กสิณน้ำ แบ่งปัน/แนะนำ/เล่าสู่กันฟัง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย testykhun, 16 กันยายน 2011.

  1. นะโม12

    นะโม12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +245
    โหลๆ วอฉอง วอแปด ^^

    ก็นั่นแร๊ ก็ต้องมาศึกษา
    พระไตรปิฏกมีอยู่ พระสงฆ์สาวกมีอยู่
    ก็เข้าหา เข้าฟัง แล้วทำตามเพื่อพิศูจน์ อภิธรรม ในใจตน

    สัมมาทิฐิไม่ได้อยู่ในอักษร
    แต่อยู่ที่ทำตามตัวอักษร

    สิ่งที่ยังไม่เกิด จะเกิดได้เมื่อลงมือทำ
    และทำให้รู้ด้วยตัวเอง

    และก็เป็นไปได้ยากที่จะรู้ได้ว่า ได้บำเพ็ญมามากแค่ไหนแล้ว
    เพียงแต่
    เดินตามวิปัสนาธุระ ก็สามารถ หยั่งถึงธรรมที่สมควรแก่ธรรมได้
     
  2. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ดูอย่างการพูดข้างบนนี้ ใครมาอ่าน ก็ฟันธงงได้ทันทีว่า คนพูด พูดอย่างคนไม่ฉลาด

    ซึ่ง หาก มั่วเจ๋ง ไม่ลำเอียงเพราะ พรรคพวก ก็ควร คัดค้านบ้าง ไม่ใช่ทำเป็นมอง
    ไม่เห็น อาศัยความที่ตัวเองไม่ก้าวล่วง จึงบริสุทธิอยู่ แต่ปล่อยให้ คนที่ตัวเองสนับสนุน
    รับรองคุณธรรมกล่าวผิด สามารถ กล่าวได้อย่าง หลักลอย
     
  3. นะโม12

    นะโม12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +245
  4. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    จะขอยก ตัวอย่าง สิ่งที่ นักอภิธรรมจ๋าแต่ศรัทธาง่อนแง่น พูดบ่อย คือ

    บุคคลผู้เกิดด้วยเหตุ3 หากจำไม่ผิด ก็หมายถึง บุคคลที่เกิดมาด้วย
    "อโมหะ อโลภะ อโทษะ"

    หาก ใช่

    ถามว่า บุคคลผู้เกิดด้วยจิตพร้อมพรั่งด้วย "อโมหะ อโทษะ อโลภะ" ชีวิตของ
    คนๆนั้น จะมีแนวโน้มไปทางใด

    1. มัวเมาในโลก
    2. นั่งสมาธิ หาที่ วิเวก ประกอบฌาณจิตเนืองๆ

    ถ้าเป็น นักอภิธรรมที่โง่เป็นวาสนา ศรัทธาง่อนแง่น ย่อม ตอบข้อ 1 ใช่หรือไม่

    ถ้าเป็น นักอภิธรรมที่ฉลาดมีปฏิภาณไหวพริบ ศรัทธาดี ย่อมตอบเป็นข้อ 2 ใช่หรือไม่
     
  5. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    ไม่ใช่นักอภิธรรมจ๋า แต่จะตอบแบบจ๋าๆให้แล้วกันนะจ๊ะ ^^

    กรณีพระเทวทัตท่านก็ได้คุณวิเศษเอนกอนันต์ แต่ไม่บรรลุธรรม

    เคยตอบไปครั้งนึงแล้ว ฤิทธิ์พวกนี้ เกิดได้ในสติปัฏฐานสี่ และ ก็วางได้ในสติปัฏฐานสี่

    พุทธสอนเพ่งโลกเข้าในตัว ไม่ใช่สอนเพ่งออกนอกตน

    ไม่ทราบว่าแต่ละท่าน ปราถนาคุณวิเศษเพื่อออกจากกาม สงัดต่ออกุศล จริงหรือไม่

    แน่นอน ต่างจิต ย่อมต่างปราถนา

    ถึงมีคุณวิเศษในอริยะ คุณวิเศษในพ่อปู่ คุณวิเศษในเจ้าพ่อ คุณวิเศษในออกหนังสือถือดวงแสกนวิบาก แก้กรรม


    คำว่าศรัทาในพุทธศาสนา ไม่ทราบว่า เพราะเขามีฤิทธิ์ เพราะเขาให้โชค ศรัทราจึงเกิดรึเปล่า

    ผู้บรรลุธรรม ไม่เคยพบว่าต้อง มีตาทิพย์แล้วบรรลุ

    หรือ เหาะได้ ต้องไปบรรลุกลางจักรวาล แต่อย่างใด

    หากอยู่ที่ปัญญาที่ดับได้เป็นสมุทเฉก

    กล่าวอย่างนี้ คนไม่เข้าใจก็ว่าสุดโต่ง ไม่ต้องมีสมาธิมันล่ะ
     
  6. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    หากไม่มี วาสนาจะฉลาด จะมีปฏิภาณ ควร ยอมรับใน ความโง่ ไปเสีย
    จะยังดีกว่าที่จะเที่ยวยก สิ่งที่ไม่ใช่เหตุว่าเป็นเหตุ

    พระเทวทัต ที่ไม่บรรลุเป็น อรหันตสาวก เหตุเพราะ ท่าน ปราถนาเป็น
    ปัจเจกพุทธเจ้า ใช่หรือไม่

    หากยอมรับว่า เหตุของพระเทวทัต อยู่ที่การปราถนาเป็นปัจเจกพุทธเจ้า
    นั่นเพียงพอแล้วที่จะชี้ถึง การไม่บรรลุธรรม

    การนำ พระเทวทัต มากล่าวเป็นตัวอย่าง ของมิจฉา จึงไม่ถูกต้อง

    พระพุทธองค์ ทรงใช้คำที่แทงตลอด เพื่อบรรยายเหตุไว้แค่เพียง

    "ตั้งจิตไว้ผิด" ซึ่งอันนี้ เป็นคำแปล หากจะหาคำบาลี แล้วแปลใหม่
    อาจจะได้คำที่เหมาะสมกว่านี้ เช่น

    เพราะไม่ได้ตั้งจิตจะเป็นสาวก จึงไม่บรรลุ

    เพราตั้งจิตไว้จะเป็นปัจเจกพุทธเจ้า จึงบรรลุในภายภาคหน้า
    ในยามเมื่อ พระตถาคตแลศาสนาของพระองค์จบสิ้นไปแล้ว
    (ตรงนี้เลยเป็นเหตุ พยายามทำให้ศาสนาสิ้นไปโดยเร็ว)
     
  7. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80

    คงต้องการชี้ที่โวหาร ถูกไหม

    คนปากหวานในนี้มีเยอะ ฟังแล้วเคลิ้มได้ไม่ยาก

    พิจารณาธรรมต้องไตร่ตรอง มีสติแยบคาย

    แยกธรรมผิดออกจากถูกได้ โดยไม่ติดข้องในอารมณ์ นี่แหละ :cool:
     
  8. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
  9. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    มันก็ย้อนไปคำตอบท่าน :cool:

    เพิ่งโพสไปแท้ๆ

    น้าเอกจะปากหวาน ก็ปากหวานไปนะครับ

    จะหยอด จะแปะ จะยกใคร ก็ทำไป แต่ก็ควรพิจารณาให้ดี

    แยกให้ออกว่าอะไรคือจริงแท้ อะไรคือจริงของตน
     
  10. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    มีข้อ ๓ ไหม
     
  11. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    สัญญา มาให้ระลึก ตื๊ดๆๆๆ
    อะไรคือจริงแท้ อะไรคือจริงของตน



    สัญญา ล้วนๆ เป็นเหตุ
     
  12. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    พระพุทธสัญญกเถระ

    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=33&A=1500&Z=1534
     
  13. นะโม12

    นะโม12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +245
    ให้มันได้อย่างนี้ซิ
    กำลังเตรียมอาหารป่า ^^
     
  14. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    ไปฟังใครมาเนี่ย

    จริงแท้ เป็นปรมัตถ์แล้ว ไม่มีแล้ว สัญลักษณ์ คำพูดในหัว นิมิตล้วนๆ

    ความคิด ความจำ เป็นเรื่องสังขารขันธ์แสดงกิจให้รู้อยู่

    เชื่อผมสิ ทุกข์ที่ปรากฏนั้น เป็นทุกขเวทนา อย่าไปหลงเงาความคิด ว่าอะไรก็สัญญา
     
  15. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ตกลง ไม่เข้าใจ สิ่งที่กล่าว เลย ออกตัวว่า ผมปากหวาน

    หาก แปลความไม่ได้ อยากให้พูดตรงๆ ก็บอกสิ

    * * * *

    ที่บอกว่า พวกคุณ คือ ซัวเจ๋ง กับ ตาปลา พยายามไปยุ่งกำพืดของ
    คนที่เขาเกิดมา แล้วต้องมี กรรมไปในทางการทำฌาณ เราก็ควรส่งเสริม
    ไปในการทำฌาณ อันเป็นเหตุเกิดของเขา ไม่ใช่ ไปตัดรอนเหตุของการ
    นำมาเกิดของเขา

    ดังนั้น คนที่จะสอน คนที่เกิดมาจิตย่อมโน้มไปในการทำฌาณ คุณก็ต้อง
    ฉลาดในอุบายในการสอน คือ ต้องสอนการทำ "ฌาณ" ให้กับเขา ในขณะ
    ที่ แทรกอุบายในการ ฝึกอบรมจิต อบรมปัญญา เข้าไปด้วย

    แต่ไม่ใช่ ไปพูดลอยๆว่า ให้เลิกทำ ให้หยุด

    คนมันเกิดมาเพื่อจะทำ มีเหตุเกิดมาเพื่อจะทำ จะไปบอกให้เขาหยุด เขา
    ถอนกำพืด ออก มันจะเป็นไปได้หรือ คนสอนไม่เป็น ไม่ฉลาดในอุบาย
    เท่านั้น ที่จะ สอนแบบนั้น

    ยกตัวอย่าง คุณตาปลา อ้างว่า เกิดมา แรกๆ ตัวเอง ก็เที่ยวเล่น ถอดจิต
    มีคนแห่ มีเด็กคอยแหน มีพยายมราชคอยแหงน ห้ามกินเค้ก

    ซึ่ง หากผ่านมาจริง รู้จริง เห็นจริง ย่อมมีแต่ รู้ ประโยชน์ รู้ว่าสิ่งเหล่า
    นั้นจะเอามา สอนอย่างไรให้เป็นประโยชน์

    แต่ทว่า กลับผลิกตรงกันข้าม ชี้แต่โทษฝ่ายเดียว

    ความเป็นไปได้ ก็มีอย่างเดียวเท่านั้น คือ ไม่ได้ผ่านมาจริง ไม่ได้ทำได้จริง
    ไม่ได้มีวสีจริง จึง มืดแปดด้านที่จะหยิบแง่มุมที่เป็น อุบาย ในการนำออก

    จึงมะงุมมะงาหรา กล่าว3ดวง 8ดวง 7ดวง ให้วุ่น งุนงงไปหมด แทนที่
    จะสอนอุบาย กลายเป็น ธรรม"นิยาม"

    Definition อย่างเดียว ประโยชน์น้อย
     
  16. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    คิดเองอ่ะครับ พิมพ์ไปตามที่ คิดตัวอักษร ไม่ได้มีความหมายอะไร
    เชื่อผมสิ
     
  17. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    น้าเอก ประโยคนี้ ผมอ่านไม่หมดนะ พอเดาว่าจะกล่าวอะไร (ปวดตา)

    เอาเป็นว่า นายซัวเจ๋งไม่เคยห้ามใครนั่งหลับตา

    แต่ที่ทักอยู่ทุกวัน ว่าควรศึกษาก่อนปฏิบัติ เพราะอะไร

    เพราะกำพืดเก่านั่นแหละ ถ้าไม่ศึกษาให้ดี กำพืดมันก็ลากไปได้อีกหลายอสงไข

    ก็ทักตลอด สงัดในกาม สงัดในอกุศลเคยคำนึงไหม

    และก็ทักอีก ปราถนาคุณ ติดนิมิต มีสมมุตติเป็นองค์ภาวนา นั้นเป็นโลภะ โมหะ

    และทักอีกว่า ที่ว่าสติรู้ขณะนั้น โมหะ โลภะ เขาก็รู้เป็นเหมือนกัน

    เมื่อไม่เคยใส่ใจแล้วเอาอะไรไปนั่งหลับตา มันก็โมหะ โลภะ

    เจริญมากไม่ใช่พรหมหรอก ส่วนใครที่อยู่ในทางแล้ว

    ความประมาทไม่มีแล้วในองค์ภาวนา ก็อนุโมทนาด้วย

    เข้าใจหรอ ^^
     
  18. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    อนุศาสนานีย์ปาฏิหารย์ คืออะไร พวกนักอภิธรรม มั่วเจ๋ง กับ แหกตาปลา
    พยายามจะทำให้อุโฆษ ให้ อนุศาสนานีย์ปาฏิหารย์ เป็นเรื่อง โดยการยก 7 8 16
    32 ดวง บุคคลเกิดเหตุ2 เหตุ3 ให้ ว้าวุ่นฝุ้งซ่านไปหมด

    แต่จริงๆแล้ว อนุศาสนีย์ปาฏิหารย์ ก็คือ การกล่าว เรื่องราวตามพระไตรปิฏก ตรง
    ทุกตัวอักษร เมื่อกล่าวไปแล้ว ผู้ฟังน้อมไปปฏิบัติได้ทันทีทันใด

    ดังนั้น จะยกเรื่อง พระพุทธองค์ประสูติออกมาแล้วเดิน 7 ก้าวได้ อันนี้ พวกคุณ
    สองคน นำมากล่าวได้ไหม นำมาสอนธรรมะได้ไหม

    พระพุทธองค์แสดงยมกปฏิหารย์ปราบเดียรถีย์ พวกคุณสองคน ยกธรรมบทนี้เพื่อ
    สอนคนให้น้อมปฏิบัติได้ทันทีได้ไหม

    ถ้ายกไม่ได้ ระอิด ระอาใจ ไม่กล้าแม้แต่จะยก

    ก็อย่ากล่าวไปเลยว่า ตน สามารถทำ อนุศาสนานีย์ปาฏิหารย์ได้

    คนทำได้ เขามี คนที่เขายกเรื่องพวกนี้ แล้ว คนเห็นแสง เห็นโอกาส
    ทางธรรมของตนมี

    ตนเองทำไม่ได้

    ก็ควรจะ

     
  19. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    เชื่อไหม หมกมุ่นกับความคิดว่าไม่คิดนั่นแหละคิดอยู่ ^^

    ขณะเห็น กับ ขณะคิดมันเป็นคนละขณะ

    คุณเห็นจริงไหม หมายถึงเห็นที่กิจของตาที่เห็น

    ถ้าเห็นจริง ก็จะไม่พิมพ์อะไรออกมาเลย

    ที่พิมพ์เพราะสำเร็จคิดไปแล้ว นะครับ
     
  20. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ก็ เพราะยกตนเองว่า มีความประมาท เป็นชีวิต มีความสะเพร่าเป็นทางดำเนิน

    คุณ มั่วเจ็ง ทำเสมอ ปรารภเสมอ ไม่เฉพาะกับผม แต่ ทำกับทุกๆคน
    ว่า อ่านไม่ครบ อ้างเหตุว่า ปวดตา อ้างความขี้เกียจ ประมาทในธรรม
    ต่างๆ นานา เพื่อให้ ตนพ้นผิด พ้นความรับผิดชอบ ต่อการเสวนา

    อ้างความพ้นผิดต่อความรับผิดชอบต่อ คู่สนทนา

    หมายเอาความ เหนือยใจ อ่อนใจ จะปรากฏจาก คู่สนทนา

    ตรงนี้แหละ คือ ความบกพร่อง ที่ ผมไม่อาจจะเคารพ ว่า คุณมีคุณธรรม
    อันใดประเสริฐกว่า ปุถุชน

    หาก ตอนนี้ คุณจะมายอมรับว่า เป็นเพียง ปุถุชน

    มันก็เป็นเรื่องตลก ที่ เมือกี้นี้ พูด

    เพราะว่า ผู้พูดไม่มีฐานะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...