แมคโครไบโอติกส์ : อาหารเพื่อความสมดุลของชีวิต

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย combatgirl, 18 เมษายน 2008.

  1. combatgirl

    combatgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +121
    <DD>แม็คโครไบโอติกส์ (Macrobiotics)<DD> </DD>​

    <DD>โดย : กองการแพทย์ทางเลือก<DD>

    <DD>

    <DD>คำว่า แม็คโครไบโอติกส์ มาจากคำว่า "แม็คโคร" ในภาษากรีก ซึ่งแปลว่า "ใหญ่หรือยิ่งใหญ่" ส่วนคำว่า "ไบโอส์ (bios)" หมายถึง "ชีวิต" จอร์จ โอซาวา (1893-1966) เป็นคนแรกที่ใช้คำว่าแม็คโครไบโอติกส์
    ประวัติ


    <DD>ประมาณต้นศตวรรษนี้ นายแพทย์ญี่ปุ่นคนหนึ่งชื่อ ซาเกน อิซิซูกะ ได้สร้างทฤษฎีโภชนาการและยาขึ้น โดยอาศัยพื้นฐานการรับประทานอาหารแบบตะวันออก ประยุกต์เอาศาสตร์ตะวันตกเข้าไว้ด้วย นั่นคือ วิชาเคมี ชีววิทยา ชีวเคมี อายุรศาสตร์ และสรีรวิทยา การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพของท่านเป็นที่นิยมแพร่หลายมาก คนไข้นับร้อยๆ พากันไปคอยอยู่หน้าบ้านของท่านทุกวัน ซึ่งท่านจะบอกรายการอาหารให้สำหรับคนป่วย เมื่อท่านเสียชีวิตลง ขบวนแห่ศพของท่านมีผู้เข้าร่วมยาวเหยียดเป็นระยะทางหลายไมล์เพื่อแสดงความคาราวะท่าน ท่านเกิดมาอ่อนแอ และมีโรคประจำตัวต่างๆ นานา เพื่อที่จะปรับปรุงสุขภาพของท่านได้ศึกษาหนังสือนับพันๆ เล่มจากตะวันตกและตะวันออก ตลอดชั่วชีวิตการศึกษาท่าน ท่านได้เขียนหนังสือไว้สองเล่มซึ่งว่า ทฤษฎีทางเคมีของอายุวัฒนา และวิถีชีวเคมีไปสู่สุขภาพและความสุข ภายหลังจากมรณกรรมของท่าน (เมื่อประมาณ 60 ปีมาแล้ว) ก็ได้มีการสถาปนาสมาคมแม็คโครไบโอติกส์ขึ้นโดยสานุศิษย์ของท่าน แต่เนื่องจากขาดผู้นำที่เข้มแข็ง สมาคมนี้จึงเริ่มเสื่อม ในตอนนั้น จอร์จ โอซาวา มีอายุ 22 ปีหลังจากรอดชีวิตมาได้ด้วยวิธีการรับประทานอาหาร เขาก็เข้าดำเนินงานสมาคมและทำให้กลับเข้าสู่สภาพประสบความสำเร็จอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้น นายโอซาวาก็ได้อุทิศชีวิตของเขาทั้งชีวิตให้กับการสั่งสอนปรัชญาตะวันออกและการประยุกต์ใช้ปรัชญานี้ทั่วทั้งโลก จนกระทั่งเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 74 ปี

    <DD>ปัจจุบันแม็คโครไบโอติกส์เป็นที่ปฏิบัติกันอยู่ในฝรั่งเศส เบลเยี่ยม อังกฤษ อิตาลี เยอรมนี นอร์เวย์ สวีเดน บราซิล อาร์เจนตินา แอฟริกา เวียดนามและอินเดีย ตลอดจนญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา (ชมรมแม็คโครไบโอติกส์ไทยก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ.2531)

    แม็คโครไบโอติกส์คืออะไร


    <DD>- Macrobiotics มาจากรากศัพท์กรีกโบราณ Macro แปลว่า ใหญ่ และ Bio แปลว่า ชีวิต หมายความถึง วิถีการดำเนินชีวิตที่ให้ความเคารพต่อกฎระเบียบทางฟิสิกส์, ชีวะ, อารมณ์, ความคิด, นิเวศน์ และจิตวิญญาณในชีวิตประจำวัน ตระหนักว่าทุกสิ่งล้วนมีลำดับขั้น/ระเบียบตามธรรมชาติ ต้องกินและดำเนินชีวิตตามลำดับขั้น/ระเบียบนั้น นำไปสู่ความสุข, สุขภาพดี, ชีวิตที่เรียบง่ายและเป็นอิสระ (Freedom) ดังนั้น อาหารมิใช่แต่จะให้สิ่งที่หล่อเลี้ยงบำรุงร่างกายเท่านั้น หากยังสร้างสุขภาพและความผาสุขด้วย

    <DD>- แม็คโครไบโอติกส์มีแนวความคิดพื้นฐานมาจากพุทธศาสนานิกายเซน ซึ่งมีลักษณะเป็นแบบ “ธรรมชาตินิยม” โดยกล่าวว่า จักรวาลเป็นกรอบใหญ่ที่สุด ภายในจักรวาลประกอบด้วยส่วนประกอบใหญ่ 2 ส่วน ที่เรียกว่า ยินและหยาง การดำเนินไปของทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล สำหรับมนุษย์แล้วการได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลจะทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

    <DD>- แม็คโครไบโอติกส์ ไม่ใช่ยาหรือวิธีการรับประทานอาหารโดยจำกัดชนิดของอาหารที่รับประทานและก็ไม่ใช่คนรับประทานอาหารแบบแปลกๆ หรือการจำกัดสิ่งที่จะรับประทานเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บตามที่เราโดยส่วนใหญ่จะรู้จักเบื้องต้น แต่การรับประทานอาหารของแม็คโครไบโอติกส์จะเป็นการรับประทานอาหารให้สอดคล้องกับสภาวะของยินและหยางในธรรมชาติที่เปลี่ยนไป ตามกาลเวลาและสถานที่ แม็คโครไบโอติกส์ ซึ่งคงต้องการให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่เหมือนกับโภชนาการสมัยใหม่ แต่จะแตกต่างกันในแหล่งที่มาของอาหาร การได้รับสารอาหารอย่างถูกต้องตามสภาวะทางร่างกายของแต่ละบุคคลจะทำให้ร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเพิ่มความสามารถในการรักษาตัวเองขึ้นได้ <DD>
    ที่มา : http://www.dtam.moph.go.th/
    </DD>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 เมษายน 2008
  2. combatgirl

    combatgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +121
    เคี้ยวอาหารให้ได้คำละ 50 ครั้ง
    หลักสำคัญอย่างหนึ่งของแมคโครไบโอติกส์ก็คือการเคี้ยว ที่หลายคนอาจมองข้าม ไม่เห็นความสำคัญ แต่การเคี้ยวให้ได้ 50-100 ครั้ง/ 1 คำนั้นมีประโยชน์มากกว่าที่เราคิด
    1. ทำให้อาหารแตกเป็นชิ้นเล็ก กระตุ้นให้หลั่งเอนไซม์ช่วยย่อยในปาก
    2. กระตุ้นระบบย่อยอาหาร
    3. ทำให้มีการผลิตน้ำลานเพิ่มขึ้น ปากชุ่มชื้น ไม่กระหายน้ำบ่อย
    4. เพิ่มรสชาติอาหาร (เช่น ถ้าเคี้ยวข้าวนานๆ จะหวาน)
    5. คัดแยกสิ่งแปลกปลอมได้ดี ก้างจะได้ไม่ขวางคอไงจ๊ะ
    6. ป้องกันการกินมากเกินไป
    7. ป้องกันโรค เช่น โรคกระเพาะ ลำไส้ ริดสีดวงทวาร ท้องร่วง ฯลฯ
    8. ทำให้มีปริมาณน้ำในอาหารที่พอเหมาะ
    9. เหงือกและฟันแข็งแรง
    10.ช่วยให้อ่อนกว่าวัย(ข้อนี้ทำให้มีกำลังใจเคี้ยวมากมาย) เนื่องจากต่อมน้ำลาย parotid จะสร้างสารที่เรียกว่า parotin ซึ่งมีผลกระตุ้น metabolism และทำให้มีการสร้างเซลล์ขึ้นใหม่ในร่างกาย
    11.เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค เนื่องจาก parotin จะกระตุ้นต่อม thymus ให้สร้างเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น

    ถ้าใครยังติดนิสัยกินเร็ว เคี้ยวไม่ละเอียด ให้ใช้วิธีวางช้อนหลังตักอาหารแต่ละคำ
    ไว้คราวหน้า จะมาบอกเคล็ดลับในการกินให้สวย กินให้ร่างกายสมดุลกันต่อ
     
  3. combatgirl

    combatgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +121
    ฟัน บอกภาวะสุขภาพ

    อวัยวะต่างๆของคนเรา มีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน ฟันแต่ละซี่ก็เช่นเดียวกัน มันสามารถบอกได้ว่าอวัยวะภายในมีปัญหาหรือไม่ เพราะฉะนั้น การที่ฟันผุ ไม่ได้จบปัญหาแค่การถอนฟันหรือรักษารากฟัน
    <O:p</O:p
    ฟันแท้ของคนเรามี 32 ซี่ เท่ากับจำนวนกระดูกสันหลัง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบประสาทส่วนกลาง เชื่อมโยงการทำงานกับสมอง ดังนั้นการเคี้ยวอาหารนานๆ คำละ 50 ครั้งขึ้นไป ก็เท่ากับเป็นการกระตุ้นการทำงานของสมองและอวัยวะภายในเช่นเดียวกับการนวดฝ่าเท้าเพื่อสุขภาพ <O:p</O:p
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 เมษายน 2008
  4. kib_jang

    kib_jang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,052
    ค่าพลัง:
    +3,452
    ขอบคุณค่ะ ^^
     
  5. combatgirl

    combatgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +121
    สืบเนื่องจากการเคี้ยว

    ฟัน บอกภาวะสุขภาพ​

    อวัยวะต่างๆของคนเรา มีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน ฟันแต่ละซี่ก็เช่นเดียวกัน มันสามารถบอกได้ว่าอวัยวะภายในมีปัญหาหรือไม่ เพราะฉะนั้น การที่ฟันผุ ไม่ได้จบปัญหาแค่การถอนฟันหรือรักษารากฟัน<O:p</O:p
    ฟันแท้ของคนเรามี 32 ซี่ เท่ากับจำนวนกระดูกสันหลัง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบประสาทส่วนกลาง เชื่อมโยงการทำงานกับสมอง ดังนั้นการเคี้ยวอาหารนานๆ คำละ 50 ครั้งขึ้นไป ก็เท่ากับเป็นการกระตุ้นการทำงานของสมองและอวัยวะภายในเช่นเดียวกับการนวดฝ่าเท้าเพื่อสุขภาพ
    <O:p</O:p
    [​IMG]
    ความสัมพันธ์ระหว่างฟันกับอวัยวะภายใน


    [​IMG]
    motor homunculus
    (ไม่ใช่ homunculus ในเกมออนไลน์นะ เป็นรูปร่างแบบนี้จริงๆ ในสมอง)​
    ที่เปลือกสมองส่วนควบคุมการเคลื่อนไหว มีลักษณะคล้ายร่างกายของคนเราเรียกว่า motor homunculus เป็นเหมือนแผนที่ ในการควบคุมการทำงานของร่างกาย​


    [​IMG]
    เส้นประสาทไขสันหลัง เชื่อมโยงสั่งการอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย​

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. combatgirl

    combatgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +121
    แนวทางการรับประทานอาหารแบบแมคโครไบโอติกส์

    แนวทางการรับประทานอาหารแบบแมคโครไบโอติกส์
    • อาหารต้องไม่ผ่านกระบวนการอุตสาหกรรม หรือผ่านกระบวนการน้อยที่สุด เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ย่อมดีกว่าข้าวขัดขาว​
    • กินอาหารที่มีในท้องถิ่นและฤดูกาล ผลิตแบบธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมีหรือเทคนิคอื่นใด ยกตัวอย่าง ผลไม้นอกฤดูกาล จะต้องใช้ปุ๋ยเคมีในการเพาะปลูก ซึ่งไม่ใช่กระบวนการธรรมชาติ​
    • กินอาหารให้ครบส่วน เช่น ข้าว ก็กินทั้งเมล็ด ไม่ใช่กินเฉพาะปลายข้าว จมูกข้าว, แครอทก็กินทั้งส่วนหัวส่วนปลาย รวมทั้งเปลือกด้วย เพราะแต่ละส่วนมีสารอาหารแตกต่างกัน​
    • กินผัก ผลไม้หลากสี​
    • เน้นความสมดุลของแร่ธาตุ วิตามิน และสารอาหารที่ได้จากธรรมชาติ ลดอาหารเสริมและวิตามินสกัด​
    • ส่วนมากเป็นโปรตีนจากพืช น้อยมากที่เป็นโปรตีนจากสัตว์ แนะนำเนื้อปลาสีขาว สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง (เด็กอาจรับประทานได้มากกว่า) และควรปรุงให้แตกต่างกันไปในแต่ละสัปดาห์​
    • น้ำผลไม้แนะนำให้ดื่มเวลาที่อากาศร้อนจัด แนะนำให้กินผลไม้ครบส่วนมากกว่า​
    • ใช้การหุงต้มเพื่อปรับสมดุลของอาหารตามหลักหยิน-หยาง เสริมสร้างปฏิกิริยาคงที่ของสารในร่างกาย (สมดุลของ โซเดียม-โปแตสเซียม, ความเป็นกรด-ด่างในเลือด)​
     
  7. combatgirl

    combatgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +121
    ผัก จะกินสุกหรือสดดี

    เราทราบว่าการนำผักไปต้มจะสูญเสียวิตามิน แร่ธาตุไปกับน้ำและความร้อน
    • ผักบางชนิด เช่นแครอท กะหล่ำปลี เมื่อสุกแล้วใยอาหารจะอ่อนตัวลง ทำให้เบต้าแคโรทีนดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย จึงควรทำให้สุกโดยใช้วิธีอบในน้ำน้อย การต้ม การนึ่ง (ผักบางชนิดแนะนำให้ต้ม เช่นดอกกะหล่ำ เพื่อลดกลิ่นกำมะถัน)
    • ผักบางชนิดเช่น ผักกาดแก้ว ผักสลัด ก็ควรรับประทานสด
    การทำปรุงอาหารผ่านความร้อนจะช่วยให้ร่างกายมีความสามารถในการแปรเปลี่ยนสารต่างๆ (Transmutation)ได้ดีขึ้น ผลก็คือ ร่างกายเราจะมีความสามารถผลิตวิตามินและเอนไซม์ต่างๆ ตามที่ร่างกายต้องการได้เอง

    สนใจอ่านบทความเพิ่มเติม "หมอแมคโครไบโอติกส์" นพ.โอภาส ภุชิสสะ(หว่านนา)
    www.dtam.moph.go.th/alternative/<WBR>downloads/DR_Macrobiotics.pdf
     
  8. combatgirl

    combatgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +121
    อาหารสูตร 1 ล้างพิษ

     
  9. combatgirl

    combatgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +121
    อาหารสูตร 2 สำหรับผู้มีโรคประจำตัวที่ต้องควบคุมอาหาร


    • ธัญพืช : ข้าวกล้อง (จ้าว) ทุกชนิด เช่น ข้าวกล้องดอย, ข้าวกล้องหอมมะลิ, ข้าวกล้องโอชา, ข้าวฟ่าง (กระเทาะเปลือก), ข้าวบาร์เลย์ (ขัดสีและไม่ขัดสี)
    • ผัก : กะหล่ำปลี, คะน้า , กวางตุ้งฮ่องเต้, กวางตุ้งเขียว, แครอท, หอมหัวใหญ่, แรดิช, ใบผักชีจีน
    • สาหร่ายทะเล : วากาเม, คอมบุ
    • ถั่ว : ถั่วแดงเล็ก, ถั่วไก่ (ถั่วชิคพี หรือโชเล่ย์), ถั่วแลนติส, ถั่วอสุกิ ถั่วแดงเล็กมีฤทธิรักษา
    • เครื่องปรุง : เกลือทะเลไม่ขัดสี, กะปิเจ (หมักจากถั่วเหลืองปลอดการตัดต่อพันธุกรรม), เต้าเจี้ยวเจ, ซีอิ๊ว, บ๊วยดองเกลือทะเล, งาขาวบดกับเกลือทะเล
    • เครื่องดื่ม : ชาบันชา, ชาใบหม่อน, น้ำข้าว
    • ขนม : เค้กข้าวกล้องครีมแครอท หรือครีมถั่ว


    *อีก 3 สูตรที่เหลือจะพิมพ์ให้คราวต่อไปนะคะ เครื่องปรุงต่างๆ หาซื้อได้ที่ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ
    www.lemonfarm.com
     
  10. AddWassana

    AddWassana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11,698
    ค่าพลัง:
    +21,186
    ขอบคุณค่ะ เป็นบทความที่มีสาระดีมาก
    และมีประโบชน์ในการใช้ชีวิตประจำวันค่ะ
     
  11. combatgirl

    combatgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +121
    สูตรที่ 3 เหมาะสำหรับผู้ที่อาการของโรคเริ่มดีขึ้น

     
  12. combatgirl

    combatgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +121
    สูตรที่ 4 สูตรทั่วไป

     
  13. combatgirl

    combatgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +121
    สูตรที่ 5 สำหรับผู้ที่เข้าใจหลักการของแมคโครไบโอติกส์

     
  14. combatgirl

    combatgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +121
    หยิน-หยาง ร้อน-เย็นในภูมิปัญญาไทย

    การกินอาหารแบบแมคโครไบโอติกส์จะเน้นอาหารที่มีในท้องถิ่น และปรับความสมดุลตามหลักหยิน-หยาง ในวัฒนธรรมการกินของแต่ละประเทศ แต่ละพื้นที่ ซึ่งสืบเนื่องกันมาแต่โบราณ มักมีสมดุล เรียบง่ายเข้ากับธรรมชาติ คือความเป็นปกติในการดำรงชีวิตอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น
    • น้ำปลาพริก เป็นเครื่องปรุงหลักในสำรับกับข้าวไทย การที่บรรพบุรุษเราต้องนำพริกขี้หนู หัวหอม มะนาว ใส่ลงไปในน้ำปลา ก็ปรับสมดุลหยินหยางของอาหาร นอกจากนี้ งานวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าน้ำปลาอาจเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร ทางเดินอาหาร และโรคกระดูกผุได้ แต่ถ้าใส่พริกขี้หนู หัวหอม และน้ำมะนาวลงไปในน้ำปลา วิตามินซีและสารโคซีทินในหัวหอม สามารถต้านมะเร็งได้
    • น้ำข้าว (ข้าว 1 ส่วน : น้ำ 12 ส่วน) เครื่องดื่มบำรุงร่างกาย คนไทยรุ่นปู่ย่าตายายไม่มีการดื่มนมวัว นมแพะเป็นอาหารเสริม เพราะไม่มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดใดที่ต้องกินนมตลอดชีวิต ธรรมชาติจะผลิตน้ำนมเลี้ยงตัวอ่อนจนกระทั่งมีน้ำหนักประมาณแรกคลอดของตัวอ่อน (สำหรับคนเราก็จะใช้เวลาประมาณ 1 ปี) เมื่อเปรียบเทียบคุณค่าทางอาหารแล้วพบว่ามีปริมาณแคลเซียมและโฟเลตใกล้เคียงกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...