การดูจิตโดยปฏิบัติสัมมาสมาธิ ย่อมไม่คิดไปเองว่าจิตเป็นอนัตตา

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 12 มิถุนายน 2010.

  1. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ผมไปสมัครมาแล้ว แอนตี้วิมุตติ ...แต่เข้าไม่ได้ จะเปลี่ยนชื่อนามแฝงก็ไม่ยอม เอ๊ะ..!
    ผมเตรียมมองภาพกว้าง จะช่วยจี้เส้นประสาทสังคม..ให้สักเรื่อง
    สองเรื่องนะนี่ เป็นประโยชน์ต่อศาสนาซะด้วย เหตุใดมิยอมให้ผมเข้าไปเล่น ท่าน poppykun ..สมัครยังไงครับ ?
     
  2. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ขอบคุณครับท่าน สับสน!

    โดนบ่อยครับ ทั้งบนดิน ใต้ดิน ต่อหน้า ลับหลัง โดนหมด

    แล้วยิ่งไอ้ประเภทพอกรรมการหันหลังแล้วมันแลบลิ้นหลอกเรานี่สิ
    ทำเป็นแลบลิ้นหลอกเหมือนเด็ก
    ก็เลยเอากำปั้นยัดปากมันไปซะ

    เจ้ากรรม กรรมการ ดันมาเห็นตอนเราเอากำปั้นยัดปากมันซะนี่
    มันก็บอกกรรมการว่ามันไม่ได้ทำอะไร ทั้งที่มันทำแท้ ๆ
    แต่กรรมการไม่เชื่อเรา กลับไปเชื่อมัน

    ผมก็โดนใบเหลืองไปซะ....หายซ่าส์ไปเลย
     
  3. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ผมว่านะ ภาษาของคุณนี่มันวก ๆวน ๆ นะ
    ก็แค่ยกรูป นาม ขึ้นมา แล้วชี้ไปที่ นาม แค่นี้ ก็ชัดแล้ว
    เขียนมาแบบนี้ผมก็งงเหมือนกัน

    นามธรรม เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    อะไรเกิด ปัจจุบันธรรม ก็อันนั้นนั้นล่ะ
    อะไรดับ ปัจจุบันธรรม ก็อันนั้น
    ปัจจุบันของนามธรรม ภายใน เป็นอย่างนั้นล่ะ
    มันเกิด แล้วต้องดับ ไม่ดับไม่ได้ นั่นล่ะดูให้เป็นปัจจุบันธรรม

    เมื่อมีสติกำกับจิตอยู่
    นั่นล่ะเป็นปัจจุบันธรรมแล้ว

    เพราะหากไม่มีสติกำกับ
    จิตเราก็เหมือนเด็ก
    มันก็ซนไปเรื่องนั้นเรื่องนี้ตามธรรมชาติของจิตที่มีกิเลส
    กิเลสก็ลากจูงไปได้ เพราะจิตยังเป็นเด็กไม่รู้ภาษีภาษาอะไร
    จิตจึงหลงไปทั้งอดีตอนาคต ไปยังเรื่องราวต่าง ๆ
    นี่ไม่เป็นปัจจุบัน

    เมื่อมีสติกำกับอยู่
    สติจะทำให้จิต เห็น จิต
    เห็นอาการดีดดิ้นของจิต ว่าอยากไปนู้นไปนี่
    สนใจเรื่องนั้นเรื่องนี้ อดีต อนาคต ต่าง ๆ
    นั่นคือเมื่อมีสติ ทำให้จิต เห็น จิต คือเราเห็นอาการของจิตได้
    จะทำให้เราดึงจิตมาอยู่กับปัจจุบัน ได้เสมอ ด้วยความมีสติ
    นี่สติมีความสำคัญอย่างนี้

    ถ้ามีสติสืบเนื่อง ถึงแม้จิตจะแว็บไป
    แต่สติจะเป็นเครื่องระลึกรู้
    ให้ดึงจิต กลับมาสู่ปัจจุบันธรรม

    และเมื่อมีสติกำกับอยู่ตลอดเวลา
    เมื่อจิตอิ่มอารมณ์ จิตก็จะสงบตัวเข้ามา
    จนจิตรวม.....ก็เป็นปัจจุบันธรรมเช่นกัน
     
  4. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ชอบดูไม่เป็นไร

    อย่าเล่นการพนันแล้วกัน
    มันไม่ดี....
     
  5. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    คุณเข้าใจผิดแล้วครับ
    เหตุผลก็คือผมเป็นคนจริงใจครับ

    และท่านสับสน! ผมก็ว่าท่านเป็นคนจริงใจ
    ตรงไปตรงมานะครับ
     
  6. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    [​IMG][​IMG]

    ขาบอลเขารู้จักดี Red Devil แต่อันนี้ ปะทะ เป็ดปีศาจ
     
  7. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
  8. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>เล่าปัง*, เตชพโล, ไข่น้อย </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อ่าว... ไข่น้อย ถูกปาปารัซซี่ ล๊อคเป้า ซะแระ
     
  10. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    มันจะวกวนอะไรกัน เพียงแต่ผมจะดึงท่านมาใช้วิธีการพูดคุย ให้เป็นแบบเดียวกัน
    แต่จนแล้วจนรอด ท่านก็ยังใช้คำสนธนาในแนวแบบเดิมๆ คือหยิบเอาคำเก่าๆ
    ที่ผู้ฟังต้องหาความหมายในคำด้วยตัวเอง ผมขอแนะนำครับว่า ถ้าท่านจะเอาคำพูดของใครมา
    กรุณาให้เกียรติแก่เจ้าของคำพูดด้วย อย่าลืมอ้างชื่อท่านเหล่านั้นด้วย
     
  11. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ท่านบอกเองนะว่า นามขันธ์ตัวไหนเกิด นั้นก็เป็นปัจจุบันธรรม
    นามขันธ์ตัวไหนดับ นั้นก็ปัจจุบันธรรม

    ผมขอแย้ง ในส่วนที่ท่านบอกว่า นามขันธ์ตัวไหนเกิด นั้นก็คือ ปัจจุบัน
    ผมไม่ได้จะแย้งว่าไม่ใช่ปัจจุบัน แต่ท่านบอกว่า สติอยู่ที่ไหน นั้นเป็นปัจุบัน
    ........ผมขอถามหน่อยครับว่า ขณะที่นามขันธ์ตัวใดตัวหนึ่งเกิด
    ณ.ขณะนั้นมันมีสติด้วยหรือครับ
    ผมรู้สึกว่า ท่านจะมีอะไรก็พูดไปเลย ไม่รู้จักแยกแยะให้ดีเสียก่อน นี้แหล่ะ
    โทษของการไปเอา คำของชาวบ้านมาโม้ ก่อนโม้ก็ไม่ศึกษาให้ดีเสียก่อน
     
  12. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ที่ท่านพูดมาตามนี้ มันเข้าลักษณะของ นามขันธ์หรือเปล่าครับ
    ไหนบอกว่า นามขันธ์ตัวไหนเกิด ก็เป็นปัจจุบัน
    การที่จะให้จิตเห็นจิตตามที่ท่านบอก ต้องไม่บังคับให้สติอยู่กับจิตตลอดเวลาครับ
    จิตเป็นอิสระ สติก็เป็นอิสระ มันบังคับไม่ได้ มันเกิดจากมูลเหตุต่างๆ

    สติจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อ จิตไประลึกรู้อารมณ์ต่างๆ
    และอารมณ์ที่จิตก็เกิดจาก ผัสสะที่ได้รับ

    ผมสรุปเลยแล้วกันว่า สิ่งที่กำหนดได้ว่า อยู่ในปัจจุบันธรรมคือ ตัวจิตผู้รู้ครับ

    ..........จิตผู้รู้อยู่ที่ไหนนั้นคือปัจจุบันธรรม
     
  13. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ผมว่าท่านยังติดค้างไอ้คำว่า สติสืบเนื่องเป็นสายน้ำผมอยู่นะครับ
     
  14. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ท่านเตชพโลครับ ท่านว่า ท่านเป็นคนจริงใจ
    ท่านจะพูดทำมั้ย..ทำไม ให้เข้าตัวเอง
    ไอ้คำว่าจริงใจ นี่แน่ะมันหมายถึง....พูดจริงทำจริงด้วยหรือเปล่าครับ
    ถ้างั้นผมขอถาม "ต่อนี้ไป พวกท่านจะไม่ได้เห็นผมในเว็บนี้อีกแล้ว"
    คำๆนี้มาจากใครแล้วใครเป็นผู้พูดครับ
    ผมไม่อยากฟื้นฝอยหาตะเข็บ แต่เป็นตัวท่านเองนั้นแหล่ะ

    ในส่วนขององครักษ์ท่าน ท่านกล้าออกปากรับแทน
    ท่านไปถามหรือดูลักษณะการแสดงความเห็นว่า บุคคลนั้น
    มีจุดประสงค์อะไร แล้วค่อยมาคุยกัน

    จริงๆแล้วผมไม่อยากพาดพิงไปถึงองครักษ์ท่านหรอก
    ผมพยายามหลีกเลี่ยงทุกวิธีทาง ที่จะสนทนาด้วย
    รับไม่ได้กับคำพูดครับ
     
  15. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ผมไม่ใช่คนดี คุณจะสนทนาด้วยหรือไม่ก็ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้เป็นองครักษ์ท่านเตช..เพียงแต่ผมก็เคยถูก"รุม" มาแล้วในพันทิพ
    ผมทะเลาะกับขาใหญ่ในพันทิพมาเป็นเดือนกับ..ริทธี เจนเซน,จิตซังกะบ้วย,ท่านเซนเถรวาท ฯลฯ และแก๊งค์นางมารสามช่า "นาธาน"มาครั้งหนึ่ง
    ก่อนที่จะเปิดศึกใหญ่ ครั้งที่สองกับแก็งค์ "ดูจิตผิดๆ"..อีกสามเดือนเศษ ?
    ครั้งแรกของสงครามพันทิพ สาเหตุมาจาก ทุกคนอ้างตนเองเป็นผู้รักษาศาสนากันทั้งห้อง....ทำให้ผู้มาใหม่ ผู้ไม่รู้ ผู้ประมาทคนองตามปกตินิสสัยของเขาโดยสุจริต รวมทั้งผู้วิเศษ ผู้สำเร็จ พวกผิดเพี้ยนเล็กน้อย ฯลฯ..
    ถูกไล่ต้อน ไล่ด่า ไล่ให้ออกจากห้องศาสนานี้ หลายสิบรายเพราะไปขัดใจ "ขาใหญ่" เหล่านี้...พวกเขาแม่นตำรา อ้างพระไตรปิฏก กฏเกณฑ์กฏกู พวกกู "แบบสามัคคีเพศผิดๆ" ทั้งๆที่ อภัยเขาก็ได้ ตักเตือนเขาก็ได้ แต่ไม่ทำ ไม่รู้จักอภัย เมตตากัน มุ่งเอามันปลดปล่อยอย่างเดียว
    บางรายถึงกับสาปส่งไม่ขอมาห้องศาสนาที่พันทิพนี้อีก บางรายเป็นออเทสติกส์ บางรายเป็นดาว์ซินโดรม กลับไปก็มีเป็นเหตุให้ผมต้องตั้งกระทู้..

    "พิณมันตึง".....ออกมาร้องขอความเมมตา ผลที่ได้รับคือ รุมกันด่าผมทุกวัน หากหน่อมแน้มก็ไปเปิดเทปฟังที่บ้าน ที่นี่ฮารด์คอร์สุดท้าย แจ้งยึดล็อคอินผม "เกิดเป็นคนช่างยากแท้"...นี่ครั้งแรกที่ผมไม่ได้รับความเป็นธรรมอ้อ ท่านดาญาณ คือหนึ่งที่ผมเคยปกป้องไว้ ขอโชว์ผลงานหน่อยครับ ขอโทษนะครับอาจารย์ (ผมคิดเอง):':)':)':)':)':)':)':)':)':)'(
    ผมไม่ทราบเรื่องภายในที่ท่าน เตช...มีปัญหากับพวกคุณ แต่ผมเชื่อสายตาผมว่า ท่านเตช ต่อไปในภายหน้า ต้องเป็นผู้มีคุณธรรม มีศักยะภาพมากแน่ๆหากปฏิบัติต่อเนื่องไป เพราะผมมองออกว่า ท่านทำจริงเป็นคนจริงในขณะนี้ มิฉนั้นจะสื่อภาษาออกมาแบบนี้ไม่ได้หรอกครับ
    ดังนั้นหากสมมุติ ท่านเตชทำผิด..สมมุตินะครับ เหตุใดพวกท่าน ไม่อภัยกันบ้างเล่า จะไล่เขาไปไหน ใครบ้างไม่เคยผิดพลาด นี่มันบ้านเขาเหมือนคุณนั่นแหละ อย่าให้ "พิณมันตึง...นักซีครับ"...?:':)':)'(
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2010
  16. poppykun

    poppykun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +82

    ท่านเล่าปังกรุณานำธรรมของหลวงตามาวางไว้
    กัณฑ์เทศน์ของหลวงตาวันที่๐๒มิ.ย.๕๓
    ขอยกมาตอนนึง มันอาจจะขัดแย้งกับที่คุณบุญฯเขียนไว้
    ถ้าคนละบริบทก็ลองแย้งดูนะครับ

    "...ไปที่ไหนให้ดูใจ มันเคลื่อนไหวไปไหนตัวกิเลสพาให้เคลื่อน
    ให้ดูด้วยสติ ถ้าสติบังคับอยู่นั่นแล้วก็สงบเย็นใจ ภาวนาก็สะดวก
    ไปไหนสะดวกหมดถ้าสติกับจิตเฝ้าตามกันอยู่ ปฏิบัติต่อกันอยู่
    สติสำคัญมาก ท่านแสดงไว้ว่า สติสพฺพตฺถปตฺถิยา
    สติจำต้องปรารถนาในที่ทั้งปวง คือไม่มีเว้นที่สติจะไม่เข้าไปครอบนะ
    สติเป็นเครื่องรับรองการงานภายในภายนอก การเคลื่อนไหวไปมาสติเป็นสำคัญมาก..."


    "...การอบรมดูจิต จิตนี่ตัวสำคัญ ตัดดีดตัวดิ้นคือจิต มหาโจรคือจิต
    ถ้าบังคับด้วยสติให้ดีมุ่งต่อมรรคผลนิพพานเป็นจุดยืนตัวแล้วมันก็เข้าตรงนั้นละ
    ถ้าทำแบบโกโรโกโสแล้วจะสะดวกสบายที่ไหน มันไม่สะดวก
    ถ้าลงบังคับจิตกับสติให้อยู่ด้วยกันแล้วไปที่ไหนก็สบาย ในป่าในเขาสบาย
    แต่กิเลสมันคอยหลอกนะ..."


    ผมว่าสติไม่อิสระหรอก ถ้าตั้งใจสติก็มาได้
    หลวงพ่อสงบบอกไว้ในกัณฑ์เทศน์ "แชร์นิพพาน" ว่า


    "....สติก็คือสติ ชื่อมันก็ตรงตัวอยู่แล้ว
    สติก็คือสติจริงไหม สติคืออะไร...สติก็คือสติ
    ปัญญาก็คือปัญญา สัญญาก็คือสัญญา ความจำก็คือสัญญา
    แล้วมาบอกว่า “จำให้เป็นสติ”
    มันจะเป็นสติได้อย่างไร จำก็คือจำใช่ไหม
    สภาวะจำก็จำมันสิ จำไปเรื่อยๆ ก็จำไปสิ
    จำส่วนจำ สติส่วนสติ ...."
     
  17. poppykun

    poppykun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +82
    คุณสับสน รบกวนหลังไมค์ด้วยครับ
    ผมยังไม่ค่อยเข้าใจ

    เอ้อ ผมเองก็ลองเข้าไปดูแล้ว เจอกระทู้เด็ดเยอะมาก
    เห็นมีฝากไปถึงคุณจิตซังกะบ๊วยที่พันทิบด้วย
    ไม่รู้คุณที่รู้จักมักจี่กับเค้าฝากไปบอกได้มั้ย

    ถึงคุณJitzunKabuai.... เรื่องภาวนาพุทโธ
     
  18. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ท่านpoppykunครับ ประโยคอ้างอิงบนนี้ กระผมต้องขอตัวครับ
    ท่านเล่นไปเอา คำของครูบาอาจารย์ผู้เฒ่ามาตั้งประเด็น แล้วให้ผมแย้ง
    อย่างนี้ ไหนเลยผมจะกล้า ข้อสำคัญคำของพระผู้เฒ่าสมัยก่อน
    บางที่เราๆฟังด้วยกัน พร้อมกัน ยังแปลความหมายไปคนละทางสองทาง

    เอาอย่างนี้สิครับ ในคำของหลวงตาที่ ท่านพาดพิงไปถึงท่านเล่าปังว่า เป็นคนยกมาโพสท์
    ท่านมีความเข้าใจว่าอย่างไร มีความเห็นอย่างไร แล้วผมจะได้แสดงความเห็น
    ว่าจะเห็นด้วยหรือแย้ง จะได้ทำได้อย่างเต็มที่ครับ

    ขอร้องนะครับ อย่าแสดงความเห็นที่เป็นลักษณะ บทลิเกนะครับ
    เอาแบบว่า อ่านแล้วรู้เรื่องเลย ชนิดที่เรียกว่าคนฟัง เข้าใจไปทางเดียวกับผู้สื่อ
    อีกอย่างครับกรุณา อย่าไปพาดพิงใคร ที่เขาไม่ได้ร่วมสนทนากับเราในประเด็นนั้นๆครับ
    ที่บอกว่าตั้งใจสติก็มาได้ รบกวนท่านช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยครับ
    ตั้งใจทำอย่างไรครับ เอาเน้นๆ ลักษณะของจิตหรือนามอื่นๆเป็นอย่างไรครับ

    คำว่า"จำให้เป็นสติ" ผมว่าผู้ให้คำจำกัดความนี้ คงตีความหมายของคำว่า
    "ระลึกได้"ซึ่งเป็นความหมายของคำว่าสติ

    การจะระลึกถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ เราต้องเคยผ่านสิ่งนั้นมาแล้วและต้องจำได้ด้วย
    ผมเห็นด้วยทั้งสองท่านครับที่ว่า จำให้เป็นสติ กับคำว่า ความจำก็คือสัญญา

    แต่มันต่างกันตรงที่ สัญญาแล้วปรุงแต่งต่อ กับสัญญาแล้วหยุดไม่ปรุง
    แต่งต่อครับ มันก็คงคล้ายๆกับคำว่า เจ็บแล้วไม่จำอะไรเทือกนี้

    อีกที่ครับถ้าให้สนับสนุน ผมสนับสนุนคำว่า จำให้เป็นสติครับ
    ตัวอย่างง่ายๆ ถ้าเราต้องขับรถไปทำงาน วันนี้เราขับมาเส้นทางหนึ่งเป็นทางลัด
    แต่รถติดมาก จนไปทำงานสาย พอวันรุ่งขึ้นเราต้องขับรถมาทำงานอีก
    เราลืมเหตุการณ์เมื่อวานที่รถติดมาก ยังมาทางเดิม เราก็คงต้องไปทำงานสาย
    อีกเช่นเคย

    แต่ตรงกันข้าม เราจำเหตุการณ์รถติดเมื่อวานได้ เราก็เลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น
    ขอถามท่านว่า.. เหตุที่จำได้ว่ารถติดเราเลยเปลี่ยนเส้นทาง เป็นสติหรือไม่ครับ

    แล้วการที่เราจำเหตุรถติดเมื่อวานเป็นสัญญาหรือไม่ครับ

    อีกประเด็นครับ
    ถ้าท่านได้ผลสรุปแล้ว ท่านลองตรองดูครับว่า ....
    สติเกิดด้วยเหตุ หรือเกิดจาก การบังคับสติเพียวๆกันครับ
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณเตชพะโลครับ

    อธิบายได้ดีครับ แต่ต้องระมัดระวังไว้สักนิดนะครับ

    พวกที่ชอบจำเอาไว้พูด ไม่ใช่ทำมาพูด มีอยู่มากครับ

    รู้อยู่ที่รู้ คือรู้ปัจจุบันธรรม ไม่ใช่รู้อยู่ที่เรื่องที่เกิดอยู่ในปัจจุบัน

    เพราะเรื่องที่รู้นั้นก็เกิดๆดับๆตลอดเวลา กลายเป็นอดีตไปตลอดเวลาเช่นกันครับ

    เราจะเรียกเรื่องเหล่านั้นว่าปัจจุบันธรรมได้หรือ??? ไม่ใช่เลยใช่มั้ยครับ???

    ;aa24
     
  20. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ท่านสับสนครับ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านเตชไปมีปัญหากับใคร
    แต่ในส่วนของผม ผมไม่ชอบมีปัญหากับใคร หรือไปรุมกินโต๊ะใครอยู่แล้ว

    ผมไปอาฆาตแค้นอะไรท่านเตชครับ ที่ลงมาคุยกับท่านเตช ก็เพราะเห็นแย้งกับ
    เตชในเรื่องธรรม บางทีการสนทนาแรงบ้าง ไม่เข้าหูบาง มันก็เป็นการชิงไหวชิง
    พริบกันในชั้นเชิงการสนทนา

    ท่านสับสนบอกว่า ทำไมไม่ให้อภัยเขา ผมไม่ถือสาอยู่แล้วไม่ชอบย้ำหัว
    ตะปูใครด้วย ที่ผมยกคำของท่านเตชที่ว่า"จะไม่เห็นเขาแล้วนั้น"
    คำนี้เป็นคำที่ผมแย้ง ในคำของท่านเตชที่ย้อนผมในตอนแรก
    ผมก็เพียงให้เหตุผลว่า"สิ่งที่ท่านเตชพูดมันไม่จริง"

    ...และที่สำคัญที่สุดสิ่งที่ผมอ้าง มันเป็นความจริง มีหลักฐานอ้างอิง
    แล้วความต้องการของผม ไม่ใช่เพื่อจะไล่ท่านเตชนะครับ
    ผมเพียงแค่ ต้องการให้ความเห็นที่ผมเสนอ ไม่ว่าจะเรื่องใด มีผลเป็นบวกในสายตาของสมาชิกเท่านั้น

    ท่านครับท่านว่า ท่านเตชมีสิทธิเหมือนทุกคน ใช่เลยครับผมไม่เถียง
    แรกเริ่มเลยท่านเห็นใครใช้อำนาจบาทใหญ่ มาไล่ท่านเตชหรือครับ ผมไม่
    เห็นมีนะครับ เห็นท่านเตชประกาศเองทั้งนั้น แล้วก็ไม่ใช้ทีเดียวมันหลายหน

    ไม่มีใครเอาเรื่องกับเรื่องนี้อยู่แล้ว เขาให้อภัยได้ แต่มันต้องอยู่ที่ว่าเจ้าตัว
    จะสำนึกมั้ย แต่เท่าที่ดูมาท่านเตชยังไม่รู้สึกรู้สา แกยังเอาสิ่งที่เป็น
    ปมด้อย มาเป็นปมเขื่อง เพื่อเอาชนะผู้อื่น แต่เมื่อเจอคนที่มีปมเด่นในตัว
    ย้อน และสิ่งที่ย้อนมันก็เป็นธรรมล้วนๆ ท่านสับสนกลับมา ว่ากล่าวคนอื่นหาว่าไปรุมรังแกท่านเตช

    ถ้าท่านสับสน มีใจเป็นธรรม อย่าคิดว่าท่านเตชมีอุดมการณ์เดียวกับท่าน
    ท่านต้องเข้าใจว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผมและท่านเตช มันยุติธรรมแล้ว
    ที่พูดน่ะผมยอมเสียเปรียบนะ เพราะท่านเตชมีท่าน สับสนเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน
    และยังมีอีกหลายๆท่าน ที่ไม่อยากเอ่ยนาม มาคอยดันบั้นท้ายท่านเตช
     

แชร์หน้านี้

Loading...