ขออนุญาติเปิดกระทู้เกี่ยวกับ lhc เลยละกัน

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย จักรพนธ์, 31 กรกฎาคม 2008.

  1. bnbk

    bnbk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,047
    ค่าพลัง:
    +15,613
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ฮอว์กิง" ทำ "ฮิกกส์" เดือดหลังวางร้อยเหรียญ พนัน "เซิร์น" ไม่เจออนุภาคพระเจ้า</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>15 กันยายน 2551 17:43 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>สตีเฟน ฮอว์กิง (ภาพจากแฟ้ม เอพี/รอยเตอร์)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ปีเตอร์ ฮิกก์ส ภายในอุโมงค์ที่บรรจุเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (ภาพจากแฟ้มเอเอฟพี)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>เจ้าหน้าที่ของเซิร์นตรวจความเรียบร้อยของสถานีต่างๆ ในเครื่องเร่งอนุภาคผ่านคอมพิวเตอร์ ซึ่งแถบสีเขียวแสดงความปกติ (ภาพจากเซิร์น)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>"ฮอว์กิง" นักฟิสิกส์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องหลุมดำที่สุดในโลก วางเดิมพัน 100 เหรียญ ฟันธง "เซิร์น" ไม่เจออนุภาคพระเจ้าแน่นอน ซ้ำยังบอกน่าตื่นเต้นหากหาไม่เจอ เพราะจะชี้ชัดว่ามีบางอย่างที่ผิด ด้าน "ฮิกก์ส" เจ้าของทฤษฎีอนุภาคออกมาโต้แสบ บอกไม่เคยอ่านวิจัยที่ฮอว์กิงยืนยันว่าไม่มี "อนุภาคฮิกก์ส" แต่เท่าที่อ่านงานบางชิ้นผลงานก็เขียนไม่ดีสักเท่าไหร่

    การตัดริบบิ้นเดินเครื่องการทดลองวิทยาศาสตร์อันซับซ้อนผ่านไปด้วยดี เมื่อเซิร์น (CERN) หรือองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปเพื่อวิจัยและพัฒนาทางด้านนิวเคลียร์ (European Center for Nuclear Research) ปล่อยลำแสงแรกเข้าเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (Large Hadron Collider: LHC) ไปเมื่อวันที่ 10 ก.ย.51 หากแต่การทดลอง "ของจริง" ที่จะเร่งอนุภาคโปรตอนชนกันนั้น ยังต้องใช้เวลาอีกนาน

    ทั้งนี้ หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของการเดินเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี ซึ่งฝังตัวอยู่ได้พรมแดนสวิตเซอร์แลนด์และฝรั่งเศส คือ การค้นหาสัญญาณของอนุภาคฮิกก์ส (Higgs boson) หรือที่ขนานนามกันว่า "อนุภาคพระเจ้า" (God Particle) ซึ่งคาดว่าจะเผยออกมา หลังการเร่งอนุภาคให้ชนกัน ที่ความเร็วใกล้แสง

    อย่างไรก็ดี นักฟิสิกส์ชื่อก้อง สตีเฟน ฮอว์กิง (Stephen Hawking) ได้ออกมาพนันด้วยเงิน 100 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 3,500 บาท ว่า การทดลองของเซิร์นนั้น จะไม่พบอนุภาคที่เปรียบเสมือน "จอกศักดิ์สิทธิ์" (holy grail) แห่งวงการจักรวาลวิทยาอย่างแน่นอน

    สำนักข่าวเอเอฟพีซึ่งอ้างรายงานจากวิทยุบีบีซีระบุ ถึงคำให้สัมภาษณ์ของฮอว์กิงว่า แอลเอชซีจะเพิ่มระดับพลังงาน จนเราสามารถศึกษาอันตรกริยาของอนุภาคได้ และเชื่อว่ากันว่า ที่ระดับพลังงานดังกล่าวจะทำให้พบอนุภาคฮิกก์ส

    "ผมว่าเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นยิ่งกว่า หากเราหาอนุภาคฮิกก์สไม่พบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มีบางอย่างที่ผิดพลาด และเราต้องกลับมาคิดกันอีกครั้ง ผมพนัน 100 เหรียญเลยว่าเ ราจะไม่พบฮิกก์ส" ฮอว์กิง เจ้าของงานเขียน "ประวัติย่อกาลเวลา" (A Brief History of Time) กล่าวกับสำนักข่าวบีบีซี

    อย่างไรก็ดี นักวิทยาศาสตร์คนอื่นยังมีความคิดในบวก โดยฮูแบร์ต รีฟส์ (Hubert Reeves) นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ชาวฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์ผ่านหนังสือพิมพ์เลอมาร์แตง (Le Matin) ของสวิตเซอร์แลนด์ว่า เครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซีนั้น อาจเปลี่ยนแปลงวงการฟิสิกส์อนุภาคไปตลอดกาล

    "เครื่องจักรนี้อาจนำมาซึ่งผลอันไม่อาจคาดเดา ที่สามารถเปลี่ยนทิศทางวงการฟิสิกส์อนุภาคได้ มันเป็นเครื่องมือที่น่าประทับใจมาก" รีฟส์กล่าว และเปรียบเทียบความยิ่งใหญ่ของสถานที่ตั้งเครื่องเร่งอนุภาค ราวกับเป็นโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์

    ขณะที่มีคำถามถึงความเป็นไปได้ ในการพบอนุภาคฮิกก์ส ทางด้านฮอว์กิงก็กล่าวการทดลองที่จะเกิดขึ้นอาจค้นพบ "คู่ยิ่งยวด" (superpartner) ซึ่งเป็นอนุภาคที่จะเป็น "คู่สมมาตรยิ่งยวด" (supersymmetric partners) กับอนุภาคซึ่งเป็นที่รู้จักกันอยู่แล้ว

    "การมีอยู่ของอนุภาคคู่ยิ่งยวด จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะยืนยันทฤษฎีสตริง และอนุภาคเหล่านี้ สามารถสร้างสสารมืดอันลึกลับซึ่งยึดกาแลกซีไว้ด้วยกัน ไม่ว่าแอลเอชซีจะพบอะไร หรือล้มเหลวที่จะพบ ผลที่ออกมาก็จะบอกเราถึงโครงสร้างของเอกภพ" ฮอว์กิงกล่าว

    ปัจจุบันฮอว์กิงวัย 66 ปีนี้เป็นศาสตราจารย์ทางด้านคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Cambridge University) สหราชอาณาจักร ทั้งนี้เขาป่วยเป็นโรคเซลล์ประสาทเคลื่อนไหวผิดปกติ (motor neuron disease) ตั้งแต่อายุ 22 ปี ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ และต้องนั่งอยู่บนรถเข็นและพูดผ่านคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สังเคราะห์เสียง

    อย่างไรก็ดี เมื่อฮอว์กิงออกมาท้าทายเช่นนี้ ปีเตอร์ ฮิกก์ส (Peter Higgs) ศาสตราจารย์กิตติคุณจากมหาวิทยาลัยเอดินเบอระ (Edinburgh University) แห่งสหราชอาณาจักร ผู้นำเสนอการมีอยู่ของอนุภาค "ฮิกก์ส" ก็ได้แถลงกับสื่อมวลชน บนเกาะอังกฤษตอบโต้การแสดงความเห็นดังกล่าวของเพื่อนร่วมชาติ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตามรายงานของไทม์

    "ผมขอสารภาพว่า ผมไม่เคยอ่านงานวิจัยที่สตีเฟน ฮอว์กิงทำ เพื่อยืนยันในสิ่งที่เขาอ้าง แต่ผมได้อ่านหนังสือที่เขาเขียน ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องพื้นๆ ของการคำนวณที่เขาทำ และขอพูดอย่างตรงไปตรงมาเลยนะ ผมไม่คิดว่าสิ่งที่เขาทำมันดีนักหรอก ในความเข้าใจของผม เขาจับทฤษฎีฟิสิกส์อนุภาค มารวมกับแรงโน้มถ่วง ในวิธีที่ไม่มีนักฟิสิกส์อนุภาคคนไหน เชื่อว่าจะเป็นทฤษฎีที่ถูกต้อง" ไทม์รายงานคำพูดของฮิกก์ส ระหว่างการแถลง

    ฮิกก์สยังกล่าวอีกว่า ในความเห็นของเขานั้น การทำให้ทฤษฎีฟิสิกส์อนุภาค ทฤษฎีควอนตัม เป็นทฤษฎีที่สอดคล้องกันแล้ว ต้องใส่อะไรลงไปมากกว่าแค่แรงโน้มถ่วง ซึ่งเขาเชื่อว่าฮอว์กิงคงไม่ได้ทำอย่างนั้น และกล่าวด้วยว่า เขาสงสัยอย่างยิ่งเกี่ยวกับการคำนวณของฮอว์กิง แต่เมื่อพูดถึงจุดนี้ไทม์ระบุว่า ภายในการแถลงข่าวได้เปลี่ยนเรื่อง เพื่อยุติการแสดงความเห็นนี้อย่างรวดเร็ว

    ทั้งนี้ ไทม์ระบุว่าฮอว์กิงและฮิกก์ส ต่างเป็นคู่แข่งที่จะได้รับรางวัลโนเบล ซึ่งจะได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผลการทดลองที่จะออกมาจากเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซีของเซิร์น และการโต้เถียงของทั้งสอง ทำให้เกิดแรงกดดันมหาศาลต่อองค์กรวิทยาศาสตร์แห่งนี้

    ฮิกก์สซึ่งปัจจุบันอายุ 79 ปีแล้ว ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับอนุภาคฮิกก์สตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 ซึ่งก่อนหน้านั้นนักฟิสิกส์ ต่างสงสัยมานานว่าอนุภาคมีมวลได้อย่างไร โดยเขาอธิบายว่าไ ด้เขียนเอกสารยาว 2 หน้า ที่กลายเป็นพื้นฐานของฟิสิกส์อนุภาคในปัจจุบัน ซึ่งงานของเขาได้แสดงให้เห็นว่า อนุภาคที่ไม่มีมวลเปลี่ยนไปเป็นอนุภาคที่มวลได้อย่างไร.


    <CENTER>
    Special : "เซิร์น" กับปฏิบัติการค้นหาต้นตอจักรวาล </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. K_Jit

    K_Jit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +1,755
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top>การทดลองของเซิร์นทฤษฎีวิทยาศาสตร์ที่คล้องกับพุทธศาสนา
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1><CENTER>[​IMG]</CENTER>


    "การทดลองสร้างปรากฏการณ์บิ๊กแบงขนาดจิ๋ว" ของนักฟิสิกส์ที่ห้องปฏิบัติการศูนย์วิจัยนิวเคลียร์แห่งยุโรปหรือ เซิร์น (CERN: เป็นตัวย่อจากภาษาฝรั่งเศสซึ่งแปลว่า Center of European Nuclear Research) เมื่อวันที่๑๐ กันยายน๒๒๕๑ ที่ผ่านมา
    นับเป็นวันที่เหล่ารวมถึงประชาชนทั่วโลกต่างกำลังเฝ้ารอและลุ้นระทึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากการทดลองจำลองการเกิดปรากฏการณ์บิ๊กแบง โดยใช้เครื่องเร่งอนุภาคความเร็วสูงเกือบเท่าแสง หรือ Large Hadron Collider (LHC) ซึ่งในมุมมองของฟิสิกส์ต่างหวังว่าการทดลองครั้งนี้จะเป็นบันไดอีกขั้นหนึ่งที่จะช่วยไขปริศนาปัญหาพื้นฐานที่เกิดขึ้นในเอกภพ
    อย่างไรก็ตามการทดลองทางวิทยาศาตร์ขั้นสูงที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ ในความเป็นจริงแล้ว ก็มีคำสอนในพุทธศาสนาหลายประเด็น ที่สอดคล้องกับวิทยาศาสต์สมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ขนาดของปรมาณู อนุภาคที่เล็กกว่าควอนตัม รวมทั้งเรื่องของมิติ <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    ทั้งนี้นายโอฬารเพียรธรรม ผู้เขียนหนังสือ ตามหาความจริงวิทยาศาสตร์กับพุทธธรรม และถอดกฎ พบกรรมทฤษฎี ธรรมประยุกต์ อธิบายให้ฟังว่า
    คนทั่วไปเห็นว่าคำสอนในพุทธศาสนามีตรรกะ ของเหตุ-ผลเหมือนวิทยาศาสตร์มานานแล้ว และในส่วนที่เกี่ยวกับจิต นักจิตวิทยาสมัยใหม่ ก็ใช้หลักในพุทธศาสนามาช่วยวิเคราะห์ พฤติกรรมต่างๆของจิต ช่วยสร้างความสำเร็จตามเป้าหมายของมนุษย์ เป็นต้น
    แต่ที่นายโอฬารเสนอนั้นได้เอาสาระในพุทธศาสนามาเทียบกับวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา โดยตรงเลย และหลักสำคัญในพุทธศาสนาเรื่องหนึ่งคือ กฎแห่งกรรม นายโอฬารก็เอามาโยงกับโหราศาสตร์ได้โดยตรง โดยใช้ควอนตัมฟิสิกส์ รหัสพันธุกรรม เป็นตัวเชื่อม และมีเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่อง <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    อย่างไรก็ตามนายโอฬาร สรุปความเชื่อมโยงเรื่องอะไรบ้างในพุทธศาสนากับศาสตร์อื่นๆ ขอสรุปเป็นข้อๆ ดังนี้ คือ
    ๑.ในคาถาปลินิคัณฑุพระพุทธเจ้าเคยอธิบายขนาดของปรมาณู โดยแบ่งทอนความยาวเมล็ดข้าวเปลือกลง ๖ ครั้ง ด้วยตัวเลขต่างๆ เมื่อมาคูณกัน ได้ ๘๒.๓ ล้านส่วน ทั้งนี้จากการคำนวณขนาดของ ๑ ปรมาณู จะมีขนาดเท่ากับสิบยกกำลังลบแปดเซนติเมตร ซึ่งเท่ากับขนาดของอะตอมที่วิทยาศาสตร์ระบุไว้พอดี
    นอกจากนี้แล้วพระองค์ก็บอกว่า ปรมาณูมิได้เป็นแท่งทึบ มีช่องว่างภายในมากมาย ซึ่งตรงกับคุณลักษณะของอะตอมจริงๆ <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    ๒.ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ในพุทธศาสนามีอยู่ในทุกปรมาณู และเป็นคุณสมบัติของธาตุ มิใช่ตัวธาตุโดยตรง และทั้งหมดนี้เชื่อมโยงกับ ๔ แรง ทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ในทุกอะตอม
    กล่าวคือธาตุดิน เชื่อมโยงกับแรงโน้มถ่วง ธาตุน้ำ เชื่อมโยงกับแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม ธาตุลม เชื่อมโยงกับแรงแม่เหล็กไฟฟ้า และธาตุไฟ เชื่อมโยงกับแรงนิวเคลียร์อย่างอ่อน
    ๓.วิทยาศาสตร์ใหม่แสดงคุณสมบัติของอนุภาคควอนตัม(ส่วนย่อยของโปรตอน นิวตรอน ในอะตอม) ที่แปลกประหลาดมากมาย เช่น เป็นได้ทั้งอนุภาค และคลื่น (ทั้งสสารและพลังงาน)
    และระหว่างอนุภาคด้วยกันจะรับส่งข้อมูลสื่อสารกันได้ด้วยความเร็วมากกว่าแสง ซึ่งอาจจะสรุปได้ว่า อนุภาคควอนตัม มีตัวรู้ คือจิตวิญญาณด้วยโดยสรุปคือทุกๆ ปรมาณู / อะตอม (คือทุกสรรพสิ่ง) มีตัวรู้ด้วย
    หรือกล่าวได้ว่าทุกปรมาณู จะมีครบ ๖ ธาตุ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศธาตุ และวิญญาณธาตุ หรือทุกอะตอมทางวิทยาศาสตร์ก็จะประกอบด้วย ๔ แรงดังกล่าวข้างต้น รวมกับช่องว่าง (Space) และตัวรู้ (Conciousness )
    ๔.จากคุณสมบัติของอนุภาคควอนตัมในข้อ๓ ทำให้วิทยาศาสตร์ช่วยยืนยันคำสอนในพุทธศาสนา ที่ว่าทุกสรรพสิ่งไม่เที่ยง ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ และไม่มีตัวตนที่แท้จริง และหลักอิทัปปัจจยตา ที่ว่าทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ต่อเนื่องกันไปทั้งนั้น ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดอยู่ได้โดยตัวของมันเองจริงๆ
    ๕.จากคุณสมบัติอนุภาคควอนตัม ที่แสดงว่า ทุกสรรพสิ่งมีตัวรู้ บันทึกข้อมูลจากพลังจิตใดๆ ก็ได้นั้น ทำให้อธิบายได้ว่า ทำไมน้ำมนต์ พระเครื่อง ฯลฯ จึงศักดิ์สิทธิ์ได้ รวมถึงความเป็นไปได้จริงของไสยศาสตร์ต่างๆ ที่เราเคยได้เห็น ได้ฟังกันมาด้วย (แต่ไม่ควรงมงาย)
    ๖.กฎแห่งกรรมโยงกับโหราศาสตร์โดยตรง อธิบายสั้นๆ ได้ว่า การทำกรรมต้องมีเจตนาทางจิต และก่อนที่กรรมจะให้ผล (วิบาก) ต้องมีขบวนการของกรรมทำงาน ระหว่างกลาง (อาจใช้เวลาเป็นปี นับสิบปี หรือ ข้ามภพชาติก็ได้) กฎแห่งกรรม ทำงานได้จากพลังกรรม ที่บันทึกในจิต ผู้เกี่ยวข้องทุกคน และบันทึกไว้ในทุกสรรพสิ่งโดยรอบ ทั่วโลก ทั่วจักรวาล ฯ
    โหราศาสตร์คือการสังเกตปรากฏการณ์ ขณะที่ขบวนการของกรรมทำงาน เทียบกับผลกรรมที่เกิดขึ้น จดบันทึก ทำสถิติ และสร้างหลักเกณฑ์การทำนายขึ้นมา(การผูกดวง การอ่านลายมือ การอ่านไพ่ มีพื้นฐานจากหลักการนี้)
    และ๗.ทฤษฎีสตริง(String Theory) ที่กล่าวถึงอนุภาคพื้นฐานที่เล็กกว่าอะตอมหรือ ควอนตัม นับล้าน ล้าน ล้าน ล้าน เท่า โดยตัวสตริงนี้จะสั่น (vibrate) อยู่ตลอดเวลาด้วยความถี่ต่างๆกัน
    ทฤษฎีนี้น่าจะเชื่อมโยงกับการมีอยู่จริงของภพภูมิของโอปปาติกะ ในพุทธศาสนาได้
    ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ได้มีการคำนวณไว้ว่าตามฤทษฎีบุว่าจักรวาลหรือเอกภพอาจจะต้องมีมิติ มากถึง ๒๖ มิติ ทฤษฎีจึงจะเป็นจริง (ไม่ใช่ ๔ มิติ ของโลกปัจจุบัน ซึ่งประกอบด้วย กว้าง ยาว สูง และเวลา) ในพุทธศาสนาภพภูมิของโอปปาติกะ มีรวม ๒๙ มิติ แต่ในด้านศาสนาเรียกว่าภพภูมิ และแต่ละภพภูมิก็แยกกันได้ด้วยความถี่(vibration) ที่ละเอียดหยาบ แตกต่างกันไป "ประโยชน์ทางวิชาการสำหรับคนสมัยใหม่ ที่มักเอาวิทยาศาสตร์เป็นตัวตั้งในทุกเรื่อง และไม่สนใจศาสนา เห็นว่าล้าสมัย จะได้ทราบว่า พุทธศาสนาสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ ๑๐๐% และยังมีอีกหลายเรื่องที่วิทยาศาสตร์ก้าวไปไม่ถึงอย่างไรก็ดี เรื่องทางวิชาการย่อมไม่ใช่ทางหลุดพ้นจากทุกข์ แน่นอน ทุกคนก็ต้องยึดแนวทางปฏิบัติด้วย สั้นๆ คือ ใช้ทาน ศีล ภาวนาเพื่อให้หลุดพ้นจากทุกข์" นายโอฬาร กล่าวทิ้งท้าย
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.komchadluek.net/2008/09/17/x_scoo_p001_221276.php?news_id=221276
     
  3. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    [​IMG]

    แวะเอาภาพฮาๆ ขำๆ มาฝากครับ ใครเคยเล่นเกมส์ชื่อ HALFLIFE น่าจะรู้นะครับ
    เนื้อเรื่องในเกมส์ จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการสร้างเครื่องเดินทางข้ามมิติ แล้วเครื่อง
    เกิดระเบิด ทำให้สัตว์ร้ายจากมิติอื่นออกมาอาละวาด
     
  4. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เป็นความ"บังเอิญ"ที่ตัวเอกของเร่องที่มีการสร้างเครื่องเร่งอนุภาคเพื่อเปิดประตูมิตินี้ มีหน้าตาเหมือนกันกับนักวิทยาศาสตร์ ในโครงการของCern ไม่มีผิด

    ถ้า เครื่องเร่งอนุภาคเมื่อเปิดแล้วจะมีผลกระทบประหลาดโดยบังเอิญอีกก็ไม่น่าแปลก

    แต่โชคดีของชาวโลกที่ ขณะนี้โครงการทดลองถูกระงับลงเนื่องจากแม่เหล็กหลุดออกมาและก๊าซหล่อเย็นรั่วครับ

    ยืดเวลาออกไปอีกหน่อย
     

แชร์หน้านี้

Loading...