โอคิคุนิงโย ตุ๊กตาผีญี่ปุ่น

เห็นเพื่อนๆโพสต์เรื่องตุ๊กตาผีพูดถึงโอคิคุนิงโย ตุ๊กตาญี่ปุ่นที่ผมยาวได้ เจอเจ้าตัวนี้ว่างๆก็เข้าไปเก็บเรืองราวมาฝากจ้า
ณ ซัปโปโรเกาะฮอกไกโดในปี1918 บางที่บอก1919 มีพี่ชายคนหนึ่งซื้อตุ๊กตาฝากน้องสาวของเขา โอคิคุเด็กหญิงอายุ2ขวบกำลังจะได้ตุ๊กตาตัวใหม่จากพี่ชายของเธอ มันเป็นตุ๊กตาเด็กผู้หญิงใส่กิโมโนผมยาวสีดำหน้าตาน่ารักน่าเสียดายว่าหนูน้อยโอคิคุเล่นกับตุ๊กตาได้ไม่นาน ไม่กี่เดือนต่อมาจู่ๆหนูน้อยโอคิคุก็เสียชีวิตลง ครอบครัวของหนูน้อยโอคิคุเสียใจมาก พวกเขาเอาตุ๊กตาของหนูน้อยเปรียบเหมือนตัวแทนของเธอ พวกเขานำตุ๊กตามาตั้งบนแท่นบูชาแล้วสวดอธิษฐานถึงหนูน้อยโอคิคุ ต่อมาครอบครัวหนูน้อยก็พบว่า ผมของตุ๊กตาโอคิคุยาวขึ้น จากนั้นในปี1938ครอบครัวโอคิคุก็เอาตุ๊กตาตัวนี้ไปไว้ที่วัดแห่งหนึ่งในเมืองนั้น คนญี่ปุ่นไม่ทิ้งตุ๊กตา ตุ๊กตาที่ไม่เอาแล้วจะพวกเขาจะเอาไปวางไว้ที่วัด วัดบางแห่งจึงเต็มไปด้วยกองตุ๊กตาหลายร้อยตัว
หลายคนเชื่อว่า วิญญาณหนูน้อยโอคิคุสิงในตุ๊กตา ผมโอคิคุยาวขึ้นเหมือนผมมนุษย์จนต้องตัดกันปีละครั้งในเทศกาลสำคัญ ตุ๊กตาตัวนี้จึงชื่อว่า โอคิคุนิงโย พอเรื่องราวของโอคิคุนิงโยแพร่ออกไป มีผู้เชี่ยวชาญนำตัวอย่างผมตุ๊กตาไปเข้าแล็บก็พบว่า ผมตุ๊กตาโอคิคุนิงโยทำจากเส้นผมมนุษย์!! 20ปีต่อมา มีคนตั้งข้อสังเกตว่าใบหน้าของตุ๊กตาโอคิคุนิงโยเปลี่ยนไป เธอยิ้มได้??
ลงรูปไม่ได้ค่ะ ใครสนใจไปหารูปดูกัน ตุ๊กตาน่ารักดี ไม่มีคำบอกเล่าว่า ขณะที่หนูน้อยโอคิคุยังมีชีวิตอยู่ ผมของตุ๊กตายาวขึ้นรึปล่าวนะ สิ่งของที่เจ้าของผูกพันกับมันหากจิตไม่ปล่อยวางก็จะผูกพันกับมันแม้ตายไปแล้ว ทุกข์ซ้ำทุกข์ซากอยู่อย่างนั้น

 

น่ากลัวมากเบย แต่เค้าพาตุ๊กตาไปไว้วัดทำไม ในเมื่อตัวเค้าเองมิช่ายหรอ
ที่เปนคนทำให้วิญญาณผูกติดกะตุ๊กตา เล่นเอาไปไว้บนแท่นบูชา อธิษฐาน อย่างนั้น
แร้วพอวิญญาณเค้าแสดงให้รุ้ว่าเค้ามีจริง ไม่ได้ไปไหน ยังอยุ่กะตุ๊กตา
ก็เลยดันเอาเค้าไปไว้วัด ทั้งๆที่ตอนแรกเรียกร้องเองนี่นา
มนุษย์นี้ก็แปลกมากมาย บ่เข้าใจเรย
แต่ต้องขอบคุณเจ้าของกระทู้มากเลยนะคะ
ที่เอาเรื่องราวน่าสนใจที่อ้อนไม่เคยรุ้มาก่อน
มาเล่าให้ฟัง ขอบคุณมากเลยค่า ชอบๆ

 

เคยอ่านเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ จากที่ไหนไม่รู้ หลอนดี จริง ๆ โดยส่วนตัว ตุ๊กตาญี่ปุ่นแนว ๆ นี้น่ากลัวทุกตัว บรื๋อวว...

ปล. จริง ๆ มันอ่านแบบใกล้เคียงได้ว่า โอคิคุนิงเงียว นะคะ ningyo แปลว่า ตุ๊กตา ไม่ได้ทราบภาษาญี่ปุ่นอะไรมาก แต่ได้ดูได้ฟังบ่อยถึงบ่อยจนถึงมากที่สุดเลยมาบอกกล่าว ยังไงก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

 

ไม่แน่ใจค่ะอ่านยังไง อาจอ่านว่า โอคิคุนิงเงียวก็ได้ นึกถึงkyoอ่านว่าเกียว ใครรู้ภาษาญี่ปุ่นมาเฉลยหน่อย ningyo แปลว่า ตุ๊กตาค่ะ

 

ปี1938 ครอบครัวหนูน้อยโอคิคุจะย้ายไปค่ะ พวกเขาจึงตัดสินใจเอาตุ๊กตาโอคิคุไว้ที่วัด ที่ญี่ปุ่นไม่ถือว่าการเอาตุ๊กตาไว้วัดเป็นการทิ้งตุ๊กตาอย่างไร้ค่า เชื่อกันว่าตุ๊กตาจะได้อยู่อย่างสงบและปลอดภัย บางคนยังกลับไปเยี่ยมตุ๊กตาของตัวเอง

 

เึคยได้ยินคนญี่ปุ่นเค้าออกเสียงว่า นิงโย๊ะ...คือเค้าสือสารกับเราโดยพูดภาษาอังกฤษติดสำเนียงญี่ปุ่น
เจ้าของเวบไซด์ http://www.zen-shop.net/top.html ที่ทำตุ๊กตา Hina-Ningyo งานระดับช่างฝีมือ
ผมได้ลองสอบถามเกี่ยวกับความเป็นมาของตุ๊กตา Okiku Ningyo กับคุณ Takashi เค้าตอบกับมาว่า...
...มันเรื่องราวของพี่ชายคนหนึ่งที่ได้มอบของแทนตัวไว้ให้น้องสาว ก่อนที่ตนเองจะต้องออกไปรบในสงคราม ระหว่างนั้น โอคิกุ ก้อได้เสียชีวิตลง และได้มอบตุ๊กตาให้กับวัดดังกล่าวเก็บไว้เพื่อระลึกถึงเธอ ผ่านมาหลายสิบปีมีคนไปเจอเข้า และได้เจอเรื่องแปลกๆ ไม่ใช่เรื่องไม่ดีนะ แต่เป็นเรื่องของเสียงเด็กหัวเราะเหมือนเล่นสนุก แต่ไม่มีอะไรน่าแปลกใจไปมากกว่าผมของตุํกตาตัวนี้ มันยาวออกมาเรื่อยๆๆ จนต้องตัดกันทุกปีๆล่ะครั้ง ตั้งแต่นั้นมาจนทุกวันนี้

Okiku Ningyo




เส้นผมตุ๊กตาตัวนี้ ใช้ผมจากคนจริงๆมาทำ ซึ่งบัจจุบันนี้ใช้เสันไหมแท้ๆ มาทำแทนเส้นผมคน

 

เรื่องนี้ทำให้นึกถึงรายการตามล่าหาความจริงเรื่องลี้ลับอย่างDestination Truth มีตอนนึงไปถ่ายรายการที่แม็กซิโกพิสูจน์ที่ร้างอาถรรพ์แห่งหนึ่งที่ชาวแม็กซิโกเอาตุ๊กตามาทิ้งเป็นพันๆตัว ตอนแรกไม่มีอะไร พอตุ๊กตาเยอะขึ้น บางคนก็แขวนตุ๊กตาบนกิ่งไม้ กลายเป็นเมืองตุ๊กตาเก่าน่ากลัว ชาวบ้านที่ผ่านแถวนั้นมักได้ยินเสียงคนคุยกัน เสียงเด็กหัวเราะ เหมือนตรงนั้นมีคนอยู่ ที่ร้างตรงนั้นจะเป็นทุ่งหญ้ามีต้นไม้ที่แขวนตุ๊กตามากมาย มีบ้านร้างหนึ่งหลังที่หลายคนก็ทิ้งตุ๊กตาไว้ในนั้น บรรยากาศดูสยองวังเวง เดินไปไหนจะรู้สึกเหมือนตุ๊กตาพวกนั้นกำลังจ้องแขกที่มาเยือน ไฮไลท์เทปวันนั้นอยู่ที่ตอนจอร์จพิธีกรหลักเจ้าของรายการเข้าไปสำรวจในบ้านพร้อมกับพิธีกรอีกคน ขณะที่จอร์จสำรวจเสร็จทำท่าจะหันหลังออกไป ตากล้องที่เดินตามอยู่กับพิธีกรก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นตุ๊กตาเด็กผู้หญิงตัวนึงในชุดกระโปรง...มันหันหัวไปมองจอร์จ เห็นกันชัดๆเลยค่ะ เพราะกล้องเดินอยู่หลังพิธีกรอีกคนเลยจับภาพได้พอดี จอร์จกับพิธีกรอีกคนกลับมาสำรวจตุ๊กตาก็ยังงงว่าตุ๊กตามันหันเองได้ไง?? ตอนดูจากทีวีทางบ้านจะน่าพิศวงมาก ตุ๊กตาตัวนั้นไม่ด้หันขวับทันทีค่ะ แต่ค่อยๆหันไปมองจอร์จเหมือนมันมีชีวิต

 

ตัวนี้ล่ะค่ะ เปลี่ยนผมคนจริงๆมาเป็นไหมก็ดีค่ะจะได้น่ากลัวน้อยลง ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูล

 

อ่อ ขอบคุณมากเลยค่าที่ช่วยชี้แจ้ง อ้อนนึกว่าเค้าเอาไปไว้เพราะกลัว
55555 ขอโทดจริงๆค่า เข้าใจผิดไปเอง อายจังงง ^__________^"

 

ย้อนหลังไปประมาณเกือบสิบปีก่อน....ผมบังเอิญได้มีโอกาสร่วมงานกับบริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง(ขออนุญาตสงวนนาม)ซึ่งเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านเส้นผม และได้มีโอกาสทำงานกับหัวหน้าทีม R&D จึงได้รับการบอกเล่าเรื่องราวแปลกๆของตุ๊กตาตัวนี้จากท่านพร้อมคนที่อยู่ในเหตุการณ์

หัวหน้าทีม R&D เล่าว่า ตัวท่านบังเอิญมาเกี่ยวข้องกับตุ๊กตาตัวนี้เพราะว่า มีรายการ TV ที่นั่นมาติดต่อขอให้ท่านช่วยนำชิ้นส่วนเส้นผมของตุ๊กตาตัวนี้มาตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ในห้อง Lab

วันแรกที่ได้แบ่งเอาเส้นผมตุ๊กตากลับมาทดสอบโดยเข้ากล้องจุลทรรศน์อิเล็คตรอนกำลังขยายสูงเพื่อตรวจดูว่าเป็นเส้นผมมนุษย์หรือเส้นใยสังเคราะห์กันแน่ และทำไมเส้นผมถึงยาวขึ้นเองได้.... ผลปรากฎ คือ ไม่มีเจ้าหน้าที่ใน Lab ท่านใดยอมทำหน้าที่ทดสอบให้เพราะพวกเขาไม่มีใครกล้ายุ่งครับ

สุดท้าย มีเจ้าหน้าที่สาวอยู่ท่านหนึ่งขันอาสาทำหน้าที่ทดสอบเพราะเห็นว่าไม่มีใครยอมทำ (มีน้ำใจสุดๆ) แล้วเรื่องที่น่าแปลกก็ได้เกิดขึ้น...

เมื่อเธอเอาชิ้นส่วนเส้นผมตุ๊กตาบรรจุเข้าในกล้องจุลทรรศน์ฯ จู่ๆระบบไฟฟ้าของกล้องฯก็ดับ เธอเล่าให้ผมฟังว่ากำลังจะเรียกช่างเครื่องมาแก้ไขแต่ใจเธออยากทดสอบอะไรบางอย่างโดยการขยับเอาเส้นผมของตุ๊กตาออกจากกล้อง...ผลปรากฎว่าระบบไฟฟ้าของกล้องกลับมาทำงานได้

เธอยังสงสัยจึงเลื่อนเส้นผมตุ๊กตาฯกลับเข้าไปในกล้องอีกรอบ ปรากฎว่าระบบไฟฟ้าของกล้องก็ดับอีกรอบ....เธอเล่าว่าเป็นแบบนี้ อยู่สามสี่รอบ แล้วก็หายไป จึงสามารถทดสอบได้ตามปกติ แต่เรื่องยังไม่จบก็เพราะว่า

หัวหน้าทีม R&D จู่ๆก็เกิดอาการปวดหลังอย่างรุนแรงจนแทบเดินไม่ได้ ท่านเข้าไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล แพทย์ก็ไม่พบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร แบบว่าทำครบทุกการวินิจฉัยก็ยังไม่พบว่าอะไรที่เป็นต้นเหตุ ท่านเล่าว่าเป็นช่วงชีวิตที่ลำบากมากแบบกระทันหัน ต้องทำกายภาพบำบัดแบบงงๆกับชีวิต

จนสุดท้ายลูกทีม R&D ตกลงกันว่าควรนำเส้นผมตุ๊กตานี้กลับคืนไปน่าจะดีที่สุด ไม่ต้องทดสอบอะไรกันอีกแล้ว เพราะทุกคนต่างกลัวว่าจะเกิดเหตุแปลกๆกับตนเอง ซึ่งหัวหน้าทีม R&D ก็เห็นด้วย(เป็นผมก็เห็นด้วยละครับงานนี้) และเมื่อนำเส้นผมตุ๊กตากลับคืนไปแล้ว อาการปวดหลังของท่านก็ค่อยๆทุเลาจนเป็นปกติเล่นเอาแพทย์ที่รักษางงไปตามระเบียบเช่นเคยครับ


ส่วนตัวก็ไม่แน่ใจว่าจะจริงเท็จแค่ไหนนะครับเพราะเป็นแค่คำบอกเล่ามา แต่ผมได้ลองทดสอบตอนที่ไปทำงานที่นั่นโดยเอาเรื่องตุ๊กตานี้มาพูดในวงสนทนาพักเบรกน้ำชาช่วงบ่าย... ผลปรากฎว่า พอแค่ผมเอ่ยชื่อตุ๊กตาตัวนี้ ทุกคนในวงก็แตกหือแยกย้ายกันกลับไปทำงานแบบรวดเร็วประมาณว่ามีงานด่วนขึ้นมากระทันหันซะงั้นจนผมงงว่าอะไรจะขนาดนั้น

ก็เป็นเหตุการณ์บังเอิญแบบแปลกๆ ของหัวหน้าทีม R&D ซึ่งอาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวข้องกับตุ๊กตานี้หรือไม่ก็ได้ครับโปรดใช้วิจารณญาณประกอบการรับฟังครับ และเนื้อเรื่องอาจมีตกหล่นบ้างเพราะเวลาก็ล่วงเลยมานานต้องขออภัยด้วยครับ

 

โอคิคุนิงเงียว คนไทยควรออกเสียงแบบนี้ แล้วคนญี่ปุ่นจะฟังรู้เรื่อง