!!เปิดกรุ!! วัตถุมงคลพระเกจิ-ธาตุกายสิทธิ์-หลากหลายสำนัก"หลักร้อย-ไม่ด้อยพุทธคุณ"

ขอจองครับ

 

พระลีลา (ยอดขุนพลศรีเทพ) พิมพ์ใหญ่เนื้อแดง สีผ่าน กรุวัดธุตังคาราม จ.เพชรบูรณ์ (พระเนื้อดินกรุศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ศิลปะคุปตะ ยุคกลางๆ ของทวารดี ประเภทเนื้อดินเผา) ที่สุดของหายาก กรุแตกกำแพงวัด

พระกรุศรีเทพ พิมพ์ ลีลายอดขุนพล ผิวเนื้อสีผ่าน ฉาบไปด้วยคราบกรุ ปกคลุม ที่ขึ้นทับถม ตามอายุกาล ศิลปะสวยงาม อ่อนช้อย และคม ชัด ลึก มากๆ ผู้ใดมีอาราธนาติดตัว กล่าวว่าผู้นั้นไม่ห่างหายเรื่อง โภคทรัพย์ และความเจริญรุ่งเรืองดังเมืองศรีเทพในอดีต เรื่องแคล้วคลาดปลอดภัยก็ไม่แพ้กรุใดๆเช่นกัน พระกรุเมืองศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ อายุการสร้างนั้นแน่นอนว่าไม่ใช่น้อย ๆ แน่ พิมพ์พระก็มีเสน่ห์ และชื่อก็เป็นมงคล

วัดธุตังคาราม ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านเกาะลำโพง หมู่ที่ 8 ตำบลศรีเทพ อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ.2360 เดิมเรียก "วัดโบสถ์" เพราะมีอุโบสถเก่าแก่ ใบเสมาทำด้วยหินสีเขียวเป็นหลักฐาน

ครั้งหนึ่ง "หลวงพ่อประเทือง" ซึ่งอยู่จำพรรษาที่วัดแห่งนี้ ท่านได้นิมิตและบอกว่าใกล้ๆ กับต้นโพธิ์ด้านทิศตะวันออกของโบสถ์จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ฝังอยู่ และเป็นโอกาสดีที่พระครูเกษมพัชรสาร มีความประสงค์ที่จะสร้างกำแพง จึงได้มาปรึกษากับคณะกรรมการ ซึ่งกำแพงนี้อยู่ติดกับต้นโพธิ์ หลังจากตกลงเรียบร้อยแล้วได้จ้างคนงานและชาวบ้านนับร้อยคนมาขุดดินบริเวณนี้ ก็ได้พบไหดินเป็นจำนวนมาก ปรากฏว่าภายในไหพบพระกรุองค์เล็กบ้างใหญ่บ้าง เป็นเนื้อหินและเนื้อโลหะปะปนกันอยู่ บางองค์เป็นเนื้อตะกั่ว รูปทรงแบบยืนและนั่ง เป็นลักษณะ "พระซุ้มกอ" เป็นเทวรูปก็มี พอนำขึ้นมาตรวจดู พระกรุนี้เป็น "พระยอดขุนพลเนื้อดิน" และก็ได้มาพบอีกพิมพ์พระหูยาน พระนาคปรก พระร่วงยืน พระยืนปางลีลาต่างๆ และพระรอด พระสมเด็จนางพญา เนื้อหามีทั้งเนื้อละเอียดเนื้อหยาบ ลงรักปิดทองก็มี

พอชาวบ้านได้เห็นต่างพากันตื่นเต้น แห่กันมาดูเป็นจำนวนมาก ต่างพากันก้มลงกราบและจุดธูปบอกกล่าวเทพเทวา พอข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปมีชาวบ้านในจังหวัดใกล้เคียงมาขอบูชา แต่ทางวัดยังไม่พร้อม และไม่รู้ว่าจะตั้งราคาเท่าไหร่ แต่ถ้าเกิดอยากได้ก็จะให้บูชาในราคาตามจำนวนที่ขุดพบว่ามีกี่องค์ และพิมพ์ไหนที่เป็นพิมพ์นิยม ราคาก็จะแพง เพราะทางวัดต้องการนำเงินมาสร้างกำแพงวัด

ในการพบพระกรุที่อยู่ในไห ถือว่าเป็นของมีค่าที่พระเกจิอาจารย์รุ่นเก่า หรือชาวบ้านได้สร้างเอาไว้ เพื่อที่จะเป็นมรดกตกทอดกันมาถึงในยุคปัจจุบัน จนได้มาขุดพบเจอสิ่งมีค่าควรบูชาไว้ครอบครอง ก่อนทำจะนำให้ญาติโยมบูชาได้ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 โดยมี พระครูบวรชัยกิจ (หลวงปู่ไสย) จุดเทียนชัย ,พระราชสุเมธี วัดภูตูมวนาราม ดับเทียนชัย ,หลวงเตี่ย สุรเสียง วัดป่าเลิงจาน พร้อมด้วยพระเกจิอาจารย์มากมายร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสก

สำหรับการขุดพบพระกรุเก่า นี้ พระครูเกษมพัชรสาร ได้สันนิษฐานว่า เมื่อสมัยขอมเริ่มเสื่อมอำนาจ "พระยากฬวรรดิส" ราชโอรสพระยากากพัตรแห่งเมืองนครชัยศรี เป็นผู้สร้างเมืองลพบุรี เมื่อปี พ.ศ.1191 และตั้งชื่อว่าเมืองละโว้ ซึ่งตรงกับสมัยทวารวดี ในยุคนั้นซึ่งครอบครองไปถึงเมืองศรีเทพ และมีความเจริญรุ่งเรือง ผู้คนเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และนับถือศาสนาพุทธ บางชุมชนก็มีความศรัทธาต่อพระฤๅษีดาบส นับถือเทพเทวดา ในการสร้างพระเครื่องหรือของขลัง จึงได้ผสมผสานอยู่ในพระกรุที่ค้นพบในครั้งนี้ และเป็นความเชื่อถือของชาวบ้านในสมัยนั้น

พระเครื่องต่างๆของกรุศรีเทพ มีความหลากหลายและมีความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม และศิลปะเชิงช่างตามคติความเชื่อแต่ละยุคแต่ละสมัยตลอดเวลา เพราะเมืองศรีเทพมีความรุ่งเรือง และยาวนานเกือบ 1,000 ปี ถึงจะสิ้นสุดของเมืองศรีเทพ ตั่งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๘ และก็สิ้นสุดลงและก้าวเข้าสู่ยุคของลพบุรีโดยสมบูรณ์ พระพิมพ์ของทางลพบุรีไม่น้อย ที่ยังคงสืบสานรูปแบบศิลปะเชิงช่างมาจากเมืองศรีเทพ อย่างเช่น พระร่วงนั่ง และ พระยอดขุนพล เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วได้รับอิทธิพลทางศิลปะมาจากยุคทวาราวดีในยุคเมืองศรีเทพเป็นส่วนมาก

XXXบูชาแล้วXXX

 

พระยอดขุนพลศรีวิชัยเมืองใต้ กรุไชยา สุราษฎร์ธานี เป็นพระเนื้อดินศักดิ์สิทธิ์ แก่เม็ดแร่ (แม่เหล็กดูดติด) ผสมว่านอมฤต เนื้อจัดมากๆ (ยุคศรีวิชัย) พบตามถ้ำ ตามเขาแถบภาคใต้ เนื้อหาจะใกล้เคียงกันแทบทุกกรุ ภาคกลางพบที่จังหวัดนครปฐม ของดีศรีวิชัยโบราณ สภาพเดิมๆนาน ๆ พบที ขนาดเส้นผ่าศูนย์ 5 ซม. (พิมพ์ใหญ่) อายุราว 1000-1200 ปี

พระยอดขุนพลกรุศรีวิชัยนั้น ถูกพบโดยบังเอิญ ในครั้งแรกเมื่อปี พุทธศักราช ๒๕๓๓ - ๒๕๓๕ ขณะสร้างถนนบริเวณเขาศรีวิชัย โดยพบพระเนื้อดินเผาสัณฐานกลมๆ ขนาดย่อม ๒ แบบ คือแบบต้อและแบบชะลูด ทั้งสองพิมพ์เป็นรูปองค์พระประทับนั่งปางสมาธิ มีขอบพิมพ์ยื่นออกมาทั้งสองพิมพ์ ด้านหลังมนโค้ง องค์พระประทับนั่งบนฐานบัว ๒ ชั้น บัวชั้นบนเป็นบัวหงาย ๗ กลีบ ชั้นล่างเป็นบัวคว่ำ ๓ กลีบ พระพักตร์ค่อนข้างกลม พระเกศสั้นลักษณะเป็นมุ่นมวยผมแบบศิลปะทวารวดี

พุทธศักราช ๒๕๓๓ มีชาวบ้านซึ่งอาศัยอยู่บริเวณด้านตรงข้ามวัดเขาศรีวิชัย อันเป็นวัดโบราณเก่าแก่ มีวัตถุโบราณมากมาย และกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ในท้องที่ตำบลศรีวิชัย อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนที่ชาวบ้านดังกล่าวจะขุดนั้น ได้ฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งมาบอกว่า "เฝ้าอยู่นานแล้ว เอาไปเสียที” แล้วก็ชี้ทิศทางให้ ในวันรุ่งขึ้นจึงได้ขุดดินบริเวณรั้วบ้านของตน ซึ่งความตั้งใจเดิมนั้น คิดว่าจะได้ลูกปัด ซึ่งเป็นสิ่งที่ขุดได้อยู่เสมอ และการขุดในครั้งนั้นก็ได้ลูกปัด และพบพระเครื่องด้วย ในวันแรกพบพระไม่มากเท่าไรนัก พอรุ่งขึ้นจึงได้ขุดต่อ และได้พระมาเป็นจำนวนมาก พระที่พบก็เหมือนกับที่พบในครั้งทำถนนในปี พุทธศักราช ๒๕๒๓ ทุกประการ

พระเม็ดกระดุมศรีวิชัยนี้ ท่านอาจารย์ชะเอม แก้วคล้าย ผู้ชำนาญภาษาโบราณประจำหอสมุดแห่งชาติกรุณาสละเวลาอ่านอักษรโบราณที่ผนังขององค์ และท่านได้บอกว่าอักษรที่ปรากฏเป็นอักษรปัลลวะ อันเป็นอักษรที่ใช้อยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๑ - ๑๒ ในสมัยทวารวดี อักษรที่ปรากฏนั้น มีใจความว่า “เย ธัมมา เหตุปปภวา เตสัง เหตุง ตถาคโต ชาติเต สัญจโย นิโรโธจะ เอวัง วาที มหาสมโณ” แปลว่า “ธรรมทั้งหลายเหล่าใด มีเหตุเป็นแดนเกิดพระตถาคต ตรัสเหตุและความดับของธรรมทั้งหลายเหล่านั้น พระมหาสมณะ มีปกติตรัสอย่างนี้”

โบราณวัตถุที่ค้นพบ บริเวณเขาศรีวิชัย มักจะเป็นศิลปะยุคสมัยศรีวิชัยเป็นส่วนมาก จากการพิจารณาพระเม็ดกระดุมศรีวิชัยโดยรวมแล้ว สันนิษฐานว่า น่าเป็นพระที่สร้างอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๓ ซึ่งน่าจะอยู่ในปลายๆ ของสมัยทวารวดี-ต้นสมัยศรีวิชัย นับว่าพระเม็ดกระดุมศรีวิชัยนี้ เป็นพระที่ทรงคุณค่าทางด้านศิลปะยุคสมัย พร้อมทั้งมีอักษรปัลลวะจารึกคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอยู่ที่องค์พระด้วย ยิ่งนับว่าทรงคุณค่ามากทีเดียว พุทธคุณเท่าที่ปรากฏนั้นปกป้องคุ้มครองให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข ฯลฯ

(พระยอดขุนพลเมืองใต้ กรุไชยา สุราษฎร์ธานี ยุคศรีวิชัย อายุราว ๑,๐๐๐-๑,๒๐๐ ปี เป็นพระเก่าโบราณ มีประวัติ สภาพสุดคลาสสิค พระชุดนี้ เป็นพระที่พบตามถ้ำและเขาแถบภาคใต้ โดยจะมีเนื้อหาใกล้เคียงกันแทบทุกกรุ สันนิษฐานว่าจะสร้างในสมัยศรีวิชัย อายุราว ๑,๐๐๐-๑,๒๐๐ ปี ส่วนในแถบภาคกลาง ก็เคยพบที่จังหวัดนครปฐมด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ อาจารย์ชุม ไชยคีรี ยังได้นำเอาแบบพิมพ์มาสร้างเป็นพระเนื้อดินของท่านด้วย เนื้อหาผิวนวลมีคราบกรุดูง่ายสบายตา ปัจจุบันพบเห็นน้อย นับเป็นอีกหนึ่งของดีในอาณาจักรศรีวิชัยโบราณ ที่ควรค่าแก่การสะสม และบูชา หายากน่าเก็บน่าใช้)

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

พระสมเด็จโนนผึ้ง เนื้อผงว่าน รุ่นแรก หลังยันต์ห้า หลวงปู่หมุนเสกหลายวาระ ปี 2538 หายากกว่า พระสมเด็จโนนผึ้ง ปี 2540 หลายเท่า พุทธคุณสุดยอดเกินคำบรรยาย (ความจริงแล้วพระสมเด็จโนนผึ้ง หลังยันต์ห้า ปี 2538 นี้ จัดเป็นพระรุ่นแรกของหลวงปู่หมุน อย่างแท้จริง แต่ในหนังสือวัตถุมงคลหลวงปู่หมุน ไม่ได้ลง แต่ไปลงสมเด็จโนนผึ้ง ปี 2540 เป็นพระรุ่นแรกของท่าน คนในพื้นที่ต่างก็รู้กันดี ว่าสมเด็จ ปี 2538 เป็นรุ่นแรกของท่าน และด้วยพุทธคุณที่สุดยอด และมากด้วยประสบการณ์ ทำให้ต่างคนต่างก็หวงแหน เก็บรักษาเป็นอย่างดี และด้วยจำนวนที่สร้างน้อยกว่าปี 2540 มาก ทำให้หายากกว่าสมเด็จปี 2540 หลายเท่าตัว)

ประวัติการสร้าง และการปลุกเสก เมื่อครั้งหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล จำพรรษาที่ วัดโนนผึ้ง ซึ่งเป็นวัดที่หลวงพ่อประสาน สหธรรมมิกรุ่นน้องของท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ จัดเป็นพระรุ่นแรกๆ ของหลวงปู่หมุน / หลวงพ่อประสาน วัดโนนผึ้ง จ.ศรีสะเกษ เป็นศิษย์ใกล้ชิดที่สุดของหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล มาตั้งแต่ยุคต้น ซึ่งนอกจากท่านจะได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมหลายอย่างจากหลวงปู่หมุนแล้ว ท่านยังเป็นผู้ที่เก่งมากด้านเมตตามหาเสน่ห์ ผูกดวงคู่ และเชี่ยวชาญแตกฉานในเรื่องว่านยาต่างๆเป็นอันมากอีกด้วย จนหลวงปู่หมุนเอ่ยปากชมว่า "หลวงพ่อประสานเป็นเอกทางด้านว่านเป็นที่สุด จะหาใครมาเทียบรัศมีได้ยาก" หลวงพ่อประสานท่านได้สร้างเป็นรุ่นแรก เมื่อปี 2538 โดยหลวงปู่หมุนท่านได้มอบชนวนมวลสารสำคัญให้หลายอย่าง และได้ร่วมปลุกเสกให้ด้วย กับทั้งยังมีพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองวิทยาคมชื่อดังอีก 2 ท่านได้ร่วมปลุกเสกให้ด้วย คือ หลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา จ.ศรีสะเกษ และหลวงปู่เครื่อง วัดสระกำแพงใหญ่ พุทธคุณและประสบการณ์เป็นที่กล่าวขานกันในพื้นที่มานานเกือบ 20 ปี พระรุ่นนี้บางส่วนที่เหลือจากการแจกมอบให้กับผู้มีจิตศรัทธานำไปบูชา ในปี 2538 แล้วหลวงพ่อประสานได้นำมาเข้าร่วมปลุกเสกในพิธีจัดสร้าง "สมเด็จโนนผึ้ง" ของหลวงปู่หมุน รุ่นแรก ในปี 40 อีกครั้งหนึ่งด้วย ....พระสมเด็จโนนผึ้ง สร้างและเสกด้วยเจตนาบริสุทธิ์ มวลสารที่อยู่ในองค์นั้นหามารวมกันหลายชั่วอายุคน รุ่นต่อรุ่นมาจากอาจารย์สู่ลูกศิษย์ ผงนี้มี อาถรรพ์ยิ่งนัก มวลสารจากชานหมากครูบาอาจารย์อีกมากมาย หลวงปู่หมุนท่านลบผงช่วยในโบสถ์ หลวงปู่หมุนท่านบอกว่าการลบผงนี้ทำได้ยากมากๆ ในชีวิตคนๆ หนึ่งจะทำสำเร็จนั้นได้เพียงไม่กี่ครั้ง ยากนักจะหาใครทำได้ เห็นจะมีก็แต่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต แห่งวัดระฆังฯ, หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร และหลวงปู่สี แห่งวัดถ้ำเขาบุญนาค ซึ่งหลวงปู่หมุนท่านเคยไปขอศึกษาการลบผงตำรับของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต จากหลวงปู่สี จนสำเร็จครบกระบวนความรู้ ด้วยความอุตสาหะของท่าน ด้วยบุญญาธิการของท่าน ด้วยสายวิชาการเดินธาตุทั้ง ๔ ที่ท่านสำเร็จมา ท่านจึงเรียน และพยายามจนประสบผลสำเร็จได้ทุกประการ นับเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ศึกษาจนสำเร็จได้ จึงไม่ต้องสงสัยแต่อย่างใดเลยว่า พระสมเด็จ วัดโนนผึ้ง ชุดนี้ดีจริงหรือไม่ เพราะเมื่อครั้งที่หลวงปู่หมุนมาจำพรรษา ที่วัดป่าหนองหล่มโดยการนิมนต์เชิญโดย พระอาจารย์จ่อย สิริคุตโต หลวงปู่หมุน ได้นำพระสมเด็จโนนผึ้งติดย่ามมาด้วย ตอนนั้นเป็นพิธีหล่อพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ ๕๙ นิ้ว ที่วัดป่าหนองหล่ม เมื่อปี ๒๕๔๑ – ๒๕๔๒ ปู่หงษ์ พรหมปัญโญ เป็นประธาน หลวงปู่หมุนท่านกำหนดราคาไว้ที่ทำบุญองค์ละ ๕๐๐ บาท มีคนถามว่าหลวงปู่ทำไมแพงจัง หลวงปู่หมุนท่านยิ้มๆ แล้วตอบว่าทำได้ยากนะ เก็บกันไว้เถอะ อนาคตจะแพง และหากันไม่ได้นะ พุทธคุณเหลือล้นสุดยอด ดีทั้งนอกดีทั้งใน ใครได้ไว้ครอบครองถือว่าเป็นมงคลแก่ชีวิตอย่างยิ่ง สมัยนั้น ๕๐๐ บาท ถือว่าแพงมากๆ สำหรับพระผงเนื้อว่านแบบนี้ (เป็นพระที่ทรงคุณค่า ดีทั้งนอกดีทั้งใน)

XXXบูชาแล้วXXX

 

พระขุนแผน “พิมพ์พุทธกวัก” หลวงพ่ออ่อน วัดหนองไผ่ไพศาลี นครสวรรค์ ปี 2482 สุดยอดแห่งเมตตามหาเสน่ห์ไม่มีใครเกิน "ผงเมตตาหัวใจพุทธคุณ" หลวงพ่ออ่อน วัดหนองไผ่ เป็นตำนานเล่าขานกันสืบมา ขนาดหลวงพ่อเดิมยังนำผงของท่านไปบรรจุไว้ในด้ามมีด และเป็นส่วนผสมในวัตถุมงคลต่างๆ ,หลวงพ่อโอน วัดโคกเดื่อ ก็ได้นำมาผสมเป็นมวลสารหลักในการสร้างพระของท่านเช่นกัน

นี่คือข้อความของข้าราชการบำนาญท่านหนึ่งที่กล่าวถึงหลวงปู่อ่อนเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว มื่อตอนมาย้ายมาทำงานที่ อ.ท่าตะโก ใหม่ พบปะผู้คนมากหน้าหลายตา หลายระดับ คนยุคใหม่ยุค 2500 ขึ้นมา ก็ต้องหลวงพ่อฮวด,หลวงพ่อผ่อง,หลวงพ่อพันธ์,หลวงพ่อพุธ,หลวงพ่อโอน ถ้าเป็นยุคเก่า คนเก่าแก่ ปี 2500 ลงไป ก็หลวงพ่อคล้าย,หลวงพ่อเดิม,หลวงพ่ออ่อน วัดหนองไผ่ ต.สำโรงชัย อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ ฯลฯ

หลวงพ่ออ่อน เนอญฺญา เกิดปี 2439 มรณภาพปี 2501 สิริอายุ 72 ปี 51 พรรษา "พระนางห้อง" เป็นฉายาที่หลวงพ่อเดิม ตั้งให้ เพราะท่านไม่ไปไหนมาไหน สันโดษอยู่อย่างสมถะ ท่านเป็นพระปฏิบัติ เจริญสมถะ วิปัสสนากัมมัฏฐาน เก่งที่สุด คือ ผงวิเศษ ที่ท่านทำเขียนลบในเวลากลางคืน ดังขนาดที่หลวงพ่อเดิม สร้างพระเนื้อผง ต้องนำผงหลวงพ่ออ่อน ผสมด้วยทุกครั้ง เป็นที่เสาะแสวงหา วิชาทำผงต่างๆ และผงวิเศษก็ได้ตกมาอยู่ที่ หลวงพ่อฮวด วัดหัวถนนใต้ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ จึงมีส่วนผสมของ ผงวิเศษ หลวงพ่ออ่อน เนอญฺญา ในพระผงรุ่น ๗ รอบ ปี 2531 (จึงเป็นเรื่องเก่าที่เล่าสนุก และเป็นเหตุผลที่ทำไม่รุ่นนี้ถึงน่าเก็บน่าสะสม และน่าบูชา)

ยังมีเรื่องเล่าหลายๆท่าน ที่ทันรู้เห็น ไม่ใช่ตำนานหรือนิทาน มีอาจารย์ท่านหนึ่งลองของ ผสมอาราธนา และผสมผงวิเศษของหลวงพ่ออ่อน ให้ไก่ที่เลี้ยงไว้ที่บ้านที่ชอบไปไหนมาไหน (กลัวหาย) กิน เข้าไปเดินตามชนิดไปไหนไปด้วย เฝ้าเป็นองครักษ์พิทักษ์ และต้องเลี้ยงดี ดูแลอย่างดี ไม่อย่างนั้นท่านแช่งไว้

มีอยู่ยุคหนึ่ง ผงวิเศษ ของหลวงพ่ออ่อน โด่งดังมาก ขนาดวัดหนองไผ่ เดินทางไปยากลำบาก ผู้คนจากทุกสารทิศทั่วประเทศ เมื่อต้องการของดี ต้องเดินทางไป ค้าขาย ใช้แล้วขายดิบขายดี ชายหนุ่มหลงรักสาว เวลาเข้าหาใช้นำติดตัว หรือผสมให้กิน จะหลงรักชนิดตามไปหา หมาแมวไม่เชื่องผสมให้กิน แล้วเชื่องเดินตาม ถึงขั้นหึง ใครเข้าใกล้เจ้าของ จะโดดกัดทันที ตลับสีผึ้งหลวงพ่อเดิม พานมีจาร ยุคต่อมาประมาณปี 2480 ถึงปี 2490 หลวงพ่อเดิม ท่านมาช่วยสร้างโบสถ์ นำน้ำมันผสาน(ตั้งอิ้ว) มาให้เป็นส่วนผสมกลับกล้วยน้ำว้า,น้ำตำลึง กดพิมพ์จากพิมพ์ดินเหนียว ยุคปลาย ประมาณ 2490 หลวงตาผิน ได้ผสมผงท่านน้อยลง มีส่วนผสมต่างๆมากขึ้น แต่แบบพิมพ์เดิมแจก

พระพิมพ์สมเด็จหลวงพ่อเดิม ยุคแรกท่านยังไม่ทำเป็นพระเครื่อง ทำปั้นเป็นลูกกลมๆ ขนาดเล็ก นำติดตัวได้ง่าย ทำเป็นแท่งไว้เขียน (เหมือนแท่งชอล์ค) ทำปริมาณยังไม่มาก ใครขอก็ทำให้ ความศักดิ์สิทธิ์ขนาด "เวลาจับ ถ้าผงท่านติดนิ้วมือ ต้องล้างให้สะอาด ถ้าเกิดไปโดนใคร หรือหล่นไปในอาหารแล้ว จะทำให้บาปติดตัว" มีข้าราชการชั้นผู้น้อยท่านหนึ่งเป็นที่จงเกลียดจงชังของเจ้านาย ทำอะไรก็ผิด เป็นไม่ถูกใจไปเสียหมด ได้มาเช่าพระและลูกอมหลวงปู่อ่อน ไปใส่กาแฟให้เจ้านายดื่ม จากนั้นมา ทำอะไรก็ถูกใจ ดีไปหมด จากที่ดุด่าเกลียดชังก็กลายเป็นคนโปรด อย่างไม่น่าเชื่อ

หลวงพ่ออ่อน ท่านสำเร็จวิชาลบผง วันๆมักปิดตัวเงียบ อยู่ในห้องเจริญกรรมฐาน ด้วยการลบผงของท่านไปเรื่อยๆ จนได้รับฉายาจากหลวงพ่อเดิม ว่า “พระนางห้อง” ถือว่าเป็นยอดผงแห่งเมืองสี่แควแท้ๆ แม้หลวงพ่อเดิมจะสร้างพระ หรือบรรจุกั่นมีด ยังให้ลูกศิษย์มาขอผงจากหลวงพ่ออ่อนไปผสม สุดยอดเรื่อง เมตตา-มหานิยม-มหาเสน่ห์ และโชคลาภแคล้วคลาดปลอดภัย เป็นที่เชื่อถือกันมาก

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

ดาวในฝันสุดยอด ดาวแม่เนื้อหอม(ดาวนายพล) หรือดาวอาถรรพ์ (ดาวลายพราง) หลวงพ่อผินะฯ วัดสนมลาว เป็นยุคแรกของท่าน ที่ท่านสร้างและปลุกเสก ออกที่วัดถ้ำท่าเกย เพชรบูรณ์ เนื้อผงอาถรรพ์ หล่อแบบประกบ ลงรักน้ำเกลี้ยง พุทธคุณปรากฏ เป็นเลิศทางด้านเมตตามหานิยม อำนาจบารมี (ยุคท่าเกย ไม่ได้หาง่ายๆ)

หนึ่งในสุดยอดเครื่องรางอาถรรพ์ยอดนิยมของหลวงพ่อผินะ คือ “ดาวแม่เนื้อหอม” (ตำนานดาวเรือนแสน) ดาวแม่เนื้อหอมหรือดาวอาถรรพ์ของท่านนี้ เป็นหนึ่งในสุดยอดเครื่องรางของหลวงพ่อผินะ เป็นเครื่องรางที่แรงมากๆ ดาวอาถรรพ์แม่เนื้อหอมยุคต้น สนมลาว เครื่องรางรูปดาวอาถรรพ์นี้ ถือว่าเป็นเครื่องรางที่สร้างขึ้นมาไม่เลียนแบบใคร หลวงพ่อผินะท่านได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นปริศนาธรรมตามนิมิต โดยด้านหนึ่งเป็นดาวห้าแฉกอันหมายถึง พระพุทธเจ้าห้าพระองค์ของภัทรกัปป์นี้ อีกด้านเป็นดาวแปดแฉกอันหมายถึง พระอรหันต์แปดทิศที่คุ้มครองทิศทั้งแปด ดาวยุคต้นนี้เป็นสุดยอดดาวที่ศิษย์และสายตรงถวิลหา มวลสารเข้มข้น สร้างจากสุดยอดของอาถรรพ์แม่เนื้อหอม ที่หลวงพ่อเรียกว่า (ของหาง่ายแต่เอายากของสตรี) จำนวนการสร้างของดาวแม่เนื้อหอมยุคต้น ทุกพิมพ์ ทุกแบบ รวมกัน มีเพียง 100 กว่าดวงเท่านั้น และเป็นการผสมมวลสารเอง กดพิมพ์เองในสมัยนั้น จึงทำให้มีดาวที่ไม่เต็มพิมพ์ แตกหัก ไม่สมบูรณ์จำนวนมาก ที่เป็นดวงสวยสมบูรณ์จำนวนน้อย สำหรับดาวแม่เนื้อหอมที่แตกหักนั้น หลวงพ่อได้นำมาทำเป็นมวลสารหลักของการทำแม่เนื้อหอม เมื่อปี 2527 ที่เรียกกันว่า “แม่เนื้อหอมพิมพ์หยดน้ำเล็ก” ซึ่งเป็นการสร้างดาวแม่เนื้อหอมครั้งที่ 2 ของหลวงพ่อผินะ ที่ใช้ดาวยุคต้นนี้เป็นมวลสารหลัก และถือว่าดาวหยดน้ำเล็กนี้เป็นดาวแม่เนื้อหอมรุ่นสุดท้ายของหลวงพ่อผินะด้วย เพราะหลังจากนั้นมา หลวงพ่อก็ไม่ได้ทำดาวแม่เนื้อหอมอีกเลย

ล็อกเกตดวงตาพระพุทธคุณ หรือดวงตาพระพุทธเจ้า หลวงพ่อผินะ วัดสนมลาว ทรงกลม เครื่องรางอันมหัศจรรย์ของหลวงพ่อผินะ อีกรุ่น ที่มีประสบการณ์สุดยอด ด้านในล็อกเก็ต หลวงพ่อผินะ ท่านบรรจุผงมวลสารอาถรรพ์ มวลสารวิเศษมากมายเต็มสูตร ล็อกเกตขนาดเล็กแต่พุทธคุณไม่เล็ก เครื่องรางของท่านทุกอย่างล้วนมีประสบการณ์มากมาย น่าอัศจรรย์ เพราะท่านมีพลังจิตที่แก่กล้าน่าอัศจรรย์ เปรียบดั่งปลุกเสกจนมีชีวิตจิตใจ ทำให้ผู้บูชาอธิษฐานขอสิ่งใดมักประสบผลสำเร็จ ทั้งด้านมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม โชคลาภ ค้าขายดี วัตถุมงคลของท่านทุกอย่างล้วนมีประสบการณ์มากมายเป็นที่ประจักษ์ เป็นตำนาน (ุชุดนี้ราคาที่จับต้องได้ พุทธคุณเกินบรรยาย ประวัติและวัตถุมงคลท่าน ไม่มีคำว่าธรรมดา)

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

ดาวในฝันสุดยอด ดาวแม่เนื้อหอม(ดาวนายพล) หรือดาวอาถรรพ์ (ดาวลายพราง) หลวงพ่อผินะฯ วัดสนมลาว เป็นยุคแรกของท่าน ที่ท่านสร้างและปลุกเสก ออกที่วัดถ้ำท่าเกย เพชรบูรณ์ เนื้อผงอาถรรพ์ หล่อแบบประกบ ลงรักน้ำเกลี้ยง พุทธคุณปรากฏ เป็นเลิศทางด้านเมตตามหานิยม อำนาจบารมี
จองครับ

 

พระขุนแผน “พิมพ์พุทธกวัก” หลวงพ่ออ่อน วัดหนองไผ่ไพศาลี นครสวรรค์ ปี 2482
จองครับ

 

รับทราบจอง 2 รายการ
ขอบคุณครับ

 

เหรียญพระพุทธมงคลนายก หลัง ภปร.พิมพ์เล็ก ออกวัดวังกระโจม จ.นครนายก ปี 2512 ท่านเจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทร์ / หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี / หลวงพ่อทบ วัดชนแดน ฯลฯ อธิษฐานจิตปลุกเสก กะหลั่ยทองเดิมเลี่ยมเลนซ์เก่ามีอายุ พร้อมบูชา หาสวยๆแท้ๆ ยากแล้ว

วัตถุมงคลชุดนี้ได้จัดสร้าง เพื่อเป็นที่ระลึกในการสร้างพระประธานของวัดวังกระโจม ซึ่งก็คือ "พระพุทธมงคลนายก" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๒.๙ ม. สูงราว ๆ ๓ ม. โดยในการปั้นหุ่นพระประธาน ท่านเจ้าคุณอุดมฯ ได้นิมนต์ท่านเจ้าคุณนรฯ มาประกอบพิธีด้วยตนเองเนื่องจากท่านเจ้าคุณอุดม เป็นคนนครนายกโดยกำเนิด โดยมีพลเอก ประภาส จารุเสถียร (ยศในขณะนั้น) ได้ขอพระราชทานอัญเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธีเททองพระพุทธรูป ณ ประรำพิธีมณฑล วัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๐๘ พร้อมทั้งทรงเจิมพระสุหร่าย เบิกพระเนตร และพระราชทานนามว่า "พระพุทธมงคลนายก" และได้อัญเชิญมาประดิษฐาน ณ พระอุโบสถ วัดวังกระโจม เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๐๘ ทางวัดจึงได้จัดสร้างพระพุทธรูปบูชา แบบเชียงแสน ขนาด ๙ นิ้ว และ ๕ นิ้ว พร้อมทั้งพระเครื่องต่างๆ ดังนี้

๑. พระกริ่งใหญ่ เมืองงาย

๒. พระกริ่งใหญ่ วังกระโจม ปางประทานพร หลังเลข ๙

๓. พระกริ่งกลาง วังกระโจม หลังเลข ๙

๔. พระกริ่งกลาง วังกระโจม บัวรอบ

๕. พระกริ่งเล็ก วังกระโจม ตอกเลข ๙

๖. พระกริ่งมงคลนายก ปางมารวิชัย แบบพระประธานในอุโบสถ

๗. พระกริ่งใหญ่พิเศษ

๘. แหวนพระเจ้าห้าพระองค์

๙. พระพิมพ์ทุ่งเศรษฐี พิมพ์ใหญ่

๑๐. พระพิมพ์ทุ่งเศรษฐี พิมพ์เล็ก

๑๑. พระสมเด็จ วัดวังกระโจมพิมพ์ใหญ่พิเศษ พิมพ์กรรมการ

และในงานยกช่อฟ้าพระอุโบสถ เมื่อปี ๒๕๑๒ ได้จัดสร้าง เหรียญเข็มกลัด เหรียญที่ระลึก ตลอดจนแหนบเหน็บเน็คไท อีกด้วย พระพุทธมงคลนายก หลัง ภปร. วัดวังกระโจม พ.ศ. 2512 เจ้าคุณนรฯปลุกเสก น่าเก็บ น่าบูชาอย่างยิ่ง เป็นเหรียญที่หายากแล้ว เนื่องจากเป็นเหรียญที่เจ้าคุณนรฯ ปลุกเสกเอง ประกอบกับประสบการณ์ดี จึงถูกคนเช่าหาไปเก็บ ท่านที่ศรัทธาเจ้าคุณนรฯ โอกาสดีมาก องค์นี้ใช้แทนได้แบบสบายๆ ดีกว่าเช่าพระรุ่นใหม่ที่ไม่ทันท่านปลุกเสก เล่นหาในวงการพระเครื่อง หนังสือลงเช่ากันเริ่มแพงด้วย

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

เหรียญพระพุทธมงคลนายก หลัง ภปร.พิมพ์เล็ก ออกวัดวังกระโจม จ.นครนายก ปี 2512 ท่านเจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทร์ / หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี / หลวงพ่อทบ วัดชนแดน ฯลฯ อธิษฐานจิตปลุกเสก กะหลั่ยทองเดิมเลี่ยมเลนซ์เก่ามีอายุ พร้อมบูชา หาสวยๆแท้ๆ ยากแล้ว
จองครับ

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

พระปิดตา “กรุวัดอัมพวา” องค์นี้เป็นพิมพ์ล้อพระปิดตากรุวัดพลับ หายากสุด ๆ (กะเทาะเข่านิดนึง ท่านใดชอบ พระเก่ามีอายุ เนื้อหามวลสารศักดิ์สิทธิ์ ผู้สร้างมีอาคมขลัง เน้นพระพุทธคุณ ไม่มีผิดหวัง) ปัจจุบันนี้หาชมได้ค่อนข้างยาก ราคาสูงแม้พระจะบิ่นจะร้าว แถมเนื้อจัดสุด ๆ ตามแบบฉบับ พระผงน้ำมันกรุเก่า ลงรักน้ำเกลี้ยง รักษาเนื้อพระมาแต่เดิม ดูง่ายอีกต่างหากด้วยรอยประทุ และรอยรานบาง ๆ บนผิว ซึ่งเป็นจุดพิจารณาที่สำคัญของพระกรุนี้

พระกรุเนื้อผงน้ำมัน (วัดอัมพวา) ตำบล บ้านช่างหล่อ ธนบุรี ใกล้กรมอู่ทหารเรือในปัจจุบัน พระเนื้อผงน้ำมันกรุวัดอัมพวานี้ เนื้อหาค่อนข้างจัด ทั้งนี้เนื่องจากวัสดุหลักที่ใช้สร้างพระในสมัยนั้นมักนิยมใช้ปูนสะตุ ด้วยการนำเปลือกหอยไปเผาไฟ แล้วนำมาป่นจนเป็นผงละเอียด เมื่อนำมาผสมกับน้ำ สารประเภทแคลเซียมที่มีอยู่ในเปลือกหอย จะมีสภาพคล้ายกับผงปูนซีเมนต์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน คือมีสภาพความหนืดและมีแรงยืดเกาะ เมื่อนำมาคลุกเคล้ากับผงวิเศษที่ได้จากการเขียนสูตร และอักขระเลขยันตร์ ข้าวสุก ตลอดจนผงพุทธคุณ ที่เป็นมงคลอื่นๆ มากมาย โดยมีน้ำมันตั้งอิ้วเป็นตัวประสาน แล้วจึงนำมากดพิมพ์เช่นเดียวกันกับ การสร้างพระสมเด็จวัดระฆัง และพระวัดพลับ ที่วัดอยู่ไม่ห่างไกลกันนัก เนื้อหาของพระกรุวัดอัมพวานี้ ค่อนข้างแก่น้ำมันตั้งอิ้ว จึงมักจะออกสีค่อนข้างเหลืองคล้ายถั่วบดอัด และคล้ายกันกับ ไส้ในพระผงวัดสามปลื้ม ที่มีความเปราะ หักชำรุดง่าย แต่ยังดีที่พระกรุวัดอัมพวานี้แก่นำมันตั้งอิ้วมากกว่า จึงทำให้เนื้อหาของพระมีความแข็งแรงกว่าพระกรุวัดสามปลื้มซึ่งมีอายุการสร้างใกล้เคียงกันมาก นอกจากนี้ตามผิวพระกรุวัดอัมพวา ส่วนใหญ่มีรอยประทุ ลักษณะเป็นฟองอากาศขนาดเล็ก หากแต่ไม่ใช่รอยฟองเต้าหู้แบบพระเนื้อผงกรุอื่น ๆ ที่พบเห็นกันทั่วไป เพราะเนื่องจากเนื้อหาที่มีความฉ่ำอมน้ำมันมาก จึงมีลักษณะเฉพาะตัวของพระกรุนี้ กล่าวคือ มีลักษณะเป็นฟองเล็ก ๆ ผุดขึ้นตามผิวพระ แต่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนผิวเท่านั้น เนื้อหาใต้ผิวลงไปยังเป็นสีเดียวกันกับบนผิว ไม่ได้เป็นเป็นหลุมลงไปในเนื้อพระ ซึ่งแตกต่างจากพระเนื้อผงกรุอื่น ๆ ที่อายุการสร้างใกล้เคียงกัน เช่น พระเนื้อผงกรุวัดเงินคลองเตย ที่เนื้อหาแก่ผงมากกว่า เมื่อเกิดรอยประทุเป็นฟองลักษณะคล้ายกัน แต่เมื่อพิจารณาเนื้อหาใต้ผิวบริเวณรอยประทุแบบฟองเต้าหู้ที่มักจะเป็นหลุมจะพบว่า เนื้อหาของพระ สีจะอ่อนแตกต่างจากบนผิวมาก ด้วยเหตุนี้นักสะสมรุ่นเก่าหลายคนมักให้คำจำกัดความของลักษณะพระกรุวัดอัมพวานี้ว่า "เนื้อขนมตุ๊บตั๊บ เนื้อ 2 ชั้น และต้องมีฟอง มีเปลือก" ซึ่งคำว่าเปลือกของพระก็คือลักษณะผิว 2 ชั้นแบบที่กล่าวมาข้างต้นนี้เอง

พระผงน้ำมันกรุวัดอัมพวานี้ คาดว่ามีกว่า 50 พิมพ์ขึ้นไป มีตั้งแต่ขนาดเล็กเท่าขนาดเม็ดบัว ไปจนขนาดเขื่อง หรือที่ใหญ่ก็ใหญ่กว่านั้น ก็เคยพบไม่มากนัก ตามประวัติว่าสร้างขึ้นโดย สมเด็จพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์ ธมฺมสิริ) อดีตเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม เป็นเป็นประธานในการปลุกเสกฯ สร้างบรรจุกรุเอาไว้เมื่อคราวปฏิสังขรณ์วัดอัมพวาในยุค ก่อนปี พ.ศ.2450

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์ ธมฺมสิริ) นี้ ท่านมีชื่อเสียงมากทางด้านวิปัสสนากรรมฐาน เชี่ยวชาญด้านสูตรลบผง ตะกรุด เวทย์มนต์ โดยเฉพาะด้านเมตตามหานิยม และสูตรการทำผง 108 เล่าสืบต่อกันมาว่า ท่านเรียนมาจากสมเด็จพุฒาจารย์(โต) โดยตรง แม้นแต่หลวงปู่ไข่ แห่งวัดบพิตรพิมุข (วัดเชิงเลน ) ยังเคยไปขอคำแนะนำในการสร้างลบผงวิเศษ และขอเรียนวิชาสร้างตะกรุด " กลับศัตรูเป็นมิตร " จากท่าน โดยในสมัยนั้นท่านมีชื่อเสียงโด่งดัง และมีบรรดาพระคุณเจ้าจากวัดต่างๆมาเรียนจากท่าน ซึ่งต่อมาส่วนใหญ่จะมีชื่อเสียงเลื่องลือในความขลังของวัตถุมงคลที่ทำการปลุกเสกมากมาย จวบจนปัจจุบัน อาทิ เช่น พระเทพกระวี (นวม ) แห่งวัดอนงค์ ฯ สมัยที่ท่านครองวัดอรุณ ก็มีพระปัญญาคัมภีร์เถระ (ชุ่ม) และพระครูภาวนาวิจารย์ (พระครูลืม ) และแม้แต่ พระครูโสภณ กัลยาณวัตร ( หลวงพ่อ เส่ง ) วัดกัลยาณมิตร ก็ยังเป็นศิษย์ รุ่นท้ายๆของท่าน ท่านเจ้าคุณ นาค ( พระพิมลธรรม วัดอรุณ ) และหลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม ก็เคยมาเรียนวิชาจากท่านด้วยเช่นกัน นับได้ว่า สมเด็จพระพุฒโฆษาจารย์ (ฤทธิ์ ธมฺมสิริ)ท่านเป็นอาจารย์ใหญ่ของอาจารย์ ทั้งหลายอย่างแท้จริง เฉกเช่นเดียวกับหลวงพ่อเนียม แห่งวัดน้อย เมืองสุพรรณผู้ฯโด่งดัง

การแตกกรุ
ผู้อาวุโสฯ เคยเล่าถ่ายทอดกันมาว่า ในพิธีสร้างพระเครื่องชุดนี้ ได้นิมนต์ พระเกจิในยุคนั้น มากมายมาร่วมพิธี โดยหลังพิธี ได้บรรจุกรุไว้ในพระเจดีย์ใหญ่หลังอุโบสถ ต่อมาในปี พ.ศ.2484 บ้านเมืองกำลังอยู่ในห้วงสงคราม ทางวัดอัมพวาโดยพระครูแป้น รชโฏ เจ้าอาวาสรูปที่ 6 ของวัด ซึ่งครองวัดอยู่ในช่วงปี พ.ศ.2456-2501 ได้ทำการเปิดกรุเพื่อนำพระเครื่องแจกจ่ายแก่บรรดาทหาร ตำรวจ และประชาชน

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

ขอจองครับ

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

โอน 1050 วันนี้ เวลา 9.01 ผ่าน KTB
ขอฝากพระเอาไว้ก่อนนะครับ

 

พระปิดตาไม้แกะ หลวงพ่อขริก วัดสาวชะโงก จ.ฉะเชิงเทรา จิ๋วๆ ศิลปนิยม ของดีศรีอำเภอบางคล้า สุดยอดเจ้าตำรับวิชา “ปลัดขิก” อันลือเลื่องแห่งเมืองฉะเชิงเทรา “หลวงพ่อขริก” วัดสาวชะโงก ท่านเป็นอาจารย์คนสำคัญผู้สอนวิชาการสร้างปลัดขิกให้แก่หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก เจ้าของสุดยอดปลัดขิกอันดับหนึ่งของเมืองไทย วัตถุมงคลที่หลวงพ่อขริกท่านได้สร้างไว้ได้แก่ปิดตาและปลัดขิกไม้แกะ โดยท่านกำหนดไว้ว่าต้องใช้ไม้จากต้นที่ตายพราย (ซึ่งหลวงพ่อเหลือท่านก็ได้สืบทอดข้อกำหนดนี้ในการสร้างปลัดขิกของท่านเช่นกัน) พุทธคุณเด่นทางคงกระพัน กันเขี้ยวงา เมตตามหาเสน่ห์ และการทำมาค้าขาย หายากน่าเก็บน่าใช้

หลวงพ่อขริก วัดสาวชะโงก ชาติภูมิ เกิดเมื่อวันเดือนปีใดไม่ปรากฏหลักฐานการบันทึกเป็นที่แน่ชัด สืบทราบแต่เพียงว่า ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดสาวชะโงกในตำแหน่งพระอธิการ, เป็นพระกรรมวาจาจารย์และอาจารย์ของ พระครูนันทธีราจารย์ (หลวงพ่อเหลือ) เจ้าอาวาสวัดสาวชะโงกรูปต่อมา ในด้านวัตถุมงคล ท่านได้สร้าง พระปิดตาไม้แกะ และ ปลัดขิก พระปิดตาของท่าน ซึ่งสร้างจากไม้แก่นต้นชัยพฤกษ์ (ไม้แก่นต้นคูน) ยืนตายพราย นำมาแกะขึ้นรูปเป็น พระปิดตานั่งสมาธิราบ มีขนาดขององค์พระไม่เป็นที่แน่นอน เนื่องจากเป็นงานมือแกะทีละองค์ พุทธคุณของพระปิดตาหลวงพ่อขริก โดดเด่นไปทางอยู่ยงคงกระพันมหาอุด กันเขี้ยวงา อีกทั้งยังดีทางเสริมสร้างเมตตามหานิยมทำมาค้าขายอีกด้วย นอกเหนือจากนี้คนในสมัยเก่าที่บูชาพระปิดตาของท่านมักนิยมเอาพระไปฝนกับน้ำซาวข้าวเพื่อใช้ถอนพิษไข้ได้เป็นอย่างดี จนเป็นที่เลื่องลือมาจนถึงปัจจุบัน หลวงพ่อขริก ท่านมรณภาพประมาณ พ.ศ.๒๔๗๒-๒๔๗๓ โดยมีพระครูนันทธีราจารย์ (เหลือ) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสาวชะโงกสืบต่อมา อีกทั้งยังเป็นผู้สืบทอดวิชาสร้าง “ปลัดขิก” อันลือเลื่อง จนเป็นที่รู้จักแพร่หลายในหมู่นักนิยมสะสมพระเครื่องรางของขลังในยุคปัจจุบันและ ก็โด่งดังจนเป็นปลัดขิก อันดับหนึ่งของเมืองไทย เลยทีเดียว

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

ขอจองครับ

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

พระสรรค์นั่ง ฐานขีด เนื้อว่านสบู่เลือด ผสมแร่อุกาบาต และทรายเสก มวลสารทั้งองค์ (เนื้อที่หายากน่าบูชามาก) ในบรรดาพระเครื่องของท่าน มีอยู่แบบหนึ่ง เป็นพระเนื้อดิน และก็น่าจะเป็นพระเครื่องเนื้อดินของพระเกจิยุคหลังปี พ.ศ.๒๕๐๐ ที่แพงที่สุดในประเทศไทย แต่ถ้ายุคก่อนปี ๒๕๐๐ ต้องยกให้พระเนื้อดินของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน และพระของหลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน พระเนื้อดินที่แพงของหลวงพ่อกวย นั่นคือ (พระสิวลีจัมโบ้นั่นเอง) รองลงมาก็เป็น(พระสิวลีกางร่ม) ซึ่งมีราคาเป็นรอง แต่ก็แพงเช่นกัน เพราะใครๆก็อยากได้ครอบครอง ด้วยเหตุผลคือ ศิษย์ต่างเชื่อมั่นในพุทธคุณทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม และความเจริญก้าวหน้าในชีวิตนั่นเอง (พระเครื่องของหลวงพ่อกวย ดีทุกด้าน และดีทุกแบบ เพราะหลวงพ่อท่านตั้งใจปลุกเสก ตั้งใจทำ แม้บางรุ่นบางแบบ ท่านไมได้สร้างเอง แต่หลวงพ่อก็ปลุกเสกให้เต็มที่ ให้มีพุทธคุณดีครบทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นพระเภทเหรียญ พระผง รูปถ่าย เครื่องรางแบบต่างๆของท่าน)

พระเครื่องเนื้อดินอีกแบบหนึ่งของหลวงพ่อกวย ที่มีประสบการณ์มาช้านาน นั่นคือ พระสรรค์ ซึ่งดีเด่นทางด้านคงกระพันชาตรี ดีทางคุ้มครอง แคล้วคลาด และยังมีอำนาจพุทธคุณดีด้านกันคุณไสย คุณผี มนต์ดำ เพราะหลวงพ่อท่านเน้นผสมทรายเสก และท่านได้เคยกล่าวไว้ว่า ท่านจะทำให้ดีเหมือนของเก่า เหมือนกับพระสรรค์กรุเก่าที่โด่งดังของจังหวัดชัยนาท เมื่อหลวงพ่อท่านกล่าวการันตีไว้อย่างนี้ แสดงว่าท่านเชื่อมั่นในพระสรรค์ของท่านมากทีเดียว

ข้อมูลเก่าๆ จาก อ.เฒ่า สุพรรณ และจากการรวบรวมทำเป็นหนังสือของศิษย์บางท่าน นำมารวบรวมและตั้งข้อสังเกตให้ได้ทราบกัน โดยจำแนกเรื่องพิมพ์ทรง เนื้อหา และหลักการพิจารณา เพื่อที่ท่านทั้งหลายจะได้มองออก เจอพระที่ไหน จะได้รู้ ของดีที่หลวงพ่อทำไว้ จะได้ไม่หลุดมือไป เพราะพระสรรค์ของหลวงพ่อ เป็นของดีจริงๆ พระสรรค์ พิมพ์นี้ ลักษณะองค์พระสวยสมส่วน และมีปีกรอบกว้างๆ อ.เฒ่า เคยลงข้อมูลไว้นานแล้ว และในหนังสือนะโม เมื่อ ๒๐ กว่าปีก่อน เป็นพระสรรค์ ที่หลวงพ่อกวย นำมาถอดพิมพ์สร้าง นั้นคือ (พระสรรค์ของวัดโคนอน จ.ชัยนาท)

พระสรรค์นั่ง ฐานขีด นิยม หลวงพ่อกวยสร้างราวปี 2500 เป็นอีกหนึ่งพิมพ์ยอดนิยม เพราะเป็นพระที่หลวงพ่อกวย ท่านสร้างเองกดพิมพ์เอง เป็นพิมพ์ที่มีประสบการณ์ และที่สำคัญ มวลสารของพระสรรค์ จะมีทรายเสก แร่อุกกาบาตและเม็ดว่านสบู่เลือด บางองค์ติดเศษพลอยต่างๆของหลวงพ่อกวย ที่ท่านผสมอยู่ด้วย ทำให้เป็นอีกหนึ่งพิมพ์ที่น่าใช้ และพิมพ์นี้ยังเป็นพิมพ์ที่ถูกบรรจุไว้ในรายการประกวดพระเครื่องสายหลวงพ่อกวยอีกด้วย

ขอเล่าประสบการณ์ของพระพิมพ์สรรค์ที่ อ.เฒ่า ได้เขียนไว้ ยกตัวอย่างสักเรื่องสองเรื่อง
ศิษย์รุ่นเก่าของหลวงพ่อชื่อ “ยิ่ง” ชาวบ้านเรียกแกว่า “เสือยิ่ง” บ้านอยู่ดงคอน สรรคบุรี “เสือยิ่ง” เป็นที่ต้องการตัวของตำรวจ สมัยก่อนของ สภ.อ.สรรคบุรี สภ.อ.ค่ายบางระจัน สภ.อ.เดิมบางนางบวช ๓ จังหวัดติดต่อกัน มีประสิทธิภาพสูง ปราบกันชนิดถึงพริกถึงขิงเลย โจรก็ร้ายตำรวจก็ร้าย จึงจะปราบกันได้ ตำรวจสมัยก่อนนี่คัดมาชนิดเส้นมือขากกันทั้งนั้นเลย หลายครั้งที่ “เสือยิ่ง” หนีการจับกุมของตำรวจไปได้ชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด โบราณว่าคนลิขิตไม่เท่าฟ้าลิขิต วันที่แกโดนล้อมจับล้อมยิง ที่หนองบอน ปืนเป็นสิบ ๆ กระบอกยิงแกไม่ถูก ยิงตรงยิงใกล้กลับยิงไม่ออก ความที่แกชักจะมีอายุมากขึ้น ตัวคนเดียว น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟเป็นธรรมดา หนีมาก ๆ ก็หนีไม่ไหว โดนล้อมกรอบทุกทิศทาง โดนตีด้วยด้ามปืนคนละเปรี้ยง สองเปรี้ยง ตายเลย ทางญาติได้มาดูศพนัยน์ตาเหลืองโพลง ตำรวจค้นในตัว ไม่ปรากฏว่ามีวัตถุมงคลชนิดใด ทางญาติได้นำตัวมาเผาที่วัดบ้านกร่าง วัดนี้อยู่เลยวัดหลวงพ่อไป อยู่ใกล้ ๆ วัดหนองตาแก้ว ความรีบร้อนได้เผาด้วยแกลบ เผาไป ๒ คืน กับอีก ๑ วัน ปรากฏว่าเผาไม่ไหม้ ตัวดำปี๋เลย อ้าปากบ๋อ คนไปดูกันเต็มวัดไปหมด บางคนบอกว่า “เสือยิ่ง” หวงร่าง บางคนว่า “เสือยิ่ง” มีของดี ญาติเกิดเอะใจขึ้นมา ล้วงเข้าไปในปาก เจอพระพิมพ์สรรค์อยู่ ๑ องค์ ชนิดพิมพ์เล็ก เป็นของหลวงพ่อกวย แล้วได้ขอขมาและเผาจึงไหม้

เรื่องที่สอง เรื่องอมพระพิมพ์สรรค์ ยังมีอีกคนหนึ่งชื่อ “บุญธรรม” เป็นศิษย์รุ่นเก่าคนบ้านแค ถ้ามาบ้านแคให้ถามถึง “สังนายธรรม” คือ คนตายแล้วเขาจะเรียกสัง “นายบุญธรรม” เคยโดนยิงใกล้ ๆ ยิงไม่ออก เคยโดนฟันก็ฟันไม่เข้า แกคงจะแสบทีเดียว ภายหลังโดนรุมตีตาย ทางญาติแหกปากดูเจอพระพิมพ์สรรค์ เรื่องที่มีคนใช้พระของหลวงพ่อแล้วตายนี่ บางคนอาจคิดว่า งั้น !!! พระหลวงพ่อก็ไม่เก่งจริงสิ โดนทุบตีก็ตาย
คือ อันนี้ขึ้นอยู่กับ วิบากกรรม โดนทุบตายยังมีศักดิ์ศรี ดีกว่าโดนปุ้งเดียว ตาย.. จริงไหม

ข้อมูลจาก สารคดีเปิดโลกตำนาน หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร พระพิมพ์สรรค์นั่ง หลวงพ่อกวยท่านให้ความสำคัญในการสร้างเป็นอย่างมาก จัดเป็นพระที่ท่านชื่นชอบ และทำได้ดีมีความขลังอย่างวิเศษ คล้องคอนี่ คุณอุ่นใจได้เลย ครบเครื่องทุกอย่าง ท่านเคยกล่าวกับศิษย์คือ “นายโชน” คนหัวเด่น ฟังว่า "กูจะทำให้ดีเหมือนของเก่าเลย" หลวงพ่อทำพระสรรค์โดยเอาพระสรรค์กรุเก่าผสมลงไปด้วย เเละก็มีทรายเสกของท่าน ทรายเสกของหลวงพ่อกวยนี้ กันอาถรรพ์ได้ดีมาก ทั้งคุณผีคุณคน เเละยังดีทางกำบังคงกระพันอีกด้วย พระสรรค์ของหลวงพ่อกวย จึงมีพุทธคุณดี เเละมีประสบการณ์สูงมาก ทั้งคงกระพันกันคุณไสย เเละภูตผีปีศาจ

เครื่องราง "ดอกธาตุ" หรือบ้างก็เรียก "ดอกพิกุล" เนื้อดินเผา กรุกำแพงเพชร ดอกพิกุลเป็นดอกไม้มงคลของไทย เชื่อว่าเป็นเสน่ห์ โชคลาภ อุดมสมบรูณ์ คนโบราณนิยมทำดอกไม้เนื้อดินเผาไว้บรรจุตามกรุต่าง ๆ เมื่อมีการบรรจุพระเสร็จก็นำดอกพิกุลโรยไว้ก่อนที่จะปิดกรุ เชื่อกันว่าเป็นพุทธบูชา ดอกพิกุล กำแพงเพชร สำหรับความหมายของ ดอกพิกุล ก็คือ ความอุดมสมบูรณ์ ในสมัยก่อน เจ้านายชั้นสูง เมื่อประกอบพิธีมงคลใดๆ เสร็จแล้ว พราหมณ์ราชครูจะถวาย ดอกพิกุล เพื่อให้เจ้านายชั้นสูง โปรยให้แก่บรรดาข้าราชบริพาร เพื่อให้นำกลับไปสักการบูชาเป็นสิริมงคล และที่สำคัญ คือ ดอกพิกุล มีกลิ่นหอมเย็น และหอมยาวนานเป็นพิเศษอีกด้วย เชื่อกันว่าการนำเอาดอกพิกุลใส่ไว้ในตู้เซฟ หรือกระป๋องสตางค์สำหรับทอนเงิน จะทำให้เงินทองเพิ่มพูนเร็ว มีผลกำไรมากขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ ดอกพิกุล นี้พบตามกรุ ต่างๆ ในจังหวัดกำแพงเพชร เช่นเดียวกับ กรุพระสกุลลำพูน ที่มีการพบ ดอกธาตุ เก้ากลุ่ม ร่วมกับการพบพระพิมพ์ตามกรุต่างๆ เชื่อกันว่า เป็นการสร้างไว้เพื่อบูชาพระที่บรรจุกรุเอาไว้นั่นเอง

"เหรียญกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ รุ่นบังตัวพระเจ้าอยู่หัว " วัดปากน้ำชุมพร ปี ๒๕๑๕ เนื้อทองแดงรมดำ จัดสร้างโดยกรมทหารเรือ หลวงพ่อสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย เทพเจ้าชุมพร ปลุกเสก ด้านหลังกงจักรเดียว หรือ พิมพ์หลังสมอ ๑ จักร หรือพิมพ์ ๑ ใบหู มีคำว่าบังตัวพระเจ้าอยู่หัว เหรียญดีมีประสบการณ์ ลูกทัพเรือ ลูกนาวี ลูกประดู่ไม่ควรพลาด บูชาแล้ว จะได้สิ่งดีๆมาตลอด ที่ได้สักการะท่าน โดยเฉพาะเหล่าทหารเรือที่เคารพเสด็จเตี่ยอยู่แล้ว ยิ่งเนื้อทองแดงด้วยแล้ว นานๆ จึงจะเห็น หายากน่าเก็บน่าใช้

“กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์” บิดาแห่งราชนาวีไทย พระองค์ทรงสนพระทัยในไสยเวทย์วิทยาคมมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์เนื่องจากพระองค์ทรงนำ “พระกรุวังหน้า” มาทรงทดลองยิงด้วยพระแสงปืนแต่ผลปรากฏว่า “ยิงไม่ออก” จึงทำให้พระองค์ทรงสนพระทัยตั้งแต่นั้นเรื่อยมา โดยพระองค์ทรงมีพระ อาจารย์ทางไสยเวทย์ที่สำคัญและสนิทมาก ๔ รูป คือ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ,หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก, หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ และหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ฯ โดยเฉพาะหลวงปู่ศุขนั้น ท่านเคยสร้างพระปิดตาเนื้อผงคลุกรักพิมพ์จิ๋ว ถวายแด่เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ เพื่อแจกเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ เนื่องในวันไหว้ครูประจำปี ณ วังนางเลิ้ง ซึ่งวงการพระเครื่องฯ ในปัจจุบันเรียกว่า “พระปิดตาพิมพ์กรมหลวงชุมพรฯ”

เหรียญกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (รุ่นบังตัวพระเจ้าอยู่หัว) วัดปากน้ำชุมพร จ. ชุมพร จัดสร้างเมื่อปีพ.ศ. 2515 โดยกรมทหารเรือ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคใต้ร่วมปลุกเสกหลายรูปด้วยกัน หนึ่งในจำนวนนั้น คือ หลวงพ่อสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ชุมพร ด้านหน้าเป็นพระรูปของเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ประทับยืน ด้านหลังเหรียญเป็นรูปมงกุฎสมอและกงจักร ที่ด้านล่างมีคำว่า “บังตัวพระเจ้าอยู่หัว” เหรียญรุ่นนี้ถือว่าเป็นเหรียญดีมีประสบการณ์ โดยเฉพาะเหล่าทหารเรือที่เคารพเสด็จในกรมจะทราบกันดี

หลวงปู่สงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ผู้อธิษฐานจิตปลุกเสกเหรียญกรมหลวงชุมพรรุ่นนี้ ท่านเป็นพระคณาจารย์ที่เชี่ยวชาญเรื่องสมถะวิปัสสนา หลวงปู่ท่านเปี่ยม ด้วยความเมตตากรุณา ไม่เลือกชั้นวรรณะ ถ้าแม้บุคคลใด ไปขอพรจากท่านแล้ว จะได้รับความสมหวัง ด้วยทุกคนเชื่อว่า ท่านหลวงปู่สงฆ์ มีวาจาศักดิ์สิทธิ์เมื่อผนวกกับบารมีของเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ยิ่งทำให้วัตถุมงคลรุ่นนี้น่าเช่าบูชา ทั้งประสบการณ์ด้านแคล้วคลาด อันตรายต่าง ๆ เป็นเลิศ ราคาเช่าหายังไม่สูงมาก หากเปรียบเทียบกับเหรียญเสด็จในกรมฯรุ่นแรก ปี พ.ศ. 2466 ที่เช่าหาอยู่ที่หลักหลาย ๆ แสนจนถึงล้าน เหรียญรุ่นนี้อนาคตมีโอกาสที่ราคาเช่าจะไปไกลกว่านี้แน่นอน

เหรียญกรมหลวงชุมพร “รุ่นบังตัวพระเจ้าอยู่หัว” ปี 2515 พิธีใหญ่ ที่มีหลวงพ่อสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จ.ชุมพร และพระเกจิอาจารย์สายใต้ปลุกเสก จัดสร้างโดยกรมทหารเรือนั้น เท่าที่ทราบข้อมูลการจัดสร้าง

1. ระนอง (เหรียญกลม กรมหลวงชุมพร พิมพ์ หลัง มงกุฎ สมอ 3 จักร หรือพิมพ์ 2 ใบหู...ไม่มีคำว่าบังตัวพระเจ้าอยู่หัว)....ปี 250 กว่า

2.ชุมพร (เหรียญกลม กรมหลวงชุมพร พิมพ์ หลัง สมอ 1 จักร หรือพิมพ์ 1 ใบหู...มีคำว่าบังตัวพระเจ้าอยู่หัว) วัดปากน้ำ ชุมพร ปี 2515 เนื้อทองแดงหายากสุด

3.ระนอง...ชุมพร (เหรียญห้าเหลี่ยม กรมหลวงชุมพร พิมพ์ หลัง มงกุฏ สมอ 1 จักร .มีคำว่าบังตัวพระเจ้าอยู่หัว) ปี 250 กว่า และ ปี 2515

4. สงขลา (เหรียญกลม หลวงปู่ทวด พิมพ์ หลัง 1 จักร ..มีคำว่าบังตัวพระเจ้าอยู่หัว) วัดพังเถี๊ยะ ปี 2506

5. ....... (เหรียญกลม กรมหลวงชุมพร พิมพ์ หลัง สมอ 3 จักร ( 1 จักรใหญ่ 2 จักรเล็ก มีคำว่าบังตัวพระเจ้าอยู่หัว)....ปี 251 กว่า

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199