อได้รู้ว่าตั้งครรภ์จึงเดินทางกลับสู่กรุงเทวทหะ โดยเสด็จผ่านทางสวนลุมพินีวันที่อยู่ระหว่างสองเมือง ในสมัยนั้นเป็นสถานที่ ที่มีโขดเขาล้อมรอบ หมู่ไม้นานาพันธุ์ ทั้งสระน้ำ ดอกไม้ ส่งกลิ่มหอมระรวย พระนางสิริมหามายาพระราชมารดาทรงประชวรพระครรภ์ โปรดให้หยุดขบวนประทับใต้ต้นสาละทรงยืนเหนี่ยวกิ่งสาละ ณ วันวิสาขปุรณมี ดิถีเพ็ญเดือน 6 เวลาสายใกล้เที่ยง ทรงประสูติพระเจ้าชายสิทธัตถะราชกุมาร ทรงเพียบพร้อมด้วยมหาปุริสลักขณะ 32 ประการทรงแสดงปาฎิหารย์ ก้าวพระบาทออกไปได้ 7 ก้าว

    พระพุทธเจ้ากล่าวกับพระอานนท์ภายหลังว่า ดูก่อนอานนท์ หญิงอื่นๆย่อมนั่งคลอดบ้าง นอนคลอดบ้าง ส่วนมารดาแห่งพระโพธิสัตว์หาเป็นอย่างนั้นไม่ มารดาแห่งโพธิ์สัตว์ย่อมยืนคลอดพระโพธิสัตว์

    ในกาลใด พระโพธิสัตว์ออกมาจากครรภ์แห่งมารดา ยังไม่ทันถึงแผ่นดิน เทพบุตรทั้งสี่ย่อมเข้ารับก่อน นำมาวางตรงหน้าพระมารดา ทูลว่า "พระแม่เจ้าจงพอพระทัยเถิด บุตรอันมีศักดาใหญ่ของพระแม่เจ้าได้ประสูติแล้ว"

    ดูก่อนอานนท์ โพธิสัตว์คลอดแล้วเช่นนี้เหยียบพื้นดินด้วยฝ่าเท้าอันสม่ำเสมอ ผินพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ ก้าวไปเจ็ดก้าว มีฉัตรขาวกั้นอยู่เบื้องบน ย่อมเหลียวดูทิศทั้งหลายและทรงเปล่งวาจาประกาศความสูงสุดว่า เราเป็นผู้เลิศที่สุดแห่งโลก เราเป็นผู้เจริญที่สุดแห่งโลก เราเป็นผู้ประเสริฐที่สุดแห่งโลก การเกิดของเราครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ภพใหม่ของเราจะไม่มีอีกแล้ว
    [​IMG]

    [​IMG]
    วิหารมายาเทวี ที่ประสูติพระเจ้าชายสิทธัตถะราชกุมารในปัจจุบัน

    [​IMG]

    ภาพสถูปเจดีย์ในบริเวณสวนลุมพินีในปัจจุบันมีทิวธงของชนชาวธิเบตมาติดบูชาในธงแต่ละผืนมักมีพระคาถาที่ชาวธิเบตเคารพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 มกราคม 2008
  17. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    เรียน ท่านโสระ
    คงเป็นวันอาทิตย์ที่27มกราคม หมายถึง ยังไม่แน่หรือครับ ?
    ถ้าconfirm รบกวนแจ้งเวลา และ จุดนัดพบด้วยครับ ขอบคุณครับ
    โมทนาบุญครับ
     
  18. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886

    เป็นวันที่27มกราคมแน่นอนครับ เวลาเช้า 7.30น.จุดนัดพบกันที่โรงพยาบาลสงฆ์ บริเวณจุดรับบริจาคชั้นหนึ่งตึกอาคารจอดรถ ไปร่วมกันทำบุญ กับมือ กับตา กับใจ ถวายอาหารและบริจาคช่วยสงฆ์อาพาธ

    โมทนาครับ
     
  19. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    [​IMG]

    ภายในวิหารมายาเทวีมีการปรับปรุงใหม่ รื้อออกและขุดเจอหลักฐานสำคัญเป็นแผ่นศิลาขนาด 5x5 นิ้วเมื่อ4กุมภาพันธ์2539 เชื่อว่าเป็นสมัยพระเจ้าอโศกยืนยันการก้าวเดิน 7 ก้าว

    [​IMG]

    รูปสลักหินทรายสีแดง แสดงถึงการกำเนิดพระเจ้าชายสิทธัตถะราชกุมารโดยวิธียืนเหนี่ยวกิ่งต้นสาละ

    [​IMG]

    เสาหินสมัยพระเจ้าอโศกสูง26ฟุต6นิ้ว โดย8ฟุต6นิ้วฝังอยู่ในดิน วัดส่วนกลมได้7ฟุต3นิ้ว กล่าวว่าเดิมสูงถึง70ฟุต บนยอดแกะเป็นรูปม้าคงโดนฟ้าผ่า ปักไว้แสดงให้รู้ว่าเป็นที่ประสูติพระเจ้าชายสิทธัตถะราชกุมาร จารึกเป็นอักษรพรหมีเป็นภาษาไทยแปลว่า
    พระเจ้าเทวานัมปิยทัสสี เมื่อทรงได้รับอภิเษกแล้ว 20 ปี ได้เสด็จมานมัสการ ณ ที่นี้ด้วยพระองค์เอง ด้วยว่าพระพุทธศากยมุนีได้ประสูติ ณ ที่นี้ โปรดให้สร้างรูปสลักหิน และประดิษฐานหลักศิลาไว้เป็นที่หมาย
    [​IMG]

    ป้ายที่ทางการเนปาลติดไว้ให้ผู้ที่มาได้อ่านประวัติสถานที่ประสูติ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN0958.jpg
      DSCN0958.jpg
      ขนาดไฟล์:
      117.9 KB
      เปิดดู:
      1,265
    • DSCN0956.jpg
      DSCN0956.jpg
      ขนาดไฟล์:
      116.4 KB
      เปิดดู:
      1,375
    • DSCN0957.jpg
      DSCN0957.jpg
      ขนาดไฟล์:
      159.5 KB
      เปิดดู:
      1,303
    • DSCN0960.jpg
      DSCN0960.jpg
      ขนาดไฟล์:
      123 KB
      เปิดดู:
      1,385
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 มกราคม 2008
  20. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    หลังจากเจ้าชายสิทธัตถะราชกุมารประสูติแล้วเหล่าข้าราชบริพารนำไปชำระในสระสรงสนานโบกขรณีและส่วนหนึ่งก็กลับไปทูลพระเจ้าสุทโธทนะจักขบวนรับเสด็จกลับสู่พระมหานคร

    [​IMG]

    รูปนี้แสดงสระโบกขรณีซึ่งห่างจากเสาอโศก จุดที่ประสูติไม่ไกลกันนักเป็นสระน้ำโบราณและมีต้นโพธิ์เก่าแก่ขึ้นอยู่ในปัจจุบันชาวเนปาลถึงว่าน้ำในสระนี้เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ ใช้ทำพิธีประจำปี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN0952.jpg
      DSCN0952.jpg
      ขนาดไฟล์:
      126 KB
      เปิดดู:
      1,476

แชร์หน้านี้

Loading...