ใคร่อยากหาผู้รู้ให้ความกระจ่าง

สวัสดีคับเพื่อนทุกท่าน
ผมเองเป็นคนกรุงเทพฯโดยกำเนิด ในวัยเด็กก็ซุกซนไปตามประสาเด็ก พอเข้าสู่วัยทำงานก็ไม่ค่อยได้เกี่ยงข้องกับทางธรรมเท่าไร จนกระทั่งวันหนึ่งผมได้รู้จักชายคนหนึ่ง มันอาจเป็นการกำหนดโดยพรหมลิขิตกระมั่ง ชายคนนี้ได้ทำให้ผมเข้าใจในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และถือปฏิบัติทางพุทธศาสนามาตลอด แม้ในยามที่ผมลำบากผมก็ถือปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นการใส่บาตร ทำบุญ นั่งสมาธิ และกระทั่งไม่นานมานี้ขณะที่ผมนั่งสมาธินั้น ผมได้ยินเสียงหายใจอยู่ข้างๆ ในตอนแรกคิดว่าอุปทานไปหรือป่าว หรือหูแว่วไป แต่ในอีกทางผมคงคิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผมนับถือท่านคงมาช่วยสอนผมกำหนดลมหายใจกระมั่ง แต่ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผมมีข้อสงสัยที่ไม่อาจหาคำตอบด้วยตนเอง จึงต้องการผู้รู้ที่ให้ความกระจ่างได้ จึงได้มารบกวนเพื่อนๆที่พอรู้ได้ตอบให้ผมเข้าใจ
ต้องขอขอบคุณนะคับ

 

มีหลายกรณีนะครับ กรณีที่เป็นเรื่องที่พิเศษนั้น คุณต้องรู้ด้วยตัวเอง

แต่ตอนนี้ผมแค่คนนอก ก็ต้องแนะนำแบบคนนอก

ในร่างกายภายในเรานั้น จะมีส่วนเว้า ส่วนโค้งของอวัยวะภายใน
อยากตรงช่องจมูก จะมีโพลงไซนัส หากโพลงนี้ไม่มีน้ำเมือก
อยู่ มันจะเป็นโพลงคล้ายๆ กระเปาะนกหวีด ดังนั้น อาจทำให้
เกิดเสียง แรกสั่นสะเทือน ความแน่น ความเบาโปร่งๆ เย็นๆ แบบ
ที่ไม่เคยรู้สึกในสภาวะปรกติ ที่มีน้ำเมือกเต็มอยู่

 

ขอบคุณคับ สำหรับข้อแนะนำ แต่ลืมบอกไป แม้กระทั่งผมออกสมาธิแล้ว ยังได้ยินเสียงอยู่คับ
ขอความกระจ่างอีกคับ ขอบคุณคับ

 

ขอขี่มาเลียบเมืองอีกหน่อยนะ

มีอีกกรณี ที่ใช้ชีวิตประจำวันแล้ว หูยังได้ยินเสียภายใน จะเป็นกรณี
ช่องหูมันมีอะไรมาปิด ลองสังเกตตอนสระผม แล้วแชมพูมันมาปิดหู ตอน
นั้นเสียงอะไรในกายได้ยินหมด

แต่อันนี้ตรวจง่ายๆ เราลองเอาหูฟังเสียงอะไรข้างนอกกายเรา ดูสิว่า
มันได้ยินถนัดไหม สองข้างเหมือนกันไหม

บางทีมันอุดตันเพราะเยื่อหูมันลอก

และ อีกกรณีคือความดัน ความดันนี้จะเกิดจากความเคร่งเครียด
เส้นเลือดมันจะพองตัว หากเป็นคนที่มีเส้นเลือดในหูชั้นในเปราะบาง
มันจะโป่งง่ายเวลาเครียด พอมันโป่งแล้วก็มีเสียงวิ้งๆ ดังกว่าปรกติ
หน่อย พอแก้วหูมันตึงสั่นสะเทือนตามคลื่นเสียงไม่ได้ เราก็จะมา
ได้ยินเสียงในกายเป็นหลัก

กรณีหลังนี่ ก็ตรวได้อีก หากกรรมฐานที่ทำมีความเคร่งเครียด จะเป็น
บางสำนักที่มีอุบาย บริกรรมเร็วๆ หรือ กัดฟัน เอาลิ้นดุนเพดานปาก ฯลฯ
กรรมฐานเหล่านี้จะทำให้เกิดความดัน ก็ต้องดูเป็นรายๆไป อาจจะไม่
เหมาะกับสภาพร่างกายของเรา

ก็ต้องหาแนวอื่น

 

โว้วๆๆ...ตอบได้กระจ่างแท้ อิงวิทยาศาสต์การแำพทย์เสียด้วย
นี่ถ้าบวชเข้าป่ามีคุณนิวรณ์ร่วมไปด้วยจะดีนักแล..

เคยเห็นเหมือนกัน การบริกรรมเร็วๆ มันเป็นการข่มจิตเด้อ..ระวังไว้ด้วย
จากนั้นมันก็จะกระตุก ร่างกายจะกระตุกเนื่องจากกายกับจิตต้องสัมพันกัน
เมื่อมันโดนกักโดนข่มไว้มากๆ จึงแสดงออกมาทางกาย
บ้างก็ชักกระตก บ้างก็เต้นแร้งเต้นกา..เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องนัก หรือ อาจจะกล่าวได้ว่าไม่ถูกเลย

แต่รอเจ้าของกระทู้มาตอบเองดีกว่าว่าปฏิบัติแนวไหน

 

จิตสงบก็ได้ยินเสียงเข็มนาฬิกา เสียงบินของแมลง เสียงหนูยามค่ำคืน ไม่ต้องไปสนใจอะไรหรอกครับ หากสงสัยว่าเป็นครูอาจารย์หรือเปล่าก็ลองตั้งคำถามเกี่ยวกับหลักธรรมดูครับ เช่น ไม่เข้าใจเรื่องนิวรณ์ ขอให้จิตรับรู้ถึงนิวรณ์ในทุกขณะจิตด้วยเถอด

 

ขอตอบเจ้าของกระทู้ดังนี้ครับ

"เสียงหนอ...ก็เป็นเพียงแค่เสียง คือ รูปขันธ์ อย่างหนึ่งเท่านั้น...ได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยินเถิด...อย่าปรุงแต่งใจต่อไปเลย...ความอยากรู้นี้เป็นตัณหา...ความสงสัยเป็นวิจิกิจฉา...นำพาจิตใจให้พลาดจากสมาธิตั่งมั่นได้"

ที่ตอบไปอาจจะไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่คุณต้องการเท่าไร แต่เห็นว่าเป็นคำตอบที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ด้านการปฏิบัติกับคุณ เป็นสิ่งที่คุณควรจะทำ ดังนั้นขอให้พิจารณาดูนะครับ

 

ดีครับ

ดีครับที่ถาม ผมอยากให้พยายามต่อนะครับตอนนี้เปิดประตูเข้ามาได้แล้วหากมีข้อสงสัยขอให้ทำต่อจนจิตก้าวหน้ามากกว่านี้จะรู้เองแต่อย่าติดอยุ่ตรงนี้เพราะจะทำให้ไม่ก้าวหน้า ง่ายที่สุดนะครับการกรรมฐานต้องมีครูโดยหาสถานที่ ๆ เรารู้จักกันมากก็หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน หรือพระป่าสายกรรมฐานอีกหลายคน เท่าที่เล่ามายังไม่ชัดมากจึงตอบยากแต่ หากเป็ฯจริงก็ถือว่าเป็นเทวดาที่เคยมีบุญสัมพันกันมาแต่ชาติก่อนอยากช่วย แต่ถ้าไม่จริงผมตอบได้ว่าเป็ฯนิมิตที่เกิดจากสมาธิ ซึ่งหากติดอยู่ตรงนี้จะไม่ก้าวหน้า แต่ถ้าคุณตั้งใจต่อไปจนก้าวไปได้จะทราบด้วยตัวเองว่านั่นคืออะไร แต่ระวังจิตจะหลอกตัวเองนะครับดีที่สุดควรมีครูที่แนะนำเราครับ :z10

 

ขอขอบคุณทุกท่านที่มาตอบกระทู้ให้ความกระจ่างด้วยคับ
ปัจจุบันผมใช้วีธีกำหนดลมหายใจแบบพุทโธครับ จริงอย่างที่เพื่อนๆแนะนำมาคับ เราไม่ควรยึดติดอยู่กับสิ่งที่เห็นหรือได้ยิน มันจะทำให้เราไม่ก้าวข้ามพ้นได้
อย่างอาทิตย์ที่ผ่านมา มีเพื่อนแนะนำให้ผมไปหา ลพ ถาวร ที่วัดปทุมแถว
สยามอะคับ ถ้าเพื่อนๆคนไหนรู้จักที่ไหนแนะนำด้วยนะคับ
สุดท้ายขออนุโมทนากับขอแนะนำนะคับ....ขอบคุณอีกครั้งคับ

 

แจ่มเลยครับ แค่ยึดติดก็พาพลาดได้ เราแค่อาศัยระลึกพอ มีก็แค่ระลึกรู้ หยุดที่รู้ แล้วไม่เอามาจับ มาตรึก มันก็ผ่านไปอย่างไม่หนักใจ

อะไรที่ทำแล้ว หนักใจ ต้องเอาใจไปถือ มันจะมีน้ำหนัก

น้ำหนักนั้น หากจักษุธรรมจะเห็นมันปรากฏที่กลางอก บางที่ก็เป็นเมล็ด
แค่เท่าเมล็ดพันธ์ผักกาด(เท่าๆสปอร์) มันไหวที่กลางอกหนักขึ้นมา
นำหนักมันน้อยนิด แต่พระท่านว่า แค่นั้นก็ผิดแล้ว

แรกๆจะเห็นมันแบบ จุดอกนะครับ

พอนานๆ ไปมันจะหดเล็กลง จนเท่าเมล็ดพันธ์ผักกาด

เห็นแล้วไม่ต้องไปทำให้มันหายนะครับ ก็อย่างว่า เราเอามาอาศัยเพื่อ
การระลึกเห็นเท่านั้น

* * * *

แค่อยากปฏิบัติก็ผิดแล้ว ( เอามาอาศัยระลึกซะ ผลิดวิกฤติเป็นโอกาส )
หากสมควรปฏิบัติก็ต้องทำไปก่อน ( ทำตามเหตุ ผลเท่าที่ปรากฏและเห็นไปก่อน )