การประกาศตนว่าสำเร็จอรหันต์ในยุคนี้ เป็นปาราชิกหรือไม่?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ชาไม่รู้, 7 เมษายน 2010.

  1. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    ศาสนาพุทธก็ยังมีสองนิกาย
    ความเชื่อในจุดประสงค์สูงสุดต่างก็เหมือนกันเช่น คุณ ภานุเดช และ คุณ ขวัญกล่าวไว้นั่นแล
    พระธรรมมีไว้เพื่อระลึก ขออย่าม้วนตำรามาฟาดฟันกันเถิด มันน่าเบื่อ และยังเป็นกรรมหนักอีกด้วย

    จุดหมายใดใดก็แล้วแต่ หากกระทำไปแล้วหากศรัทธาไปแล้ว ลองแล้ว พิสูจท์แล้ว
    ตัวชี้วัดคือ ความสิ้นไปแห่ง กิเลส ตัณหา อุปาทาน เหล่านี้หมดสิ้นซากไป นั่นย่อมหมายถึง ทุกข์ทั้งหมด หายไปหมด แสดงว่าธรรมนั้นก็ย่อมส่งผลแล้วแก่ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้วก็ฉันนั้นแล..
    หากจะไปยึดติดแต่ที่ขั้นตำแหน่งที่เป็นนาม รูปนาม อรูปนาม ของผู้ปฏิบัติใดใดนั้น
    มิใช่สิ่งที่อยู่ในวิสัยของชาวพุทธที่พึงสงวนไว้
    ขอจงเดินทางตามรอยของพระธรรม ซึ่งว่าด้วย มรรคผล ที่ควรแก่การระลึกไว้กันเถิด

    อนุโมทนากับ คุณภานุเดช และ คุณ ขวัญ ด้วยครับรักษาพระธรรมเอาไว้ให้ลูกหลานกันนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2010
  2. kenzoo2522@hotmail.c

    kenzoo2522@hotmail.c Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +99
    ....นอกจากเนื้อหาในตำราที่พวกท่านกล่าวกันมาแล้ว มันไม่มีหลักฐานมูลเหตุอื่นๆมาชี้เหตุชี้ผลแล้วเหรอ...อ่านๆมาแล้วรุ้สึกงมงายชอบกลนะ ถ้ามีรายละเอียดที่น่าเชื่อถือมาก
    กว่านี้ เช่น เหตุปัยจัยในปัจจุบันหรืออะไรทำนองนี้ อีกอย่าง...สรรพสิ่งล้วนไม่เที่ยงแท้
    ล้วนไม่จีรังยั่งยืนไม่ใช่เหรอ แล้วนับประสาอะไรกับจำนวนที่เป็นตัวเลขอันเขาขีดเขียนมา
     
  3. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,515
    ค่าพลัง:
    +9,765
    ธรรมะนั้นไม่ต้องมีมากมาย
    แค่อาณาปานสติ รู้ลมเข้าออก ทุกเวลา
    นี่ก็เป็นการบ้านข้อใหญ่มากแล้ว
    รู้ตนว่าละสักกายทิฐิได้ตอนลมเฮือกสุดท้าย
    ระลึกว่า น เมโส อัตตา นี่ไม่ใช่ของเรา
    ละอัตตภาพตนให้สิ้น
    แม้กระทั่งนิพพาน ก็ไม่ใช่ของเรา
    นี่คือพุทธวจน
     
  4. ดอนdon

    ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    ผู้ถึงแล้ว ประกาศตนไม่ผิด ผู้ไม่ถึงประกาศตนผิด
     
  5. สตางค์แดง

    สตางค์แดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2006
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +406
    "พระอรหันต์จะมีอยู่คู่โลกตราบใดที่คนประพฤติธรรมให้ถึงธรรม และพระอรหันต์ขณะนี้ก็ยังมีอยู่และเป็นอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณด้วย อย่าได้สงสัยอันใดเลย "
     
  6. prapang

    prapang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +956
    เจ้าของกระทู้ User Name ว่า "ชาไม่รู้" ช่างน่ารักเหมาะสมกับตัวเองเสียจริง ๆ
     
  7. เกลี่ยง

    เกลี่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +428
    โมทนา สาธุ

    เท่าที่ทราบ ผู้ที่ถึงทรัพย์มหาศาล จะไม่ประกาศตน
    ผู้ที่ถึงทรัพย์มหาศาล ก่อนแล้ว ก็จะไม่ประกาศแทน

    สำหรับเรากุศลบท 10 ยังไม่ได้เลย เฮ้อ....

    ใครได้อะไรไม่รู้ได้ รู้แต่ตัวว่ายังไม่ไปไหน (กิเลส-ตัณหาเยอะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2010
  8. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ความเชื่อไม่ควรเชื่ออะไรแค่ด้านเดียว

    ถ้าเชื่อด้านเดียวเราก็จะเป็นว่าถูกหลอกอยู่เสมอๆ
     
  9. Hillary

    Hillary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +338
    เออ จริง ๆ ด้วย เชื่อด้านเดียวเด๋วโดนเขาหลอก ok นะค๊า
     
  10. เจ้าหญิงแพร

    เจ้าหญิงแพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +390
    เฮ้อ....ดัดแปลงข้อมูลกันซะเหลือเกิน
    สำหรับคนที่ไม่รู้นะ จะบอกให้เดี๋ยวจะไปกันใหญ่

    1000ปีแรก จะเต็มไปด้วยพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ

    1000ปีที่สอง จะเต็มไปด้วยพระอรหันต์อภิญญาหก(แต่พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาก็ยังคงมีอยู่)

    1000ปีที่สาม จะเต็มไปด้วยพระอรหันต์วิชชาสาม(แต่พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณและพระอรหันต์อภิญญาหกก็ยังมีอยู่)

    1000ปีที่สี่ จะเต็มไปด้วยพระอรหันต์สุกขวิปัสสโก(แต่พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณและพระอรหันต์อภิญญาหก และพรอรหันต์วิชชาสามก็ยังมีอยู่)

    1000ปีที่ห้า จะเต็มไปด้วยพระอนาคามี(แต่พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณและพระอรหันต์อภิญญาหก และพรอรหันต์วิชชาสาม พระอรหันต์สุกขวิปัสโกก็ยังมีอยู่)

    ส่วนเรื่องปฏิสัมภิทาญาณ อภิญญาหก วิชชาสาม และสุขวิปัสสโกต่างกันยังไง ไปหาศึกษาเอาเอง
     
  11. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    เหม่ยลี่k.kwan กลัวกรรมแล้วจะไปต่อข้างหน้าได้ไง

    เค้าให้ทิ้งให้หมด
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    กลัวการทำกรรมไม่ดี ทำให้ไม่ประมาท เป็นการหลีกเลี่ยงเรื่องที่ไม่พึงประสงค์
    กรรมเล็กๆน้อย เศษกรรม ทำไปแล้วก็ต้องชดใช้รับวิบากกรรมไป
    เป็นความทุกข์ร้อน รำคาญใจ เรื่อยไป
    กลัวการทำกรรมหนัก อนันตริยกรรม กรรมบิดเบือนพระสัทธรรม
    ก็เรียกว่าอย่าทำตนให้อยู่ในความประมาท เพราะถ้าพลาดพลั้งทำไปแล้ว
    มันจะปิดกั้นมรรคผลของตนเอง แล้วเป็นกรรมที่ให้ผลก่อนกรรมอื่นๆ อีกด้วย
    ใครอยากทำก็ทำไป ไม่มีใครเขาว่าอะไรหรอก เพราะคนทำมันก็รับกรรมเอง
    ส่วนคนอื่นเขาก็ไม่ได้มาร่วมรับกรรมที่เราทำ อย่างมากก็แค่รับรู้ เห็นแล้วก็วาง
    ถ้าเห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมโลก ก็เตือนกันครั้ง 2ครั้ง ที่เหลือก็แล้วใจคนทำเขาจะคิดเอาเอง
    เตือนมาก ก็ก่อศัตรู ทำให้ไม่ชอบใจกันอีก

    กลัวกรรม หมายถึงให้กลัวการทำกรรมชั่ว กรรมเลว ให้สำรวม ให้รู้ว่าทำไปแล้วมีผลไม่ดี
    ที่ต้องชดใช้ด้วยนะ ถ้าเป็นกรรมดี ก็ไม่ต้องกลัวมาก แต่ให้มีสติ อย่าไปหลงความดีจนเกินพอดี
    หรือเวลากรรมดีส่งผล ก็อย่าหลงดีให้มาก หลงมากๆมันก็จะไม่ดีต่อตัวเอง ไม่ก้าวหน้า ไม่เจริญ
    ตายน้ำตื้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2010
  13. panfool

    panfool เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +164
    สงสัยในสิ่งที่ไม่ควรสงสัย สงสัยในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ สงสัยในสิ่งให้โทษ ได้โปรดอย่าสงสัย
     
  14. kamoochi

    kamoochi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +326
    ไม่มีอรรถไม่มีศีลพรตและไม่มีธรรมข้อไหนที่ทำให้ใครเป็นอะไร อีกทั้งหากใครเขาจะเป็นอะไรนี่ครูบาอาจารย์ท่าน กล่าวกันไว้ว่า อยู่ที่ตัวท่านเอง ไม่ได้อยู่ที่ผู้พุดหรือผู้ถาม
     
  15. ผู้เห็นภัย

    ผู้เห็นภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +476
    ถ้ารู้ตัวกลัวกรรม อย่าทำชั่ว จะหมองมัวหม่นไหม้ ไปเมืองผี


    จงเลือกทำแต่กรรมที่ดีๆ ศีลห้าพื้นฐานของความดี ยึดไว้ไห้มั่น

    มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง นึกถึงความตายไว้เสมอ จะได้ไม่ประมาทในการไช้ชีวิต

    ตายแล้วการกลับมามีร่างกายแบบนี้ (ต้องถ่ายอุจาระ เช็ดขี้ เช็ดเยี่วยไห้ลูกหลานยังมี

    วันสิ้นสุด เมื่อเขาโต แต่เช็ดขี้ เช็ดเยี่ยวไห้เจ้าร่างกายที่เราอาศัยอยู่ ทำไห้มันจนวันตาย) พอทีสำหรับร่างกายแบบนี้

    พอทีกับการเวี่ยนวายตายเกิด ตั้งใจขอไปอยู่แดนพระนิพพาน
     
  16. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514


    ข้อความจากพระไตรปิฎก เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาครับ
    ........................................................................................................




    [​IMG]<center>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
    อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต</center> <table width="90%" align="center" background="" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr><td>[​IMG]</td> </tr><tr><td vspace="0" hspace="0" width="100%" bgcolor="darkblue">[​IMG]</td></tr></tbody></table>
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระนางมหาปชาบดีโคตมีทรงยอมรับครุธรรม ๘ ประการ
    ไม่ก้าวล่วงจนตลอดชีวิต ฯ
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ หากมาตุคามจักไม่ได้ออกบวชเป็น
    บรรพชิต ในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว พรหมจรรย์ก็ยังจะตั้งอยู่ได้นาน<sup>๑-</sup>
    สัทธรรมพึงดำรงอยู่ได้ ๑,๐๐๐ ปี แต่เพราะมาตุคามออกบวชเป็นบรรพชิต ใน
    ธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว พรหมจรรย์จะไม่ตั้งอยู่นาน ทั้งสัทธรรมก็จัก
    ดำรงอยู่เพียง ๕๐๐ ปี ดูกรอานนท์ ตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ที่มีหญิงมาก ชาย-
    *น้อย ตระกูลนั้นถูกพวกโจรกำจัดได้ง่าย แม้ฉันใด มาตุคามได้ออกบวชเป็น
    บรรพชิตในธรรมวินัยใด พรหมจรรย์ในธรรมวินัยนั้นจักไม่ตั้งอยู่นาน ฉันนั้น-
    *เหมือนกัน อนึ่ง ขยอกลงในนาข้าวที่สมบูรณ์ นาข้าวนั้นก็ย่อมไม่ตั้งอยู่นาน
    แม้ฉันใด ... เพลี้ยลงในไร่อ้อยที่สมบูรณ์ ไร่อ้อยนั้นก็ย่อมไม่ตั้งอยู่นาน แม้ฉัน-
    *ใด มาตุคามได้ออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยใด พรหมจรรย์ในธรรมวินัย
    นั้น ย่อมไม่ตั้งอยู่นาน ฉันนั้นเหมือนกัน อนึ่ง บุรุษกั้นคันสระใหญ่ไว้ก่อน
    เพื่อไม่ให้น้ำไหลออก แม้ฉันใด เราบัญญัติ ครุธรรม ๘ ประการ ไม่ให้
    ภิกษุณีก้าวล่วงตลอดชีวิตเสียก่อน ฉันนั้นเหมือนกัน ฯ
    <center>จบสูตรที่ ๑
    </center>
    เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ บรรทัดที่ ๕๘๗๒ - ๕๘๘๗. หน้าที่ ๒๕๔.
    http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=23&A=5872&Z=5887&pagebreak=0
    ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
    http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=23&i=141
    สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓
    http://84000.org/tipitaka/read/?สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่_๒๓
    http://84000.org/tipitaka/read/?index_23

    .............................................................................................................

    [​IMG] <center><big>อรรถกถา อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต สันธานวรรคที่ ๑</big><center class="D">๑. โคตมีสูตร</center></center> วรรค ที่ไม่จัดเข้าในปัณณาสก์
    สันธานวรรคที่ ๑
    อรรถกถาโคตมีสูตรที่ ๑
    ฯลฯ

    ก็ด้วยบทว่า มหโต ตฬากสฺส ปฏิกจฺเจว ปาลี นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงความนี้ไว้ว่า เหมือนอย่างว่า เมื่อเขาไม่พูนคันกั้นสระใหญ่ น้ำสักหน่อยหนึ่งก็ไม่ขังอยู่เลย แต่เมื่อเขาปิดไว้ครั้งแรกนั่นแหละ น้ำใดที่ไม่ขังอยู่ เพราะไม่ปิดกั้นเป็นปัจจัย น้ำแม้นั้นก็พึงขังอยู่ได้ฉันใด. ครุธรรมเหล่านี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เราบัญญัติเสียก่อนเพื่อประโยชน์จะไม่ให้นางภิกษุณีจงใจล่วงละเมิดในเมื่อ เรื่องยังไม่เกิดขึ้น เพราะเมื่อเราไม่บัญญัติครุธรรมเหล่านั้น เพราะมาตุคามบวช พระสัทธรรมพึงดำรงอยู่ได้ ๕๐๐ ปี แต่ครุธรรมที่เราบัญญัติไว้เสียก่อน พระสัทธรรมจักดำรงอยู่ได้อีก ๕๐๐ ปี รวมความว่าพระสัทธรรมจักดำรงอยู่ได้เพียง ๑,๐๐๐ ปี ซึ่งได้ตรัสไว้ก่อนดังกล่าวมาฉะนี้.
    ก็คำว่า วสฺสสหสฺสํ นี้ ตรัสโดยมุ่งถึงพระขีณาสพผู้บรรลุปฏิสัมภิทาเท่านั้น แต่เมื่อกล่าวให้ยิ่งไปกว่านั้น ๑,๐๐๐ ปี โดยมุ่งถึงพระขีณาสพผู้สุกขวิปัสสก ๑,๐๐๐ ปี โดยมุ่งถึงพระอนาคามี ๑,๐๐๐ ปี โดยมุ่งถึงพระสกทาคามี ๑,๐๐๐ ปี โดยมุ่งถึงพระโสดาบัน ปฏิเวธสัทธรรมจักดำรงอยู่ได้ ๕,๐๐๐ ปีโดยอาการดังกล่าวมานี้ แม้พระปริยัติธรรมก็ดำรงอยู่ได้ ๕,๐๐๐ ปีนั้นเหมือนกัน. เพราะเมื่อปริยัติธรรมไม่มี ปฏิเวธธรรมก็มีไม่ได้ แม้เมื่อปริยัติธรรมไม่มี ปฏิเวธธรรมก็ไม่มี ก็เมื่อปริยัติธรรมแม้อันตรธานไปแล้ว เพศ (แห่งบรรพชิต) ก็จักแปรเป็นอย่างอื่นไปแล. <center>
    จบอรรถกถาโคตมีสูตรที่ ๑
    ----------------------------------------------------- </center>.. อรรถกถา อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต สันธานวรรคที่ ๑ ๑. โคตมีสูตร จบ.
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    อ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก
    http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=23&A=5753&Z=5887
     

แชร์หน้านี้

Loading...