ก็ผมสงสัย ที่เค้าบรรลุธรรม เห็นธรรม เค้าเห็นอะไร เกิดดับเหรอ ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เสขะ บุคคล, 20 กุมภาพันธ์ 2015.

  1. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    การเห็นการเกิดดับนั้นจะนำพาเราให้เกิดปัญญาว่า. ทุกอย่างไม่เที่ยง. เมื่อไม่เที่ยงก็จะนำพาเราให้เราเกิดปัญญาว่าเป็นทุกข์ไม่คงทนถาวรมีการเปลี่ยนแปลง. เมื่อไม่มีความคงทนถาวรเป็นทุกข์มีการเปลี่ยนแปลงไป. ทำให้เรามีปัญญเข้าถึงความเป็นอนัตตาคือ. ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่บุคคลเราเขา บังคับบัญชาไม่ได้. เมื่อเข้าใจอย่างนี้นี่คือปัญญาสูงสุด (เนตังมะมะ นะโสหะนัสมิ นะเมโสอัตตา) ปัญญาตรงนี้สามารถเกิดจากการฟังและการตรึกตามเหตุผลก็สามารถรู้และเข้าใจได้. แต่ยังไม่สามารถตัดกิเลสได้หมด.จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าถึงการหลุดพ้นของรูปนามหรือเรียกง่ายว่าดับรูปนามนั้นเองก็คือร่างกายดับไปจริงๆในมโนทวารและนามทั้งสี่ก็ดับไปด้วยตรงนี้แหละครับมรรคจิตเกิดเมื่อมรรคจิตดับผลติตก็เกิดเป็นอริยบุคคลอย่างน้อยโสดาบัน คือการเข้าถึงสภาวะวิมุติการดับกิเลสดับอวิชาดับตรงนี้เพราะเป็นการดับรูปนาม. เมื่อรูปนามดับ. กระแสปฎิจสมุปาทก็วิ่งลงไปจนถึงดับอุปทาน วิ่งวนไปถึงดับอวิชาเพราะรู้แล้วว่าทุกอย่างไม่ใช่ตัวเรา ไม่มีบุคคลเราเขา. บังคับบัญชาไม่ได้ การดับกิเลสนั้นจะต้องมีเหตุปัจจัยหลายอย่างรวมกันเลยทีเดียว. แสงสว่างก็ปรากฎกำจัดความมืดที่มืดมานาน. ตรงนี้เป็นรูปธรรม. จักขุ ญาน ปัญญา. วิชชา. แสงสว่าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2015
  2. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    - ขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยคนนะครับ
    ...... [๖๙๖] ย่อมตรัสรู้ด้วยจิตที่เป็นปัจจุบันและญาณในขณะแห่งโลกุตรมรรค
    อย่างไร ฯ
    ในขณะโลกุตรมรรค จิตเป็นใหญ่ในการให้เกิดขึ้น และเป็นเหตุ
    เป็นปัจจัยแห่งญาณ จิตอันสัมปยุตด้วยญาณนั้น มีนิโรธเป็นโคจร ญาณเป็นใหญ่
    ในการเห็น และเป็นเหตุเป็นปัจจัยแห่งจิต ญาณอันสัมปยุตด้วยจิตนั้น มีนิโรธ
    เป็นโคจร ย่อมตรัสรู้ด้วยจิตที่เป็นปัจจุบันและด้วยญาณ ในขณะแห่งโลกุตรมรรค
    อย่างนี้ ฯ.......

    - ประธาน กริยา กรรม คืออะไร ถ้าถามว่าเห็นอะไร เห็นก็เป็นกริยา เห็น กับรู้ ก็คืออันเดียวกัน เช่นเห็นด้วยตา รู้ด้วยใจ เป็นต้น
    - แล้วผู้เห็น ผู้รู้คือใครละ ตัวผู้รู้มีอยู่สองตัว คือจิต และ ญาณ (ตัวนิพพานธาตุ ) เท่านั้นแหละครับ
    - จิต มีคุณสมบัติ คือ อยู่ในขันธ์ห้า สามารถคิดได้เอง เพราะมีตัวประกอบคือสังขาร มีคลังข้อมูลเพราะมีตัวสัญญา คือสามารถนึกคิดได้ตัวจิตเกิดแล้วก็ดับไม่คงที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา
    - ตัวญาณ อยู่นอกขันธ์ห้า ไม่สามารถนึกคิด ได้เอง แต่ก็เชื่อมกับ ขันธ์ห้า ด้วยตัวกิเลสสังโยชน์ แต่ก็เป็นตัวคงที่ไม่เกิดไม่ดับ

    - การเห็นอะไร ก็คือเห็น ว่าขันธ์ห้า เป็นอนัตตา คือไม่มีตัวเราในขันธ์ห้า ขันธ์ห้าไม่ใช่ตัวเรา และก็เป็นสิ่งไม่น่าเอาเพราะมีทุกข์มาก ลองคิดดูสิ ว่าการเห็นเหล่านี้ ทำไมตัวจิตมันจะไม่เห็น มันไม่ได้โง่ ศึกษาแป๊บเดียวก็เห็น หรือใครว่ามันไม่เห็น หรือใครว่ามันเห็นด้วยใจไม่ได้ อย่าหลอกตัวเองนะครับ
    - การเห็นด้วยญาณสิครับ ของยาก ยากมากๆ ถ้าเห็นแค่ครั้งเดียวก็ถือว่าตรัสรู้ธรรมกันเลยทีเดียว
    - ทำอย่างไรจึงจะให้เห็นได้ด้วยญาณ ลำพังแต่จิตก็ไม่ได้ ลำพังแต่ญาณก็ไม่ได้ ตามพระสูตรเลยนะครับ

    - จิตเป็นตัวป้อนข้อมูลให้กับตัวญาณ จิตเป็นปัจจัยแห่งญาณ ชัดเจนครับ จิตเป็นตัวป้อนข้อมูลให้กับญาณ
    - ญาณเกิดได้ก็ด้วยการบำเพ็ญสติปัฏฐานสี่ เพื่อให้เกิด ตัวสติและสัมปชัญญะ อย่างต่อเนื่อง ตัวสติก็คือจิต ตัวสัมปชัญญะก็คือญาณ
    - เมื่อตัวญาณ เกิดมากขึ้น ตัวจิตก็น้อมให้ตัวญาณรับรู้ ในสิ่งที่ฝึกมา คือให้เห็นความเป็นอนัตตา ความเป็นทุกข์ ของการยึดเอาขันธ์ห้า การเกิดก็คงเหมือนอุ
    บัติเหตุ เมื่อใหร่ไม่รู้ แล้วแต่จังหวะของใครของมัน ทำถูกวิธี โอกาสก็สุงแหละ

    - เมื่อ เกิดญาณรับรู้ ตามที่น้อมจิต ก็จะตัดสังโยชน์ได้เป็นครั้งๆไป การน้อมจิตให้เกิดวิปัสสนาจึง เป็นที่มาของการทำวิปัสสนานั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2015
  3. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    พี่เตชกล่าวเป็นลำดับขั้นตอนน่าสนใจมากครับ
    รับไปพิจารณาต่อครับ

    และในยุคปัจจุบันและอดีตผ่านไม่นาน พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านใดบ้างที่มีอุปนิสัย เป็นขิปปาภิญญา ตามประวัติ พอจะแนะนำให้ไปศึกษาได้ไหมครับ
     
  4. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    ต้องขออภัยด้วยนะครับพี่ Prasit5000 ค่อนข้างกระจัดกระจาย ผมไม่เข้าใจช่วยสรุปให้หน่อยได้ไหมครับ
     
  5. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    จะว่าไปแล้วผมนี่ก็นักอ่านเป็นหนอนแทะกระดาษตัวยงคนหนึ่งเช่นกัน
    ครูอาจารย์ในสมัยปัจจุบันที่ว่า
    ท่านเห็นเพียงเกิดดับแล้ว แล้วท่านแทงทะลุจนถึงนิพพานได้เลย
    ตามที่ผมได้อ่านมาแทะกระดาษมา ไม่ปรากฎเลยจริง ๆ ครับ
    จึงไม่สามารถจะเรียนให้ท่านเสขะ บุคคล ทราบได้

    แต่ที่พอจะทราบตามประวัติครูบาอาจารย์
    ก็มีตามที่หลวงปู่มั่นท่านกล่าวถึงหลวงปู่เจี๊ยะว่า
    “ทุกขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา ท่านผู้นี้ปฏิบัติลำบากแต่รู้เร็ว
    ปฏิบัติเพียง ๓ ปี เท่ากับเราปฏิบัติภาวนามาเป็นเวลา ๒๒ ปี
    อันนี่อยู่ที่นิสัยวาสนาเพราะนิสัยวาสนาของคนมันต่างกัน"
     
  6. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    [​IMG]

    ......................รับไปพิจารณาต่อครับ..........:cool:

    ......................รับไปพิจารณาต่อครับ..........:cool:

    ......................รับไปพิจารณาต่อครับ..........:cool:

    ......................รับไปพิจารณาต่อครับ..........:cool:

    ......................รับไปพิจารณาต่อครับ..........:cool:

    ......................รับไปพิจารณาต่อครับ..........:cool:
     
  7. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    พี่เสขะว่า
    ไตรลักษณ์เกิดดับอ๊ะป่าวครับ
     
  8. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    หากรับไปพิจารณาต่อ
    วัฏฏะ
    เกิดดับอีกไหม
     
  9. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    ขอตอบตามจินตนาการละกันครับ สิ่งที่เป็นไตรลักษณ์ มันเกิดดับ เที่ยงอยู่แบบนั้น

    ตอบตามทัศนะนะครับ เอาเท่าที่ห็นมานะครับ
    เมื่ออุปาทาน ในกายเวทนาดับลง กายดับ เวทนาดับ สิ่งที่มีอยู่เหลืออยู่มีครับ สติกับจิตยิ่งเด่น สักแต่ว่ารู้
    เห็นความดับแบบผู้มีกิเลส เห็นมาแค่นี้ครับ
     
  10. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    แล้ว วิวัฏฏะ ไม่เกิดดับไหมครับ :boo:
     
  11. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ต่อสองโพสเลยแล้วกัน
    สิ่งที่ว่ามา
    ไตรลักเอย
    เวทนาเอย
    กายเอย

    พิจารณาต่อไหมว่า
    สิ่งที่กล่าวมานั้น
    มันเหมือนกันที่ตรงไหน

    ที่นี้
    เคยอ่านที่หลวงตามหาบัวเทศน์
    สิ่งที่ไม่...จะปรากฎก็ต่อเมื่อจิต
    ผ่านการซักฟอกแล้วเท่านั้น
    หลวงปู่พุธ.
    ก็กล่าวว่า
    สิ่งที่ไม่เกิดไม่ดับจะปรากฎต่อเมื่อเมื่อ
    จิตตัดขาดจากกระแสกิเลส

    พิจารณาต่อไหม
    เอ...ถ้าสิ่งที่ไม่เกิดไม่ดับ
    ปรากฎแก่เราแล้ว...???
     
  12. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    :z1

    Zzzz
     
  13. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    ผมถึงถามไงครับ
    แล้วก็อธิบายถึงความเห็นของตนในสิ่งที่เห็นดับไปไงครับ พี่ปราบ
    ยังไม่เห็นสิ่งที่ดับไม่เหลือที่คนบรรลุธรรมเค้าเห็นกัน เลยสงสัย
    คือภูมิไม่ถึงจริงแท้ ก็เห็นแค่เกิดดับระดับเด็กน้อย
    :mad::'(
     
  14. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    พี่ปราบเห็นแบบไหน แนะนำน้องละกันครับ
    พี่เกิดก็สอนน้องแล้ว พี่เตช พี่เอกวี พี่ๆๆ เค้าแสดงหมดแล้ว
    รอพี่ปราบ แสดงความเห็นเปิดกระโหลกให้ครับ :cool:
     
  15. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ว่าแต่ว่า ดับ ไม่เหลือ พี่เสขะ เข้าใจว่าคืออะไรเหรอครับ

    กิเลสดับไม่เหลือ หรืออย่างไร
    (ถ้ากิเลส ดับไม่เหลือหรือขาดสะบั้นไปหมด ผมเข้าใจว่า ผู้นั้น บรรลุธรรมแล้วครับ)

    ส่วนพี่เส เห็นเกิดดับ ผมก็ว่าดีแล้วนี่ครับ

    หากเข้าใจคำว่าเกิดดับ

    คือ มันไม่มีอะไรจะพูด พูดได้แต่ เกิด ดับ

    ก็ต้อง ทำความเพียร ให้ จิตเห็นเกิด ดับ ต่อไป
    ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก
    ความอัดแน่น ของความเพียร ที่ทำให้จิตเห็นเกิดดับ
    จะบ่มพละให้กล้าขึ้น ระดับ วิปัสณาญาน จากอ่อนๆ
    จะไล่ลำดับ เป็นกล้าขึ้น ของการเห็นซ้ำๆ
    จากความเพียรที่ทำให้จิตเห็นเกิดดับ


    ต้องดูดีดีนะครับ ว่า หากจิต เห็นเกิดดับจริง
    สิ่ง ที่จะมาเป็นผลพลอยได้ อันนี้ มันจะตามมาด้วย

    ญาณหยั่งรู้ อะไรต่างๆเป็นต้น
    อันนี้ ผู้ที่อ่านแต่ตำรา จะไม่ได้สัมผัสญาณหยั่งรู้ตรงนี้เลย
    (แม้ผู้ฝึก ที่เขาเรียก ว่าสุขวิปัสโก ก็จะผ่านทางนี้เช่นกัน จะมีภูมิรู้ภูมิเห็นเหมือนกัน แต่ไม่คล่องเท่านั้นเอง)
    ฉะนั้น

    จิตที่เริ่มเห็นเกิดดับ
    วิปัสนาญาณอ่อนๆ จึงเริ่มเกิดขึ้น

    และหากเราไม่ได้อยู่ใกล้ ครูอาจารย์ วิปัสนูกิเลสก็จะแทรกตามมาด้วย
    ด้วย จะเกิด ภูมิ ญาณหยั่งรู้
    บ้างรู้พร้อม ของ นิมิต
    บ้างพร้อมโอภาส
    บ้างพร้อมหยั่งรู้ใจคน
    บ้างไปรู้พร้อม เรื่อง ลับๆ ลี้ๆ

    ซึ่ง ในขณะที่เป็น
    ผู้ภาวนาก็มิได้มีเจตนาจะไปรู้
    แต่เป็นไปด้วยอำนาจของจิต ของสมาธิ ซึ่งมันจะเป็นไปเอง
    โอกาส ของวิปัสนูกิเลส จะแทรกมาได้ ง่ายๆ ตรงนี้

    เมื่อเริ่มสัมผัสใหม่ๆ

    บางคนจิตถอนออกมา กำลัง สติ ปัญญา ยังอ่อน
    เกิดความยินดี ยินร้าย
    ก็เกิดความคลาดเคลื่อน เรียกว่าวิปลาส(ไม่ได้หมายความว่า บ้านะ)
    ว่าตัวเอง บรรลุธรรม ขั้นนั้น ขั้นนี้บ้าง
    เป็นพระศรีอาริยะบ้าง เป็นผู้วิเศษค้นพบด้วยตัวเองบ้าง
    ได้เจอ เทพเจ้า พ่อแม่ องค์ธรรมบ้าง

    ซึ่งมันก้จะเป็นไป


    แต่หาก โดนเคาะกะโหลด จากครูอาจารย์บ้าง
    ก็จะเดินทางได้อย่างข้ามหัวเลี้ยวหัวต่อได้

    ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมา ว่าสั้นๆ ก้มีแต่ เกิดดับ ทั้งนั้น



    หาก ผู้ภาวนา อบรมจิตให้เห็นเกิดดับ ได้อย่างต่อเนื่อง
    ความชำนาญในการเห็น จะทำให้จิต มี ปัญญากล้าไปเป็นลำดับลำดับ


    ข้อสำคัญ ที่จะทำให้จิตเห็นเกิดดับ
    คือ เราต้องเรียนรู้ วิธีการฝึก(มรรค) ให้เข้าใจ
     
  16. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    - ในวงการนี้ผมยังถือว่า ผมยังเป็นผู้น้อยอยู่ ถ้าท่านจะตรวจสอบ ความเข้าใจทางธรรมผมก็ดีละครับ คือผมเข้าใจอย่างนี้นะครับ

    - ขอยกพระพุทธพจน์บทหนึ่งก่อนนะครับ
    ....... [๓๓๘] ภิกษุนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน
    ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้ ย่อมโน้มน้อมจิตไป เพื่ออาสวักขยญาณ ภิกษุนั้น ย่อม
    รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ย่อมรู้ชัดตาม
    ความเป็นจริงว่าเหล่านี้อาสวะ นี้อาสวสมุทัย นี้อาสวนิโรธ นี้อาสวนิโรธคามินีปฏิปทา ดูกรพราหมณ์
    แม้ข้อนี้เรากล่าวว่าตถาคตบทบ้าง ตถาคตนิเสวิตะบ้าง ตถาคตารัญชิตะบ้าง อริยสาวกก็ยังไม่ถึงความ
    ตกลงใจก่อน อริยสาวกนั้น ย่อมจะถึงความตกลงใจว่า พระผู้มีพระภาคเป็นพระอรหันตสัมมา-
    *สัมพุทธเจ้า พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้
    ปฏิบัติดีแล้ว ดังนี้.
    เมื่อภิกษุนั้นรู้เห็นอย่างนั้น จิตย่อมหลุดพ้น แม้จากกามาสวะ แม้จากภวาสวะ
    แม้จากอวิชชาสวะ เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณว่า พ้นแล้ว ภิกษุนั้นย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว
    พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้วกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี......


    - ตัวเห็นคือตัวญาณ ตัวป้อนข้อมูลคือตัวจิต โดยการโน้มน้อมจิต เพื่อให้เกิดญาณ เห็นว่า ขันธ์ห้า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวเราในขันธ์ห้า
    - จิตเป็นตัวป้อนข้อมูล เช่นการเจริญ อนิจสัญญา ทุกขสัญญา อนัตตสัญญา คืออย่างไร เมื่อเราทำสติปัฏฐานสี่ เช่น อานาปานสติ เรามีสติ รู้ลมเข้า รู้ลมออก แล้วต้องตามด้วยสัมปชัญญะคือความรู้สึกตัว การรู้สึกตัวก็คือการเปิดตัวญาณให้เกิด ยิ่งตัวสติ มีหมั้นคงแค่ใหน ตัวสัมปชัญญะก็มากเท่านั้น แต่ก็นั้นแหละอยู่ที่การฝึก ถ้าฝึกแต่สติไม่ฝึกสัมปชัญญะ ก็ไม่ถูกกลายเป็นมิสฉาสติไป
    - เมื่อตัวสติเข้มแข็ง ตัวสัมปชัญญะเกิดต่อเนื่องจนกลายเป็นระดับญาณ ต่อไปก็คือการป้อนข้อมูลเข้าสู่ตัวญาณ เช่นเราป้อนอนัตตา โดยการเจริญอนัตตสัญญาโดยเอาให้มองมาที่กายกับใจนี้แหละว่า เป็นอนัตตา ว่าเป็นแค่สิ่งปรุงแต่งมันทำงานได้เอง หาได้มีตัวเราในนั้นไม่
    - มีตัวอย่าง การป้อนข้อมูลอย่างมากมายในพระไตรปิฏก เช่น เห็นว่าขันธ์ห้าเป็นดังโรค เป็นดังหัวฝึ .....ก็เพื่อป้อนข้อมูลให้ตัวญาณมันเกิด วิปัสสนาญาณนั้นเอง

    - การโน้มน้อมจิต เพื่ออาสวักขยญาณ นี้คือการป้อนข้อมูลโดยจิต สู่ตัวญาณ
    - เมื่อจิตหลุดพ้น ก็มีญาณว่า พ้นแล้ว เห็นโดยญาณว่าจิตหลุดพ้น ไม่ใช่จิตเห็นจิต
    - ภิกษุย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว คำว่ารู้ชัดก็คือรู้ด้วยญาณ รู้ด้วยสัมปชัญญะนั้นเอง
    - ถ้ามีแต่ญาณ ก็ตรัสรู้ไม่ได้ เพราะไม่มีตัวผู้ป้อน
    - ถ้ามีแต่จิต ก็ตรัสรู้ไม่ได้ เพราะไม่มีผู้รับรู้ ต้องมีทั้งผู้ป้อน และผู้รับรู้

    --- ครับผมเข้าใจอย่างนี้ครับ มีอะไรยินดีรับคำตินะครับ
     
  17. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    ขอบคุณครับพี่ปราบที่ช่วยอธิบายให้ ผมเข้าใจอะไรมากขึ้นเลยครับ สาธุ
     
  18. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    <iframe width="420" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_ojKebpQr08" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>



    <iframe width="420" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/s564XC85JGM" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  19. อณูธาตุ

    อณูธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +195
    ตัวรู้และความคิด เป็นการปรุงแต่ง ตามหลังจิต จิตเลยไปไกลแล้ว ถ้าเปรียบจิตเป็นจรวด ความปรุงก็เป็นไอที่พ่นออกมา ต้องบรรลุถึงตัวจรวด ก็แจ้งเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2015
  20. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    น้อยคนมากที่จะรู้ซึ้งว่่า จิตตัวรู้ เป็นตัวรู้ไม่จริง
    ถ้าข้ามตัวรู้นี้ไปได้หรือฆ่าตัวรู้นี้ไปได้ เค้าผู้นั้น จะคล้ายพระพุทธเจ้า
    สัพพัญญู ที่รู้รอบในกองสังขาร

    ผมได้เคยแสดงความคิด กับเพื่อนที่เป็นนักเรียนปถมด้วยกันว่า
    หากไอสไตน์ เดินทางได้ความเร็วกว่าแสง บุคคลผู้นี้ต้องบรรลุ
    ถึงฌานสมาธิ ถ้ามากไปกว่านี้ ต้องบรรลุธรรมไปแล้ว แต่ไม่มีหลักฐานอะไรยืนยันว่าท่านได้ บรรลุธรรม แค่อำนาจของฌานปุถุชน ก็อาจสามารถเดินทางได้ไวกว่าแสงอยู่แล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...